ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 27 กุมภาพันธ์ 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    คนบางคนอยู่ในสภาพที่น่าจะสุข แต่กลับมีความทุกข์
    คนบางคนอยู่ในสภาพที่น่าจะทุกข์ แต่กลับมีความสุข
    อยู่ที่ว่า คนๆ นั้น จะแบกโลกหรือวางโลกเอาไว้

    คนแบกโลก มักโชคร้าย ตายก่อนเขา
    เพราะมัวเอา ความทุกข์ จากทุกหน
    คนวางโลก มีความสุข ในกมล
    เพราะรู้ตน รู้ปรับใจ อภัยเป็น

    จากหนังสือ ข้อคิด ข้อเขียน................................

    เรื่องบางเรื่อง...... การปล่อยวาง ก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน
     
  2. ขุนพล พลมณี

    ขุนพล พลมณี บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาครับ สภาพไร้การปรุงแต่ง มันไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคืออารมณ์ที่เกิดจากความว่างนั้นเหมือนกันครับ
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ท่านเอกวีร์ สภาวะ นิพพาน นั้นไม่ต้องเข้าต้องออก อยู่ตรงนี้ จิตก็แจ้ง ก็นิพพาน
    ที่ท่านเอกวีร์ยังไม่แจ้ง ก็เป็นเพราะว่า ธรรมนุสติไม่ชัด ไม่เกิด
    มีแต่จิตตานุสติ ทีนี้ พอญาณ หรือ ธรรมเกิด เราจึงไม่เห็น มันเกิด และ ตัว ญาณ นั้น ยังไม่เต็ม


    สำหรับ ท่านขุนพล ไม่ต้องเล่าอะไรให้ผมฟังแล้วแหละครับ ท่านเอาสิ่งที่ผมบอกไป พิจารณา เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อัตตาของท่านในที่นี้ มันจะไม่ลง และ มันจะไม่รับ

    คำว่า ญาณ หรือตัวรู้ที่เกิดขึ้นนี้ คือ ธรรมที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นสภาวะ ใดๆ ย่อมมีธรรมบอกขึ้น แม้เราไม่รู้ว่ามันมีชื่อว่าอะไรแต่เราก็จะรู้ว่า มันเห็นอะไร ที่เป็นธรรม นั่นเรียกว่า ธรรมเกิด ทีนี้ ญาณทั้งหมดที่เกิดขึ้น

    อย่างเช่นการเห็น การเกิดการดับ เรียกว่า อุทัพยญาณ เดินๆ อยู่ จะเห็น สรรพกิเลส และ ขันธ์ ทั้ง 5 เกิด แล้วก็ดับ เกิดแล้วดับ ในทันใด เกิดเดี๋ยวนี้ดับเดี๋ยวนี้ การเห็นเกิดดับ นี้ เห็นชัดแจ้ง จนเต็มภูมิจะเป็น ญาณ หรือ ธรรม ปรากฎกับจิตว่า เรารู้แล้ว ว่า สรรพสิ่ง เกิด ดับ เพราะเห็นแต่เกิดกับดับ ใน ขันธ์ ในกิเลส ในนามธรรม

    ขอรวบย่อนะ ถ้าจะเอารายละเอียด ช่วยส่งเสียง รีเควสด้วย จะได้มาเล่าให้ฟัง ใน ญาณ ทั้งหมด ตั้งแต่ อุทัพยญาณ จนถึง โสดาปัตติมรรคญาณ เลย ญาณอันสูงกว่านี้ี้ไม่เล่า เพราะเล่าไป ก็ไม่มีใครเข้าใจ

    ทีนี้ พอญาณนั้นเกิด เราจะแจ้ง เราจะไม่หลง เห็นว่า สิ่งที่เรารู้ เป็นตัวเป็นตน

    แม้กระทั่ง สมาธิ นี้ ก็ย่อมต้องมีตัวรู้ หรือ ตัวทีมีตัวมีตน ย่อมยังไม่วิมุตติ

    พระพุทธองค์ ปรินิพพาน ในฌาณ 4 หรือ ตอบว่า ไม่ใช่นะ

    ตัวสัมมาสมาธิ นี้ ผมยังไม่อยากจะอธิบาย

    เอาเป็นว่า ท่านยังไม่แจ้ง ในธรรม ที่เกิดกัน
    เพราะ มีแต่ รู้ แต่ยังไม่เกิด ญาณ หรือ รู้เต็ม ชัดแจ้ง ไม่สงสัยใน ธรรมอันนั้นนั่นแหละ เรียกว่า ญาณ


    ทีนี้ พระโสดาบัน รู้ชัดว่ากิเลสตัวใด หมดไป ไม่สงสัย ชัดแจ้ง แต่ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อ ว่าเรียกว่าอะไร

    เว้นแต่พวกหนึ่ง เรียกว่า โสดาปฏิสัมภิทาญาณ ข้อนี้ผมดึงมาจาก พระวิสุทธิมรรค นะ ก็จะทราบละเอียดละออ คือ รู้ธรรมทั้งปวง แต่ว่า กิเลส ตัวสูง ยังละไม่ได้ แต่เรื่องธรรม นั้น ยอดเยี่ยม ชัดเจน

    สรุป ถ้ายังมีตัวรู้ว่า นี่คือ เรา นี่สมาธิของเรา เราสงบ เรานิ่ง นี้คือนิ่ง นี้คือ ว่าง นี้คือ ไม่นิ่ง นั้นคือ ตัวภพ ยังไม่ใช่ ที่สุดแห่งธรรม
     
  4. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ท่านขันธ์พอจะวาดอธิบายเป็น diagram คร่าวๆ ก่อนได้ไหมครับ ว่ามันต้องผ่านอะไรบ้าง อะไรที่ออกนอกทาง เวลาอ่านจะได้เข้าใจง่ายขึ้น คือคนที่ยังเดินไปไม่ถึงตรงนั้น (อย่างผม) บางทีมันนึกภาพไม่ค่อยออก ยิ่งเจอคำบาลียาวๆ นี่ยิ่งไปกันใหญ่

    ผมรู้ว่าบางอย่างมันอธิบายด้วยคำพูดยาก แต่ไม่รู้ว่าวาดออกมาเป็นแผนภาพมันง่ายกว่าหรือเปล่า หากคุณขันธ์วาดออกมาเผยแพร่ในที่นี้ น่าจะเป็นกุศลมากๆ นะ

    ขอมากไปหรือเปล่าเนี่ย :)
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ครับ วันนี้ตกขบวนรถไฟ.(มาสายไปหน่อย)

    น้าจอน ครับ

    จะอุปมาให้ฟัง
    ท่านมั่วแต่ ลังเล ไม่ยอมกระโจนลงน้ำ เอาแต่บอกว่า น้ำมันเย็น สายน้ำนี้ที่สุดก็ลงมหาสมุทร. ก็เท่านั้น
    ผมไม่เชื่อ..ที่ท่านกล่าวมา
    ผมเลยกระโดดลงไปในน้ำ
    ตอนนี้ผมอยู่ในกระแสน้ำนั้น ผมบอกคุณจอนน้ำมันเย็นจริง แต่คุณรู้หรือว่าเย็นแบบไหน ในความเย็นก็มีความอุ่นอยู่ คุณรู้หรือไม่
    น้ำสายนี้พาผมไปมหาสมุทรแน่ ธรรมชาติย่อมเป็นอย่างนั้น เป็นไปตามเหตุของสูงมักไหลลงที่ต่ำ

    น้าจอนเอาแต่ยืนดูแล้ว คะเนเอาเองตามที่รู้มา ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิครับ

    แน่นอน
    น้ำต้นสายย่อม ไม่เหมือน น้ำกลางสาย.
    น้ำกลางสายย่อม ไม่เหมือน น้ำปลายสาย.

    ตรงนี้น้ำอาจมีตะกอนโคลนตมบ้าง
    พอกลางสายอาจจะเป็นน้ำใส น้ำใหลเอื่อย หรือน้ำวน ย่อมเป็นได้
    แต่ที่สุดแล้วย่อมถึงทะเล คือเค็มเหมือนกันหมด.

    ดังนั้น จะต้น จะกลาง หรือปลาย ย่อมต่างกันบ้างตามเหตุ ที่สุดก้น้ำสายเดียวกัน
    อย่าลังเลเลย.ลงมาเล่นน้ำเถิดท่าน.

    ก็พูดแบบกลางๆ ตีความได้เยอะแต่ก็ทางเดียวกัน
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ตกลง ตั้งคำถามมาแบบ คุณไฟฟ้าสถิตย์นี้ ผมเต็มใจ

    การเข้าถึง พระนิพพาน นั้น เมื่อเจริญ มหาสติปัฎฐาน 4 อาจจะตั้งฐานที่กาย

    1 บางท่าน อาจจะเห็น รูป นาม เกิด ดับ แต่ยังไม่เกิดญาณ คือ เห็น แต่การเกิดดับทันใด
    2 บางท่าน เห็น การเกิด ดับ ไปในทันใด ของ นามธรรม รูปธรรม มีญาณรู้เต็มภูมิขึ้นมาว่า นี่เรามีธรรมเกิดขึ้นแล้ว เรียกว่า อุทัพยญาณ
    3 บางท่าน ไม่ต้องเจอญาณเหล่านี้ก่อน เห็นโคตรภูญาณ คือ ดับหายไปทั้งหมด เป็น พระนิพพาน ทันที รู้ทันที คือ ญาณเกิดขึ้นทันทีรู้ว่า นี้คือ ที่สุด ที่พระพุทธองค์พูด ไม่ถามใคร แต่อาจจะไม่รู้ว่าเรียกชื่ออะไร

    4 บางท่าน พบ โคตรภูญาณ แล้ว ประมาท เห็น จิตมีแต่สุข มีแต่ว่าง ก็คิดว่า เราถึงมรรคผล สมาธิ วิปัสสนาเต็มเปี่ยม ก็หลง เรียกว่า วิปัสสนูกิเลส
    ไม่ทำอะไรแล้ว เพราะคิดว่า เราหมดสิ้นกิเลส มันโล่ง มันสุข ไม่ทุกข์ร้อนอะไร

    5 เมื่อ ทุกข์อริยสัจ ปรากฎอีก จึงรู้ว่า เราติดในวิปัสสนูกิเลส ก็จะเริ่มพิจารณา นามธรรม ทั้งปวงที่ปรากฎและปกคลุมอีก ก็จะได้ ญาณอีกครั้ง

    เดี๋ยวมาอธิบายต่อ ส่งคำถามกันมามากๆ จะได้มีความรู้กัน
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สภาวะทั้งหมด ใน วิปัสสนาญาณ ทั้ง 16 ไม่ต้องเรียงลำดับ และไม่ต้องครบ แต่ที่ต้องผ่าน คือ โคตรภูญาณ บางท่าน กระโดดข้ามไปที่ อรหัตตมรรค อรหัตตผลก็มี คือ ดับกิเลสได้

    คือ ย่นย่อ สภาวะแห่ง ญาณ 16 มาคือ ทุกข์ คือ มีตัวรู้ สรรพทุกข์ ว่า มีอะไร กิริยาเช่นไร และมีตัวรู้ สมุทัย นั้นแหละ ญาณ และ มีตัวรู้ว่า นี้คือ นิโรธ คือความดับไปแห่งกิเลส และ มีตัวรู้ว่า นี่คือ มรรค คือ หนทาง

    ก็เป็น อริยสัจสี่
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ตัวญาณ นี้ ก็มีสภาวะเช่นเดียวกับ ไตรลักษณ์ คือ รู้แล้วดับไป จดเป็นสัญญา บางท่านอาจจะมีญาณเกิด แต่ไม่จำเพราะมันไม่ชัด มหาสติปัฎฐานในหมวดธรรมนั้น ไม่ละเอียด ก็ไม่แจ้ง

    ไม่อยากอธิบายมากกว่านี้ นะครับ เอาเป็นว่า ถามมาทีละจุดดีกว่า
    ไม่เช่นนั้นแล้ว ผมจะต้องยก ธรรมที่เกิดขึ้นในใจผมมามากเกิน
     
  9. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    รบกวนถามหน่อยครับว่าญาณ 16 ที่ท่านขันธ์ว่า มันคือเรื่องเดียวกับ อานาปานสติ 16 ฐานที่กล่าวถึงในประไตรปิฏกหรือเปล่าครับ (ดูลิงก์)
    http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=346

    คือผมไม่ค่อยเข้าใจว่าอานาปานสติ 16 ฐาน นี่เรียกว่าเป็น สมถะ หรือวิปัสสนาครับ และเกี่ยวข้องกับที่คุณขันธ์ คุณขุนพลกำลังคุยกันอยู่ หรือเป็นคนละเทคนิคกัน? และหากผมใช้อานาปานสติ 16 ฐาน อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำมานี่ เรียกว่าเดินถูกทาง และเดินได้จนสุดทางหรือเปล่าครับ?
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ถูกหล่ะ ถูกหล่ะ ถูกทางแน่.

    คุณไฟสถิตย์ มาทางวิปัสสนา กาย เวทนา จิต ธรรม. เป็นต้วเดียวกับวิปัสสนาญาณ ทั้ง 16 ที่อาจารย์ขันธ์กล่าว

    ตามที่ คุณ ไฟสติย์ยกมาเป็นแบบย่อธรรม เป็นการกำหนดรู้ เกิดสภาวะใดก็กำหนดรู้

    ส่วนวิปัสสนาญาณ 16 เป็นแค่สภาวะ ไม่ต้องเรียงลำดับ
    เกิดก่อนได้ เกิดหลังได้ สภาวะเป็นแค่ป้ายบอกทางว่ามาถูกทางแล้ว.

    <TABLE cellSpacing=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD width="13%"> 1) <TD>เมื่อหายใจเข้ายาว เธอก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว <TR><TD><TD>หรือเมื่อหายใจออกยาว เธอก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว <TR><TD> 2) <TD>เมื่อหายใจเข้าสั้น เธอก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น <TR><TD><TD>หรือเมื่อหายใจออกสั้น เธอก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น <TR><TD> 3) <TD>เธอสำเหนียกว่า เราจักรู้ทั่วกาย(กองลม)ทั้งหมด หายใจเข้า <TR><TD><TD>เธอสำเหนียกว่า เราจักรู้ทั่วกาย(กองลม)ทั้งหมด หายใจออก <TR><TD> 4) <TD>เธอสำเหนียกว่า เราจักผ่อนระงับกายสังขาร หายใจเข้า <TR><TD><TD>เธอสำเหนียกว่า เราจักผ่อนระงับกายสังขาร หายใจออก</TD></TR></TBODY></TABLE>


    สมาธิเป็นบาทฐานของวิปัสสนา.
    การบริกรรม เป็น สมถะ คือข่มกิเลส
    การมีสติกำหนดรู้ เป็น ปัญญา เป็นปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2008
  11. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ขอบคุณคุณฐาณัฏฐ์ที่ช่วยให้มั่นใจว่ามาถูกทาง
    เห็นแบบยาวๆ ที่
    http://www.84000.org/tipitaka/read/?14/282-291/190-202
    น่าจะใช้ได้นะ?
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เดี๋ยว อานาปานสติ 16 ขั้นนั้น สามารถ ปรับเข้าสู่ ญาณ ทั้ง 16 ได้ เพราะเป็น อริยสัจเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเทียบได้ เพราะอานาปานสติ นั้นล้ำลึก เห็นคำพูดง่ายๆ อย่างนั้น แต่กินความ ลึกซึ้งเช่นเดียวกับ อริยสัจสี่
    แต่แตกต่างกันบ้าง
    แต่ ญาณ 16 ที่ผมพูดนั้น คือ วิปัสสนาญาณ 16 ขั้น ไม่ใช่ยึดแต่ อานาปานสติมาเทียบ แต่ สำหรับ ทุกๆ สรรพสิ่ง ที่ ยังอยู่ในกฏไตรลักษณ์
    จนถึง มรรคญาณ ผลญาณ ในอันมี โสดาปัตติมรรคญาณ และ อรหัตผลญาณเป็นที่สุด
    เรียกว่า โสฬสญาณ ตามที่ ท่าน เอกวีร์ อ้างถึง
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ผมไป อ่านในพระสูตรแล้ว ในพระสูตร กล่าวว่าในลำดับท้ายๆ ของอานปานสตินั้น ระลึกถึง โพชฌงค์ ก็ข้อนี้คือ ธรรมของพระอริยะเจ้า ก็ สามารถเทียบได้ ใน มรรคและ ผล ของ มรรคญาณและ ผลญาณ ใน โสฬสญาณ ได้ครับ
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แจ่ม

    ชอบประโยคนี้มาก
    เผลอไปดูยิบๆ ไหวๆ คิดว่ามันจะมีอะไรให้ดู ดูไม่เป็นหรืออย่างไรไม่รู้
    ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ทิ้งเดินต่อดีกว่า

    ต้องขอบคุณ ใครสักคน ที่เอา mp3 การเสวนา อ.สุรวัฒ์ กับ พระ ที่ เจ้าคุณทหารลาด
    กระบังมาลงให้ฟัง โหลดมาเลยรู้ว่า ไหวๆ ยิบๆ ไม่มีประโยชน์ เดินตามคุณฐานัฏฐ์ต่อดีกว่า
     
  15. ราศีสิงห์

    ราศีสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +2,118
    แด่ผู้ตั้งกระทู้
    จงใช้สติ จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
    การใช้อารมณ์เราตัดสินว่าต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ตามแบบที่เราคิดนั้นไม่ถูกต้อง
    ควรเฉย ๆ อุเปกขานะจะดีมาก ๆ
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เฮ่ย หัวโขนนี่มายังไงวะ มาถึงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มาใส่เลย
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คือ แบบนี้ ผมไม่อยากจะขยายธรรม มากมาย ง่ายที่สุดคือ ยุบลงเหลือ

    ทำกุศลให้ถึงพร้อม ละอกุศลทั้งปวง และ ชำระจิตของตนให้ผ่องใส

    แต่ถ้าใคร ต้องการแบบ ละเอียด ก็ค่อยถามมา ว่าแต่ละอย่างเป็นอย่างไร
    ผมจะตอบให้ เพราะบอกตามตรงเลยนะ

    อุทัพยญาณ และ ภังคญาณนี้ผมชัดมาก คือ มองไปตรงไหน ก็เห็นแต่เกิดดับ เกิดดับ และ มองไปตรงไหนก็เห็นแต่ดับไป จนมันมองไปตรงไหนมันก็ไม่เห็นอะไร

    และ ตัวสังขารุเบกขาญาณ อีกตัวหนึ่งที่ผมชัด คือ มองที่ตัวนี้ อายตนะความรู็สึกที่ตัวนี้ พอมองตรงนั้น มันก็ไม่มี มองตรงนี้มันก็ไม่มี ตรงมือ เรานี้ ว่าเรารู้สึกที่มือ มือคือตัวเราก็ไม่มี เราก็ปล่อย หันมารู้สึกตรงหัว ตรงหัวก็ไม่มี ก็ปล่อย มองไปตรงๆไหน มันก็ไม่ใช่ ความรู้สึกทเป็นตัวถาวรติดอยู่ เราปล่อย สังขารทั้งหมด กลายเป็น สังขารุเบกขาญาณ ของตัวเรา มันจะเริ่มเห็นวิมุตติ ลางๆ
     
  18. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    แกคงอ่านเฉพาะตอนต้นๆ
    ผมถึงบอกให้แยกกระทู้ออกไปใหม่ไง :)

    คุณขันธ์หากไม่มีธุระอะไรกับคนอื่นต่อ ไม่ต้องนั่งรอในนี้ก็ได้นะครับ เกรงใจ
    ผมต้องวนกลับไปอ่านใหม่อีกหลายๆ รอบ ยังไม่มีอะไรจะถามตอนนี้ (เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรจะให้ถาม) :)

    ไปศึกษาเพิ่มเติม + ปฏิบัติก่อน แล้ววันหลังจะแวะมาถามต่อ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ขยายความ สังขารุเบกขาญาณ ให้เรามองดูว่า ความรู้ึสึก ที่หัว มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เราไปโฟกัส คือ น้อมมารู้สึก ความรู้สึกที่แขน มันจะชัดเมื่อเราน้อมมารู้สึกหรือ สังเกตุ ตรงไหนของร่างกายก็ตาม หากว่า เราน้อมมาสังเกตุมันจึงจะแจ่มขขึ้นมา นั่นหมายความว่า เดิมทีนั้น มันไม่มีความรุ้สึกนั้นอยู่จริง พอที่จะหยิบฉวยได้ว่าเป็นเราแท้ๆ เราไปสนใจมันมันจึงเกิด ทำให้บ่อย ทำให้มาก เราจะเห็นว่า มันไม่ใช่เรา เราก็ปล่อย ความรู้สึก โดยรวมที่เป็นเราออก ก็จะเหลือจิตรู้เด่นอยู่อย่างเดียวปราศจาก ความเป็นตัวตน ข้อนี้ ใครยังไม่เข้าใจและสนใจก็ถามได้ครับ
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ผมเปิดเครื่องไว้ ครับ ไม่ได้นั่งรอหรอก พอเบื่อก็เดินออกไปทำงานอย่างอื่น
    ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมยินดี
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...