********ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...ขอกราบในหลวงด้วยเศียรเกล้า*********

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ญาณวโร นามะ, 14 กรกฎาคม 2016.

  1. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ:cool::cool::cool: เช่าอีกองค์สิจะได้ฟรี1องค์
     
  2. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    103.***เหนียวจริงๆๆ***พระร่วงนั่ง กรุคลองกระเทียม บรรจุกริ่ง (ทรงกระเทียม) จ.สุพรรณบุรี เนื้อดิน บรรจุกริ่งในองค์พระ เขย่าดัง สภาพสวย **ให้บูชา 299 บาท**

    ส่วนใหญ่ที่ขึ้น กรุคลองกระเทียม จ.สุพรรณบุรี นั้นจะ มีสวมหมวกทรงจีโบ แต่จะมีเพียงสองชั้นและจะไม่มี สร้อยคอ แต่จะปรากฏมีกล้ามและแผงหน้าอก ( ราวนม ) แขนเรียวเล็ก พระที่ขึ้นทาง จ.สุพรรณบุรี จะมี พิมพ์สังกระจาย พิมพ์นางพญา และ พิมพ์ อื่นๆ รวมอยู่ด้วยทุกพิมพ์จะมีบรรจุกริ่งทุกองค์ บางองค์ เขย่าดัง บางองค์ เขย่าไม่ดัง หรืออาจจะดังเบามากแต่หากขึ้นทาง สุโขทัย หมวกจะเป็นทรงจีโบ สามชั้น หรือ สองชั้น ( ในบางพิมพ์ี ) ศิลปะ ละม้ายไปทางลพบุรี และ มีปรากฏสร้อยคอ( สร้อยสังวาลย์ ) ลำเเขนใหญ่ ดูองค์พระโดยรวม จะมีลักษณะดุดัน ไม่อ่อนช้อย เนื้อหา ตลอดจนคราบกรุ น่าจะมีอายุ เก่ากว่าที่ขึ้นทางสุพรรณบุรีแต่มีบางพิมพ์ ลำเเขนเล็กก็มี จุดสังเกตุ หากมีสร้อยคอ จะเป็นพระที่ขึ้นทางสุโขทัยประวัติการสร้าง ไม่แน่ชัดว่า ผู้ใดสร้าง ประวัติค่อนข้างลึกลับ พอๆกับ พระหลวงพ่อเข่ง วัดพิเรนทร์สันนิษฐานกันว่า น่าจะสร้าง ประมาณ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บ้างว่าตอนปลาย แต่บางกลุ่ม เห็นว่า น่าจะมีอายุ เก่ากว่านั้นจึงเป็นที่ถกเถียงกันมาจนถึงปัจจุบันพระกรุคลองกระเทียม มีพบเห็น อยู่ในวงการหลายสิบปี แต่ราคายังไม่แรงนัก แต่มีบางท่าน เช่าหาบูชาแบบเงียบๆ โดยหวังพุทธคุณ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0628.JPG
      DSC_0628.JPG
      ขนาดไฟล์:
      149.7 KB
      เปิดดู:
      157
    • DSC_0631.JPG
      DSC_0631.JPG
      ขนาดไฟล์:
      147 KB
      เปิดดู:
      115
  3. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    104.ลูกแก้วมณีรัตนะ สีดำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี พร้อมเลี่ยม (ลูกนี้เช่ามาจากวัดท่าซุงครับ) ***ให้บูชา 400 บาท*****สมาชิกรับนิมนต์ครับ**


    เรื่องประวัติลูกแก้ว (คัดจากหนังสือสมบัติพ่อให้หน้า ๑๒๒-๑๒๔)

    ....ลูกแก้วนี้มีประวัติมาจากไหน คือแก้วอาตมา มีอยู่ลูกหนึ่ง ไม่ทราบว่ามาจากไหน ทราบแต่ว่าเป็นของต้นตระกูลสืบต่อกันมาหลายชาติ ก็ขึ้นไปหาโยมท่านที่ดาวดึงส์ ไปถามโยมผู้ชายว่าโยมทราบประวัติของลูกแก้วนี้ไหม ท่านบอกว่า ท่านทราบประวัติแต่ไม่เคยใช้มาก่อน คนที่เคยใช้จริงๆ คือโยมผู้หญิง โยมผู้หญิงท่านบอกว่า ท่านใช้มาแล้วหลายสิบชาติ และก็สมัยครองราชย์ ท่านบอกว่า เรามีแก้วลูกเล็กลูกเดียวประชากรในประเทศของเรายังไม่มีใครจนเลย ท่านเลี้ยงพอ ก็เลยถามประวัติความเป็นมา ท่านบอกว่า เดิมทีเป็นลูกแก้วลูกยอดของพระเจ้าจักรพรรดิเลยถามท่านว่า เวลานี้แก้วของพระเจ้าจักรพรรดิอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า อยู่ที่พระจุฬามณี จึงพาไปดู ความจริงสมัยของพระเจ้าจักรพรรดิที่มีแก้วมณี มีพระขรรค์แก้ว มีเกือกแก้ว มีจักรแก้ว แต่ว่าทั้ง ๔ อย่างนี้อยู่คนละที่ มีเทวดารักษาอยู่ ถ้าใครจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เทวดาก็จะนำทั้ง ๔ อย่างมามอบให้ แต่ว่าพระเจ้าจักรพรรดิคนนั้นตาย คนอื่นจะรับมรดกแทนไม่ได้ ...เทวดาต้องเอาของเขากลับคืนไป เทวดาท่านต้องหวงแหน เพราะว่าของ ๔ อย่างนี้ ต้องเป็นของคนที่มีบุญพอจึงจะครองไว้ได้

    สร้างวัดท่าซุงในตอนแรก หลวงปู่ชุ่ม ( หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย )ท่านเอามาให้ เมื่อวันที่ท่านจะกลับท่านขึ้นไปหาบนห้อง ท่านบอกว่า "น้อง ไม่ช้าพี่ก็ตาย อยู่ไม่ได้ แต่ว่าน้องจะต้องอยู่อีกนาน" ประวัติเดิม เคยเกิดเป็นพี่น้องกันมา ท่านก็เลยนำแก้วออกมา บอกว่า "แก้วลูกนี้เป็นของต้นตระกูล สืบต่อกันมาหลายชาติ น้องจงรักษาไว้ เมื่อมีลูกแก้วนี้แล้ว จะทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง"

    ในช่วงนั้นสร้างเงินเป็นหมื่นก็เป็นหนี้เขาแต่ว่าต่อมาเมื่อได้ลูกแก้วนี้ขึ้นมา สร้างอะไรต่างๆ ทางด้านโบสถ์ สร้างทั้งหมดใช้เวลา ๓ ปี โบสถ์หลังเดียวใช้เวลา ๓ ปี ยังไม่ยากจะเสร็จเลย แต่ว่าสิ่งก่อสร้างทางด้านโบสถ์นะ เมื่อได้ลูกแก้วนี้มาแล้วใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๓ ปี อาตมาไม่ได้ปั๊มเงินเองนะ ก็ได้เงินจากท่านพุทธบริษัททั้งหมดนี่และช่วยสร้าง และต่อมาปี ๒๕๒๐ ท่านก็สั่งให้สร้างสถานที่ใหม่ ท่านบอกว่า สถานที่นี้ควรจะเป็นที่เพราะพระอริยะเจ้า ท่านมาสั่งสร้าง แล้วท่านก็ออกแบบของท่านเอง ก็เลยคิดตามท่าน ว่าถ้าเป็นแบบนี้จะต้องใช้เงินเดือนหนึ่ง ๖ แสน กับ ๘ แสน สลับกัน ถ้าเดือนไหนใช้ต่ำไปหน่อยอีกเดือนหนึ่งก็จะใช้เกินไป ถามท่านว่า ถ้าจำเป็นแบบนี้แล้วจะไปเอาเงินที่ไหน ท่านบอกว่า "แกทำไปเถอะ ฉันไม่ให้เป็นหนี้มาก ถ้าเป็นหนี้ก็ใช้ง่าย" พอเริ่มลงมือทำเข้าจริงๆ ก็ต้องใช้เงินเดือนละ ๖ แสน กับ ๘ แสน สลับกันมา พอหลังจากน้ำท่วมปีที่แล้ว (ปี ๒๕๒๓) เข้าเดือนธันวาคม ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายกลายเป็นเดือนละล้านเศษ แต่ว่าเงินให้เขาไม่พอ ได้จากญาติโยมเท่าไหร่ พวกเจ้าหนี้ก็มาเอาไปหมด แต่เราได้วัตถุคืนมานะ ก็เป็นอันว่า แก้วนี้ถ้ารับไปเพื่อใช้ให้ทำเป็นกรรมฐาน ทุกวันและทุกวันที่บูชา ใช้บูชาด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า และควรอธิฐานว่า ขอความปรารถนาทุกอย่างจงสำเร็จทุกประการ เท่านั้นแหละ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0045.JPG
      DSC_0045.JPG
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      126
    • DSC_0046.JPG
      DSC_0046.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.9 KB
      เปิดดู:
      88
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2016
  4. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    105.เหรียญรุ่นแรก ครึ่งองค์ พระอาจารย์ ธรรมโชติ วัดลุ่มคงคาราม จ.นนทบุรี ปี 2517 สภาพสวย เนื้อทองแดง ***ให้บูชา 450 บาท***

    พระอาจารย์ ธรรมโชติ เหรียญพระอาจารย์ธรรมโชติ วัดลุ่มคงคาราม จ.นนทบุรี ปี 2517 สภาพสวย เนื้อทองแดง จัดเป็นเหรียญรุ่นแรก ครึ่งองค์ มีทั้งเนื้อทองแดง และเนื้อเงินสร้างน้อย เฉพาะแจกกรรมการเท่านั้น ส่วน เนื้อทองแดง สร้างจำนวน 5,000 เหรียญ การปลุกเสกเหรียญของท่านไม่เหมือนใคร คือท่านจะไม่ปลุกเสกรวมๆ เหมือนกับที่ปลุกเสกกันในปัจจุบัน แต่ท่านจะหยิบเหรียญหรือพระของท่านขึ้นมาทีละเหรียญใส่ไว้ในมือแล้วบรรจุพลังจิตลงไปจนเต็มที่เสร็จแล้วทำพิธีตัดและกรึงเป็นที่เรียบร้อยทุกเหรียญ นับว่าเป็นความยุ่งยากและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ท่านว่า วิธีนี้ได้ผลดีกว่าปลุกเสกรวมๆกัน เพราะท่านต้องเอาดวงกสิณของท่านจำลองลงในเหรียญแทนอักขระเลขยันต์นั้น ก็เพื่อเป็นสื่อ เป็นจุดรวมพลังจิตที่ดีของท่านนั่นเอง เคยมีคนถามท่านว่า อำนาจจิตที่ท่านบรรจุลงไว้ในเหรียญหรือพระของท่านนั้น จะมีวันเสื่อสลายหรือถอดถอนได้หรือไม่ ท่านตอบว่า ท่านเองยังไม่สามารถถอนได้แล้วใครจะมาถอนได้ ถึงตกน้ำหรืออยู่ในไฟก็ไม่เสื่อมสลายไปไหน เหรียญของท่านมีพุทธคุณเน้นหนักไปในทางเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ในปัจจุบัน เหรีญรุ่นนี้ ยังไม่มีปลอม ครับ แต่ก็หาชมได้ยากส์อีกเหรีญหนึ่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1245.JPG
      DSC_1245.JPG
      ขนาดไฟล์:
      98.2 KB
      เปิดดู:
      105
    • DSC_1246.JPG
      DSC_1246.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.6 KB
      เปิดดู:
      124
  5. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    106.เหรียญหลวงพ่อท้าวอู่ทอง (หลวงพ่อหวล) วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื้อกะไหล่ทอง พระสวยเดิมๆ***ให้บูชา 299 บาท***

    เหรียญหลวงพ่อท้าวอู่ทอง (หลวงพ่อหวล) วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื้อกะไหล่ทอง ประวัติสายสำนักพุทไธศวรรย์ จากอดีตถึงปัจจุบัน เรื่องความเหนียวคงกระพันชาตรีว่าโดดเด่น ก็ยังเป็นที่กล่าวขานมาตลอด พระสวยกะไหล่เต็มๆครับ
    **เหรียญรุ่นนี้ประสบการณ์ ท้องถิ่นต่างหาเก็บ***วัยรุ่นโดนยิงงไม่ออก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1249.JPG
      DSC_1249.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.3 KB
      เปิดดู:
      89
    • DSC_1250.JPG
      DSC_1250.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80.2 KB
      เปิดดู:
      90
  6. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    107.พระลีลากำแพงนิ้ว เนื้ออลูมิเนียมกระไหล่ทองพิมพ์เล็ก 2 หน้า ปี 2505 หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี ***แบ่งให้บูชา 199 บาท***

    หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี 'สิบล้านองค์' เป็นจำนวนตัวเลขความตั้งใจในการจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลของ พระครูอุภัยภาดาธร หรือที่รู้จัดกันดีในนาม 'หลวงพ่อขอม' อดีตเจ้าอาวาส วัดไผ่โรงวัว ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นที่ประดิษฐาน 'พระพุทธโคดม' ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อโลหะที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑๐ เมตร สูง ๒๖ เมตร ภาย ในบริเวณวัด มีสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับพุทธศาสนา เช่น วังสามฤดู ของเจ้าชายสิทธัตถะ สถานที่แสดงปฐมเทศนา ตรัสรู้ และปรินิพพาน เมืองนรก เป็นต้น หลวงพ่อขอม ท่านมักได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกในงานพุทธาภิเษกตามวัดต่างๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งงานใหญ่ๆ ต้องมีท่านด้วยเสมอ ขณะไปปลุกเสกในการสร้างพระให้วัดอื่นๆ ท่านมีปณิธานว่า จะสร้างพระจำนวนโกฏิ (สิบล้านองค์) โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ๒๔๗๓ จนถึงปี ๒๕๐๐ จำนวนการสร้างไม่แน่ชัด แต่ทราบเพียงว่า ท่านก็ยังสร้างอีกเรื่อยมา มีจำนวนหลายร้อยตุ่ม แม้จะสร้างมาก แต่พระของท่านก็มีประสบการณ์ดีเช่นกัน คือ คนนำไปลองยิงแล้วมีผลเป็นมหาอุดด้วย พระเครื่องและวัตถุมงคลที่ หลวงพ่อขอมสร้างไว้นั้น มีมากมายหลายแบบ หลายพิมพ์
    ประวัติของหลวงพ่อขอม เดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆ เรียกท่านว่า ขอม เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบางสาม ได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และปฏิบัติตนในศีลาจารวัตรเป็นอย่างดี อยู่หลายปี จนกระทั่งเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง ได้มีสำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า “วัดไผ่โรงวัว” ด้วย เหตุที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้นซึ่งจับตาดูพระขอมมาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่งสมภารวัดใหม่นี้ ไม่มีท่านใดเหมาะเท่า พระขอม เมื่อลงความเห็นดังนี้ ต่างก็พากันกันไปนิมนต์ พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่โรงวัว พระขอมซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับพุทธบริษัทที่นั่น ไม่อาจขัดศรัทธาได้ จึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นเป็นเวลา ๒ ปี ชีวิตของท่านในช่วงนี้ หากจะขาดก็คือขาดสถานศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนา เพราะวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ สิ่งนี้ทำให้พระขอมพิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็นสมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธายังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ดังนั้นท่านจึงขอย้ายไปจำ พรรษาที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ วัดประตูสาร ใกล้ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระขอมดำเนินไป ๓ ปี ก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ คราวนี้ท่านกลับมาสู่วัดไผ่โรงวัวอีกครั้งหนึ่ง อย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหารภารกิจให้พระศาสนาอย่างเต็มที่ ดัง ได้กล่าวแล้วว่า วัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ จึงยังไม่ถึงพร้อมในทุกๆ ด้าน คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง ๒ หลัง ศาลาการเปรียญที่เป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงเรือนไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลา น่าอนาถใจยิ่ง ภาระของพระขอม คือต้องปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัดก่อน เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธาเป็นชั้น ที่สอง และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธาพระขอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างชั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดินไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปี และท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้ เมื่อ ถมดินเสร็จ ท่านได้จัดการขุดสระน้ำสำหรับเป็นที่สรงน้ำ และน้ำดื่มของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยอาบกินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า “วัด” ทำให้ศรัทธาของชาวบ้านก็เพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่พระขอมได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านมีความตั้งใจมั่น ดังที่เรียกว่ามโนปณิธาน เรื่องนี้ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า “... อาตมาได้ฟังพระท่านเทศน์ว่า บุคคลผู้ใดเลื่อมใส ได้สร้างพระพุทธรูป จะเล็กเท่าต้นคาก็ดี โตกว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หมื่นชาติแสนชาติ ผู้นั้นจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย จนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าผู้ใดสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ ผู้นั้นจะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...” ด้วยมโนปณิธานนี้เอง ทำให้ท่านขอมคิดเริ่มสร้าง พระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พ. ศ. ๒๕๐๐ หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยม ใช้เวลา ๒ ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่นั่นเอง ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๑๒ ปี จนแล้วเสร็จ พ.ศ. ๒๕๑๒ หลังจาก นั้น ท่านก็เริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่าง เช่น สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล แดนสวรรค์ นรกภูมิ เมืองกบิลพัสดุ์ และอีกหลายๆ อย่างด้วยกัน ดังที่เห็นกันในทุกวันนี้ มีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเคยถามหลวงพ่อขอมว่า จะสร้างสิ่งก่อสร้างไว้มากมายเพื่ออะไร ท่านตอบว่า 'อาตมาสร้างไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธา และอนุชนรุ่นหลัง ได้ศึกษาเรื่องราวของพุทธประวัติ' นอกจากงานก่อสร้างแล้ว หลวงพ่อขอมท่านยังเป็นนักเขียน นักแต่ง ที่มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด้านงานก่อสร้าง ผลงานของท่านปรากฏอยู่หลายเรื่อง เฉพาะที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานไปแล้วก็มีเรื่อง ธรรมทูตเถื่อน พุทธไกรฤกษ์ สมถะและวิปัสสนา จนถึงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๓ เวลา ๑๖.๕๕ หลวงพ่อขอมก็มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๘ ทำให้นึกถึงคำปฏิญาณของหลวงพ่อขอม ที่ท่านได้กล่าวไว้ ๕ ข้อ คือ ๑. ชีวิตของเราที่เหลือ ขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย ๒.เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก ๑ บาท เราจะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ๓.เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี ๔.โอ...โลกนี้ไม่ใช่ของฉัน และ ๕.เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเรา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1987.JPG
      DSC_1987.JPG
      ขนาดไฟล์:
      99.4 KB
      เปิดดู:
      110
    • DSC_1988.JPG
      DSC_1988.JPG
      ขนาดไฟล์:
      120 KB
      เปิดดู:
      88
  7. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    108.**3องค์***พระลีลา 25 พุทธศตวรรษ ปี 2500 พิมพ์เล็ก 2 หน้า เนื้อทองผสม เลี่ยมเดิม สภาพสวยมากสวยเดิมๆ ***แบ่งให้บูชา 350 บาท***

    ### 1 ในพระชุด 25 พุทธศตวรรษ ปี 2500 ที่น่าสะสมและหายากในปัจจุบัน เหมาะสำหรับสตรีและเด็กครับ ###

    พระเครื่องที่มีพิธีกรรมปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ในเมืองไทย วงการพระจักต้องจารึกพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งไว้ในครั้งนั้น ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “25 พุทธ ศตวรรษ” ซึ่งพิธีนี้ปลุกเสกที่พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานครนี่เอง และนับเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นพระเครื่องที่ทางการได้จัดสร้างขึ้นเพื่อนำเงินรายได้จัดสร้างพุทธมณฑล ที่ตำบลศาลายา และบูรณปฏิสังขรณ์ปูชนียสถานที่สำคัญๆ ในทางพุทธศาสนาของเรา นับเป็นการสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และถูกต้องครบถ้วนตามพิธีทางศาสนา ทำการปลุกเสกโดยพระคณาจารย์ที่มีชื่อ 108 องค์ ซึ่งทางการได้คัดเลือกมาจาก ทั่วราชอาณาจักร เป็นพระเครื่องที่มีพุทธานุภาพและปาฏิหาริย์หลายอย่างแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง

    พิธีกรรม การทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกพระเครื่อง ได้นิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำพิธีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกนำสิ่งของที่จะสร้างมาทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกเสียก่อนครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2500 ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ มีพระคณาจารย์มาทำพิธีครบ 108 องค์ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2500 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาเททอง หล่อพระทองคำ แล้วทรงพิมพ์พระเนื้อดินและชนิดเนื้อชินเป็นปฐมฤกษ์ แต่วันนั้นได้สร้างในบริเวณวัดสุทัศน์เป็นเวลาถึง 3 เดือนเศษจึงแล้วเสร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2500 ได้ทำพระเครื่องทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว เข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งเป็นระยะเวลา 3 วัน 3 คืน รวมเวลาทำพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง 6 วัน 6 คืน มีพระเกจิอาจารย์ที่ทางการ ร่วมอาราธนามาปลุกเสก 108 องค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1982.JPG
      DSC_1982.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78.5 KB
      เปิดดู:
      143
    • DSC_1984.JPG
      DSC_1984.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80.6 KB
      เปิดดู:
      145
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2016
  8. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    109.**พุทธคุณสูง ***พระปิดตาเนื้อตะกั่วปั้ม หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม ปี 2478 ศิษย์กรุงเทพสร้างถวาย สร้างน้อย หายากครับ เดิมๆ ***แบ่งให้บูชา 1250 บาท******สมาชิกโทรมาปิดครับ***

    พระปิดตายอดนิยม ของ ท่านอาจารย์นิพัทธ์ จิตประสงค์ หนังสือ พระปิดตา หายากส์ของวงการพระเครื่อง เล่มหนึ่งตอนนี้ ขายกันเหยียบหมื่น สำหรับพระปิดตา พิมพ์นี้ แทบจะสูญหายไปจากวงการพระเครื่อง เพราะนักสะสมพระเครื่องรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยรู้จัก ผมโชคดีที่ คนพื้นที่นครปฐม นักสะสมรุ่นเก่า เขาเมตตา แนะนำให้เก็บสะสม เลยมีโอกาสนำมาให้บูชากันครับ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 56664.jpg
      56664.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119 KB
      เปิดดู:
      310
    • 566.jpg
      566.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.7 KB
      เปิดดู:
      116
    • 563.jpg
      563.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.9 KB
      เปิดดู:
      125
    • get_auc1_img (2).jpg
      get_auc1_img (2).jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.9 KB
      เปิดดู:
      131
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2016
  9. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    มัสมาชิกโทรมาปิดครับ
     
  10. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    จัดส่งของพัสดุ/11/08/59:cool::cool::cool::cool:

    1.ยรรยง ep204159861th
    2.พรพิชิตร ep204159875th
    3.ธงชัย ep204159889th
    4.เฉลิมพล ep204159892th
    5.จตุพร ep204159901th
     
  11. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    110.พระเมตตาพิมพ์ขี่สิงห์3ขวัญ (นิยม) กรุวัดดงตาลปี2470 สร้างและปลุกเสกโดย หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค องค์นี้เส้นสายลายคมชัด ขวัญติดชัด สีมอยหายากครับ **แบ่งบูชาเบาๆ 2199*****สมาชิกพีเอมมาปิดครับ**

    พระเมตตาพิมพ์ขี่สิงห์3ขวัญ กรุหลวงพ่อผาด วัดดงตาล(วัดสามัคคีธรรม) ตำบลหัวสำโรง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เนื้อดินขุยปูผสมแร่ เจาะรูบรรจุผงวิเศษดำเนินการจัดสร้างเมื่อราวปี พ.ศ.2470 โดยหลวงพ่อผาด วัดดงตาล ได้รับความเมตตาจาก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นผู้จัดสร้างและเมตตาปลุกเสก ตามสูตรโบราณเดียวกับการสร้างพระของท่าน ณ วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    ลักษณะพุทธพิมพ์
    ลักษณะเป็นพระเนื้อดินขุยปูเผา มีเม็ดแร่กระจายอยู่ทั้งองค์ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนกับพระเครื่องของหลวงพ่อปานพิมพ์อื่นๆ มีขนาดกว้างประมาณ1.5 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.5 เซนติเมตร ความหนาบางของพระไม่แน่นอน ด้านหน้าเป็นรูปพระปางสมาธิมีเส้นซุ้มล้อมรอบ(คล้ายกับพระพิมพ์ประภามณฑลของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่ายุคต้นๆ)ประทับอยู่บนฐานเขียงชั้นเดียวเบื้องล่างเป็นรูปสัตว์มีอยู่สองชนิดคือ ทรงเสือและทรงสิงห์ ด้านบนขององค์พระมีรูเจาะและอุดผงพุทธคุณปิดด้วยซีเมนต์อีกชั้นหนึ่งคล้ายกับพระพิมพ์ของหลวงพ่อปาน บางองค์จะมีการทาชาดแดงทับก่อนปิดด้วยซีเมนต์อีกชั้นหนึ่งก็มี ด้านหลังและขอบด้านข้างส่วนใหญ่จะมีรอยปาด รอยตัดเข้ารูป หรือบางองค์ด้านหลังก็มีรอยนิ้วมือของผู้กดพิมพ์ปรากฏอยู่ ส่วนผงที่อุดรูผงนั้นเป็นผงที่ได้จากการเขียนยันต์และบริกรรมคาถากำกับแต่ละบทที่มีพุทานุภาพอันทรงประโยชน์เช่นยันต์เกราะเพชร แล้วลบออก แล้วเขียนซ้ำใหม่แบบนี้หลายๆครั้งจนได้ผงวิเศษออกมาโดยหลวงพ่อปานแห่ง วัดบางนมโค
    สีของวรณะองค์พระ แตกต่างในกรรมวิธีการเผาเท่านั้นโดยจะสังเกตได้ว่าพระของหลวงพ่อปานส่วนใหญ่จะมีวรรณะเป็นสีดินหม้อใหม่หรือสีแดงดินเผา เนื่องมาจากการเผาพระนั้นใชปี๊ปสังกะสีทำการบรรจุพระพิมพ์แล้วสุมไฟเผา ด้วยลักษณะของโลหะสังกะสีที่นำความร้อนได้ดี ความร้อนจึงแพร่กะจายไปทั่วปี๊ปทำให้พระที่เผาสุกในเวลาใกล้เคียงกัน สีจึงออกมาใกล้เคียงกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพระชุดหลวงพ่อผาดจะมีความแตกต่างกันคือมีวรรณะของสีพระหลากหลายมีทั้งสีขาวนวล สีพิกุล สีแดงอิฐ สีเขียว สีเทาและดำ ซึ่งสันนิษฐานว่าเมื่อกดพระพิมพ์เสร็จแล้วคงจะนำไปบรรจุลงในไหหรือโอ่งดินเผาแล้วนำไปสุมไฟเช่นเดียวกับการเผาพระสกุลลำพูนแบบโบราณกาล ด้วยลักษณะของภาชนะดินเผาซึ่งนำความร้อนได้ช้าและส่วนล่างที่ถูกไฟสุมพระจะสุกก่อนพระจะมีวรรณะออกดำ ส่วนด้านบนพระจะสุกทีหลังจึงมีวรรณะออกขาวนวล

    ประวัติโดยสังเขป พระกรุหลวงพ่อผาด วัดดงตาล
    พระกรุหลวงพ่อผาด อายุการสร้างราวปีพ.ศ.2470 เป็นพระเครื่องที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอยู่ใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถตามธรรมเนียม แห่งการสร้างพระอุโบสถมาแต่โบราณ ดำเนินการจัดสร้างโดย หมอผาด เกษตรง เจ้าของร้านขายยาพระอาทิตย์เวชโอสถ ผู้เป็นแม่งานในการส้รางพระอุโบสถ(หลวงพ่อผาด ขณะเป็นฆราวาส) ซึ่งมีความคุ้นเคยกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอย่างดียิ่ง หลวงพ่อปานมีเมตตาสร้างเป็นพระพิมพ์ ประทับสิงห์และเสือซึ่งมีความแตกต่างจากบรรดาสัตว์ 6ประเภท(ทรงไก่ ครุฑ หนุมาน ปลา เม่นและนก)ที่หลวงพ่อปานท่านสร้างที่วัดบางนมโค ก็เนื่องจากหมอผาดท่านเกิดปีขาล สัญลักษณ์ คือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ที่แสดงถึงพลังอำนาจเป็นที่น่าเกรงขาม ส่วนทรงสิงห์คงเป็นด้วยอุปเท่ห์ด้านความมีอำนาจวาสนา ความเป็นผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าป่าเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง ลักษณะของพระเป็นเนื้อดินเผาขนาดเล็ก ตัดขอบ เจาะบรรจุผงวิเศษ โดยหลวงพ่อปาน ได้ทำการสร้างและปลุกเสกที่วัดบางนมโค เมื่อแล้วเสร็จจึงได้มอบให้หมอผาด นำใส่กล่องไม้ ลงเรือล่องมาตามแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา มาขึ้นที่คลองหลังวัดดงตาล เมื่อท่านสร้างอุโบสถวัดดงตาลแล้วเสร็จ จึงได้นำพระพิมพ์ประทับหลังสิงห์และเสือ บรรจุไว้บนฐานชุกชี แล้วอัญเชิญพระประธาน ซึ่งหล่อด้วยโลหะขึ้นประดิษฐานครอบไว้ จึงก่ออิฐถือปูนเป็นบัวคว่ำบัวหงายเปิดไว้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2474มีการเปิดกรุออกมาเมื่อปี 2543เมื่อครั้งทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถเก่า แบบก่ออิฐถือปูน เครื่องบนหลังคา เป็นไม้สัก ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่7 ได้ทรุดโทรม ไปตาม กาลเวลา จึงได้ซ่อมใหม่โดยการสกัดเจาะฐานหลังชุกชีปูนปั้นเป็นช่อง เพื่อยกองค์ พระประธานประจำอุโบสถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโลหะลงรักปิดทอง ปางสมาธิ หน้าตัก 2ศอกให้สูงขึ้นกว่าพระพุทธรูปองค์รอง ที่ประดิษฐานอยู่ที่หน้าพระประธานบนฐานเดี่ยว เพื่อให้พระประธานเด่นเป็นสง่ากลางอุโบสถ ระหว่างที่บูรณะอยู่นี้ ได้พบพระพิมพ์สี่เหลี่ยม เนื้อดินประทับสิงห์ และเสือ ตกลงมาจากโพรงใต้ฐานบัวพระประธาน จำนวนหนึ่ง คณะกรรมการวัด จึงยุติการเจาะฐาน แล้วตรวจสอบนับจำนวนพระที่พบ จึงทราบจากคำบอกเล่าของ นายตี๋ ชิงช่วง อายุ 75ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน และผู้อาวุโสประจำหมู่บ้านอีกหลายท่านว่า วัดดงตาล เดิมเป็นวัดร้าง มาบูรณะขึ้นใหม่ประมาณสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระที่พบออกมามีจำนวนประมาณสี่หมื่นองค์


    ด้านพุทธคุณ
    ถ้าจะพูดกันถึงพุทธคุณในพระเครื่องหลวงพ่อผาด วัดดงตาล เป็นที่กล่าวขานกันมานานแล้วว่าไม่แตกต่างจากพระเครื่องของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคแต่อย่างใดคือ เด่นมากในด้านเมตตามหานิยมและค้าขายเป็นเลิศอีกทั้งยังใช้พระเครื่องของท่านทำน้ำมนต์รักษาโรคได้สารพัดทีเดียวเพราะท่านเองก็เป็นพระหมอที่มีวิชาติดตัวเป็นที่โด่งดังมากทีเดียวบางท่านที่เคยบูชามาแล้วกล่าวกันว่ายังเด่นในด้านมหาอำนาจอีกด้วย ซึ่งอาจเป็นด้วยอุปเท่ห์แห่งพิมพ์พระทรงสัตว์ที่เป็นเสือและสิงห์ก็เป็นได้


    สภาพสวยเดิม ไม่ผ่านการบูชา เนื้อหาจัดจ้านเก่าถึงยุคต้น แร่เยอะกระจายทั่วองค์ ผงวิเศษิอุดเต็มสมบูรณ์ พุทธคุณครอบจักรวาล สามารถบูชาแทนพระของหลวงพ่อปานได้เลยครับ องค์นี้เส้นสายลายคมชัด ขวัญติดชัด สีมอยหายากครับ ***แบ่งให้บูชา 2199 บาท ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2016
  12. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    สมาชิกพีเอมมาปิดครับ
     
  13. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    111.***พระดียุคเก่า คุ้มค่าพุทธคุณครับ***พระผงคลุกรัก พิมพ์สมาธิ หลวงพ่อมิ่ง วัดกก ปี2500 สร้างน้อยหายาก สภาพสวยแชมป์ หูตากระพริบ***แบ่งบูชาเบาๆ 399 บาท*****สมาชิกไลน์มาจองครับ**

    สำหรับพระรุ่นนี้เป็นของดีน่าใช้ทีเดียว ผสมมวลสารเก่าสำคัญดังนี้
    1.ผงวิเศษหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง
    2.ผงวิเศษหลวงปู่พ่วงวัดกก
    3.ผงวิเศษหลวงปู่ผ่องวัดคูหาสวรรค์
    ฯลฯ เกษรดอกไม้ ผงธูป ผงใบลานเผา


    **รุ่นนี้ประสบการณ์สูง ตามหนังสือลองหาอ่านดูครับ**แบ่งบูชาเบาๆๆ399 บาท**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_2052.JPG
      DSC_2052.JPG
      ขนาดไฟล์:
      320.3 KB
      เปิดดู:
      230
    • DSC_2054.JPG
      DSC_2054.JPG
      ขนาดไฟล์:
      333.7 KB
      เปิดดู:
      221
    • 199640-1c7b5.JPG
      199640-1c7b5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      149 KB
      เปิดดู:
      231
    • get_auc1_img.jpg
      get_auc1_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.3 KB
      เปิดดู:
      158
    • get_auc3_img.jpg
      get_auc3_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.3 KB
      เปิดดู:
      106
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2016
  14. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    112.**ประสบการณ์สูง**พระสมเด็จกรุวัดดักคะนน หลวงปู่ทองอยู่ ติสสโร วัดดักคะนน พิมพ์ใหญ่ สภาพสวย ****ให้บูชา 450 บาท****คุณredalertจองครับ**

    สมเด็จสามชั้นเนื้อผงพุทธคุณสภาพสวยสมบูรณ์ พระสมเด็จกรุวัดดักคะนน กรุแตก เมื่อปี 2530 พระสมเด็จวัดดักคะนนนี้สร้างจากมวลสารผงวิเศษ ของสมเด็จพุฒาจารโต วัดระฆัง ซึ่งหลวงพ่ออยู่ท่านได้นำมาสร้างพระสมเด็จวัดดักคะนนและลงกรุไว้ ท่านได้ร่วมปลุกเสกร่วมกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พุทธคุณแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และเมตตามหานิยมเป็นเลิศ

    พระกรุวัดดักคะนน แตกกรุออกมา จากการที่พระพุทธรูปประธานวัดดักคะนน จ.ชัยนาท ชำรุดเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ และมีคนเข้าไปซ่อมจนพบพระกรุดังกล่าว เป็นพิมพ์พระสมเด็จ จัดสร้างโดยหลวงปู่ทองอยู่ ติสสโร วัดดักคะนน จ.ชัยนาท ชาวเมืองชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง ให้ความเคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พระพุทธคุณดีแบ่งกันบูชาราคาเบาๆเชิญเลยครับพระชุดนี้มีด้วยกันหลายพิมพ์อาทิ 3ชั้น7ชั้น 9ชั้น ปรกโพธิ์ เล็กและจัมโบ้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_2011.JPG
      DSC_2011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      452.4 KB
      เปิดดู:
      242
    • DSC_2014.JPG
      DSC_2014.JPG
      ขนาดไฟล์:
      471.6 KB
      เปิดดู:
      111
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2016
  15. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    113.**ประสบการณ์สูง**พระสมเด็จกรุวัดดักคะนน หลวงปู่ทองอยู่ ติสสโร วัดดักคะนน พิมพ์ใหญ่ สภาพสวย ****ให้บูชา 450 บาท****สมาชิกไลน์มาจองครับ**

    สมเด็จสามชั้นเนื้อผงพุทธคุณสภาพสวยสมบูรณ์ พระสมเด็จกรุวัดดักคะนน กรุแตก เมื่อปี 2530 พระสมเด็จวัดดักคะนนนี้สร้างจากมวลสารผงวิเศษ ของสมเด็จพุฒาจารโต วัดระฆัง ซึ่งหลวงพ่ออยู่ท่านได้นำมาสร้างพระสมเด็จวัดดักคะนนและลงกรุไว้ ท่านได้ร่วมปลุกเสกร่วมกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พุทธคุณแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และเมตตามหานิยมเป็นเลิศ

    พระกรุวัดดักคะนน แตกกรุออกมา จากการที่พระพุทธรูปประธานวัดดักคะนน จ.ชัยนาท ชำรุดเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ และมีคนเข้าไปซ่อมจนพบพระกรุดังกล่าว เป็นพิมพ์พระสมเด็จ จัดสร้างโดยหลวงปู่ทองอยู่ ติสสโร วัดดักคะนน จ.ชัยนาท ชาวเมืองชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง ให้ความเคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พระพุทธคุณดีแบ่งกันบูชาราคาเบาๆเชิญเลยครับพระชุดนี้มีด้วยกันหลายพิมพ์อาทิ 3ชั้น7ชั้น 9ชั้น ปรกโพธิ์ เล็กและจัมโบ้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_2015.JPG
      DSC_2015.JPG
      ขนาดไฟล์:
      391.2 KB
      เปิดดู:
      217
    • DSC_2017.JPG
      DSC_2017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      454.2 KB
      เปิดดู:
      107
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2016
  16. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    114.พระผงผสมปูนพิมพ์ซุ้มระฆังหลวงพ่อเกษมเขมโก หลวงปู่ดู่วัดสะแก บล็อคดินน้ำมัน หลังตรายาง หายาก พบเจอน้อย เลี่ยมพร้อมใช้ ***แบ่งบูชาเบาๆ 759 บาท***


    **พุทธคุณ**[/COLOR][/SIZE][/B]
    พระผงจักรพรรดิประโยชน์มากโดยเป็นพระที่ใช้ใน การทำกรรมฐานและบูชาติดตัวเพื่อคุ้มครอง เป็นศิริมงคลแก่ตนเองและเป็นพลังงานบุญ แก่ภพภูมิโดยรอบ หลวงปู่ดู่กล่าวไว้ว่าพระรุ่นนี้ที่มีผงจักรพรรดิ ของท่านป้องกันนิวเคลียร์ได้ (ถ้าขนาดนี้แล้วของเล็กกว่านิวเคลียเรื่องเล็กๆ) พระรุ่นนี้เหมาะสมเป็นอย่างมากในการเจริญกรรมฐาน หลวงปู่ดู่สมัยที่ท่านยังทรงธาตุขันธ์ อยู่ท่านสร้างพระผงออกมาเพื่อให้ ลูกศิษย์ได้ใช้ในการเจริญพระกรรมฐานให้ ก้าวหน้าได้โดยไวโดยเป็นการใช้พลังจากองค์พระ.
    **การนำพระมากรรมฐาน**
    **คาถาที่ใช้คู่ กับพระกำลังพระจักรพรรดิทุกรุ่น (รวมทั้งพระทุกองค์ที่สร้างด้วยสูตรและวิชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ) พระคาถามหาจักรพรรดิ นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชาสังฆะบูชา อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลีจะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ คาถาอาราธนาพระเข้าตัว สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส (สวด 3 จบ หรือ 5 จบได้) คำกำหนดอธิษฐานจิต พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    *** ฝึกจิต เร่งสมาธิ เร่งนิมิต เริ่ม ๑. ตั้งจิตอันสบาย ในที่อันสบาย แต่จิตอันสบายนั้นสำคัญที่สุด ๒. กำพระและกำหนดนึกรู้เห็นพระที่เราชอบเบาๆ ตามจริตชอบ ๓. วางลมหายใจสบาย ๆ ในกายที่เบาสบาย ๔. ภาวนาคาถาอย่างสบาย ๆ คลอไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องคิดอะไร ทำไปสบาย ๆเท่านั้น ๕. ไม่ช้าไม่นานนิมิตสบาย ๆจะเกิดแก่ท่านเอง สาธุ..... ใช้งาน ๑. ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ยามหลับ ยามตื่น ยามรู้ตัว ยามมิรู้ตัว ให้ภาวนาและตั้งองค์พระตลอด เผลอก็ช่างมัน เป็นเรื่องปกติ ตั้งต้นใหม่ ทุกครั้งเมื่อมีสติ อย่าบังคับ อย่าเกร็ง ให้ทำ สบาย ๆ ....... ๒. ยามจะหลับให้ภาวนาจนหลับ ยามตื่นให้รีบภาวนาจนมีสติดีแล้ว นึกถึงพระที่เราชอบ พร้อมทั้งอธิษฐานว่า ข้าพเจ้า ......(นามของท่าน)...ผู้เป็นข้ารับใช้แห่งพระพุทธองค์ ขอนอบน้อมและน้อมนำบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ และพระมหาจักรพรรดิ ตั่งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต โดยมีบารมีรวมของพระศรีอาริยะเมตตรัยเป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะ พระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9 ขอพระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9 จงมาบังเกิดปรากฏ ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด .......ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใสและพยากรณ์ ได้ตามความเป็นจริงทุกๆประการ เหตุที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นโดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด (ให้กำหนดอฐิษฐานให้ได้ทุกวัน จะกันเฝือได้ดีมาก) สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด) พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ ๓. ต่อไปก็อาศัยภาวนาเบา ๆ สบาย ๆ ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ยามหลับ ยามตื่น ยามรู้ตัว ยามมิรู้ตัว เฉกเช่นเดิมตลอดทั้งวัน เมื่อจะใช้งานหรือจะดูอะไรก็ ภาวนา คาถาอาราธนาพระเข้าตัว จากนั้นก็นึกถึงหลวงปู่ดู่ ขอบารมีท่านดูเอา ๔. เมื่อชินดี ได้นานพอ คล่องพอแล้ว คำอธิษฐาน " ....สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใสและพยากรณ์ได้ ตามความเป็นจริงทุกๆประการ เหตุที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นโดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด..... " จะให้ผล ถือว่าได้วิชาแล้ว ต่อไปการใช้วิชาอื่น ๆ ก็จะตรวจสอบได้เอง ไม่ต้องงม ๆมืด ๆอีก ความคล่องตัวก็จะมีมากขึ้น เรื่องราวทางโลกทิพย์ก็จะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ๕. ข้อเตือนใจ เมื่อห่างครูบาอาจารย์ท่านจะเฝือ เมื่อเกิดอหังกา ท่านจะรู้เห็นผิด ขอจงอยู่อย่างพอเพียง อยู่อย่างนอบน้อม แม้มิร่ำรวยเงินทอง มิร่ำรวยชื่อเสียง เราก็มีความสุขได้ เราก็เป็นคนดีได้ เราก็สร้างประโยชน์ได้ ขอโมทนา ....สาธุ......
    ***สร้างประโยชน์ วิชานี้อาศัยบารมีพระท่าน เมื่อยืมบารมีท่าน ก็จงโปรดใช้คืนบ้าง พระท่านไม่ต้องการสิ่งใดมากไป กว่าให้ท่านเป็นคนดี รู้จักคิดถึงตัวเองและคนอื่นบ้าง สร้างประโยชน์ให้สาธารณะชนบ้าง ซึ่ง การสร้างประโยชน์นั้นคือวิชาลำดับขั้นต่อไปนั่นเอง โปรดติดตาม ขอโมทนา...... ใช้อธิษฐานทำน้ำมนต์รักษาโรค หลักการ พระสูตรหลวงปู่ดู่ จะมีการแช่น้ำมนต์จักรพรรดิ ก่อน 3-15 วัน น้ำมนต์จักรพรรดินี้รักษาโรคและปรับธาตุ 4 ในร่างกายได้ดีมาก (ประสบการณ์ตรง) หากต้องการโปรดไปขอได้ที่วัดของหลวงตาม้าครับ เรื่องหวัดนก ที่เรากลัวกัน แม้กระทั่งเอดส์ นอกจากจะใช้วิชาของหลวงพ่อฤาษีในการป้องกัน รักษาแล้ว ก็สามารถใช้น้ำมนต์จักรพรรดิป้องกันและรักษาได้เช่นเดียวกัน (หลวงปู่ดู่ท่านทราบล่วงหน้า เรื่องโรคระบาดต่าง ๆ และได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าเช่นกัน) พระนี้ (โดยเฉพาะที่ยังไม่ได้เลี่ยมกรอบ) จึงใช้แช่น้ำมนต์รักษาโรคได้ทุกประการ ยิ่งได้ถ้าได้ใช้ร่วมกับเหรียญทำน้ำมนต์ สูตรหลวงปู่ดู่ ซึ่งตอนนี้อหลวงตาม้าเท่านั้น ที่สืบทอดวิชามา เท่านั้นที่ทำได้ + กับวิชาการรักษาโรคของหลวงปู่แล้ว จะหายได้ดีขึ้น แต่ถ้าไม่หนักหนานัก ลองเพียงแค่สูตรที่ผมกำลังแนะนำนี้สิครับ .... วิธีการ ๑. ให้นำพระเลี่ยมก็ได้ไม่เลี่ยมก็ได้ไม่ต่างกัน มากำสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ 7 จบ แล้ว อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด (อันนี้จำเป็นต้องขอบารมี ท่านโดยตรง)ขอได้โปรด ให้น้ำใด ๆก็ตามไม่ว่าเล็กว่าน้อย หรือมากมายดังมหาสมุทร ที่ถูกแช่ในพระผง กำลังพระจักรพรรดินี้ จงมีพุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เฉกเช่นเดียวกับหัว เชื้อน้ำมนต์จักรพรรดิทุกประการ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยทุกประเภท ขอบารมีอันหาที่สุดมิได้ของหลวงปู่ จงโปรดให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ด้วยเถิดจึงค่อย ๆ จุ่มพระลงในภาชนะใส่น้ำ (พระสูตรท่านชอบน้ำครับ สำหรับองค์ที่ยังไม่เลี่ยมแช่ได้เลยไม่ต้องห่วงยิ่งแช่น้ำยิ่งแกร่ง ไม่ต้องเกรงว่าพระจะร่วนแตกหักหรือ) ๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังน้ำทั้งภาชนะ และจะรู้สึกว่าน้ำนั้นจะมีกระแสเย็นชุ่มชื่น ดื่ม กินแล้วก็รู้สึกสดชื่น) พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ การนำไปใช้จริง ๑. บ้านใดที่มีถังน้ำใหญ่ หรือโอ่งมังกร แนะนำให้แช่พระไว้ตลอดอย่างนั้น จะได้ไม่ต้องอธิษฐานหลายครั้งครับ ให้กินอาบ ใช้ จนเลือดจนเนื้อ เป็นกำลังพระจักรพรรดิเลยครับ ทำได้อย่างนี้ ผิวพรรณจะเยาว์ลง และยังมีผลเรื่องป้องกันรังสีด้วย ๒. จะใช้กิน อาบ ล้างอะไรก็แล้วแต่ ได้ทั้งนั้น มีคนเคยถามหลวงปู่ว่าไม่เป็นอะไรหรือ หลวงปู่ก็ว่า " น้ำมนต์ข้าเป็นของดี จะเอาไปทำอะไรก็ดีหมด " ๓. หัวเชื้อน้ำมนต์จักรพรรดินี้ต่อได้เหมือนน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อปาน หรือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงตาม้าท่านบอกว่า " แม้เพียงหยดเดียวของน้ำมนต์จัรพรรดิ เมื่อหยดลงในตุ่ม น้ำทั้งตุ่มนั้นก็จะกลายเป็นน้ำมนต์จักรพรรดิหมด " เราก็แช่พระไว้ในภาชนะใดก็ได้ตลอดเวลา แล้วคอยเติมอยู่เสมอไม่ให้แห้ง แล้วก็เอาน้ำมนต์หัวเชื้อนี้คอยเติมภาชนะต่าง ๆ เอา จะเอาไปแจกจ่ายก็ได้ครับ ๔.ไม่ต้องกลัวพระธรรมธาตุหลุดครับ พระธรรมธาตุท่านเกาะที่ผิวพระอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าเอาอะไรไปขัดไปถูเป็นใช้ได้

    ***อธิษฐานส่งวิญญาณ ปรับภพภูมิ แผ่บุญ หรือป้องกันวิญญาณ หลักการ การปรับภพปรับภูมิ พลังของพระผงจักรพรรดิเป็นของสูงอานิสงค์ครอบจักรวาลหากฉลาดในการนำไปใช้ย่อมมีประโยชน์ มหาศาล นำไปแผ่ให้ภพภูมิต่างๆ เขาไปเกิดเป็นเทวดา เขาจำเราได้ ย่อมจะช่วยเราในภายภาคหน้าเรียกว่า มาเป็นบริวารเรานั้นเอง บางครั้งเขาติดอยู่ในที่ๆหนึง โดยที่ไปไหนไม่ได้แล้วเราผ่านไปแล้วกำหนดแผ่บุญ ส่งวิญญาณให้เขา แทนที่เขาจะต้องติดอยู่ตรงนั้นไปอีกหลายพันหลายร้อยปีแต่เราช่วยเขา ดูสิว่ามี ประโยชน์ขนาดไหน ผีที่พวกเล่นไสย์ดำเลี้ยงไว้เหมือนกัน คิดดูสิว่าผีโดนเจ้าพวกนี้ใช้ทรมาน ไม่ต่างอะไรจากทาส บุญก็ไม่อุทิศให้ เอาแต่อาหารคาวหยาบๆให้กิน หลอกล่อผีไปวันๆ แล้วเราไปแผ่ส่งวิญญานเหล่านี้ไป คิดดูสิว่าเราช่วยพวกเขาได้มากขนาดไหน หากเราไปแห่งหนตำบลใดหากต้องการแผ่บุญปรับภพปรับภูมิส่งวิญญาณแก้ภูมิแถวนั้นให้กำหนดขอพลัง จากองค์พระพร้อมบริกรรมบทพระจักรพรรดิแล้วน้อมแผ่ออกไปจะเป็นการส่งวิญญาณภพภูมิแถวนั้นโดย วิชานี้ทำได้แม้ยังไม่เห็นภพภูมิก็ตามขอแค่จิตเราน้อมไปด้วยความเป็นบุญเมตตาและหวังดี(การแผ่บุญ ครอบบุญใช้กับคนที่เราหวังดีได้ด้วยเช่นกันหรือแม้กระทั่งกับศัตรูเราให้เขามาเป็นมิตรกับเรา) กำลังพุทธคุณของพระผงจักรพรรดิเรานำไปใช้ในการปรับภพปรับภูมิเขาให้ดียิ่งๆขึ้นได้ โดย มิได้เป็นการใช้พุทธคุณในการเบียดเบียนเขาแต่เป็นการใช้กำลังเพื่อให้เขาโมทนาบุญซึ่ง เรียกว่าการปรับภพปรับภูมิและเราจะช่วยดวงวิญญานได้จำนวนมากการนำไปใช้ไม่ยาก อารธนาองค์พระกำไว้ในมือสวดคาถาจักรพรรดิ1จบแล้วตามด้วยบทสัพเพแล้วก็นึกน้อมบุญ นี้ให้แก่ดวงวิญญานทั้งหลายที่เราต้องการแผ่บุญถึงนับได้ว่าพระผงจักรพรรดิใช้เพื่อการ การแผ่บุญอย่างแท้จริงสงเคราะห์สัตว์โลกอย่างแท้จริง ลำพังกำลังของเราแต่ถ่ายเดียวยังมิอาจครอบคลุม ในการส่งวิญญานได้ทั่ว ได้ถึง และมากพอ ขอจงโปรดขอบารมีคุณพระท่านช่วยเหลือให้ โดยมี พระกำลังพระจักรพรรดินี้เป็นสื่อกลาง (พระสูตรหลวงปู่ดู่นี้ รับรู้และคุยได้ ถามได้ทุกองค์) วิธีการ ๑. กำพระในมือ จากนั้นโปรดกล่าวคำ อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด (หรืออาจจะเป็น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ , พระศรีอาริยะเมตรัย ก็ได้ ตามจริต ด้วยเหตุผลที่ว่าการอัญเชิญพระบารมี หรือการโน้มนำพระบารมีของพระมหาโพธิสัตว์นี้ จะง่ายกว่า การโน้มนำพระบารมีแห่งพระผู้เข้าพระนิพพานแล้ว เนื่องจาก บารมีท่านมหาโพธิสัตว์เหล่า นี้ยังไม่รวมตัว ยังคงกระจัดกระจายอยู่ทุกอณูในโลก) ขอได้โปรดส่งวิญญาณ ปรับภพปรับภูมิดวงวิญญาณของ......ชื่อนาม หรือกลุ่มก็ได้.....ให้สู่สุขติด้วยเถิด ๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมี พระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยัง ดวงวิญญาณที่จะปรับภพ ปรับภูมิให้ แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ดวงวิญญาณทุกดวงที่จะรับบุญ บางวิญญาณที่มีมิจฉาทิฐิ หรือมีโมหะ คือ ไม่รู้เรื่องว่าโมทนาคืออะไร ก็จะยังไม่ได้รับ เราก็ต้องสัพเพฯ หลาย ๆรอบ จนบารพระท่านครอบกายทิพย์สว่างเย็นไปหมด ช่วยโน้มนำให้วิญญาณนั้นละพยศและความโง่นั้นได้สำเร็จ) พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ ๓. การป้องกันวิญญาณก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะรอนแรมไปในที่แห่งใด ผู้ที่คล้องและ ทรงกำลังพระจักรพรรดิ รัศมีจะสว่าง จนดวงวิญญาณพากันมาดูด้วยความสงสัยว่า คืออะไร ตรงนี้ก็ให้ถือโอกาสแผ่บุญตามหลักการข้างต้น ผูกมิตรกับวิญญาณเจ้าถิ่นไว้ วิธีนี้ได้ประโยชน์มาก มีวิญญาณมากหลายอยู่มานับพันปีไม่มีที่ไป เราส่งวิญญาณให้เขา ต่อไปเมื่อมีวาระเขาจะกลับมาช่วยเรา วิชานี้ท่านโพธิสัตว์หรือพุทธภูมิทุกท่าน น่าจะศึกษาและปฏิบัติ เพราะเป็นวิชาสร้างบริวารอย่างหนึ่ง แต่ขอจงโปรดอย่าวางอารมณ์ว่าจะสร้างบริวารเลย ขอวางอารมณ์ด้วยเมตตาธรรม พรหมวิหารธรรมเถิด ขอโมทนา...... ๔. ขอโปรด ส่งวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของท่านด้วย พระสูตรของหลวงปู่ท่านสร้างไว้อย่างฉลาดมาก ท่านสอนให้ปรับภพปรับภูมิอยู่เสมอ เพราะเป็นการส่งดวงวิญญาณทั้งทั่วไปและที่มาจองเวร ป้องกันความเดือดร้อนทั้งผู้สร้างและผู้รับพระไปบูชาติดตัว การนำไปใช้จริง ๑. ให้หมั่นส่งวิญญาณอยู่เสมอไม่ว่าจะเดินทางไปในที่แห่งไหนโดยเฉพาะเวลาไปจ่ายตลาดในตลาดสด วิญญาณสัตว์ที่พึ่งตาย หรือที่ค้างอยู่มีมหาศาลทุก ๆวัน ตามป่าช้าหรือข้างทาง บางทีเวลาผมเดินทางไกล หลวงตาบอกให้เปล่งกระแสบุญให้สว่างและให้ไกลมาก ๆ พร้อมทั้งอธิษฐานให้ทรงทั้งยามหลับยามตื่น เพราะเหล่าวิญญาณจะได้โมทนา บางทีก็ครอบให้เสร็จสรรพ แบบมัดมือให้เลย เดินทางไปต่างจังหวัดแต่ละทีก็เก็บได้มหาศาล ยิ่งทำบ่อยๆยิ่งคล่องครับ ถ้าทำคล่องแล้วต่อไปเวลากำหนดแผ่ก็กำพระแล้วน้อมกำลังบุญไปได้ แค่กำหนดจิตชั่วขณะโดยไม่ต้องใช้คำพูดก็ยังได้ขอแค่ให้ใจทรงกำลังทั้งหมดที่อาราธนามา ในขณะนั้นได้ก็พอ แล้วก็กำหนดแผ่ไปได้เลย ขณะกำพระ แต่ถ้าเป็นการอฐิษฐานใหญ่ หรือการสวดมนต์ประจำวัน ก็อฐิษฐานใหญ่ตามเนื้อหาด้านบนได้เลย แล้วก็แผ่ไปทั่ว 3 โลก ไม่ว่าพรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก ภพภูมิน้อยใหญ่ต่างๆ นรกโลก และทุกๆอบายภูมิ ผู้มีพระคุณแก่ข้าพเจ้า ครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าทุกๆคน ญาติข้าพเจ้าทั้งหมดในโลกทิพย์ บริวารข้าพเจ้าทั้งหมด เทวดาประจำตัวข้าพเจ้าทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวรข้าพเจ้า <--- แผ่ไปให้ภพภูมิ เหล่านี้ครับเวลาอฐิษฐานใหญ่ ๒. ก่อนทานอาหารหลวงตาแนะนำให้ส่งวิญญาณด้วย ให้ทำจนเป็นนิสัย เอาแบบให้กวาดมือ เหนืออาหารทีเดียวให้ส่งให้หมด แม้แต่บะหมี่หมูสับก็ให้ส่งวิญญาณด้วย หลวงตาบอกว่าเนื้อ ไม่ว่าชิ้นเล็กชิ้นน้อย จะเป็นชิ้นหรือเป็นน้ำก็มีกระแสโยงถึงวิญญาณเจ้าของธาตุนั้นได้ ส่งให้เนื้อ กระแสบุญจะส่งถึงวิญาณเอง คนที่ชอบทานมังสะวิรัติ นอกจากไม่ทานเนื้อแล้วน่าจะทรงวิชานี้ด้วยนะครับ

    ** อธิษฐานรวมบุญ เพื่อความคล่องตัวในเรื่องการเงิน และทุก ๆเรื่อง เป็นการเบิกบุญเก่า และบุญใหม่ที่ยังไม่ให้ผลให้ส่งผลเร็วขึ้น หลักการ ตามปกติเมื่อเราสร้างกุศลใด ๆ กระแสบุญจะจับอยู่ที่ตัวผู้สร้างสักระยะหนึ่งใดตราบที่ยังคง ทรงกำลังความชุ่มชื่นอยู่ได้นั้น หลังจากนั้นจะไปรวมตัวรอที่ภพภูมิสุขคติ เมื่อเราสิ้นธาตุขันต์ ก็จะไปเสวยสุขอยู่ในสุขคติภูมิ ตราบจนกว่าจะหมดบุญ แต่ยังมีอีกหลายผู้ โดยเฉพาะนักสร้าง บารมีที่จะตายเกิด ๆ ทันทีไม่ยอมเสวยสุขก่อน เพราะจะเสียเวลา บุญก็ยังคั่งค้างอยู่ เอามา ใช้ได้ได้แค่ส่วนหนึ่ง (คงต้องออกตัวว่าอจินไตยข้อนี้ผมจะพูดแค่ส่วนจำเป็นเท่านั้น ยังมี อีกหลายอย่างพูดได้ไม่หมด นะครับ มันมีข้อแม้ต่าง ๆมากมาย ผมขอละไว้ครับ ) หรือใคร ก็ตามที่ชอบบ่นว่า ทำแต่ความดี สร้างแต่ทาน แต่ทำไมยังจน ยังถูกกลั่นแกล้ง ลำบาก ไม่คล่องตัว ครับเหมือนการปลูกต้นไม้ ปลูกเดี๋ยวนี้จะกินผลเดี๋ยวนี้เลยเป็นไปไม่ได้ มันต้องมีวาระของมัน คานดุลกันทั้งบุญและบาป ก็ถือว่าโชคดีมากแล้วที่ยังได้สร้างบุญ ไว้เป็นเสบียง เพราะการได้พบพระพุทธเจ้าแต่ละครั้งนั้นยากเย็น ลองคิดดูสิครับ บางช่วง ในอดีตมีสูญญะอสงไขย์ด้วย โอ้กรรมแท้ ตลอดอสงไขยไม่มีพระพุธเจ้ามาโปรด..... ยิ่งคุณเกิดในยุคที่มีครูบาอาจารย์ที่หาได้ยากยิ่ง หลาย ๆองค์ อาทิ หลวงพ่อฤาษีที่ท่านเด่น ด้านพาคนเข้าพระนิพพาน หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ที่ท่านเด่นด้านพาคนสร้างบารมี ยิ่งมีโอกาส ได้ยากยิ่งครับ ก็เห็นจะมีแต่ในระยะยืดพระศาสนานี่กระมัง แต่...เราก็มีวิชาที่จะขอเบิกบุญ รวมบุญ และเร่งบุญเอามาใช้ได้ ได้มากบ้างน้อยบ้างก็ตามเหตุ ตามปัจจัย วิธีการ ๑. วิชานี้ให้ทรงกำลังใจแบบทานบารมี คือในใจให้เเช่มชื่นด้วยความรู้สึกว่า หากเราพอมีอะไรจะช่วยเหลือ ในบุคคลที่สมควรจะช่วยเราจะรีบช่วยโดยไม่รั้งรอ ไม่ด้วยกำลังปัจจัย ก็กำลังแรงกาย (เป็นการทอดสะพานกระแสบุญจากทานให้ย้อนกลับมา ด้วยลาภเกิดจากทาน การจะดึงผลแห่ งลาภให้ได้ผลดี ต้องมีกระแสทานมาเป็นสะพานต่อเชื่อม) ๒. ตั้งจิตกำหนดภาพพระมหาจักรพรรดิ กำพระในมือขอบารมีคุณพระโดยมีบารมีแห่ง สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิเป็นประธาน และมีบารมีรวมแห่งมหาจักรพรรดิ ของหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด (ให้ยึดถือรูปลักษณ์นี้เป็นหลัก เนื่องจากเป็นรูปลักษณ์ที่ช่วยเหลือในเรื่องทางโลกได้คล่องตัวกว่า) ๓. อธิษฐานว่า " ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระมหาจักรพรรดิทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยบารมีแห่งองค์พระสมเด็จองค์ปฐม บรมมหาจักรพรรดิเป็นประธาน มีบารมีรวมพระมหา จักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นที่สุด ขอได้โปรดรวมกองบุญของข้าพเจ้า...(นาม)..... เพื่อเบิกมาใช้ ให้มีความคล่องตัวในทุก ๆเรื่อง อันใดติตขัด ขอให้คล่อง ดั่งน้ำที่ไหลออกจากคณโฑ ที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ อันใดคล่องตัวอยู่แล้วขอให้คล่องตัวยิ่ง ๆขึ้นไป โดยขึ้นชื่อว่าความอด ความอยาก ความยาก ความไม่มี จงอย่าได้บังเกิดมีในข้าพเจ้า ผู้เป็นผู้รับใช้แห่งพระพุทธศาสนา นับตั้งแต่กาลบัดเดี๋ยวนี้ ตราบจนข้าพเจ้า เข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด และโดยเฉพาะกาลนี้ ขอให้มีความคล่องตัวในเรื่อง ...(อธิษฐานขอพิเศษเอา).....เช่น ตอนนี้ขายของไม่ดีเลยลูกขอให้ขายได้วันละ......ด้วยเถิด ๔. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะ มีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรังสีทางโชคลาภมักจะเป็นรังสีสีทอง) พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ ๕. ให้อธิษฐานทุกวัน เช้าตอนก่อนออกทำงาน-ก่อนนอน หากได้เวลา 20.30 น.ด้วยยิ่งดีครับ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_2062.JPG
      DSC_2062.JPG
      ขนาดไฟล์:
      126.1 KB
      เปิดดู:
      127
    • DSC_2064.JPG
      DSC_2064.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125 KB
      เปิดดู:
      100
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2016
  17. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    115.***หายาก พิมพ์มาตรฐาน ยุคต้น***พระสมเด็จหลวงปู่นาค พิมพ์ปรกโพธิ์ฐานแซม ปี2495 นิยม สภาพสวย เนื้อหาจัดจ้าน มีร่องรอยการเคลือบขี้ผึ้งของหลวงปู่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ **แบ่งบูชาเบาๆๆ 899 บาท****สมาชิกโทรมาปิดครับ**

    [/COLOR][/B][/SIZE]
    **พระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง เป็นพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังที่ท่านได้เก็บรวบรวมไว้เป็นจำนวนมากจากการที่มีประชาชนนำเศษแตกหักของพระสมเด็จมาทิ้งไว้ที่วัดและการค้นพบพระสมเด็จจำนวนมากบนหลังคาโบสถ์วัดระฆังซึ่งท่านได้นำพระสมเด็จที่แตกหักทั้งหมดร่วมกับการสร้างผงพุทธคุณของท่านตามตำรับของสมเด็จโต ทำให้พระสมเด็จของท่านโดยเฉพาะพระในยุคต้น ๆ ช่วงปี 2485-2495 มีเนื้อหามวลสารจัดจ้านน่าบูชายิ่งนัก ซึงนับว่าเป็นพระตระกูลสมเด็จที่มีเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังผสมไว้มากที่สุด ที่ดูจะสูสีก็มีเพียงพระสมเด็จของพระครูมูล วัดสุทัศน์ รุ่นพิมพ์ทรงเจดีย์ 2485 เท่านั้น อีกทั้งพุทธคุณก็สูงล้ำในด้านเมตตามหานิยม เป็นที่เสาะแสวงหากันอย่างมาก แต่เนื่องจากท่านได้สร้างพิมพ์ทรงของพระสมเด็จต่าง ๆ ไว้มากมาย ในวงการจึงนิยมเล่นหากันเฉพาะพิมพ์นิยมบางพิมพ์ของท่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใครเห็นก็ทราบว่าเป็นพระของท่าน เช่น พิมพ์เทวดาสามชั้นหูบายศรี พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ชิ้นฟัก พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต พิมพ์ซุ้มระฆัง เป็นต้น ส่วนพิมพ์อื่น ๆ ไม่ค่อยนิยมเช่าหากัน สำหรับพระสมเด็จของท่านที่มีเนื้อหาจัดจ้าน แก่ผงพระสมเด็จ หรือ มีการฝังตะกรุดไว้เป็นพิเศษ ตั้งแต่ 1ดอก 2 ดอก หรือ 3 ดอก จะหาได้ยากมากและเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยจะเช่าหากันในราคาสูงกว่าปกติหลายเท่า เป็นที่น่าแปลกใจมากพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังไปมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวมากว้านซื้อกลับไปยังประเทศของตนเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังในปัจจุบัน มีจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งในอนาคตพระชุดนี้คงจะดังระเบิดด้วยค่านิยมไม่แพ้พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 09 เป็นแน่แท้
    **พระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง เป็นพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังที่ท่านได้เก็บรวบรวมไว้เป็นจำนวนมากจากการที่มีประชาชนนำเศษแตกหักของพระสมเด็จมาทิ้งไว้ที่วัดและการค้นพบพระสมเด็จจำนวนมากบนหลังคาโบสถ์วัดระฆังซึ่งท่านได้นำพระสมเด็จที่แตกหักทั้งหมดร่วมกับการสร้างผงพุทธคุณของท่านตามตำรับของสมเด็จโต ทำให้พระสมเด็จของท่านโดยเฉพาะพระในยุคต้น ๆ ช่วงปี 2485-2495 มีเนื้อหามวลสารจัดจ้านน่าบูชายิ่งนัก ซึงนับว่าเป็นพระตระกูลสมเด็จที่มีเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังผสมไว้มากที่สุด ***แบ่งบูชาเบาๆๆ899 บาท**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_2071.JPG
      DSC_2071.JPG
      ขนาดไฟล์:
      801.9 KB
      เปิดดู:
      115
    • DSC_2072.JPG
      DSC_2072.JPG
      ขนาดไฟล์:
      738.5 KB
      เปิดดู:
      143
    • pp4.jpg
      pp4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.5 KB
      เปิดดู:
      121
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2016
  18. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    116.พระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ฐานแซม ปี2500 หลวงปู่หิน วัดระฆัง กทม.**แบ่งบูชาเบาๆ 559 บาท **
    ***สมาชิกพีเอมมาปิดครับ**
    พระสร้างในยุคนี้มีหลายพิมพ์ สำหรับพิมพ์ปรกโพธิ์ฐานแซมเป็นหนึ่งในพิมพ์ยอดนิยมครับ มวลสารไม่แพ้หลวงปู่นาคครับ อีกทั้งยังมีผงจากพระกรุวัดสามปลื้ม กรุวัดสามพระยา กรุพระพุทธบาทปิลันท์ ผงวิเศาทั้ง5 (ปฐมัง มหาราช ตรีนิสิงห์เห เป็นต้น) สุดยอกพุทธคุณครบทุกด้านครับ พระสวยแท้ดูง่ายสบายตา

    การสร้างพระผงต่างๆ ของหลวงปู่หิน แห่งวัดระฆังนั้น ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หลวงปู่ นั้นมีความศรัทธา ต่อ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต มากๆ หลวงปู่ท่านพยายามเสาะแสวงหา พระสมเด็จมาสะสมไว้ ทั้งที่ แตกหักและชำรุด จนมีจำนวนมากพอแก่ความต้องการ ท่านจึงนำมาโขลกเป็นผง นอกจากนี้แล้ว ท่านยังได้ยัดผงปิลันทร์จากกรุ มุมพระอุโบสถ ด้านทิศใต้ .....ผงจากกรุ วัดสามปลื้ม ผงสุริบาตร และผงตรีนิสิงเห ที่ขาดมิได้ ...... การสร้างพระพิมพ์ของหลวงปู่ นั้น เริ่มตั้งแต่ พศ...2482-พศ..2515มีจำนวน 8 รุ่นด้วยกันนอกจากนี้ยังมีพระนอกพิมพ์อีกจำนวนหลายพิมพ์เช่นกัน เรียกว่า พิมพ์นอก เป็นพระที่สร้างในปีเดียวกัน แต่ไม่ได้ออกเป็นทางการ ท่านจะแจกเป็นการส่วนตัวแต่พิมพ์ทรงจะแตกต่างกันออกไป

    **แต่สำหรับพระองค์นี้เป็นพิมพ์มาตรฐาน อยู่ในทำเนียบการสร้างพระของหลวงปู่ฯ ท่านได้นำพระสมเด็จมาสะสมไว้ ทั้งที่ แตกหักและชำรุด จนมีจำนวนมากพอแก่ความต้องการ ท่านจึงนำมาโขลกเป็นผง และได้นำผงวิเศษ..ผงจากพระกรุวัดสามปลื้ม กรุวัดสามพระยา กรุพระพุทธบาทปิลันท์ ผงวิเศาทั้ง5 ปฐมัง มหาราช ตรีนิสิงห์เห มาผสมในการสร้างพระ พุทธคุณไม่ต้องกล่าวถึง หากใครหวังครอบครองสมเด็จวัดะฆังไม่ไหว สมควรจะต้องใช้สมเด็จของหลวงปู่หินแห่งวัดระฆังแทนได้เลย องค์นี้สวยแชมป์ คราบแป้งเดิมๆ เนื้อหาหนึกนุ่มสบายตา พิมพ์มาตรฐานนิยม ไม่ผ่านการบูชา **เสนอราคาแบ่งบูชาเบาๆ 559 บาท **
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2016
  19. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    **สมาชิกโทรมาปิดครับ***
     
  20. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,689
    ค่าพลัง:
    +4,635
    **สมาชิกไลน์มาจองครับ**:cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...