ใครอยากเห็นด้วยตาธรรม เชิญมาทดลองกัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 4 มีนาคม 2008.

  1. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    อวิชา เป็นปัจจัย ให้เกิด สังขาร ไปวิญญาณ ไปรูปนาม....
    แต่อวิชาไม่สามารถดับรูปในสภาวะธรรม ปรมัตถ์
    เพราะอวิชาไม่สามารถดับรูป รูปจึงมีก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ใช่.

    อวิชชาจะเป็นอย่างไร รูปก็เป็นของมันอย่างนั้น
    อันที่จริง รูปปรมัถต์ก็ไม่เกิดไม่ดับ
    อาศัย อวิชชามี รูปสมมุติจึงเกิด
    เมื่อรูปสมมุติเกิด จึงมีรูปสมมุติดับ
    แต่รูปปรมัตถ์หาเป็นเช่นนั้นไม่
    เพราะมันเป็นเช่นนั้นของมันเอง อวิชชาไม่มายุ่งด้วย

    ไก่ตาย เพราะ อวิชาไม่ดับ.
    ไก่ไม่ตาย เพราะ อวิชายังอยู่
    แต่ เป็ดยังอยู่ เพราะ ดับอวิชา

    เป็ดไม่มาแล้ว เอามาอีกทำไม
    ในเมื่อไก่ตายแล้วยังได้เนื้อหนังแกงกิน
    ก็ไม่ต้องเอาเป็ดมาแล้ว

    ถามว่า ดับอวิชา กับ อวิชาดับ ต่างกันหรือไม่


    เขียนต่างกัน สมมุติต่าง วิมุติต่าง
    ดับอวิชา อย่างน้อยก็มีกริยา
    อวิชชาดับ เป็นสภาวะธรรมอยู่ในตัวแล้ว ไม่ต้องมีกริยาก็ได้
     
  2. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    นาง ก. แค้น นาง ข.
    กะจะฆ่าเสียให้ตาย
    แต่ไม่ทันฆ่าสำเร็จ

    นาง ข. ก็ตายอยู่ดี
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    นาง ข. ตาย อยู่ ดี
    นาง ก. ตาย เกิด ตาย เกิด ตาย......

    เพราะ นาง ก. ไม่รู้ว่านาง ข. ตาย
    จึงแค้นอยู่ จนตาย

    ถามว่า
    นาง ข. ไปทำอะไรไว้
    ถึงได้ตาย อยู่ ดี.
     
  4. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    หลวงปู่เหรียญฯเคยมาเยี่ยมที่ทำงานก่อนท่านมรณะภาพไม่นาน
    ท่านชี้ไปที่นาฬิกาดิจิตอลที่มันเปลิ่ยนเลขแล้วว่า นั่นอะไรที่เกิดดับๆ
    พวกเราพากันอมยิ้ม เรียนท่านว่ามันเป็นนาฬิกาดิจิตอลที่เปลี่ยนเลขวินาที
    ที่เรายิ้มกันเพราะเรารู้ว่าพระป่าอย่างท่าน ภาวนาทุกขณะ ใช้จิตตามรู้ปัจจุบันทุกขณะจิต
    ปถุชนธรรมดาจะทำไม่ได้ เราใช้จิตส่งออกนอกตัวเองเป็นหลักแบบอัติโนมัติ
    ส่วนใหญ่พอเกิดทุกข์จึงใช้จิตมาดูตนเอง นอกนั้นไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2008
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อวิชชา เป็นเหตุปัจจัยให้รูปดับหรือไม่?
    ต้องอวิชชาดับก่อน รูปจึงดับ ใช่หรือไม่?
    หรือไม่ใช่? เพราะอะไร? ทำไม?

    คำถามนี้ เขาเรียกว่า คำถามเชิงอภิธรรม พวกนักตำราเขาชอบ
    คำถามแรกคือ อวิชชาเป็นปัจจัยให้รูปดับได้ไหม
    ตอบว่าเป็นปัจจัยได้ แต่ไม่ใช่เหตุ
    เหตุที่ทำให้รูปดับ นั้น คือ ไตรลักษณ์ มันต้องดับไปอยุ่แล้ว จะต้องไปให้ อวิชชาเป็นเหตุได้อย่างไร


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2008
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เวรกรรม ชักงง จะคุยแบบ เซน อีกนานไหม

    อ้าว คุณขันท์กล่าวไปแล้ว
     
  7. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    นอกจากกุศลกับอกุศลแล้วยังมีแบบที่ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศลด้วยหรือเปล่าครับ

    เห็นในอภิธรรมขึ้นมาก็มี
    กุสลา ธมฺมา ธรรมเป็นกุศล
    อกุสลา ธมฺมา ธรรมเป็นอกุศล
    อพฺยากตา ธมฺมา ธรรมเป็นอัพยากฤต


    ผมสงสัยว่าที่เรายังไม่หลุดพ้นเพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในทวิลักษณ์หรือเปล่าครับ เราถึงไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่ตรงข้ามกัน

    เหมือนเงาที่รู้จักเพียง 2 มิติ นึกภาพโลก 3 มิติไม่ออก เงาที่รู้จักมิติที่ 3 (ความหนา) มาอธิบายให้เงาอื่นฟัง ก็เลยไม่รู้เรื่อง เพราะมันขัดกับกรงครอบแบบ 2 มิติที่ขังตัวเองอยู่ ^-^
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตัวที่ไม่เป็น อกุศล และ กุศล คือ นิพพาน ไม่มีเกิดไม่มีดับ
    อยู่ คงที่ แต่เราไม่เห็น หรอก เพราะ เป็นที่สุดแล้ว เว้นแต่จะเข้าถึงความเป็นที่สุด แม้เห็นก็ไม่ได้วิพากษ์ เพราะไม่มีอะไรเกิดดับ
    แต่ทีนี้ พอกลับมา เกิดดับ อีก จึงย้อนกลับไปเห็น สัญญา หมายจำมาว่า ความไม่เกิดไม่ดับ มีอยุ่
     
  9. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19
    ว่าด้วยการวางจิตให้ว่างก่อน อันดับแรก

    จิตคนเหมือนลิง ต้องรู้จักที่จะหาอุบายที่จะจับลิงตัวนี้ให้อยู่นิ่ง บอกก่อนว่าไม่ได้ทำกันง่ายๆ แต่ทุกคนทำได้แน่นอน พยายามนะ สู้ สู้(deejai)
     
  10. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    สำหรับผมไอ้ตัวเกิด-ดับที่หนักหนาที่สุดนี่คือไอ้ตัวที่เกิดเวลานึกถึงเรื่องเก่าย้อนหลังแล้วมันทุกข์ อันนี้บางทีมันเกิดแล้วนานกว่าจะดับ บางทีทั้งคืนเลยกว่ามันจะตาย แถมตื่นเช้ามา มันเกิดใหม่อีกรอบก็มี :p

    ไอ้ตัวที่เกิดปัจจุบันนี่มันมักจะเกิดมาสั้นๆ แล้วก็ดับไป (อาจจะไปเกิดใหม่อีก 2-3 วันข้างหน้า) ยิ่งวันไหนทำงานแบบ multi-tasking ยิ่งเกิดดับทุกวินาทีเลย

    บางช่วงก็มีไอ้ที่เกิดมาเวลานึกถึงเรื่องในอนาคต อันนี้ก็ร้ายไม่เบา ไม่ยอมดับง่ายๆ เหมือนกัน
    :p
     
  11. nopkondee

    nopkondee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +126
    สุดยอดครับ ธรรมมะขั้นสูง
    สาธุ ๆ ๆ
     
  12. จักรราศี

    จักรราศี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,086
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สำหรับ คุณ ไฟสถิตย์ ที่มันค้าง ไม่ใช่เพราะว่า นึกเรื่องเก่า
    แต่ที่มันค้าง เพราะอุปาทาน อารมณ์ วิภวตัณหานั้นยังอยู่
    เรื่องบางเรื่อง เราไม่ได้นึกได้คิดตลอด แต่อารมณ์นั้นก็ยังค้างอยู่
    เรียกว่า ตัณหา อุปาทาน ภพ ยังคงอยู่

    การดับนั้นก็คือ มองให้เห็นว่า เรามีตัณหาในเรื่องอะไร
    และใช้กำลัง สมาธิ และปัญญา ตัดอุปทานตรงนั้น
    มันจะดับทันที จิตเบิกบานได้ทันที
     
  14. นิพพิทา2008

    นิพพิทา2008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +55
    คิดก่อนทำเรียกว่า นามเป็นเหตุรูปเป็นผล
    ทำก่อนคิดเรียกว่า รูปเป็นเหตุนามเป็นผล
    ใช่หรือเปล่าครับ
     
  15. จรรยา

    จรรยา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +33
    อวิชชา เป็นเหตุปัจจัยให้รูปดับหรือไม่?
    ต้องอวิชชาดับก่อน รูปจึงดับ ใช่หรือไม่?
    หรือไม่ใช่? เพราะอะไร? ทำไม?


    อวิชชา เป็นปัจจัยให้นามเกิดและรูปเกิด
    อวิชชาดับก่อน รูปจึงดับ ย่อมไม่ใช่
    แต่กล่าว อวิชชาไม่เกิด นามไม่เกิด รูปไม่เกิด
    อวิชชาเกิด ภพภูมิก่อตัวขึ้นมหาศาล

    (f)
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อวิชชา เกิด นาม รูป เกิด หรือ ไม่เกิด ก็ล้วนเอามาเป็นตน และของตน

    วิชชา เกิด นาม รูป เกิด หรือ ไม่เกิด ก็ล้วนไม่เอามาเป็นตน และไม่มีของตน
     
  17. จรรยา

    จรรยา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +33
    คิดก่อนทำเรียกว่า นามเป็นเหตุรูปเป็นผล
    ทำก่อนคิดเรียกว่า รูปเป็นเหตุนามเป็นผล
    ใช่หรือเปล่าครับ

    ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจากนามก่อน
    รูปเป็นเหตุ ในกรณีที่ร่างกายต้องทำงานเองนั้นจึงยกเว้น
    เช่น ต้องเข้าห้องน้ำ หิว (จริง) ง่วง (จริง ) เจ็บป่วย ฯลฯ


    (rose)
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ถามคุณ จรรยา จิตเดิมแท้แบบสิ้นอาสาวะกิเลสเป็นไฉน...

    (f)
     
  19. จรรยา

    จรรยา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +33
    จิตอันสิ้นอาสวะกิเลส
    เป็นนิพพานธาตุที่หมดเหตุปัจจัยในการเกิด ไม่อาจพิจารณาในขันธ์ห้า
    (ว่างไปจากขันธ์ห้า)


    อยากจะหาพระสูตรที่ชัดๆ ยกมาให้ดู แต่เผอิญค้นพระไตรปิฏกยังไม่เป็น... [​IMG]

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4303
    ธรรมชาติของจิต
    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


    พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ก่อนที่จะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า และสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ยังมีทั้งส่วนดีทั้งส่วนชั่ว คือทั้งส่วนที่เป็นอาสวะอันเป็นส่วนชั่วที่เก็บชั่วเอาไว้ ทั้งส่วนดีคือบารมีที่เก็บดีเอาไว้เช่นเดียวกัน แต่อาศัยที่ท่านได้น้อมจิตไปในทางดี เก็บดีคือบารมีนี้ให้มากขึ้นๆ บารมีก็ละอาสวะที่เป็นส่วนเก็บชั่วนี้ให้น้อยลง จนถึงสุดดีคือเก็บดีไว้เต็มที่สมบูรณ์ที่สุด ก็ละอาสวะได้หมดสิ้นเป็นสุดชั่ว จึงเป็นผู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า และเป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่ยังไม่บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อได้ทำดีเก็บดี และละอาสวะที่เป็นส่วนชั่วได้บางส่วน ก็เป็นพระอริยะบุคคลที่ต่ำลงมา จนถึงเมื่อยังละไม่ได้แต่ว่าทำความดีเก็บดีเอาไว้ได้มาก ลดเก็บชั่วลงไป ก็เป็นกัลยาณชนคือคนดี แม้ยังเป็นบุถุชนคือคนที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างเต็มที่ ยังละไม่ได้ แต่ก็เป็นกัลยาณชนคือคนดี

    หากว่าจิตยังไม่น้อมมาในทางดี น้อมไปในทางชั่วมาก เก็บชั่วไว้มาก ก็เป็นพาลชนคือคนเขลา และหากว่าน้อมไปในทางชั่วมากที่สุด เก็บชั่วไว้มากที่สุด ส่วนดีมีอยู่น้อยคล้ายกับไม่มี ก็เป็นอันธพาลบุถุชน คือบุถุชนที่เป็นอันธพาล คือเป็นผู้เขลาเหมือนอย่างตาบอด เป็นผู้มืด ต้องประสบความทุกข์อยู่ในโลกเป็นอันมาก จนกว่าจะตาสว่างขึ้น รู้จักละชั่วทำดี รู้จักชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส จึงจะค่อยประสบความสุขมากขึ้น ก็จะเลื่อนขึ้นเป็นสามัญชนที่เป็นคนสามัญทั่วไป

    แล้วก็เป็นกัลยาณชนคนดี เป็นอริยชน ชนที่เป็นพระอริยะ จนถึงเป็นพระอรหันต์ในที่สุด ก็แปลว่าทำดีถึงที่สุดเป็นสุดดี แล้วก็สุดชั่วคือว่าละชั่วได้หมด ละอาสวะกิเลสได้หมด จิตนี้ก็ปภัสสรผุดผ่องขึ้นโดยลำดับ จนถึงผุดผ่องเต็มที่ และธาตุรู้ของจิตก็เป็นความรู้จักสัจจะคือความจริงขึ้นโดยลำดับ จนรู้จักสัจจะเต็มที่ คือรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุเกิดทุกข์ รู้จักความดับทุกข์ รู้จักทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์อย่างสมบูรณ์ ต่อไปนี้ก็ขอให้ตั้งใจฟังสวดและตั้งใจทำความสงบสืบต่อไป



    //////
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2008
  20. นิพพิทา2008

    นิพพิทา2008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +55
    รูปกับนามเกิดดับสืบเนื่องกันตลอดเวลาแต่ทำไมเราจึงไม่เห็นว่าเกิดและดับไปตอนไหนมีวิธีใดที่จะเห็นการเกิด ดับของรูปกับนามได้ชัดบ้างครับขอความรู้จากท่านที่รู้ด้วยครับ แล้วเหตุใดคุณจรรยาจึงกล่าวว่านามเป็นเหตุให้เกิดรูปเท่านั้น รูปเป็นเหตุแล้วนามเป็นผลไม่ได้หรือครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...