ท่านฝึกละสังโยชน์ ๓ เพื่อเตรียมตัวเป็นโสดาบันอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์โง๋, 11 เมษายน 2017.

  1. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +470
    การเสวนาธรรม
    ไม่ได้เพื่อว่าคนนี้มีธรรมแบบนั้น คนนั้นมีธรรมแบบไหน
    ธรรมะไม่ใช่การมาสะสม หาพวก สร้างนั่นสร้างนี่
    เราเสวนาเพื่อ สละความเป็นสัตว์ บุคคลออก ฮับ
    ลองพินาดูว่ากำลังเสวนากันแบบไหน
    แบบให้เดินไปคนเดียว หรือจูงมือกันมาก่อการร้าย
     
  2. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    โอโห แล้วไม่คิดเข้าข้างธรรมพระพุทธเจ้าหรือครับ
    เราเสวนาก็เพื่อศึกษา ธรรมของพระพุทธเจ้า
    แล้วถ้าไม่รู้ว่า ใครมีธรรมแบบใด เราจะเลือกปฏิบัติธรรมที่ถูกอย่างไรดีหละครับ
     
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ตลกน่ะครับ ศรัทธาของคุณคือตัวหนังสือ (ชัดๆ) แต่ศรัทธาที่ผมมีคือได้รู้ตามเห็นตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนอย่างแท้จริง และสามารถเป็นประจักษ์พยานให่แก่พระองค์ได้ เห็นถึงพระปรีชาญาณแห่งพระองค์เต็มๆ แต่จะโทษคุณก็ไม่ได้ เพราะคุณยังไม่แจ้งเอง คุณย่อมไม่เห็นดังที่ผมกล่าวเป็นธรรมดา เอาน่ะมั่นใจก็ปฏิบัติไป เป็นคุณทั้งนั้นแหละ
     
  4. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    การเห็นพระนิพพาน ไม่ใช่จะมีในฐานะของพระอรหันต์แต่เพียงเท่านั้นนะครับ ถ้าตามสเต็ปการทำนิพพานให้แจ้ง มันก็ ต้อง 1-2-3-4 ว่ากันไปตามลำดับขั้น แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้น การได้เห็นพระนิพพานแม้เพียงชั่วครู่ ก็ได้ชื่อว่าเห็นแล้ว ผลที่ตามมาย่อมตัดสังโยชน์ได้ตามลำดับ ดังพระสูตรที่ยกมานี้นะครับ ปกติผมจะไม่ยกพระสูตรมาอ้างอิงเท่าไร แต่เห็นวิวาทะกัน ก็เอาสักหน่อย

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 467

    อรรถกถากิงสุกสูตรที่ ๘

    ในกิงสุกสูตรที่ ๘ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ .

    บทว่า ทสฺสน นั่นเป็นชื่อเรียก ปฐมมรรค (โสดาปัตติมรรค)

    เพราะว่า ปฐมมรรค ( นั้น ) ทำหน้าที่คือการละกิเลสได้สำเร็จ เห็น

    พระนิพพานเป็นครั้งแรก ฉะนั้นจึงเรียกว่า ทัสสนะ.

    *******************

    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 83

    บทว่าวิชฺชนฺตริกาย ได้แก่ในขณะที่ฟ้าแลบ. แม้ในข้อนี้ ก็มีข้อเปรียบเทียบดัง

    ต่อไปนี้ ก็พระโยคาวจร พึงเห็นเหมือน บุรุษผู้มีตาดี. กิเลสที่โสดาปัตติมรรค

    ฆ่า พึงเห็นเหมือนความมืด กาลเวลาที่พระโสดาปัตติมรรคเกิดขึ้น พึงเห็น

    เหมือนการแลบของสายฟ้า การเห็นพระนิพพานในขณะแห่งโสดาปัตติมรรค

    พึงเห็นเหมือนการเห็นรูปได้รอบด้านของบุรุษผู้มีจักษุในระหว่างฟ้าแลบ กิเลส

    ที่สกทาคามิมรรคฆ่า พึงเห็นเหมือนการกำจัดความมืดได้อีกครั้ง การบังเกิด

    ขึ้นแห่งสกทาคามิมัคคญาณ พึงเห็นเหมือนการแลบของสายฟ้าอีกครั้งหนึ่ง

    การเห็นพระนิพพาน ในขณะแห่งสกทาคามิมรรค พึงเห็นเหมือนการเห็นรูป

    ได้โดยรอบ แห่งบุรุษผู้มีตาดี ในระหว่างฟ้าแลบ กิเลสที่อนาคามิมรรคฆ่า

    เหมือนการกำจัดความมืดมนอันธการอีกครั้ง ความเกิดขึ้น แห่งอนาคามิมัคค-

    ญาณ. พึงเห็นเหมือนการแลบของสายฟ้าอีกครั้ง. การเห็นพระนิพพาน

    ในขณะแห่งอนาคามิมรรค พึงเห็นเหมือนการเห็นรูปโดยรอบด้าน แห่งบุรุษ

    ผู้มีตาดี ในระหว่างฟ้าแลบ.

    ***********************

    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 206

    ๔. อเวจจสูตร

    ว่าด้วยบุคคล ๑๐ จำพวก ที่เลื่อมใสอย่างมั่นคงในพระตถาคต

    [๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลื่อมใสอย่าง

    ไม่หวั่นไหวในเรา บุคคลเหล่านั้นทั้งหมดเป็นผู้ถึงกระแสนิพพาน ผู้ถึง

    กระแสนิพพาน ๕ จำพวกเหล่านั้นเธอมั่นในโลกนี้ ๕ จำพวกละโลกนี้

    ไปแล้วจึงเชื่อมั่น. ๕ จำพวกเหล่าไหนเชื่อมั่นในโลกนี้ ๕ จำพวกเหล่านั้น

    คือ พระโสดาบันผู้สัตตักขัตตุปรมะ ๑ พระโสดาบันผู้โกลังโกละ ๑

    พระโสดาบันผู้เอกพีชี ๑ พระสกทาคามี ๑ พระอรหันต์ในปัจจุบัน ๑

    บุคคล ๕ จำพวกเหล่านี้เชื่อมั่นในโลกนี้. บุคคล ๕ จำพวกเหล่าไหนละ

    โลกนี้ไปแล้วจึงเชื่อมั่น คือ พระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี ๑ พระ-

    อนาคามีผู้อุปหัจจปรินิพพายี ๑ พระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายี ๑

    พระอนาคามีผู้สสังขารปรินิพพายี พระอนาคามีผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐ-

    คามี ๑ บุคคล ๕ จำพวกเหล่านี้ละโลกไปแล้วจึงเชื่อมั่น. ดูก่อนภิกษุ

    ทั้งหลาย บุคคลเหล่าใดเหล่าหนึ่งเลื่อมใสอย่างไม่หวั่นไหวในเรา บุคคล

    เหล่านั้นทั้งหมดเป็นผู้ถึงกระแสนิพพาน ผู้ถึงกระแสนิพพาน ๕ จำพวก

    เหล่านี้นั้นเชื่อมั่นในโลกนี้ ๕ จำพวกละโลกนี้แล้วจึงเชื่อมั่น.

    จบอเวจจสูตรที่ ๔
     
  5. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ตัวหนังสือที่คุณว่าผมศรัทธานั้นคือ พระสูตร ครับ
    แต่สิ่งที่คุณพูดว่า รู้ธรรมตามพระพุทธองค์สั่งสอน มันคือ คำพูดของคนที่ยังมีกิเลสคละเคล้า ปฏิบัติไปถ้ามีกิเลสมาก ยึดอัตตามากก็จะเป็นแบบนี้หละครับ คิดว่าตนถูกตรงกับพระสูตรแล้ว ทั้งๆที่พูดกันคนหละแบบ

    เหมือนคนเล่นพระสมเด็จเลยครับ พระของตนแท้เสมอ เพราะความหลง และยึดมั่นในอัตตา กิเลสแหลมคมเสมอครับ คนที่รู้จักยอมรับว่า มีคนอื่นที่เหนือตนได้ คือ ครูบาอาจารย์ ที่จะพอลดละอัตตาไปได้ นอกนั้นแหวกแนวหมด
     
  6. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    นิพพาน ที่เห็นในครั้งแรกนั้น จะเรียกว่าแจ้งไม่ได้ และไม่สามารถจะตัดสังโยชน์ได้ เพราะมรรคญาณและผลญาณยังไม่เกิด จะต้องเจริญวิปัสสนาซ้ำไปซ้ำมา จนเห็นว่า ทางเดินจนมาถึงนั้นคืออะไร จึงจะเกิดมรรคญาณ และจะต้องทำซ้ำไปมา จนแจ้งชัดทั้งมรรคญาณและผลญาณ จึงจะละสังโยชน์ได้ขาด

    แม้ในโสดาปัตติผล สกิทามีผล อนาคามีผล อรหัตตมรรค ก็ยังไม่แจ้ง
    เพราะแม้แต่ มรรคญาณ ก็ไม่ได้แจ้งในลำดับเดียว มรรคผลก็ไม่ได้แจ้งในทีเดียว
    จะต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือที่พระพุทธองค์กล่าวว่า มรรคต้องทำให้แจ้ง ผลทำให้แจ้ง นิพพานทำให้แจ้ง
    ทั้งนี้เพราะกิเลสนั้นปกคลุม มากกว่า ธรรม
    และก่อตัวได้เสมอครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,035
    รโชหณัง เอ้ย!!!! นิสัยอย่างนี้
    ชาตินี้คงไม่พัฒนาคุณภาพจิตได้ง่ายๆหลอกครับ
    และก็ ปากดีจังเนาะ ความคิดโครตต่ำมาก
    แสดงถึงคุณภาพทางจิตที่ยิ่งต่ำ ชาตินี้ทางด้านพิเศษอย่าหวัง
    ต่อให้อยากมี ก็มีไม่ได้ ผมฟันธงได้ นับแต่นี้ไป
    ส่วนความสามารถด้านปัญญาทางธรรมก็แค่ระดับพื้นๆ
    อุตสาห์พูดดีๆตั้งหลายรอบแล้วเพื่อแก้ให้ ยังไม่เกทอีกหรือวะ



    เหอะๆๆๆๆ เพราะความคิดแย่มากๆอย่างนี้
    ผมไม่แปลกใจหรอกครับ ว่าถึงคุณพูดแต่ระดับสูงๆ
    เพราะอ่านดูแล้ว มันหล่อดี มันเท่ห์
    คุณคิดว่า คนที่เค้าไม่ได้มาพิมพ์ มาเม้น
    ที่เค้าอ่านข้อความคุณ เค้าจะดูไม่ออกหรือครับ
    ว่าคุณคิดเองเอง ไม่ได้มาจากการปฏิบัติ
    เค้าไม่ได้รับประทานหญ้าเป็นอาหารหลักนะครับ
    เพราะฉนั้น อย่าหลงตัวเองมาก ถึงไม่แปลกใจว่า
    ทำไมถึงได้ไร้ซึ่งความสามารถทางจิต....
    แถมยังคิดอกุศลจิต แบบหยาบช้ามาก.....
    ถามหน่อย เวลาอาจารย์ท่านสอน ถ้าไม่รู้เรื่อง
    วาระจิตตรงนี้ ท่านจะแนะนำคุณได้อย่างไร
    แสดงว่า คนที่ใช้จิตแนะนำการปฏิบัติ
    เป็นมิจฉาทิฐิ ต้องลงนรกหมดหรือ
    ใช้สมองคิดหรือเปล่า ก่อนตอบ
    หรือให้หัวแม่โป้งเท้าตอบ...


    พูดแต่ระดับสูงๆ ถามว่า มีปัญญาไปรู้ไหม
    ตอบให้เลยว่าไม่มี..
    ที่ปากพูดว่า ระดับโน้นนี่นั้น...
    ถ้าอย่างนั้น ห่มเหลืองที่ท่านบอกว่า ท่านโน้นท่านนี้
    เป็นอย่างโน้นนี่นั้น ก็คงลงนรกไปหมดแล้วหละครับ

    อีกคนก็เหมือนกัน นาย ขาจอน
    แผนกตำรา ที่เก่งแต่ปาก...
    กับ อีกคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ไม่มายุ่งกับผมแล้ว
    เมื่อก่อนเก่งนัก อ้างเป็นอาจารย์สอนกสิณมหาภูต
    กล่าวหาผมอย่างโน้นนี่นั้น พอท้าให้แสดงความสามารถ
    เงียบกริ๊บ...เหอะ...
    แล้ว ขาจอน
    ทำมาเป็นอ้างเรื่องบาป เรื่องบุญ ตอนแรก
    แล้วมาพลิกลิ้นว่า ธรรมเป็นกลาง....

    บอกแล้วอย่ามาอ้างเรื่องนี้
    มุขนี้ใช้ไม่ได้กับคนอย่างข้าพเจ้าหรอก....
    ลองมาพิสูจน์ ความสามารถทางจิตกันไหมหละ
    ทั้ง รโชฯ และ ขาจอน เอาไหม...
    กรรมฐานอะไรก็ได้ ใน ๔๐ กองเลือกมาเลย
    หรือจะกรรมฐานพิเศษอะไรก็ได้ ว่ามาเลย
    เด่วจัดให้

    ก็บอกแล้ว ว่าที่พูดมันแค่แนะการปฏิบัติไม่ใช่พยากรณ์
    เพราะว่า พวกบุคคลเหล่านี้
    มันเข้าไม่ถึงเรื่องทางจิตเหล่านี้
    แต่ปากพูดแต่เรื่องระดับสูงๆหล่อๆ
    ถ้าจิตคุณเข้าถึงได้จริงๆ ป่านนี้
    คุณต้อง โคตระ เก่ง โคตรๆๆๆๆๆ แล้ว...
    แต่นี้ อะไร แค่ระดับพื้นๆทางจิต
    ยังไม่รู้เรื่อง ยังดูอะไรแค่พื้นๆไม่ออก

    ถามจริงๆ ฝึกมากี่ปีแล้ว รู้ระดับนั้นแล้ว
    ตัวจิต มีความสามารถทำอะไรได้บ้าง
    ที่เป็นประโยชน์ ใช้งานทางจิตได้หรือยัง
    ตอบให้เลยยัง แล้วยังคิดได้ยังไงว่าตัวเองเก่งอยู่
    หัดยอมรับและเจียมตัวเองบ้าง


    ถ้าการพิสูจน์อย่างผม เป็นเดรัชฉานวิชา
    ป่านนี้ ครูบาร์อาจารย์ทั้งหลายในอดีต
    ที่ชาตินี้พวกคุณมีวาสนาได้เห็นแต่ในภาพถ่าย
    แล้วห่มเหลืองอีกหลายท่านที่สอนผม..
    ตลอดจนท่านที่มีชีวิตอยู่แต่ละท่าน
    มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่เคารพทุกท่าน
    ท่านก็คงลงนรกหมดแล้วหละครับ...
    พูดอะไรหัดคิดบ้างนะครับ....
    ที่ผมพูดบอกแล้วว่าแค่ระดับ อนุบาลพื้นๆ
    แค่ระดับเด็กๆ..แต่ผมนะรู้ตัวเองดี
    ถึงได้พยายามกล่าวอย่างนี้

    พอพูดแบบถ่อมตัว มันกลับได้ใจ...
    พวกนักปฏิบัติที่มันหลงตัวเอง จะนิสัยอย่างนี้ทุกราย
    เห็นชมคนอื่นๆไม่ได้ ทนไม่ได้
    เพราะมันคิดว่า ตัวเองเหนือกว่าใคร
    ซึ่งเวลานี้มันก็ยังทนงตนเองว่ามันเก่งกว่าใคร


    เอาอย่างนี้ ขึ้เกียจพูดดีๆ ทั้ง รโชหรณัง
    กับ ขาจอน. ไหนตอบระดับพื้นๆให้ฟังหน่อยจิ
    ไม่ต้องไประดับที่ทรัพย์แสงสูงๆระดับ
    ละสักกายะฯอะไรได้หรอก หรือระดับ มหาสติ มหาปัญญา
    พูดกันจัง พูดไปตัวเองก็ไม่มี แต่พูดกันจัง พูดทำไมวะ..
    . ไหนตอบระดับพื้นๆที่จะทำให้เริ่มเดินปัญญาได้หน่อยซิว่า

    ๑.กิริยาที่จิตกระเพื่อมเป็นอย่างไร เพราะอะไรมันถึงกระเพื่อม
    และมันกระเพื่อมที่ตรงไหนของร่างกาย
    ๒.ความคิดที่เกิดจากจิตเป็นอย่างไร มันมีต้นกำเนิดตรงไหน
    และมันขึ้นมา หน้าตาทางนามธรรมมันเป็นอย่างไร
    ๓.ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ นามธรรมกิริยาเอกลักษณ์มันเป็นอย่างไร
    ๕ ขันธ์ ๕ นามธรรมอยู่ต่ำแหน่งไหนของจิต
    เวลามามันมาด้านไหนและมาลักษณะอย่างไรของจิต

    ไม่ต้องตอบตรงนี้ก็ได้นะครับ ถ้าไม่มีปัญญาตอบได้
    เพราะแค่ตอบได้ ก็แค่ระดับเริ่มต้นเดินปัญญาได้แค่นั้น
    ยังไม่เกิดปัญญาทางธรรม เป็นการเริ่มต้นของการมีสติ
    ทางธรรม ยังไม่ใช่ มหาปัญญา มหาสติ..ยังไม่เกิดปัญญา
    มากพอ สติมากพอ ที่จะเห็นทั้ง ผู้ดูและผู้รู้ ยังไม่เกิดปัญญาญาน
    ที่จะเข้าใจกระบวณการเกิดการปรุงแต่งอะไรได้
    ยังไม่ถึงขั้นที่ละสักกายะฯได้ ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่กลัวนามธรรม
    ตอบหรือไม่ตอบก็ได้ ระดับพื้นๆ แค่ ๕ ข้อ...

    มาๆ พูดดีๆด้วยไม่ชอบ..เด่วจัดให้...
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สำหรับคุณ ส่วนตัวเรียกว่า พวกเด็กน้อยหลงตัวเองครับ..
    แถมยังเป็นพวกขี้อิจฉา ทนเห็นคนอื่นๆโดนชมยังไม่ได้
    รู้ตัวเองบ้างไหม คุณนะ
    พูดง่ายๆว่า อ่อนทุกเรื่อง ทั้งทางจิต และทางธรรม
    แต่คิดว่าตนเองเก่งมาก..ทั้งๆที่พยายามพูดด้วยดีๆแล้ว
    แต่ยังไม่สำนึก ก็คงยังเก่งแต่ปาก
    แต่นิสัยเหมือนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมครับ
    โทษนะ พอดีผมเป็นคนตรงๆครับ
    มีปัญหาอะไร มาพิสูจน์กันตรงๆได้นะครับ
    ทั้งเรื่องปัญญาทางธรรมหรือเรื่องทางจิตได้
    ทุกกรรมฐานและทุกกองครับ

    เอาเรื่องปัญญาทางธรรมก็ได้ เพราะรู้ว่า
    จิตคุณมันไร้ความสามารถ...
    ไปตอบระดับพื้นๆที่คน รู้แค่หยาบๆ ระดับอนุบาล
    แบบผมถามไว้ก่อน คุณไปตอบให้ได้ก่อนเหอะครับ
    นั่นแค่ระดับเริ่มคลานที่ผมถามไว้
    แล้วค่อยมาเริ่มเรื่องปัญญาทางธรรมกัน
    ไม่ต้องไปพูดให้ตัวเองดูหล่อหลอกครับ
    พูดแต่ระดับสูงๆไปเพื่อ? ทั้งๆที่ตนเองไม่มีเครื่องรู้ตรงนี้
    พูดเพื่อ? อ้างไปเพื่อ? แถไปเพื่อ ?

    เป็นไงครับ เหมือนพวก isis ไหมครับ
    เด่วจัดให้ รออยู่นะครับ..
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขอโทษนะที่เผือก
    พูดอย่างไรก็ผิดหมดครับ เพราะมาจากการคิดวิเคราะห์เอา
    และก่อนจะมาถามผมกลับ ไปตอบระดับพื้นฐานที่ผมถาม
    ให้หน่อยครับ ค่อยมาคุยกันไม่งั้น มันจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
    เข้าใจที่พูดนะครับ ไม่ได้กวนนะครับ แค่อยากพิสูจน์เฉยๆ
    ถามหน่อยพูดทำไมครับ ระดับต่างๆที่ตัวเองไม่มีความสามารถเข้าถึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2017
  10. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    อย่ามีทิฎฐิในการปฎิบัติจนมากเกินไปเลยครับ เวลายกพระสูตรออกมาจากตู้ แล้วคุณไปยึดมั่นมัน มีวิบากนะครับ ให้รู้เฉพาะธรรมตรงหน้า มันมีสเต็ปของมันอยู่ แนวทางปฎิบัติมี ปัญญาระดับบุคคลต่างกัน ล้วนเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ใช่ว่าจะเหมือนกันหมด การยึดมั่นจนเกินไปมันมีวิบากกับใจคุณเองนะครับ ปฎิบัติจนเห็นเองนั้นแหละครับ จะเห็นได้เองว่าเป็นไปตามพระสูตร เห็นธรรมของพระพุทธองค์ เกฺิดศรัทธาความเชื่อมั่น ในคุณของพระรัตน สีลัพตปรามาสมันก็หมดไป
     
  11. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +470
    ขอชี้แจงถึงนพกาน ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย
    ประการแรก ผมไม่เคยคุยกับคุณก่อน
    ครั้งนั้นคุณทะเลาะกับคุณนิวรณ์ แล้วไปท้าพลังเพลิง จน จะขึ้นโรงขึ้นศาล
    ผมก็คุยกับคนอื่นอยู่ดีๆ อยู่ๆก็มาพาลใส่ผม ว่าไปสนับสนุนคุณนิวรณ์ หาว่าผมเป็นคนเดียวกับคุณนิวรณ์ ผมชี้แจงว่าไม่ใช่ และไม่เคยคิดไปยุ่งคนอย่างคุณเลย
    มาคราวนี้อีก เจตนาที่ผมบอกไปนี่ เพราะ เห็นคุณรโหโอชาเขาตีกับพี่ทีเรื่องผลกัน
    ผมก็บอกกันไว้ไม่ให้พลาดถ้าคุยเรื่องผล
    และอีกครั้ง คุณก็ชวนผมทะเลาะอีก สำคัญตนคิดว่าผมไปด่าคุณ
    หาว่าผมกลับกลอกบ้างหละ พื้นๆบ้างหละ สรรหาสารพัดวิธีพาลจนได้
    แล้วคุณจะบิดไส้ กลั้นหายใจ เผาด้วยพลัง เอาให้ตาย หรืออะไร พิเศษๆ ส่งมาหาผม ก็แล้วแต่คุณเลย
    จะไม่ยุ่ง ยุ่มย่าม ไม่ห้าม ไม่ร้องขอ ไม่ฟ้องร้อง ใดๆ
    และจะไม่สนทนา หรือ ไม่ชี้แจงใดๆกับคุณอีก ในวาระต่อไป ด้วยความเคารพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2017
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ชี้แจ้งคุณ ขาจอนนะครับ...
    พูดอธิบายฟังดูหล่อดีนะครับ
    ย้อนอดีตไปไกลเนาะ..คนระเรื่องกันเลย...
    ผมเล่นกับคุณ ประเด็นที่คุณเอาเรื่อง
    กรรมมาอ้างครับพอนึกภาพออกไหมครับ
    ที่คุณไปเขียนต่อหลังจากที่ผมกับลังสนทนากับ
    คุณรโชฯอยู่ครับ
    ผมเลยบอกว่า ไม่ต้องห่วงอะไรผมหรอก
    และไม่ต้องเอาเรื่องกรรมมาอ้าง เกี่ยวกับการแนะนำผม
    เข้าใจนะครับ

    ถ้าไม่เกทจะอธิบายซ้ำ ที่คุณ พูดเชิง
    ว่าผมไปพยากรณ์นั่นหละครับ
    และผมได้อธิบายว่า เป็นแค่การแนะแนวทางการปฏิบัติครับ
    ไม่ใช่เรื่องอื่นๆครับ
    อย่าร้อนตัวครับ...นี่ประโยคที่คุณเขียน
    ถามหน่อยว่า คุณกล้าสาบานไหมว่า
    ไม่ได้กล่าวถึงผม..



    พอมีคนอ้างข้อความคุณ คุณก็อ้าง
    บอกธรรมะเป็นกลางนั่นหละครับ...
    เขียนเองแท้ๆ จำไม่ได้หรือครับ
    พูดยังกับอยู่ดีๆผมไปหาเรื่องคุณ
    ตามหลักฐานข้างบนนั่นหละครับ
    ผมเลยนึกว่า คุณเจ๋งไง
    ถ้าข้อความข้างบนไม่ใช่คุณก็แล้วไป
    ถือว่าผมเข้าใจผิด..เครนะ..
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เบื่อมาก พวกนักปฏิบัติสายคิดเอา เมื่อไรมันจะหมด
    ไปจากเวบนี้ซักที มันคิดว่า มาอ่านเพื่อไปสอบเอาเกรด
    เอาใบปริญญา หรือไปเป็น ดร. หรือไงวะและ
    มันคิดว่า อ่านตำรามา คิดวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์
    แล้วจิตจะเข้าถึงสภาวะตัวหนังสือที่อ่านมาหรืออย่างไร
    แถมยึดติดตำรา หลงตัวเอง ทั้งๆที่ปฏิบัติไม่ได้จริง
    อย่างที่พูด พูดอะไรพูดแต่ระดับสูงๆ ประมาณว่า
    คนมาอ่าน เค้าคงจะกรี๊ดกร๊าด ว่ามันคนเก่งระดับชาติ
    ถึงได้พูด อ้างแต่ระดับสูงๆ เสริมความคิดตนเองอยู่เรื่อยไป
    แถมทิฐิมาก เห็นใครชมใครยังทนไม่ได้และที่สำคัญ
    พอเราไปแย้งมัน พูดความจริง เลยทำให้มันเสียหน้า
    ที่มันพยายามสร้างภาพไว้ เลยเล่นไม้ตายว่า เป็นมิจฉาทิฐิ
    ต้องลงนรกบ้าง เป็นมุขที่พวกสายคิดเอามันชอบใช้
    เด่วพอท้ามันกลับ มันก็หาว่าเราอันธพาลอีก ปวดหัวแทน

    แถมไร้ความสามารถทางจิตแต่ ทำเป็นสะเออะรู้ว่า ข้าพเจ้าโกรธ
    ถ้าคุณโกรธคุณจะเขียนได้แบบข้าพเจ้าไหม ไอ้เด็กปากไม่สิ้น
    กลิ่นน้ำนม ทำเป็นพูดแต่ระดับสูงๆโน้นนี่นั้น
    ช่างไม่สำเหนียกเจียมจิตตัวเองบ้าง....
    มีคนบอกแล้วบอกอีก ยังรั้น คิดว่าตัวเองเก่งมาก
    ปัญญาทางธรรมแม้มีพื้นฐาน แต่ก็มาจากการคิดทั้งนั้น

    คุณมันเหมือนพวก นักวิจารณ์อยู่ริมสนาม
    ทำเป็นเก่งไปทุกเรื่อง ทั้งๆที่ไม่เคยลงสนามจริงนั่นหละครับ


    เอาอย่างนี้ ขึ้เกียจพูดดีๆ รโชหรณัง
    ไหนตอบระดับพื้นๆให้ฟังหน่อยจิ
    ไม่ต้องไประดับที่ทรัพย์แสงสูงๆระดับ
    ละสักกายะฯอะไรได้หรอก หรือระดับ มหาสติ มหาปัญญา
    ที่ตอนนี้ คุณยังไม่เข้าใจกิริยามันหรอกครับ
    พูดจัง พูดไปตัวเองก็ไม่มี แต่พูดจริง พูดทำไม ?

    พูดแล้ว ทำให้ตัวเองดูหล่อหรือไง พูดไปใครก็ดูออก
    ว่าคิดเอาทั้งนั้นหละ..ยังไม่รู้ตัวเองอีก

    ไหนๆตอบระดับพื้นๆที่จะทำให้เริ่มเดินปัญญาได้หน่อยซิว่า

    ๑.กิริยาที่จิตกระเพื่อมเป็นอย่างไร เพราะอะไรมันถึงกระเพื่อม
    และมันกระเพื่อมที่ตรงไหนของร่างกาย
    ๒.ความคิดที่เกิดจากจิตเป็นอย่างไร มันมีต้นกำเนิดตรงไหน
    และมันขึ้นมา หน้าตาทางนามธรรมมันเป็นอย่างไร
    ๓.ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ นามธรรมกิริยาเอกลักษณ์มันเป็นอย่างไร
    ๔ .ขันธ์ ๕ นามธรรมอยู่ต่ำแหน่งไหนของจิต
    เวลามามันมาด้านไหนและมาลักษณะอย่างไรของจิต

    นี่เทียบได้กับ ระดับ สูตรคูณเบื้องต้นและ ไม่ต้องมาสะเออะ
    ทำเป็นพูดระดับ ดิฟ อินทิเกรท ที่ตัวเองเข้าไม่ถึงหรอก
    อยากจะลองเรื่องกับปัญญาดูซักตั้งหน่อย
    ข้าพเจ้าแค่ระดับพื้นๆกากๆนะ อยากลองว่า
    ที่มันคิดว่ามันแน่ และ ที่มัน ทิฐิสูง แต่ปากแบบจิตต่ำๆ
    แต่มันว่าคนอื่นๆเป็นมิจฉาทิฐิและเห็นต่างมันจะลงนรก
    อย่างนี้มันจะแน่แค่ไหน
    ไม่เกี่ยวกับ คุณ ขาจอนนะ เฉพาะ รโชหรณัง คนเดียว

    ไม่ทราบว่า ที่เขียน ณ เวลานี้ข้าพเจ้าหรือเปล่า
    ถามหน่อย รู้ได้ไง มีความสามารถหรือ ทำเป็นแสดง
    แน่จริง ตอบ คำถาม ๕ ข้อที่ผมถาม ให้ชาวเวบพลังจิต
    ได้ชื่นใจหน่อยได้ไหมครับ. ผมว่านะ
    โลกต้องการคนปฏิบัติได้จริงมากกว่า
    คนคิดเอาเองนะครับ...(^_^)

    พูดกับ รโชหรณัง นะครับ
    เด่วว่างจะมาดูคำตอบให้ชื่นใจ
    อย่ามามุขถามย้อนคืนแล้วไม่ตอบนะ
    ก็พี่พูดซะเก่งเหมือนระดับชาติ
    เลยอยากลองว่า ระดับอนุบาลอย่างผมพี่
    รู้หรือยัง พอดีผมยังไม่เก่ง แค่พื้นๆ หยาบๆ พอกากๆ
    หวังว่าพี่จะเข้าใจนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2017
  14. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    555 nopphakan เอ๊ย
    นี่แหละผลของการเล่นคุณไสย ติรัจฉานวิชา
    ไม่รู้จัก สัมมาทิฎฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวาจา
    ปากยังคุมไม่ได้ จะคุมจิตตัวเองได้อย่างไรหละครับ

    เดี๋ยวว่างๆผมจะมาสาธยาย ธรรม เกี่ยวกับคำถามที่คุณให้มา แต่จะตอบให้ตรงคำถามหรือไม่นั้นอีกเรื่องนะครับ เพราะคำถามไร้ประโยชน์ ไม่นำไปสู่การดับทุกข์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2017
  15. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    1. กิริยาที่จิตกระเพื่อม ก็แบบที่ nopphakan และ tboon รู้สึกไม่พอใจ เวลาถูกแย้งแล้วเถียงไม่ขึ้นไงหละครับ
    เพราะเหตุใดมันถึงกระเพื่อม ตอบว่า ก็เพราะว่า อวิชชา อัตตา มันดองอยู่ไง เวลามันถูกกระทบ มันก็แสดงตัว ดีดดิ้น เพราะกระทบตัวมัน
    มันกระเพื่อมตรงไหนของร่างกาย ตอบว่า มันก็กระเพื่อมทั้งตัวนั่นแหละครับ มันจะแสดงออกทาง ตา มือ ปาก ใจ และเลือดมันก็สูบฉีด เพราะโทสะมันขึ้นหละครับ

    2. ความคิดที่เกิดจากจิต เป็นอย่างไร ตอบว่า ก็ตอนที่จิตมันโมโห โทโส มันก็ผลักดันให้ความคิดเพี้ยนๆ ออกมานั่นหละครับ หน้าตาทางนามธรรม มันก็เลยออกมาเป็นรูปธรรมทางตัวหนังสือ

    3. ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ นามธรรมกิริยาเอกลักษณ์มันเป็นอย่างไร ความคิดที่เกิดจากขันธ์ 5 ตัวไหนหละครับ มันมีตั้ง 5 ตัว ถ้าเป็นตัวสัญญา ก็คือ หมายมั่นผิดๆ แล้วก็เอาความหมายมั่นผิดๆ นั้นหละ ปรุงความคิดขึ้นมาใหม่ผิดๆ เอกลักษณ์ของมันคือ จมอยู่กับความคิดเดิมๆ หละครับ

    4.ขันธ์ ๕ นามธรรมอยู่ต่ำแหน่งไหนของจิต
    เวลามามันมาด้านไหนและมาลักษณะอย่างไรของจิต
    ตอบว่า ก็จิตมันเป็นนามธรรมจะมาหาตำแหน่งของนามธรรมได้อย่างไรหละครับ ถามไม่คิดเลยนะครับ
    เวลามันมา มันก็แปลงร่างจากจิตนั้นแหละครับ ถ้าจิตเป็นธรรม เป็นกุศล มันก็มาดี ถ้าจิตมันเป็นอกุศลมันก็มาร้าย เช่นว่า จะเสกคุณไสย ไปทำร้ายคนอื่น แบบนี้หละมาจากอกุศล
     
  16. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ตรงไหนครับ ที่ผมมีทิฎฐิในการปฏิบัติ
    พระสูตร พระธรรม เป็นดังพระศาสดา คุณ Xtrem ไปเถียงกับพระศาสดาหรือครับ

    มันเป็นข้ออ้างของคนมีกิเลสหนา ที่ว่า เวลาตนกล่าวผิด และไม่ตรงกับพระสูตร แล้วบอกว่า อย่าไปยึดมั่น
    คำว่า ไม่ยึดมั่น นี่ต้องนำมาใช้เวลาที่ ปฏิบัติ นั้นจะไม่ยึดกับตำรา แต่ต้องปฏิบัติไปตามวิถีของ สติปัญญา ของตน อันเป็นปัจจัตตัง แต่เมื่อปฏิบัติแล้วจะต้องนำผล มาตรวจทาน ไตร่ตรองว่า ที่เราปฏิบัติมานั้น ถูกต้อง ตรงกับ พระสูตรบ้างหรือไม่ เพราะกิเลสมันแปลงร่างได้ทุกรูปแบบ แปลงร่างเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ แปลงร่างเป็นเทวบุตรเทวดา ก็ได้
    จึงต้องรู้จักตรวจทานสิ่งที่ตนปฏิบัติ ในจุดที่เริ่มจะก้าวหน้าว่า ตรงกันกับพระสูตรกล่าวไว้หรือไม่
    พระไตรปิฎก ไม่มีที่ต้องติ แล้วครับ พระศาสดาตรัสไว้ชอบแล้วทุกประการ
    มีแต่ คนกิเลสมาก เท่านั้นหละครับ ที่จะเข้าข้างให้สิ่งที่ตนได้มา ไปพ้องกับคำพูดของพระพุทธเจ้าแบบถูๆไถๆ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขอบคุณที่ตอบครับ ถือว่ากล้ามาก
    ยังนับได้ว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่

    แต่อ่านแล้ว บอกตรงๆ
    ขำไปถึงดาวอังคารครับ
    พูดตรงๆนะ โคตรอายแทนเลย
    เป็นการพยายามคิดมาตอบ
    เด่วพวกที่รู้จักผมมาอ่าน
    คงฮากลิ้ง
    เอาแค่ในนี้นะ อย่าไปเล่าให้ใครฟัง ๕๕๕
    ขอบอกว่าผิดทุกข้อ ครับ ดำน้ำเน่าๆจริงๆ
    แสดงว่าไม่เข้าใจทางนามธรรมเลยซักแอะ


    แล้วยังเจือกอวดเก่งอยู่ได้
    ก็บอกแล้วว่าการปฎิบัติมันคิดเอาไม่ได้
    กลับไปฝึกเริ่มต้นมาใหม่เหอะน้อง
    น้องยังห่างไกลมากกกกกกก
    นี่หละ การคิดเอา แต่ปฎิบัติไม่ได้
    ดันอวดเก่งพูดแต่เรื่องสูงๆ พอเรื่องพื้นๆกลับ
    ตอบไม่ได้ ที่เค้าเรียกปลาตายน้ำตื่น
    ดังกว่า รายการหน้ากากนักร้องซีชั่น ๒ อีก

    ปล. ไอ้นี่ ไก่อ่อนแต่ชอบ แสดงกล้าม
    ทำเป็นไก่ตี ตำราล้านเปอร์เซนต์ (^_^)
    คุณกับผมคงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอกคับ
    เพราะผมแค่กากๆ แต่พอถามพื้นๆ
    พวกชอบพูดระดับสูงๆ
    แค่การปฎิบัติพื้นฐานเพียงแค่เริ่ม
    เดินปัญญาได้ดันตอบไม่ได้ ๕๕
    จบกันความแตก รู้ทั้งห้องอภิญญา ๕๕๕
    ไปแระส่วนตัวไม่มีอะไรคุย
    ด้วยกับคุณแล้วคับ
    ไว้อาลัยแป๊บ bye
     
  18. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ตลกกลบเกลื่อน เถียงไม่ออกหละสิครับคุณ nopphakan :D:D:D
     
  19. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    นอกจากจะเล่นคุณไสย ปากไม่ดี และยังตีไก่ชนอีก
    คราวนี้รู้กันทั้งเว็บเลยมั้งนี่ 555 เอายังไงดีหละครับ
    แต่ คนเราถึงจะชั่วจะเลวอย่างไร ก็กลับตัวได้
    แต่ ระวัง อวิชชา จะยึดเอาพระธรรม เพื่อที่จะพอกกิเลสไว้ที่สัญญาธรรมะ กลายเป็นหนักกว่าเดิม คือ ศึกษาธรรมะแล้วคิดว่า ตนดีแล้ว ตนประเสริฐแล้ว กิเลสมันจะค่อยๆตะล่อมๆ สะสมกำลังไว้ นะครับ จะถามอะไรอีกก็ถามมาได้เสมอนะครับ ธรรมะคือความจริง จะธรรมะง่ายหรือยาก ก็คือความจริง ครับ
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมว่านะ คอนเซ็บท์คุณกับผมในการปฏิบัติธรรมเนี่ยท่าจะไม่ตรงกันนะ ดูจากที่คุณกล่าว คุณยกพระสูตรมาเทียบ และว่าผมปฏิบัติไม่เป็นไปตามขั้นตอนอย่างพระสูตร หมายความว่าของคุณเนี่ยต้องมาตามพระสูตรเป๊ะๆ ไม่มีพลาดเลย คือถ้าพลาดมันจะไม่ใช่ไง ไม่ใช่อริยบุคคล ไม่มีทางเป็นอริยบุคคลได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นต้องให้ตรงเป๊ะมาเลย ทฤษฎีผ่านหมด ส่วนเรื่องออกจากทุกข์ได้หรือไม่ได้ไม่ยักกะดูแฮะ หรือถึงต่อให้ออกจากทุกข์ได้ กรูก็ไม่เชื่อ เพราะว่ามะอึงไม่ตรงตามตำรามา :D:D:D

    เออเนอะ ถ้าว่าจะตัดสินกันด้วยหลักพระสูตรแบบนี้ อย่างนั้นก็อยากจะถามว่า หลักธรรมในพระไตรปิฎกมี 84,000 พระธรรมขันธ์ พอจะได้ยินได้ฟังมาบ้างว่า พระพุทธองค์เทศนาว่าการเมื่อไร เป็นต้องมีบุคคลบรรลุธรรมทุกครั้งไปเสมอ เลยอยากทราบว่า ได้อ่านได้ศึกษามาครบทุกพระธรรมขันธ์มาก่อนหรือยังครับ ก่อนที่จะมาเป็นนักตรวจสอบชาวบ้านตามหลักพระสูตรนี้ครับ :D:D:D
     

แชร์หน้านี้

Loading...