ท่านฝึกละสังโยชน์ ๓ เพื่อเตรียมตัวเป็นโสดาบันอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์โง๋, 11 เมษายน 2017.

  1. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ก็ไม่เป็นไรครับ อยากจะเถียงกับพระสูตร ก็ตามใจนะครับ ปิดกั้นปัญญา สมองทึบ สัจธรรมลบเลือน ไม่รู้ด้วยนะครับ
    :D:D:D
     
  2. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ขอยืนยันว่า ที่คุณซักไซร้ไล่เลียงจะเอาผิดผมเรื่องแจ้งในส่วนอสังขตธรรมก่อน แจ้งมรรค แจ้งผลอะไรนั่น โดยไม่ดูว่า เขาเอาปัญญาการเห็นแจ้งนั้นไปทำอะไร เป็นคุณต่อการภาวนาอย่างไร ดูไม่ออก คุณก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มที่ยังเป็นสีลพตปรามาสพันเปอร์เซ็นต์ครับ ยังเป็นพวกตาบอดคลำช้าง ยังไม่เห็นช้างทั้งตัว เลยไม่รู้ว่าจะเอาช้างไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ยังมัวแต่เถียงว่าช้างต้องเป็นแบบนั้นสิแบบนี้สิอยู่เลย ลองไปพิจารณาตัวเองดีๆ นะครับ

    อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ภาษามันฟ้องครับ "ส่วนคุณ Tboon จะมุ่งไปทางธรรมก็อนุโมทนาฯ" กล่าวแบบนี้ก็แบไต๋เลยว่าไม่ได้ฮาอะไรเลย ดันบอกมาได้ ส่วนคุณ Tboon จะมุ่งไปทางธรรมฯ แสดงว่า คุณไม่ได้มุ่ง ที่สำคัญคือ ไม่ใช่มุ่งไปทางธรรม ไอ้นั่นมันภาษาคนไม่เห็นทุกข์ ยังสนุกทางโลกเขาพูดกัน จริงๆ คือ ผมมุ่งหลุดพ้น พ้นทุกข์สถานเดียวเท่านั้นครับ อย่างอื่นพอแล้ว แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามเหตุปัจจัยด้วยครับ
     
  3. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    คุณ Tboon ครับ คุณนี่สัจธรรมเลอะเลือนไปกันใหญ่แล้วครับ ผมจะอนุโมทนาก็ผิด ผมหัวเราะก็ผิด เฮ้อ คุณไปอธิบายเรื่อง นิพพานแจ้ง ให้แจ้งดีกว่าครับ ผมจะคอยอ่านดูว่า คุณแจ้งแค่ไหน แล้วผมจะแย้ง คุณก็ลองแสดงภูมิธรรมมา ดูซิว่า พยานของพระศาสนาอย่างคุณจะยืนหยัดได้ไหม กับแค่คนอ่านตำราอย่างผม คุณยังโต้แย้งด้วยสัจธรรมไม่ได้ คุณจะบอกว่าพร้อมจะเป็นพยานได้อย่างไรหละครับ
     
  4. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ใครเถียงกับพระสูตร มันคนละวรรค คนละตอน พระสูตรที่คุณยกมากล่าวถึงภูมิอรหันต์ ซึ่งก็ถูกแล้ว การแจ้งนิพพานมีในฐานะของพระอรหันต์เท่านั้น ส่วนการเข้าไปเห็นธรรมในส่วนอสังขตธรรม หรือ เห็น นิพพานเพียงชั่วครู่ ย่อมเกิดขึ้นได้ในฐานะของพระอริยบุคคล โสดาบันถึงอนาคามี ใช่ว่าทุกคนปฎิบัติธรรมแล้วจะสำเร็จอรหันต์เลยแบบม้วนเดียวจบ ผมว่าคุณรโชมีความรู้แค่เปลือกเท่านั้นเองนะครับ ไม่ได้รู้จากการปฎิบัติ ทิฐฐิมานะของคุณนั้นละครับที่ปิดกั้นปัญญาคุณเอง
     
  5. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    แล้วพระสูตรบอกว่าต้องแจ้งนิพพานก่อนหรือเปล่าหละครับ
    ผมจะมีความรู้แค่เปลือกก็ไม่เป็นไรนี่ครับ เอาเปลือกๆนี่หละถาม คนความรู้ถึงแก่น
     
  6. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    พระสูตรบอกว่า....พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า..พระสูตรบอกว่า....พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า...พระสูตรบอกว่า... ในจิตคุณมีแค่นี้หรือ นี้แหละผมถึงบอกว่าคุณยังรู้แค่แปลือกนะครับ
     
  7. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ผมคงมีเวลาคุยด้วยอีกสักพักเท่านั้นนะครับ
    เดี๋ยวผมจะไปเจริญกรรมฐาน อานาปานสติ เข้าฌาณไปตามลำดับ
    เพราะเวลาสนทนากับ คนมีกิเลสมาก นิวรณ์อาจจะก่อกวน ต้องทำสมาธิเพื่อดับนิวรณ์
    แล้วดับ สัญญา สังขาร อารมณ์ปฏิฆะ อันอยู่ในจิต เรียกว่า ทำจิตให้ผ่องใส
    เวลาทำงาน ทำการจะได้มีสติปัญญา
    คนทั่วไป ดองสัญญา ดองสังขาร ดองอารมณ์ไว้ ตื่นก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ วันๆแบก สัญญาเก่าๆ สังขารปรุงแต่งเลอะเทอะ อารมณ์เลอะๆเทอะๆทั้งวัน
    แล้ว ก็มาคุยว่า รู้ธรรมถึงแก่น

    ใครจะทำตามก็ได้นะครับ ไม่หวงหละครับ
     
  8. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ขอให้เจริญในธรรมนะครับ อนุโมทนาครับ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    หาว่าข้าพเจ้าพยาบาท ๕๕๕ ตัวเองว่าข้าพเจ้า
    เป็นพวกเล่นคุณไสย์ก่อน เลยจัดให้ไง
    ตาบอดมองไม่เห็นที่ว่าข้าพเจ้าหรือ

    ไอ้ขี้โม้ระดับดาวอังคาร เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
    เข้าฌานตามลำดับเหรอ ทำได้เหรอน้อง
    มโมเอาอีก แล้วหรือครับน้อง ๕๕๕
    ฟอร์มมันเยอะไอ้นี่ เหลี่ยมจัดกลัวเสียหน้า
    เพราะท่ามากไว้แต่แรก

    ท้าเลยว่าไอ้นี่ปฐมฌานก็ทำไม่ได้ ๕๕๕
    ต่ำกว่าก็ทำไม่ได้ สูงกว่าก็ไม่ได้
    เอาไหมผมท้า ทุกกรรมฐาน ในระดับที่แสดงผลได้
    พิสูจน์กันไหม และอย่าโม้เรื่องแก่นธรรม
    แบบปัญญานิ่มอีกเลยครับ หน้าด้านเนาะคนเรา

    ปล.น้องคับ คำพูดจะศักดิ์สิทธหรือไม่
    มันอยู่ที่กำลังจิตของบุคคลนั้นๆนะคับน้อง
    และบารมีที่ได้สะสมมานะครับ (^_^)
    ไม่ใช่บารมีโม้ด้วยปากแบบน้องแล้วกัน
    และไม่มโนเข้าฌานแบบโม้เหมือนน้องด้วยครับ(^_^)
    เวบนี้ถ้ามีใครยอมรับว่าตัวเองหน้าด้านที่ ๑
    ไอ้นี่ได้ ที่ ๒ แบบคะแนนทิ้งห่างทุกลำดับถัดมา
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คุณศิษย์โง๋ ครับ
    อ้างอิงแรกผมนะใช่เป็นไปตาม
    ที่ ลพ.ท่านกล่าวครับ
    แต่เวลาที่ผมพูดจะพูดถึงท่านที่ตัดได้จริงๆ
    ส่วนใหญเป็น ท่านที่ห่มเหลืองครับ



    อ้างอิงต่อมา ที่คูณพูดมันเป็นเหตุ
    ที่เกิดแล้ว ยังไม่ใช่กิริยาของตัวจิตครับ
    เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ
    ยก ตัวอย่างเปรียบ กิริยาร่างกายเดินคือ
    ขยับแขนไปมา ขยับขาไปมาแบบโน้นนี่นั่นเข้าใจเนาะ
    ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้แขนขาขยับ
    พอมองภาพออกเนาะ
    จะเห็นตรงนี้ได้ต้องเพิ่มกำลังสติทางธรรม
    และสมถะเข้าไปหนุนครับ
     
  11. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    การละ เห็นโทษใน"สุข" แตกต่างจากการละ เห็นโทษใน "ทุกข์" อย่างไหนมีความสำคัญกว่า อย่างไหนสร้างสติทางธรรมได้มากกว่า
    ขอรบกวนท่านผู้ที่มีความรู้ทั้งหลาย รบกวนแจกแจง ขยายความ ให้ความรู้แก่ผู้อ่านด้วยครับ ขอบพระคุณครับ
     
  12. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    โดยสภาวะ มันเท่ากันครับ

    สุขแบบโลกๆ ทุกข์แบบโลกๆ
    รวมๆแล้ว มันคือ ทุกข์ล้วนๆ วนอยู่ในสังสารวัฏ ไปเรื่อย

    เพราะมันเป็นสิ่งเกิดดับ ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์

    ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ หรือจะเรียก ทำสติตามรู้
    กำหนดรู้ ก็เพื่อ ให้เกิดสติทางธรรม(สัมมาสติ)


    ฉะนั้น หากไม่กำหนดรู้ทุกข์แล้ว จะไม่มีทางที่สติทางธรรม(สัมมาสติ)จะเกิดขึ้นได้


    ส่วนเรื่องการละกิเลส อะไรนั้น
    มันเป็น ผลงานที่เกิดขึ้น ของสติทางธรรม(สัมมาสติ)
    การละกิเลสมันจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

    ยิ่งสติมีความเข้มข้นมากเท่าไหร่ การละมันก็เข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น

    ถ้าเรียกตาม พระไตรปิฎก ก็เรียก สติพละ
     
  13. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    หากภาวนายังไม่เคยสัมผัส สัมมาสติ



    บางคนได้ยินแต่คนพูด แต่ สติ สติ อย่างเดียว มันจะเป็นไปได้ไง
    ไม่พูดถึง สมาธิ ปัญญาเลยเหรอ?



    สมาธิ ปัญญา ในทางพุทธศาสนา
    มันมันเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน
    สัมมาสติเป็นเหตุ ให้ สัมมาสมาธิเกิดขึ้น
    สัมมาสมาธิ เป็นเหตุให้ปัญญา จนไปถึงขั้น อธิปัญญา ปัญญาอันไพบูลย์
    ที่ทำให้แจ้งนิพพาน

    สติ สมาธิ ปัญญา ในทางพุทธ มันจึงเป็นสิ่งที่ ไม่มีเจตนาจะสั่งขึ้นมาได้
    แต่เพียรสร้างเหตุ ให้เกิดขึ้นเป็นผลงานได้
     
  14. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    อย่าไปเลือกนะครับ มันบังคับไม่ได้หรอกครับ อันไหนมาก่อนก็รู้ทันอันนั้นไป อย่างเพลินมาก่อน ก็รู้ทันความเพลินไป ทุกข์บีบคั้นมาก็รู้ครับ

    รู้ อย่าไปปรุงเป็นดีเป็นร้ายอะไร รู้เวทนาไปตรงๆ ไม่ต้องไปคิดว่ามันร้อนมันเย็นมันสุขมันทุกข์อะไร งงไหมครับ หมายความว่ามันเผลอตัดสินไปแล้ว ก็รู้ทันอีกที ไม่ต้องไปปรุงต่อ ดูธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงครับ

    เรื่องสัมมาสติอะไรนี่ไม่ต้องไปบัญญัติอะไรทั้งนั้นครับ นั่นนอกเหนือเนื้อกิจอันควรทำไปแล้ว เป็นเรื่องของสมมุติบัญญัติไปหมด อย่าไปหลงตรงนั้น จะเสียเวลาเปล่าๆ แต่ถ้าหลง ก็กลับตัวได้ครับ ทันเสมอ ไม่มีคำว่าสายเกินไป :D
     
  15. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    พระศาสดายก อริยสัจ มาสอน ก็นำด้วย สภาวะทุกข์ จึงต้องเห็นทุกข์อันดับแรก
    ส่วนสุข นั้นแท้จริงก็คือทุกข์ แต่เป็นทุกข์อันละเอียด ผู้ที่จะเห็นสุขว่าเป็นทุกข์ คือ ผู้ใกล้จะสิ้นกิเลส จึงยกเอาสภาวะที่ไม่เที่ยงในสุขนั้น ขึ้นพิจารณาหา สุขที่ประณีตกว่า จนถึงบรมสุข คือ พระนิพพาน เป็นเรื่องของการทำให้แจ้งในมรรคผล

    แต่สำหรับคนทั่วไปนั้น ควรจะเห็นความทุกข์ เพราะทุกคนไม่ปราถนาความทุกข์ จึงต้องหยิบความทุกข์ขึ้นมาพิจารณา เพื่อเรียนรู้ว่าสิ่งใดคือ ทุกข์ แล้วหาเหตุแห่งทุกข์นั้น ดับทุกข์นั้นให้ได้ ตามกำลังความสามารถ

    ส่วนความสุขนั้นปล่อยให้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ดังที่พระพุทธองค์ทรงวาง อริยมรรค เอาไว้ ก็เพื่อให้ใช้ชีวิตนี้ อย่างมีความสุข และสุขอันประณีตใน สัมมาสมาธิ ก็ถือว่า เป็น ทางเดิน ไม่ใช่เป็น ภัย
     
  16. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    หมายถึงการไม่ยึดมั่นในเวทนา? ทั้งสุข ทุกข์ อุเบกขา ถ้าเราไปยึดก็เกิดอนุสัยสะสมในจิตใต้สำนึกได้ ถ้าเป็นกิเลศที่อยู่ในจิตใต้สำนึกจะปรุงแต่งอัตโนมัติเลย
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ต้องทำความเข้าใจ ทุกข์ ในธรรมวินัยนี้ใหม่

    ทุกข ในธรรมวินัยนี้ หมายถึง ตั้งอยู่ไม่ได้
    จะต้องมีความแปรปรวนไปเปนธรรมดา

    ละ โทษในสุข เพราะ สุขตั้งไม่ได้นาน

    ละ โทษในทุกข์ เพราะ ทุกข์(ใจ/กาย)มันตั้งไม่ได้นาน

    โทษในทุกข เผ็ดร้อนกว่า โทษในสุข

    แต่ มัน สมชีวะภาวะ คือ ตั้งไม่ได้(แสดงธรรม
    คือ ทุกขสัจจ ให้สัมผัส) เสมอกันทุกประการ

    ความที่ ละโทษในสุข เนื่องจากเผ็ดร้อนน้อย
    กว่า แต่ ทว่า " ละ" ได้

    ละทุกขจากโทษ ก้ไม่ต้องพูดถึง

    สีล เปนสุข แต่ก้เกิดดับ

    สมาธิ เปนสุข แต่ก้เกิดดับ

    ละ โทษในสุขได้ การละทุกข์ในโทษ ก้ไม่ต้องพูดถึง
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อันนี้ นักภาวนาที่ดี มักจะพลาด

    ภาวนามาดีตลอด กล่าวธรรมตรงได้ตลอด

    แต่มาพลาดตรง อุบายนำออก กลับไม่กำหนดรู้

    ถามว่า.....

    เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง

    เงื่อนไข ห้ามขมิบปาก หรือ ขมิบจิต ตอบ

    อนุสัยมันจะขยับตอบ ดูดีๆ ในเวทนาเหล่านั้น
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ยกตัวอย่าง พระสาลีบุตร ภาวนามานาน
    เปนนักภาวนาชั้นยอด

    แต่พอภาวนาปั๊ป อุเบกขาเกิดตลอด
    จิตทรงฌาณ ไม่ต่างจากโค ที่เขาเทียม
    รหัสเดินวนวิดน้ำ จะ สามารถหยั่งเท้าลง
    ในหลุม ว่างๆ ว่างๆ แปดชนิด(+1) มานาน
    เดินไปไหน หากชายผ้าไปโดนใคร จะรีบขอโทษ
    แต่กระนั้น ก้ลืม กำหนดรู้เวทนา

    เลยติดอยู่ พอได้งานพัดวีให้พระตถาคต

    ก้จึงมากำหนดรู้
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง.. สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า.. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?

    ยกมาให้ครบ ๆ ไม่ว่าอะไรก็ตามถ้าฉวยเอามาเป็นตน เป็นของของตน ก็เจ๊งทั้งนั้น ไม่ต้องคิดเยอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...