ท่านฝึกละสังโยชน์ ๓ เพื่อเตรียมตัวเป็นโสดาบันอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์โง๋, 11 เมษายน 2017.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    มันมีความจงใจ ก็เลยไม่เห็น พอจงใจแล้ว ไม่ปลิ้นไปทางสงบ ก็ฟุ้งพิจารณาไปใหญ่เลย
     
  2. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ในขณะเจริญสติปัฏฐาน มรรคทั้ง แปด มันไปด้วยกันอยู่แล้วครับ

    เพียงแต่ว่า มันเป็นมรรคในขณะตบแต่ง

    เจริญไปเรื่อย
    เจริญไปเรื่อย
    กำหนดรู้ไปเรื่อย
    หรือจะใช้ วลีอะไรก็แล้วแต่ ที่เกียวกับการสร้าง การเจริญสติ

    หากใช้คำที่มีมาในพระไตรปิฏก ก็ เช่น
    ..........................

    [๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุย่อมทำความรู้สึกตัวในการ
    ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว ในการคู้เข้า ในการเหยียดออก
    ในการทรงผ้าสังฆาฏิบาตรและจีวร ในการฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม ใน
    การถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ย่อมทำความรู้สึกตัว ในการเดิน การยืน การนั่ง
    การหลับ การตื่น การพูด การนิ่ง ดังพรรณนามาฉะนี้

    ...................................................

    ผลแห่งความเพียรนี้เอง มรรคจะรวมเป็นหนึ่งสัมปยุติกันเอง

    ศีล สมาธิ ปัญญา จะรวมเป็นหนึ่ง ไปเป็นลำดับลำดาของมันเอง
     
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    อย่างคำถามนี้ ก็คือคำนึงอนาคต อยากรู้ความเป็นไปก่อน ตัวนี้ก็มาขวางได้
     
  4. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ผมไม่เห็นอะไรหรือครับ แล้วจงใจอะไร แล้วสงบก็ดีไม่ใช่หรือครับ
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    อันนี้ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้มานั่งเช็ควาระจิตอะไรกันนะครับ ผมแค่พิจารณาสิ่งที่เป็นปัญหาที่ผมเคยเจอะเจอมาจากประสบการณ์ เมื่อคุณถาม ผมก็ตอบตามประสบการณ์ครับ แต่คิดว่าคงพอเท่านี้ก่อน
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    สงบไม่เกิดปัญญา ไม่เห็นทุกข์จะดีอะไร ก็ดีแบบโลกๆ ก็คงจะพอได้มั้งครับ
     
  7. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ไม่ได้นะครับ คุณ Tboon คุณจะมาสอนผมครึ่งๆกลางๆ ให้ผมงง ได้อย่างไร:eek:
    สอนก็สอนให้ เต็มบทสิครับ
     
  8. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    แล้วสัมมาทิฎฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีโว สัมมาวาจาจะใช้การเจริญมหาสติอย่างเดียวได้หรือครับ ถ้าไม่ปรับมัน แล้วจะรู้ตัวได้อย่างไรหาก เคยชินทำแบบนั้นมาเนิ่นนาน
     
  9. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    แล้ว ดีแบบไม่โลกๆ แบบปัญญา มันจะต่างกับผมสงบอย่างไรหละครับ
    ทุกวันนี้ผมก็สบายใจ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ สงบใจ เบิกบาน แล้วหละครับ
     
  10. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    เดี๋ยวพรุ่งนี้มาผมมาเข้าชั้นเรียนใหม่แล้วกันนะครับ อาจารย์ Tboon
    เดี๋ยวจะลองไปฝึก ให้กลางกว่านี้ ดับจิตหายเข้าไปใน วิหารธรรม เลย :D:D:D
    ขอบคุณนะครับ ที่มาสอนกรรมฐานให้ อย่างน้อยก็ เป็นวิธี ที่ทำให้ เจอกลาง
    อาจจะทำให้ ผมเกิด ทัศนะในการเห็น การเกิดรูปนาม อะไรสมมติ อะไรปรมัต ได้
     
  11. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ลองถามตัวเองดู

    เช่น

    คำสอนที่ชื่อ สติปัฏฐาน เป็น คำสอนที่มีก็ต่อเมื่อ พระพุทธเจ้า มาประกาศศาสนาเท่านั้น

    ที่นี้
    คำสอนพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ หรือ มิจฉาทิฏฐิ

    คำสอนที่ชื่อ สติปัฏฐาน
    สอนไปในทาง สัมมาสังกัปโป หรือ มิฉาสังกัปโป

    ในขณะที่ทำตามสติปัฏฐาน เช่น ภิกษุย่อมทำความรู้สึกตัวในการ
    ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว มันเป็น มีอะไรที่เป็น มิจฉาวาจามั่ง

    คำสอนที่ชื่อ สติปัฏฐาน
    สอนให้ผู้ปฏิบัติตาม ไปในทางสัมมากัมมันตะ หรือมิจฉากัมมันตะ

    ในขณะที่ทำตามสติปัฏฐาน เช่น ภิกษุย่อมทำความรู้สึกตัวในการ
    ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว มันเป็น มีอะไรที่เป็น มิจฉาอาชีโวมั่ง

    ในขณะที่ทำตามสติปัฏฐาน เช่น ภิกษุย่อมทำความรู้สึกตัวในการ
    ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว มันเป็น เรียกว่ามี สัมมาวายามะหรือไม่

    ในขณะที่ทำตามสติปัฏฐาน เช่น ภิกษุย่อมทำความรู้สึกตัวในการ
    ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว มันเป็น เรียก ว่ามี
    เป็นการเจริญ สัมมาสติหรือไม่

    บุรุษ ผู้มี ใจ ตั่งใจในการเจริญ เช่น
    ย่อมทำความรู้สึกตัวในการ
    ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว อยู่อย่างนี้ ได้ต่อเนื่อง
    เรียกว่า มีความตั่งมัน หรือ สัมมาสมาธิหรือไม่

    ฉะนั้น แล้ว ในขณะที่เจริญสติปัฏฐาน
    มรรค 8มันรวมอยู่ในนั้นหมดแล้วในส่วนการตบแต่ง
    การตั้งใจ การทำความเพียรตรงนี้ หากอย่างต่อเนื่อง

    ผลงานแห่ง มรรคสัมปยุติ ที่พ้นการตบแต่ง มันจึงจะตามมาเป็นผลงานไปตามลำดับ
     
  12. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ก็ตอนฝึกสติ มันก็รวมได้นะสิครับ แล้วตอนไม่ได้ฝึกหละครับ
    24 ชม ไม่ได้ฝึก 24 ชมหละครับ จะทำอย่างไร
    ถ้าแบบนี้ ตอนนั่งอยู่เฉยๆ ก็มรรค ไม่ดีกว่าหรือครับ
     
  13. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    การฝึกไม่เลือกเวลาเลือกกาลอยู่แล้วครับ

    ทำธุระหนักเบายังฝึกได้เลยครับ พระพุทธเจ้าก้ไม่ได้ห้าม

    ถ้ายังเลือกกาลเลือกเวลา ต้องไปอ่านสติปัฏฐานใหม่

    ส่วนใครจะฝึกได้ ต่อเนื่อง 24ชม. หรือทุกลมหายใจ
    ก้อยู่ที่ความเพียรของแต่ละคนครับ
     
  14. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เอาเป็นว่า ไว้ค่อยมาใหม่ครับ ไว้คุยกันใหม่
     
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    มันก็ไม่ง่ายนะครับคุณรโชฯ เห็นเหมือนง่าย แต่ทำไมทำกันไม่ได้ ปฏิบัติยังไงก็ปลิ้นออก ๆ สงบติดสุขบ้าง หรือไม่ก็ติดรู้มาก อย่างคุณรโชฯ คำกล่าวของคุณที่ออกมามีท่าทางคล้ายเย้ยหยัน ความซื่อตรงต่อการเรียนรู้ถ้าไม่มี ถ้าเป็นคนกลิ้งกลอกหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็จะยากมากนะครับ

    คนที่มีจะโอกาสเป็นไปได้นั้น จะต้องเป็นคนที่มีจิตใจมุ่งมั่นที่จะสละออกจริงๆ มุ่งออกจากทุกข์อย่างแท้จริง ดังนั้นเรื่องลาภยศสรรเสริญสุขอะไรพวกนี้เขาพร้อมจะวางได้ ทิ้งได้นะครับไม่ติด และไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ คิดแต่จะเอาเปรียบคนอื่น เพราะเห็นความสำคัญทางหลุดทางพ้นมากกว่าสิ่งอื่นใด มากกว่าการรักษาหน้าตาตัวเองทางสังคม

    แล้วทีนี้ก็ยังจะต้องไปดูเรื่องที่หลงก่อมลทินอยู่ด้วยครับ เพราะความมีมลทินตัวนี้ก็จะเป็นตัวขวางที่สำคัญอีกเหมือนกัน มลทินมีอะไรบ้าง มลทิน ๙ ลองไปค้นๆ ดูครับ ซึ่งตรงนี้ก็จะไปสอดคล้องกับเรื่องของการมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา รู้จักอบรมบ่มนิสัยขัดเกลาจิตใจตนเองให้ดี อกุศลให้รู้จักละ กุศลให้หมั่นเจริญ ที่เหลือให้เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยไป ถ้าเหตุปัจจัยถึงพร้อมแล้ว ก็จะต้องเป็นไปตามคำตรัสของพระพุทธองค์อย่างแน่นอน ธรรมเป็นอกาลิโก

    ไอ้เรื่องเย่อหยิ่ง จองหอง ทะนงตนอะไรพวกนี้มันเป็นเรื่องของการมีอัตตา ถือตัวถือตนว่ารู้มาก นั่นแหละครับ พอไปหลงยึดเข้า ใจมันก็ไม่เป็นกลาง มันถือตัวถือตนมีมาดอยู่ ใจมันก็ไม่เป็นกลางแล้ว จะเอาอะไรไปรู้ธรรมเห็นธรรมอันหมดจดเหล่านั้นได้ล่ะครับ ความหมดจดไม่พอจะเอาอะไรไปเห็นความจริง

    หลวงพ่อที่เคารพท่านเคยบอกว่า ทางโลกทุกคนเป็นอัจฉริยะกันหมด แต่ในทางธรรมเราต้องวางความรู้เหล่านั้นทั้งหมดก่อน อย่าเพิ่งเอามาใช้ มันจริงดังท่านว่าไว้ทุกประการ คนโง่ถือตนว่ารู้มาก แต่กลับกลายเป็นว่า ความรู้เหล่านั้นกลับย้อนมาเป็นอุปสรรคขัดขวางตัวเอง คอยปิดกั้นการเห็นธรรมตามความเป็นจริงเอาไว้เสียเองหมดเลยน่ะครับ

    ฝากพิจารณาเรื่องข้อบกพร่องของตนเองเหล่านี้ด้วยนะครับ
     
  16. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    การฝึกไม่เลือกเวลาไม่เลือกกาล นี่หมายถึงว่า จะฝึกเวลาไหนก็ได้ ระลึกได้ก็ฝึก
    แต่ไม่มีใครทำได้ 24 ชั่วโมงไม่ใช่หรือครับ

    และ วิถีชีวิตก็ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยสติ แต่ถูกลิขิตด้วยกรรม เช่น คนบางคนต้องทำงาน คนบางคนต้องเรียนหนังสือ คนบางคนมักชอบดูทีวี คนบางคนชอบพูดไม่ดี คนบางคนมีอาชีพฆ่าสัตว์ คนบางคนมีอาชีพที่ต้องสร้างกรรมเช่น พิพากษาให้คนติดคุก
    จะเจริญสติอย่างไร ฆ่าสัตว์ก็ให้รู้ว่าฆ่าสัตว์อย่างนั้นหรือ

    วิถีชีวิตเหล่านี้ ลำพังเจริญสติ แล้วจะปรับให้ สอดคล้องกับ อริยมรรคได้อย่างไรหละครับ
    การฝึกมหาสติ แต่อย่างเดียวจึงไม่อาจจะพาเข้าสู่ทางได้หากไม่ปรับเปลี่ยน เพราะ กรรมนั้นมีอำนาจมากพอที่จะฉุดให้คน กลับตกลงไปสู่ อบายได้
     
  17. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    คุณ Tboon นี่ส่งจิตออกนอก แล้วรู้เห็น ผิดไปจากความจริง
    การที่ผมขอบคุณ นั้นผมตั้งจิตไว้ดีแล้ว จึงกล่าวไปหรอกครับ ไม่ได้เย้ยหยันสักหน่อย

    แล้วรู้ได้อย่างไรว่า ผมเย่อหยิ่ง จองหอง หละครับ ถ้าผมทนงตนว่า รู้มาก ผมก็ต้องกล่าว ในทำนองว่า ผมรู้มากเพียงใด
    แต่นี่ผมกล่าวตามธรรม แต่หากธรรมนั้นมันจะแสดงว่า รู้มาก ก็เพราะ ผู้อ่านสำคัญในตัวบุคคลมากกว่า ธรรม โดยสำคัญไปว่า คนผู้นี้กล่าวแบบนี้ หมายความว่า เขาอวดตัว คุณหมายมั่นผิดไปจากความจริง แบบนี้หละครับ ที่เรียกว่า สัญญาวิปลาส
    แบบนี้ ให้พระพุทธเจ้าหรือพระอริยะเจ้ามาแอบสอน ตามธรรม คุณจะไม่ว่าท่าน อวดตัวหรือครับ คุณก็จะว่า พระพุทธเจ้าหรือพระอริยเจ้า กล้ิงกลอก เย้ยหยัน จริงไหมครับ
     
  18. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    *** กราบเป็นเห็นพระพุทธเจ้า กราบไม่เป็นเห็นแต่พระพุทธรูป
    .........
    คุณยาย อุ่ม อายุ 73 ปี วันนี้ยังแข็งแรง
    สามารถปั่นจักรยานไปซื้อของที่ตลาดได้
    แต่ที่เป็นความภาคภูมิใจของลูกหลานก็คือ คุณยายเป็นผู้มั่นคงในศาสนา
    เข้าวัดฟังธรรมมาตั้งแต่อายุ 7- 8 ขวบ
    มีพระรัตนตรัยแนบสนิทในหัวใจตลอดช่วงชีวิต
    แม้ฐานะความเป็นอยู่ จะไม่หรูหราเหมือนชาวบ้านเขา
    แต่คุณยายก็ มีอริยทรัพย์ คือศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นเหตุปัจจัย
    ทำให้หัวใจของคุณยาย ล้นปริ่มด้วยความสุขสงบ
    ........
    หลวงปู่เจ้าอาวาสวัดป่า เคยเอ่ยถึงคุณยายอุ่ม ท่ามกลางญาติโยม
    ที่ไปทำบุญว่า คุณยายคืออุบาสิกา "ผู้จะไม่กลับมาเกิดอีก".....
    .......

    ช่วงเย็นของวันอาทิตย์ คุณยายพร้อมกับหลานชายวัย 16
    และ หลานสาววัย 14 ไปไหว้พระสวดมนต์ที่วัด
    ซึ่งวัดป่าแห่งนั้น อยู่ห่างจากบ้าน ระยะทางหนึ่งกิโลเมตรพอดี
    ถนนลูกรังเส้นนี้ ยายกับหลานเดินกันจนชิน

    5 โมงเย็น บนศาลาโรงธรรมเงียบกริบ ไร้ผู้คน
    จะมีก็แต่เสียงตุ๊กแก ร้องเพรียกคู่อยู่บนซอกหลังคา
    พระประธานหล่อจากทองเหลือง หน้าตักกว้าง 3 ศอก นั่งสงบบนฐานสูง
    หลังจุดเทียน จุดธูป ยายกับหลานสาวนั่งท่าเทพธิดา
    ส่วนหลานชายท่าเทพบุตร
    ก่อนจะไหว้พระสวดมนต์ คุณยายเอ่ยชื่อหลายสาวด้วยเสียงเรียบ ๆ
    “ อั๋น.. ลองทบทวนให้ยายฟังหน่อย ที่ว่า.. กราบเป็น แล้วจะเห็นพระพุทธเจ้านั้น กราบยังไง นะ”

    เด็กสาว อมยิ้ม ดวงตาฉายฉานอย่างมั่นใจ

    “ ก้อ..ขั้นแรก เราต้องตื่นรู้ ด้วยสัมปชัญญะก่อน
    แล้วก็พนมมือขึ้นกลางหว่างอกทำอัญชลี แล้วยกขึ้นทำวันทา โดยนิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว
    จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้มศีรษะลงทำอภิวาทโดยแบมือ สองข้างลงราบพื้น มือห่างกันเล็กน้อย พอที่จะให้หน้าผากแตะพื้นได้ ขณะที่ข้อศอกสองข้างแนบชิดกับขา ..”

    “พอแค่นั้นก่อนลูก” เสียงยายดังขึ้นขัดจังหวะ “ ให้อ้น ช่วยอธิบายต่อ ว่า เห็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร “

    “ ครับ..พอเรามีสัมปชัญญะ รู้สึกตัวทั่วพร้อม เราจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า กาย วาจา ของเรา ไม่ได้เบียนใคร นั่นหมายถึง เรามีศีลแล้ว ขณะที่เราก้มลงกราบ จิตเราจดจ่อตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ไม่ได้แส่ส่าย หรือวอกแวกไปไหน นั่นมีสมาธิแล้ว
    เพราะสมาธิหมายถึง จิตที่ตั้งมั่นในอารมณ์เดียว
    ขณะกำลังก้มศีรษะอยู่นั้น สติเข้ามาดูที่จิต เห็นจิตสะอาด ไม่มีกิเลสใดจรเข้ามา ทำให้สกปรก เศร้าหมองขณะเดียวกัน จิตนั้นก็สว่างจ้าด้วยปัญญา รู้ว่าจิตว่างจากอกุศลทั้งปวง การรู้ว่าจิตว่างนั่นแหละ คือปัญญา และเมื่อบาปอกุศลไม่ปรุงแต่ง จิตก็สงบ สรุปว่า ถ้าเราเข้าใจถูกต้องแล้ว ขณะกราบพระ เราสามารถจะมีได้ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา”

    คุณยาย หันมามองหน้าหลานสาว เหมือนจะบอกว่าช่วยพูดต่อให้จบ
    อั๋น เข้าใจการสื่อความหมายของยาย เธอ ทำหน้ายิ้ม ก่อนเอ่ยขึ้น

    “ เมื่อเรามีศีล สมาธิ ปัญญา จิตเราก็จะเข้าถึงความสะอาด สว่าง สงบ
    เวลาใดจิตสะอาด สว่าง สงบ เราก็จะได้พบพระพุทธเจ้า”

    “นั่นแหละ ถูกต้องแล้ว” คุณยายหันมาทางหลานทั้งสองก่อนจะกล่าวสรุป

    ” พระพุทธเจ้าที่แท้จริง เป็นสภาวธรรม ไม่ใช่ตัวบุคคล ไม่ใช่พระพุทธรูป แต่เป็นความสะอาด สว่าง สงบ ซึ่งเราจะพบได้ที่ใจ ไม่ว่าเราจะทำอะไร อยู่ที่ไหน
    แม้แต่ ขณะกราบพระ เราก็พบพระพุทธเจ้าได้
    ถ้ากราบเป็น เราจะเห็นพระพุทธเจ้า
    ถ้ากราบไม่เป็น เราก็จะเห็นแต่พระพุทธรูป

    สาธุ...
     
  19. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762

    ไม่มีใครทำได้ 24 ชม.ถูกแล้วครับสำหรับผู้มาใหม่

    อุปสรรคที่จะขัดขวางการภาวนา
    มีแค่อย่างเดียว คือ ความขี้เกียจ
    แยกย่อยก็จะเป็นข้ออ้าง
    สารพัดข้ออ้างต่างๆ นาๆ ทำงาน ไม่มีเวลา
    ไม่มีผัว ไม่มีเมีย รอนางแก้ว รอผัวแก้ว รอความรัก ชาตินู้น ชาตินี้ อย่างนี้เป็นต้น


    อีกอย่าง
    "และ วิถีชีวิตก็ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยสติ แต่ถูกลิขิตด้วยกรรม "

    ถูกแล้วครับ กำหนดด้วยกรรม กรรมคือการกระทำ
    ก็กำหนดกรรมดีเข้าไปซิ

    ปัจจุบัน ก็กำหนดกรรมดีเข้าไป การเจริญสติปัฏฐาน ก้ถือเป็น การกระทำกรรมดี
    แถมผลสำเร็จยังพ้นดีพ้นชั่วด้วย พ้นโลกด้วย

    สำหรับข้ออ้าง อาชีพนั้น อาชีพนี้ เช่นคนบางคนมีอาชีพฆ่าสัตว์

    ถามว่า เขาฆ่าสัตว์ ตลอด เวลา รึ ตลอด 24 ชม.รึ
    ผิดศีล ทุกขณะจิตรึ
    อาชีพ คนฆ่าสัตว์ก็เจริญสติปัฏฐานได้ หากเขาสนใจจริง
    เนื่องด้วยเขา มีกายมีใจ
    มีลักษณะ
    ในการก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว ย่อมเอามาทำการเจริญสติปัฏฐานได้

    ผลของการกระทำกรรมดี คือเจริญสติปัฏฐาน แม้ไม่ได้ตลอดเวลา ทุกนาที 24ชม.

    แต่หากมีความเพียรต่อเนื่อง
    ผลของการทำกรรมดีนี้ จะให้ผลในการปรับปรุงอาชีพของเขาเอง

    โจร 500 พอมาได้ฟังธรรม ยังบรรลุได้ในราตรีเดียว เรียกว่าผู้มีราตรีเดียวเจริญ
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ถ้ายังหวงความเป็นตนอย่างนี้ก็ยากครับ อย่างผมสมัยก่อนเนี่ย ไปกราบครูบาอาจารย์ท่านดุ ท่านตักเตือนโน่นนี่นั่น จะจริงหรือไม่จริง ผมรับฟังอย่างเดียว ไม่มีเถียงครับ รับฟังโดยดี คนตั้งเยอะตั้งแยะเลยนะครับ พูดต่อหน้าธารกำนัลเสียด้วย แต่ใจเรามุ่งธรรม มุ่งความหลุดพ้น เรื่องแค่นี้ เรื่องเล็ก อีกอย่างถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องแคร์อะไร อันนี้ผมว่ามันยังห่วงหน้าตาอยู่ ก็แสดงว่า ยังไม่เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์สักเท่าไหร่ หรือก็คือยังมีศรัทธาต่อพระพุทธองค์ไม่พอนั่นเอง ไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์

    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน ผู้อื่นพึงทำให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ไม่ได้ ให้มั่นใจกว่านี้หน่อยครับ เรื่องที่เอามาบอกกล่าวล้วนเป็นเรื่องนำออกจากทุกข์ทั้งนั้น ทำไมจะว่าไม่ดี ความดีใครทำคนนั้นก็ได้รับผลไปเองครับ ไม่ใช่คนอื่นเขาจะมารับแทน มีส่วนแบ่งกับตัวเองด้วยซะที่ไหน ถ้าไม่รับก็เรื่องของคุณอยู่แล้วครับ :rolleyes:

    อยากจะทำตัวเป็นศิษย์ เรียกอาจารย์ กล่าวนิดกล่าวหน่อยก็รับไม่ได้ซะแล้ว ความอดทนช่างน้อยเสียเหลือเกิน อ่อนหัดไป ต้องให้เข้มแข็งกว่านี้อีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...