เทคนิคภาวนา " เวลานี้จิตข้ามันไม่สงบมีแต่ความคิด "

+++ จะไม่ยุ่ง เป็น "ครั้งที่เท่าไรแล้วหือ..."

+++ ใครบอกให้เอ็งมาเตือน หา...

+++ ไอ้ "ขาเสีอก" ก็บอกตรง ๆ อยู่แล้วว่า "ข้าไม่ต้องการพูดกับเอ็ง"

+++ ไอ้พวกทำสังฆเภทอย่างเอ็งหนะ ชอบใส่ร้ายคนอื่นว่า "ทำร้ายพุทธบริษัทของพุทธองค์" ทั้ง ๆ ที่ "เอ็งนั่นแหละกำลังสร้างความแตกแยก" โดยสวด ปาฏิโมกข๋ แค่ 150 ข้อ

+++ ทำให้เกิด "ศีลไม่เสมอกัน" ทำให้คณะสงฆ์เกิดการ "แยกสังวาส" นี่เป็น "สังฆเภท" ตัวจริง

+++ ไอ้พวก "พุทธวัจจนะ" อย่างเอ็ง มันเป็นพวก "ทำลายศาสนา" แบ่งแยกสงฆ์ชัด ๆ

+++ ยัง "เสือก" มาว่าคนอื่นเป็น มารศาสนา เสียอีก

+++ โถ "ไอ้คางคกในกะลา" พูดไม่รู้เรื่อง

+++ เอ็งพยายาม "ยัดเยียด ข้อกล่าวหา" ใส่ข้ามาตั้งแต่ต้น

+++ ก็บอกแล้วว่า "ถ้าอยากหาเรื่อง มันก็ต้องได้เรื่องกลับไป" อย่างแน่นอน

+++ จะเอาหรือป่าว หา......

 

ไอ้แถเรียกพี่. ไอ้หน้าด้านเรียกพี่ใหญ่
ไอ้อวดทำเป็นเก่งเรียกพี่รอง
ไอ้ขี้อ้างเรียกพี่ใหญ่
ไอ้ยกตนข่มท่านเรียกเจ้าสำนัก
ยังหาเรื่องแถ ยกตนเองได้เหมือนเดิม๕๕๕

๑.ผมไม่ได้ขี้โม้เหมือนคุณที่ขี้โม้ทั้งด้านปัญญาและขี้โม้ด้านปฎิบัติ. ด้านปัญญามีคุณว่าคุณ
ไม่รู้เรื่องเยอะแล้วครับ แต่มาโม้ปฎิบัติอีก
และทับถมว่าผมอ่านมา ปบแดกดันยกตนข่ม

๒.คุณแดกดันผม และกล่าวหาผมว่าเล่นคุณไสย์
๓.คุณอ้างและชอบอวด และยกตนข่มคนอื่นๆรวมทั้งผมทุกๆด้านไม่ว่าด้านธรรมและปฎิบัติ ประว่าตรูเจ๋งสุด

ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการท้าแสดงความสามารถครับ ซึ่งผมได้ให้คุณเลือก
กรรมฐานที่คุณคิดว่าเจ๋งสุดด้วย
เพราะถ้าผมเลือกคุณทำไม่ได้อยู่แล้วครับ

ว่าแต่ถ้าคุณเจ๋งจริง
อย่างที่โม้ก็รับคำท้าเลยครับ.
ถ้าผมนะใครบอกว่าผมโม้
ผมจะรีบจัดให้เลยครับ
ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
และไม่ต้องอ้าง อะไร
เป็นฆารวาส ไม่ใช่พระ
ไม่มีอะไรเสียหาย

ถ้าคุณไม่กล้ารับ แล้วอ้างไปเรื่อยๆอีก
ก็แสดงว่าที่ผ่านมา
คุณมันเป็นแค่ไอ้ขี้โม้คนหนึ่งตัวจริง
(จริงๆเค้ารู้ทั้งเวบหละแต่คุณมันหน้าด้าน
อ่านจากที่คุณอธิบายสภาวะก็รู้แล้ว)

ปล. สรุปว่าไอ้นี่เป็นไอ้ขี้โม้ใหญ่ตัวจริงครับ
พี่น้องชาวพลังจิต และคุณก็ไม่ต้องมาเจือก
อะไรกับผมอีกถ้าไม่กล้ารับคำท้า
นิ่งๆไปซะ รำคาญ พวกสำเร็จด้วยปาก

 

มีอะไรจะต้องกลัวหรือครับ มีแต่คิดว่า การท้าแบบเด็กๆนี้ มันจะมาพิสูจน์อะไร มันไม่ใช่ไก่ชน นะครับที่จะมาพิสูจน์แพ้ชนะกับสมาธิได้

ไม่ต้องท้าอะไรหรอกครับ ผมท้าให้คุณถามเกี่ยวกับภาคปฏิบัติมา ถ้าตอบได้ก็จะตอบ ถ้าตอบไม่ได้ ก็เท่ากับว่า ผมไม่มีภาคปฏิบัติส่วนนั้น มันก็เท่านั้นหละครับ

 

กรรมฐาน 40 กองไม่ใช่ของง่าย มีแต่คนขี้โม้เท่านั้นหละครับ ที่กล้าท้าทุกกอง

ขออธิบายให้ฟังบางส่วนดังนี้

อรูปฌาณ 4 พระอนาคามีจึงจะทำได้ชำนาญ เพราะพระอริยะบุคคลเบื้องต้น ยังมีกิเลส ราคะ โทสะ จิตจะไม่ลงสนิท เหมือนพระอนาคามีและพระอรหันต์ สมาธิจึงคลอนได้ง่ายยากที่แนบสนิทไปถึงอรูปฌาณ หรือไม่ก็ ฤาษีที่ตบะแก่กล้า ไม่ข้องแวะทางโลก เพื่อให้จิตสงบตัวแนบสนิท
อานาปานสติ เป็นกรรมฐาน มหาบุรุษ จะเข้าถึงได้ต้องเจริญ มหาสติปัฎฐาน แยกรูปนามได้ จึงจะแยกองค์ฌาณและดับองค์ฌาณบางส่วนได้
กสิณ กสิณแต่ละกองนั้น แค่จำเห็นดวงอุคหนิมิตได้ก็ถือว่า ยอดเยี่ยมแล้ว ยิ่งการจะได้ ปฏิภาคนิมิต ย่อ ขยาย นิมิตนั้นได้ดังใจ จะต้องมีสมาธิแก่กล้ามาก สามารถคุมจิตพุ่งไปข้างหน้าได้ไม่เคลื่อนเลื่อนลอย
อสุภนิมิตกรรมฐาน นั้นยิ่งแล้วไปกันใหญ่ เพราะปัจจุบันนี้ จะไปหาศพดูนั้นไม่ค่อยจะทำกันแล้ว จึงไม่ค่อยเห็นการเจริญกรรมฐานกองนี้อย่างจริงจัง อย่างมากก็ดูรูปภาพ

จึงว่า คุณ นพ ชนไก่ นี้เป็นคนขี้โม้ และหนอนแทะตำราอย่างแท้จริง กล้ายก กรรมฐาน 40 กองมาท้าแข่ง

เอาแค่ พุทโธ ให้สงบแล้วค่อยมาคุยกันก็ได้ครับ

 

แล้วทำไมถึงไม่รับคำท้าซะที
ถ้าน้องคิดว่าพี่ขี้โม้ ๕๕๕
แถอยู่ได้ จะ ๖ รอบแล้ว
กลัวอะไรน้องถ้าคิดว่าพี่แค่โม้
ไอ้ขี้โม้ตัวจริงเอ้ย
พูดกล่าวหาอยู่ได้ เก่งจริงรับซิ ๕๕๕
ตัวเองทำไม่ได้ คิดว่าคนอื่นๆจะทำไม่ได้เหมือนตัวเองหรือไอ้เบื๊อก
ไอ้กบในกะลา ๕๕๕


ทำเป็นอวดฉลาดแบบอ่านมาตอบเอา
ที่น้องพูดมา พี่ทำได้หมดแระ ๕๕๕
คนเคยเจอพี่ตัวเป็นๆจะรู้ดี
พี่ก็เป็นคนปกตินะ ไม่ท่ามาก
เรื่องมาก เหมือนที่น้องอ้างหรอก ไอ้เบือก
ไม่ต้องระดับโน้นนั่นนี่หรอก
ไม่ต้องอ้างอิงตำราหรอก
ยกเว้น อรูปสุดท้าย ที่สำคัญ
ใช้งานมานานแล้วด้วยหลายปี ๕๕๕

น้องว่าพี่ไก่ชน น้อง
กล้ารับคำท้าพี่ไหมหละ
ถามจริงๆ จะอธิบายเพื่อ?
ยกตนข่มเพื่อ?
ให้คนคิดว่าตนเจ๋งหรือน้อง
ใครๆเค้าดูน้องออกทั้งนั้นหละไอ้ขี้โม้
พี่ถ้าทำไมไม่รับหละ
ถ้าว่าพี่โม้และน้องเจ๋งจริง ๕๕๕



มาๆๆๆๆๆๆๆๆพิสูจน์กันเลย อยากรู้
น้องเจ๋งเหมือนที่ปากพูดหรือเป่า
พูดปะหนึ่งร้องเก่งมาก มาๆๆๆ
อ่านตำรามากไปแล้วน้อง
พี่ว่าพี่เขียนภาษาไทยชัดแล้วนะครับ
รอบที่ ๖ แล้วนะครับ
ตกลงน้องจะโม้ทับ
เกทับด้วยปากอีกหรือครับ ๕๕๕

อ้างไปเรื่อย ตามภาษาคนทำไม่ได้ ๕๕๕
พวกจี้โม้. หน้าใหญ่ กลัวเสียฟอร์ม ๕๕
อ่านแต่ตำรา คิดเอาตามตำรา
แถมคิดว่าตัวเองเจ๋ง
ถึงกล้าย้อนพี่คืน

ก็พี่ท้าน้องอยู่ไงครับ
ไม่ใช่แบบมโนนะ
แบบใช้งานเลย พิสูจน์กันเลย
แบบ จะๆทุกกอง
กล้ารับไหม จะได้รู้ว่าใคร
โม้หรือไม่โม้ไงครับ ๕๕๕
ถ้าพี่ทำไม่ได้ ต่อหน้าผู้คน
ก็แสดงว่าพี่ขี้โม้ไง ไม่เห็นแปลก
ถ้าน้องทำไม่ได้น้องก็คือไอ้
ขี้โม้ตัวจริงไง กลัวอะไร
กลับการพิสูจน์.

เก่งแต่ปากมันวัดกันไม่ได้หรอกน้อง
แน่จริงแสดงมา โชว์มา
มาพิสูจน์กัน ให้คนอื่นๆเป็นพยานรับรู้
เค้าจะได้เอาไปเล่าว่า
ใครคือไอ้ขี้โม้ไงตัวจริง ๕๕
กลัวไร ถึงไม่กล้ารับ ๕๕๕


ก็บอกแล้วว่าคนที่เคยเจอพี่ตัวจริง
เค้าขำน้องฟันร่วงแน่ๆ ที่กล้ามาเกทับ
พี่คืน แถมยังพูดปะหนึ่งตัวเองเก่งมาก
ถ้าเก่ง รับคำท้าพี่ไหม
หรือทำไม่ได้ ก็ยอมรับมา ๕๕๕
ว่าเป็นไอ้ขี้โม้ซะ
จะได้หน้าไม่แหกกว่านี้
คนที่เคยเจอพี่คง
หนาวแทนน้องไปตามๆกัน ๕๕๕
พี่ไม่เก่ง พี่ไม่ดีหรอก พี่มันเด็กๆ

แต่กล้าท้าน้องที่คิด
ว่าตัวเองเก่งมากและกล้าสอนพี่
และย้อนพี่คืนทุกกอง ใน ๔๐ กอง
แถมกรรมฐานพิเศษอะไรก็ได้นะ
ที่น้องชำนาญ ๕๕๕
ยังมีหน้ามาสะเออะสอน พุทโธ ๕๕

ทีหลังถ้าอยากจะมีเรื่อง
หัดศึกษาคู่ต่อสู้ก่อนก็ดีนะน้อง

ฉายา ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของคุณ
ได้มาเพราะฝีมือจริงๆ ๕๕๕

ปล เห็นสอนให้พี่ภาวนา พุธโท
น้องคงเก่งมากกกกกกกกกกก
หรือโง่ๆๆๆๆๆๆ มากที่ดูคนไม่ออก
เอาเป่าๆๆ
ถ้าน้องเก่งมากกกก
เหมือนที่ยกตนเองข่มพี่

เอา กสิณ ๑๐ ไหมน้อง ได้ทุกกอง
แบบไม่ใช่คิดเอาเหมือนน้องนะ
เอาอรูปฌานก็ได้ น้องนะ
เอาอาปาฯไหมน้อง เห็นโม้ฉิบหายเอา
แบบแสดงได้. คนอื่นๆรับรู้ได้
ใช้งานได้ เอาไหมน้อง

ไอ้ขี้โม้ระดับจักรวาล
ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
กลับไปดื่มนมก่อนไป๊ๆๆ. ชิวๆ
ไอ้ขี้อ้าง. รับคำท้าซิ
อ้างเพื่อ ทำไม่ได้จริง
เจือกอวดฉลาด
ยกตนข่มคนอีก.
ไอ้หลงตัวเอง

ไม่ต้องพูดมาก
กล้ารับไหมคำท้า (^_^)

 

คุณ นพ ชนไก่ครับ คุณท้ามากี่ครั้งคุณไม่บอกเลยสักครั้งว่า ท้าทำอะไร กล่าวแต่ท้าแข่งสมาธิ ท้าแข่งกรรมฐาน แต่ไม่บอกว่า ท้าทำอะไร
ผมท้าคุณบ้าง เอาไหม กติกาง่ายๆ ใครกินขี้ได้ชนะ ทำได้ที่บ้านเลย แข่งกรรมฐาน อสุภะ และอาหาเรปฏิกูลสัญญา
รับคำท้าไหมครับ
พูดแบบนี้ไปไม่ใช่ไปมานะอวดเก่งไปกินขี้จริงๆหละครับ ผมหละห่วงจริงๆคนขาดๆเกินๆกรรมฐานแตกเนี่ย คราวก่อนก็ไปสาบานจะให้ตายไม่ดีบ้างอะไรบ้าง พูดด้วยมากไม่ค่อยได้

พอหอมปากหอมคอนะครับ คุณ นพ ชนไก่

 

เวลานี้จิตข้าไม่สงบ มันมีแต่ความคิด สมาธิแบบพุทธของแท้จริงๆ

 

อย่าไปลังเลสิครับ อะไรจะเกิดก็รู้ตามความเป็นจริงไปครับ เราไม่ได้เอาอะไรอยู่แล้ว มีแต่ละความยึดมั่นถือมั่นอย่างเดียว (มิใช่หรือ?)

 

คุณนพเขาก็เปิดใจกับคุณขนาดนี้ ความจริงคุณก็น่าจะลองๆ ดูนะ พอทราบลักษณะ สภาวะ อารมณ์ต่างๆ ก็เป็นอันว่ารู้เรื่องกันไป ซึ่งอาจจะทดสอบกันแบบเงียบๆ รู้กันเองก็ได้ แล้วก็จบกันไป เพียงแต่รักษาสัตย์ที่ให้ไว้แก่กัน ยิ่งถ้าเป้นเรื่องพลังจิตแบบนี้ ไม่ต้องเจอหน้ากันก็น่าจะรู้เรื่องกันได้โดยไม่ยาก อันนี้อาศัยที่คุณว่าเขาโม้ ทำไม่ได้จริงอะนะครับ

 

คำอธิบาย วิธีการฝึก หากไปตามอ่านศึกษาตามลิ้งค์
สิ่งที่เราสงสัย หลวงปู่พุธ ท่านอธิบายไว้เป็นแนวทางหมดแล้วครับ

ส่วนเราจะน้อมไปฝึก ลองไปฝึก ตาม ก็อีกเรื่องนึง

หากลงมือฝึกตาม ก็จะได้ประโยชน์ ไปตามลำดับ


ส่วนเพื่อนสมาชิก ที่เค้า คุยกัน อัดกันบ้าง
ก็เป็นเรื่องทำมะดาของคนที่ยังฝึกบ้าง มากน้อยก็แล้วแต่เผือกมัน

 

จิตใต้สำนึกก็มาเตือนให้ยึดครับ บางช่วงที่เหมือนลมหายใจจะหายไปมันละเอียดมาก ความยึดมั่นขั้นละเอียด

 

ผมสนใจครับ ที่ท่านหลวงพ่อพุธ กล่าวเรื่องความคิด ผมเห็นความคิดเขาทะเลาะกันให้ผมดู เขาขัดแย้งให้ผมดู เมื่อผมยังคิดว่าผมบ้านะนี่

 

คุณพินิจ ผมฝึกแบบภาวนาพุทธ โธ กับ มโนรูปน้ำครับ

 

แถถถถถถถ เรียกพ่อเลย.
มันบอกไม่รู้ท้าอะไร แต่ก่อนหน้านั้น
มันอธิบายได้หมดว่าทำโน้นทำนี่ต้องระดับไหนอย่างไรประมานว่าจะพูดให้ตัวเองดูหล่อ ๕๕๕๕๕ ที่มาของแถเรียกพ่อ
นี่ข้างล่างคุณเขียนเองใช่ไหม

๕๕๕
ปลาตายน้ำตื้นจริงๆ
นี่หละโม้และสร้างภาพไว้มาก ๕๕๕ ถึงได้เกิดคำถามและความคิดโง่ๆแบบนี้ไง
๕๕๕๕ ท้าอะไรถามผมมา
ได้เขียนเกือบทุก#rep ที่ตอบคุณ
ทำไม่ได้อย่าฟอร์มจัด อย่าแถเลย


และคิดได้ไววะ ท้ากินขี้ ๕๕๕๕
ไอ้นี่แปลก มีคนท้ามัน
ดันนึกเรื่องกินขี้ สัญญา
ความจำได้แปลกมาก ๕๕๕


เขียนอีกรอบนะชัดๆๆ

ก็คุณว่าผมขี้โม้และคุยทับถมผม
ไม่รวมเรื่องที่กล่าวหาว่า
ผมเล่นคุณไสย์นะ
และคุณยังมาย้อน
ให้ผมไปฝึกภาวนามาใหม่
ซึ่งก่อนหน้าคุณโม้ว่าคล่องในการเข้าญาน
พูดออกสื่อไปด้วย คือเราเป็นคู่กรณีกัน

ผมก็ว่าคุณ เลยท้าแสดงความสามารถไง
จากทุกสิ่งที่คุณโม้ไว้ไง
แบบระดับที่ใช้งานได้ รับรู้ได้ไง
ไม่ใช่มโนไง
อย่าบอกว่าไม่เข้าใจอีกนะ
ถ้าไม่เข้าใจอีกก็ไปกินหญ้าซะไป๊




ว่าเรื่องกินขี้คุณบ้าหรือหรือเป่า
คิดได้ไง หรือเคยกินมาก่อน
ถึงนึกเรื่องนี้ได้๕๕๕ สัญญาในจิต
แต่ระเรื่อง ป่านนั้นโม้ระดับชาติ
ด้านปัญญา สมองไปแระ ๕๕

ที่สาบานเพราะ คุณว่าผมเป็นพวกเล่นคุณไสย ไอ้โม้อย่ามาตอแหล
เล่นลิ้นสร้างภาพ ให้ตัวเองดูดี
ผมเลยสาบานไง อย่าทำแกล้งลืม ๕๕๕
ว่าถ้าไม่ใช่อย่างที่คุณพูดผลจะเป็นไง

สงสัยว่าที่สาบานกำลังแสดงผลอยู่
คือ ทำให้คุณโง่จริงๆ ถามมาได้
แบบคนกินหญ้า ว่าท้าอะไร
เขียนทุกรอบ มันยังไม่เข้าใจ
ควายเรียกพี่ตัวจริง

อ่านบ้างเปล่า หรือมัวแต่คิด
คำแถสร้างภาพเรื่อยไปเพื่อ
ให้ตัวเองดูดีอยู่ หรือกำลังแต่งคำพูด
สร้างภาพทับถมคืนเพื่อปะหนึ่งให้
ตนเองดูหล่อ ๕๕๕

ก็คนมันโง่จริงๆ เจือกทำเป็นเก่ง
ทำเป็นอวดฉลาด
ทำเป็นสอนให้ตรูไปภาวนาก่อน ๕๕๕
ถึงท้ากรรมกรรมฐานมี่คุณโม้ว่าเจ๋งไง
ให้เลือกเลย แล้วมาแสดงพิสูจน์กันเลย
มีพยานด้วย จะได้รู้ว่าใครโม้ไง
ไม่เกทเหรอไง ไอ้โม้หลวง

ไม่ต้องอ้างว่ากรรมฐานแตก ถ้าแตกไม่กล้า
ท้าหรอก แถมต่อให้คุณเลือก
ที่เคยโม้ว่าเจ๋งสุดมาเลย เกทยัง

ไอ้ขี้โม้อย่างคุณ
ไม่มีความสามารถทำได้
ไม่กล้ารับ เพราะทำไม่ได้
เหมือนที่เคยโม้ไว้ก็ว่ามา
๕๕๕๕๕๕


แล้วทำอวดฉลาด
ทำไม่เป็น ไม่มีความสามารถเหมือน
ที่โม้ก็บอกมา บอกเกือบทุกครั้งว่าท้า
แสดงวามสามารถ
หรือพูดเกือบทุกรอบ
ไอ้เด็กปากไม่สิ้นน้ำนม


ปล รับท้าแสดงความสามารถทางด้านกรรมฐานจิ ไม่ใช่กินขี้ ๕๕
เอาทุกกรรมฐานที่คุณโม้ว่าเจ๋งสุดเลยครับ

มาพิสูจน์กันว่าใครทำได้หรือไม่ได้
ต่อหน้าสักขีพยาน เอาที่
สำนักปฎิบัติธรรมไหนก็ได้ ที่วัดก็ได้
พิสูจน์ ในระดับที่ทำให้คนอื่นๆรับรู้ได้
เหมือนทุกกองที่ท้านะ ไม่ใช่มโนเอา
เหมือนที่คุณชอบพูดสร้างภาพ
เข้าใจนะครับ

พอหอมปากหอมคอนะ
ไอ้ขี้โม้หลวง
แห่งเวบพลังจิต
จอมสร้างภาพและแถแห่งยุค

คิดไรมากทำได้จริงจะกลัวอะไรวะ

 

หากจะฝึกตามหลวงปู่พุธ ก็ไม่ยากครับ

เห็นความคิดทะเลาะกัน เราเกิด มีความยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่ชอบใจ หรือเฉยๆ
ก็กำหนดสติ ตามรู้ ตรงนี้ไปเรื่อยๆ

จะเรียกตามภาษา ก็เรียกว่า กำหนดรู้เวทนา

เวทนามันหลีกหนีไม่ได้ที่จะไม่ให้เกิด ยังไงมันก็ต้องมีเวทนา

แต่อุปาทานที่เข้าไปยึด เวทนาเป็นเราเป็นของเรานี่
เราละมันได้ ด้วยการฝึกสติ

แรกๆจะยังไม่ชำนาญ พอชำนาญ มีสติเองเมื่อไร
การละ การวางโดยอัตโนมัติ ก็จะเริ่มขึ้นครับ



ธรรมทั้งปวง
รวมลงที่เวทนา
มีสมาธิเป็นหัวหน้า
มีสติเป็นใหญ่
มีปัญญาเป็นเยี่ยม
มีวิมุติเป็นแก่นสาร
มีนิพพานเป็นที่สุด

 

โห ผมเนี่ย นิพพานพังทลายตรงหน้าเลยนะ หมายถึง ความยึดมั่นในอสังขตธรรมที่ปรากฏ จิตใจตอนนั้นมั่นคงมากเลยนะ แล้วพังทลายต่อหน้าต่อตาเลย จับกระแส อารมณ์ใจไม่ติดเลย พังหมดๆ ครับ

ก็นั่งพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนเข้ากรรมฐานคิดอะไร อธิษฐานอะไรไปบ้าง เจริญเมตตาจิตขอขมากรรม ที่แท้ธรรมมาเตือน (ธรรมไหนช่างมันครับ) จิตกลับมาสงบอีกครั้ง สภาพความยึดมั่นอันนั้นหายไป ก็เลยเข้าใจเลยครับ เพราะครูบาอาจารย์ท่านเองก็เคยสอนจี้ตรงมาที่จุดนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว

ต่อให้ดีงามเลิศเลอขนาดไหน ถ้ายึดมั่นถือมั่นไว้ก็เจ๊งหมด ธรรมไม่เป็นธรรมพ้นทุกข์เพราะยึดถือจะเอาไว้ครอบครอง ธรรมพ้นทุกข์จริงๆ คือ สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น จิตเมื่อไม่ยึดเกาะอะไร เขาก็มีอิสรภาพ ความมีอิสระทางใจมันเกิด แต่เราก็อย่ายึดถือเอาสิ่งใดมาเป็นตนเป็นของของตนอีก ภพมีเกิด จึงมีดับ (ไม่ใช่ภพเที่ยงๆ อีก) รู้ทุกข์รู้โทษไป

สาระสำคัญจริงๆ คือไม่ว่าอะไรก็ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นทั้งนั้น เป็นสภาพเกิดขึ้นชั่วคราวทั้งหมด ภาวนากลับเข้ามาเห็นตัวเราแทน เห็นทุกข์ที่ตัวเรามีอุปาทานไปเองต่างๆ นานาแทน ไม่เอาแต่ส่งจิตออกนอกไปจับแต่อารมณ์ คว้าแต่อารมณ์สุข หวังสุขอะไรพวกนั้นอีก กลับเข้ามาหามาเห็นตัวตนจริงนี่ ไม่วิ่งตามกิเลส ตัณหา อุปาทาน อยู่กับปัจจุบันจริงๆ ครับ

 

พี่ปราบเทวดา ภาวนาแบบไหนครับ

 

ผมยังยึดองค์ภาวนาอยู่ และก็ยังยึดแนวปฏิบัติที่ได้รับการอบรมมาครับ ผมยังปฏิบัติยังไม่ได้มาก ห่วงพ่อกับแม่มากมาย พวกเขาชอบทำ ผิดข้อ 1 การยึดการการห่วงยังมีมากอยู่ ผมชอบทำสมาธิมากครับแต่ไม่ชอบสวดมนต์

 

ไม่ต้องไปไหนหรอกครับ ไม่มีใครมาเป็นพยานให้คุณได้หรอก เรื่องธรรมะ นอกจากพระพุทธเจ้า
แค่คุณกล่าวมาว่า จะท้ากรรมฐาน นี่นักปฏิบัติธรรมที่เขาได้ยินเขาก็เพลียแล้วว่า นี่มันกรรมฐานไก่ชน นี่นา จะเอาแต่ตี แต่ชน พนันแพ้ชนะ
นี่แหละพาลไม่รู้ตัวว่าเป็นพาล

อุตส่าห์บอกว่า ธรรมเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ก็ยังไม่เข้าใจ
บอกว่า การท้าแข่ง ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ เหมือนท้ากินขี้ ก็ยังไม่เข้าใจ
บอกว่า คนปฏิบัติจริง เขาไม่แข่งกัน ก็ยังไม่เข้าใจ
บอกว่า กรรมฐาน 40 กองมีแต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ จึงจะทำได้ทั้งหมด ก็ยังจะอวดเก่ง รู้ทั้งหมด

 

ถ้าปวงชนชาวไทย คนใด ฝึก กำหนดรู้ทันความคิด ทิฏฐิปัตตะ
บวกกับ การเพ่งภาพกสิณ

การเห็น ความคิดตอบถามกัน จะไม่พอแก่การยก ไตรลักษณ์ญาณ
จะทำให้ จิตหวนกลับไปยังโลก( กลับไปเสพ กามภพ ) ได้ง่าย

ให้กำหนดรู้ สภาวะธรรม ถูกความคิดย้อมติด แทน

รส จะเหมือน เวลาเข้าไปใน ภพ(ย่อย) นิมิต หรือ ฉวยเอาความ
คิดใดขึ้นมาถามตอบ มันจะมี รส ลืมกาย ลืมใจ

เหมือนว่า ไปอยู่ในอีกมิตินึง อันนั้น ให้กำหนดรู้ ว่า จิตโดนย้อม

แล้วไม่ต้องฝืน ไม่ต้องดึงกลับ ให้กำหนดรู้ไปซื่อๆว่า โดนย้อม

พอกลับมา หรือ โดนย้อมซ้อนย้อม มันจะเห็น สภาพการเคลื่อน ไปทีละ ภพ

ถ้า สติมี จะกำหนดรู้ สภาพธรรมที่ชื่อ ภวสวะ(โดนย้อม) สาสสวะ(ยังไม่ทันโดน
ย้อมมันแค่ ผ่านๆ ไม่ฉวยเข้าไป ไม่จมเข้าไป ไม่ดึงขึ้นมารู้ว่า รู้อะไร--ซึ่งตรง
นี้หากจะไป อรูปฌาณ ให้กำหนดรู้ นานัตตสัญญา เพื่อเพิก รูปราคะสัญญา ออก)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้เห็นสภาพ เคลื่อน เป็นหลัก ยกขึ้นกำหนดรู้เป็น ธาตุ ชื่อ มน (อ่าน มะนะ
ซึ่งก็คือ จิตที่ทำกิจเคลื่อน เอา อาการของจิตมันเคลื่อน ไม่ใช่เรื่อง ราว )

เห็น มนธาตุ มันทำกิจเคลื่อน บ่อยๆ จนกว่า ญาณจะ สัมปยุตต พอจิตไหล
แล้วรู้ จิตเคลื่อนแล้วรู้

เดิน ยืน นั่ง นอน ดื่ม ทำ พูด คิด จะ ภาวนาได้ตลอด เพราะ จิตมัน เคลื่อน แสนโกฏิ
ขณะใน หนึ่งลมหายใจ คาบเดียว ( จริงๆ เอาแค่รู้ชัด คือ เห็น อาการของจิต
มันเคลื่อน สองสาม ขณะ พอแจ้งการเกิดดับ ของจิต ของมนะ มโนธาตุ พอแล้ว)


ธรรม ของพระพุทธองค์ ลึกซึ้ง รู้เห็นได้ยาก

ไม่ขวางโลก ไม่ทำให้โลกหายไป

อาศัย โลก นั่นแหละ เป็นที่อาศัย ระลึก เห็น อาการของจิต กำหนดรู้ จิตไม่เที่ยง