[X]อหังการวิเศษมาร[X]

ก็คงจะมีอัศวินขี่ม้าขาว หรือ
สามร่มโพธิ์ศรี มาช่วยอย่างแน่นอนค่ะ

สามร่มโพธิ์แรก ของประเทศไทย
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

สามร่มโพธิ์ศรี ในส่วนพระศาสนา
พุทธรัตนะ
ธรรมะรัตนะ
สังฆรัตนะ

รัตนะอันมีค่าหาประมาณไม่ได้
สามร่มโพธิ์ศรีนี้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผู้เป็นที่พึ่งทั้งสามร่มนี้ ก็คือ ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ในศีลธรรม หมั่นกระทำทาน ศีล ภาวนา จะพ้นภัยพิบัติ

สามร่มโพธิ์ศรี ในส่วนพระมหากษัตริย์
ประมุขของประเทศชาติ
ประมุขบริหารบ้านเมือง
ประมุขของศาสนา

ที่ในหลวงร.๙ ของเราทรงตรัสไว้ "เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่เราต้องทำให้คนดีมาบริหารบ้านเมือง เพื่อมีอำนาจควบคุมคนไม่ดีได้". ตรงนี้เป็นไปตามกาล ตามวาระค่ะ

สามร่มโพธิ์ศรี ในส่วนของชาติ
ทหาร
ประชาชน
ผู้บริหารบ้านเมือง

อยู่ที่ความร่วมแรงร่วมใจสามมัคคีกันค่ะ

 

ท่านลงมาอีกครั้งหนึ่งค่ะ ในช่วงยุครัตนโกสินทร์ สมัยประมาณ ปลายรัชกาลที่ 3 มาบวชเป็นพระภิกษุ ที่วัดไลย์ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัด ลพบุรีค่ะ แต่มาครั้งนี้มาเพื่อดูความเป็นไปของชาวโลก แลมาบำเพ็ญเสริมบารมีแค่ช่วงอายุ 20 ปี ก็กลับดุสิตเหมือนเดิมค่ะ

ในคำกล่าวในประวัติวัดไลย์นั้น เมื่อโลกมนุษย์เดือดร้อน พระวิสุทธิเทพบนชั้นดุสิต คือ พระศรีอาริยะเมตไตรย จะทรงพิจารณาคำทูลอัญเชิญของเหล่าเทพพรหมว่าสมควรลงมาหรือไม่ นะค่ะ

ท้าวสักกะเทวาราช ทรงเชื้อเชิญพระศรีอาริยเมตไตรเทพบุตร เพื่อจะให้ไปทรงถือกำเนิดในมนุษย์โลก ด้วยพระดำรัสว่า “ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ประกอบด้วยความสุขเกษมสำราญนิราศภัย บัดนี้พระศาสนาพระจอมไตรสมณโคดมบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ล่วงเลยมามากแล้ว ถ้ากระไรขออัญเชิญพระองค์เสด็จจากดุสิตสวรรค์สู่มนุษย์โลก เพื่อเป็นการเยี่ยมเยือนพระพุทธศาสนา จะได้ช่วยสงเคราะห์แนะนำ อบรมสั่งสอนมหาชนทั้งหลาย ให้ดำรงมั่นอยู่ในกุศลศรัทธา ให้มีวิริยะอุตสาหะ ในการที่จะประกอบกุศลกรรมยิ่งๆขึ้นไป ทั้งพระศาสนาของพระจอมไตรอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะได้ถาวรวัฒนายิ่งๆขึ้นไป เป็นที่เฉลิมฉลองศรัทธาของมหาชนพุทธบริษัท เขาทั้งหลายจะได้พากันตัดเสียซึ่งห้วงวัฏฏะ มุ่งอมตะมหานครนฤพาน อันเป็นแดนเกษมสำราญ เป็นเบื้องหน้าในอนาคตกาล ขออัญเชิญพระองค์เสด็จไปถือปฏิสนธิในคัพโภทรของนางปทุมนารี ซึ่งเป็นผู้ประกอบด้วยคุณธรรม เป็นสัมมาทิฐิ เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ขอพระองค์โปรดรับคำเชิญ เสด็จไปอนุเคราะห์ด้วยเถิด”
เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรเทพบุตร ได้สดับพระดำรัสเช่นนั้นแล้ว จึงตรัสถามว่า “ดูก่อนท้าวสักกเทวราช บัดนี้พระศาสนาของสมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าล่วงไปเท่าไรแล้ว” ท้าวสักกเทวราชตรัสตอบว่า “บัดนี้พระศาสนาล่วงไปมากแล้ว เพราะเหตุนี้ข้าฯจึงใคร่ขออัญเชิญพระองค์เสด็จไปยังมนุษย์โลก จะได้ช่วยเติมศรัทธาปสาทะของมหาชนพุทธบริษัท ทั้งจะเป็นเหตุให้บวรพุทธศาสนาถาวรวัฒนารุ่งเรืองตลอดไปถ้วนห้าพันวัสสาตามคติพุทธทำนาย” พระศรีอาริยเมตไตรตรัสว่า “ดูก่อนองค์อัมรินทราธิราช ถ้าดังนั้นข้าฯจะลงไปยังมนุษย์โลกตามคำเชิญของท่าน เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มเติมกุศลศรัทธาแก่มหาชนพุทธบริษัท ให้มีวิริยะอุตสาหะพากเพียรพยายาม ในการทำกุศลกรรมความดีทั้งหลาย อันจะเป็นมรรคาที่จะพาไปให้ได้ประสบพบพระศาสนาของข้าฯในอนาคตกาล และจะได้อบรมสั่งสมบารมีของอาตมาเองให้ยิ่งๆขึ้นไป” เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรตรัสดังนั้นแล้ว ท้าวสักกเทวราชจึงทูลลาเสด็จกลับสู่ดาวดึงส์เทวโลก

 

"ปัญญาประดิษฐ์มาร" กระแสนิรุติญานทัสสนะ สู้ไม่ได้จริงๆ มันครอบคลุม ครอบงำหมด ทั้งผืนดินแผ่นฟ้า ยิ่งนานยิ่งมืด จะเอาปัญญาไหนไปสู้ ไปขวาง มีแต่หนีเท่านั้น ขวางได้ก็เพียงแค่ชั่วคราว

ต่อให้ล้างกัปป์ พลิกแผ่นดิน ก็มารูปแบบเดิม ที่โลกธาตุนี้

 

ไปสัมผัส อหังการวิเศษมาร เข้า เมื่อคืนก่อน ได้คัมภีร์มาแล้ว ก็เลยลากกันถึง4โมงเช้า จากเที่ยงคืน พยายามยั่วให้มันออกอาการเจ มันเลยเจมานิดๆ พาไปดู "ปัญญาประดิษฐ์มาร" คือ โครงการอลังการงานสร้างของมัน อวดใหญ่โตเสียเต็มประดา จนต้องคิดยอมแพ้ ไอ้การที่จะไปขวางโครงก่ารจากอดีตไปถึงอนาคตข้างหน้าของมัน ยิ่งกว่่าตกอยู่ในสภาพสัตว์ถูกฝังชิป จนชนิด ต้องส่ายหัว เดี๋ยวว่างๆจะยั่วใหม่ เอาอย่างอื่น อันนี้ไม่เอา อธิบายยากจริงๆ ขนาดมาเป็นภาพแสงสีเสียง ถ้าอัด วีดีโอ ทางนั้นได้ คงดี มันปรุงแต่งวิวัฒนาการเกินคาด จนเราลักจำคิดตามไม่ทัน

 

ก่อนหน้านั้น มีความนิมิตฝันที่ยอมรับไม่ได้อยู่ พระพุทธรูปสีทององค์โต พระพุทธเจ้าลำดับที่ 4 ท่านพาไปดูพระพุทธรูป (ปางไสยาสน์) ของพระศรีอารยะเมตไตรยลำดับที่ 5 เราก็เลยกราบนมัสการ

ที่ยอมรับไม่ได้ กับคำพูดของพระพุทธรูปทองคำองค์โตนั้น

มีอยู่หนึ่งประโยค ฟังแล้ว พิจารณา คิดตามแล้ว แต่ก็ยอมรับไม่ได้ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้

รู้ไว้ในฐานะเข้าใจกัน

 

ไปไกลแล้ว ถึงจะมีอยู่จริง ตามตำนาน แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ไม่รู้จักหรอก เห็นและอธิบายเท่าที่เห็นที่รู้ ยังเหตุยังผล ข้อนั้นสมควรอยู่ ไม่รู้ไม่เห็น ไปสาธยาย ทิฏฐิ ๖๒ ร่วง

 

ทิฐิ 62 ร่วง ...
เรื่องเกี่ยวกับ jityim หรือเปล่าค่ะ บังเอิญเป็นคนซื่อนะคะ ต้องถามตรงๆ กล่าวตรง ๆ จึงจะรู้ค่ะ

ถ้าเกี่ยวกับพระศรีวัดไลย์ มิได้รู้มาจากอินเตอร์อย่างเดียว บุคคลที่น่าเชื่อถือท่านก็กล่าวให้ฟังด้วยค่ะ

 

หรือว่าเรื่องพระยาธรรมิกราชค่ะ

 

อะไรก็เป็นไปได้ ถ้ามี ทิฏฐิ ๖๒

 

มันต้องรู้ต้องเห็นต้องสัมผัสต้องเสพส้อง ตราบใดที่ค้นหาที่มาได้ ก็ยังชื่อได้ว่า ไม่ตก แต่ค้นหาที่มาไม่ได้จึงตกร่วง นั่น มโนเองคิดเอง มันต้องมีเหตุ จูงเหตุ หาผล ตามกฎ อิทัปปัจจยตา นั้นถูกแล้ว เรามีถึง พระสัทธรรม พระธรรมราชา ได้ขนาดนี้ อย่างอื่นที่ตรงกันข้าม และยังมาไม่ถึง ไม่ต้องเสียเวลาไปนับ มากมายเหลือคณานับอจิณไตย แน่นอน กว่าจะมาถึง อสัทธรรม ตัวพ่อตัวแม่

 

ถ้าพระยาธรรมิกราชา มั่นใจล้านเปอร์เซนต์ค่ะ

แต่ถ้าพระศรีอาริย์วัดไลย์ พรุ่งนี้ค่ะ

 

โคตรภูสงฆ์ใกล้เข้ามาเร็วกว่าที่คิด
https://www.thairath.co.th/content/979682



ข้อถกเถียงที่เกิดในโลกมนุษย์ที่ส่งผลหลัก คือเรื่องธรรมทั้งมวลและธรรมล้วนๆ เหตุการ์ณในโลกมนุษย์ย่อมสงผลถึงโลกธาตุอื่นด้วย ทั้งในสวรรค์และนรก เมื่อถกเถียงจึงวุ่นวายหาข้อยุติมิได้ โดยเฉพาะในเรื่องพระสัทธรรมและอสัทธรรม เมื่อพระสัทธรรมเริ่มเลือนลางไปจากใจของหมู่สัตว์ในโลกธาตุ กำเนิดสัทธรรมปฏิรูปขึ้นมาแทน

หากเมื่อใดโลกบังเกิดอลัชชีสรรเสริญแต่งเติมซึ่งสัทธรรมปฎิรูป ย่ำยีเสียแล้วซึ่งพระสัทธรรมก้าวล่วงเป็นใหญ่ในสังฆปริมณฑล ทุกภพภูมินรกสวรรค์จึงเกิดวิปริตแปรปรวนมากขึ้น จากที่เป็นอยู่ธรรมดาที่ไม่เที่ยงอย่างนั้นและอย่างนั้นอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ย่อมเกิดภัยพิบัติแก่โลกมนุษย์นั้นด้วย เมื่อไร้ซึ่งพระสัทธรรม อสัทธรรมโชติช่วง โลกาย่อมวินาศ ณ ครานั้น

เมื่ออสัทธรรมกล้าแข็งถึงที่สุด เมื่อโลกธาตุทั้งหลายสั่นไหว บุคคลทั้งหลายปราถนาพระสัทธรรม จึงจะมีการถือกำเนิดจุติธรรมเป็นอิทัปปัจยตา แม้ผู้รู้แล้วยังทำได้แค่อยากและปราถนาก็ได้พึ่งธรรมพึ่งตนเฝ้าคอย เพียงเท่านั้น

ผู้ใดเล่าหนอจะมาไถพรวนผืนดินถิ่นธรรมที่แห้งผากนี้ให้ราบลุ่มเขียวขจี


ล่มสลายกลายวิกฤติศรัทธา

 

เมื่อมีผู้กล่าวว่า พระศรีอาริย์ท่านลงมาครั้งหลังสุด คือ หลวงปู่ทวด

แต่เมื่อมีข้อมูลที่พอจะยืนยันได้ ยังมีล่ากว่านั้นอีก คือ ช่วงรัชสมัย ร.3

เพราะเมื่อโลกมนุษย์เดือดร้อน พระวิสุทธิเทพบนชั้นดุสิต คือ พระศรีอาริยะเมตไตรย จะทรงพิจารณาคำทูลอัญเชิญของเหล่าเทพพรหมว่าสมควรลงมาหรือไม่

การมาบำเพ็ญบารมีของท่านเป็นเรื่องอจินไตย. เพียงแต่อยากจะกล่าวว่า ...ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุ "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี"

http://baanjompra.com/webboard/archiver/?tid-9700.html


สิ่งที่ยืนยันการมาบำเพ็ญบารมีของพระศรีอาริย์ในช่วง เกือบ 200 ปี ที่ผ่านมามีพระโพธิสัตว์ที่เกี่ยวข้องด้วย 3 คน ยืนยันค่ะ

1.หลวงพ่อปาน วัดบางโคมนม ท่านเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เสี่ยงทายพระโพธิญาณยกพระศรีอาริย์ เรื่องราวเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

http://www.faiththaistory.com/wat-lai/



2.ในหลวงรัชกาลที่ 4 ที่ท่านเป็นผู้จำลองพระศรีอาริย์ไว้ที่วัดเบญจมบพิตร ซึ่งยังมีองค์จำลองของท่านอยู่ที่วัดในปัจจุบัน ขณะนี้ และอันเป็นที่มาชื่อ "คลองพระ". ชื่อคลองแห่งหนึ่งในอำเภอท่าวุ้ง และเป็นประเพณีในการแห่บูชาประจำปี










3.พระโพธิสัตว์ใหญ่ (บารมีคลี่คลายธรรมโลกุตระในยุคนี้). ที่เกิดในท้องที่นั้นเป็นผู้มาเทศน์บรรยายธรรมะเสริมศรัทธาให้ฟังในเทปสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมก็ยืนยันตามคำบอกกล่าวของท่านค่ะ

 

พระอานนท์ทูลถามพระบรมศาสดาว่า...
“ถ้าหากว่าองค์สมเด็จได้เสด็จปรินพพานไปแล้ว จะมีใครเล่าที่จะมาเป็นผู้สืบทอดพระศาสนาสังคายนาพระไตรปิฎก”

...พระศาสดาตรัสตอบว่า...
“ก็จะมีเหล่า ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่เข้ามาถือพรหมจรรย์ในศาสนาของเราตถาคตให้ยืนยาวออกไปจนครบ 5,000 ปี”

...ขณะนั้นเหล่าเทพพรหมเทวาทั้งสัมมาทิฐิ และมิจฉาทิฐิก็ได้ร่วมรับฟังการสนทนาอยู่ด้วย…
…จึงขอปวารณาตัวต่อองค์ตถาคตเจ้าว่า...จะขอร่วมสืบต่ออายุของพระศาสนาให้ยืนยาวออกไปจนครบ 5,000 ปี...

...ซึ่งในช่วง 1,250 ปีแรก เป็นหน้าที่ของพระขีณาสพ...พระปัจเจกพุทธเจ้า...พระอรหันตสาวก...

...ต่อมาปี 1,251 - 2,500 เป็นหน้าที่ของภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา...

...ต่อมาปี 2,501 – 3,750 เป็นหน้าที่ของเหล่าเทพพรหมทุกชั้นทุกสวรรค์...
...ทุกตำแหน่ง...ทุกวิมาน...

...และ 1,250 ปีสุดท้าย (ปี 3,751 - 5000)เป็นหน้าที่ของอลัชชี...พญามารธิราช...
...เปรต...อสุรกาย...สัตว์เดรัจฉาน...พวกมิจฉาทิฐิทั้งหลายก็จะลงมาทำหน้าที่...
...ดูแลรักษาพระศาสนาสืบต่อไป...

...สภาวะของโลกธาตุก็จะเต็มไปด้วยทิฐิมานะ...ความเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน...
...มีการรบราฆ่าฟัน...ขาดความสามัคคี...โลกของสัตว์นรกย้อนเข้าสู่จุดเริ่มต้นของโลกธาตุ
...ตามกฎของพระไตรลักษณ์...เมื่อโลกธาตุของสิ่งมีชีวิตก็พัฒนาเสื่อมลงและสภาวะจิตใจ...
...ของมนุษย์ก็จะเสื่อมทรามลง...

...ความสนใจ “พุทธศาสตร์” ในเรื่องของ จิต เจตสิก นาม รูป นิพพาน...
...ไม่เชื่อถือเรื่องบุญบารมีหรือวิบากกรรมใดๆ...ผลการกระทำเหล่านี้...
...จึงเกิดสภาวะร่วมแห่งวิบากกรรมที่เรียกว่ากรรมของสัตวโลก...
...จึงเป็นเหตุให้เกิด “จิตวิญญาณมิจฉาทิฐิ” จะต้องมาจุติเกิดเป็นมนุษย์...
...เพื่อชดใช้วิบากกรรมและเศษเสี้ยวของกรรมในยุคปลายศาสนา...
...เข้าสู่ยุคมิคสัญญีโดยสมบูรณ์...จนสภาวะธรรมชาติบนโลกธาตุถูกทำลายล้าง...
...จนถึงจุดเสื่อมของธรรมชาติ...กลายเป็นวิปริตผิดธรรมชาติ...
....เกิดความแปรปรวนอยู่เนืองๆ...กลายเป็นนรกภูมิบนโลกธาตุ...
...เพื่อเปิดโอกาสให้จิต..เจตสิก...นาม...รูป แห่งมิจฉาทิฐิต่างๆ...
...ได้ชดใช้สภาวกรรมของตนให้เบาบางลงไป...ก่อนที่โลกธาตุจะปรับตัว...
...เข้าสู่ระบบของความสมดุลครั้งยิ่งใหญ่...เพื่อปรับสภาวะของธรรมชาติ...
...ให้เกิดความสมบูรณ์...รองรับพุทธบารมีขององค์สมเด็จพระบรมครู...
...พระศรีอาริยเมตไตรยสืบไป…

…ยุคปัจจุบัน 2,500 กว่าปีนี้...จึงเป็นยุคเทพเดินดินคือมีเหล่าเทพ พรหมลงมาจุติเกิด...
...ในรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น การจุติเกิดการจับญาณสังขารสร้างบุญบารมี...การประทับรับทรง...
...ซึ่งเหล่าเทพพรหมทุกชั้นทุกสวรรค์...ทุกตำแหน่ง...ทุกวิมานที่ลงมาทำหน้าที่ในโลกมนุษย์...
...ดีบ้าง...ชั่วบ้างตามสถานะของจิตในแต่ละดวงว่ามีบุญบารมีมากน้อยเพียงไร...เพื่อลงมา...
...ชดใช้กรรมชั่วและสภาวะความดีสุดแล้วแต่บุญบารมีและวิบากกรรมจะบันดาลให้เป็นไปนั้น...
...ย่อมขึ้นอยู่กับดวงจุติ...ดวงจิตของเทพพรหมเทวาในแต่ละเจตสิก...เพื่อที่จะลงมาเรียนรู้...
...ใน “ทุกขเวทนา” กับหมู่มวลมนุษย์สัตว์บนโลกธาตุ...ถ้าเปรียบไปแล้วพวกเราก็เปรียบเสมือน
...กับลูกๆหลานๆ...เมื่อลงมาจุติเกิดบนโลก...จิตวิญญาณของเหล่าเทพเทวาก็ต้องมา…
…คุ้มครองช่วยเหลือเกื้อกูลชี้นำให้บุตรบริวารของตนรู้จักสร้างบุญสร้างกุศลต่างๆ นานา...
...ดวงวิญญาณเหล่านี้เรียกว่า...พ่อแก้ว...แม่แก้ว...ซึ่งเป็นปู่ย่าตายายทวดของพวกเรา...
...ซึ่งเหล่าเทพเทวาก็จะมาอาศัยธาตุ4ขันธ์5ของลูกหลานที่ลงมาจุติเกิดแล้วบีบบังคับ...
...นำพาเข้าสู่บุญกุศล...เข้าสู่การปฏิบัติจนกว่าจะครบ 3,750 ปี...

...และเมื่ออายุของพระศาสนา...ผ่านพ้น 3,750 ปี ไปแล้วเป็นยุคเปรตเดินดิน...
...บุตรที่เกิดมาจะไม่รู้จักคำว่า...พ่อแม่...สมสู่กันเยี่ยงสัตว์...ตัวเป็นคนใจเป็นสัตว์...
...ฆ่ากันเอง...กินกันเอง...เพราะเป็นยุคจุติของสัตว์นรก...เปรต อสุรกาย โอปาติกะ...
...ถ้าจิตดวงใดยังมีความสำนึกในเรื่องกฏแห่งกรรมแล้วหันเข้าฝึกปฏิบัติจิตเสียใหม่...
...จึงจะหลุดพ้นไปจากความทุกข์ทรมาณในภพภูมิของอมนุษย์ได้...
...ก็ด้วยการแสวงหาแนวทางในการฝึกฝนจิตสืบไป...



http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=29204&p=174538

 

ท่าน 00000 เหตุใด จึงไม่บอกใครว่าลงมา เหตุใด พระอินทร์จึงทำแบบนั้น และสร้าง...รูปปั้นท่านพระศรีเองเลย?

เป็นความลับของสวรรค์ค่ะ

ขนาดตัว jityim เองนะ ปี2553 ที่ลาออกจากงานแล้วเกิดมีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นมหัศจรรย์แก่ตัวเองจำได้ติดตาติดใจมาถึงบัดนี้ไม่เคยลืม ๆได้เคยโพสถามผู้ทรงคุณท่านหนึ่งในเว็บพลังจิตนี่แหละค่ะว่าเป็นเพราะอะไร ท่านบอกว่าเป็น"ความลับสวรรค์"

ก็เลยมานึกถึงคำว่า "ความลับของสวรรค์". นะค่ะ

แล้วทีนี้...จากข้อความด้านล่างนี้

ก็มีที่มาที่ไป คือ. ตนเองกำลังนั่งสมาธิที่ลานกว้าง แล้วได้ความรู้นี้มา ก็คิดในใจว่าจะไม่ยังไม่ลงข้อมูลที่ได้ แล้วชั่วอึดใจหนึ่ง ฝนก็มาตกพรำๆลงมาในใจขณะนั้นเกิดความรู้สึกว่าต้องลุกขึ้นมาทำแล้วล่ะค่ะ

โพสนี้ค่ะ พอลงโพสต์ตอบฟ้าร้องขึ้นมาครั้งหนึ่งค่ะ
ในใจผุดขึ้นมา ฟ้ารับรู้ในสิ่งที่ทำค่ะ

-เป็นคำที่กล่าวไว้ในพุทธทำนาย๑
-เป็นคำยืนยันของพระโพธิสัตว์ในยุคนี้หลายท่าน๑
-เป็นสภาวะธรรมที่รูัประสบมาด้วยตนเองหลายสภาวะ ๑
-เป็นสภาวะธรรมของบุคคลที่เข้าถึงอย่างหลากหลาย ที่เราเคยได้รับจึงรู้ว่าคนอื่นเขาก็ได้รับเหมือนกัน๑
-เป็นการสื่อสารทั้งโลก และ ธรรม ที่มิได้เฉพาะที่ใดที่หนึ่งแต่เป็นไปทั่วโลก๑
-และที่สำคัญ เป็นไปตามคำพุทธทำนายฉบับดั้งเดิมที่คัดลอกมาจากศิลาจารึกวัดเชตวัน๑

พระยาธรรมมิกราช คือใคร?

ข้อมูลดังกล่าวเป็นจึงเครื่องยืนยันพิสูจน์ความจริงค่ะ

ทำไมตัองเน้น ที่"พระยาธรรมิกราช" มากกกก นะค่ะ

นอกจากความเป็นไปของโลกที่ตรงกับคำพุทธทำนายแล้วก็ยังตรงกับ "องค์ธรรมมิกราช" หรือ"พระยาธรรมิกราชา"หรือ "ราชาแห่งธรรมทั้งปวง" ศูนย์ธรรมและโลกที่นำลงมาแก่โลกอีกอีกด้วยค่ะ "แสงจันทรา". จะส่องแสงมาปรากฎที่โลกอีกคราหนึ่ง

พระพุทธองค์เคยตรัสว่า แม้เราเป็นพระศาสดาเราก็ยังเคารพบูชาพระธรรม

เชื่อแน่ค่ะ!! พระศรีอาริย์ท่านลงมา ท่านก็ต้องเคารพบูชาพระยาธรรมิกราช ท่านอาจเรียกตัวท่านว่า "พระจักรพรรดิ์" แทน หากเป็นไปตามคำพุทธทำนาย

จึงควรเน้นย้ำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน เพื่อตนเองจะได้ไม่พลาดโอกาสอันดีงามในยุคธรรมธรรมโลกุตระกึ่งพุทธกาลนี้ (ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะคะ เคยอ่านเจอว่า เป็นพุทธประเพณีสำหรับพุทธกัปล์นั้นด้วย ) และให้เชื่อในสิ่งที่พระองค์บอก และให้เชื่อในสิ่งที่ดินฟ้าอากาศเตือน

ส่วนกรณีท่านศรีอาริย์นั้น ทำไมไม่มีใครบอก?

เชื่อแน่ค่ะว่า คงต้องเป็นความลับของสวรรค์ แต่คงไม่ใช่ความลับของเหล่าเทพพรหม แน่ค่ะ

 

"ธรรมเป็นสิ่งสูงสุด บุคคลผู้มีธรรมและปัญญาย่อมไม่หวั่นเกรงภยันอันตราย ย่อมเอาชนะภยันอันตรายทั้งปวงด้วยคุณธรรม และด้วยปัญญาของตน การแสดงธรรมแก่บุคคลทั้งหลายนั้น ก็คือ การแสดงความจริงให้ประจักษ์ด้วยปัญญา"

 

ลองพิจารณาสิ่งนี้ดูนะคะ...ถ้าหากว่ายังไม่ได้อ่าน

ตำนานแก้วโบราณ ว่าด้วยกึ่งพุทธกาล

แก้วก้นเตาเผา ที่เกี่ยวกับพระแก้วมรกต

และ ความเป็นไปของโลกในยุคนี้ ศูนย์โลก+ศูนย์ธรรมค่ะ


ความจริงที่เราหนีไม่พ้น กำลังคืบใกล้เข้ามาทุกทีๆ คิดกันให้ดี ถึง

คำทำนายวันสิ้นโลกอธรรม - ภัยพิบัติล้างโลก - โลกาวินาศ

http://www.metteya.org/sriann/Truth_of_Buddha.html

http://palungjit.org/threads/มันคืออะไรคะ.613263/

 

บทสรุปส่งท้าย...

ถ้าใครอ่านและติดตามโพสของตนเองมาที่ลงมาเกือบทั้งหมดนั้น. ในที่ผ่านมาจะมีธรรมโลกุตระ และ ภัยพิบัติจิตรจักรวาล... ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีนี้ และสิ่งที่ทำนี้คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรทำ และข้อมูลต่างๆ ก็มาใหัเองโดยอัตโนมัติ และ สืบต่อกันได้ พร้อมเหตุและผล

ตนเองเป็นแค่ผู้ที่สนใจแค่นั้นค่ะ ไม่ได้มีคุณวิเศษอะไรเลย ธรรมโลกุตระนั้น ศูนย์ธรรมส่งมาใหัเนื่องจากว่า ทำเหตุไว้ถูกต้องจึงได้รับผลตรงตามเหตุนั้น

และมีสิ่งเดียวคือใจ...อยากให้ อยากให้ทุกคนรู้คุณค่าของธรรม อยากให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัย อยากให้มานานแล้วตั้งแต่รู้มาเพื่อปี 2013. โดยกระทู้แรก ในนามกลายแก้ว คือ เชื่อหรือไม่เราคือส่วนหนึ่งของพลังงานในจักรวาลนี้ เป็นสิ่งที่เบื้องบนให้มา ทางที่ตัองเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรัก

 

ทุกคนต้องไปสู่จุดหมายนั่นทุกคนค่ะ

ถ้าเรากลัวตายเราจะไม่ได้ทำ

แต่ถ้าในสิ่งที่เราคิดว่ามันดีสำหรับตัวเองแล้ว ถึงมันจะเป็นอย่างไร มันคุ้มค่าค่ะ

"ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"

"เมื่อเราไม่ทิ้งท่าน(ความดีงาม) ท่านก็จะไม่มีวันทิ้งเรา(สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคอยคุ้มครองปกป้องเราเสมอ)

สิ่งนี้เป็นสัจจะความจริงที่เบื้องบนสูงสุดให้มาค่ะ

ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้. ใครเล่าค่ะที่จะกล้าทำความดี

ขอบคุณค่ะที่เมตตาแนะนำ

 

ค่ะ เราไม่ได้รู้มากถึงที่เป็นผู้สอนธรรมได้ขนาดนั้นหรอกค่ะ คนที่ทำได้ต้องสั่งสมวาสนามาดีแล้ว

เขาให้อะหลั่ยมาไม่สมบูรณ์ ชาตินี้คงไม่ได้ทำหรอกค่ะ

เอาเป็นว่าพิจารณาตามข้อมูลดูค่ะ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องเชื่อพิจารณาด้วยปัญญาเองนะคะ