♥ มาแต่งกลอนแก้เหงากันนะ ♥

http://pasathaim2fornr.blogspot.com/2012/12/blog-post.html


บทเอยบทละคร.........................ละครเรื่องละเด่นลันได
ชาวบ้านบันเทิงร่าเริงใจ...............ผัวเมียใครเล่าเคล้าคลอเคลีย
อ้างราชามหากษัตริย์...................มุกรักหักสวาทหลงอ่านเพลีย
สับปลับกลอกกลิ้งเฮฮาเชียร์........ได้เมียหรือไม่ตอนต่อไป

คงจะขายเพลินเจริญทรัพย์...........ศึกรักนักละครสนองไข
ตบจูบลูบคลำทั้งใกล้ไกล.............ถูกใจไทยสบายสยามบันเทิง.

 

ละครธรรมชาติ


หยาดนภาหล่นฟ้า................อสุนี
ระทึกครึกฤทธี.....................เก่งกล้า
วัสสานะวารี.........................ยังเปี่ยม คงคา
กบเขียดอึ่งอ่างอ้า...............ปากร้อง ระงม



ชมธรรมชาติสิ่งล้ำ................ราคา
ยากจะหาใดมา.....................เปรียบได้
สวยสดสุดพรรณนา..............วิจิตร บรรยาย
สัมผัสเรียงรายป่าไม้.............เทือกถ้ำ ลำธาร




ขอบคุณ บทความให้กำลังใจ supatornผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

การแสดงละครแห่งนี้.............ธรรมมา
สวยสุดล้ำจินตนา...................แต่งแต้ม
ละครใหญ่โลกา......................ประดับ พร่างพราว
เดือนเด่นดวงดาวแกล้ม..........ตบท้าย ราตรี



ดนตรีหรีดหริ่งร้อง.....................ประสาน เพลงจบ
เสนาะไพเราะขับขาน.................เพรียกพ้อง
จวบจนสว่างขนาน.....................เสียงไก่ ขันเฮย
ดุเหว่าออกร่ำร้อง......................ว่าเว้า เช้าแล


สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

วสฺสาน (วัสสานะ) = ฤดูฝน

http://www.royin.go.th/?knowledges=คำเรียกชื่อฤดูต่าง-ๆ

 

ยลลำนำร่ำร้อง................ธรรมมา
สวยสุดสะดุดตา..............แต่งสร้าง
วิจิตรศิลป์ปรุงมา...............ตาม เกิด
ชมชอบเจ้าชื่นบ้าง.........แด่ผู้..เข้าใจ...

 

นางมาแล้วแม่แก้ว...................กัลยา
โคลงเด่นสะดุดตา....................ชื่นเจ้า
นึกว่าเดี่ยวเอกา.......................สถิต โคลงกลอน
อรชรมาเข้า.............................เล่นล้อ ชื่นใจ
**************************************************************

ยลในศิลป์เอกสร้าง..................ทางธรรม
ธรรมชาติชมพืชพันธุ์................หลากร้อย
ดารดาษดาวเดือนพลัน.............ยามค่ำ ราตรี
สรรพสัตว์มีไม่น้อย...................โลกนี้ ละคร

เลือกมองเลือกปล่อยบ้าง..........พาเบา
ใจโปร่งปัญญาเชาว์..................ตื่นรู้
ในโลกนี่มีเรา...........................เขาแค่ สองฤา
ใยยึดถือแต่ชู้...........................ผัวนั้น เมียใคร.

 

เมตตาธรรมดับร้าย..........โกรธา
ถูกผิดเหตุผลตรา............จับตั้ง
ศีลธรรมเขตกายา............สงบจิต
พิศเพ่งเหตุพร้อมทั้ง........หมดด้วย ปัญญา

อารมณ์ชังชอบชั่งไว้........ควรวาง
ขจัดนิวรณ์ทาง................วุ่นแก้
สบายกายโปร่งใจพลาง....ทวนทบ ขบคิด
ด้วยจิตสบายเบาแท้.........เหตุนั้น อะไร

ปัจจัยใดหนึ่งปั้น..............วุ่นวาย ปัญหา
เสริมทะเลาะทำลาย.........มิตรซ้ำ
ปัญหาเล็กกลับกลาย.......ขยายใหญ่ ควรฤา
เติมใส่อารมณ์ร้ายย้ำ.......ซับซ้อน บานปลาย

เมตตาตนแผ่ตั้ง..............ออกไป
ยังอื่นจงสุขใจ................ชื่นถ้วน
เกิดเจ็บต่างชราภัย.........ผูกโกรธ ควรฤา
ร้อนสาดคือเราล้วน.........ต่างร้อน ทุกข์ตรม

อารมณ์ไม่หยุดยั้ง..........สุมไฟ
ควรห่างกันไปไกล..........พักบ้าง
ปัญหาวุ่นฤทัย................ใจวุ่น ไหวฤา
อุปมาคือลิงข้าง.............ชอบแก้ แหอวน.
*****************************************
หนีไปไหนไม่ได้............เอ็มพี สามเปิด
อัปปมัญญามี.................ล่างนี้
ดังดังเถิดวิธี..................เสียงกลบ โกรธา
อสุรายักษ์ลี้...................หลีกร้อน ธรรมเย็น
*******************************************

อัปปมัญญาภาวนา.mp3

[AUDIOPLUS=http://palungjit.org/attachments/03-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2-mp3.4202048/][/AUDIOPLUS]

 

ติดกับดักนี่แล้ว.............เอ็มพี สามฤา
หลีกห่างไปไกลที่.........บ่ได้
จำรอสดับมี..................จนจบ
เหตุผลฟังมาใช้............กล่าวอ้าง.....จริงจริง


สดับ
[สะดับ] ก. ตั้งใจฟัง เช่น สดับพระธรรมเทศนา มักใช้เข้าคู่กับคําตรับฟัง เป็น สดับตรับฟัง

(วรรณ) ได้ยิน เช่น ถึงแม้ว่าจะสนิทนิทราก็ผวาเมื่อสดับศัพท์เสียงพี่. (วิวาหพระสมุท). (ข. สฎาบ่).
ความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน

 

สำหรับท่านเล่นเต้น................ตามลม
บริหารทรวดทรง.....................ร่างนี้
สุขระรื่นชื่นชม........................ชายหาด เล่นฮา
อสุรายักษ์ลี้...........................หลีกพร้อม ฝูงชน

 

อาหารศิลป์ศาสตร์ตั้ง...............อุปมา
นำเปรียบปัญหาพา..................กล่าวไว้
รู้สึกอร่อยโอชา........................ตามแต่ ละคน
อันศาสตร์ชนเรียนได้................ปรุงนั้น เหมือนกัน

ศิลป์ประชันต่างปั้น..................สูตรทำ ปรุงเฮย
แตกต่างวิธีกรรม......................ลึกล้ำ
ศิลป์ศาสตร์ครบปรุงพลัน..........ยอดสุด โอชา
อร่อยโภชนาย้ำ.......................เลิศแล้ว คนปรุง

เหตุผลเปรียบศาสตร์ได้...........ตนเรียน
ผิดถูกพาพากเพียร..................หมั่นแก้
ประสบการณ์ศิลป์เนียน............ตามแต่ ละคน
รู้สึกปนหม่นแท้.......................ชอบชั้น ชังใคร

อร่อยหรือไม่นั้น......................อะไร ตัดสิน
ถูกผิดวิธีใด............................บอกได้
ศาสตร์ถูกผิดตอบไป...............ชังชอบ อร่อยตรา
ศิลป์ประสบการณ์ใช้................ร่วมแก้ ปัญหา.

 

ถนัดตามหาล้วน.................ชื่นชอบ
ผิหม่นหมองเลือกตอบ........ใจเจ้า
เหตุการณ์เจอผ่านกรอบ......ตัดสิน เรื่องราว
ขอเพียงสื่อใจเข้า...............พร่องบ้าง บางคราว

 

ขอบคุณนักน่าลุ้น................ท่านขุน
บิดเอวทำกายหมุน..............ท่านี้
รอการสอนละมุน.................แบบอย่าง
ขุนวังสวิงชี้.........................เล่นล้อ แบบตาม

 

ตามแบบของท่านเน้อ.........คอยชม
เอวอกดุจคลื่นลม...............พัดพริ้ว
ระบายเบื่ออารมณ์..............เลียนแบบ ปลานา
อสุรายักษ์หิ้ว.....................สลัดดิ้น หลุดมือ

 

สะบัดโบกโยกย้าย.................องค์เอว
อนันตกายไม่เลว...................เล่นล้อ
โยกกายใหญ่ดุจเปลว.............ไฟส่าย ลมพา
อสุรายักษ์ท้อ.......................เผ่นแล้ว เกรงกลัว

 

(ขอบคุณ บทความให้กำลังใจ supatornผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต)

ไผ่หนาบางต่างปล้อง................ระคน
ดุจชั่วดีมีจน..............................ต่างสร้าง
น้องพี่ต่างดวงกมล...................ยลต่าง กรรมมา
ชนอื่นร้อยกายอ้าง....................อย่างน้อย ร้อยใจ

สูงต่ำใจใครอื่นแกล้ง................ชังตน
ทุกข์เข็ญทุรายรน.....................เหตุอ้าง
ให้ทำสิ่งทุรชน..........................โทษอื่น ใครฤา
โทษที่ตนเองบ้าง......................ชั่วนั้น ทำเอง

กุศลทำเกรงชั่วไว้.....................กฎกรรม
จิตผ่องชอบศีลธรรม.................เหตุให้
อายุสุขผิวพรรณ.......................เปล่งปลั่ง วัณโณ
พละปฏิภาณได้........................ต่างชั้น ตามกรรม

******************************************************************************
อายุ วรรณะ สุขะ พละ

พระนางสุปปวาสา
เอตทัคคะในฝ่ายผู้ถวายของมีรสอันประณีต
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=26758
*********************************************************************

ความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน
กมล
[กะมน] (แบบ) น. บัว เช่น บาทกมล. (สมุทรโฆษ) ใจ เช่น ดวงกมล. ว. เหมือนบัว เช่น เต้าสุวรรณกมลคนที. (ม. คําหลวง หิมพานต์) บางทีใช้ว่า กระมล. (ป. ส.).[กะมะละ- กะมะ-] น. ชื่อฉันท์วรรณพฤติ กําหนดด้วย ๔ คณะสลับกัน คือ ส คณะ ย คณะ ส คณะ ย คณะ (ตามแบบว่า กมลาติ เณยฺยา สยเสหิ โย เจ) ตัวอย่างว่า จะวิสัชนาสาร พิสดารก็หลายเลบง เรียกว่า กมลฉันท์ หรือ กมลาฉันท์. (ป. ว่า นางงาม

ทุรชน
น. คนชั่ว, คนร้าย.

พรรณ
[พัน] น. สีของผิว

ชนิด เช่น พรรณพืช พรรณไม้ พรรณสัตว์. (ส. วรฺณ

ป. วณฺณ).

เปล่งปลั่ง
ว. สดใส แจ่มใส.

 

ทำมาติชมท้า...............โยกย้าย ส่ายเอว
ท่านขุนรีบปลิวหาย........หลบซ่อน
ออกกำลังเส้นสาย..........โอนอ่อน
ผิออกปากกลัวร้อน.........เผ่นลี้ หนีหน้า...555555

 

สายฝนหล่นจากฟ้า คราใด
ชื่นฉ๋่าถึงภายใน ปานนั้น
เปรียบเช่นวาจาหวาน อ่อนโยน มอบให้ กันนา
เกิดพลังมหาศาล ทั่วทุก ดวงใจ

 

อันอ้อยตาลหวานลิ้น.................สิ้นซาก
แต่ลมปากหวานมาก.................มิหาย
ติตตราตรึงใจฝาก.....................ชมชื่น รื่นรมย์
เป็นพลังป้องใครร้าย..................ไป่สู้ อ่อนลง นะคะ...55555

 

คราใดฝนหล่นฟ้า............ภายใน
ยังชื่นฉ่ำฤทัย..................เปรียบปั้น
วาจาอ่อนโยนใคร?......ทำชื่น ฤานา
เจรจาหวานหว่านนั้น........มอบให้ พาฝัน ??