ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ติดตามกันดีๆนะ;)
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลสาปสวรรค์เหรียญครูเปิดพลังจักรวาลอิสีทุรวาสะ(ฝังเงินปากผี)

    " อุทาหรณ์อันใด อันจะพึงเป็นไปมิได้ก็ดี ด้วยแรงครูพระฤาษีทุรวาสนั้น ย่อมจะดำเนินเรื่องราวให้เกิดขึ้นได้ "

    ด้วยชีวิตคนนั้นย่อมผ่านเหตุการณ์ต่างๆบรรดามี อันความคิดและการกระทำทั้งหลาย หลายสิ่งเป็นได้เพียงภาพฝัน แม้จะเพียรพยายามเท่าไหร่ก็ไม่มีวันสำเร็จหรือกระทำให้เกิดขึ้นมาได้ ด้วยชีวิตคนผู้นั้นยังขาดซึ่งพลังงาน และผู้ช่วยอันจะมาเชื่อมเหตุการณ์อีกทั้งดำเนินเรื่องราวต่างๆให้เกิดขึ้นนั่นเอง ด้วยการดำเนินเรื่องราวดุจฉากละครแห่งพระผู้เป็นเจ้านั้นแม้สิ่งที่ไม่เคยเกิด สิ่งที่เป็นได้เพียงแค่ความคิดและภาพฝัน ก็ย่อมอุบัติขึ้นได้


    อำนาจแรงครูนั้น สำคัญไฉน ทำไมต้องเป็นพระฤาษีทุรวาส พ่ออาจารย์นั้นท่านว่าอันองค์ครูทุรวาสนี้มีฤทธานุภาพสูงด้วยเกิดขึ้นมาแต่อำนาจโทสะของพระศิวะเจ้า ดังนั้นการกระทำใดๆของท่านก็ดี ล้วนแต่ตัดสินใจฉับพลันทันทีทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ยอมใคร ไม่เห็นแก่หน้าใคร และไม่เกรงแม้เทพ เทวดาหน้าไหนไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กก็ดี


    โดยจริงแท้นั้นเพียงแค่นามทุรวาสะปรากฏขึ้น ทั่วทุกโลกธาตุแม้เทพยดาตลอดจนอินทราหรือมวลอสูร ย่อมเกรงกลัวและหวาดผวาในนามนี้อย่างถึงที่สุด แท้จริงนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าพระฤาษีทุรวาส คือปางหนึ่งขององค์พระศิวะที่เกิดมาเพื่อดำเนินเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญต่างๆให้เป็นไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง สิ่งอันใดที่จะเกิดขึ้นและได้รับการแก้ไขหากแต่ต้องยั้งรอระยะเวลาอันยาวนานที่ระบุหน่วยวัดไม่ได้ ก็ได้อาศัยคำสาปและพรต่างๆของพระฤาษีทุรวาสนั้นดลให้เกิดขึ้นในฉับพลันทันที


    ด้วยความเป็นหนึ่งในมหาจักรวาลอันยากจะหาใครเปรียบ กอปรกับนิสัยอันมีมาแต่ชาติกำเนิดที่ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน แม้นดีก็ได้ชื่อว่าดีใจหาย แม้นช่วยใครก็จะได้รับการประสาทพรอันวิเศษสูงสุดที่ยากเกินกว่ามนุษย์และเทพยดาใดๆจะจินตนาการนึกถึง แต่หากมุ่งร้ายและปรากฏความเป็นศัตรูแก่ผู้ใดแล้ว ย่อมจองเวรอาฆาตด้วยคำสาปอันได้ชื่อว่าอำมหิตสูงสุดจนถึงแก่ความวิบัติฉิบหาย...ด้วยพระฤาษีทุรวาสนี้ได้ชื่อว่ามีฤทธิ์ด้วยอำนาจตบะเฉพาะตนแลวาจาปกาศิตสูงสุดของท่าน พ่ออาจารย์ท่านจึงได้สร้างมงคลบูชาครูด้วยเล็งเห็นคุณวิเศษเฉพาะตนอันหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ของพระฤาษีทุรวาสเพื่อน้อมให้ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายได้อาราธนา


    พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่านอกจากคำสาปที่สุดแสนอำมหิตจนเป็นบ่อเกิดของสงครามมากมายหลายยุค หลายเผ่าพันธุ์แล้ว แม้คำพรของท่านก็ถือได้ว่าเป็นยอดแห่งคำอวยพรที่มีฤทธานุภาพอันประเสริฐกว่าเทพยดาทั้งหลายด้วยเช่นกัน กล่าวได้ว่าแม้ใครได้สักการะบูชาด้วยใจศรัทธาและอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านก็จะดีด้วยอย่างถึงที่สุดแบบเรียกว่าเวลาดีก็จะดีใจหาย ประสิทธิประสาทพรอันจำเป็นต่อเหตุการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตครอบคลุมถ้วนทั่ว ซ้ำยังคุ้มเกรงให้ปัจจามิตรที่คิดร้ายมอดดับถึงคราพินาศราพณาสูร

    ตรงนี้คือสิ่งสำคัญ ท่านว่าครูทุรวาสนี้เวลาเชิญมานั้นหากเป็นเรื่องช่วยคนท่านจะยินดีมาก หากใครมีตาในจะรู้ได้ ที่ว่าโหด ว่าดุ ว่าอำมหิตนี้ แต่กับผู้ศรัทธาท่านกลับใจดีๆสุดเหมือนคุณปู่คุณตาร่วมสายตระกูลนั่นทีเดียว ซ้ำคำอวยพรแต่ละอย่างที่ให้ไปนั้น ล้วนแต่ครอบคลุมเหตุการณ์ทั้งปัจจุบันแลอนาคต ด้วยญาณทัศนะของท่านที่พึงรู้ว่ากรรมของสัตว์ใดจะดำเนินไปในรูปแบบใดและอุปนิสัยการให้พรนี้ย่อมไม่เหมือนผู้อื่นด้วยท่านจะแก้ไขวาระกรรมนั้นให้โลดแล่นและได้ดีเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิต สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเหนืออารมณ์โกรธและดุร้ายในภาพลักษณ์ที่แสดงออกมานั้น ท่านมีความใจดีและความห่วงใยสานุศิษย์อย่างถึงที่สุด ตรงนี้หากปราศจากความเมตตาในจิตใจแล้วย่อมไม่เกิดขึ้นเลย


    แต่การสร้างพระฤาษีทุรวาสนั้นย่อมยากและมีอาถรรพ์ล้นปรี่อย่างถึงที่สุดจะเห็นได้จากที่มีหลายคนขอให้พ่ออาจารย์สร้างหรือแกะเป็นมงคลประจำกายให้มาตลอดท่านก็ไม่เคยทำให้ เหตุด้วยว่าแรงครูสูงและเมื่อจะทำนั้นจะทำเล่นๆตามแต่อารมณ์มิได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านพูดแบบตรงๆนะ หนนี้เราไม่ได้ทำเอาสวยหรือปราณีตใดๆเลย แต่เราทำแบบโบราณที่เอาขลังและพลังงานศักดิ์สิทธิ์เข้าว่า ด้วยท่านใช้เวทย์สวรรค์ลงมนต์กูโบ๊สด้วยวิชาเปิดพลังจักรวาลในแผ่นกายสิทธิ์ธาตุเพื่อเป็นชนวนตั้งต้น พ่ออาจารย์ว่าการเปิดพลังงานจักรวาลและดึงเข้าเครื่องมงคลนี้ จะเป็นแหล่งพลังงานอันอนันต์ตลอดไปให้กับกายสิทธิ์ธาตุก่อนนำมาขึ้นรูปเป็นพระฤาษีทุรวาสซึ่งท่านไม่เคยทำเช่นนี้ในเครื่องมงคลใดๆ ทำไมต้องเปิดพลังงานจักรวาล พ่ออาจารย์ท่านว่าการเปิดพลังงานจักรวาลนั้นคือเปิดพลังงานแห่งการเคลื่อนไหว พลังงานที่ให้กำเนิดชีวิต มหาธาตุ และสสารต่างๆ เป็นพลังงานที่จะผลักดันและดำเนินเรื่องราวต่างๆให้เป็นไปในแบบที่ควรจะเป็น


    ท่านหล่อหลอมธาตุ เชิญครู ประจุพลังงานด้วยเวทย์วิชาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังอาราธนาขอเมตตาจากครูทุรวาสะให้กระทำให้อย่างถึงที่สุด เพื่อให้ออกไปคุ้มเกรงผู้อาราธนาต่อสู้ฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคต่างๆ โดยเหรียญหล่อนั้นรูปลักษณ์จะเหี่ยวย่นเหมือนผิวคนแก่ เหมือนหนังช้าง เหมือนโยคีโบราณอย่างน่าอัศจรรย์เป็นที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าสวยแบบโบราณๆ


    ด้านหลังเหรียญหล่อนั้นท่านได้ทำอาถรรพ์ฝังเงินปากผีเอาไว้ ของดีแต่โบราณที่ได้ชื่อว่าหาง่ายแต่เอายาก มีอาถรรพ์รุนแรงมาก ทั้งคนที่จะเอามาใช้ให้ได้ดีได้ต้องรู้วิธีล้างอาถรรพ์ร้าย และรู้วิธีเสกว่าจะทำอย่างไรให้เงินปากผีนั้นมีอานุภาพมากซ้ำยังเป็นเสมือนกายสิทธิ์อันมีฤทธิ์ มีความรู้สึกและมีอาถรรพ์ที่รุนแรง คอยคุ้มครองติดตามช่วยเหลือเรา เงินปากผีของพ่ออาจารย์ท่านนั้นสำคัญอย่างไร ด้วยเป็นเงินปากผีที่ทำพิธีอย่างถูกต้องไม่ซี้ซั้ว เป็นเงินปากผีที่ทำด้วยวิชาชนิดที่มีคนหา และต้องการอย่างมากนั่นเอง


    เหรียญเงินปากผีชุดนี้เป็นของเก่าที่พ่ออาจารย์ท่านเก็บสะสมมาเรื่อยๆ โดยที่ท่านได้ทำพิธีล้างอาถรรพ์ร้ายพร้อมกับเดินมนต์ปลุกเสกเก็บไว้อย่างยาวนาน ท่านว่าเงินปากผีนี้เอาตรงๆก็มีฤทธิ์รอบด้านสารพัดจะใช้ เหมือนเป็นพยนต์คอยช่วยเราได้ทุกเรื่อง เหมือนเงาที่อยู่ติดร่างกายของเราไปไหนไปกันเข้านอกออกในได้ทุกที่ไม่มีเสื่อม ท่านว่า" ฉันเสกจนเป็นกายสิทธิ์ ไม่ว่าจะทำอะไรเค้าก็จะติดตามเราไป ขอเพียงแค่เอ่ยปากให้ช่วยเหลือก็พอ ใช้ได้ทุกเรื่องไม่มีข้อห้าม" ซึ่งเหรียญเงินปากผีนี้พ่ออาจารย์ท่านได้เคยนำไปอาราธนาบารมีขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีเสกให้ โดยท่านกำชับไว้ว่า "ลงอาคมมาดีแล้วนี่ ตอนนี้ชั้นยกภพยกภูมิให้หมดแล้ว นี่ของสำคัญนะ เออดีๆมีเจ้าของทุกเหรียญ อย่าเอาไปแจกใครซี้ซั้วล่ะ เอาไว้ไปทำฤาษีชีไพรค่อยให้เขา"

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ระลึกถึงคำพูดของพระคุณหลวงพ่อฤาษีมาตลอดและพอมีโอกาศสร้างฤาษีทุรวาสะท่านก็นำเงินปากผีสำคัญนี้มาฝังด้านหลังนั่นเอง ท่านว่าเหรียญเงินปากผีนี้ ทำไมคนโบราณถึงหากันนักอยากรู้ต้องบูชาเอง เขาจะช่วยเราเหมือนเป็นลูกมือเราทีเดียวท่านว่าเราพูดคร่าวๆได้แค่นี้ คนที่เค้ารู้คุณแสวงหาและเห็นประโยชน์จริงๆจะเข้าใจ ที่ท่านฝังฤาษีทุรวาสไว้ก็เพราะใช้อาถรรพ์ข่มอาถรรพ์ ไม่ใช่ผี ไม่ใช่วิญญาณร้ายใดๆเพราะเป็นเหรียญสำคัญที่หลวงพ่อท่านยกภพภูมิให้หมดแล้ว เป็นของมีฤทธิ์มากซ้ำใครที่มีดวงอาถรรพ์ ตลอดจนชีวิตต้องสาป ต้องอาถรรพ์ร้ายทั้งหลาย เหรียญนี้ท่านว่าเราลงไว้แล้ว มันสะกดข่มได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ไม่ได้พูดถึงอาถรรพ์ร้ายภายในร่างกายเท่านั้นแต่ยังสะกดอาถรรพ์ในดวงชะตา ตลอดจนสถานที่และปัจจัยร้ายแรงต่างๆ


    ซ้ำเงินปากผีนี้ยังเป็นสื่อโภคทรัพย์ชั้นเลิศ ด้วยว่าเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ติดตัวผู้วายชนม์ไปภพภูมิหน้า หากรู้วิธีทำ วิธีเอาแล้วจะดีอย่างยิ่งกับคนอาราธนา พ่ออาจารย์ท่านได้ประกอบพิธีจนสำเร็จและนำเงินปากผีนี้มาทำวิชา ท่านว่าพกไว้เถอะดูดเงินดีนัก ใครที่ขาดๆหายๆรายได้ไม่สม่ำเสมอโชคลาภขาดๆเกินๆมีมาไม่ตลอด จำคำเราไว้ "จะมีกินมีใช้ไปถึงชาติหน้าทีเดียว"


    มงคลบูชาครูนี้พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าเหมาะแก่คนชอบของแรงๆ เป็นมงคลอาถรรพ์ ที่จะเปิดพลังงานจักรวาลเปลี่ยนอาถรรพ์ชีวิต พร้อมด้วยบารมีของพระฤาษีทุรวาสที่จะดำเนินเรื่องราวเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีและงอกงามขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ท่านว่าหากปรารถนาเพียงแค่เรื่องมงคลชั่วครั้งชั่วคราวก็อย่าเอาไป แต่หากปรารถนาสิ่งดีๆให้เข้ามาอย่างน่าใจหายและตกตะลึงอันนั้นถึงจะเหมาะกัน ด้วยองค์ฤาษีทุรวาสนั้นท่านมีฤทธิ์มาก ถึงขนาดสาปฟ้า สาปสวรรค์ สาปเทวดาถ้วนมหาจักรวาลให้ตกอยู่ในห้วงคำสาปท่านมาแล้ว ดังนั้นเหรียญนี้คนที่บูชาเทวดาเขาจะยำเกรง ซ้ำหากในอดีตชาติมีเจ้ากรรมนายเวรหรือผู้มีตบะญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดอาฆาตทำร้ายเราอยู่ด้วยชาติเวรทั้งหลายก็ดี เมื่อเราอาราธนาพระทุรวาสฤาษีนี้ เค้าจะปลดเปลื้องวาระกรรมออกให้ด้วยเกรงในอำนาจตบะบารมีของพระฤาษีที่ร้อนแรงดุจเพลิงแผดเผา


    ท่านมักจะพูดเสมอว่าของเช่นนี้ไม่มีผู้ใดเขาทำกัน บรมครูที่ยิ่งใหญ่ดั่งฤาษีทุรวาสนั้นท่านมีอารมณ์รุนแรง รักแรง เกลียดแรง เวลาช่วยเหลือค้ำจุนใครท่านทำด้วยเกียรติยศของท่าน ไม่ช่วยขอไปทีหรือทำเล่นๆ ดังนั้นใครที่บูชาครูทุรวาส เราถือว่าเขาโชคดีที่มีบุญอยู่บ้าง พอให้ได้เจอกับครูสำคัญที่จะเปลี่ยนชะตาเขาไปตลอดกาลผู้นี้


    พ่ออาจารย์ท่านว่าอีกเรื่องหนึ่ง ที่คนบูชาต้องพึงจดจำไว้ ว่านั่นจะเป็นอำนาจวิเศษที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อรับพระทุรวาสะของเราไปบูชา นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของอำนาจวาจา วาจาที่กล่าวออกไปทั้งหลายก็ดี จะมีอำนาจบงการคนและชีวิตรอบข้างได้ หากอาราธนาจนครูท่านเมตตาและอาคมตลอดจนบารมีอันเป็นสิ่งเฉพาะตนซึมเข้าเนื้อเข้ากระดูกแล้ว วาจาก็จะยิ่งมีอานุภาพรุนแรงดุจคำปกาศิตที่จะให้พรหรือสาปแช่งผู้อื่นได้


    ข้อควรจำ
    - สิ่งแรกที่ควรทำคือฝากตัวเป็นศิษย์ท่านด้วยความตั้งใจอย่างแท้จริง มีเครื่องบูชาครูง่ายๆเพียงน้ำชา น้ำเปล่า ดอกไม้หอม และให้พูดเออออไปเองว่าท่านรับแล้ว จากนั้นให้ขอพรท่านให้คุ้มเกรงชีวิตเราตลอดไป
    - การบูชาครูทุรวาสนั้นไม่ควรมุ่งร้ายหรือไปขอให้ท่านสาปแช่งใคร เพราะลำพังบารมีท่านคุ้มเกรงชีวิตเราหากมีผู้ใดคิดร้าย คนผู้นั้นก็แทบจะหนีไม่พ้นภัยพิบัติอันเกิดจากอารมณ์โทสะของครูท่านที่จะจะปกป้องเราเวลามีคนมาปองร้ายสานุศิษย์อยู่แล้ว
    - หมั่นพูดแต่สิ่งดีๆ เวลากราบไหว้ขอพร ควรขอแต่สิ่งดีงามอันเป็นมงคลเป็นเกียรติยศแก่ชีวิต
    - หากมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ พ่ออาจารย์ท่านให้จุดธูปสิบหกดอก บอกกล่าวเล่าให้ครูทุรวาสฟัง ท่านว่าใช้คำว่าเล่า เรามีเรื่องอึดอัดคับข้องใจประการใดก็ดี ไปพูด ไปเล่าให้ท่านฟัง ว่ามันทุกข์มาก มันลำบาก มันหาทางออกไม่ได้ ใครทำร้ายเราอะไร ชีวิตนี้มันไม่มีทางให้เดินอย่างไรก็พูดไป เล่าออกไป เหมือนฟ้องร้องต่อท่าน พยายามพูดกับท่านบอกท่านให้มากๆ ขอให้ทำด้วยความจริงใจและออกมาจากน้ำใจจริงๆของเรา พ่ออาจารย์ว่าอย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้เราดำรงค์อยู่ในสุจริตยุติธรรมแล้ว แม้คู่กรณีเป็นเทวดาบนสวรรค์ท่านก็จะไปเอาความให้
    - เมื่อถึงกาลแห่งทุกข์หรือรู้สึกว่าตนเองนั้นมีสิ่งผิดปกติในร่างกาย แม้แต่เกรงว่าจะต้องคุณโดนของรึมนต์ดำอาถรรพ์ใดๆก็ดี ให้อาราธนาครูทำน้ำเทพมนต์รดอาบดื่มกิน ก็จะชะล้างคุณไสยทั้งหลายลงได้ ซ้ำยังลดและสะกดอาถรรพ์ร้ายทั้งหลายจากภายในร่างกายและดวงชะตาของตนอีกด้วย
    - หากปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรืออยากให้ชีวิตดำเนินและเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรด้วยความรวดเร็ว พ่ออาจารย์ท่านให้เอากระดาษลงวันเดือนปีเกิดและชื่อนามสกุลตนเอง เอารูปครูทับไว้สามวันอธิษฐานขอให้ท่านเปลี่ยนแปลงวาสนาในชะตาชีวิต พร้อมกับขอพรด้วยวาจาปกาศิตขององค์ท่านให้ชีวิตสำเร็จในเรื่อง....ใดๆตามแต่ปรารถนา
    - ครูท่านชอบดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เมื่อจะไหว้หรือมีใจน้อมกตัญญูอยากจะบูชาพระคุณท่านก็ถวายเพียงน้ำเปล่าน้ำชา และดอกไม้ชนิดใดก็ได้ที่มีกลิ่นหอม จะสามอย่าง ห้าอย่าง เก้าอย่าง ก็ตามแต่สะดวกและความพึงใจของตน แม้เมื่อจะบนบานศาลกล่าวสิ่งใดก็ให้บนด้วยดอกไม้หอมเพียงเท่านั้น งดการถวายเนื้อสัตว์และของคาวใดๆทั้งสิ้น


    คาถาบูชา
    โอม ทุรวาสะ อิสีเทวะ นะโม นะมะฮา
    เสกปากให้วาจามีกำลังมาก ด้วยเดชเดชะ ครั้นกูอ้าปากคราใดให้เสียงกูใสเสมอนกการเวกอันร้องอยู่ในท้องพระเวหา ให้เสียงกูดังประหนึ่งพื้นพสุธาสั่นไหว แม้เสียงกูไปต้องขุนเขาก็แหลกราน เสียงกูดังไกลไปถึงมหาพรหมในสถานอกนิษฐ์ เทพทุกฟ้าพรหมทุกสถานให้แล่นมาฟังเสียงกู เสียงกูนี้ดังปานฆ้องเก้าใบ ระฆังหมื่นลูก กังวาลเหมือนเสียงช้างสาร ห้าวหาญปานพญาราชสีห์ ให้เสียงกูนี้ปราบแผ่นดินและหัวใจผู้คน โอมศรี
    พรหม ปัญโญ ปัญญัง สัพพะกาลัง สะหุม

    * พระฤาษีทุรวาสนั้น พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ได้ทั้งหมดเจ็ดองค์ตามจำนวนเงินปากผีที่มี สำหรับผู้สั่งจองให้แจ้งชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากและเรื่องทุกข์ใจไว้ทาง PM พ่ออาจารย์ท่านจะจุดธูปสิบหกดอก บอกกล่าวฝากดวงชะตาให้วาระหนึ่งก่อน พร้อมกับลงจารกำกับเหรียญหล่อสำคัญนี้ รายได้ร่วมสมทบทุนไถ่ชีวิตโคกระบือและเป็นทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาศต่อไป


    ร่วมทำบุญบูชา มงคลสาปสวรรค์เหรียญครูเปิดพลังจักรวาลอิสีทุรวาสะ(ฝังเงินปากผี) บูชา 4,000 บาท


    7_B1.jpg durvasa-shakuntala-_J3_BAPD.jpg
    28946093_2162737394012670_263157658_o.jpg
    28908412_2162737430679333_1779429512_n.jpg 28907265_2162737444012665_828212946_n.jpg
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    วันพรุ่งนี้จะทยอยส่งของให้นะครับ
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ตอบ PM ครบนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาติดตามสาระพูดคุยกันนะ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ความสง่างามของพระพุทธองค์

    ผู้ที่มีมหาบุรุษลักษณะ เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธเจ้าเมื่อก่อนตรัสรู้ ลักษณะของมหาบุรุษมี ๓๒ ประการ คือ


    ๑. มีพระบาทราบเสมอกัน (พระบาท = เท้า)
    ๒. ลายพื้นพระบาทเป็นจักร (จักร = รูปลอยล้อรถ คือธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุลล้อนำไป สู่ที่หมาย)
    ๓. มีส้นพระบาทยาย (ถ้าแบ่ง ๔ ส่วน พระชงฆ์ตั้งอยู่ในส่วนที่ ๓) (พระชงฆ์ = แข้ง)
    ๔, มีนิ้วยาวเรียว (หมายถึงนิ้วพระหัตถ์และพระบาทด้วย)(นิ้วพระหัตถ์ = นิ้วมือ)
    ๕. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
    ๖. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย
    ๗. มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ อัฐิข้อพระบาทตั้งลอยอยู่หลังพระบาท กลับกลอกได้คล่อง เมื่อทรงดำเนินผิดกว่าสามัญชน (อัฐิ = กระดูก ดำเนิน = เดิน)
    ๘. พระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อทราย
    ๙. เมื่อยืนตรง พระหัตถ์ทั้งสองลูบจับพระชานุ (พระชานุ = เข่า)
    ๑๐. มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก (พระคุยหะ = อวัยวะที่ลับ)
    ๑๑. มีฉวีวรรณดุจสีทอง (ฉวีวรรณ =สีผิวกาย)
    ๑๒. พระฉวีละเอียด (พระฉวี = ผิว)
    ๑๓. มีเส้นพระโลมาเฉพาะขุมละเส้น ๆ (พระโลมา = ขน)
    ๑๔. เส้นพระโลมาดำสนิทเวียนเป็นทักขิณาวัฏ มีปลายงอนขึ้นข้างบน (ทักขิณาวัฏ = วนเลี้ยวทางขวาอย่างเข็มนาฬิกา)
    ๑๕. พระกายตั้งตรงดุจท้าวมหาพรหม
    ๑๖. มีพระมังสะอูมเต็มในที่ ๗ แห่ง (คือ หลังพระหัตถ์ทั้ง ๒ และหลังพระบาททั้ง ๒ , พระอังสาทั้ง ๒, กับลำพระศอ) (พระมังสะ = เนื้อ , ชิ้นเนื้อ พระอังสา = บ่า,ไหล่ พระศอ = คอ)
    ๑๗. มีส่วนพระสรีระกายบริบูรณ์ (ล่ำพี) ดุจกึ่งท่อนหน้าแห่งพญาราชสีห์ (สรีระ = ร่างกาย)
    ๑๘. พระปฤษฎางค์ราบเต็มเสมอกัน (พระปฤษฎางค์ = ส่วนหลัง,ข้างหลัง)
    ๑๙. ส่วนพระกายเป็นปริมณฑล ดุลปริมณฑลแห่งต้นไทร(พระกายสูงเท่ากับว่าของพระองค์)(วา = เท่ากับ ๔ ศอก ประมาณ 2 เมตร)
    ๒๐. มีลำพระศอกกลมงามเสมอตลอด
    ๒๑. มีเส้นประสาทสำหรับรสพระกระยาหารอันดี
    ๒๒, มีพระหนุดุจคางแห่งราชสีห์ (โค้งเหมือนวงพระจันทร์)(พระหนุ = คาง)
    ๒๓. มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ (ข้างละ ๒๐ ซี่) (พระทนต์ = ฟัน)
    ๒๔. มีพระทนต์เรียบเสมอกัน
    ๒๕. พระทนต์เรียบสนิทมิได้ห่าง
    ๒๖. เขี้ยวพระทนต์ทั้ง 4 ขาวงามบริสุทธ์
    ๒๗. พระชิวหาอ่อนและยาว (อาจแผ่ปกพระนลาฏใต้)(พระชิวหา = ลิ้น พระนลาฎ = หน้าผาก)
    ๒๘. พระสุรเสียงดุจท้าวมหาพรหม ตรัสมีสำเนียงดุจนกการเวก
    ๒๙. มีพระเนตรดำสนิท
    ๓๐. ดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
    ๓๑. มีอุณาโลมระหว่างพระโขนง เวียนขวาเป็นทักขิณาวัฏ (อุณาโลม = ขนระหว่างคิ้ว)
    ๓๒. มีพระเศียรงามบริบูรณ์ดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ (พระเศียร = ศีรษะ)


    นอกเหนือจากมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการแล้ว ยังมีลักษณะข้อปลีกย่อยของพระมหาบุรุษ นิยมเรียกกันว่า "อสีตยานุพยัญชนะ" หรือ อนุพยัญชนะ" อีก ๘๐ ประการด้วยกัน คือ


    ๑. มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทอันเหลืองงาม
    ๒. นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทเรียวออกไปโดยลำดับแต่ต้นจนปลาย
    ๓. นิ้วพระหัตถ์แลนิ้วพระบาทกลมดุจนายช่างกลึงเป็นอันดี
    ๔. พระนขาทั้ง ๒๐ มีสีอันแดง (พระนขา = เล็บ)
    ๕. พระนขาทั้ง ๒๐ นั้น งอนงามช้อนขึ้นเบื้องบนมิได้ค้อมลงเบื้องต่ำ ดุจเล็บแห่งสามัญชนทั้งปวง
    ๖. พระนขานั้นมีพรรณอันเกลี้ยงกลมสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
    ๗. ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทซ่อนอยู่ในพระมังสะมิได้สูงขึ้นปรากฏออกมาภายนอก
    ๘. พระบาททั้งสองเสมอกันมิได้ย่อมใหญ่กว่ากันมาตรว่าเท่าเมล็ดงา
    ๙. พระดำเนินงามดุจอาการเดินแหงกุญชรชาติ
    ๑๐. พระดำเนินงามดุจสีหราช
    ๑๑. พระดำเนินงามดุจดำเนินแห่งหงส์
    ๑๒. พระดำเนินงามดุจอสุภราชดำเนิน
    ๑๓. ขณะเมื่อยืนจะย่างดำเนินนั้น ยกพระบาทเบื้องขวาย่างไปก่อน พระกายเยื้องไปข้างเบื้องขวาก่อน
    ๑๔. พระชานุมณฑลเกลี้ยงกลมงามบริบูรณ์ บ่มิได้เห็นอัฏฐิสะบ้าปรากฏออกมาภายนอก
    ๑๕. มีบุรุษพยัญชนะบริบูรณ์ คือมิได้กิริยามารยาทคล้ายสตรี
    ๑๖. พระนาภีมิได้บกพร่อง กลมงามมิได้วิกลในที่ใดที่หนึ่ง (พระนาภี = สะดือ)
    ๑๗. พระอุทรมีสัณฐานอันลึก (พระอุทร = ท้อง)
    ๑๘. ภายในพระอุทรมีรอยเวียนเป็นทักขิณาวัฏ
    ๑๙. ลำพระเพลาทั้งสองงามดุจลำสุวรรณกัททลี (พระเพลา = ตัก, ขา สุวรรณกัททลี = ลำต้นกล้วยสีทอง)
    ๒๐. งวงแห่งเอราวัณวัณเทพหัตถี (เอราวัณเทพยหัตถี = ช้าง ๓๓ เศียร เป็นพาหนะของพระอินทร์)
    ๒๑. พระอังคาพยพใหญ่น้อยทั้งปวงจำแนกเป็นอันดี คืองามพร้อมทุกสิ่งหาที่ตำหนิบ่มิได้ (พระอังคาพยพ = องคาพยพ = ส่วนน้อยใหญ่แห่งร่างกาย,อวัยวะน้อยใหญ่)
    ๒๒. พระมังสะที่ควรจะหนาก็หนา ที่ควรบางก็บางตามที่ทั่วทั้งพระสรีรกาย
    ๒๓. พระมังสะมิได้หดหู่ในที่ใดที่หนี่ง
    ๒๔. พระสรีกายทั้งปวงปราศจากต่อมและไฝปาน มูลแมลงวันมิได้มีในที่ใดที่หนึ่ง
    ๒๕. พระกายงามบริสุทธิ์พร้อมสมกันโดยตามลำดับทั้งเบื้องบนแลเบื้องล่าง
    ๒๖. พระกายงามบริสุทธิ์สิ้นปราศจากมลทินทั้งปวง
    ๒๗. ทรงพระกำลังมาก เสมอด้วยกำลังแห่งกุญชรชาติประมาณถึงพันโกฏิช้าง ถ้าจะประมาณด้วยกำลังบุรุษก็ได้ถึงแสนโกฏิบุรุษ (โกฏิ = สิบล้าน)
    ๒๘. มีพระนาสิกอันสูง (พระนาสิก = จมูก)
    ๒๙. สัณฐานพระนาสิกงามแฉล้ม
    ๓๐. มีพระโอษฐเบื้องบนเบื้องต่ำมิได้เข้าออกกว่ากัน เสมอเป็นอันดี มีพรรณแดงงามดุจสีผลตำลึงสุก (พระโอษฐ = ปาก, ริมฝีปาก)
    ๓๑. พระทนต์บริสุทธิ์ปราศจากมูลมลทิน
    ๓๒. พระทนต์ขาวดุจดังสีสังข์
    ๓๓. พระทนต์เกลี้ยงสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
    ๓๔. พระอินทรีย์ทั้ง ๕ มีจักขุนทรีย์ เป็นอาทิงามบริสุทธิ์ทั้งสิ้น(พระอินทรีย์ = ร่างกายและจิตใจ)
    ๓๕. พระเขี้ยวทั้ง 4 กลมบริบูรณ์
    ๓๖. ดวงพระพักตร์มีสัณฐานขาวสวย
    ๓๗. พระปรางค์ทั้งสองดูเปล่งงามเสมอกัน (พระปรางค์ = แก้ม)
    ๔๐. ลายพระหัตถ์มีรอยอันตรง บ่มิได้ค้อมคด
    ๔๑. สายพระหัตถ์มีรอยอันแดงรุ่งเรือง
    ๔๒. รัศมีพระกายโอภาสเป็นปริมณฑลโดยรอบ
    ๔๓.กระพุ้งพระปรางค์ทั้งสองเคร่งครัดบริบูรณ์
    ๔๔. กระบอกพระเนตรกว้างแลยาวงามพอสมกัน
    ๔๕. ดวงเนตรกอปรด้วยประสาททั้ง ๕ มีขาวเป็นอาทิผ่องใสบริสุทธิ์ทั้งสิ้น
    ๔๖. ปลายเส้นพระโลมาทั้งหลายมิได้วอมิได้คด
    ๔๗. พระชิวหามีสัณฐานอันงาม
    ๔๘. พระชิวหาอ่อนบ่มิได้กระด้าง มีพรรณอันแดงเข้ม
    ๔๙. พระกรรณทั้งสองมีสันฐานอันยาวดุจกลีบปทุมชาติ (พระกำรณ = หู)
    ๕๐. ช่องพระกรรณมีสัณฐานอันกลมงาม
    ๕๑. ระเบียบพระเส้นทั้งปวงนั้นสละสลวยบ่มิได้หดหู่ในที่อันใดอันหนึ่ง
    ๕๒. แถวพระเส้นทั้งหลายซ่อนอยู่ในพระมังสะทั้งสิ้น บ่อมิได้เป็นคลื่นฟูขึ้นเหมือนสามัญชนทั้งปวง
    ๕๓. พระเศียรมีสัณฐานอันงาม
    ๕๔. ปริมณฑลพระนลาฏโดยกว้างยาวพอสมกัน
    ๕๕. พระนลาฏมีสันฐานอันงาม
    ๕๖. พระโขนงมีสันฐานอันงามดุจกันธนูอันก่งไว้
    ๕๗. พระโลมาที่พระโขนงมีเส้นอันละเอียด
    ๕๘. เส้นพระโลมาที่พระโขนงงอกขึ้นแล้วราบไปโดยลำดับ
    ๕๙. พระโขนงนั้นใหญ่
    ๖๐. พระโขนงนั้นยาวสุดหางพระเนตร
    ๖๑. ผิวพระมังสะละเอียดทั่วทั้งพระวรกาย
    ๖๒. พระสรีรกายรุ่งเรืองไปด้วยสิริ
    ๖๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
    ๖๗. พระโลมามีเส้นเสมอกันทั้งสิ้น
    ๖๘. พระโลมามีเส้นละเอียดทั่วทั้งพระกาย
    ๖๙. ลมอัสสะปัสสาสะลมหายพระทัยเข้าออกก็เดินละเอียด
    ๗๐. พระโอษฐมีสันฐานอันงามดุจแย้ม
    ๗๑. กลิ่นพระโอษฐหอมดุจกลิ่นอุบล (อุบล = ดอกบัว,บัว)
    ๗๒. พระเกสาดำเป็นแสง (พระเกสา = ผม)
    ๗๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
    ๗๔. พระเกสาหอมดุจกลิ่นโกมลบุบผชาติ
    ๗๕. พระเกสามีสันฐานเส้นกลมสลวยทุกเส้น
    ๗๖. พระเกสาดำสนิททุกเส้น
    ๗๗. พระเกสากอปรด้วยเส้นอันละเอียด
    ๗๘. เส้นพระเกสามิได้ยุ่งเหยิง
    ๗๙. เส้นพระเกสาเวียนเป็นทักขิณาวัฏทุกๆ เส้น
    ๘๐. วิจิตรไปด้วยระเบียบพระเกตุมาลา กล่าวคือถ่องแถวแหjงพระรัศมีอันโชตนาการขึ้น ณ เบื้องบนพระอุตมังคสิโรตม์ (พระเกตุมาลา = รัศมีซึ่งเปล่งอยู่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า)


    035.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ภิญโญ EU 4956 5385 9 TH

    พี่ชาญติพงษ์ EU 4956 5386 2 TH

    พี่ภาคภูมิ EU 4956 5387 6 TH

    พี่วิศณุกร EU 4956 5388 0 TH
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ทยอยตอบคำถามครบแล้วนะครับ ใครจะฝากอะไรก็ PM ทิ้งไว้เลย
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พรุ่งนี้ติดตามเรื่องพูดคุยกันนะครับ ห้ามพลาด;)
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ตบะเสือ

    อรุณสวัสดิ์นะครับ วันนี้ก็จะมานำเข้าสู่คำถามที่ฝากกันเข้ามาในเรื่องของเสือ เป็นเรื่องของตบะเสือ โดยที่ก่อนจะนำไปพูดคุยกันนั้น ก็จะขอลงเกี่ยวกับประวัติและกำเนิดเสือให้อ่านกันคร่าวๆก่อน

    กำเนิดเสือมหาอำนาจ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด
    “เสือ” เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจราชศักดิ์สำแดงฤทธิ์ทำให้เป็นที่ครั่นคร้ามเกรงกลัว นับถือแก่ปวงชนและสัตว์ทั้งหลาย ผู้ใดเกิดปีขาล(เสือ) โหราจารย์ท่านมักจะทำนายทายทักตามตำราพรหมชาติว่า ผู้นั้นมักกล้าแข็งเวลาจะไปหาผู้ใดมักไม่เกรงใจ ผู้อื่นเสียอีกกลับต้องกลัวเกรง ผู้คนมักสรรเสริญเยินยอว่าดีแต่ต่อหน้าเสมอ คนปีขาลมักจะได้ดีเพราะรับราชการ ทำงานเมืองจะก้าวหน้า มีอำนาจวาสนาสูง อาสาเจ้านายดีนักมักจะสำเร็จ นำเกียรติยศชื่อเสียงมาให้วงศ์ตระกูล มักได้ลาภจากคนขาวเหลืองและจะอุปถัมภ์ค้ำชูอุดหนุนให้ดวงดีเด่น เป็นต้น

    แม่แต่ผู้ป่ายเป็นโรคคางทูม โบราณมักจะให้คนที่เกิดปีขาลเขียนตัวอักษร“เสือ”เป็นภาษาจีนว่า“โฮ้ว” แล้วลงด้วยหมึกจีนวาดเขียนไว้ตรงบริเวณคางทั้งสองข้าง ท่านว่าแก้โรคคางทูมได้ชงัดนักแล

    ส่วนทางด้านเทพพนเคราะห์ ตามตำรับตำราเทวกำเนิดได้กล่าวว่าเมื่อพระอิศวรผู้เป็นใหญ่สร้างโลกขึ้นนั้น เพื่อที่จะให้บังเกิดแสงสว่างส่องโลก ให้เป็นประโยชน์แก่สัตว์โลกและมนุษย์ทั้งปวง พระองค์ได้สร้างจักรราศี 12 ราศี ประกอบด้วยดาวฤกษ์ 27 ฤกษ์ มีวิมานนพเคราะห์ 9 วิมาน เวียนรอบจักรราศี เป็นที่กำหนดเวลา แล้วจึงทรงสร้างสัตว์เดรัจฉาน 12 ชนิดนั้นด้วย

    ครั้นแล้วพระอิศวรจึงจับ “เสือ” หรือพยัคฆ์มา 10 ตัว ร่ายพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้เสือนั้นป่นเป็นผงแล้วจึงเอาผ้าสีดำห่อหุ้มไว้ประพรมด้วยน้ำอมฤต ก็พลันบังเกิดเป็นเทพบุตรมีนามว่า “พระเสาร์” มีสีกายดำเศียรมีเปลวรัศมี 7 แฉก ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งนักประทับบนวิมานเป็นสีมรกต ขี่เสือเป็นพาหนะสำแดงมหาอำนาจให้ปรากฏ ด้วยเหตุนี้ผู้ใดก็ตามเกิดปีขาลในวันเสาร์ ท่านพยากรณ์ว่าได้แก่เสือเทวดารักษาดีนักแล คนนั้นมักดวงแข็ง

    ตำนานกำเนิดเสือตามพงศาวดารจีน สมัยปฐมกษัตริย์องค์แรกๆของจีนยุคโบราณ เมื่อครั้งสร้างโลก โดยเทพเจ้าพวนโกษีผู้รับเทวโองการประกาศิตจากพระเจ้าเซกเกียมองนีฮุดผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อพวนโกษีเปิดฟ้าเปิดแผ่นดินโดยใช้เวทย์มนต์เนรมิตกายให้สูงใหญ่ถึง 23 ศอก มือซ้ายถือสิ่ว มือขวาถือขวานใหญ่ฟาดฟันด้วยอิทธิฤทธิ์ผ่าออกเป็นสองส่วน ส่วนบนที่ใสสะอาดเป็นท้องฟ้า และส่วนล่างขุ่นข้นกลายเป็นแผ่นดิน จึงบังเกิดควันเป็นกลุ่มไอฟุ้งกระจาย เมื่อไอดินและไอฟ้ามากกระทบสัมผัสกันพลันเกิดเป็นก้อนศิลาใหญ่แล้วแตกกระจายเป็น 13 ชิ้น บังเกิดเป็นมนุษย์ 13 คน อันมีเทียนอ่องสีเป็นปฐมวงศ์กษัตริย์ได้สืบเชื้อสายต่อมาหลายสิบโคตร

    จนกระทั่งถึงพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ผู้ครองราชสมบัติในกรุงจีน ทำให้ปวงประชาชน ชี พราหมณ์ ต่างก็อยู่เป็นสุขสันต์โดยทั่วหน้า สืบเนื่องจากอำนาจบุญญาธิการของพระเจ้าแผ่นดินผู้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม

    กาลครั้งนั้น ได้มีทะเลสาปลึกลับแห่งหนึ่งนามว่า “ท่องเท่งโอ๋ว” อยู่ในแขวงเมืองเนียนนำ ซึ่งอยู่ในย่านกึงตังกึงไซ ได้บังเกิดอาเพทมีสัตว์ประหลาดเกิดขึ้นซึ่งไม่เคยมีปรากฏก่อนเลย เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งตัวยาวใหญ่มีสี่เท้าผิวตัวเหลืองทองมีลายพาดกลอนขวางน่าสะพรึงกลัว เรียกว่า “พยัคฆ์”(โฮ้ว)หรือเสือโคร่ง ฝูงนี้มี 500 ตัว มีพญาเสือโคร่งเป็นหัวหน้าฝูง ส่งเสียงร้องดังกังวาลลั่นสนั่นป่าจนฝูงสัตว์ทั้งปวงแตกตื่นวิ่งหนีกระเจิงเพราะเกรงกลัวเดช มีสัตว์อีกชนิดหนึ่งคือเสือลายตลับหรือเสือดาว เรียกสัตว์นี้ว่า“ป่า”มีนิสัยดุร้ายยิ่งนักมักทำร้ายด้วยเขี้ยวเล็บและยังมีสัตว์อีกชนิดหนึ่งรูปร่างประหลาดคล้ายนาคกินปลาเท้านั้นสั้น แต่เล็บยาวคมเรียกชื่อว่า “ไชย” หรือราชสีห์

    ครั้งนั้นพวกจูเฮ้าทำให้เจ้าเมืองร้อนใจยิ่งนัก ก็เพราะราชสีห์สาราสัตว์เหล่านี้มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน จึงทำหนังสือบอกเพื่อกราบทูลพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ พอพระองค์ได้ทรงทราบเรื่องก็ตกพระทัย จึงตรัสว่า “อันท่องเท่งโอ๋วนั้นเป็นทะเลสาปโบราณติดต่อกับแม่น้ำที่ใหญ่ ซึ่งเมื่อปีกลายฝนตกชุกมากทำให้น้ำท่วมป่านองไปหมด สัตว์ร้ายจึงได้แตกตื่นออกมาปรากฏตัว บัดนี้ไม่มีผู้ใด ที่มีฝีมือที่จะกล้าอาสาออกไปปราบได้บ้างรึ”

    ทันใดนั้นเพ่งหงี นายทหารเอกได้เจียงถุนผู้มีฝีมือในตำแหน่งลอกเอียงโหผู้มีพลังมาก ถืออาวุธคู่มือหนักถึงหนึ่งพันชั่ง ได้นำทหารเจ็ดพันคนไปขุดดิน ให้เป็นร่างยักษ์ขนาดมหึมาและหาไม้ไผ่มาพาดปากหลุมคลุมปูด้วยต้นหญ้า ใช้คนล่อให้เสือและสิงห์ทั้งหลายวิ่งตามจนใกล้ถึงปากหลุม จึงจุดพลุกับประทัดทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สัตว์ทั้งหลายก็ตกลงไปในหลุมที่ดักไว้หมด และต่อจากนั้นขุนพลแห่งหงีจึงได้ใช้บ่วงคล้องขึนมา 90 ตัว นำไปถวายพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ พระองค์ทรงดีพระทัยมาก จึงได้พระราชทานรางวัลให้แก่ขุนพลมากมายและเลี้ยงฉลองเป็นการใหญ่ ตั้งแต่นั้นเป็นมา“เสือ”ก็ปรากฏให้ประชาชนชาวจีนได้รู้จัก และมีกิตติศัพท์เลื่องลือไปทั่วโลก ชาวเมืองจีนจึงสร้างเสือและสิงห์ไว้ตามหน้าพระราชวัง เพื่อคุ้มครองป้องกันภยันตรายตลอดจนภูตผีปิศาจที่มารังควาญ เมื่อถึงเทศกาลก็มีบูชาเทพเจ้าด้วยเครื่องเซ่นไหว้นานาชนิด เพื่อความเป็นสิริมงคลและอยู่เป็นสุขตลอดกาลนาน


    cute-tiger3.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    วันนี้ส่งของแล้วมาติดตามพูดคุยกันต่อนะครับ
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ธเนศพล EU 4957 1019 3 TH

    พี่สายเมธี EU 4957 1020 2 TH
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ถามกันเข้ามาเกี่ยวกับวิชาตบะพยัคฆ์ หรือหนังเสือ หนังหน้าผากเสือ ท่านว่าสมัยก่อนเคยล่าและสะกดเอาหนังหน้าผากเสือสมิงไว้ .....ใครรักเสือชอบเสืออันนี้ต้องติดตามกันยาวๆ

    image.jpg
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พรุ่งนี้ติดตามพูดคุยกันนะครับ ;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ตบะเสือ

    วันนี้ก็จะมาต่อเรื่องเสือจากเมื่อวานโดยการกล่าวถึงเสือ หากไม่พูดถึงหลวงพ่อปานก็คงจะไม่ได้ เพราะท่านมีเกียรติคุณอย่างยิ่งทางด้านเสกเสือโดยตรง


    คติในการสร้างเสือของหลวงพ่อปานนั้น เรื่องราวของท่านมีปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ เสด็จประพาสมณฑลปราจิณ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้เล่าถึงหลวงพ่อปานไว้ว่า

    “พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้นิยมกันในทางวิปัสสนา และธุดงควัตร มีพระสงฆ์วัดต่างๆ ไปธุดงค์ด้วยสองร้อยสามร้อย แรกลงไปประชุมที่วัดบางเหี้ย มีสัปบุรุษที่ศรัทธาเลื่อมใสช่วยกันเลี้ยง กินน้ำจืดที่มีไว้เกือบจะหมดแล้วก็ออกเดิน ทางที่เดินนั้น ลงไปบางปลาสร้อย แล้วจึงเวียนกลับขึ้นไปปราจิณ นครนายก ไปพระบาท แล้วเดินลงมาทางสระบุรี ถ้ามาตามทางรถไฟ แต่ไม่ขึ้นรถไฟ เว้นแต่พระที่เมื่อยล้าเจ็บไข้ ผ่านกรุงเทพฯกลับลงไปบางเหี้ย ออกเดินทางอยู่ในแรมเดือนยี่ กลับไปวัดอยู่ในราวเดือนห้าเดือนหก ประพฤติเป็นอาจิณวัตรเช่นนี้มา ๔๐ ปีแล้ว

    คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือ ให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ ข่าวที่ร่ำลือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเสก ต้องใช้หมู ปลุกเสกเป่าไปข้อไร เสือนั้นกระโดดลงไปในเนื้อหมูได้ ตัวพระครูเองเห็นจะได้ความลำบาก เหน็ดเหนื่อยในการที่ใครๆ กวนให้ลงโน่นลงนี่ เขาว่าบางทีก็หนีไปอยู่ในป่าช้า ที่พระบาทฯ (สระบุรี) ก็หนีไปอยู่บนเขาโพธิ์ลังกา คนก็ยังตามไปกวนไม่เป็นอันหลับอันนอน แต่บริวารเห็นจะได้ผลประโยชน์ ในการทำอะไรๆ ขาย เวลาแย่งชิงก็ขึ้นไปถึง ๓ บาท ว่า ๖ บาทก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก สังเกตดูอัธยาศัยเป็นคนแก่ใจดีมีกิริยาเรียบร้อย อายุ ๗๐ แล้วยังไม่แก่มาก รูปร่างล่ำสันใหญ่โต เป็นคนพูดน้อย มีคนมาช่วยพูด" ฯ

    จากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้มีรับสั่งกับหลวงพ่อปานว่า “ได้ยินชื่อเสียง และกิตติคุณมานาน เพิ่งเห็นตัววันนี้”

    แล้วรับสั่งถามว่า “ที่แจกเครื่องรางเป็นรูปเสือมีความหมายอย่างไร?”

    หลวงพ่อปานทูลตอบว่า “ได้ไปรุกขมูลธุดงค์ในป่า พบเสือใหญ่หลายครั้ง สังเกตดูเห็นว่า “เสือ” เป็นสัตว์ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะ และอำนาจ สามารถใช้ตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ คนทั่วไปเรียกผู้ร้ายใจฉกรรจ์ว่า “ไอ้เสือ” ก็คือเอาความเก่งกาจของเสือมานั่นเอง การที่ทำเครื่องรางรูปเสือมิใช่จะสนับสนุนให้คนกลายเป็น "อ้ายเสือ” เพียงแต่ต้องการเอาลักษณะของเสือจริงในป่าที่ปราดเปรียว ว่องไว เฉลียวฉลาด เฉียบขาดมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น”

    รัชกาลที่ ๕ ได้ฟังก็ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานผ้าไตร ผ้ากราบแก่หลวงพ่อปาน และต่อมาพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ

    ตั้งแต่นั้นมา เสือของหลวงพ่อปานจึงยิ่งเป็นที่เลื่องลือกันในสมัยนั้นมาก เพราะพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงสนพระทัยในเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน จึงทำให้พสกนิกรทั่วไปต่างพูดถึงเรื่องความสนพระทัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ที่มีต่อเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน ซึ่งทำให้เขี้ยวเสือของหลวงพ่อปานเป็นที่ต้องการและเสาะแสวงหาของบุคคลทั่วไป ตั้งแต่ชนชั้นสูงในพระราชสำนักจนถึงชาวบ้านทั่วไป ที่อยากจะมีไว้ครอบครองซักตัว และเมื่อมาถึงปัจจุบันจึงเป็นของอันล้ำค่าหาได้ยากมากในปัจจุบัน เพราะท่านสร้างจากเขี้ยวเสือจริง และสร้างไว้น้อยมาก เมื่อใครได้ไปก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองมี จึงไม่ค่อยปรากฏให้เห็นมากนัก


    ตามคติความเชื่อของคนเล่นของเชื่อว่า “เสือ” เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจราชศักดิ์ สำแดงฤทธิ์ ทำให้เป็นที่เกรงขาม นับถือแก่ปวงชนทั้งหลาย ผู้ที่พกหรือใช้เครื่องรางประเภทเสือ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวเสือแกะ ตะกรุดหนังเสือ ผ้ายันต์รูปเสือ รวมทั้งการสักยันต์ลายเสือ จะมีพุทธคุณเด่นด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด รวมทั้งมหาอุด

    ถ้าหากนำติดตัวไปหนทางใกล้ไกล หรือเดินทางเข้าป่าดงพงพี เผชิญฝูงสัตว์ร้ายและภูตผี จะมิกล้าทำอันตรายใดๆ เป็นคงกระพันมหาอุดและแคล้วคลาดเป็นที่สุด

    นอกจากนี้แล้วยังมีคติความเชื่ออย่างหนึ่ง เรื่องการบริกรรมคาถา เชื่อกันว่ามีคาถาอยู่ ๒ บท ที่คนมักใช้บริกรรม เพื่อบังเกิดมีสง่าราศี มีตบะเดชะ เป็นที่ครั่นคร้ามของคนทั้งปวงให้เกรงกลัว เช่น ไปพบผู้ใหญ่ เจ้านาย รวมทั้งหรือเผชิญศัตรู


    บทแรก คือ คาถาพญาเสือโคร่ง ให้บริกรรมโดยเริ่มจากตั้งนะโม ๓ จบ และตามด้วย

    “พยัคโฆ พยัคฆา สัญ ญา ลัพ พะ ติ อิ ติ หิ หัม หึม”

    บทที่สอง คือ คาถาพญาเสือมหาอำนาจ ให้บริกรรมโดยเริ่มจากตั้งนะโม ๓ จบ

    “ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูคือ พญาพยัคโฆ สัตถาอาหะ พยัคโฆ จะ วิริยะ อิมังคาถามะหะ อิติ ฮ่ำ ฮึ่ม ฮึ่ม”

    อุปเท่ห์การใช้คาถาอาคมขลัง สิทธิการิยะท่านว่า สาธุชนใดบูชาเขี้ยวเสือ ตะกรุดหนังเสือ ผ้ายันต์เสือ ติดตัว ห่อใส่ผ้าเช็ดหน้า รวมทั้งใส่ไว้ในรถยนต์ ย่อมเป็นที่ครั่นคร้ามเกรงอำนาจดีนัก ถ้าหากนำติดตัวไปหนทางใกล้ไกล หรือเดินทางเข้าพงพี เผชิญฝูงสัตว์ร้าย และภูตผีจะมิกล้าทำอันตรายใดๆ เป็นคงกระพันมหาอุด รวมทั้งแคล้วคลาดเป็นที่สุด



    image.jpg

     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    เดือนนี้มีคนถามหากิจกรรม เดี๋ยวจะมาบอกนะครับว่าจะแจกอะไร อันนี้ติดตามๆ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฤชา EU 4956 6408 8 TH

    พี่สุรวุฒิ EU 4956 6409 1 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ EU 4956 6410 5 TH
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    เกี่ยวกับพระฤาษีทุรวาสนี้มีคนนำไปอาราธนาแล้วแจ้งประสบการณ์ว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติอย่างน่าประหลาด ตั้งแต่แรกได้ไปทั้งมีอาการอาเจียนเอาของแปลกๆเป็นเสลดสีดำๆออกมา ทั้งเนื้อตัวก็ขับเหงื่อแต่มีลักษณะเป็นน้ำมันไม่ใช่เหงื่อใสๆแบบปกติ ผู้อาราธนานั้นรู้สึกผิดปกติด้วยว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    ซึ่งเรื่องนี้พ่ออาจารย์ท่านได้บอกว่าให้ใส่ไปให้ครบเจ็ดวันอย่าไปถอดออกเสียก่อนแล้วจะดี โดยเฉพาะพระทุรวาสะนั้นท่านว่าเราลงไว้ดี แต่ที่พิเศษจริงๆของรุ่นนี้เลยก็คือเอาไว้ล้างคำสาป ถอนคำสาปแช่งต่างๆแต่ปางก่อนได้ดี ไม่ว่าจะเป็นของตัวเองหรือคนในครอบครัวก็ตาม

    ในส่วนของคนอื่นๆหากอาราธนาหรือดื่มน้ำที่แช่องค์ปู่ท่าน พ่ออาจารย์ท่านว่าคลายได้หมดพวกคำสาปแช่งที่ติดๆกันไว้แต่ภพก่อน แต่เพียงว่าผลของคนที่ดื่มกินน้ำมนต์นั้นจะไม่แรงหรือหายขาดแบบเห็นชัดเจนเหมือนคนห้อยบูชา อาจจะหายแต่ก็ช้าและต้องทำบ่อยๆ ดังนั้นถ้าอาราธนาแล้วมีอาการผิดปกติใดแสดงออกมาท่านว่าอย่าไปรีบถอดเสียล่ะ เราทำมาดีแล้วไม่ต้องกังวลอะไร

    28908412_2162737430679333_1779429512_n.jpg 28907265_2162737444012665_828212946_n.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พรุ่งนี้ติดตามพูดคุยกันนะครับ ;)
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ติดตามการแจ้งข้าวเรื่องพูดคุยกันดีๆนะ ...ห้ามตกขบวน
    ;)
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่งEMS
    พี่พรเทพ EU 4957 1484 0 TH
     

แชร์หน้านี้

Loading...