เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย >_<.ST.>_<, 6 พฤศจิกายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    เมื่อไหร่หล่ะ จขกท ถามระบบสมิทซ์จิตจักรวาลหน่อยดิ ขอวันเดือนปีแน่ๆ เลยนะ เอาแบบใกล้ๆ เลยได้มั้ย ถ้ามันไกลเร่งมาให้เกิดใกล้ๆ หน่อย มาโพสทีไรออกแนวนี้ประจำ เปนความลับ บอกไม่ได้ บอกกว้างๆ ได้แค่นี้ ทายไปไกลลิบๆ

    นี่ปวี กลัวมากกกกกเลยนะ ไม่ใช่กลัวตายนะ คือกลัวมันไม่มาอ่ะ ขอแม่นๆ แบบเทพจากกรมอุตุเลยนะ บอกฝนตกพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ตกเลย ศักดิ์สิทธิ์มาก มุกแบบนั่งสมาธิแล้วภัยเลื่อนไม่เอาแล้วนะ สงสารคนห้องนี้ เฟลจนห้องร้าง
     
  2. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    กรมอุตุนี้เดา ผสมหลักการครับ เหมือนหมอดูแต่มีหลักการเดา มี % ถูกอยู่บ้าง แต่ก็คือเดา บางวันบอกจะตก แดดแรงกว่า วันธรรมดาอีก บางวันบอกแดดออก เตรียมซักผ้าตากผ้า ตากเสร็จ ฝนลงเป็นห่า

    อันนี่เทพจริงๆ
     
  3. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ก้เขียนอยุ่ว่าบอกฝนตกพรุ่งนี้แล้วตก ปวีเขียนอะไรผิดอะไรรึเจ้าคะ ทายใกล้ๆ แล้วเกิดเลยจิงๆเหนจิงตามนั้นในกรณีนี้ จับประเด็นที่ปวีจะสื่อได้ไหมเจ้าคะ

    ถ้าเขียนว่าอุตุมั่วนิ่มบอกตกไม่ตก เดวแดด เดวตก เดวไม่ตก ไม่แดด ไม่งอก ไม่เปื่อย ไม่กิน แล้วสื่อไปว่าคำทำนายมันไส้เลื่อน มันหาทางแยก ทางเบี่ยง ทางเลี่ยง แบบอุตุลกษณะนี้ ก้จะเขียนโดยเทียบกับอุตุอีกลักษณะสิเจ้าคะ
     
  4. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339

    แซวเล่นครับ อย่าถือสา
     
  5. เเสงเทียน

    เเสงเทียน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2017
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +156
    พรหม คือ ผู้สร้าง ? ต่างดาว
    เทวดา คือ ผู้ดูเเล ? ต่างดาว
    มนุษย์สิ่งมีชีวิตชนิดสุดท้ายที่เค้าต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์?
    สิ่งที่เค้าต้องการ คลื่นพลังงาน ความดี คิดดีทำดี ?
    ถ้าไม่ได้พลังงานนี้ รีเซ็ท?
    ทำมาหลายล้านๆๆๆครั้งเเล้ว?
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ค่ะเพราะตนเองรู้ว่านี้คือ สัจธรรมจิตมนุษย์ในศาสตร์แห่งจักรวาลค่ะ เป็นความรู้ใหม่แนววิทยาศาสตร์ ที่เติมเต็มความเข้าใจเราได้เพิ่มจากหลักธรรมคำสอน ทำให้เราหายสงสัยในบางประการที่เรากำลังพยายามค้นหาคำตอบเกี่ยวกับตนเอง มนุษย์คืออะไร? จิตวิญญาณมนุษย์มาจากไหน? เกิดมาเป็นมนุษย์ทำไม? ที่ทำให้ทราบวิทยาศาสตร์แห่งจิตวิญญาณ กระบวนทางจิตในมิติแก่นแท้ ที่เกี่ยวข้องกับโลกกำลังเปลี่ยนแปลงสู่ยุคพลังงานใหม่เกี่ยวข้องอย่างไรต่อมนุษย์และโลกบ้าง และที่สำคัญคือ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นและอากาศวิปริตแปรปรวนดั่งเช่นทุกวันนี้ ล้วนมีสาเหตุมาจากอะไร? ส่วนใหญ่เราจะรู้ว่าภัยพิบัติต้องเกิดก็มาจากคำทำนายของผู้มีญาณบารมีเทพพรหม และผู้มีวาสนาบารมีทั้งหลายนี้ แต่เราไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง หรือ เป็นเพราะเหตุใด ผลจึงได้รับเฉกเช่นปัจจุบันนี้ค่ะ

    เชื่อหรือไม่! ค่ะ มนุษย์เราก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของพลังงานในจักรวาลนี้ มนุษย์เราเป็นคนสองมิติ มิติแรกคือมิติด้านกายภาพที่เรารับรู้สัมผัสได้ทางรูปธรรม๑ และอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็นเป็นนามธรรม คือ มิติพลังงาน เช่น คลื่นพลังจิต คลื่นกระแสอารมณ์๑ เป็นต้นนะค่ะ

    โลกธาตุตามคำสอนของพระศาสดา ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากธาตุหลักทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม และธาตุถ้าทางวิทยาศาสตร์หมายถึง "พลังงาน" การกำเนิดบิ๊กแบงของจักรวาลคือจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง คลื่นคอสมิค คือ คลื่นพลังงานจักรวาล

    กฎเกณฑ์ของสากลจักรวาล คือ กฎความเป็นหนึ่งเดียวของทุกสรรพสิ่ง

    ไมว่าสรรพสิ่งนั้นจะเป็นอะไร มีรูปลักษณ์มายาเป็นเช่นไร จะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือ ไม่มีชีวิต และสรรพสิ่งนั้นจะดำรงตนเองอยู่ตรงซอกหลืบไหนในสนามพลังงานจักรวาลอันไพศาล ที่นักวิทยาศาสตร์โลกเรียกว่า"เอกภพ"ก็ตาม ต่างล้วนมีพลังงานความรักในรูปคลื่นความถี่ไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก ที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของแก่นแท้ของสรรพสิ่งนั้นที่จะเหวี่ยงมันออกมา เพื่อยึดรั้งตนเองเอาไว้กับสรรพสิ่งอื่น ๆ อย่างมั่นคงและต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา

    สรรพสิ่งใดมีมวลมากกว่าหรือมีรูปธรรมขนาดใหญ่กว่าสรรพสิ่งนั้นก็จะมีพลังอำนาจที่จะยึดรั้งผู้อื่นหรือสรรพสิ่งอื่นที่มีขนาดมวลเล็กกว่าได้มากกว่า

    สรรพสิ่งใดที่มีมวลน้อยกว่าหรือมีขนาดเล็กกว่าสรรพสิ่งนั้นก็จะมีพลังอำนาจในการยึดรั้งได้น้อยกว่า

    แต่ละสรรพสิ่งที่มีมวลมากกับที่มีมวลน้อย จะต้องหยิบยื่นความรักให้แก่กันและกันแล้ว ทั้งสองรูปธรรมสามารถสร้างความลงตัวหรือความพอดีกันในการยึดรั้งกันไว้ได้ด้วยหลักการง่าย ๆ คือ ใครมีพลังมากกว่าก็หยิบยื่นให้มากกว่า ใครมีพลังน้อยกว่าก็หยิบยื่นให้น้อยกว่านั่นเอง


    นับล้าน ๆ ปีแล้ว ที่เอกภพและทุกสรรพสิ่งซึ่งดำรงอยู่ในสนามพลังงานอันไพศาาลนี้ ต่างสมดุลและลงตัวกันมาเนิ่นนาน เพราะเหตุว่าแต่ละสรรพสิ่งต่างหยิบยื่นพลังงานความรักเพื่อเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันนั่นเอง

    เห็นก็มีแต่มนุษย์โลกเท่านั้น ที่นอกจากจะไม่รู้ว่าความรักคืออะไรและไม่อาจหยิบยื่นความรักให้แก่ใคร ๆ ได้แล้ว มนุษย์ยังกลับกระทำต่อกันในทางตรงข้าม คือ หยิบยื่นพลังงานด้านลบจากจิตสำนึกที่บกพร่องของตนเองในรูปของอารมณ์ขยะต่าง ๆ ให้แก่กันเสียอีกต่างหากด้วย

    นอกจากจะไม่สามารถประสานความรัก ด้วยการเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้ให้เป็นระบบเดียวกันได้แล้ว มนุษย์ยังผลักใสซึ่งกันและกันให้ต่างฝ่ายต่างหลุดออกไปจากระบบเดียวกันหรือออกไปจากความเป็นหนึ่งเดียวกัน

    มีคำถามว่า "มนุษย์ออกแรงด้านลบกระทำต่อกันทำไม"

    คำตอบก็คือ

    เพราะมนุษย์ต้องการมีอำนาจเหนือนำผู้อื่น หรือสรรพสิ่งอื่นนั่นเอง ความสะใจ๑ ความได้เปรียบ๑ ความมีโอกาสมากกว่า๑ ความเป็นผู้อยู่เหนือำนาจของผู้อื่น๑ ก็คือ การพยายามกดขี่บีบคั้นผู้อื่นไว้เพื่อยกตัวเองให้โดดเด่นกว่าเหนือกว่า ซึ่งมันผิดกฎแห่งการดำรงอยู่อย่างสมดุลของทุกสรรพสิ่งหรือกฎแห่งความเสมอภาคกัน ในอันที่จะนำทุกสรรพสิ่งไปสู่ความเป็นระบบเดียวกันในลักษณะของการมีระบบเล็กทับซ้อน ๆ อยู่ในระบบใหญ่

    การทำตนเองให้อยู่นอกระบบ การทำสงคราม ฆ่า ล้างผลาญกัน และการผลักใสผู้อื่นให้ออกไปจากระบบของตนเองเป็นค่านิยมทางสังคมที่มีความผิดร้ายแรงอันควรจะต้องเร่งแก้ไข

    ถ้าหากมนุษย์ยังคงดึงดันประพฤติตนฝ่าฝืนกฎเกณฑ์สากลจักรวาล ด้วยการบั่นทอนหรือบ่อนทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ด้วยกัน สัตว์ประจำโลก ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของระบบโลก ดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้แล้ว การเสียสมดุลของทั้งระบบเล็กระบบใหญ่ภายในระบบโลกเอง และสรรพสิ่งอื่นที่อยู่ภายในระบบอื่น ๆ ทั่วทั้งจักรวาล จะพากันเสียสมดุลรุนแรงยิ่งขึ้นจนถึงขั้นวิกฤตได้

    มนุษย์เอง ก็เป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตนั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    กรณีเนื้อมวลของหินที่ปริแยกออกจากระบบเพราะไม่สามารถออกแรงเหวี่ยงรั้งซึ่งกันและกันไว้ให้เป็นระบบเดียวกันได้ต่อไปอีกแล้ว ภาพที่ปรากฎก็คือจะเกิดการผุกร่อนหรือผุพังของหินก้อนนั้น หินใหญ่ก้อนเดิมนั้นก็คงเป็นแค่ใหญ่เพียงในอดีตเท่านั้น เพราะมันย่อมมีขนาดเล็กกว่าเดิมและทรุดโทรมหนักเป็นแท้

    กรณีดังว่านี้ก็ไม่แตกต่างไปจากมนุษย์ในปัจจุบันที่ดำรงอยู่ในระบบโลกด้วยกัน แต่ไม่รู้จักคำว่า"รัก" ที่แท้จริงที่จะหยิบยื่นให้แก่กันและกันเลย ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ระหว่างมนุษย์และสรรพสิ่งอื่น และมนุษย์กับโลกของตนมีปัญหา

    สำหรับคำว่า "ความเป็นหนึ่งเดียวกัน" หมายถึง ความลงตัวกัน หรือ ความสมดุลกันของสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ภายในระบบเดียวกันนั่นเอง

    ดาวเคราะห์ทุกดวง ดวงจันทร์อันเป็นเพื่อนดาวเคราะห์แต่ละดวง และดวงอาทิตย์ผู้เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาลนี้ ต่างจะต้องมีหน้าที่ออกแรงกระทำต่อกันด้วยการดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้เท่านั้น ระบบสุริยจักรวาลนี้จึงจะดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงตลอดไป ถ้าหากสมาชิกในระบบดวงใดดวงหนึ่งบกพร่อง ละเลย เหลวไหล หรือว่าล้มเหลวงต่อหน้าที่ มันจะยังส่งผลให้ระบบสุริยะจักรวาลทั้งระบบเกิดการเสียสมดุลไปทันที จนถึงขั้นอาจทำให้ทั้งระบบพังพินาศได้ในฉับพลัน

    แรงกระทำต่อกันด้านบวก เพื่อดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้ให้เป็นระบบสุริยะจักรวาลเดียวกันนี้ก็คือ "พลังงานความรัก" พลังงานความรักนี้ก็คือ

    พลังงานที่อยู่ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก ที่ตาเปล่ามนุษย์มองไม่เห็น

    มนุษย์ซึ่งก็ดำรงตนอยู่ในระบบสุริยจักรวาลนี้เหมือนกัน แต่ที่แตกต่างจากดวงดาวเทหวัตถุอื่น ตรงที่ดวงดาวต่าง ๆ ในระบบสุริยะ เป็นสิ่งไม่มีชีวิตและไม่มีรูปธรรมทางพลังงานที่เรียกว่า"จิตวิญญาณ" ที่เป็นแก่นแท้ ที่สามารถสั่นสะเทือนตนเองเพื่อผลิตสร้างพลังงานในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างไร้ขีดจำกัด ต่างจากดวงดาวต่าง ๆ ที่ได้กำหนดให้แรงสั่นสะเทือนมีค่าเฉพาะตัวคงที่ในอันที่จะนำไปใช้สร้างความสัมพันธ์กับดวงดาวอื่น ๆ ในระบบเดียวกันต่อไป นี่ก็เป็นเหตุหนึ่บที่ทำให้ดวงดาวเทหวัตถุนี้มีขนาดใหญ่และมีมวลมาก เพราะมิฉะนั้นแล้ว "พลังร่วม" ที่เรียกว่าความรัก ซึ่งใช้เพื่อการยึดรั้งตนเองไว้กับดวงดาวอื่น ๆ ก็มีความเข้มข้นน้อยเกินกว่าจะใช้การได้นั่นเอง น่าสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า! ทำไมสรรพสิ่งอื่นที่มีขนาดน้อยใหญ่ในจักรวาลไพศาลนี้ จึงดำรงอยู่กันได้เป็นระบบยาวนานนับแสนล้านปีเท่าทุกวันนี้ คำตอบคือ เพราะว่าเทหวัตุทั้งหลายเหล่านั้น ไม่มีจิตหยาบ และไม่มีจิตวิญญาณ เป็นรูปธรรมทางพลังงานแก่นแท้เช่นมนุษย์โลกนั่นเอง พวกเขาจึงมิได้มีอิสระในตนเองเหมือนมนุษย์โลกที่นึกจะสั่นสะทือนตนเองเมื่อใดแค่ไหนก็ได้ พวกเขาถูกกำหนดให้มีคุณสมบัติไว้อย่างไร มีหน้าที่ทำสิ่งใด และต้องทำอย่างไร พวกเขาก็จะทำตนเช่นนั้นอย่างนั้นอย่างมั่นคง

    การเสียสมดุลของระบบจึงไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะพวกเขาเหลวไหลไม่ได้เนื่องจากเหลวไหลไม่เป็น

    แต่มนุษย์เป็นสรรพสิ่งพิเศษสรรพสิ่งหนึ่งในจักรวาล ที่ได้กำหนดให้เป็นผู้มีพลังอำนาจในตนเอง ในการจะผลิตสร้าง "พลังงานแห่งความรัก" ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกมอบให้แก่กันได้อย่างเสรีและไร้ขีดจำกัด เพราะเหตุอิสระนี้เอง แทนที่มนุษย์จะใช้พลังอำนาจในตนเอง แต่กลับใช้กันไม่เป็นและใช้กันอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ยอมมอบพลังงานด้านบวกให้แก่ผู้อื่น เพื่อยึดรั้งผู้อื่นไว้ในระบบของตนเป็นสังคม เป็นทีมงาน เป็นเผ่าพันธ์โลก แต่มนุษย์ยังเหลวไหลด้วยการใช้จิตดวงเดียวกันนั่นเองสั่นสะเทือนทางด้านลบมอบให้กันกระทำต่อกันอย่างไร้สำนึก ดังเช่นที่ปรากฎอยู่ในยุคนี้แล้ว

    มันคือการผลักใสซึ่งกันและกัน มิใช่การเหนี่ยวรั้ง

    มันคือการแยกตนดองหรือผู้อื่นออกไปจากระบบ มิใช่การสร้างระบบ

    มันคือการทำลายระบบของตนเอง มิใช่การค้ำจุนระบบแต่อย่างใด


    มนุษย์อาจมองเห็นภาพมายาที่เป็นจริงในมิติโลกของตนเอง เกี่ยวกับการแตกความสมานฉันท์ และการแตกความสามัคคีกัน เพราะรักกันไม่เป็น รักกันไม่ได้ ครอบครัวแตกร้าวคู่ชีวิตร้าวฉาน สังคมล่มสลายเพราะสังคมไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

    มนุษย์ไม่รู้หรอกว่า ความเหลวไหลและความล้มเหลวของมนุษย์เองดังกล่าวนี้ มันมีผลกระทบทางด้านลบต่อสรรพสิ่งอื่นในจักรวาลนี้ ที่เกิดขึ้นในอีกมิติหนึ่งซึ่งตามองไม่เห็นอย่างมากมายอีกด้วย

    ใช่เพียงแต่ว่า มนุษย์จะรังเกียจเดียดฉันท์หรือโกรธเกลียดเคียดแค้นกัน อันเกิดจากอารมณ์รู้สึกด้านลบเพื่อการ "ผลักใส" ให้แตกแยกความสามัคคีกันแล้ว พลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบที่มนุษย์ผลิตสร้างเหวี่ยงมันออกมานั้น นอกจากจะมีพลังอำนาจในการผลักใสซึ่งกันและกันแล้ว มันยังมีผลทำให้สรรพสิ่งอื่น ๆในจักรวาลเกิดการเสียสมดุลของระบบน้อยใหญ่ โดยจะเกิดการสั่นสะเทือนด้านลบไปทั้งโลกและจักรวาลเลยทีเดียว น่ากลัวไม่ใช่เล่น ! นื่องจากมนุษย์มักจะมองแคบ ๆ แค่ตัวเองกับพวกตัว ไม่ใส่ใจผู้อื่น ไม่สนใจโลกและจักรวาล อันเป็นธรรมชาติรายรอบตัวเอง มนุษย์จึงค้นไม่พบสัจธรรมอันเป็นจริงแท้กัน

    มนุษย์จึงได้สักแต่พูดอย่างไพเราะหูว่า "เด็ดดอกไม้เพียงดอกเดียวก็สั่นสะเทือนถึงดวงดาวแล้ว" มนุษย์พูดทั้ง ๆ ที่สังไม่เข้าใจแจ้งว่า ประโยคที่กล่าวนั้นมีนัยยะถึงอะไร

    นี้ก็เป็นหลักธรรมอย่างหนึ่ง ในการอยู่ร่วมกัน หรือ การทำหน้าที่ที่ดีของมนุษย์ "หน้าที่" ก็คือธรรม หลักการอยู่ร่วมกันอย่างไม่เบียดเบียนซึ่งกัน ก็คือ หลักธรรม กาย วาจา ใจ จะสมบูรณ์พร้อมได้ก็ต้องประกอบด้วยศีลสมาธิปัญญา แต่ที่นำลงมาเป็นกฎเกณฑ์ของจักรวาล อันเป็นสัจธรรมหลักใหญ่ ทุกสรรพสิ่งก็ต้องใช้กฎนี้ในการอยู่ร่วมกันค่ะ และคงสังสัยต่อว่า คำสอนแต่ละศาสนายังไม่เพียงพออยู่หรือ! เป็นความรู้จากจักรวาลที่ทำให้เรารู้เพิ่มถึงเหตุที่โลกเรากำลังของเรากำลังเป็นไป เป็นความรู้ใหม่ในส่วนที่ยังไม่มีการเปิดเผยมาก่อน เพราะเมื่อ ณ เวลาเมื่อสองพันกว่าปีนั้นโลกเรายังไม่ล้ำยุคในเรื่องพลังงานค่ะ


    ขอบคุณค่ะ ขอใช้ประโยคนี้ และฝึกในเรื่องโลกธรรมแปดด้วยค่ะ

    images.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  7. ไร้กรอบ

    ไร้กรอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +6,628
    ข้อความของคุณจิตยิ้ม Copy มา หรือ ออกมาจากใจ
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ทั้งสองอย่างค่ะ
     
  9. ไร้กรอบ

    ไร้กรอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +6,628
    นึกว่าขยันพิมพ์ เพราะมันเยอะมาก ม๊าก เห็นแล้วตาลาย หุหุ
     
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    Coppy ออกมาจากใจค่ะ มิได้คัดลอกแล้วมาวาง ข้อความในลักษณะนี้ต้นฉบับก็ยังไม่เหมือนเลยค่ะ เพราะเป็นการเรียบเรียงมาตอบคำถามเพื่อให้เข้าใจและตรงประเด็นค่ะ แสดงว่าสิ่งนั้นต้องออกมาจากใจด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  11. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ดึงไว้ก่อน
    ปกติไม่ค่อยดึงข้อความใคร กันลบ อิอิ

    อยากให้คนเหนสิ่งที่นางเปน เถียงสู้ทุกกระทู้ ปากบอกไม่เกี่ยวกับ อ. ป..แต่จานป. เจ้าลัทธิจิตจักรวาลนะตัวเธอว์ ข้อความก้ไปก๊อปของจานมาทั้งดุ้น จะหักหลังจานได้รึ แหม่ ปากบอกอย่างเขียนมาอีกอย่าง สวนทางตลอด

    ใครมาโพสบอก โพสเตือนให้วางๆ ก้พยามตัดต่อพันธุกรรมจิตจักรวาลเข้าไปแทรกโพสเขาตลอด หาข้อมูลโน่นนี่มาซับพอร์ตโพสตัวเอง เปนนางคว้าจะมากู้โลก เปนเอามาก

    ปวีกะจะมาถามเฉยๆ เรื่องเล่นเน็ต ดันมาเปรี้ยวใส่ บอกกิเลส เดินไม่ตรงทาง บลาๆ ..ตึ๊บกะพวกพุทธโธเลี่ยนจิงๆ ก้เข้าใจชีวิตนักบวชเหงาๆ นะเธอว์ แต่ไม่เคยเหนนักบวชมาเล่นเน็ตอ่ะ เล่นมาหลายปีด้วยนะ ตั้งกะสมัยลุงจรยังเปนมิจฉาชีพอยุ่เลย แขวะกันไปมากะลุง 2 คน ตอนแรกนึกว่าแฟนกัน (ตอนนั้นนางก้ไม่บอกใครว่าเปนชี จนมีคนไปรุ้เอง) นักบวชปกติมาเล่นเน็ตแค่บอกบุญ นอกนั้นก้ปฎิบัติ กวาดลานวัด ทำงานนั่นนี่ มิใช่รึ

    เธอว์เปนนักบวชพุทธนะตัวเธอว์ ธีมเธอว์คือพุทธะ อย่าสะกดจิตตัวเองว่าจิตจักรวาลคือพุทธะ ถ้าอยากจิตจักรวาล ลาออกจากนักบวชจ่ะ อย่ามาเนียนเผยแพร่ เรื่องแบบนี้ให้ฆราวาสทำเลยจ่ะ เรื่องที่เธอว์บอกจิตจักรวาลวิทย์แนวใหม่สำหรับตัวเธอว์อ่ะ คนห้องนี้หลายๆ คนเขารุ้ก่อนตัวเธอว์นานแล้วนะจ๊ะ กลัวตายจนห้องร้างแล้ว ดูสิเธอว์วว
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ขอโทษนะค่ะ ท่านเองก็ยังไม่รู้ว่า "ธรรม" นั้นคืออะไร ถ้าท่านรู้จริง ท่านก็คงไม่มากล่าวเช่นนี้ เก็บความหวังดีของท่านไว้เถิดค่ะ เรารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2018
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    พระยาธรรมิกราช หรือ พระยาธรรมิกราชา ราชาแห่งธรรม เป็นธรรมที่เหนือกว่าธรรมทั้งปวง คนละอย่างกับ พระมิกราชโพธิญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2018
  14. karokwat

    karokwat นารายณ์ ❤️ ลักษมี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +317
    ที่นี่คือ "เตือนภัยพิบัติ"
    ชื่อกระทู้ก็คือ "เตรียมตัวให้พร้อม"
    เพราะฉนั้นคือ ขอบคุณทุกท่านนะครับ
    ที่แชร์ข่าวสารเรื่องภัยพิบัติ ต่างๆตามความรู้ที่ทุกท่านได้รับสื่อมา
    หากเรายึดมั่นถือมั่นในความรู้ตัวเองแล้วก็ดี แต่ไม่ควรเอาความรู้ของเราที่ยึดมั่นนั้น ครอบงำหรือตีกรอบแก่ผู้อื่น หรือตัดสินผู้อื่น
    หากต่างคนต่างยึดมั่นความคิด อัตตาของตัวเองสูงสุด สุดท้ายแล้ว ก็จะเกิดการโต้แย้งกันไม่มีที่สิ้นสุด

    เพราะฉนั้นแล้ว จึงอยากให้ทุกท่าน ให้อิสระต่อความรู้ หรือความคิด ต่อกัน และกัน

    ปล."กระทู้นี้คือ ให้แต่ละท่านมาโพสแจ้งเตือน สิ่งที่แต่ละท่านได้รับสื่อมานะจ้ะ ขอให้โพสตรงประเด็นด้วยจร้า

    (ครั้งหน้า ผมจะมาบอกวันเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคใหม่ และจะมาบอกชื่อ" ราชาแห่งแสงสว่าง องค์จักรพรรดิ" ว่าชื่ออะไร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2018
  15. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    มีแผลเก่ากันมาก่อนหรือเปล่าครับอันนี้ถามแบบตรงๆนะครับ
     
  16. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    มองไปเปนรังสีอำมะหิต พีคจุง คนดี.. มันเปนปกติของพวกจินตนาการเพ้อๆ โดนทำลายก้งี้แหล่ะ ..เอางี้มะเธอว์เดวขับรถพาไปประกาศศักดิ์ดาที่รพ.. เอาศิริราชก่อน คนเยอะดี คนทุกระดับด้วยนะ ไปมีตัวตนนอกเน็ตดีกว่า จะได้ดำเนินการง่ายๆ ในนี้คนทั้งประเทศรวมกันเล่นยังไมถึง 5% เลย ..บอกวันเวลาแน่นอน เอาใกล้ๆ นะ ขอเดือนนึงเกิดเลยนะ ขอรูปเบื้องบนด้วยนะ ไหนๆ ก้คอนแทคได้แระ ถ้ามันเลื่อนปวีฝากบอกรอบนี้ขอจังๆ ไม่เลื่อนนะ สงสารคนรออ่ะเธอว์
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ขออภัยที่ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจในคำคมกรอบสีดำ ที่ยกมาเพื่อเป็นคำที่กล่าวตอบให้คนส่วนน้อยที่ไม่ได้เห็นด้วยค่ะ เมื่อท่านถามว่าคิดอย่างไรต่อคนทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทุกอย่างในโลกนี้ย่อมมีระบบถ่วงดุลกันอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะทำการอันใด อยู่ในสถานที่ไหน ๆ ก็หนีไม่พ้นสามสิ่งนี้คือ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และเฉย ๆ หากเราจะทำการใดเมื่อเราตรองและมั่นใจแล้วว่าสิ่งนั้นดี และ มีประโยชน์ เราก็จึงเพียรพยามยามทำให้สำเร็จ อุปสรรคของความเห็นที่ไม่เห็นด้วยย่อมมี เราก็ควรมองข้ามไป เพราะเรารู้เป้าหมายเราคือสิ่งใด? นี้ก็เป็นการฝึกการปล่อยวางต่อโลกธรรมแปด ที่เราทุกคนจึงหนีไม่พ้นเป็นธรรมดา จึงเป็นที่มาของคำคมนั้นค่ะ
     
  18. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    อันนั้นเขาไม่เรียกมีปมกันมาก่อนเจ้าค่ะ ท่านหมื่นนารายณ์ เราเหนข้อความโดนใจเราก้ก็อปไปเก็บไว้ในกระทู้เรา เหมือนเราไปวัดเจอข้อความตามต้นไม้ ลงชื่อ ลป ชา เราชอบ เราก้เก็บไป เพราะเรายอมรับในธรรมะของ ลป แต่ข้อความนาง เรามาเหนนางเปนแบบนี้ ก้ยี้ใส่ เพราะนางเปนคนมีอัตตาหนา ติดดี ถ้าไม่อวยนางจะเหน็บ แถจนสีข้างไหม้ คำพูดที่ท่านหมื่นนารายณ์ก๊อปมามันก้พันคอนางเอง เราเลยเหนปลาไหลขออภัย..

    ว่าแต่ใครบอกเธอให้มาทำหน้าที่หรอ ปวีเปลี่ยนใจละ บอกพระบิดาเธอไปกู้โลก 3 ชายแดนใต้หน่อยดิ มีทุกฟิวเลยนะ รังสีอำมหิต ความร๊ากก 2 ศาสนาเดวปวีออกค่าตั๋วให้ ถ้าเทพเธอทำได้ ดังเลยนะ ขอการตลาดง่ายๆ แค่นี้ก่อน เดวขอ id card เธอไว้ด้วยนะ จะส่งให้น้องที่กลาโหม จะทำงานใหญ่ทั้งที ลุงตุ่ต้องรุ้สิ
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    คิดแทนผู้อื่น

    การชอบคิดแทนผู้อื่นของมนุษย์ ก็สามารถทำให้คนดีกลายเป็นคนขี้ระแวงผู้อื่นไปได้อย่างง่ายดาย เช่น เมื่อได้ยินฝ่ายหนึ่งพูดว่า

    "ฉันไม่เชื่อคุณหรอก"

    ประโยคดังกล่าวคนขี้ระแวงจะแปลว่า

    "เขาหาว่าฉันตอแหล"

    เมื่อได้ยินฝ่ายหนึ่งพูดว่า

    "ผมไม่สนใจหรอว่า คุณจะคิดอย่างไร"

    ประโยคดังกล่าวนี้จะถูกคนขี้ระแวงแปลเป็นว่า

    "เขาไม่ใยดีฉันอีกแล้ว"

    เมื่อได้ยินฝ่ายหนึ่งพูดว่า

    "ฉันสอนมาหลายครั้งแล้วทำไมไม่จดจำบ้าง?"

    ประโยคดังกล่าวนี้คนขี้ระแวงจะแปลว่า

    "เขาต้องเบื่อฉันและคงไม่ใยดีฉันอีกแล้วแน่ ๆ เลย"

    คนขี้ระแวงมักจะคิดสั้นกันเพียงเท่านี้เอง โดยไม่คิดต่อไปว่าถ้าตนไม่ประสงค์จะเผชิญกับสถานการณ์ด้านลบในสิ่งที่ตนคิดเหมาเดาเอาเองนั้น ๆ แล้ว ตนจะต้องทำอย่างไร ถ้ามนุษย์เลือกที่จะ

    ไม่พอใจเขา
    โกรธแค้นเขา
    ตัดพ้อต่อว่าเขา
    เลิกคบกับเขา


    พฤติกรรมที้งสี่ตัวอย่างนี้ เป็นการเลือกที่จะจัดการบุคคลอื่น คือ จัดการตัวเขา นั่นเอง

    การเลือกจัดการที่ผู้อื่น แสดงว่า ผู้อื่นนั่นแหละผิด แต่ตนเองไม่ผิด ใช่หรือไม่!

    เพียงแค่คิดจะจัดการผู้อื่น แก้ไขที่ผู้อื่น หรือคิดว่าผู้อื่นผิด ตัวเราเองก็ผิดแล้ว!

    ทางแก้ไขกรณีนี้คือ มนุษย์จะต้องคิดให้ได้ว่า การถือโทษโกรธเคืองผู้อื่นก็คือการจัดการผู้อื่นนั่นเอง ซึ่งมันไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาคาใจใด ๆ ของเราได้เลย การเสียสมดุลทางอารมณ์ต่อผู้อื่นด้วยความคิดด้านลบที่ก้าวล่วงต่อผู้อื่นอยู่นั้น มันมิได้ช่วยให้ตนเองเลี่ยงพ้นสถานการณ์ร้าย ๆ ที่เราเองคิดได้ในขณะนั้นแม้แต่น้อยเลย

    แม้ว่าถ้าสิ่งที่ตนคิดเองและคิดแทนดังกล่าว จะถูกต้องตรงกับความเป็นจริงก็ตาม แต่เชื่อเถิดว่าการแสดงพฤติกรรมขยะโต้ตอบผู้อื่นในลักษณะต่อไปนี้ มันก็มิได้ก่อประโยชน์ใด ๆ ให้ตนเองเลยแม้สักนิด เช่น

    แสดงความโกรธแค้นเขาก็มิได้ช่วยให้เขาเห็นว่าเราเป็นคน "ไม่ตอแหล" ขึ้นมาได้

    แสดงความโกรธแค้นเขาก็มิได้ช่วยให้เขา หันมา"ใยดี" ตนเองดังเดิมอีกต่อไปได้

    แสดงความโกรธแค้นเขาก็มิได้ช่วยให้เขาเปลี่ยนมาเป็น "ไม่เบื่อ" ตนเองได้เลย

    แท้แล้วคนที่ตนเองจะต้องจัดการเป็นคนแรกและคนสุดท้าย คือ ตนเอง ต่างหาก

    ถ้าคิดว่าเขาเข้าในผิดโดยหาว่าเรา "ตอแหล" คือ ไม่เชื่อคำกล่าวของเรา หน้าที่แท้จริงของเราก็คือ ต้องทำให้เขาเชื่อได้ว่าเรากล่าวจริง

    ถ้าคิดว่าเขากำลังจะ "ไม่ใยดี" เราจริง ๆ เราก็ต้องเร่งค้นหาข้อบกพร่องของตนเองให้พบ เพื่อแก้ไขที่ตัวเราเองเสียทันที จะได้ช่วยให้เขาหันมาสนใจใยดีต่อตัวเราต่อไปได้

    ถ้าคิดว่าเขากำลังเริ่ม "เบื่อหน่าย" ตนเองจริง ๆ แล้วก็ให้เริ่มทำตัวไม่เป็นที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเขาเสียที ก็เท่านั้นเอง

    คนที่ชอบคิดแทนคนอื่น และคิดลบทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเช่นนี้ หากจะแก้ไขได้คงต้องปฏิบัติดังนี้คือ

    ๑.ครองสติให้อยู่ ควบคุมความคิดตนเองให้ได้
    ๒.ถ้าคิดว่าผู้อื่นเป็นลบต่อตัวเองเมื่อใด อย่าปักใจเชื่อทันทีว่าตนเองคิดถูกต้อง
    ๓.อย่าแสดงออกด้านลบต่อเขาโดยยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นลบกับเราจริง ๆ
    ๔.จงรับรู้ว่าการแสดงออกด้านลบตอบโต้เขานั้นมันเป็นการเร่งรัดใหตนเองบาดหมางกันกับเขาเร็วขึ้น
    ๕.ให้รีบหาหนทางปรับปรุงแก้ไขตนเองทันที เพื่อช่วยให้ตนมั่นใจว่าเขาต้องไม่เป็นลบอย่างที่เราคิดแน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2018
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    เป็นการอวดฉลาด

    มนุษย์จำพวกนี้ เป็นพวกที่ชอบทำตนเหนือผู้อื่น ไม่ยอมด้อยกว่าใครทั้งสิ้น จะเห็นผู้อื่นเป็นเสมือนศัตรูคู่แข่งขันไปหมด กล่าวคือ เสมอไม่ได้ แพ้ไม่ได้ ไม่ว่าคิดจะทำอะไรถือเป็นเรื่องการแข่งขันกับผู้อื่นไปเสียสิ้น

    มนุษย์จำพวกนี้จะถือว่า การเสียรู้เสียท่าคนอื่น เป็นการเสียหน้าเสียเกียรติยศเสียศักดิ์ศรีตนเองมาก ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิต ที่ตนเองจะยอมไม่ได้โดยเด็ดขาด

    ในทางกลับกัน มนุษย์พวกนี้จะถือว่าการรู้เท่าทันผู้อื่น การคิดทันผู้อื่น หรือการคิดได้เหนือนำผู้อื่น เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของตนที่จะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่ตนพึงประสงค์เป็นที่สุดด้วย

    มนุษย์จำพวกนี้จึงพยายามที่จะคิดแทนผู้อื่นตลอดเวลา เสมือนเดาใจผู้อื่นว่าคิดนึกอย่างไร ตนคิดนึกได้ถูกต้องตรงกับที่เขาคิดอยู่หรือไม่ เป็นต้น จึงคิดถูกบ้างผิดบ้างเรื่อยมานาน ๆ เข้าก็เคยชินเป็นนิสัย คือ หยุดคิดแทนผู้อื่นไม่ได้ แล้ว

    แรก ๆ จะคิดล่วงหน้าหรือคิดแทนผู้อื่นด้วยเรื่องทั่ว ๆ ไป แต่พอนานวันเข้าความคิดจะแปรเปลี่ยนไป เช่น ถ้ามีทัศนคติต่อผู้ใดในแง่ลบอยู่หรือถ้าไม่ไว้วางใจใคร ก็จะคิดแทนเขาคนนั้นเป็นด้านลบอยู่ด้านเดียว หรือ ถ้ามีทัศนคติต่อผู้ใดเป็นบวกอยู่หรือเชื่อถือศรัทธาใคร ก็จะคิดแทนเขาคนนั้นเป็นด้านบวกเช่นเดียวกัน

    มนุษย์จึงจะเห็นได้ว่า บ่อยครั้งที่คนอวดฉลาดพวกนี้ก็ยังจะถูกหลอกให้เสียท่าผู้อื่นอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะฉลาดแล้วก็ตาม

    ทางแก้ไขในกรณีของคนอวดฉลาดที่จะหลีกเลี่ยงการมองผู้อื่นในแง่ร้ายหรือคิดลบต่อผู้อื่นก็คือ

    ๑.อย่ามองผู้อื่นเป็นศรัตรูเสมอไป
    ๒.อย่าทำตนอวดฉลาดเพื่อการเหนือนำผู้อื่น
    ๓.อย่าคิดว่าเป็นการเสียหน้า โดยถือว่าการเสียท่าเสียทีผู้อื่นคือหน้าที่หนึ่งของการเรียนรู้ ที่จะทำให้ตนเองฉลาดขึ้นมาได้
    ๔.อย่าใช้ความรู้สึกหรือทัศนคติด้านลบขับเคลื่อนความคิดตนเองที่มีต่อผู้อื่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...