เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

ถ้าหากรู้เท่าทันจิตใจตนเองและสิ่งแวดล้อมเงื่อนไขทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดของตนเองได้แท้จริงแล้ว การก่อกรรมให้เกิดผลกรรมด้านลบย่อมไม่เกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งจะนำไปสู่การเกี่ยววงเวียนกรรมกับผู้อื่น หรือนำไปสู่ความผิดบาปที่จิตวิญญาณของตนต้องรับผิดชอบชดใช้มัน ด้วยการต้องเกิดมีภพชาติใหม่เพื่อเรียนรู้ใหม่ให้ถูกต้องให้จงได้

 

อาเมน สาธุ อิอิ ไม่น่าหวังสูงอะไรกับคำตอบแกรจิงๆ ..เจ้าสำนักตัดแปะ..เดวลาพักไปเที่ยวสงกรานต์ก่อนนะ แกรคลั่งล่วงหน้าไปคนเดียวก่อนนะ จะด่าอะไรฝากไว้ เที่ยวเสร็จจะเข้ามาอ่าน

Btw ,หวัดดีปีใหม่ไทยๆ ท่านลุงหมื่นนารายณ์ ท่านหมื่นมิติที่แปด ท่านหมื่น5 ศูนย์และหลายๆท่านหมื่นนะคะ เดินทางปลอดภัย เที่ยวให้สนุกๆนะคะ

 

คำว่า "รู้ล่วงหน้า" หมายถึง รู้ว่าเงื่อนไขสิ่งแวดล้อมใดที่ตนกำลังเผชิญหรือว่ากำลังเผชิญอยู่ในขณะนั้น มันจะนำพาตนเองไปสู่การเกิดอารมณ์รู้สึกแบบใด!! โดยในขณะที่เรารู้เท่าทันมันอยู่นั้นอารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวยังมิได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด

ถ้าหากเราสามารถรู้ล่วงหน้าด้วยการรู้เท่าทันเงื่อนไขแห่งการเกิดอารมณ์รู้สึกของเราเช่นนี้แล้ว ตัวเราจะไม่ตกเป็นทาส อารมณ์รู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ของตนเองเลย คือ อารมณ์รู้สึกด้านลบทั้งหลายอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถที่จะตั้ง ตั้งรับ เงื่อนไขด้านลบนั้น ๆ ได้อย่างมั่นคงหรือ มิเช่นนั้นเราก็อาจสามารถจะ หลีกเลี่ยง การเผชิญหน้ากับเงื่อนไขอันไม่พึงประสงค์นั้นเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นต้น

ถ้าเรามัวแต่คอยรอให้ตนเองเกิดการเสียสมดุลทางจิตจนก่อผลกรรมด้านลบขึ้นเสียก่อน แล้วค่อยคิดบำบัดจิตกันทีหลังอย่างนี้แม้จะมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์กันสักกี่ชาติ มนุษย์จะไม่มีวันหลุดพ้นได้เลย เพราะยังคงติดลบด้วยการสร้างลบอยู่ดังเดิม

 

ด้วยสัจจะวาจาอธิษฐาน และด้วยสัจจะแห่งความจริงอย่างแท้จริง ข้าพเจ้ามิได้เคยรู้เห็นเกี่ยวข้องหรือมีประโยชน์ส่วนใดในเรื่องนี้เลยแม้แต่เพียงเล็กน้อย มิเคยเกี่ยวข้อง หรือมิเคยได้สนทนาปราศรัยใด ๆ กับผู้ที่เขากำลังกล่าวอ้างถึงเลย เพียงแต่ข้าพเจ้าได้ประสบพบกับตนเองแล้วจึงเข้าใจสิ่งที่รับสื่อมานี้ และมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเท่านั้น เห็นว่าโลกของเรากำลังเป็นไปเพราะอะไร ? และรู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จักรวาลเหนือโลกมีจริง และคำสื่อนั้นก็ปราถนาดีต่อมนุษย์โลกจริง ๆ

ที่จริงแล้วในใจของตนล่วงรู้มาตลอดว่าสักวันหนึ่งต้องเกิดปัญหาแบบนี้ หลายต่อหลายครั้งที่ตนเองไม่อยากจะกล่าวที่มาที่ไปเลยเพราะคิดว่า จะต้องเจอในลักษณะเข้าข่ายแบบนี้ แต่เห็นว่าเป็นส่วนประโยชน์มากกว่า และถ้าเราเอาข้อมูลมาลงโดยไม่อ้างถึงเครดิต ก็จะเป็นการขโมยข้อมูล และให้ผู้อื่นมีความเข้าใจผิดว่าเป็นของตนเองนั้น มันมิใช่สิ่งที่ดีงามสำหรับตนเองเลย อย่างน้อยก็ให้ผู้อ่านพิจารณาเอง เชื่อหรือไม่เชื่อ! เพราะแต่ละท่านเป็นผู้ทีสติปัญญาของตนเอง และทุกสิ่งก็เป็นเหตุเป็นผล นับว่าลำบากใจมากในเรื่องนี้ แต่ก็คิดว่า เมื่อเรานำข้อมูลมาก็ควรจะให้เครดิต และข้อมูลนี้มิใช่เพิ่งจะมีเฉพาะที่กล่าวถึงเท่านั้น ข้อมูลนิวเอจนี้ มีไปทั่ว เดี๋ยวนี้คนเขารับรู้กันไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว เรามิได้มีส่วนในประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น หากจะทำให้เขาได้หรือไม่ได้รับแต่อย่างใดนั้นมันก็เป็นผลของเขา กรรมของเขาที่เขาต้องได้ ถ้าหากเขาจะได้ก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาที่เขาทำมา หากเขามิได้สร้างไว้ทำอย่างไรเขาก็คงมิได้ เราก็มีหน้าที่เพียงแต่ว่า อยากให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เท่านั้นจริง ๆ

เพราะอะไร? ทำไม!!

"คุณกำลังให้ผู้อื่นอยู่ ใครจะรับหรือไม่รับก็แล้วแต่ แต่อย่างน้อย ๆ คุณกำลังพูดให้หัวใจของคุณฟัง"

และ

"คุณกำลังให้ในสิ่งที่ง่าย คุณก็จะได้รับในสิ่งที่ง่าย"

นี้คือ คติแห่งหัวใจของตนเองค่ะ

 

อ้างอิงถึงหนังสือตัวสีแดงนั้น!! หลักฐานอยู่ตรงไหนหนอ!! ลองชี้แจงขานไขเล่ากล่าวออกมาให้ ชาวประชาได้รับรู้เถิด

 

ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาฮินดู และ ศาสนาปลีกย่อยต่างๆ
หากเชื่อว่าจิตจักรวาลเป็นต้นกำเนิดสัจธรรม
ศาสนาต่างๆจะกลายเป็นปลีกย่อยที่แตกตัวออกมา
เมื่อถึงคราวกลับคืน ศาสนาต่างๆก็เสมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกันหรือกลับคืนสู่บ้าน
หากคนเชื่อลัทธินี้ ก็จะมองไปได้ว่า เป็นครอบครัวเดียวกันหมด
ฟังดูเผินๆ ก็ฟังดูสวยงาม แลดูมีสันติสุขดี เพราะปรองดองกันหมดเลย

แต่จริงๆก็คือ การดิสเครดิต ศาสนาทุกศาสนา เพื่อให้ จิตจักรวาล นั้นได้อยู่สูงสุด
แก่นจึงมีแนวคิดในทำนอง คล้ายๆกับการจะมี พระจักรพรรดิ เกิดขึ้นนั้นหละ
เมื่อมีพระจักรพรรดิเกิดขึ้นมา ประเทศน้อยใหญ่นั้นก็ต้องตกเป็นลองไปโดยปริยาย

เมื่อมีการเชิดชูอยู่ในลัทธินี้ ผลกระทบที่จะมีกับเรานั้นก็มีแน่
คือเรานั้นจะกลายเป็นคน ที่มีดีกว่าคนอื่นๆเขาคนอื่นๆนั้นต้องตกเป็นรอง
ซึ่งมันก็จะกลายเป็นความหลงตัวเองได้ คิดว่าเขาอิจฉาเรา คิดว่าเขาใส่ร้ายเรา
ส่วนเรานี้แสนดี จิตรจักรวาลกลายเป็นแก่น ศาสนาอื่นนั้นกลายเป็นเปลือก เป็นกระพี้ไป
ธรรมที่เป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งปวง เป็นราชาธรรม ก็เลยกลายเป็นเรื่องนี้ไป

ทั้งที่จริงศาสนาพุทธ เขาก็รู้กันทั้งนั้นหละผู้เป็นใหญ่ก็พระพุทธเจ้า นั้นหละ

การมองตัวเองนั้นแสนดี ส่วนผู้อื่นด้อยลง จริงๆแล้วก็เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บอันหนึ่งนี้หละ

 

ทำไมเราไม่มองว่าสัจธรรมเป็นหนึ่งเดียวกันค่ะ

ธรรมะ ก็คือ ธรรมะ

ไม่ว่าธรรมมะของโลก คือ โลกียะธรรม หรือ ธรรมะเหนือโลก คือ โลกุตระธรรม ทั้งสองอย่างนั้นเป็น "สัจธรรม"

ท่านเข้าใจผิดค่ะ นี้ไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่ลัทธิใด เพียงแต่เป็นอภิปรัชญาเมตาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ทางจิต ความรู้ใหม่ในยุคพลังงานใหม่เท่านั้น เพื่อมาเติมเต็มความเข้าใจในแต่ละศาสนาเท่านั้นค่ะ

 

✨สวัสดีปีใหม่ไทย 2561☀️ คับออเจ้าทุกท่าน
ขอให้ทุกท่านและครอบครัวเดินทางปลอดภัยกันทุกท่าน
ร่ำรวยเงินทอง สุขสมหวังทุกสิ่งปรารถนา
มีความสุขทุกคืนวันตลอดไปคับออเจ้า

 

สงกรานต์แล้วครับมีไรมาอัพเดทไห้อ่านอีกไหมครับรอข้อมูลอยู่ครับรู้สึกกระทู้จะแหกโค้งแล้วนะครับตอนนี้อิอิ

 

มีคับ หลังสงกรานต์ ผมมีข่าว update ให้อีกนะคับ ข่าวดีด้วยคับ
ช่วงนี้โอกาสดี ฤกดี ขอให้ทุกท่านสนุกสนาน และมีความสุขในปีใหม่ไทยนี้ให้มากๆนะคับ ออเจ้าทุกท่าน

 

หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ร้องเมี้ยวๆๆๆ

สวัสดีจ้ะ คุณปวีและทุกท่าน อ่านเล่นๆ เนาะ
เพ้อเจ้อได้บ้าง เป็นกระศันสนีย์

เล่าให้ฟัง

มล เคยอยู่คริสต์เตียนแบบผู้นำศาสนาสมัยวัยรุ่นค้นหาสัจธรรม ดีที่ว่าไม่แต่งงานกับลูกชายผู้นำโบสถ์
เรียนพระคริสตธรรมไบเบิล ชนิดที่ว่า แปลวิสัชนาธรรม ผู้นำผู้เผยแผ่ บทวิวรณ์ นี้ คือคำพยากรณ์ที่นอสตราดามุส เอามาทำนาย

พระเยซู ก็พระโพธิสัตว์ ... จบนะ คนอื่นว่าไงไม่รู้
เอาว่า หนูมล นี้ ผู้นำอธิษฐานกลุ่ม เอาจิตไว้ที่พระคริสต์ตอนนั้นเคร่งแบบ เลือดไหลออกจากหู ตา จมูก ปาก เพราะสงสารที่ท่านโดนจับทรมานแบกกางเขน จนตายน่ะ ... แต่นั้นก็ผ่านมา จนมาทราบจริง ว่า
พระพุทธศาสนาดีที่สุดแล้ว จริงสุด แล้ว

ไม่ได้อวดตัว แต่เห็นปัจจุบัน คนขาดที่พึ่งทางใจกันตาม คำทายของพระสุบิน ของพระเจ้าปเสนทิโกศลในยุคที่จะเกิดเหตุเภทภัย กึ่งพุทธันดร...

พวกอิสลามนอกรีต ไม่ได้ว่าคนที่อยู่ในรีตนะคะอย่าแปลผิด เขาก็เข้มข้นว่า เออ ฆ่าคนนอกศาสนาเป็นการปลดปล่อยดวงวิญญาณสู่สรวงสวรรค์ ไอ้พวกนี้ ก็ใช้ไม่ได้ เราไม่มีสิทธิตัดสินชะตากรรม ริดรอนชีวิตใคร เพราะเราไม่ใช่เจ้าของชีวิตของพวกเขา
เป็นกับดัก มี่ให้คนเชื่อว่า รบเพื่อศาสนา ทั้งที่จริง เป็น “โมหะ” ชั้นยอด นำความชิบหายมาสู่สังคมและคนรอบด้าน แบบผิดๆ

ที่ไปเข้าคริสต์ นอกจากวัยรุ่นอินดี้ตอนนั้น คือเห็นอจินไตยเยอะจ้ะ ฝึกสมาธิไม่ได้ เลือดกำเดาชอบไหล
เข้าลัทธิพระศรีอาริย์ โยเร ตอน แปดขวบดีขึ้นมา
ดันไปเจอ เทวดา (?) ตามมา รู้ภายหลังว่าเป็น คู่
ที่ลงมาแฝงในกายมนุษย์ สองครั้ง จนทุกวันนี้ก็หาคำตอบอจินไตยไม่ได้ เจอตอน 16-17 เลยคิดว่าเพ้อเจ้อ หนีไปเข้าโบสถ์รับบัศติสมา สุดท้าย กินยาจะฆ่าตัวตายเพราะคิดหนี สิ่งที่เห็น ก็ไม่ตายแฮะ

มาเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้คนขาดการฝึกจิตมีมากมาย
พอๆกับข้าพเจ้า รัก โลภ โกรธ หลง ไขว่คว้าหาพระสัทธรรม หลงอภิญญา บ้าเยอะแยะ

“พระพุทธเจ้าท่านให้มีสติกับปัจจุบัน และ รู้แจ้งในอริยสัจ 4 เมื่อรู้แล้ว ตื่นแล้ว ภัยพิบัติใดใดก็ไม่น่ากลัว เพราะมันกำหนดไว้แล้ว แค่มีสติ แต่ไม่เพ้อเจ้อ”

ยอมรับจ้ะ ว่าอยากบวชชี
แถมดวงที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่ตัวกระเปี้ยกก็บอกว่า
มีครอบครัวจะไม่ดี มีคนรักไม่ได้ แถมลูซิเฟอร์ ก็จองเวรขนาดหนักหนา ชาตินี้ชาติไหนไม่ให้มีความรักที่ดี
ในที่นี้ คือ ความรักในฐานะ4 ก็จะไม่ให้จะแกล้งให้จะขัดขวาง แต่ เทวดา รูปนั้นก็ไม่หวั่น จะตามมาช่วยเสียให้ได้

เลยเกิดอาการเอาชนะ เอาวะ บวชไม่ได้ เพราะยังไม่บริสุทธิ์ใจแบบที่ควรไปบวช งั้นเป็น สาวกภูมิบำเพ็ญบารมีไป เป็นฆราวาสธรรม รอสภาวะธรรมเติบโต
ครองเรือนครองธรรม ก็แล้วแต่ว่า จะปฏิบัติได้มากน้อยแค่ไหน ไหนๆ ก็อุตส่าห์มาเกิดเป็นคน ครบ32 ประการทั้งที ก็ต้องตั้งใจ สาธุ

สรุป เขียนพล่ามมา แค่ว่า ลัทธิหาเงินแฟนตาซีแบบนี้
มีมากมาย อย่าคิดไกล โลกจะแตก เราดีหรือยัง
เราควรในกิจอันควรหรือยัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

วิบากกรรมยังมีมาก แต่การปฏิบัติธรรมเท่านั้น มีศีลสมาธิปัญญา จะนำเรารอดพ้นจากทุกภัยพิบัติได้ค่ะ

สาธุอนุโมทนามิค่ะ

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

 

เห็นคุยกันมานานแล้วครับลองฟังความเห็นผู้เป็นกลางหน่อยนะครับ

งั้นขั้นแรกเลยนะครับ ผมว่าท่านจิตยิ้มหาความรู้ได้ดีครับแต่เราจะฟันธงได้ยังไงว่าความรู้ที่ตนได้รู้ว่าจริง? จะถอดจิตถอดกายไปดูเอง ? แต่ไม่ใช่ทุกคนอีกนั่นแหละที่ทำได้งั้นเอาแบบง่ายๆลองโยนิโสดูครับ

ดังนั้นเราจึงต้องคิดก่อนนว่าคำว่าจิตจักรวาลมันหมายถึงอะไร = พระเจ้า(จริงๆ) หรือจิตที่เข้าใจว่าตนเป็นพระเจ้ากันแน่ ด้วยการยึดกายนั้นเป็นตน หรือว่าโดนหลอกมาอีกทีว่าจิตนี้เป็นพระเจ้า

ถ้าในกรณีพระเจ้าจริงๆก็ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลยไม่งั้นคงไม่มีกฏแห่งกรรมคงมีแต่กฏแห่งกำ(หนด)โดยพระเจ้า ดังนันข้อแรกตัดไป

ส่วนข้อสองนี้มันตรงไปหมด ถ้าเป็นจริงเหมือนท้าวมหาพรหมที่เข้าใจว่าตนยิ่งใหญ่ ก็ด้วยเหตุเดียวกันมันบังเอิญ และจิตนั้นได้ยึดกายนั้นไปเลยรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจึงเข้าใจว่าตนนั่นแหละกำหนด ศาสนาคริสและอิสลามจึงเข้าใจตรงนี้ ชาวคริสและอิสลามจึงเข้าใจว่าพอตายจะได้ไปอยู่อาณาจักรพระเจ้า แต่ตอนหลังจากคำสอนแล้วจิตองค์นี้ท่านรู้แล้ว เพราะว่ามีคำสอนว่าพระเจ้าอยู่ในตัวเรา หรือ อาณาจักรพระเจ้าอยู่ในตัวเรา ความหมายของมันจริงๆคือจิตในระดับนั้น(พระเจ้าของจริงคือจิตที่หลุดพ้นกฏจักรวาลหรือพุทธะจิต) นั้นมีอยู่จริง ซึ่งทั้งหมดต้องทำไม่ใช่ฟัง และหากมองจริงๆมันไม่แปลกหรือครับ จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง , แผ่เมตตา หรือ พระวิญญาณบริสุทธ์ กับจิตพุทธะ หรือ ออกไปเผยพระวัจนะ , ออกธุงดค์ คนละภาษาเลยเข้าใจไม่ตรงกันเองครับ แต่แค่ศาสนาคริสต์ไม่ได้สอนการฝึกจิตหรือถ้าสอนก็หล่นหายไปตามกาลเวลาครับ หรืออาภัสราพรหมกินง้วนดิน อาดัมอีฟกินแอปเปิ้ล? พระซีอุสเขาโอลิมปัสใช้สายฟ้าเป็นอาวุธ พระอินทร์เขาพระสุเมรุใช้สายฟ้าเหมือนกัน? เทพธอร์สู้กับงูยักษ์ พระอินทร์ก็สู้กับงูยักษ์ส่วนทำไมเทพนอร์สเป็นต้นไม้ไม่ใช่ภูเขาก็ชั้นที่สูงกว่าดาวดึงส์ขึ้นไปวิมานลอยเต็มอากาศไงครับท่านผู้ทรงฌานที่เห็นพอซูมออกจึงเป็นต้นไม้โลก yggradasil. ผมไม่ได้ไปดูเองนะครับโยนิโสเอาอย่าพึ่งเชื่อครับส่วนที่ว่าทำไมเห็นไม่เหมือนกันมาจากสัญญาและมโนครับ แต่ถ้าเป็นเช่นนี้จิตจักรวาลก็ไม่ใช่จิตพุทธะครับและใช่ครับสัจธรรมเดียวกันครับไปเปิดดูทุกศาสนาได้เลยแค่ภาษาไม่เหมือนครับแต่สังเกตุไหมครับ ศาสนาตอนนี้แทบทุกศาสนามรรคขาดหมดแล้วนะครับ พระพุทธศาสนาก็จะขาดตอนครบพุทธทำนายเช่นกันครับดังนั้นเราเกิดทันตอนที่ศาสนายังมีมรรคให้เดินอยู่ก็ควรเดินตามจะดีกว่าครับ

และในกรณีข้อสามก็จบกันแต่ต้นแล้วครับเพราะโดนหลอกซึ่งถ้าเอาแค่โยนิโสไม่ถอดจิตไปคุย ข้อสองมีความน่าจะเป็นที่เยอะที่สุดเพราะไม่ขัดกันเองดั่งธรรมของพระพุทธเจ้าที่ไม่ขัดกันเลย สนามพลังจักรวาลอาจจะมีหรือไม่มีผมไม่รู้. แล้วถ้าจิตดวงนั้นยึดกายสนามพลังจักรวาลเป็นกายผลก็จะได้เช่นเดียวกัน และถูกต้องที่สุดแล้วเพราะหากจำกัดความจากท่านจิตยิ้มจะพบว่า การสั่นสะเทือนของความรัก หรืออะไรก็ตามแต่ครับแต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าการสั่นสะเทือนแบบนั้นคือความรัก? จะบอกว่าด้านบวก ? ถ้างั้นผู้ทรงฌานที่ทำมาผ่านสติปัฏฐานก็ย่อมทำได้กันหมด แต่!! ฌานมีทั้งสงบ ว่าง และอีก 9ล9 แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าต้องสภาวะไหน หรือแค่จิตไม่ยึดธรรมารมณ์ที่ทุกข์ก็ได้แล้ว? แต่อย่างนั้นมันจะต่างกับการตายแล้วไปจุติบนภูมิสวรรค์ตรงไหนแล้วจิตจักรวาลละอยู่ตรงไหน? หรือจะเป็นอรูปพรหมกันแน่ลองคิดดูครับ

ดังนั้นแล้วเท่าที่พบทางนี้ไม่น่าเสี่ยงนะครับ หรือหากอยากจะเสี่ยงก็บรรลุอรหันต์ไปเลยครับ เพราะถ้าถึงเรากำหนดกรรมครับไม่ใช่กรรมกำหนดเรายกตัวอย่างพระอุปคุตที่ไปอยู่สะดือทะเลครับ ถ้าบรรลุแล้วยังไม่อยากเข้านิพพานก็ไปดูด้วยตาของตนเองเลยจะดีกว่านะครับ

ซึ่งจากการทะเลาะกันด้วยเหตุว่าท่านจิตยิ้มนำเสนอข้อมูลแนวนี้ซึ่งนับว่าดีมากครับมีจิตเมตตา ทำให้คนอื่นได้รู้ด้วย แต่หากไตร่ตรองดีๆแล้วจะพบว่าทำให้ผู้คนที่ขาดความมั่นใจ จะไปนอกทางได้ จึงเป็นปกติที่จะมีคนมาค้านเพราะว่ามันเว็บพุทธศาสนาแต่ผมชอบนะได้ความรู้ดี นี่แหละคือข้อผิดพลาดเพราะท่านจิตยิ้มยังไม่รู้เลยว่าทางนี้หากเลือกแล้วตายแล้วจะไปไหน เหมือนมั่นใจว่าใช่แล้วแต่ถ้ามันไม่ใช่ขึ้นมาละ? ดังนั้นจึงไม่ควรโพสข้อความที่ไม่ถูกต้องลงไปเพราะเรายังไม่รู้เลยว่าทางนี้ดีจริงๆหรือไม่ฟังมาแล้วแต่ยังไม่ได้เห็นเองก็อย่าพึ่งเชื่อครับ.

ส่วนท่านอื่นๆก็ใช้ภาษาแรงไปครับจะหาว่าผมเสือx ก็ได้นะครับเพราะถ้ามองผ่านมุมมองของพวกท่านมันก็ใช่จริงๆนั่นแหละแต่ถ้าพิมพ์กันดีๆชี้แจงกันให้ตรงประเด็น ย้ำว่าตรงประเด็น. ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้ครับ ครั้นท่านจิตยิ้มจะยังเชื่อในหนทางนี้อยู่ก็ตามที่ชอบครับ เพราะตายไปใครก็ไปที่ชอบๆอยู่แล้วถ้ามีสตินะครับ ส่วนในกรณีนี้นับว่าทำถูกครับเพราะห้องภัยพิบัติและนำข้อมูลมาจากไหนก็เลยแชร์มาให้ดู แต่ไม่สมควรโพสแนวพลังงานแห่งรักหรืออะไรก็ว่ากันไปครับ

ปล.ด้วยความหวังดีนะครับ คิดให้ดีก่อนนะครับไม่งั้นตอนตายไปแล้วได้ไปจุติเป็นจิตจักรวาลจะเปลี่ยนใจไม่ทันนะครับ และขออภัยท่านอื่นๆด้วยครับแค่ชี้ให้เห็นถ้าเห็นว่าไม่จริงก็ขออภัยด้วยผมมองในมุมของผม

 

ออเจ้า ซากุระ เพิ่งจะบาน

อากาศวิปริต หนาวสุดขั้ว พายุหิมะเข้าทั้งที่หน้าร้อน

เยลโลสโตนระเบิด โลกจะแตก หนูมลกะจะหนีไปอยู่กะชนเผ่า Aztec อ่าโชคดีจัง หนูมล รู้ภาษาอินเดียนแดงโบราณ ที่ เด็กเมกซิโก ที่นี้สอนให้ ที่เป็นชนเผ่าที่มีคนรู้ภาษาถิ่นนี้ แค่ ในหมู่บ้านเขา 30 กว่าคน แปลกดีจังที่พวกเขา ทำอาหารแบบสมัยพุทธกาลได้อย่างดี มีข้าวมธุปายาส น้ำปานะ และ ถั่วงาเนยใส
แปลกดี นะ แต่เขาไม่รู้จัก พุทธะ เท่านั้นเอง

 

จิต จักรยานโซ่ขาด น่ะหรือ! จะมาเติมเเต็ม เติมจนของตัวล้นถ้วยแล้ว ปัดติโถ้ พุทธศาสนานี่สมบูรณ์เต็มเปี่ยม ทั้งอรรถพยัญชนะ หาที่ต้องติไม่ได้แล้ว จิตจักรยานวิเศษวิโสมาจากไหน ไฉนเลยจะมาเติมเต็ม คิดดีแล้วช่ายไหม? ที่ได้กล่าวเช่นนี่ หรือไม่ได้คิด หรือคิดแบบจิตจักรยานโซ่ขาด จักรยานโซ่ขาดปั่นไปเหนื่อยป่าว ไปต่อไม่ได้ ก็โซ่มันขาดไง

 

สิ่งใดล้วนเกิดแต่เหตุ จะดับไปก็เพราะเหตุ

จิตพุทธะ พุทธโยนิอันบริสุทธิ์มีอยู่แล้วในกายเราแล้วทุกคน

เพียงแค่นั้นนั้นหยุดแสวงหา สิ่งนั้นก็จะปรากฎ

สวัสดีปีใหม่ทุก ๆ ท่าน ที่ติดตามอ่านถึงแม้จะเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย ก็เป็นปกติธรรมดา เราไม่สามารถบังคับใครให้เห็นด้วยดีงามกับเราได้ แต่ที่เราได้คือ มิตรภาพที่ใครหลาย ๆคน ได้มอบให้ค่ะ เราได้จากบททดสอบต่าง ๆ ที่เป็นเงื่อนไขให้กับเรา ถือว่าเขาเป็นครู ว่าเราไปถึงไหนแค่นี้ก็คุ้มค่าแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนทุก ๆ คนที่แสนดีมีน้ำใจให้เสมอมา ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาเล่าให้ฟังค่ะ

 

ขอบคุณนะค่ะ ทราบค่ะที่หลาย ๆ คนเข้าใจจิตจักรวาลที่หลาย ๆ คนเข้าใจว่าเป็นจิตที่ดำรงในจักรวาล กับสภาวะพุทธะในสุญญตา มีสภาวะแตกต่างกันค่ะ ขอบคุณที่หวังดีค่ะ

 

ซิสเตอร์จิตยิ้มต้องอ่านเล่มนี้ให้ได้เนาะ



เพื่อจะได้มีวิธีไปแบบข้างล่าง

 

ใช่ครับแตกต่างเพราะสภาวะพุทธะมีขันธ์ (วิสุทธิขันธ์) ขณะที่จิตจักรวาลก็มีขันแต่เป็นอรูปครับ ส่วนสุญญตาผมมองว่าไม่น่าใช่นะครับ เพราะสุญญตา จริงๆมันเป็นนิโรธหรือเปล่าครับ

 

ขอบคุณค่ะ ขึ้นอยู่กับภาษาที่บัญญัติของภาษาแล้วแต่ใครจะเข้าใจค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้เราเชื่อมั่นเพราะเหตุผลนี้ด้วยค่ะ

ข้อความบางตอนจาก.. ตติยนิพพานสูตรที่ ๓

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติไม่เกิดแล้ว ไม่ เป็นแล้ว
อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว ...มีอยู่

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าปัจจัยกระทำไม่ได้แล้วเกิดแล้ว
ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว
จักไม่ได้มีแล้วไซร้ การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว
เป็นแล้วอันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว
จะไม่พึงปรากฏในโลกนี้เลย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็เพราะธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว
ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้วปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ฉะนั้น การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว
เป็นแล้วอันปัจจัยกระทำแล้วปรุงแต่งแล้วจึงปรากฏ.

 

ขออภัยค่ะ ที่ไม่สามารถให้คำตอบตอนนี้ได้ เพราะเกินภูมิของตนเองที่จะบรรยายในลักษณะนั้น ในตอนนี้ได้ค่ะ ภาษานั้นเป็นคำอธิบายขั้นสูง ตนเองมิได้มีข้อความนั้นอยู่ในมือ ณ ขณะนี้ค่ะ

สภาวะพุทธะ ก็คือ สภาวะสุญญตา และนิโรธก็คือดับเย็น

แต่คำว่า "จิตจักรวาล" ที่ตนเองนำลงมานั้น เป็นรูปธรรมทางพลังงาน เป็นสภาวะที่ไร้ขันธ์ทั้งปวงค่ะ

หากมีโอกาสจะนำสภาวะนั้นมากล่าวรายละเอียดให้ทราบอีกครั้งค่ะ