*วัตถุมงคล เริ่มหน้า66*พระกรุ,ลป.สรวง เทวดาเล่นดิน,ลพ.ฤาษี,ลพ.หวล และอื่นๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 25 มีนาคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่849 พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์จันทร์ลอย ปี2547 พิธีวัดบางขุนพรหม
    เนื้อผงพทธคุณผสมผงเก่าพระสมเด็จบางขุนพรหม
    ไม่มีกล่องครับ
    ปิดครับ
    IMG_25620328_203847.JPG IMG_25620328_203920.JPG 201304082203204667.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2019
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่850 พระซุ้มกอ เนื้อหินปราสาทขอมพันปีผสมว่านเกสรดอกไม้นานาชนิด หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน จ.ศรีสะเกษ ปี 2539***
    "มีไว้ไม่จน"
    ส่วนผสมของพระคือ...
    -ผงหินปราสาทขอมพันปี
    -ผงกสิณไฟหลวงปู่สรวง
    และสมุนไพรบางชนิด


    จัดสร้างเพื่อนำรายได้สร้างสำนักสงฆ์บ้านตาโคล
    อ.เสริฐสร้าง
    พิธีปลุกเสกมีพระไปร่วมพิธีเกือบ300รูป
    เช่น...

    มีหลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่
    หลวงปู่เกลี้ยง วัดโนนแกลด
    หลวงปู่เจียม วัดหนองยาว
    หลวงปู่เจียม วัดกะมอล
    หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง
    หลวงพ่อสาย วัดตะเคียนราม
    หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฏร์บำรุง
    ครูบาเที่ยงธรรม
    และๆลๆ

    พุทธคุณ....เมตตามหานิยม, เจริญรุ่งเรือง, แคล้วคลาดปลอดภัย

    ปิดครับ
    IMG_25620330_150312.JPG IMG_25620330_150223.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2019
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่851 พระขรรค์พญาเหล็กไหล หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์
    ***วิชาการทำเหล็กไหล หลวงพ่อหวล ท่านเรียนมากจาก ศิษย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    " เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ, พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ, พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครองนะครับ ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครองครับ

    ... มหาอำนาจ บารมี โชคลาภ วาสนา พุทธคุณ 108 เหนือคำบรรยาย
    ... มหาอำนาจ บารมี โชคลาภ วาสนา พุทธคุณ 108 เหนือคำบรรยาย
    ... มหาอำนาจ บารมี โชคลาภ วาสนา พุทธคุณ 108 เหนือคำบรรยาย

    วิธีบูชาและการต้อนรับเข้าบ้าน
    1. จุดธูป 12 ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน
    2.ชุดบายศรีหรือถ้าไม่สะดวก ดอกไม้ 1-3 อย่างก็ได้(ดอกมะลิ)
    3.น้ำผึ้งถวาย 1 ถ้วย วางด้านข้างไม่ต้องแช่ องค์พญาเหล็กไหลจะเสพกลิ่น เสพรส
    4.บูชาทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวง นำออกมาอาบแสงจันทร์เพื่อเพิ่มพลัง แล้วให้เสพน้ำผึ้ง
    คาถาบูชา "เหล็กไหล"
    (ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าตามนี้) *พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ
    *สะกะพะจะ บูชาจะมหาบูชา *ขอบูชาท่านผู้ดูแลรักษาธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงฤทธิ์อานุภาพนี้
    *อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา
    เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี สิ่งดี ๆ ทั้งหลายจงหลั่งไหล เข้ามาหาแก่ตัวข้าพเจ้า
    *สัมมะ สัมมา สัมมา สัมมะ มะอะอุ
    *นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
    (บูชาอย่างน้อย 3 จบ ทุกๆวัน ก่อนออกจากบ้านเสมอ!)

    ปิดครับ
    IMG_25620330_150627.JPG IMG_25620330_150646.JPG 1506458_971875792823923_488082738942106306_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2019
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่852 พระขุนแผน หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดินปี39 เนื้อดินปราสาทขอมพันปี (...มีเกสาครับ...)
    • จัดสร้างโดย อาจารย์เสริฐ มหาวีโรเพื่อหาปัจจัยสร้างศาลาสำนักสงฆ์บ้านตาโคลปี2539
    • หลวงปู่สรวงสั่งอาจารย์เสริฐ มหาวีโรไปเก็บเศษซากหินปราสาทขอมพันปีมาสร้างพระ เพราะว่าชนชั้นกษัตริย์และชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะอาศัยอยู่ในปราสาทได้ในยุคสมัยนั้น
    • อาจารย์เสริฐนำหินปราสาทมาบดเป็นผงและนำไปผสมมวลสารอื่นๆ อีกมากมาย
    • พิธีใหญ่ปลุกเสก 3วัน 3คืน ระหว่างวันที่12-14เมษายน 2539
    • มีพระเกจิอาจารย์สายอีสานใต้ไปร่วมพิธีมากมาย (เกือบ 300 รูป) เช่น หลวงปู่เครื่อง/วัดสระกำแพงใหญ่, หลวงปู่หงส์/สุสานทุ่งมน, หลวงปู่เจียม/วัดกะมอล, หลวงปู่เจียม/วัดหนองยาว, หลวงปู่เกลี้ยง/วัดโนนแกด , หลวงปู่สาย/วัดตะเคียนราม, หลวงปู่ชื่น/วัดตาอี, หลวงปู่ฤทธิ์/วัดชลประทานดำริ, หลวงพ่อสร้อย/วัดเลียบราษฏร์บำรุง เป็นต้น
    • หลวงปู่สรวงท่านบอกว่าว่า ขุนแผนรุ่นนี้เป็น"เมตตามหานิยมชั้นสูง"
    • หลายๆ คนสมัยก่อนก็ได้ดีเพราะบูชาพระรุ่นนี้ ปัจจุบันก็เจริญในการงานเป็นใหญ่กันหมด
    • ขุนแผนรุ่นนี้มีประสบการณ์ด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม เจริญในหน้าที่การงานและแคล้วคลาด

    คุณJS1213 ปิดครับ
    IMG_25620330_150526.JPG IMG_25620330_150423.JPG IMG_25620330_150450.JPG 9786165264181l.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2019
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่853 พระกลีบบัว กรุวัดลิงขบ (วัดบวรมงคล) กทม.
    พระกลีบบัววัดลิงขบ พระกรุมีอายุการสร้างกว่า100 ปี เป็นพระเนื้อดินเผา สร้างโดย พระสุธีเมธาจารย์ (ศรี) รักษาการเจ้าอาวาสวัดลิงขบ เมื่อปี 2410 ดูง่าย คราบดินนวลกรุบางๆ รารักกระจายทั่วองค์(ลักษณะเหมือนใบผักชี) รอยเสียบพระออกจากพิมพ์ ดูแล้วมีเสน่ห์
    บูชา 1750 บาท
    IMG_20180927_215948.jpg IMG_20180927_215925.jpg IMG_20180927_215915.jpg 5850239-2.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2020
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่854 พระผงเศรษฐี ท้าวกุเวรมหาราช วัดหน้าถ้ำ จังหวัดยะลา ปี48 ขนาด 4*5 ซ.ม.
    ท้าวกุเวร วัดคูหาภิมุข(วัดหน้าถ้ำ) จังหวัดยะลา ปี2548..
    พระผงเศรษฐี ท้าวกุเวรมหาราช วัดหน้าถ้ำ จังหวัดยะลา สร้าง 20,000 องค์ พิธี เสาร์ที่25 มิถุนายน พ.ศ.2548 อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย,และเกจิสายเขาอ้อ ปลุกเสกพิธีใหญ่..
    พระผงเศรษฐีใช้ต้นแบบจากพระศรีวิชัย กรุวัดหน้าถ้ำ จังหวัดยะลา ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากที่อื่นและเป็นศิลปะมหายานที่สมบูรณ์ที่สุด มวลสารที่นำมาผสม
    1.เม็ดพระศกขององค์พระนอนวัดหน้าถ้ำ
    2.ไคลขององค์พระนอนวัดหน้าถ้ำจำนวนมาก
    3.กระเบื้องหลังคาโบถ์เก่าของวัดคูหาภิมุข ยะลา
    4.กระเบื้องหลังคาโบสถ์ของวัดช้างให้ ปัตตานี
    5.พระเนื้อดินดิบและดินเผาที่ชำรุดแตกหัก กรุวัดหน้าถ้ำ ยะลา
    6.ผงธูปจากพุทธสถานหลายแห่งในประเทศจีน
    7.ผงธูปจากพุทธสถานหลายแห่งในประเทศไทย
    8.ข้าวสารหินพันปี
    9.ผงเงินล้าน
    10.ผงเพชรหน้าทั่ง(ธาตูกายสิทธิ์)
    11.แร่เหล็กไหล
    12.ดินกากยายักษ์ที่ใช้สร้างหลวงปู่ทวดเนื้อวานปี 2497
    13.ว่านมงคลจากเขาตาชี ยะลา
    14.ดอกไม้บูชาพระจากสถานที่ต่างๆ
    15.ผงพุทธคุณต่างๆ
    16.มวลสารมงคลจำนวนมากที่มีผู้มาบริจาคให้ฯลฯ

    บูชา 350 บาท
    IMG_20181003_231316.jpg IMG_20181003_231257.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2019
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่855 พระสังข์เรียกทรัพย์ (เจ้าเงาะ) หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ออกงานไหว้ครู ปี 32 วัดเลียบ
    สุวรรณสังข์ชาดก : สังข์ทอง
    ******************************
    ชาดกนี้ สอนให้เข้าใจ “กฎแห่งกรรม”ที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วไดัชั่ว”ได้อย่างชัดเจน และยังทำให้พบสัจธรรมความจริงใน “การเวียนว่ายตายเกิด”ใน “สังสารวัฎ” เพราะเป็นเรื่องที่กล่าวถึงอดีตชาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเอง

    ก. เนื้อเรื่องโดยย่อ
    “พระเจ้าพรหมทัต”เป็นกษัตริย์ครองเมือง “พรหมนคร” มีพระมเหสี ๒ องค์ช้ายและขวา มเหสีฝ่ายขวานามว่า “จันทาเทวี” ส่วนฝ่ายซ้ายนามว่า “จัมปากเทวี” ทั้งสามพระองค์ยังไม่มีบุตรหรือธิดาด้วยกันเลย จึงได้ทำการอ้อนวอนและทำบุญ ทำทาน และรักษาศีลเพื่อขอพรจากเบื้องบน

    จนเวลาผ่านไปหลายปี พระมเหสีจันทาฝันว่ามีพระอาทิตย์สุกสว่างลอยเวียนรอบเขาไกรลาศ ๓ รอบ แล้วตกลงที่ทรวงอกของพระนาง ส่วนพระนางจัมปากเทวีฝันว่าพระอินทร์เอาดอกจำปาทองมาให้พระนาง มเหสีทั้งสองจึงได้ไปเล่าความฝันให้พระสวามีฟัง พระเจ้าพรหมทัตจึงให้โหรมาทำนายฝัน โหรหลวงทำนายว่าพระมเหสีจันทาเทวีจะได้โอรสรูปงาม มีบุญญาธิการมากและจะได้ครองเมืองเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่สืบต่อจากพระองค์ ส่วนพระนางจัมปากเทวีจะได้ธิดาที่โสภายิ่งนัก

    พระเจ้าพรหมทัตดีพระทัยมากที่จะได้โอรสที่ดีสืบราชสมบัติในอนาคต จึงสั่งให้สร้างเครื่องราชกกุธภัณฑ์ไว้รอพระโอรสที่จะสืบสันตติวงศ์ ทำให้พระเทวีจัมปากเทวีรู้สึกอิจฉาและเกรงว่าพระสวามีจะรักและหลงพระนางจันทาเทวีมากกว่าตน และอีกทั้งลูกของนางก็จะได้ครองราชย์ต่อจากพระบิดาซึ่งพระนางยอมไม่ได้ จึงได้หาอุบายและหาทางกำจัดสองแม่ลูกให้เป็นไป แต่จะกระทำการคนเดียวไม่สะดวกและอาจไม่สำเร็จ จึงไปชักชวน “ปาลกเสนาบดี”ให้ช่วยคิดแผนการและหากทำสำเร็จพระนางจะให้รางวัลตอบแทนอย่างงาม

    ปาลกเสนาบดีจึงทูลใส่ร้ายพระมเหสีจันทาเทวีว่าพระองค์มีชู้ลักลอบมีสัมพันธ์กับชาวบ้านทั่วไปและลูกในท้องก็ไม่ใช่ลูกของพระองค์ และเมื่อมเหสีจัมปากเทวีเข้ามาสมทบก็พูดใส่ร้ายป้ายสีเช่นเดียวกัน พระเจ้าพรหมทัตไม่ได้พิจารณาใคร่ครวญและไตร่สวนใดๆ ด้วยความโกรธก็ได้ขับไล่พระมเหสีจันทาเทวีออกจากเมืองไป พระนางโศกเศร้าเสียใจและทุกข์ทรมานเดินออกจากวังเข้าป่าไปอย่างไร้จุดหมายซึ่งขณะนั้นพระนางตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พอดีเจอตากับยายซึ่งเป็นชาวไร่ชาวนาใจดีมีเมตตาระหว่างทางจึงได้สอบถามพระนางถึงความเป็นมาเป็นไป แล้วจึงชวนพระเทวีมาอยู่ด้วยกัน นางจึงมาอยู่อาศัยและช่วยสองตายายทำงานทุกอย่างอย่างมีความกตัญญู ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในครรภ์ทรงเกรงว่าถ้าคลอดออกมาเป็นโอรสที่รูปงามจะทำให้แม่ลำบากในการเลี้ยงดูขึ้นอีกหลายเท่านัก เพราะขณะนี้ก็ลำบากมากแล้ว จึงตัดสินใจจะอยู่ในรูปที่ไม่ทำให้แม่ลำบากมากนัก

    เมื่อครบกำหนด ๑๐ เดือน พระเทวีก็คลอดลูกออกมาเป็น “หอยสังข์” พระนางและตายายก็ช่วยกันเก็บรักษาและให้อาหารเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนเป็นลูกมนุษย์เช่นกัน พระนางก็นอนกอดและกล่อมลูกพร้อมพูดคุยกับหอยสังข์เหมือนว่าเป็นมนุษย์จริงๆ ครั้นนานวันไปเมื่อแม่และตายายออกไปทำงานในไร่ในนา พระสังข์ก็ออกมาจากหอยสังข์ช่วยทำงานบ้านและหุงหาอาหารไว้คอยแม่และตากับยายที่จะกลับมาในตอนเย็น เมื่อนางกลับมาเห็นก็แปลกใจแต่ไม่ได้คิดอะไร ครั้นวันที่สองก็ทำเหมือนเดิมอีก ทำให้นางแปลกใจมากและเห็นเด็กผู้ชายวิ่งๆอยู่ในบ้านแว๊บๆ แต่เมื่อมาถึงบ้านกลับไม่เห็นใคร วันที่สามนางจึงทำทีเป็นออกไปทำงานตามปกติแต่ไม่ไปไหนไกล แต่กลับแอบซุ่มดูอยู่ สักพักพระสังข์ทองพระโอรสน้อยรูปงามราวกะโอรสสวรรค์ ผู้มีผิวกายสุกเปล่งดั่งทองคำ ก็คลานออกมาจากหอยสังข์ ขณะกำลังจะไปปัดกวาดบ้านและทำงานบ้านช่วยแม่อยู่นั้น พระนางจันทาเทวีดีใจและตกตะลึงในความน่ารัก และความงดงามของโอรสน้อยยิ่งนัก พระนางรีบวิ่งเข้าไปอุ้มกอดจูบและร่ำไรรำพันต่างๆนาๆ อย่างมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน และพระนางก็ใช้ฆ้อนที่เตรียมไว้ทุบหอยสังข์ให้แตก และบอกกับลูกว่าลูกจะได้ไม่หลบแม่เข้าไปอยู่ในหอยสังข์อีก สังข์ทองเสียใจที่แม่ทุบหอยสังข์นั้นเพราะเป็นของทิพย์วิเศษ และบอกว่าเมื่อลูกมีภัยจะได้มีที่หลบภัย แต่นางได้ปลอบลูกว่าแม่จะปกป้องและดูแลลูกอย่างดีที่สุดด้วยแม่เอง ครั้นตายายกลับมาจากไร่นาก็ดีใจและพร้อมใจกันตั้งชื่อให้ว่า “สังข์ทอง”หรือ “สุวรรณสังข์”

    ข่าวคราวถึงความมีรูปงามและบุญญาธิการของสุวรรณสังข์โด่งดังขจรกระจายไปทั่วทุกสารทิศ จนถึงพระกรรณของพระราชาพรหมทัต จึงได้ทำการสอบถามจากปุโรหิตและทหาร จึงได้ทราบว่าเป็นโอรสของพระองค์กับพระมเหสีจันทาเทวี พระองค์โสมนัสยิ่งนักตรัสสั่งให้นำวอทองและขบวนช้างและม้าไปรับพระมเหสีและพระโอรสสุวรรณสังข์เข้ามาอยู่ในวังด้วยกัน พระองค์มอบตำแหน่งพระมเหสีฝ่ายขวาคืนให้พระนางเหมือนเดิมและมอบตำแหน่งรัชทายาทให้กับสุวรรณสังข์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนขัดเคืองใจและอิจฉาริษยาให้กับมเหสีจัมปากเทวียิ่งนัก และเมื่อได้รู้ข่าวมาว่าพระโอรสเกิดมาจากหอยสังข์ก็ไปกราบทูลยุแหย่ใส่ร้ายป้ายสีสองแม่ลูกว่าเป็น “กาลกิณี” ซึ่งปาลกเสนาบดีก็ยุแหย่กราบทูลเช่นเดียวกัน

    พระราชาได้ฟังดังนั้นก็โกรธมาก จึงมีรับสั่งให้นำสองแม่ลูกลงแพแล้วนำไปปล่อยในมหาสมุทร และเมื่อเจอลมฝนแพก็แตกทำให้สองแม่ลูกก็พลัดพรากจากกันไป พระนางจันทาเทวีได้ขอนไม้จึงลอยไปหาต้นไม้และนั่งร้องให้อยู่ที่ต้นไม้นั้น ครั้นบริวารของ “ธนัญชัยเศรษฐี” แห่ง “แคว้นมัทราชบุรี”มาพบก็สอบถามและชวนไปบ้านเศรษฐี เมื่อทราบความเป็นมาเป็นไปแล้วเศรษฐีก็ขอให้นางอาศัยอยู่ด้วยกันและให้นางเป็นหัวหน้าแม่ครัวที่บ้านของเศรษฐี ฝ่ายสุวรรณสังข์อยู่บนแพที่แตกเหลือเพียงเศษเล็กน้อยจะจมแหล่มิจมแหล่อยู่นั้น ไม่นานสุวรรณสังข์กุมารน้อยก็จมลงสู่ก้นมหามหาสมุทร ฝ่าย“พญานาคราช”ที่อยู่เมืองบาดาลนาคพิภพเกิดร้อนลนจึงค้นหาสาเหตุและที่มา เมื่อทราบแล้วจึงรีบไปรับเอากุมารน้อยขึ้นสู่ฝั่งก่อนที่จะหมดลมหายใจ และยังได้เนรมิตแพทองคำอย่างดีมีที่มุงบังลมฝนได้ แล้วให้นาคบริวารดูและรักษาแล้วพาไปถึงฝั่งมหาสมุทร เมื่อถึงฝั่งแล้วพระสุวรรณสังข์จึงเดินเท้าต่อไปด้วยความโศกเศร้าและอาลัยถึงพระมารดา จนเดินทางมาถึงอาศรมของพระฤาษี เมื่อพระฤาษีทราบเรื่องต่างๆแล้ว ก็ขอให้พักอยู่ด้วยกันแต่พระองค์อยากจะเดินทางออกตามหาพระมารดา พระฤาษีจึงให้เดินทางออกไปตามลำน้ำและจะผ่านเมืองยักษ์ก่อน พระโอรสจึงออกเดินทางมากับแพทองคำของพญานาคราชไปตามลำน้ำ

    จนมาถึงเมืองของ “นางยักษ์ขิณี”พวกยักษ์บริวารชายและหญิงทั้งหลายเมื่อเห็นมนุษย์ตัวน้อยน่ารักก็อยากจะจับกินบ้างบางตนก็อยากได้ไปเลี้ยงไว้ดูเล่น แต่เมื่อเข้าไปใกล้พระกุมารกลับรู้สึกร้อนมากและถูกคลื่นน้ำยักษ์พัดพาแตกกระจายไปคนละทิศคนละทางเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จนต้องไปแจ้งข่าวให้นางยักษ์ขิณีผู้เป็นนายใหญ่ให้ทราบ ซึ่งนางยักษ์เป็นหม้ายสามียักษ์ได้ตายไปแล้ว นางยักษ์เมื่อเห็นสุวรรณสังข์กุมารผู้น่ารักก็อยากได้เป็นพระโอรส จึงแปลงกายเป็นหญิงสาวงามมารับไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมหวังจะให้ครอบครองอาณาจักรและปกครองเหล่ายักษ์สืบต่อไป โดยนางยักขิณีได้สั่งให้บริวารแปลงกายเป็นมนุษย์เมื่ออยู่ต่อหน้าพระโอรส นางยักษ์ให้การเลี้ยงดูและมอบให้บริวารตั้งพันคอยเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล และห้ามลูกเข้าไปในปราสาทเขตหวงห้ามเด็ดขาด แต่เมื่อพระองค์อยู่มาหลายปีและโตเป็นหนุ่มแล้วก็อยากออกติดตามหาพระมารดา วันหนึ่งได้เข้าไปในปราสาทเขตหวงห้ามได้พบกับกองกระดูกของมนุษย์และสัตว์กองเกลื่อนกลาด พระองค์ตกใจมากและได้ทราบว่าแม่คือยักษ์และเมืองนี้คือเมืองยักษ์นั้นเอง พระองค์เดินขึ้นไปอีกชั้นของปราสาทได้พบกับชุดเกราะเงาะ รองเท้าทอง และพระขรรค์ จึงลองสวมใส่ดู ครั้นเมื่อสวมรองเท้าทองแล้วก็เหาะได้จึงเหาะเล่นในปราสาท แล้วค่อยถอดออก แล้วได้เดินทางมาพบบ่อทองบริเวณทางออกปราสาทจึงเอานิ้วก้อยจุ่มดู นิ้วจึงกลายเป็นนิ้วสีทองและล้างไม่ออกจึงเอาผ้าพันไว้ แม่ยักษ์กลับมาได้สอบถามและเห็นนิ้วก้อยมีผ้าพันจึงเป่าคาถาลบทองออกจากนิ้วก้อยให้ แล้วสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในปราสาทอีกเด็ดขาด แม่ยักษ์จำต้องอยู่กับลูกและคอยดูแลด้วยตัวเองเพราะพวกบริวารที่ให้ดุูแลพระองค์นั้น กลับปล่อยให้เข้าไปในปราสาทเขตหวงห้ามได้ ซึ่งพระโอรสนั้นดื้อเองไม่เชื่อฟังใครนอกจากแม่ยักษ์เท่านั้น ครั้นหลายวันเข้านางยักษ์ก็ผอมโซและหิวอาหารยักษ์เพราะกินอาหารมนุษย์กับลูกสังข์ไม่อิ่ม จึงบอกว่าพรุ่งนี้แม่จะออกไปธุระนอกเมืองลูกอยู่ทางนี้ต้องเชื่อฟังพี่เลี้ยงและห้ามเข้าไปในเขตหวงห้ามอีกเด็ดขาด

    ในวันต่อมาเมื่อนางยักษ์ออกไปหากิน พระสุวรรณสังข์ก็ตัดสินใจชุบตัวในบ่อทองแล้วสวมชุดเงาะและรองเท้าทอง พร้อมทั้งเหน็บพระขรรค์แล้วเหาะหนีจากเมืองยักษ์ไป จนถึงเขตเมืองพาราณสีเมื่อเจออาศรมในภูเขาก็ลงไปพักผ่อน ครั้นนางยักษ์ตามมาเจอและอ้อนวอนให้กลับไป พระองค์ก็ไม่ยอมกลับ บอกว่าจะตามหาแม่และบอกว่ามนุษย์กับยักษ์อยู่ด้วยกันไม่ได้ นางจึงขอให้ลูกลงมาเรียนมนต์ทิพย์ในการเรียกฝูงสัตว์ต่างๆทั้งในน้ำ บนดิน และอากาศ ซึ่งสุวรรณสังข์บอกให้เขียนไว้หน้าผาโดยไม่ยอมลงไปแล้วจึงทำการเหาะหนีไป นางยักษ์เสียใจและจะตามลูกไปก็ไม่ได้เพราะสุดเขตของยักษ์ก็เป็นเมืองมนุษย์แล้ว นางเสียใจร่ำให้อาลัยรักลูกจนอกแตกตายที่นั้นเอง พระสุวรรณสังข์จึงเหาะลงมาทำการเผาศพให้มารดายักษ์อย่างโศกเศร้าและอาลัยรักแม่ยักษ์ผู้มีพระคุณมากล้นนั้นเอง เสร็จแล้วจึงเหาะไปเมืองพาราณสีต่อไป เมื่อหิวน้ำเจ้าเงาะก็เหาะลงไปเจอพวกเด็กเลี้ยงโคและได้ขอน้ำกิน ซึ่งพ่อของเด็กเลี้ยงโคคือ “นายคามโภชก”ก็สอบถามและขอให้อยู่อาศัยด้วยกัน โดยช่วยเลี้ยงโคเป็นการตอบแทนข้าวและน้ำ ซึ่งเจ้าเงาะก็ตกลงและอยู่กับครอบครัวนั้น

    ฝ่ายกษัตริย์เมืองพาราณสีมีธิดาแสนสวย ๗ องค์ ซึ่งมีคู่ครองไปแล้ว ๖ องค์เหลือแต่พระธิดาองค์เล็กชื่อ “คันธาวดี” ซึ่งไม่ยอมเลือกใคร พระบิดาจนใจและโกรธยิ่งนักเพราะหาผู้ชายมาให้เลือกหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกใจ จึงได้มีคำสั่งให้สอบถามว่ามีผู้ชายคนใดในเมืองนี้ที่ยังไม่มาให้นางเสี่ยงมาลัยเลือกคู่มีอีกใหม? มีอยู่อีกคนหนึ่งคือเจ้าเงาะป่าบ้าใบ้ในทุ่งนากับเด็กเลี้ยงโคพะยะค่ะ! ไปตามมันมา บัดเดี๋ยวนี้!

    ในคืนก่อนเสี่ยงมาลัยนั้นพระธิดาฝันว่า มีเทวดานำผลไม้ทิพย์ซึ่งรูปรูปร่างค่อนข้างแคะแกร็นมีกลิ่นหอมแค่นๆชึ่งเหล่านรชนไม่ชอบใจมาให้พระนางแล้วพระองค์ก็ได้ผ่าออกมาพบว่ามีแก้วเจ็ดประการแล้วพระองค์จึงนำแก้วนั้นไปประดับพระวรกายแล้วก็ตื่นจากพระบรรทม ส่วนพระโพธิสัตว์นั้นก็ฝันเช่นกัน คือฝันว่าได้ลงสรงน้ำในสระอโนดาตในป่าหิมพานต์ ซึ่งทำให้พระองค์ดีใจว่าเป็นศุภนิมิตดีแท้

    และในวันเลือกคู่นางได้ตั้งสัจจะอธิษฐานแล้วเสี่ยงมาลัย ซึ่งมาลัยก็ลอยมาสวมข้อมือเจ้าเงาะนั้นเอง ทั้งคู่ต่างดีใจและมีความสุขยิ่งนัก แต่พระราชาและหกเขยรวมทั้งมเหสีทั้งหกไม่ชอบใจเจ้าเงาะ จึงไล่ทั้งคู่ออกไปอยู่ไกลๆจากพระนคร แต่กระนั้นก็ยังไม่พอใจ หกเขยต่างก็ทำการยุแหย่ใส่ร้ายว่าเจ้าเงาะเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง จำต้องหาทางฆ่าให้ตายซึ่งพระราชาก็เห็นดีด้วย แต่จะลงมือฆ่าก็จะทำให้ชาวเมืองเขานินทาเอา จึงออกอุบายละวางแผนการอย่างแยบยล ดังนี้

    ครั้งที่ ๑ ออกอุบายให้เขยทั้งเจ็ดไปหาเนื้อ(สัตว์ป่า)มา ถ้าใครหาไม่ได้จะถูกฆ่าตาย (หวังผลว่าเจ้าเงาะบ้าใบ้จะหาไม่ได้และจะถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน) ทั้งหกเขยหาเท่าไหร่ก็หาไม่ได้และหากกลับเข้าวังไปมือเปล่า จะต้องถูกพระราชาฆ่าทิ้งอย่างแน่นอน จึงอ้อนวอนขอพรเทวดาขอให้ได้เนื้อกลับเข้าวังด้วยเทอญ เมื่อขอพรเสร็จก็เดินหาเนื้อในป่าต่อไป พลันก็เจอกับเทวดารูปงามเหลืองอร่ามใต้ร่มไม้ใหญ่ และเจอฝูงเนื้อล้อมรอบพระองค์มากมายคณานับ จึงเข้าไปบอกว่าพระราชาหาอุบายฆ่าเจ้าเงาะโดยการให้หาเนื้อไปถวาย แล้วขอเนื้อคนละตัว เทวดานั้นสัญญาว่าจะให้แต่ต้องมีของแลกเปลี่ยน โดยขอใบหูคนละนิดหนึ่ง ซึ่งหกเขยจำต้องยอมให้เทวดาใช้พระขรรค์ตัดใบหูนิดหนี่ง แล้วก็รับเนื้อคนละตัวแล้วลากลับเข้าวังไป ส่วนเจ้าเงาะก็นำเนื้อหลายตัวเข้าวังตามไปหลังจากนั้น สร้างความตกตะลึงและแปลกใจแก่พระราชา ราชินี และหกเขยกับมเหสีทั้งหก ตลอดจนชาวเมืองเป็นอย่างมาก

    ครั้งที่ ๒ เมื่อการครั้งแรกไม่สำเร็จ ครั้งนี้ได้ออกอุบายให้ไปนำหมูป่ามาให้ หากหามาไม่ได้จะถูกฆ่าตาย ซึ่งก็เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เทวดา(เงาะป่า)ได้ขอนิ้วมือเป็นของแลกเปลี่ยน

    ครั้งที่ ๓ ครั้งนี้เป็นการหาสัตว์น้ำคือปลาไปถวาย ซึ่งก็เหมือนเดิม โดยครั้งนี้พระโพธิสัตว์ได้ขอจมูกหกเขยเป็นการแลกเปลี่ยน

    เมื่อแผนการร้ายทั้งสามครั้งไม่สำเร็จผล และกำลังวางแผนฆ่าเจ้าเงาะแบบใหม่อยู่นั้น ท้าวสักกะเทวราช(พระอินทร์)เกิดร้อนพระที่นั่งกัมพลสิลาอาสน์จึงส่องทิพย์เนตรลงมายังโลกมนุษย์ แล้วก็รู้สาเหตุทำให้พระองค์โกรธพระเจ้าพาราณสีและหกเขยหน้าโง่เหล่านั้นมาก จึงลงมาหาพระเจ้าพาราณสีแล้วตั้งปัญหา ๒ ข้อ และท้าพนันตีคลี ซึ่งพระเจ้าพาราณสีจะแข่งด้วยตนเองหรือหาคนแทนมาแข่งกับพระองค์ให้ได้ภายใน ๗ วันก็ได้ ซึ่งหากไม่สามารถตอบคำถามได้และตีคลีไม่ชนะพระอินทร์ พระองค์จะเอาฆ้อนทุบหัวพระราชาและยึดเอาเมืองพาราณสี ครั้งนั้นพระเจ้าพาราณสีกลุ้มใจมากและหาใครมาก็ตอบปัญหาไม่ได้สักคน ซึ่งทั้งหกเขยก็ไม่สามารถตอบคำถาม ๒ ทั้งข้อนั้นได้ และการเหาะตีคลีบนอากาศนั้นก็ไม่ต้องพุูดถึงแม้ตีอยู่บนดินก็ยังไม่เอาไหนเลย จนเลยไปหกวันแล้วเหลืออีกเพียง ๑ วัน พระเจ้าพาราณสีรู้สึกกระวนกระวาย กลุ้มใจและอับจนหนทางยิ่งนัก พระมเหสีจึงทูลขอให้เจ้าเงาะไปช่วย เพราะเจ้าเงาะมีบุญญาธิการมาก เพราะพระองค์หาทางกำจัดถึง ๓ ครั้งก็รอดมาราวปาฏิหาริย์ทุกครั้ง พระราชาหมดหนทางจำต้องยอมจึงได้ไปเรียกเจ้าเงาะมาเฝ้า ฝ่ายเจ้าเงาะเมื่อถูกขอร้องจากพระราชินีผู้เป็นแม่ยาย และการรบเร้าจากคันธาเทวีเมียรักก็ใจอ่อนจึงรับปากว่าจะช่วย แต่ได้ขอให้เรียกเสนาอำมาตย์ ทหาร และชาวเมืองทั้งหลายมาฟังคำสั่งพระราชา และเป็นสักขีพยานที่ท้องพระโรงในพระมหาราชวังในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งพระราชาก็ยินยอมทำตามทั้งที่ขัดเคืองในพระทัยอย่างยิ่งก็ตาม แล้วพระโพธิสัตว์ก็ประกาศว่ามหาชนจงรู้เห็นและเป็นพยานแก่เราด้วย

    เมื่อฟังประกาศแล้วก็ถอดรูปเงาะป่าออกจากกาย ทรงฉลองพระบาททิพรัตน์ และทรงจับพระขรรค์แก้วด้วยหัตถ์เบื้องขวา เหาะขึ้นไปบนอากาศ งามโอภาสดังสุวรรณราชหงส์ ทรงประทับลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ พวกเสนาอำมาตย์และอาณาประชาราษฎรทั้งปวงเห็นพระโพธิสัตว์ทำอาการอย่างนั้นพากันประนมมือและให้สาธุการชมเชยพระโพธิสัตว์โดยอเนกปริยาย ทั้งหกเขยต่างตกตะลึงเพราะคุ้นๆว่าเคยเห็นที่ใหน?

    ท้าวมัฆวานจึ่งเข้าใกล้พระโพธิสัตว์ ถามปัญหาว่า แน่ะ พ่อปราชญ์ สภาวธรรมสิ่งไรย่อมทำให้มืดในโลกนี้และโลกหน้า พ่อปราชญ์จงวิสัชนาความข้อนี้ให้แจ้งชัดแก่พวกเทวดาและมนุษย์ซึ่งมาประชุมกัน ณ พื้นดินถึง ณ พื้นอากาศด้วยเทอญ พระโพธิสัตว์เมื่อจะกล่าวแก้ปัญหา จึ่งทูลว่า ข้าแต่ท้าวสักเทวราช บุคคลผู้ใดทำโทษแก่ผู้อื่นที่ไม่มีความผิด ทำคนอื่นให้วิวาทซึ่งกันและกัน และทำปัญจานันตริยกรรม(อนันตริยกรรม) มีฆ่ามารดา ฆ่าบิดา เป็นต้น ไม่ฟังธรรมคำสอนของนักปราชญ์ กอปรด้วยปาปจิต บุคคลผู้นั้นชื่อว่าทำความมืดในโลกนี้และโลกหน้า ข้าแต่เทวราช พระองค์จงทราบเนื้อความอย่างนี้แล ทีนั้น สรรพเทวามีท้าวสักกะ เป็นต้น ได้กระทำบูชาพระโพธิสัตว์ด้วยข้าวตอกและดอกไม้ แล้วให้สาธุการเสียงสนั่นหวั่นไหวไปทั้ง ๓ ภพเลยทีเดียว

    ท้าวสหัสนัยน์จึ่งถามปัญหาที่สองว่า แน่ะ พ่อปราชญ์ สภาวธรรมสิ่งไรเป็นแสงสว่างในโลกนี้และโลกหน้า พ่อปราชญ์จงวิสัชนาความข้อนี้ให้แจ้งชัด พระโพธิสัตว์จึ่งทูลว่า ข้าแต่ท้าวสักเทวราช บุคคลผู้ใดตั้งอยู่ในศีลห้าศีลแปด และบริจาคทานแก่ยาจก หมั่นสดับธรรมคำสอนของนักปราชญ์ มีจิตเมตตาปรานีแก่สัตว์ทั่วไป ตั้งอยู่ในคุณพระรัตนตรัย ตลอดถึงมรรคและผล บุคคลผู้นั้นชื่อว่าสว่างไพโรจน์ในโลกนี้และโลกหน้า อนึ่ง บุคคลผู้ใดเจริญจตุพรหมวิหารได้เป็นนิตย์ มิได้ปลงชีวิตสัตว์ให้ตกไป บุคคลผู้นั้นชื่อว่าสว่างไพโรจน์ในโลกทั้งสอง คือ โลกนี้ และโลกหน้า เมื่อพระโพธิสัตว์แก้ปัญหาที่สองจบลงครั้งนั้น เทพดาและมนุษย์ต่างกระทำบูชาและให้สาธุการเหมือนนัยหนหลัง

    ท้าวมัฆวานจึงท้าประลองตีคลีบนท้องฟ้านภากาศ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์งดงามและอัศจรรย์ยิ่งนัก ทั้งคู่ตีคลีบนหลังม้าวิเศษบนอากาศ ต่างต่อสู้รุกรับอย่างถึงพริกถึงขิงโดยไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำสร้างความหวาดเสียวและตื่นเต้นตกใจแก่ทุกคนและเหล่าเทพบุตรเทพธิดา ตลอดจนพรหมทั้งหลายที่เฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อยิ่งนัก เมื่อเวลานานไปใกล้ค่ำท้าวสักกะเทวราชรู้สึกเหนื่อยและเห็นว่าพยศของพระจ้าพาราณสีและหกเขยหน้าโง่หมดลงแล้ว พระอินทร์ก็ยอมแพ้และขี่ม้าหนีไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระองค์ไป เสียงไชโยโห่ร้องในชัยชนะของพระมหาสัตว์ดังกึกก้องสะเทือนไปทั้ง ๓ ภพเลยทีเดียว

    แล้วพระเจ้าพาราณสีและชาวเมืองต่างก็ตกลงทำการอภิเษกให้พระโพธิสัตว์และพระมเหสีคันธาเทวีขึ้นครองราชย์สมบัติ ซึ่งพระองค์ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม และชาวเมืองต่างก็รักษาศีลและปฏิบัติธรรมด้วยความสงบสุขยิ่ง พระองค์ทรงคิดถึงพระมารดาจึงได้ออกติดตามและค้นหาไปทุกแคว้น จนถึงแคว้นมัทราช จนมาถึงบ้านของธนัญชัยเศรษฐี เมื่อมาถึงบ้านเศรษฐีก็ได้ทักทายและสอบถามความเป็นมาเป็นไปกันแล้ว ก็เลยเชิญพักผ่อนเสวยอาหารก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อไป แม่ครัวจึงได้ทำอาหารมาให้พระโพธิสัตว์เสวย ซึ่งรสชาตินี้พระองค์คุ้นๆ และรู้สึกอร่อยมาก พระองค์นึกถึงฝีมือปรุงอาหารของพระมารดาสมัยเยาว์วัย จึงสอบถามและได้เรียกแม่ครัวมาสอบถามถึงความเป็นมาเป็นไป นั้นเองพระองค์รู้แล้วว่าแม่ครัวคนนี้คือพระมารดาจันทาเทวีอย่างแน่นอน และพระมารดาก็ดีพระทัยมาก พระนางมั่นใจทีเดียวว่าพระเจ้าพาราณสีพระองค์นี้ก็คือโอรสของพระนางอย่างแน่นอน ทั้งสองพระองค์กอดกันและพิไรรำพันอย่างน่าเวทนาและตื้นตันใจยิ่งนัก แล้วพระองค์ก็ทูลเชิญพระมารดาเข้าไปอยู่ในพระราชวังด้วยกัน แล้วสถาปนาพระมารดาให้เป็น “สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง”อีกด้วย

    ด้วยทศพิธราชธรรมและพระบรมเดชานุภาพแห่งพระโพธิสัตว์บ้านเมืองมีความสงบสุข พสกนิกรจากแคว้นอื่นๆต่างอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร จนในวันหนึ่งพระราชาแห่งเมืองพรหมนครได้รับรายงานจากผู้เก็บภาษีว่าการเก็บรายได้ลดลงไปมากเพราะชาวบ้านชาวเมืองอพยพออกไปอยู่แคว้นพาราณสีมาก เพราะกษัตริย์พระองค์นั้นมีบุญญาธิการและปกครองไพร่ฟ้าด้วยทศพิธราชธรรม ซึ่งพระองค์ก็คือเพราะโอรสสังข์ทองของพระองค์นั้นเอง เมื่อทราบดังนั้นพระเจ้าพรหมทัตดีพระทัยมาก อยากจะไปเชิญพระโอรสมาปกครองเมืองพรหมนครต่อจากพระองค์ผู้เป็นบิดายิ่งนัก ได้เฝ้าปรึกษาและขอร้องให้ปุโรหิตและเสนาบดีผู้ใหญ่ไปทูลเชิญพระโอรสมาปกครองบ้านเกิดเมืองนอนของตน ซึ่งมหาเสนาบดีจึงรับอาสาจะทำการนี้ให้สำเร็จ

    ฝ่ายพระโพธิสัตว์ด้วยแรงกตัญญูจึงล่ำลาชาวพาราณสีอย่างอาลัย พสกนิกรต่างอาลัยรักใคร่เสียดายพระองค์ แต่ด้วยคุณธรรมและความกตัญญู แล้วทั้ง ๓ พระองค์ คือ พระโพธิสัตว์ พระนางจันทาเทวี และพระนางคันธาเทวี จึงเดินทางมาที่พรหมนครบ้านเกิดเมืองนอนของพระโพธิสัตว์ แล้วก็ได้รับการอภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติแทนพระบิดา ฝ่ายพระมารดาจันทาเทวีนั้นพระนางไม่ยอมเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต พระองค์ขออยู่กับลูกเพราะไม่ต้องการให้ใครต้องกล่าวหาว่าเป็นกาลกิณีอีก แต่พระสวามีไม่ยอม จึงได้ถามนางจัมปากเทวีว่าใครคือ “กาลกิณี” นางตอบว่าพระมเหสีจันทาเทวี พระนางจันทาเทวีเสียใจยิ่งนักพระนางต้องการพิสูจน์ว่าพระนางบริสุทธิ์ จึงขอทำพิธี “ลุยไฟ” เพื่อพิสูจน์เป็นทิพยพยาน ซึ่งพระนางได้ตั้งสัจจะอธิษฐานก่อนทำพิธี ทำให้ขณะพระนางลุยไฟได้เกิดมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับเท้าของนางและเปลวไฟก็เย็นสบายดีทำให้นางบริสุทธิ์ปลอดภัย ด้วยแรงอกุศลกรรมบันดาลให้นางจัมปากเทวีมเหสีผู้ชั่วร้ายตัดสินใจขอทำพิธีลุยไฟด้วยเช่นกัน ซึ่งไฟก็ได้เผาไหม้นางอย่างมอดไหม้ พระนางร้องโหยหวนและมีทุกขเวทนายิ่งนัก แล้วก็ลงนรกอเวจีทันทีที่จิตออกจากร่างไป

    ฝ่ายปาลกเสนาบดีครั้นทราบว่าพระโพธิสัตว์กลับมาครองเมืองพรหมนครแล้ว ก็รีบหนีออกจากพระนครไป เพราะกลัวความชั่วช้าของตัวเองจะถูกเปิดโปงและต้องรับโทษหนัก โดยหนีไปอาศัยเมือง “ปัญจาลธานี” แล้วไปยุยงแจ้งความเท็จแก่เจ้าเมืองว่า พระสุวรรณสังข์กำลังซ้อมรบเตรียมการบุกโจมตีปัญจาลธานี โดยตนขออาสาเป็น “ทัพหน้า”นำทหารจากเมืองปัญจาลธานีจำนวนเจ็ดอักโขเภณี ไปรบและจับตัวสุวรรณสังข์พระราชาองค์ใหม่ของพรหมนครก็คงจะชนะไม่ยาก เพราะยังเยาว์วัยและใหม่ในการปกครองบ้านเมืองและการสงคราม ซึ่งเจ้าเมืองปัญจาลธานีเห็นดีด้วยจึงให้ทหารเป็นกองทัพใหญ่จำนวนเจ็ดอักโขเภณีแก่ปาลเสนาบดีให้ไปรบกับเมืองพรหมนครโดยพระองค์จะนำทัพหลวงออกติดตามไปทีหลัง เมื่อพระโพธิสัตว์ทราบความก็ตกพระทัยเพราะข้าศึกมามากมายเป็นกองทัพใหญ่ และไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งพระองค์รักสันติไม่อยากให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของบ้านเมืองแต่อย่างใด จึงครุ่นคิดหาทางออกว่าจะทำประการใด

    พระองค์นึกถึงพระมารดายักษ์ขิณีว่าพระนางอาจช่วยได้ จึงทำสมาธิเข้าฌานสมาบัติแล้วก็ได้ทราบว่ามารดายักษ์ไปเกิดเป็นเทพธิดาอยู่ในสวรรค์ชั้น “จาตุมหาราชิกา”นางเป็นเทพธิดานั้นเอง จึงได้สวมรองเท้าทองแล้วเหาะขึ้นไปพบพระมารดา แล้วแจ้งความประสงค์ ครั้นเทพธิดาสดับทราบความแล้ว ก็ให้มีความเมตตาต่อพระสุวรรณสังขราชกุมาร จึ่งประทานพระขรรค์ทิพย์ชื่อ “สิริชัย” ให้แก่พระสุวรรณสังขราชกุมาร แล้วบอกว่า พ่อจงรับเอาพระขรรค์แก้วแล้วด้วยเทวฤทธิ์ที่มารดาให้ไปนี้ ถ้าหากว่าปัจจามิตรมาข่มเหงแย่งราชสมบัติของพ่อไซร้ พ่อจงเหาะขึ้นบนอากาศ แล้วเอาพระขรรค์แก้วแกว่งบนศีรษะของพ่อไว้ หมู่ปัจจามิตรจะพ่ายแพ้กลับไปด้วยอำนาจ “รัตนขรรคาวุธ” พ่อราชบุตรจงทำตามมารดาสั่งดังนี้

    พระสุวรรณสังราชกุมารรับเอารัตนขรรคาวุธอันให้สำเร็จความปรารถนาจากเทวธิดาแล้ว ก็อำลากลับมาสู่ยังสำนักของราชบิดาและราชมารดาบนโลกมนุษย์ แล้วจึงกราบบังคมทูลว่าพระองค์จะขออาสาออกรบกับข้าศึกศัตรูด้วยพระองค์เอง จึ่งพร้อมด้วยพลเสนาเสด็จออกจากพระนคร แล้วได้เหาะขึ้นบนอากาศ แล้วแกว่งทิพรัตนขรรคาวุธตามที่นางเทวธิดาบอกไว้ รัศมีพระขรรค์แก้วก็ลุกโพลงตกลงมาเสียงดังประเปรี้ยงเหมืองเสียงอสนีบาต ประหนึ่งว่าจะทำมหาโยธาข้าศึกให้ตายไปหมดด้วยกัน พวกเสนานับได้เจ็ดอักโขเภณีประหนึ่งว่าจะมีศีรษะแตกออกไป พากันร้องขอชีวิตต่อพระโพธิสัตว์ว่า ข้าแต่พระมหาราช ข้าพระบาททั้งหลายจะไม่คิดประทุษร้ายต่อพระองค์ ขอพระองค์จงประทานชีวิตให้พวกข้าพระเจ้าเถิดพระเจ้าข้า

    ฝ่ายปาลกเสนาบดีก็ไม่อาจดำรงตนอยู่ได้ ด้วยอิทธานุภาพแห่งพระขรรค์แก้วสิริชัย จึ่งพลัดจากคอช้างตกลงไป ณ ปฐพี วิบากแห่งอกุศลความอกตัญญูให้ผล ปฐพีดลอันหนาได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ก็เปิดช่องให้ ปาลกเสนาบดีก็จมลงไปไหม้อยู่ในอเวจีนรกทันที ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทรงพระกรุณาแก่มหาชนเป็นอันมาก จึ่งตรัสว่า พวกมหาโยธาทั้งหลาย พระเจ้ากรุงปัญจาลราชทรงเชื่อคำปาลกเสนาบดีคนลามก ให้ยกกองทัพมาทำสงครามกับเราผู้หาความผิดมิได้ และละสัปปุริสธรรม แล้วทำซึ่งอธรรมทางอบาย แต่นี้ไปท่านทั้งหลายจงอย่าทำบาปกรรมเช่นนี้ต่อไปเป็นอันขาด ทรงให้โอวาทต่อไปอีกว่า บุคคลผู้ใดฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ทำปรทารกรรม กล่าวปด เสพสุราเมรัย บุคคลผู้นั้นจักถึงความพินาศเหมือนปาลกเสนาบดี อนึ่ง ฝ่ายกุศลธรรม คือ ศีล ทาน ธรรมสวนะ และเมตตา ภาวนา กุเลเชฏฐาปจายิกกรรม เหล่านี้มีคุณยิ่งใหญ่ ผู้ใดไม่ประมาทในธรรมที่เราสอนแล้วนี้ ผู้นั้นจุติจากโลกนี้แล้วจักไปเกิดในสวรรค์ด้วยกุศลธรรมอันนั้น ทรงให้โอวาทแล้วก็ส่งพวกโยธาให้กลับไปยังปัญจาลนคร ส่วนพระองค์ก็เสด็จคืนเข้าพระราชฐานของพระองค์

    ฝ่ายพวกเสนาโยธากลับมาถึงปัญจาลนครแล้ว จึ่งเข้าเฝ้าพระราชาของตน กราบบังคมทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าโยธามีปาลกเสนาบดีเป็นต้นซึ่งพระองค์ส่งไป ได้พร้อมกันเข้าล้อมเมืองพรหมนครไว้ถึงเจ็ดชั้น พระสุวรรณสังขราชกุมารมีบุญญาธิการมากนัก เหาะขึ้นบนอากาศ ทรงแกว่งพระแสงขรรค์แก้ว ณ ท่ามกลางโยธา ด้วยอานุภาพขรรคาวุธ เกิดเป็นแสงสว่างตกลงมาดังประเปรี้ยงเพียงดังสายฟ้า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายมืดหน้ามัวตาหาสติมิได้ถึงปราชัยพ่ายแพ้ แต่ปาลกเสนาบดีพลัดจากคอช้างตกถึงแผ่นดิน แผ่นดินได้สูบปาลกเสนาบดีผู้อกตัญญูไม่รู้จักคุณเจ้านายของตนไปทั้งเป็น พระสุวรรณสังขราชกุมารเสด็จลงจากอากาศประทานโอวาทแก่ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าโยธา แล้วส่งให้กลับมาเมืองนี้ ขอพระองค์จงทราบด้วยประการฉะนี้ พระเจ้ากรุงปัญจาลราชทรงฟังดังนั้น ทรงพระเกษมสันต์และสรรเสริญพระสุวรรณสังขราชกุมาร รับสั่งให้จัดเครื่องบรรณาการไปถวายเป็นอเนกประการ

    พระสุวรรณสังขราชกุมารทรงทรมานพวกปัจจามิตรเสร็จแล้ว จึ่งเสด็จเข้าพระนคร ยังราษฎรให้ตั้งอยู่ในโอวาท ดำรงราชสมบัติโดยชอบธรรม มีพระเดชานุภาพ และเกียรติยศปรากฏไปในนานาประเทศ มหาชนมีพระราชาเป็นต้น ในนานาประเทศต่างน้อมนำเครื่องบรรณาการมาถวายพระสุวรรณสังข์เป็นเนืองนิตย์ มหาชนมีพระราชาเป็นต้นตั้งอยู่ในโอวาทแล้วก็ปราศจากภยุปัทวันตราย และพากันทำบุญมีทานเป็นต้น เมื่อสิ้นอายุของตนก็ได้ไปเกิดในเทวโลก ส่วนพระโพธิสัตว์เมื่อก่อสร้างโพธิสมภารอยู่ได้บำเพ็ญกุศลมีทาน และศีลเป็นต้น สิ้นพระชนม์แล้วก็ไปอุบัติในเทวสถานด้วยประการฉะนี้

    ข. การเวียนว่ายตายเกิด
    สมเด็จพระบรมศาสดาทรงนำธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงประชุมชาดกว่า...
    พระยานาคที่เอาเรือมารับสุวรรณสังขกุมารนั้น กลับชาติมาคือพระองคุลิมาลเถระ
    พระดาบส(ฤาษี)ที่ช่วยสุวรรณสังขกุมารนั้น กลับชาติมาคือพระสารีบุตรเถระ
    นางยักษิณีมารดาเลี้ยงสุวรรณสังขกุมารนั้น กลับชาติมาคือ นางอุบลวรรณาเถรี
    ท้าวสักเทวราชผู้อุปถัมภ์สุวรรณสังขกุมารกลับชาติมาคือ พระอนุรุทธเถระ
    มหาเสนาบดีผู้ไปเชิญเสด็จพระนางจันทาเทวี และสุวรรณสังขกุมารให้มาครองราชย์สมบัติ ณ พรหมบุรี กลับชาติมาคือ พระโมคคัลลานเถระ
    ธนญชัยเศรษฐีผู้ให้พระนางจันทาเทวีอาศัยอยู่ด้วยนั้นกลับชาติมาคือ พระสีวลีเถระ
    นางสุวรรณจัมปาเทวีแกล้งใส่โทษแก่พระนางจันทาเทวี กลับชาติมาคือ นางจิญจมานวิกา
    ปาลกเสนาบดีผู้ผูกอาฆาตต่อสุวรรณสังขกุมาร กลับชาติมาคือ ภิกษุเทวทัต
    พระเจ้าพรหมทัตราชบิดาสุวรรณสังขกุมาร กลับชาติมาคือ พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดา
    พระนางจันทาเทวีกลับชาติมาคือ พระนางสิริมหามายาพุทธมารดา
    พระนางคันธาเทวี อัครมเหสีของสุวรรณสังขกุมาร กลับชาติมาคือ ยโสธราพิมพาเทวี
    บริษัทซึ่งสวามิภักดิ์ต่อพระโพธิสัตว์ กลับชาติมาคือ พุทธบริษัท
    ส่วนพระสุวรรณสังขราชากลับชาติมาคือ เรา ตถาคต
    มีพุทธพจน์ให้จบลงด้วยประการฉะนี้

    เราบูชารูปเงาะป่า โดยระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระสังข์ทอง คุณของพระพุทธเจ้า คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ เทวดา พรหม แม่พันธุรัต

    หลวงปู่ปลุกเสกเจ้าเงาะด้วยมนต์จินดามณี ที่ใช้เรียกเนื้อ เรียกปลา เรียกโชคลาภได้ดีนัก ช่วยทำมาค้าขาย ช่วยให้ขยายกิจการมานักต่อนัก

    บูชา 1550 บาท
    IMG_25620210_135029.JPG IMG_25620210_134940.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2019
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่856 เหรียญพระพิฆเนศร์ เนื้อนวโลหะ " หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน " จ.พร ะนครศรีอยุธยา ปี 2546 กล่องกำมะหยี่เดิม ( เนื้อนวะสร้างน้อยม าก แค่ร้อยกว่าเหรียญ)
    พระพิฆเนศร์ เทพแห่งความสำเร็จ " หลวงปู่ชื่น พุทธสโร " วัดญาณเสน จ.นครศรีอยุธยา เจ้าตำราเคล็ดวิชา พระรัตนจักร อันลือลั่น

    ท่านเป็นอาจารย์ผู้เรืองวิชารูปหนึ่ง ช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยน้าพระพุทธมนต์ และเป็นพระเกจิที่เชี่ยวชาญด้านไสยศาตร์วิชาอาคมและแพทย์แผนโบราณ โดยนำความรู้และวิชาทุกด้านช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยให้กับชาวบ้านจนเป็นที่เคารพเลื่อมใสในความมีเมตตาของท่าน เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่ชาวเมืองกรุงเก่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

    เหรียญพระพิฆเนตรเทพแห่งความสำเร็จ หลวงพ่อชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน ท่านอธิฐานจิตเสกให้ โดยท่านจะนำพระมาแตะแล้วเป่าที่วัตถุมงคลนั้น ๆ ให้ทางคณะชมรมศิษย์เก่าดนตรีไทยร่วมกับทางคณะศิษย์ขอร่วมสร้างไว้เพื่อบูชากันในกลุ่มลูกศิษย์ทางชมรม จึงมีจำนวนสร้างไม่มากนัก โดยมีการสร้าง

    เหรียญเนื้อทองคำ 9 เหรียญ
    เหรียญเงินลงยา 159 เหรียญ
    โดยแบ่งออกมีทั้งหมด 3 สี เป็น
    เหรียญเนื้อเงินลงยาสีเขียว 39 เหรียญ
    เหรียญเนื้อเงินลงยาสีน้ำเงิน 50 เหรียญ
    เหรียญเนื้อเงินลงยาสีแดง 70 เหรียญ

    เนื้อนวโลหะ สร้างสร้างน้อยมากครับ แค่ร้อยกว่าองค์ ( หายากมากด้วย )

    ลักษณะเหรียญทรงกลม ด้านหน้าจะเป็นพระพิฆเนศร์ ปางประทานพร ด้านหลัง ยันต์ โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา เป็นบทสวดบูชาขอพรขอความสำเร็จในด้านต่างๆ มีโชค และมีทรัพย์เงินทอง สมความสำเร็จทุกปรารถนา

    บูชา 550 บาท

    IMG_20180801_222254.jpg IMG_20180801_222235.jpg IMG_20180801_222004.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2019
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่857 พระหลวงพ่อทวดผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ( พิมพ์นิยมหลังกาบ ) ด้านหน้ามีสีผึ้งเขียวติดเท่าหัวไม้ขีด
    **พระชุดนี้ของดีราคาเบา ประวัติการสร้างชัดเจน ทาบทิม ทิมทาบ **เนื้อดินผสมสีผึ้งเขียวเข้มข้น พุทธคุณไม่ต้องบรรยาย เสน่ห์เมตตา โชคลาภ แคล้วคลาด อย่างเอกอุ**
    พระหลวงพ่อทวด ผสมสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยอาจารย์ปถม อาจสาคร เป็นผู้แนะนำ การตำ คลุกเค้าผงและกดพิมพ์พระ
    ลักษณะ เป็นพระเนื้อผงผสมสีผึ้งเขียว สีดำเข้ม มีทั้งแบบปิดทองคำเปลวด้านหน้าและไม่ปิดทอง พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขาย

    มวลสารส่วนผสมบางส่วน
    1.ผงวิเศษเก่าของหลวงพ่อทาบ
    2.สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ
    3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร
    4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงพ่อทาบ
    5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี
    6.ผงดินมงคลของหลวงพ่อทาบ
    7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง
    ปลุกเสก2ครั้ง
    หลวงพ่อทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม เมื่อใกล้งานผูกพัทธสีมาวัดกระบกขึ้นผึ้ง
    ปลุกเสกครั้งที่ 1 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
    1.หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี
    2.หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก
    3.หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง
    4.หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก
    พระเกจิอาจารย์ได้เข้าสมาธินั่งปรกปลุกเสกตั้งแต่ 18.00 น. ถึงประมาณ 02.00 น. ของวันใหม่
    โดยเฉพาะเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ทิมอิสริโกรับนิมนต์มาปลุกเสกนอกวัดละหารไร่ และท่านได้นั่งปรกปลุกเสกรวดเดียว 8ชั่วโมง โดยไม่หยุดพักฉันน้ำชา (ปกติจะลั่นฆ้องทุก 2ชั่วโมงเพื่อให้พระคุณเจ้าได้ถอนสมาธิพักผ่อนอิริยาบถและฉันน้ำชาประมาณ 30นาที)
    ปลุกเสกครั้งที่ 2
    หลวงพ่อทาบปลุกเสก 1 พรรษา ก่อนแจกให้ผู้ร่วมทำบุญงานผูกพัทธสีมาอุโบสถวัดกระบกขึ้นผึ้ง

    คุณMK2508 ปิดครับ

    IMG_20180801_222940.jpg IMG_20180801_222927.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2019
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่858 พระสิกขี (พระนางจามเทวี) หลวงปู่สรวง บ้านละลม เนื้อดินปราสาทขอมพันปี ลงกรุ ปลุกเสกปี ๑๙
    ***หลวงปู่ได้จัดสร้างพระเนื้อดินไว้ 1 ชุด มีดังนี้ พระผงพิมพ์เจ้าสัว, ลีลา, สมเด็จ, ขุนแผน, ซุ้มกอ, พระพิฆเนศวร, พระปิดตา, พระสิวลี, นางพญา, ท้าวกุเวร, นางกวัก พิมพ์ต่างๆ เป็นพระเนื้อดิน พระชุดนี้ลูกศิษย์นำมาถวาย และสร้างถวายให้หลวงปู่สรวงปลุกเสกไว้เมื่อปี 2519 เพื่อมอบให้ญาติโยมที่มาร่วมบริจาคทรัพย์สร้างสำนักสงฆ์ถ้ำภูดิน จ.ศรีสะเกษ จัดพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ สมโภชน์ 3 วัน 3 คืน มีพระเกจิอาจารย์ศิษย์สายหลวงปู่สรวงมาร่วมปลุกเสกมากมายรวม 200 องค์ ทั้งพระเถระผู้ใหญ่ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลแถบนั้น มาร่วมงานนี้รวมแล้วนับพันองค์ หลวงปู่สรวงท่านมาเสกให้ในงานทั้ง 3 วัน 3 คืน พระที่เหลือจากการแจกจ่ายในหมู่ศิษย์ ตกอยู่ที่อาจารย์เสริฐ ทุกพิมพ์ หลังจากท่านอาจารย์เสริฐมีเหตุจำเป็นต้องลาสิกขาบท เพื่อเดินทางไปร่ำเรียนวิชาอาคมต่อที่เขมรในปี 2540 พระชุดนี้ทุกพิมพ์ได้มอบให้อาจารย์ฉ่อยดูแล โดยนำมาฝากไว้ที่พระอุโบสถวัดสุทัศน์นานถึง 9 ปี บางพิมพ์นานถึง 11 ปี ผ่านพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ของทางวัดสุทัศน์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ครั้ง จากพระเถราจารย์ พระคณาจารย์ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของประเทศมากมายร่วมประมาณแสนรูป
    วัตถุมงคลของหลวงปู่สรวงทุกชนิดบูชาเหมือนมีแก้ว 3 ประการ
    โดดเด่นหลายทางตามคำอธิฐานดังนี้
    1. บูชา 1 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ ทางเมตตามหานิยม เจ้านายรัก ติดต่อการงานดี
    2. บูชา 2 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ ด้านโชคลาภ ค้าขาย ขายของดี ขายคล่อง เงินมาไม่ขาดสาย
    3. บูชา 3 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ ด้านเสี่ยงโชค เล่นการพนัน เสี่ยงดวง หวยล็อตเตอรี่ เห็นผลแน่นอน หากผู้นั้นบูชาด้วยความศรัทธาแน่วแน่
    4. เรื่องความปลอดภัยทางรถยนต์ แคล้วคลาด ไม่มีตายโหง
    5. ขอได้ดังใจนึกทางด้านค้าขายธุรกิจเจริญรุ่งเรืองเวลาเดือดร้อนทางการเงินให้ทำพิธีบอกกล่าวจุดธูปบอกท่านและอาราธนาขอพรเช้าเย็น 9 จบท่านจะช่วยให้เห็นผลได้รับความสำเร็จสมหวังมามากแล้วไม่เชื่อทดลองเถิด
    6. คงกระพันชาตรี ไว้ใจได้เห็นอภินิหารบ่อยๆ
    7. ป้องกันคุณไสย์ แก้อาถรรพณ์ ป้องกัน ผีสางนางไม้ เจ้าที่เจ้าทางได้
    8. เสริมดวง หนุนดวงชะตา
    9. ป้องฟ้าผ่า ไฟไหม้ ได้

    บูชา 750 บาท

    IMG_25620406_161325.JPG IMG_25620406_161254.JPG
     
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่859 พระปรุหนัง หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จ. สุพรรณบุรี เนื้อดิน
    หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน หรือ วัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาพุทธาคมอันเข้มขลังระดับแนวหน้าของประเทศไทย เป็นศิษย์รุ่นพี่ของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ร่วมอาจารย์เดียวกันคือ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย ก่อนหลวงพ่อเนียมมรณภาพ ท่านได้สั่งเสียกับหลวงพ่อปานว่า ถ้าข้าตาย มีอะไรขัดข้องก็ให้ไปถาม หลวงพ่อโหน่ง นะ โหน่งเขาแทนข้าได้ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๕ ธ.ค. ๒๔๗๗ อายุ ๖๙ ปี พรรษา ๔๖ โดยท่านมรณภาพในปางไสยาสน์แบบอาจารย์ของท่านคือ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย กล่าวกันว่า พระเครื่องของหลวงพ่อโหน่งมีพุทธคุณเด่นทางเมตตามหานิยมมากและแคล้วคลาด จากอันตราย เป็นเลิศ
    บูชา 1850 บาท
    IMG_20181015_090818.jpg IMG_20181015_090808.jpg 1080588-43ff1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2019
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่860 รูปหล่อ ท้าวเวสสุวรรณ เทพคุ้มครอง หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง จ.ชลบุรี เนื้อเงิน ปี 2542
    พระครูธรรมกิจโกวิท" หรือ "หลวงพ่อยงยุทธ ธัมมโกสโล" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองชลบุรี มีเมตตาธรรมสูง มักน้อยถือสันโดษ มีพลังจิตที่เข้มขลังอาคมที่แก่กล้า
    นามของท่านจึงขจรขจายไปไกลทั่วภาคตะวันออก

    ท่านมีนามเดิมว่า จำปี แก้วไพรำ เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2470 เขตอำเภอไชโย จ.อ่างทอง บิดา-มารดา ชื่อ นายเชียงและนางถุงเงิน แก้วรำไพ มีพี่น้อง 5 คน
    เมื่อช่วงวัยเด็ก ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดอ่างทอง จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
    ต่อมาท่านได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ยงยุทธ" หลังจากนั้นได้เดินทางมาศึกษาต่อที่โรงเรียนแถวฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ก่อนที่จะทำงานที่วิทยุการบินแห่งประเทศไทย
    เมื่ออายุ 23 ปี ท่านตัดสินใจบวชตั้งใจลางาน 15 วัน ณ วัดบ้านป่า อ.ไชโย จ.อ่างทอง โดยมีพระครูโกวิทนวการหรือหลวงปู่โห้ เจ้าอาวาสวัดวงษ์ภาศนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิบูลสังฆกิจ เจ้าคณะอำเภอไชโย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และพระอธิการตี๋ เจ้าอาวาสวัดประสาท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ธัมมโกสโล
    แต่เมื่อครบกำหนดลางาน 15 วัน ปรากฏว่า พระยงยุทธไม่ยอมลาสิกขาบท ตัดสินใจบวชต่อ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย อีกทั้งมุ่งมั่นฝึกฝนกัมมัฏฐาน จนเกิดความสุขสงบทางใจ
    ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐาน จากหลวงปู่ลิ้ม วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ และครูจาบ สุวรรณ เป็นฆราวาส เชี่ยวชาญด้านกสิณมาก
    ในปี พ.ศ.2502 ท่านได้ออกเดินธุดงค์ผ่านมา จ.ชลบุรี พบว่าบริเวณเขาไม้แดงนั้น มีความร่มรื่นอาณาบริเวณเงียบสงบ ท่านตัดสินใจจะสร้างวัดที่เขาไม้แดง

    หลวงพ่อยงยุทธ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ พระครูธรรมกิจโกวิท
    หลวงพ่อยงยุทธ เป็นผู้ที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก หลวงพ่อยงยุทธจึงได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายรุ่น ทั้งเหรียญพระ รูปหล่อ ฯลฯ ได้รับความเลื่อมใสจากบรรดาทหารหน่วยต่างๆเป็นอย่างมาก
    หลวงพ่อยงยุทธ ธัมมโกสโล ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2545 เวลา 05.45 น. สิริอายุ 75 ปี 2 เดือน พรรษา 52 เนื่องจากท่านก็มีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เนื่องด้วยโรคถุงน้ำดีอักเสบและโรคหัวใจ ทางวัดได้บรรจุร่างท่านไว้ในโลงแก้ว ตั้งในกุฏิของท่าน เพื่อให้คณะศิษย์ได้มากราบไหว้

    รูปหล่อ ท้าวเวสสุวรรณ เทพคุ้มครอง หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง จ.ชลบุรี เนื้อเงิน ปี 2542 สุดยอดร่ำรวย อธิษฐานจิตปลุกเสกโดยหลวงพ่อยงยุทธ สวยเข้มขลังน่าบูชามาก
    ยิงโค้ดใต้ฐาน
    ขนาดองค์พระ สูง 2.5 ซ.ม ฐานกว้าง 1.3 ซม.

    คุณต้า ปิดครับ
    IMG_20180830_214233.jpg IMG_20180830_214222.jpg IMG_20180830_214454.jpg IMG_20180830_214205.jpg IMG_20180830_214424.jpg IMG_20180830_214257.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2020
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่861 รูปหล่อ ท้าวเวสสุวรรณ เทพคุ้มครอง หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง จ.ชลบุรี เนื้อทองแดง ปี 2542
    สุดยอดร่ำรวย อธิษฐานจิตปลุกเสกโดยหลวงพ่อยงยุทธ สวยเข้มขลังน่าบูชามาก ยิงโค้ดใต้ฐาน ขนาดองค์พระ สูง 2.5 ซ.ม ฐานกว้าง 1.3 ซม. เล็กสวยน่ารักมาก กล่องกำมะหยี่สีฟ้า
    คุณMK2508 ปิดครับ

    IMG_20180815_214522.jpg IMG_20180815_214513.jpg IMG_20180815_214502.jpg IMG_20180815_214545.jpg IMG_20180815_214606.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2019
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    นิมนต์แล้วครับ
     
  15. MK2508

    MK2508 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,269
    จองบูชา
    1.รายการที่857 พระหลวงพ่อทวด
    ผสมสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง 450฿

    2.รายการที่861ท่านท้าวเวสสุวรรณ
    ลพ.ยงยุทธ วัดเขาไม้แดง 400฿
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2019
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    นิมนต์แล้วครับ
     
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่862 พระขุนแผน พระปลัดสรงวุธ(ปืน ปัญญาวุโธ) วัดราชโด จ.อยุธยา (พิธีมหาจักรพรรดิ์) ตำรับ วัดประดู่ทรงธรรม
    ปลุกเสกใหญ่ในพิธีมหาจักรพรรดิ์ ในโบสถ์วัดลาดชะโด ซึ่งถือว่าท่านพระครูปืนทำได้ครบตามโบราณกาล ทั้งการจัดเครื่องบายศรี บูชาครู พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ 108 รูป มาสวดในพิธี ซึ่งทำตามตำราแบบแย่าง อาจารย์เฮง ไม่มีผิดเพี้ยน โดยมีหลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ เป็นประธานและคอยดูแลขั้นตอน อย่างครบถ้วนโดยตลอด ซึ่งถือว่าใหญ่และครบถ้วนจริงๆ ตั้งแต่เคยมีมา พุทธคุณนั้นทางมหาอำนาจ ดีทางปกครองคน อยู่เหนือคนทั้งหลาย อุปเท่ห์ฝอยท่วมหลังช้าง
    ปิดครับ
    IMG_20180903_223924.jpg IMG_20180903_223914.jpg IMG_20180903_223934.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2019
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่863 เหรียญเสมานั่งพาน รุ่นแรก ชนะจน ปี 56 เนื้อทองจันทร์เพ็ญ พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง จ.พัทลุง
    ปลุกเสก 3 วาระ 3 พิธีกรรม 3 จันทร์เพ็ญ
    มหาอุตมฤกษ์ อุดมด้วยเมตตามหานิยม พิชัยสงคราม ปัญญาวาสนา และโชคชะตาราศี
    บูชา 350 บาท

    IMG_20180904_221730.jpg IMG_20180904_221715.jpg 10927.jpg 13213.jpg 13212.jpg
     
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่864 ลูกประคำ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กันฟ้า กันไฟ กันคุณไสย์ แคล้วคลาด
    การภาวนาโดยนับลูกประคำ การภาวนาให้ถึงศีล สมาธิ ปัญญา มีหลายวิธี การนับลูกประคำเป็นวิธีการหนึ่ง ที่ใช้กันมาแต่โบราณกาล พระเดชพระคุณหลวงพ่ออุตตมะสอนให้ภาวนาโดยนับลูกประคำ ๑๐๘เม็ด ด้วยคาถาบูชาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
    คาถาและบทสวดมนต์ที่หลวงพ่ออุตตมะใช้เป็นประจำ
    ตามที่อาตมาเคยปฏิบัติมาเช้าเย็น วันละ ๓ เวลา เช้า, เที่ยง, เย็น เรามีประจำใจอยู่ในตัวขออาตมาทุกเวลา ไม่ว่าแต่เวลาไหน ไม่ว่าจะวันไหน นอกจากที่อาพาธ ถ้าเราอาพาธจริงๆ สวดไม่ได้เราก็ไม่ได้สวด ถ้าเรายังสบายอยู่หรือร่างกายพอสมควรเราสวดประจำอยู่ทุกวัน เรียกว่าเป็นคาถาประจำตัวก็ได้ เป็นข้อปฏิบัติประจำตัวก็ได้ เพราะเราเคยปฏิบัตมาเป็นต้นของง่ายๆ (ในอักขระ ๓๒) เราจะฉันอาหารก็ ๓๒ คำ เริ่มต้นมาว่า

    "เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ มังสัง นะหารู อัฏฐี อัฏฐิมิญชัง วักกัง หะทะยัง ยะกะนัง กิโลมะกัง ปิหะกัง ปัปผาสัง อันตัง อันตะคุณัง อุทะริยัง กะรีสัง ปัตตัง เสมหัง ปุพโพ โลหิตัง เสโท เมโท อัสสุ วะสา เขโฆ สิงฆานิกา ละสิกา มุตตัง มัตถุเก มัตถุลุงคัง ฯ"

    เป็น"คาถา"ก็ว่าได้ เป็น"ภาวนากรรมฐาน"ก็ว่าได้ เป็น"สมถกรรมฐาน"ก็ว่าได้ เราจะไปทางไหน เราก็จะเกสา เราต้องพิจารณา (อักขระ ๓๒) ทุกเวลา วันละ ๓ เวลาทุกวัน นอกจากอาพาธเท่านั้น นี่เป็นคาถาประจำตัวนอนก็ดี เดินก็ดี ไปไหนมาไหนพิจารณาอักขระ ๓๒ ทุกระยะทุกวินาที นี่เป็นคาถาประจำตัวคาถาที่ ๑

    บูชา 300 บาท
    IMG_20180904_220422.jpg IMG_20180904_220356.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...