**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ขอจองเหรียญที่ 2 ครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓.
เช้าของวันนี้เมื่อ ๑๑๙ ปีที่แล้ว วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๓ ที่ริมฝั่ง " แม่น้ำสวย "
บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย

น้อมรำลึก ๑๑๙ ปี บูรพาจารย์ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม

​

ณ เรือนกระท่อมไม้ไผ่สับฟากริม " แม่น้ำสวย " บ้านโคกมนแห่งนี้ ครอบครัว " แก้วสุวรรณ์ " ของ นายไมล นางปา ได้ถือกำเนิดบุตรชายคนแรกของครอบครัว ชื่อ เด็กชายหนูบ่อ แก้วสุวรรณ์ (นามเดิม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านชื่อ " หนูบ่อ แก้วสุวรรณ์ " ท่านมีชื่อเล่นมาตั้งแต่เป็นเด็กว่า " บ่อ " บิดามารดาผู้ให้กำเนิดขององค์ท่านนั้นชื่อ นายไมล นางปา ไม่ใช่ นายมอ นางพิลา อย่างที่คนทั้งหลายนั้นเข้าใจตามๆกันไปทั่ว).

​

​

ปี ๒๔๖๓ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านได้บรรพาเป็นสามเณรเมื่อตอนท่านอายุ ๑๙ ปี ที่ วัดบ้านนากลาง (ปัจจุบันวัดนี้อยู่ที่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู) โดยมี ท่านพระครูอดิสัยคุณาธาร (พระคุณเจ้าหลวงปู่คำ อรโก วัดศรีสะอาด ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย) หลวงปู่คำ อรโก องค์นี้หลวงปู่ชอบบอกท่านเป็นชาวเมืองจังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่คำ อรโก ท่านเป็นลูกศิษย์ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล รุ่นพี่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต).

หลังจากได้บรรพาเป็นสามเณรแล้วหลวงปู่ชอบท่านก็ได้ติดตามหลวงลุงซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับโยมแม่ของท่านชื่อ พระอาจารย์พา อริยวังโส เดินทางไปศึกษาทั้งทางปริยัติและปฏิบัติอยู่ทางเมืองอุบลราชธานี ซึ่งในสมัยนั้นท่านว่าเมืองอุบลราชธานีนี้เปรียบเสมือนเมืองแห่ง " ตักกะศิลา " ของทางด้านการศึกษาแห่งมณฑลในภาคอีสานในสมัยตอนนั้น และการได้ไปอยู่ทางจังหวัดอุบลราชธานีในตอนที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่นั้น หลวงลุงของท่านคือพระอาจารย์พาเห็นแววในการปฏิบัติทางด้านจิตภาวนาของเณรหลานชายของตนเอง พระอาจารย์พาจึงได้พาท่านสามเณรชอบไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์สามเณรอยู่ปฏิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์ องค์ท่านหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม.

ปี ๒๔๖๗ ครูบาอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ท่านเห็นว่าสามเณรชอบลูกศิษย์ท่านองค์นี้อายุก็ได้ ๒๓ ปีแล้ว เห็นสมควรว่าจะต้องได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้แล้ว องค์ท่านหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม จึงอนุญาตให้ สามเณรชอบ แก้วสุวรรณ์ ทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาที่วัดสร่างโศกธรรมาราม อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี ในสมัยนั้น โดยมี ท่านพระครูวิจิตวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านพระอธิการแดง วัดสร่างโศก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ โดยท่านได้รับฉายานามในทางพระพุทธศาสนา ว่า " ฐานสโม ".

ซึ่งชื่อฉายา " ฐานสโม " ในทางพระพุทธศาสนาของท่านนี้ หลวงปู่ชอบบอก " อาจารย์ใหญ่สิงห์(ขันตยาคโม) เพิ่นเป็นผู้ตั้งชื่อฉายานามนี้ในพระศาสนาไห่เฮาเอง ".

​

ปี ๒๔๖๘ พรรษาแรกของหลวงปู่ชอบท่านได้ไปจำพรรษากับพ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่ วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ตอนติดตามมาปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ใหญ่องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล นี้ หลวงปู่ชอบบอกครูบาอาจารย์ใหญ่องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ก็ให้ท่านกับพระเณรลูกศิษย์ในตอนนั้นท่องหนังสือ " นวโกวาท " ให้ได้จนจบเล่มแล้วองค์หลวงปู่เสาร์ก็พาพวกท่านที่เป็นลูกศิษย์ไปสอบนักธรรมตรีที่สนามสอบ " ทุ่งศรีเมือง " ของจังหวัดอุบลราชธานีในสมัยนั้น ปี ๒๔๖๙ หลวงปู่ชอบท่านก็สอบนักธรรมตรีได้ที่เมืองอุบล ท่านบอก " สอบนักธรรมตรีสมัยก่อนนั่นมันล่ะสอบกันยากเอาแท้ๆ ท่องหนังสือนวโกวาทไห่ได่ด้วยปากเปล่าปานท่องหนังสือปาติโมกข์นั่นเขาจั่งไห่สอบผ่าน พอได่นักธรรมตรีนำเขาแล้วเรากะออกหาปฏิบัติเอาพระธรรมในจิตในใจเจ้าของเอา ".

ปี ๒๔๖๙ พรรษาที่สองหลวงปู่ชอบท่านก็ไปจำพรรษาที่คำชะอีมุกดาหารกับพระอาจารย์แดงผู้เป็นพระกรรมวาจารย์ของท่าน พอออกพรรษาของปีนี้แล้วท่านบอก " ครูอาจารย์ใหญ่เสาร์(กันตสีโล)เพิ่นกะพาเราหัดออกเที่ยววิเวก " ท่านบอกครูบาอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล นี้จึงเป็นครูบาอาจารย์พระกรรมฐานองค์แรกที่พาท่าน(หลวงปู่ชอบ) ออกเที่ยววิเวกอย่าง " ผาดโผน " ไปตามลุ่มแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว.

เรื่องการเที่ยววิเวกอย่าง " ผาดโผน " ของท่านนี้ หลวงปู่ชอบบอก ในภาคปฏิบัติของท่านนั้นเริ่มต้นมาหลังจากท่านนั้นบวชมาได้สองพรรษา ครูบาอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ได้พาท่านท่องเที่ยววิเวกสองฝั่งโขงไทยลาวโดยการเดิน " ทวนแม่น้ำโขงขึ้นเหนือ " จากเมืองมุกดาหาร จนมาถึงเมืองเชียงคานฝั่งโขงเขตเมืองเลย เมื่อปี ๒๔๗๐.

ในภาคปฏิบัติแบบพิสดารขององค์ท่านนั้น หลวงปู่ชอบท่านบอก " เฮาเห็นพญานาคเทื่อแรก(ครั้งแรก)ด้วยตาเนื้อเจ้าของอยู่น้ำโขงเชียงคาน อยู่ม่องหน่า(อยู่ที่หน้า)วัดฮ้างท่าเข่(วัดร้างท่าเข่ที่หลวงปู่ชอบท่านว่านี้ ปัจจุบันก็คือวัดแขกเชียงคาน ท่านว่าสมัยที่ครูบาอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่เสาร์พาท่านมาพักอยู่ที่นี่นั้น วัดท่าแขกเชียงคานยังเป็นวัดร้างริมแม่น้ำโขงอยู่).

หลังจากออกจากวัดร้างริมโขงวัดท่าแขกแล้ว หลวงปู่ชอบบอกครูบาอาจารย์ใหญ่องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ก็พาท่านและคณะเดินทางมาพักภาวนากันอยู่ที่ริมฝั่ง " แม่น้ำเหือง " (บ้านท่าดีหมี ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย) จากนั้นครูบาอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ได้ชวนท่านข้ามไปเที่ยววิเวกที่ฝั่งลาวทางบ้านเมืองหมอ เมืองแก่นท้าว (ปัจจุบันทั้งสองเมืองนี้ขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของแขวงไซยบุลี สปป.ลาว).

ท่าน(หลวงปู่ชอบ)ก็กราบเรียนครูบาอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ไปในตอนนั้นว่า " ครูบาอาจารย์กะพาขะน้อยนั่นออกจากเมืองลาวมาแล้วขะน้อยนั่นกะยังบ่อยากสิกับคืนไปอีก ขะน้อยอยากกับเมือบ้านหนองบัวบานโปรดเอาโยมแม่ของขะน้อย (บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี) ท่านบอกพอกราบกราบเรียนครูบาอาจารย์ไปแบบนี้แล้ว ครูบาอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ก็เห็นกับท่านด้วยในเรื่องนี้ หลวงปู่ชอบท่านจึงได้กราบลาครูบาอาจารย์ของท่าน องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่ริมฝั่ง " แม่น้ำเหือง " บ้านท่าดีหมี ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อปี ๒๔๗๐ เพื่อท่านนั้นจะเดินทางมาบ้านหนองบัวบาน (อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี) เพื่อโปรดเอาโยมแม่ของท่าน นางปา แก้วสุวรรณ์ ให้ได้มีหลักใจการปฏิบัติในพระศาสนา.

ท่านว่า " พอเฮาส่งเพิ่นอาจารย์ใหญ่เสาร์กับหมู่คณะขึ่นเฮือ(ขึ้นเรือ)ข่ามน้ำเหืองบ้านท่าดีหมีไปเมืองลาวแล้ว นั่นกะคือเทื่อสุดท่าย(นั่นก็คือครั้งสุดท้าย) ที่เฮากับพ่อแม่เพิ่นอาจารย์ใหญ่เสาร์ได่เห็นหน้ากันตอนเพิ่นนั่นยังมีชีวิตธาตุขันธ์อยู่ ".

หลวงปู่ชอบ " พอเฮาไปอยู่พม่าบ้านกระเหรี่ยงปางไม้แดง อาจารย์ใหญ่เสาร์เพิ่นกะมาบอกเฮาในนิมิตว่าเพิ่นนั่นได่เข่าพระนิพพานแล้ว ".

ปี ๒๔๗๐ - ๒๔๗๑ หลวงปู่ชอบท่านก็ได้มาอยู่ปฏิบัติจำพรรษาอยู่กับครูบาอาจารย์ องค์ท่านหลวงปู่บุญ ปัญญาวุโธ ที่ วัดป่าหนองวัวซอ(วัดบุญญานุสรณ์ ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี) เพื่อโปรดเอาโยมแม่ของท่าน นางปา แก้วสุวรรณ์ ให้มีอุปนิสัยใจธรรมในทางพระพุทธศาสนา.

ในการที่หลวงปู่ชอบท่านได้มาอยู่ปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่บุญ ปัญญาวุโธ ที่หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี นี้ หลวงปู่ชอบท่านก็ได้รู้จักกันกับหมู่เพื่อนสหธรรมิกที่สำคัญของท่านอยู่สององค์ นั่นก็คือ ท่านหลวงปู่หลุย จันทสาโร และ ท่านหลวงปู่ขาว อนาลโย.

​

หลวงปู่ชอบท่านยังพูดเป็นตลกๆของท่านถึงครูบาอาจารย์หลวงปู่ขาว หลวงปู่หลุย เพื่อนสหธรรมิกอันสนิทสนมของท่านว่า " ครูบาขาวอุบลเพิ่นเป็นคนค่งเค่ง(ความหมายคือ หลวงปู่ขาวท่านเป็นคนที่มีรูปร่างผอมสูง คำว่า " ค่งเค่ง " ของหลวงปู่ชอบก็คือ " บุคคลนั้นเป็นคนที่มีรูปร่างผอมสูง ").

ส่วนหลวงปู่หลุยตอนที่ท่านยังเป็นพระครูบาหนุ่มอยู่นั้น หลวงปู่ชอบท่านจะว่า " ครูบาหลุยไทเลยมั๊กเว้า แต่ล่ะวันหาแต่เรื่องมาเว่าไห่หมู่ได่หัวเราะ บ่มีหมู่เว่านำเพิ่นกะไปลักเว่าลักคุยกับแมวเฝ้าศาลา " เวลาที่พูดถึงเรื่องหลวงปู่หลุยกับหลวงปู่ขาวทีไร หลวงปู่ชอบนี้ท่านก็มักจะขำทุกๆครั้งในเวลาที่ท่านได้พูดถึงหมู่เพื่อนสหธรรมิกของท่านทั้งสององค์นี้ และเวลาที่ท่านได้พูดถึงหมู่เพื่อนสหธรรมิกของท่านอีกสององค์ คือ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม และ หลวงปู่แหวน สุจิณโน หลวงปู่ชอบนี้ท่านมักจะขำขันหัวเราะกันเป็นอย่างใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องราวของหลวงปู่ตื้อในแต่ละเรื่องที่หลวงปู่ชอบท่านเล่าให็ลูกศิษย์ฟังนี้ ครูบาอาจารย์หลวงปู่ตื้อนี้ท่านจะมีเรื่องเล่าทั้งแบบตลกขำขัน และเรื่องราวอันสุดแปลกพิสดารของหลวงปู่ตื้อมาก มากจนสุดจะบรรยาย.

อย่างเรื่องหลวงปู่ตื้อกับท่านพากันไปเที่ยววิเวกที่เขตอำเภอแม่สายจะข้ามไป " หล่ายหน้า " (เมืองท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามกับอำเภอแม่สาย หลวงปู่ชอบท่านว่าคนเมืองเจียงฮายในสมัยก่อนเขาจะเรียกเมืองท่าขี้เหล็กฝั่งพม่า ว่า " หล่ายหน้า ").

พากันไปพักภาวนาอยู่ " ถ้ำปุ่ม " โป่งผางาม ซึ่งเป็นแนวเทือกเขาหินผาอันเดียวกันกับ " ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน " ในปัจจุบันนี้ หลวงปู่ชอบท่านบอกไปอยู่ที่ถ้ำปุ่มโป่งผางามมีพญานาคหนุ่มคะนองมันมักจะจำแลงเป็นงูมากวนหลวงปู่ตื้อในเวลาที่ท่านขึ้นไปนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำปุ่ม หลวงปู่ชอบท่านว่า " พญานาคผู้บ่าวมันมากวนเพิ่นตอนภาวนาหลาย เฒ่าตื้อ(หลวงปู่ตื้อ)เพิ่นกะเอาไฟหย๊อกใส่หัวมันสา(เพ่งกสินไฟใส่หัวพญานาคอยู่ถ้ำปุ่ม) พญานาคมันย่านเฒ่าตื้อหลายมันกะหนีเพิ่นลงไปใต้ดิน ".

พอหลวงปู่ตื้อเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ท่านฟัง หลวงปู่ชอบว่าตอนนั้นท่านก็ถามหลวงปู่ตื้อว่า ทำไมครูบาตื้อคือเอากับนาคน้อยมันแฮงแท้ หลวงปู่ตื้อบอกท่านในตอนนั้นว่า " เอาแม่มันแฮงๆโลดแหล่วมันจั่งสิได่จื่อได่จำ พระตื้อ อจลธัมโม ไห่มันลงไปบอกพ่อมันขึ่นมาตีกันกับผมโลด ".

ตอนเล่าเรื่องนี้ของหลวงปู่ตื้อให้ฟังหลวงปู่ชอบท่านก็จะหัวเราะสะอุกสะอุยขององค์ท่านอย่างใหญ่ ท่านว่า " อยู่ถ้ำปุ่มเฒ่าตื้อเพิ่นอึดเวียกหลาย(หลวงปู่ตื้อท่านว่างงานมาก) ท้าตีกับพวกพญานาคอยู่นางนอน(ดอยหลวงขุนน้ำนางนอน) ".

หลังจากออกพรรษาปี ๒๔๗๑ หลวงปูชอบท่านก็ได้เดินทางไปที่บ้านสามผง(อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม) เพื่อมาฝากตัวขอเป็นลูกศิษย์อยู่ปฏิบัติกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใหญ่ในวงกรรมฐานแห่งยุค องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จนท่านนั้นถูกครูบาอาจารย์ใหญ่องค์ท่านหลวงปู่มั่นลองใจไล่ท่านหนีออกจากสำนักเสนาสนะป่าบ้านสามผง ท่านจึงได้ออกจากที่นั่นมาพักปฏิบัติอยู่ที่ป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่กับ " แม่น้ำสงคราม " ต่อมาสถานที่แห่งนี้นั้นก็ได้ถูกสร้างเป็นวัดขึ้นมาในพระพุทธศาสนาชื่อว่า " วัดศรีวิชัยวนาราม " อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม.

​

ตอนสายของอีกวันครูบาอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านก็บอกให้พระหนึ่งรูปกับสามเณรอีกหนึ่งรูปไปตามท่านที่ป่าแห่งนี้ให้กลับมาพบกับครูบาอาจารย์ องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อยู่ที่เสนาสนะป่าบ้านสามผง.

หลวงปู่ชอบท่านว่า พระหนุ่มรูปนั้นกับสามเณรที่ไปตามท่านให้กลับมาพบกับครูบาอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่เสนาสนะบ้านสามผง.

พระหนุ่มรูปนั้นท่านชื่อ " ครูบาเทสก์ " (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย).

สามเณรรูปนั้นท่านชื่อ " สามเณรสิม วงษ์เข็มมา " (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาป่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม)

หลวงปู่ชอบท่านบอก " พระเณรสององค์ผู้ไปตามเฮาไห่มาพบกับพ่อแม่เพิ่นอาจารย์ใหญ่มั่นอยู่บ้านสามผงนี่ ครูบาเทสก์กับเณรสิมนี่ เฮาจำซื่อเพิ่นไว่ฮอดมื่อตายเฮากะบ่ลืมซื่อพวกเพิ่น ".

หลวงปู่ชอบ " ธรรมคำแรกที่พ่อแม่อาจารย์ใหญ่มั่นเพิ่นสอนเฮานี่ แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ นี่ ถ่าท่านอยากสิฮู้จักอันใด๋กะไห่ท่านนั่นค้นหาเอาอยู่ในใจเจ้าของ เพิ่นบอก บ่ว่าธรรมอันใด๋กะตาม มันกะอยู่ในจิตในใจของเฮานี่ ".

น้อมรำลึกนึกถึงคุณธรรมของพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างสุดจิต.

......ขอขอบคุณข้อมูลเพื่อการเผยแพร่ ครูบากล้วย..........​

 

รายการที่ 281


​

 

จองครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ ของดีหายากและแท้ครับองค์นี้ เพราะได้จากศิษย์สายหล้มสักมาโดยตรงครับ

 

พระปิตตาสารพัดดี
(พิมพ์ตุ๊กตาสาริกาเล็ก)
เมตตา อุดมโชค ควัมปติมหาลาภ
หลวงปู่เทือง ญาณธโร
ที่ระลึกอายุวัฒนมงคล 7 รอบ 84 ปี
*** จะเปิดจองร่วมบุญเร็วๆนี้ครับ ปัจจัยมากน้อยถวายร่วมบุญกับหลวงปู่ครับ ***
(ปิดตาเล็กสร้างครั้งแรก ขนาดกำลังหน้ารักครับ สร้างน้อย พุทธคุณเด่นมหาลาภ)


​

........เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลในปีนี้ ที่หลวงปู่เทือง ญาณธโร วัดโพธิ์ชัย จ.เลย พระวิปัสสนาจารย์กรรมฐานสายวัดมหาธาตุ กรรมฐานวิปัสสนาวงษ์ และครูบาอาจารย์วิทยาคม สายหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อทบ

ท่านจะมีอายุวัฒนมงคลในปี 2563 นี้ 7 รอบ 84 ปี ทางคณะสายเมืองเลย จึงขออนุญาตหลวงปู่จัดสร้างวัตถุมงคลแบบเล็ก ขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อให้เป็นที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และคณะผู้ศรัทธาทั่วไปได้บูชาร่วมบุญ

​

​

หลวงปู่ท่านจึงเมตตาอนุญาตให้จัดสร้างได้ โดยครั้งนี้มีความพิเศษ ที่ด้านหลังประทับ "ยันต์ดวงแก้วพระพุทธเจ้า" ซึ่งในสมัยโบราณจารย์ถือว่า "เป็นดังยันต์แก้วสารพัดนึก" ในสมัยก่อนครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านก็ใช้ยันต์นี้จารลงในตะกรุด และวัตถุมงคลหลายๆรุ่น หรือเป็นการนำยันต์นี้ไปใช้ลงในวัตถุมงคลของท่านด้วย อาทิ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ท่านจะใช้ยันต์นี้ทุกครั้งที่ลงในวัตถุมงคลของท่าน และถือเป็นยันต์ประจำกายของท่านเลยทีเดียว แต่ทว่า ยันต์ของหลวงปู่ศุข ท่านจะเป็นยันต์ พุทธ แบบหัวปิด "เพราะจะเน่นหนักไปทางมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี" เนื่องด้วยสมัยก่อนเป็นช่วงยุคสงคราม นักเลงหัวไม้ โจรผู้ร้ายก็มาก วัตถุมงคลของครูบาอาจารย์สมัยนั้นท่านจึงสร้างลงยันต์พุทธคุณตามยุคสมัย ไว้ให้ผู้บูชาได้เก็บติดตัวไว้คุ้มครองกาย

แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไป บ้านเมืองสงบสุขไม่มีภัยจากสงคราม โดยเฉพาะยุคนี้ อรรถกถาจารย์ท่านจึงรจนา พุทธคุณยันต์จึงต้องออกไปทาง "เมตตาโชคลาภ" เป็นหลัก เช่นนี้ยันต์ "ดวงแก้วสารพัดนึก" หรือ "ยันต์ดวงแก้วพระพุทธเจ้า" ซึ่งเป็นยันต์ "พุทธหัวเปิด" และหมุนวน สองรอบ กล่าวคือ เกื้อหนุนทั้งทางโลก และ ทางธรรม และน้อมกำลัง พระพุทธเจ้า5พระองค์มาประทับในยันต์ "เพื่อเป็นการน้อมกำลังพระมหาโพธิสัตว์ ที่กำลังจะลงมาโปรดมนุษย์โลกในอนาคตนั้นคือ พระศรีอริยะเมตไตรนั้นเอง"

........จึงถือเอาเคล็ดเอาความมงคล เกื้อหนุนผู้บูชาทั้งทางโลก และทางธรรมนี้เป็นหลัก ทำอะไรก็ขอให้บารมีพระพุทธเจ้า เกื้อหนุนให้สำเร็จสมดังปรารถนา

จึงสมชื่อว่าเป็น พระปิดตาสารพัดดี ดีนอก ดีใน ดีทุกอย่างครับ​

********** ยังไม่เปิดให้จองนะครับ เพียงนำมาบอกบุญประชาสัมพันธ์ไว้เท่านั้นครับ คงไม่เกินวันที่ 20 ก.พ. 2563 ครับ *******
​

- การจัดสร้างครั้งนี้จำนวนน้อย
- ราคาย้อมเยา
- ร่วมบุญ เจตนาดี พุทธคุณดี ครับ
- หลวงปู่ท่านเมตตาอย่างเต็มที่(ทั้งวิปัสนนาญาณ ทั้งวิทยาคม)
​

*********************


ชี้แจงเหรียญ 7 รอบหลวงปู่สำลี​

........ส่วนเหรียญ 7 รอบหลวงปู่สำลี สุทธจิตโต ทางวัดยังไม่ออกนะครับ
ขอให้รอกันสักแปบหนึ่งครับ เพราะว่ายังเครียร์ยอดพระไม่ลงตัว กรรมการวัดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แล้วเมื่อผู้เขียนได้มาจะนำมาแจกแน่นอนครับ จะส่งให้แบบฟรีๆทุกท่านก่อน แล้วค่อยแจ้งชุดกรรมการให้กับท่านที่ร่วมบุญอีกครั้งครับ(ไม่ลืมนะครับทั้งท่านที่ร่วมบุญมาก็เช่นกัน) แล้วจะแจ้งให้ทราบนะครับ
​

ขอบคุณครับ

​

 

​

........พระชุดนี้แม้ราคาเนื้อ ทองเหลือง ทองแดง จะองค์ละ 30 บาท แต่กรรมการผู้จัดสร้างบอกครับว่า ต้นทุกเกือบๆเท่าเนื้อเงิน ด้วยกรรมการจัดสร้าง ได้นำแผ่นโลหะศักดิ์สิทธิ์ จำนวนอย่างละ 14 แผ่น (ทองแดง 7 แผ่น ทองเหลือง 7 แผ่น)

​

- ยันต์คาถาชินบัญชร (6 แผ่น ทองแดง 3 ทองเหลือง 3) เจ้าคุณเที่ยง วัดระฆังเมตตาอธิษฐานจิตให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545
- แผ่นยันต์ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก (2 แผ่น ทองแดง 1 ทองเหลือง 1) หลวงปู่มี วัดมารวิชัย เมตตาอธิษฐานจิตเมื่อ ปี 2540
- แผ่นยันต์พระสิวลีมหาลาภ(2 แผ่น ทองแดง 1 ทองเหลือง 1) ท่านอาจารย์เลิศ ลงยันต์ "นะพระสิวลีเสริมลาภ" เสกในวันพระจันทร์ซ้อน
- ยันต์พระพุทธเจ้า 5 ประองค์ ( 2 แผ่น ทองแดง 1 ทองเหลือง 1) หลวงปู่เทือง ญาณธโร เมตตาจารและอธิาฐานจิตให้
- ยันต์พระมหาจักพรรดิ์ (( 2 แผ่น ทองแดง 1 ทองเหลือง 1)) หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ เมตตาอธิษฐานจิตให้

**** โดยได้นำแผ่นทองแดง และ ทองเหลือง แยกหล่อกับแท่งทองเหลือง ทองแดง ก่อนจะนำ ทั้งแท่งทองเหลือง แท่งทองแดงที่หล่อกับแผ่นชนวนแล้วไปรีดให้แบน แล้วเข้าขั้นตอนการปั้มออกมาเป็นเหรียญได้ครับ ราคาต้นทุนจึงสูงกว่าปั้มทองแดง ทองเหลืองธรรมดาทั่วไป แต่ออกบูชาราคาธรรมดาครับ

ถือว่าถ้าท่านไม่สนใจเนื้อเงินที่สร้างน้อย เนื้อทองเหลือง ทองแดง ก็เป็นอีกเนื้อที่มีพุทธคุณทั้งดีนอก และดีใน ในราคาที่ย้อมเยามากครับ****

 

รอร่วมบุญครับอาจารย์

 

dfbghfd56/25465sdf/sdvfs125fcvs5d


​

 

รายการที่ 282


bhgeadlv/hsrt/sfv*fdgd/fg/fd*g

​

 

จอง องค์ 2

 

จอง องค์ 1

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

282 องค์ 2
โอนเงินแล้ว 1,000.-บาท วันที่ 21/2/63 น. เวลา 23.14 น.

 

ได้โอนเงิน จำนวน 1,000 บาท วันที่ 22/2/63 เวลา 11.09 น.
รายละเอียดตาม PM ครับ

 

ยันต์นะดวงแก้วพระพุทธเจ้า
(นัยยะและอุปเท่ห์แห่งบารมีธรรม)


​

.......ยันต์นะดวงแก้วพระพุทธเจ้า หรือ ยันต์แก้วสารพัดนึก ไม่ทราบความเป็นไปเป็นมาว่าครูบาอาจารย์ท่านใดเป็นผู้รจนา แต่เท่าที่ทราบคือเป็นยันต์ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน มีการนำยันต์นี้ไปใช้ลงในวัตถุมงคลต่างๆ ทั้งแผ่นจารครูบาอาจารย์ใบลานในอดีต(เคยปรากฏในหนังสือ วัดโพธิ์ศรี อ.เมือง จ.เลย และ หนังสือสวดมนต์วัดหน้าลานสงฆ์ จ.พระนครศรีอยุธยา) โดยได้จารึกลงในกระดาษงาสีน้ำตาล ในรูปแบบลักษณะยันต์เดียวกันนี้ โดยระบุความเก่าสมัย กลางๆรัชการ(ประมาณรัชสมัย ร.4 ร.5) และได้กล่าวถึงอุปเท่ห์ของตัวยันต์ไว้ พอเป็นอุบายคร่าวๆ ข้อมูล อ.เลิศ อดีตวัฒนธรรมจังหวัดฝ่ายพิธีการ อธิบายไว้ดังนี้

......ตัวยันต์นั้นจะมีส่วนคล้ายๆกับยันต์ "พุทธม้วนโลก" ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แต่มีความแตกต่างตรงที่ยันต์นะดวงธรรมพระพุทธเจ้านี้ จะมีตัว "นะ" ม้วนหัวกลับตรงตัวพุทธที่รากลงมา และรากม้วนวนๆ ทวนเข็มนาฬิกาสองรอบ และขีดม้วนหัว 5 หัวเป็นเหมือนอุณาโลม "หมายถึงพระพุทธเจ้าห้าพระองค์" ส่วนยันต์พุทธม้วนโลก ของหลวงปู่ศุข ท่านจะไม่มีตัว นะ ลงแต่ตัวพุทธแล้วม้วนวงตามเข็มนาฬิกา ซึ่งยันต์ทั้งสองตรงกลางจะมีตัว "พุทธ" เหมือนกันในตัวยันต์ ซึ่งถือเป็นหัวใจของยันต์เลยทีเดียว หลวงปู่ศุขท่านเคยกล่าวว่า "ไม่มีอะไรในโลกจะศักดิ์สิทธิ์เท่า พระพุทธเจ้าอีกแล้ว" ท่านจึงได้นำยันต์ตัวพุทธเป็นยันต์ประธานเสมอ ก่อนจะลงยันต์ตัวอื่นๆยันต์พุทธม้วนโลก ของหลวงปู่ศุข ท่านมีอุปเท่ห์การลงและคาถาในตัว ซึ่งคาถากำกับนั้นก็จะออกไปทาง "พุทธคุณ" ทั้งสิ้น

.......ส่วนยันต์ "นะดวงแก้วพระพุทธเจ้า" ในอุปเท่ห์การเขียนและบทมนต์สวดกำกับ ในใบลานเก่าระบุคาถา "บทสรรเสริญพระพุทธคุณ" เอาไว้อย่างชัดเจน นั้นจึงถือว่าเป็นบทสวด "บูชาพระพุทธเจ้า" เป็นพลังพุทธคุณโดยตรง

​

......."ยันต์นะดวงแก้วพระพุทธเจ้า" ตรงกลางของยันต์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า "หัวใจคือตัวพุทธะ" นั้นหมายถึง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ซึ่งหมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยตัวยันต์นี้ก็ได้น้อมนำพลังงานแห่งพุทธะ มาเป็นหัวใจของยันต์เป็นพลังงานธรรมมะแห่งพระพุทธเจ้าโดยตรง หลวงตาม้า วิริยธโร ผู้เป็นศิษย์สายธรรมหลวงปู่ดู่ ผู้ศึกษาสายพลังงาน ท่านกล่าวว่า "พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ท่านไปนิพพานแล้ว แต่ท่านไปแต่ความรู้สึก ท่านทิ้งพลังงานไว้ในโลก" ดังนั้นยันต์ตัวพุทธ จึงถือเอา "การน้อมนำพลังงานแห่งพระพุทธเจ้า เป็นองค์ประธาน"​

.......ตัว นะ ที่ม้วนลงมาจากตัวพุทธ ในบรรดาอักขระเลขยันต์ ของเหล่าเกจิอาจารย์ ทั้งอดีตและปัจจุบัน ยันต์ "นะ" ถือว่ามีการเขียนในรูปแบบต่างๆ มีชื่อและมีพุทธคุณต่างกันมากที่สุด อาจกล่าวได้ว่า "ยันต์นะ เป็นยันต์ตัวเดียวที่มีพุทธคุณดีทุกด้าน หรือมีพุทธคุณครอบจักรวาล ทั้งนี้แล้วแต่ครูบาอาจารย์ ท่านจะมีนัยยะแห่งการเขียนว่าอย่างไร เช่น นะ อาจจะเป็นการกำเนิด อย่างการขึ้นต้นของการอาราธนามนต์ต้องมี "นะโม ตัสสะ.." ขึ้นต้นก่อน หรือ นะ โม พุท ธา ยะ เป็นต้น

ดังนั้น นะ ในความหมายแห่งยันต์นี้ คือการน้อมนำให้เกิดขึ้นแห่ง "บารมีธรรมพระพุทธเจ้า" ที่หมุนวนแบบ ทวนเข็มนาฬิกา มีนัยยะว่า "โลกะวิทู คือ ผู้รู้แจ้งโลก หรือเหนือโลก เหนือกาลเวลา(อกาลิโกไม่จำกัดกาลเวลา)" มีนัยยะคือ บารมีพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจใดๆก็ตาม เมื่อระลึกนึกถึงบารมีแห่งพระพุทธองค์ท่าน จะอยู่เหนือผู้ระลึกถึงเสมอ เมื่อกระทำสิ่งใดภายใต้บารมีธรรมแห่งพระพุทธเจ้านี้ คำว่า ตกต่ำ อันตรายใดๆ ความอาภัพ อับปัญญาใดๆ จะไม่มีแก่ผู้นั้นที่ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเลย และ ความสุขสวัสดิมงคล ความผาสุขร่มเย็น จะบังเกิดแก่ผู้นั้นตลอดไป เกื้อหนุนทั้งทางโลก และ ทางธรรม นั้นคือนัยยะแห่ง ความหมายของ ตัวพุทธ+ตัวนะ ในยันต์ นั้นเอง...

 

​