เอานามไม่อยู่

นาม เป็นอะไรทีแทรกไปได้ทุกสภาวะ ตกลงนามมีประโยชน์หรือเปล่า

 

นาม ไม่ได้แทรกใน สภาวะ

แต่ นาม มันคือ "สภาวะ"

มี "ผัสสะ" เป็น ตัวเหตุของ ปริเฉท

เช่น เอาแตงโมมาหนึ่งลูก แตงโมเป็นผัสสะ

นาม เป็น สภาวะ คือ การตั้งขึ้นของแตงโม
มันมีของมันตาม ธรรมชาติ (หากแทงตลอด
ซึ่งธรรม ก็จะ รู้ลึก วิวัฏของ แตงโม มันมา
ยังไง)

แตงโมมีอยู่ เป็น สภาวะธรรม เป็นของกลาง

การมีอยู่ของ จขกท ก็ไม่ต่างจากแตงโม
คือ เกิดจากเหตุ แล้วตั้งขึ้นเป็นสภาวะ

สภาวะ ของ เจ้าของกระทู้ พอส่งออก ไป
เห็นแตงโม เรียกว่า จิตมันส่งออกไปกระทบ
ผัสสะ หลังจากนั้น ก็จะเกิด ปริเฉท ของ
สัญญา(ว่าแตงโม) เวทนา(ว่า เอ้ยนั่นมัน
บักแตงโม) สังขาร(เกิดกำหนัด) วิญญาณ(การ
สืบเนื่องของ สภาวะ(เจ้าของกระทู้ พูดว่า
มันแทรก คือ มันเป็น สภาวะแปลกปลอม
ที่ พาเราส่งออกไม่เลิก)

นะ

เจ้าของกระทู้ ปรับนิดนึง ว่า นามเป็น
สภาวะธรรม มีอยู่ก่อน(แต่ก็ไม่ได้เกิด
ลอยๆ มันมีเหตุ ซึ่งเราจะสาวไปเห็น
การดับของเหตุ ตรงนี้เพื่อ แจ้งสภาวะธรรม
ตามจริง เรียกว่า ยกสิกขา หรือ วิปัสสนา)

นะ

เจ้าของกระทู้ ปรับนิดนึง ว่า นามเป็น
สภาวะธรรม มีอยู่ก่อน

แล้ว เจ้าของกระทู้ก็จะเห็นว่า นามที่แทรก
ก็เป็น อีกสภาวะหนึ่ง เป็นสิ่งแปลกปลอม
แทรกเข้ามา

ภาวนาเห็นแบบนี้เนืองๆ อะไรที่เราสามารถ
ยกได้เหมือนตามเห็นรูป ว่า มันเป็นสิ่งแปลก
ปลอม เวลาเราเห็นซ้ำๆๆๆๆๆ มันจะหลอกเรา
ไม่ได้

เหมือน ส่องพระ ตำหนิตรงไหนต้องมี เรา
จะระลึกได้ มองกวาดอีกที ก็ยังเห็นตำหนิ
นั้นได้

พอชำนิ ชำนาญ อะไรเป็น "สภาวะส่งจิตออกนอก"
จิตมันไหว แล้วรู้ หรือ แม้น "มันไม่ส่งออกนอก"
เราก็รู้(เรียกว่า จิตส่งใน เป็น สภาวะแทรกอีก
อย่างหนึ่ง ทำให้เข้าใจผิดว่า บรรลุธรรม)

พอ ชำนิ ชำนาญ ส่งออกนอกก็รู้ ส่งในก็รู้

อะไรที่แปลกปลอม จะ รู้รอบครอบหมด

เราก็จะเรียกว่า โลกวิทู รู้ครอบโลก(รูป นาม)


* คอนชาโต *

 

ถ้าเข้าใจเองตามนี้ ถือว่า...เก่ง / แต่ถ้าไปเอาคำพูด หรือข้อความของคนอื่นมาลง ถือว่า..ยังไม่รู้เห็นจริงตามนี้..นะครับ

 

มันก็มีประโยชน์ ทั้งรูป ทั้ง นามละครับ
ไปด้วยกันทั้งรูป นาม ตั้งแต่หยาบ จนไปละเอียด

ชื่อ สมมุติบัญญัติ ในโลก เรียก ย่อ มาก็ มีแค่ รูป นาม เรียกโดย ลักษณะ ก็ คือ เกิด กับ ดับ

ขยายไปอีกหน่อย ก็ ขันธ์ 5 ลากเพิ่มไปอีกนิด ก็ อายะตนะ 12
เพิ่มมาอีกหน่อย ก็ ธาตุ 18 อินทรีย์ 22

อยู่ที่ผู้ใช้ ว่าจะใช้ไปในทางประโยชน์ หรือ ใช้ไปในทางโทษ

 

สภาวะเกิด สัญญาไม่เกิด เป็นอีกคนไป

 

ลองดู ฮับ

ถ้า ภาวนาถูก จะเป็น หนึ่ง ไม่มีสอง

ไม่มี เรา

ไม่นิ่งเป็น ตอ

สรรพสิ่งยังคงหมุนไปตามปัจจัยการ

มีแต่ทุกขเท่านั้นที่เกิด ทุกขเท่านั้นที่ดับไป

ลำดับแรก ญาณทัสนจะแจ่มใส ไม่มีขยับ
กลับกลอก กลับไปกลับมา มีเรา มีเขา
ขึ้นมาอีกเลย

 

พอเอา นาม อยู่หมัด

ข้ามฝากตาย จะไม่ได้ยาก

ไม่ใช่ ฌาณส่ง ฌาณสี่ ส่งเดช อะไรที่ไหน

แต่ก็ไม่ห่างจากฌาณ ( เนื่องจาก มันต้อง
มีเป็นไปปัจจัยไปตาม วิบาก อันเกิดจาก
เอา นาม อยู่หมัด )


ยกตัวอย่าง พระสารีบุตร ซึ่ง เอา นามอยู่หมัด
นานแล้ว เดินเหินสบาย ล้างหน้าอยู่ดีๆ ยักษ์
มาทุบ ที่ไหนได้ ฌาณ9 โน้นเลย

 

งงเหมือนกันเรื่องรูป-นาม
คนไม่ปฎิบัติธรรมหลงรูปไม่หลงนาม
คนปฏิธรรมหลงนามไม่หลงรูป
เป็นคนแบบไหนดีกว่ากันเนาะแบบนี้

 

คล้ายว่ายังมีสังขารห่อหุ้มตัวอยู่ แต่เข้าในสภาวะเราไม่ได้แล้ว

 

รู้ได้อย่างไรว่า สภาวะเกิดแล้ว ครับ..?
อะไรที่เป็นตัวบอกว่าสภาวะเกิดครับ..?
อะไรคือตัวชี้วัดว่า เกิดแล้ว และ ดับแล้ว หรือยังไม่เกิด ยังไม่ดับครับ..?
มีอะไรที่เป็นบรรทัดฐานในการเทียบเคียงรึเปล่าครับ..?
ใช่ สัญญา รึเปล่าครับ..?

 

ชี้วัดไม่ได้หรอก

บางคนไม่เคยโกรธรุนแรง พอ มาปฏิบัติธรรม แม่ม โกรธเป็นน้ำไหลไฟดับ
จากสติธรรมเป็น สติแตก
บางคนไม่ต้องปฏิบัติธรรม ใจเย็น จิตใจดี รู้ดี รู้ชั่ว กว่า คนปฏิบัติธรรมอีก

ปัญหาสำคัญ คือการ มาเรียนวิธีก่อน แล้ว ก็ ฝึกตามในวิธี


เป็นคน ที่หมั่น เจริญสติ นี่แหล่ะ ดีที่สุดแล้ว

 

มันแปลกมากจริงๆครับ
ผมกะเป็น
ผมเคยงสัยตัวเองปฎิบัติผิดเหรอป่าว
คิดไม่ออกเราดีขึ้นหรือแย่ลงนะครับ
กะเลยพยายามทำตัวให้เนียนๆเหมือนตอนเริ่มปฎิบัติช่วงนั้นมันกะปิติอิ่มใจดี55

 

มันก็จะ ราวๆนั้น

ทั้งนี้เพราะ "นาม" เจ้าปัญหา มันเกิดด้วย อวิชชา เป็นปัจจัย

การที่ วาสนายังมี นาม จะยังต้องอยู่ ตามวิบาก ใคร
ก็ตัดรอน กระแส วิบากนั้นไม่ได้ เว้นแต่ วิบากที่เป็น
กรรมตัดรอน จะส่งผล

พระศาสดา ถูกปองร้ายหลายครั้ง พระอานนท์ก็
จะพยายามเฝ้า ไม่ห่าง ช้างมากระทืบ พระอานนท์
ออกหน้ารับก่อน

พระศาสดา ก็ตรัสว่า "นาม" นั้นใครก็ทำลายไม่ได้
อย่าห่วงเรื่องการปองร้าย หาก กรรมตัดรอนยังไม่
ส่งผล "ม่านหมอก" นั้น ก็จะยัง คลุมอยู่ ไปจนกว่า
จะถึง "กาลอันสมควร"

หากยังไม่ถึงกาล ขณะสุดท้าย ยังไงมันก็จะคลุมอยู่

แต่ การรู้เท่าเอาทัน "นาม" ที่เคลื่อน โดยความ
"รู้ชัดว่ามันเป็นเพียง สิ่งเกิดจากปัจจัยการ" มรรค
ก็มีเท่านี ไม่มีกิจอื่นยิ่งกว่านี้

มรรคมีหนึ่งเดียว กิจเดียว รสเดียว

มีองค์ประกอบ8

 

จขกท. ลองพิจารณาเอาเองแล้วกันนะครับ...

 

แฮะๆ คำตอบที่ดีที่สุด

 

/ สัญญา คือ อะไร / แปลว่าอะไร..? จขกท. คงพอทราบนะ..ครับ
/ นั่นล่ะ มันเป็นความจำที่ยึดมาเป็นบรรทัดฐานของเราแบบผิด ๆ ที่เรายังไม่รู้/รู้ไม่ทันมันนั่นแหละครับ

 

ส่วนที่ ปรารภว่า "เข้าในสภาวะเราไม่ได้แล้ว"

ตรงนี้ จะใช้ ธรรมชื่อความไม่ประมาท มาทำการ คอสเช็ค

เหมือน บัญชี จะต้องมีขั้นตอน คอนโซโลลิเดด

ในทางธรรมก็มีเหมือนกัน

ไม่ยาก

"หากสภาวะเข้าในเราไม่ได้แล้ว" มีอยู่

"หากสภาวะเข้าในเราไม่ได้แล้ว" จะสามารถเป็น ปัจจัยให้
กุศลใดๆในโลกที่เขาว่ามี ทำให้มีขึ้นได้

"หากสภาวะเข้าในเราไม่ได้แล้ว" แล้ว ทำการตรวจสอบ
ต้นขั้วเช็ค เช็ตบัญชี ว่า มีจริงไหม

สมมติว่า ปราถนาจะเหาะ (กุศล) ก็ต้องเหาะได้

ปราถนาจะไป ...... ก็ต้องไปได้

แต่ถ้า อึ๊ด!!! แล้ว เลี้ยวขวาเข้า อู่ข้างทางขึ้น
ทางด่วนอนุเสาวรียชัย ด้านพหลโยธิน ก็เป็น
อันว่า "ว่างเปล่า"

 

กว่าจะเดิน ตรง มันต้อง ลองผิดลองถูกกันมั่งแหล่ะ
มันถึงจะรู้ จังหวะ ของตัวเอง อย่าเลิกเพียรเป็น ใช้ได้

บุคคลที่ยังมีความเพียร ดูถูกไม่ได้ ในขณะจิตเดียว

แม้จะเคย แว้น500 มาก่อน

 

คิดดี ทำดีได้ ไม่หาเรื่องใคร เท่านี้ชีวิตก้ประเสริฐสุดแล้วล่ะคับ

 

ตะงิดใจ ยังไงๆ