เอานามไม่อยู่

เล่นไม่จบไม่ผ่านแน่เลยเกมนี้

 

อันนี้ ใครเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้เองนะ..ครับ
/ ท่านต้องถามกับคนนั้นเอาเองนะครับ จะได้กระจ่าง หายตะงิดใจ..

 

แบบนี้ หากไปหาพระป่า ท่านจะชอบใจมาก

ท่านจะเรียก คนมีวาสนา

ภาษาตำราเรียก "มีปัญญาอันยิ่งเอง"

คือ นาม ตะหงิดใจแล้วมุ่งหา
อุบายนำออกจากทุกข์

แค่นี้ ก้ เหลือเฝือแล้ว

แต่ถ้า สนใจ พุทธวจน คำตถาคต
ให้ค้นหา พระสูตรว่าด้วย

โวทาน8 อะไรนี่แหละ

จะช่วยเสริมสภาพคล่อง ในกรณี
ที่สั่งจ่ายเช็คแล้วแป๊กขึ้นมา

ไม่ต้องลงทะเบียน สอบสิทธิ

ตถาคต ไม่มีกำมือ ( คือ ทรงเปิด
เผย และ อนุเคราะห์ไว้หมดแล้ว )

 

_/\_ _/\_ _/\_

 

สรุปว่า จขกท.ต้องไปหาพระป่า หรือตำราเอาเองนะ
/ จะได้หายสงสัยครับ

 

นามที่เกิดเล็กลงมากคับ

 

มีซิ...เบื้องต้นนะมี
/ มันมีให้เราได้เรียนรู้และศึกษางัย..
/ ถ้าไม่มีแล้วเราจะรู้หรือว่า มันมี..จริงนะ

/ แต่พอเรารู้(นาม)มันอย่างถ่องแท้แล้ว...
/ ต่อไปเรายังจะยึด จะชอบมันอีกมั้ย..? ก็เท่านั้นล่ะครับ

อย่าเชื่อนะ....

 

ไม่ว่าจะนาม หรือ รูป มันก็มีของมันอยู่เป็นปกติอยู่แล้วนะ...ส่วน จขกท. จะเข้าใจตามนั้น ก็ไม่แปลกนะ..(เอาที่สบายใจแล้วกัน....)

ยกตัวอย่างเช่น...
เวลามองเห็นลูกมะนาว...
อ๋อ...เห็นแล้ว..ลูกมะนาว (รูป) มีลักษณะทรงกลม ขนาดประมาณลูกปิงปอง
ความคิด มันก็ผุดขึ้นต่อทันทีว่า...
ไม่ต้องชิมก็นึกรู้ได้ว่า (นาม)มันมีรสชาติ เปรี้ยว ...แน่นอน...

ก็ประมาณนี้นะ

ก็อย่าเชื่ออีกเช่นกันนะ..

 

เอ!! คนที่บอกจะเอาแชทที่เราคุยกับผู้หญิงสาว มาเปิดเผย หายไปไหนแล้วน๊า..

รีบๆเอามาเปิดเผยนะ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่จะมีบางคนอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี..

 

ฝากให้คิด มุมทั่วไป
ธรรมะ เป็นสภาวะธรรม มาจากการปฏิบัติ
เป็นนามธรรม ไม่มีใคร
ที่จะไปเปลี่ยนแปลงได้


พระธรรม เป็นตำรา เขียนบันทึกได้
เปลี่ยนแปลงได้ คิดว่าสมัยก่อน
ท่านต่างๆบรรลุธรรม ตั้งแต่ยุคพุทธกาล
จนถึงปัจจุบันเป็น
เพราะธรรมะหรือหรือพระธรรม?


มุมวิทยาศาสตร์ กำเนิดสรรพสิ่ง เป็นวัตถุ(
ต่างๆที่จับต้องได้แบบหยาบๆนะ)
ในระดับอะตอม มีอนุภาค
ที่เป็นองค์ประกอบสะสาร ๒ ชนิด
๑ อนุภาคที่เป็นองค์ประกอบสะสาร
เรียกเฟอร์มิออน ตย พอให้เห็นภาพ เช่น แก้ว 2 ชิ้น มาต่อกันจะเป็น
แก้ว 2 ใบรวมๆเป็นรูป

และ ๒ อนุภาคที่เป็นสื่อนำแรงเรียกปัวซอง
ตย พอให้เห็นภาพ แก้ว 100 ล้านชิ้น มาต่อกัน
ก็จะยังเป็นแก้ว 1 ชิ้น นี่คือนาม ๑ และ ๒ รวมเป็นวัตถุ

หลักสังเกตุ ของ ๒ มันไม่อิงพื้นที่
ดังนั้นจึงไม่มีขอบต่างๆที่จะให้เกิด
การวัดเป็นพื้นที่ได้ เมื่อไม่มีขอบเหล่านี้
ก็ไม่มีระยะทางระหว่างขอบเริ่มต้น
ไปยังขอบอีกด้าน จึงไม่มีเรื่องเวลาม
ที่ใช้เดินทางระหว่างขอบ
เลยอยู่เหนือกฏต่างๆ เราเรียกง่ายๆ
ว่าเหนือกาลเหนือเวลา
(เราคุ้นวิบาก อดีต กรรม อนาคต ฯลฯ)

และ ๒ มีเอกลักษณ์คือ ดึงดูดซึ่งกันและกันได้,เพิ่มได้,ลดได้,สร้างอัตลักษณ์เฉพาะตนได้(เป็นกิริยาทางจิตต่างๆที่เราเห็นและอื่นๆ)
เพราะ ทั้ง ๒ และ ๑ อยู่ภายใต้ แรงดึงดูดของโลก(ถ้าไม่มีเราจะลอยออกนอกโลก), แรงโน้มถ่วง การหมุนของดวงดาวต่างๆ,แรงแม่เหล็กไฟฟ้า บ้างเรียกว่าแสง หรือเรียกโปรตรอน (ที่เราเห็นได้ทั่วไปกับเครื่องอำนวยความสะดวก),แรงนิวเคลียร์แบบเข้มและอ่อน (นึกถึงเวลาดึงยางแล้วปล่อยกลับ)


ทางพุทธศาสนาเราการปฏิบัติ
จะเริ่มเกี่ยวข้องกับ แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน
(เพราะในองค์ประกอบมันยังมีอนุภาคที่มีประจุ
บวกและลบ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงประจุ
และหลุดจากนิวเคลียส อนุภาคจะเปลี่ยนแปลงได้) ทางวิทยาศาสตร์คิดว่าหายไป
แต่มันไม่หาย แค่สภาวะว่างทางพุทธศาสนา


ปล ดังนั้นจะเข้าใจเรื่องนามแบบไหน ก็แล้วแต่
อย่าด่วนสรุปฟันธงอะไร

นามทางพุทธศาสนา ไม่ได้มีแค่
สัญญา เวทนา สังขาร วิญญาณ ที่เป็นฝ่ายอารมณ์
มันยังมีนามที่เป็นส่วนประกอบของรูป
ที่เรารู้กัน เรียกว่าธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
มีอากาศมาร่วมอีก
ในจิตยังมี โทสะ โมหะ โลภะ ที่มันมีตั้งแต่
จะมารวมกับรูปหรือก่อนเกิดอีก

เรามาเรียนรู้
เพื่อที่เข้าใจพวกนี้ เพื่อที่จะวาง
มันในอนาคตต่อไป ตามวาระแห่งตน

ลองอ่านดู เผื่อเห็นอะไรเพิ่มบ้าง






ดังนั้น ในวัตถุต่างๆ มันจึงมีนาม
แทรกอยู่ในเนื้อของมันอยู่แล้วเป็นปกติ
ในระดับอนุภาค ตรวจจับได้
ด้วยเครื่องตรวจจับอนุภาค
ทางวิทยาศาสตร์พบมานานแล้วครับ

 

พระธรรมเป็นรูปธรรม
ธรรมะเป็นนามธรรม
รูปนามเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน
บรรลุธรรมเพราะอะไรก็คิดดูเอา

ส่วนรูปนามอย่างอื่นที่ไม่สามารถรู้ได้ด้วยขันธ์ 5 ของมนุษย์ก็เว้นไว้เถอะไม่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติธรรมหรอก

 

ขันธ์ ๕ ของมนุษย์ มันรูู้อะไรได้หรือ?
ตัวไหนที่มันรู้ รูป เวทนา สัญญา วิญญาณ สังขาร
ตัวไหนหรือ ? รบกวนอธิบายเพิ่มเติมนิด

 

โลก คือรูปนาม…
ขันธ์ 5…
อายตนะ 12…
ธาตุ 18
…
กิเลส ก็เป็นขันธ์…
วิญญาณ มีหน้าที่อะไรบ้าง…
เรื่องธาตุ ท่านก็แยกไว้ตั้ง 18 ไม่ใช่มีแต่ดินน้ำลมไฟ…

แค่พุทธศาสนาก็ศึกษากันไม่หมด ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว

อะไรที่ไม่เกี่ยวกับการละกิเลส ก็อย่าไปศึกษาเลย เสียเวลา

 

ไม่เอาละ ขอไม่ตอบดีกว่า ขอแกล้งโง่หน่อยละกัน

 

กิเลสธรรมไม่ก่อกวน ก๊พอจะคุยได้ยุคับ ยิ่งฝึกธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ก้ยิ่งทำให้ผมอยู่กับโลกได้ดีขึ้น แต่กว่าจะได้อย่างนี้ แทบอ้วกเป็นเลือด เหอะๆๆ

 

+++ ไม่จำเป็น "ต้องเอา" มันก็ "ไม่อยู่" สลายไป

+++ อือ... เป็นความจริง ทั้ง 2 ทาง
+++ นามแทรกเข้ามาใน "ความเป็นตน" เรียกว่า "สภาวะ ตกกระทบ"
+++ ตนแทรกเข้ามาใน "ความเป็นนาม" เรียกว่า "สภาวะ ยึดมั่นถือมั่น"

+++ อยู่ที่ "จะกลับมา ใช้นาม" หรือเปล่า เท่านั้นเอง
+++ ถ้าจะใช้ก็ต้อง "เห็นนาม ฝึกตนกับนาม และ ใช้นาม"
+++ ถ้าจะไม่ใช้ก็ต้อง "วางนาม ทิ้งไป" เท่านั้นแล...

 

ขอบคุณคับท่านอาจารธรรมชาติ ไว้พิจารณาเรื่องนามดีขึ้นแล้วผมอาจจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้

 

ฝึกเป็นนาม คล้ายว่าตัดบางอย่างออกได้คับ

 

อาการป่วยเริ่มจะดีขึ้นคับ ผลกระทบหิวบ่อยๆ

 

+++ ขั้นต่ำ "ตัดรูปมายา" ได้สะดวก กว่าการฝึกทางด้าน "รูป" หลายเท่านะ