มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 801 เหรียญเสมาสุขัง พะลังหลวงตาพวง สุขินทริโย พระอรหันต์เจ้าวัดศรีธรรมมาราม อ.เมือง จ.ยโสธร หลวงตาพวงเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคสุดท้าย,ศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร เหรียญสร้างปี 2544 เนื้อทองเเดงรมมันปู มาพร้อมกล่องเดิม มีพระเกศาขาวใสๆของหลวงตามาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ******บูชาที่ 205 บาทฟรีส่งems sam_5714-jpg.jpg sam_6175-jpg.jpg sam_6177-jpg.jpg sam_6178-jpg.jpg sam_6875-jpg.jpg sam_6874-jpg.jpg
     
  2. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 802
    พระผงปิดตาจัมโบ้รุ่นหนุนดวงมหาลาภหลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์ อ.โพนนาเเก้ว จ.สกลนคร พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อหนุนท่านเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี องค์พระสร้างปี 2556 หลังองค์ฝังเเร่เหล็กไหลจากประเทศลาวเเละโรยทรายคำระยิบระยับหน้าองค์พระด้วยครับ มาพร้อมกล่องเดิม มีพระเกศาหลวงพ่อมาบูชาด้วยครับ ********บูชาที่ 275 บาทฟรีส่งems sam_0067-jpg.jpg sam_6843-jpg.jpg sam_6844-jpg.jpg sam_6845-jpg.jpg sam_6846-jpg.jpg sam_6848-jpg.jpg sam_2030-jpg.jpg

     
  3. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 803
    เหรียญอายุยืนหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป พระอรหันต์เจ้าวัดป่าประทีปปุญญาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร หลวงปู่ผ่านเป็นศิษย์หลวงปุ่มั่นยุคสุดท้าย เหรียญสร้างปี 2553 เนื้อทองเเดง สร้างเนื่องหลวงปู่อายุครบ 88 ปี มีพระเกศาหลวงปุ่มาบูชาด้วยครับ ********บูชาที่ 255 บาทฟรีส่งems sam_6145-jpg.jpg sam_6555-jpg.jpg sam_6556-jpg.jpg sam_1590-jpg.jpg

     
  4. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,342
    ค่าพลัง:
    +4,815
    บูชาครับ
     
  5. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ******เที่ยงนี้ได้จัดส่งวัตถุมงคลให้เพื่อนสมาชิก 4 ท่าน เลขที่จัดส่ง ems ตามใบฝอยที่ลงครับผม
     
  6. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 804
    เหรียญรุ่นปลอดภัย+เหรียญกษาปณ์เม็ดเเตง 6 รอบหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป พระอรหันต์เจ้าวัดอรัญวิเวก อ.เเม่เเตง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่เปลี่ยนเป็นศิษย์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอาจารย์ตื้อ,หลวงปู่เเหวน สุจิณโณ วัดดอยเเม่ปั๊ง เป็นต้น เหรียญรุ่นปลอดภัยสร้างปี 2548 เนื้อทองเเดงรมนํ้าตาลมันปู สร้างโดยกรมทางหลวง ส่วนเหรียญกษาปณ์สร้างปี 2548 สร้างเนื่องด้วยหลวงปู่อายุครบ 6 รอบ เนื้ออัลปาก้า >>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วย *******บูชาที่ 345 บาทฟรีส่งems sam_3033-jpg.jpg

    SAM_7361.JPG SAM_7364.JPG SAM_7365.JPG SAM_7359.JPG
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 805
    พระกริ่งพุทธชยันตีหลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน พระอรหันต์เจ้าวัดป่าโสติถิผล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร หลวงปุู่บุญหนาเป็นศิษย์หลวงปุ่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม พระกริ่งสร้างปี 2555 มีตอกโค๊ต ตัวเลข 2084 เเละโค๊ต ยันต์ ในรูปดอกบัว ก้นทองเเดง เนื้อนวะ มาพร้อมพระเกศาขาวใสๆของหลวงปุ่มาบูชาเป้นมงคล********บูชาที่ 545 บาทฟรีส่งems sam_8869-jpg.jpg sam_6550-jpg.jpg sam_6551-jpg.jpg sam_6553-jpg.jpg sam_6554-jpg.jpg sam_3936-jpg.jpg

     
  8. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 806
    เหรียญรุ่นให้พรพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เหรียญสร้าง 12 สิงหาคม 2553(วันเกิดหลวงตา) เนื้อกะไหล่ทอง หน้ากากทอง มีตอกโค๊ตดอกบัว มาพร้อมกล่องเดิม มีพระเกศา,พระธาตุมาบูชาด้วยครับ (พระใหม่ไม่เคยใช้ ทันพระหลวงตาครับ ท่านละสังขาร ปี 2554) ********บูชาที่ 505 บาทฟรีส่งems sam_0510-jpg.jpg sam_6893-jpg.jpg sam_6894-jpg.jpg sam_6895-jpg.jpg sam_2767-jpg.jpg

     
  9. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 807
    เหรียญรูปไข่เนื้อทองเเดงสร้างปี 2537(ทันหลวงปู่ครับรุ่นนี้)+เหรียญรูปไข่เนื้อกะไหล่ทองสร้างปี 2558(เสกอฐิษฐานจิตโดยหลวงตาสมหมาย(ศิษย์เอกหลวงปู่บุญจันทร์) เจ้าอาวาสวัดสันติกาวาสองค์ปัจจุบัน) หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล" พระอรหัต์เจ้าวัดป่าสันติกาวาส ต.ไชยวาน อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี หลวงปู่บุญจันทร์เป็นศิษย์หลวงปู่ยุคกลาง(น้องพรรษาหลวงตามหาบัว 2 พรรษา)
    หลวงปู่บุญจันทร์ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ 15 ก.ย.2459 ที่บ้านคำพระ (กุดโอ) ต.คำไฮ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด
    ช่วงวัยเยาว์ เรียนหนังสือที่วัดบ้านคำพระ (วัดสว่างอารมณ์ในปัจจุบัน) จบแค่ชั้น ข.จากนั้นครอบครัวอพยพครอบครัวไปอยู่ จ.ขอนแก่น และบรรพชาที่วัดบ้านท่าเดื่อ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พระอาจารย์อุ้ย เป็นพระอุปัชฌาย์
    ต่อมาอาพาธเป็นโรคไข้รากสาด จนต้องลาสิกขา พอหายป่วย มารดาก็ย้ายถิ่นฐานกลับมาอยู่บ้านคำพระ จ.ร้อยเอ็ด ฝากตัวเป็นศิษย์รับใช้พระอาจารย์คำดี พระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต-หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล
    บวชเณรอีกครั้งที่วัดฟ้าหยาด อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด มีพระครูวิจิตร (จันทา) เป็นพระอุปัชฌาย์ สังกัดฝ่ายมหานิกาย แล้วออกธุดงค์ไปอยู่กับหลวงพ่อสิ้ว ที่วัดโดนช้างเผือก (วัดประชาธรรมรักษ์)
    หลวงพ่อสิ้วนำออกธุดงค์ไปนมัสการพระธาตุพนมแล้วเข้า จ.สกลนคร กราบนมัสการหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่วัดป่าสุทธาวาส และต่อไปยังเขาพระวิหาร
    ถึงปี พ.ศ.2497 เดินทางเข้า จ.ร้อยเอ็ด ฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์สีโห เขมโก วัดป่าศรีไพรวัลย์ และอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต ที่วัดเหนือ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยมีพระโพธิญาณมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาบุญถึง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พรรษาแรกท่านอยู่ที่วัดป่าศรีไพรวัลย์ โดยออกธุดงค์ไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติและฟังธรรมกับหลวงปู่เสาร์ ก่อนไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านวังถ้ำ จ.อุบลราชธานี ,ในพรรษาที่ 2 และมีโอกาสได้กราบนมัสการสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) ,ช่วงพรรษาที่ 3-5 จำพรรษาที่วัดป่าสามัคคีธรรม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์, พรรษาที่ 6 อยู่วัดป่าบ้านโดนแห้ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ,พรรษาที่ 7 อยู่วัดประชาบำรุง (วัดป่าพูนไพบูลย์) อ.เมือง จ.มหาสารคาม ก่อนกลับมาจำพรรษาที่วัดป่าศรีไพรวัลย์ ,ในพรรษาที่ 9-13, พรรษาที่ 14 เข้าจำพรรษาที่สำนักป่า หนองเม้า บ้านจำปา อ.สว่างแดนดิน จ.สกล นคร ,จากนั้นในพรรษาที่ 15 ได้มาอยู่ที่ป่าช้า บ้านไชยวาน จ.อุดรธานี และสร้างวัดป่าขึ้นในปี พ.ศ.2493
    หลวงปู่บุญจันทร์เป็นพระเถระที่สหธรรมิกรุ่นพี่และรุ่นน้องในกองทัพธรรมของหลวงปู่มั่น ให้การยอมรับนับถือในวัตรปฏิบัติและปฏิปทา โดยเฉพาะในเรื่องของการธุดงควัตร ที่เคร่งครัดและพิถีพิถัน ตลอดการธุดงค์ ท่านสัมผัสกับครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายรูป อาทิ หลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่คำดี ปภาโส, หลวงปู่บัว สิริปุญโญ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์วัน อุตตโม, พระอาจารย์ลี ธัมมธโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล, หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, หลวงปู่สิม พุทธาจาโร, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ฯลฯ

    การได้สนทนาธรรม และรับคำสั่งสอนจากพระคณาจารย์เหล่านี้ จึงทำให้มีความรู้เชี่ยวชาญในเชิงธรรมผนวกกับอุปนิสัยเป็นผู้ตั้งอยู่ในความประมาทในการทำความดีมาแต่เด็ก รักความสงบ พูดจริงทำจริง พูดน้อยแต่ทำมาก และมีนิสัยชอบภาวนา มีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์
    ทุกอิริยาบถของท่านเต็มไปด้วยความสำรวมระมัดระวัง พยายามไม่ให้ด่างพร้อยในศีล
    แม้จะพูดน้อย แต่ทุกคำเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ เปี่ยมด้วยเหตุผล มีความหมายอย่างลุ่มลึก
    ในปี พ.ศ.2493 มีผู้ถวายที่ดิน เพื่อสร้างวัดป่าขึ้นโดยเรียกชื่อว่า วัดป่าหนองท้ม ภายหลังพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ฝ่ายธรรมยุต เดินทางมาเยี่ยมชม และได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น "วัดป่าสันติกาวาส"
    หลวงปู่ได้จำพรรษา ฝึกอบรมพระภิกษุ-เณร และญาติโยม ที่วัดป่าสันติกาวาส
    ย่างเข้าสู่วัยชรา สุขภาพร่างกายของท่านไม่แข็งแรงดังเดิม เป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2538 หลวงปู่บุญจันทร์ มรณภาพอย่างสงบที่วัดป่าสันติกาวาส สิริอายุ 79 ปี >>>>>>>,มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ ******บูชาที่ 355 บาฟรีส่งems sam_6966-jpg.jpg sam_6967-jpg.jpg sam_6971-jpg.jpg sam_6973-jpg.jpg sam_2147-jpg.jpg
    SAM_2819.JPG
     
  10. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 808
    พระผงสมเด็จพิมพ์ใหญ่เนื้ออังคารธาตุหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป พระอรหันต์เจ้าวัดป่าประทีปปุญญาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร หลวงปู่ผ่านเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคสุดท้าย
    showimage-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    ประวัติพอสังเขป "หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป" อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปทีปปุญญาราม บ้านเซือม ต.โพนแพง อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร พระป่าสายกรรมฐานชื่อดัง สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ศิษย์รุ่นสุดท้าย เป็นพระป่านักปฏิบัติกรรมฐานอีกรูปหนึ่ง ที่มีศีลาจารวัตรที่งดงามน่าเลื่อมใสศรัทธา เป็นศิษย์หลวงปู่มั่น
    ท่านบวชเข้าธรรมยุตนิกายเมื่อ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๐ ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ โดยมี พระครูพิทักษ์คณานุการ (หลวงปู่สี ธัมมทินโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระสมุห์ภา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สำเร็จเมื่อเวลา ๑๓.๕๒ น. ท่านได้รับนามฉายาว่า “ปัญญาปทีโป” แปลว่า ผู้มีปัญญาดุจแสงสว่างแห่งดวงประทีป (ดวงไฟ) จากนั้นท่านก็ได้กลับมาอยู่กับหลวงปู่อุ่น อุตฺตโม ที่วัดอุดมรัตนาราม จนกระทั่งเข้าพรรษา และได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นตั้งแต่บวชได้พรรษาแรก ได้อยู่อุปปัฐากหลวงปู่มั่น ในครั้งนั้นมีพระเณรพำนักจำพรรษากับหลวงปู่มั่น ประมาณ ๒๐ รูป อาทิเช่น พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม จังหวัดอุดรธานี, พระอาจารย์หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์คำพอง ติสฺโส, พระอาจารย์หล้า เขมปัตโต, สามเณรบุญเพ็ง จันใด (หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต) เป็นต้น

    ท่านมรณภาพเมื่อ วันที่ ๒๔ ม.ค. ๒๕๕๔ เวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง หลวงปู่ได้ละสังขารด้วยอาการอันสงบ สิริรวมอายุได้ ๘๙ ปี พรรษา ๖๔ >>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ (หายากไม่ค่อยเจอครับ พระองค์นี้ด้านหน้าองค์พระเคลือบเเสล็กไว้ครับผม)*********บูชาที่ 445 บาฟรีส่งems sam_0517-jpg.jpg sam_6978-jpg.jpg sam_6979-jpg.jpg sam_1986-jpg.jpg

     
  11. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 809 พระผงพิมพ์เตารีดหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าประชาชุมพลพัฒนาราม อ.เมือง จ.อุดรธานี หลวงปู่อ่อนสาเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง ด้านหลังองค์พระมีฝังเม็ดพระธาตุ ประวัติย่อๆหลวงปู่มีนามเดิมว่า อ่อนสา เมืองศรีจันทร์ เกิด ณ บ้านโนนทัน ตำบลบ้านจั่น อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมือวันที่ 10 กรกฎาคม 2457 ปีขาล วันศุกร์ โยมบิดา นามว่านายมา เมืองศรีจันทร์ โยมมารดาชื่อนางโม้ เมืองศรีจันทร์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 10 คน เป็นผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 5 คน หลวงปู่อ่อนสาเป็นคนโตซึ่งมีน้องต้องค่อยดูแลถึง 9 คน ครอบครัวของหลวงปู่เป็นเกษตรกร และท่านเป็นบุตรคนโตมีโอกาสศึกษาจนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที 4 จากนั้นได้ออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาและดูแลน้องๆ
    เมื่ออายุได้ 21 ปี ท่านได้ไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่ติด ท่านจึงได้ขอโยมบิดา- มาดาไปบวช โดยได้อุปสมบท ณ วัดโยธานิมิต ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานีเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2478 เวลา 13.47 น. โดยมีพระธรรมเจดีย์ ( จูม พันธุโล ) เป็นประอุปัชฌาย์ มีพระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจารย์ พระครูศาสนูปกรณ์ ( อ่อนตา เขมงกโร ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า สุขกาโร ภิกขุ
    ต่อมาหลวงปู่ได้ออกธุดงไปอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เพื่อหาที่สัปปายะบำเพ็ญภาวนาและบังเอิญท่านได้พบกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แล้วได้พากันไปภาวนาที่ภูลังกาและออกธุดงค์ด้วยกันตา ต่อมาหลวปู่ได้มีโอกาสกราบนมัสการพระอาจารย์หลวงปู่มั่นภูริทัตโต และได้ข้าจำพรรษากับพระอาจารย์หลวงปู่มั่น
    หลังจากที่หลวงปู่อ่อนสา ได้บำเพ็ญภาวนาพอสมควรแล้วท่านได้ย้ายกลับมายังภาคอีสาน ท้ายสุดท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม บ้านหนองใหญ่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี อันเป็นแผ่นดินเกิดของท่าน
    หลวงปู่ละสังขารที่วัด เวลา 16.17 น. หลวงปู่ก็ได้ละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน สิริอายุ 95 ปี 75 พรรษา
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วย *******บูชาที่ 255 บาทฟรีส่งems SAM_0307.JPG SAM_7366.JPG SAM_7368.JPG SAM_1439.JPG
     
  12. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 810 พระกริ่งเเซยิด 86 ปี+ผ้ายันต์รอยเท้าผืนใหญ่หลวงปู่เเว่น ธนปาโล พระอรหันต์เจ้าวัดถํ้าพระสบาย อ.เเม่ทะ จ.ลำปาง หลวงปู่เเว่นเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง องค์พระกริ่งสร้างปี 2539 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 86 ปี เนื้อกะไหล่เงิน มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา *********บูชาที่ 445 บาทฟรีส่งems sam_7478-jpg.jpg sam_6226-jpg.jpg sam_6230-jpg.jpg sam_6232-jpg.jpg sam_6703-jpg.jpg sam_6704-jpg.jpg sam_1377-jpg.jpg
     
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 811 เหรียญรุ่น 4 ม,1+เหรียญยืนเต็มองค์ครบรอบ 100 ปี
    "หลวงปู่บุดดา ถาวโร" พระอรหันต์เจ้าวัดกลางชูศรีเจริญ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เหรียญรุ่น 4 สร้างปี 2520 เนื้อทองเเดงรมนํ้าตาลมันปู,ส่วนเหรียญยืน 100 ปี สร้างปี 2536 เนื้อทองเเดง สร้างโดยองค์การโทรศัพท์
    >>>>>ประย่อๆหลวงปู่บุดดา นามเดิม "มุกดา" หรือ "บุดดา" นามสกุล "มงคลทอง" เกิดในหมู่บ้านหนองเต่า ต.พุคา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ตรงกับวันที่ 5 ม.ค.2437
    สมัยเด็กท่านไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะไม่มีโรงเรียนใกล้บ้าน จนเติบใหญ่จึงเป็นที่พึ่งพาช่วยบิดามารดาทำนาเลี้ยงชีพ
    กระทั่งเข้าวัยเกณฑ์ทหาร ถูกคัดเลือกเข้าสังกัดกองทัพบก ท่านจึงมีโอกาสฝึกเขียนอ่านหนังสือ พอมีความรู้
    หลังพ้นราชการทหาร ช่วยครอบครัวทำงาน จนอายุได้ 28 ปี จึงเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดเนินยาว อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูเรือง และเจ้าอธิการไพล เป็นคู่กรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า "ถาวโร"
    สมัยนั้นการศึกษาพระปริยัติธรรมบาลียังไม่แพร่หลาย ท่านอาศัยการหัดอ่าน ท่องบทสวดมนต์ ทำวัตรเช้า-เย็นอยู่ภายในวัด รวมทั้งได้รับการสอนกรรมฐานเบื้องต้นจากพระอุปัชฌาย์
    ด้วยจิตที่มุ่งมั่นแสวงหาโมกขธรรม เพียงพรรษาแรกท่านออกจาริกธุดงค์ไปตามภาคต่างๆ ข้ามฝั่งไทยไปสู่ประเทศลาวอย่างกล้าหาญชาญชัย เป็นการธุดงค์เดี่ยว ไม่มีครูผู้ชี้แนะ มีแต่ร่มเก่า บาตรหนึ่งใบ และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเท่านั้น
    แต่ละเส้นทางธุดงค์ของท่านได้พบปะสหธรรมิกหลายรูป ทั้งพระกัมมัฏฐานที่เก่งในทางปฏิบัติ พระเกจิเรืองวิทยาคม และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ อาทิ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส, สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, พระสุพรหมยาน วัดพระพุทธบาทตากผ้า, หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย, หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ฯลฯ
    วัดต่างๆ ที่ท่านไปจำพรรษา ประกอบด้วย จ.เพชรบุรี 20 พรรษา, จ.ลพบุรี 14 พรรษา, กรุงเทพฯ 8 พรรษา, จ.ระยอง 7 พรรษา, จ.ชัยนาท 4 พรรษา
    ยังไม่นับวัดที่จำพรรษาระยะสั้นๆ อาทิ วัดหนองหลวง จ.นครสวรรค์, วัดเนรัญชรา จ.เพชรบุรี, วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี, วัดเหนือสน จ.ราชบุรี เป็นต้น
    กระทั่งอายุ 80 ปี ท่านจึงยุติการธุดงค์ ด้วยสังขารไม่เอื้ออำนวย ก่อนมาจำพรรษาที่วัดกลางชูศรีเจริญ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เป็นวัดสุดท้าย กว่า 40 ปี
    ปฏิปทาจริยวัตรของหลวงปู่บุดดา เคร่งครัดในระเบียบวินัยสงฆ์ ถือครองผ้าสามผืนเป็นวัตร บิณฑบาตและถวายสังฆทานทุกวัน ฉันเพียงมื้อเดียววันเว้นวัน และฉันเฉพาะในบาตร
    สิ่งที่ไม่เคยขาด คือ หาโอกาสพิจารณากัมมัฏฐาน 5 ตามอุบายที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน พร้อมเร่งทำความเพียร ด้วยความมานะอดทนเป็นเลิศ
    ท่านไม่เคยสอนให้ชาวบ้านงมงายในวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลัง แต่ท่านมีวิธีอบรมใจตัวเองได้อย่างแยบคาย แม้ในยามเผชิญอยู่กับภยันตรายเฉพาะหน้า ท่านก็จะยกสิ่งที่เผชิญอยู่นั้นเป็นอุบายในการอบรมจิตใจตนเสมอ
    เวลากว่า 40 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขา อบรมจิตใจของท่านจนสามารถแยกแยะ กำหนด และตัดสังโยชน์ได้อย่างเป็นขั้นตอน
    ช่วงบั้นปลายชีวิต หลวงปู่บุดดาอาพาธหนัก คณะศิษย์นิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ประกอบพิธีนั่งกัมมัฏฐานช่วยต่ออายุให้หายจากอาการอาพาธ แต่ท่านมิอาจฝืนสังขาร
    มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันพุธที่ 12 ม.ค.2537 สิริอายุ 100 ปี พรรษา 72 ******
    มีพระเกศาหลวงปู่เเละเเป้งเสก,จีวร มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ >>>>>>>บูชาที่ 455 บาทฟรีส่งems sam_6471-jpg.jpg sam_7031-jpg.jpg sam_7033-jpg.jpg sam_7029-jpg.jpg sam_7030-jpg.jpg sam_1360-jpg.jpg sam_0556-jpg.jpg
     
  14. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 812
    เหรียญรุ่นพิเศษห่วงตันกรรมการอุปถัมถ์หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าภูกระเเต(วัดสามัคคีอุปถัมถ์) อ.เมือง จ.บึงกาฬ เหรียญสร้างปี 2556 เนื้อตะกั่ว มีตอกโค๊ตตัวเลข 1122 เเละโค๊ตอักษร ร หลังเหรียญ เหรียญใหม่ไม่เคยใช้ มาพร้อมกล่องเดิม
    416-8255-jpg.jpg
    ประวัติโดยย่อ หลวงปู่พระครูสิริธรรมวัฒน์ (พระอาจารย์ทองพูล สิริกาโม)
    วัดสามัคคีอุปถัมภ์ ( วัดภูกระแต ) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย
    414-1d8b-jpg.jpg
    ท่าน อาจารย์ทองพูล สิรกาโม เป็นพระกรรมฐานรุ่นแรก แห่งกองทัพธรรมสายท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ โดยพระเถระรุ่นนี้ มีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่คำตัน พระครูอุดมศีลวัฒน์ วัดป่าสถิตย์ธรรมมาราม พระครูปัญญาวรากร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม โดยเฉพาะท่านอาจารย์ทองพูลกับท่านอาจารย์จวน ทั้ง 2 องค์ มีความสนิทสนมกันมาก
    ท่านอาจารย์ทองพูล เดิมชื่อหนูพูล นามสกุล เอนไชย เกิดที่บ้านเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อนายเคน มารดาชื่อนางสุภี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7คน
    ตั้งแต่วัยเด็กท่านอาจารย์ทองพูลมีลักษณะนิสัยสุขุมเยือกเย็น พูดน้อย อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ในโอวาทของพ่อแม่ญาติพี่น้อง มีจิตเมตตา ท่านอาจารย์ได้บรรพชาอุปสมบทครั้งแรก เป็นพระสงฆ์ในฝ่ายมหานิกายที่วัดท่าเดื่อ โดยมีพระอุปัชฌาย์สิงห์ (ปัจจุบันคือ พระครูนรสีสาสน์ธำรง รองเจ้าคณะอำเภอวานรนิวาส)
    การบวช ครั้งนั้นเป็นการบวชในงานบุญประเพณีของผู้ที่ท่านอาจารย์คุ้นเคย และต่อมาท่านอาจารย์ทองพูลได้พบกับพระอาจารย์สีโห เขมโก ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์หลวงปู่มั่น และเป็นพระเถระรุ่นเดียวกับหลวงปู่เทสก์, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่ฝั้น โดยท่านอาจารย์ทองพูลได้เปลี่ยนนิกายใหม่เป็นฝ่ายธรรมยุต โดยมี่พระอาจารย์เจดีย์(จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสมุห์สวัสดฺ เป็นพระกรรมวาจาจาร มีฉายาว่า สิริกาโม เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2495
    นับ ตั้งแต่การอุปสมบท ท่านอาจาย์ทองพูล ได้ตั้งจิตแน่วแน่ในการปฏบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และถึงขั้นที่เรียกได้ว่ามอบกายถวายชีวิต โดยการออกธุดงค์หาสถานที่วิเวกเพื่อเร่งความเพียร บำเพ็ญภาวนา เพียงพรรษาแรกท่านอาจารย์ได้ถือเนสัชชิธุดงค์ คือการไม่นอน ไม่ยอมให้หลังแตะกับพื้นตลอดพรรษาและอดอาหารควบคู่กันไป ท่านอาจารย์ทองพูลยังป่วยอาพาธเป็นไข้มาเลเรียนอย่างหนัก แต่ท่านอาศัยธรรมโอสถขันติธรรมเพ่งเวทนาที่เกิดขึ้นจนไข้มาเลเรียหายไปเอง
    สำหรับ วัดสามัคคีอุปถัมภ์แห่งนี้ ท่านอาจารย์ทองพูลได้เดินทางมาในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๒ ครั้งแรกยังเป็นแค่ภูดิน อยุ่ทางทิศตะวันตกของตัวอำเภอบึงกาฬ โดยชาวบ้านเรียกภูดินแห่งนี้ว่า ภูกระแต เนื่องจากมีสัตว์พวกกระรอก กระแต รวมถึงสัตว์ป่าอื่นๆ อาศัยอยู่ชุกชุมตามสภาพที่เป็นป่าดงทึบ รกครึ้ม
    เมื่อ ท่านอาจารย์มาถึงบริเวณภูกระแต ในคืนแรกท่านจำวัดใต้ต้นบก และ 3-4 วันต่อมา ชาวบ้านได้ทำเพิงพักนั่งร้าน และกุฎิชั่วคราวแบบง่ายๆ ทำด้วยไม้ไผ่ป่า จากนั้นท่านอาจารย์จึงได้พัฒนาวัดเรือยมาจวบจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับแรงศรัทธาสามัคคีร่วมใจจากคณะลูกศิษย์ลูกหาทั้งที่เป็นพระภิกษุ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
    415-2b97-jpg.jpg
    421-5f1a-jpg.jpg

    419-debd-jpg.jpg

    418-3cf3-jpg.jpg
    *****

    416-8255-jpg.jpg
    ประวัติโดยย่อ หลวงปู่พระครูสิริธรรมวัฒน์ (พระอาจารย์ทองพูล สิริกาโม)
    วัดสามัคคีอุปถัมภ์ ( วัดภูกระแต ) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย
    414-1d8b-jpg.jpg
    ท่าน อาจารย์ทองพูล สิรกาโม เป็นพระกรรมฐานรุ่นแรก แห่งกองทัพธรรมสายท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ โดยพระเถระรุ่นนี้ มีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่คำตัน พระครูอุดมศีลวัฒน์ วัดป่าสถิตย์ธรรมมาราม พระครูปัญญาวรากร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม โดยเฉพาะท่านอาจารย์ทองพูลกับท่านอาจารย์จวน ทั้ง 2 องค์ มีความสนิทสนมกันมาก
    ท่านอาจารย์ทองพูล เดิมชื่อหนูพูล นามสกุล เอนไชย เกิดที่บ้านเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อนายเคน มารดาชื่อนางสุภี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7คน
    ตั้งแต่วัยเด็กท่านอาจารย์ทองพูลมีลักษณะนิสัยสุขุมเยือกเย็น พูดน้อย อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ในโอวาทของพ่อแม่ญาติพี่น้อง มีจิตเมตตา ท่านอาจารย์ได้บรรพชาอุปสมบทครั้งแรก เป็นพระสงฆ์ในฝ่ายมหานิกายที่วัดท่าเดื่อ โดยมีพระอุปัชฌาย์สิงห์ (ปัจจุบันคือ พระครูนรสีสาสน์ธำรง รองเจ้าคณะอำเภอวานรนิวาส)
    การบวช ครั้งนั้นเป็นการบวชในงานบุญประเพณีของผู้ที่ท่านอาจารย์คุ้นเคย และต่อมาท่านอาจารย์ทองพูลได้พบกับพระอาจารย์สีโห เขมโก ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์หลวงปู่มั่น และเป็นพระเถระรุ่นเดียวกับหลวงปู่เทสก์, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่ฝั้น โดยท่านอาจารย์ทองพูลได้เปลี่ยนนิกายใหม่เป็นฝ่ายธรรมยุต โดยมี่พระอาจารย์เจดีย์(จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสมุห์สวัสดฺ เป็นพระกรรมวาจาจาร มีฉายาว่า สิริกาโม เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2495
    นับ ตั้งแต่การอุปสมบท ท่านอาจาย์ทองพูล ได้ตั้งจิตแน่วแน่ในการปฏบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และถึงขั้นที่เรียกได้ว่ามอบกายถวายชีวิต โดยการออกธุดงค์หาสถานที่วิเวกเพื่อเร่งความเพียร บำเพ็ญภาวนา เพียงพรรษาแรกท่านอาจารย์ได้ถือเนสัชชิธุดงค์ คือการไม่นอน ไม่ยอมให้หลังแตะกับพื้นตลอดพรรษาและอดอาหารควบคู่กันไป ท่านอาจารย์ทองพูลยังป่วยอาพาธเป็นไข้มาเลเรียนอย่างหนัก แต่ท่านอาศัยธรรมโอสถขันติธรรมเพ่งเวทนาที่เกิดขึ้นจนไข้มาเลเรียหายไปเอง
    สำหรับ วัดสามัคคีอุปถัมภ์แห่งนี้ ท่านอาจารย์ทองพูลได้เดินทางมาในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๒ ครั้งแรกยังเป็นแค่ภูดิน อยุ่ทางทิศตะวันตกของตัวอำเภอบึงกาฬ โดยชาวบ้านเรียกภูดินแห่งนี้ว่า ภูกระแต เนื่องจากมีสัตว์พวกกระรอก กระแต รวมถึงสัตว์ป่าอื่นๆ อาศัยอยู่ชุกชุมตามสภาพที่เป็นป่าดงทึบ รกครึ้ม
    เมื่อ ท่านอาจารย์มาถึงบริเวณภูกระแต ในคืนแรกท่านจำวัดใต้ต้นบก และ 3-4 วันต่อมา ชาวบ้านได้ทำเพิงพักนั่งร้าน และกุฎิชั่วคราวแบบง่ายๆ ทำด้วยไม้ไผ่ป่า จากนั้นท่านอาจารย์จึงได้พัฒนาวัดเรือยมาจวบจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับแรงศรัทธาสามัคคีร่วมใจจากคณะลูกศิษย์ลูกหาทั้งที่เป็นพระภิกษุ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
    415-2b97-jpg.jpg
    421-5f1a-jpg.jpg

    419-debd-jpg.jpg

    418-3cf3-jpg.jpg
    *****หลวงปู่ละสังขารวันที่ 12 พ.ค.ปี 2558 เวลา 18.59 น. สิริอายุ 83 ปี พรรษาที่ 63 ปี >>>>>>>>>>มาพร้อมพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ********บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems sam_7039-jpg.jpg sam_7040-jpg.jpg sam_7041-jpg.jpg sam_1854-jpg.jpg



     
  15. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 813 เหรียญครบ 7 รอบ84ปีหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา พระโพธิสัตโตเเห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เหรียญสร้างปี 2539 เนื้อทองเเดงรมนํ้าตาลมันปู สร้างเนื่องหลวงปู่อายุครบ 84 ปี เหรียญใหม่ไม่เคยใช้
    con374_20160421130240_2-jpg.jpg
    ประวัตพอสังเขปครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์)

    >>>>>วัยเด็ก

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ครูบาวงศ์” มีนามเดิมว่า วงศ์ หรือ ชัยวงศ์ นามสกุล ต๊ะแหนม เกิดที่ ตำบลหันก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนเมื่อวันอังคาร เดือน 7 แรม 2 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 22 เมษายน พ.ศง 2456 เวลา 24.15 น. โยมบิดาชื่อ น้อย จันต๊ะ (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 44 ปี) โยมมารดาชื่อ บัวแก้ว (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 78 ปี) จำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 มีน้องต่างบิดาอีก 1 คน รวมเป็น 9 คน
    ท่านเกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนาที่ยากจน พ่อแม่ของท่านมีสมบัติติดตัวมาแค่ที่นาไม่กี่ไร่ ทำนาได้ข้าวปีละแค่ 20-30 หาบ แม้ว่าครอบครัวของท่านต้องดิ้นรนต่อสู้กับความอดทนอยากแต่ก็ไม่เคยละทิ้งเรื่องการทำบุญให้ทาน
    ท่านมีโรคประจำตัวคือ โรคลมสันนิบาต ตั้งแต่เด็กๆ แต่ท่านก็ยังช่วยพ่อและแม่ทำนา เก็บของป่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นับว่าท่านเป้นผู้ที่มีความขยันอดทนและกตัญญูเป็นอย่างมาก
    >>>>>บรรพชาและอุปสมบท

    เมื่อท่านอายุย่าง 13 ปี (พ.ศ. 2468) ท่านได้รบเร้าขอให้พ่อแม่พาท่านไปบวช เพื่อท่านจะได้บำเพ็ญธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ่อแม่ก็ได้นำท่านไปฝากกับหลวงอา จากนั้นหลวงอานำท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์และบวชเณรกับครูบาชัยลังก๋า (เป็นธุดงค์กรรมฐานรุ่นพี่ของครูบาศรีชัย) ครูบาชัยลังก๋าได้ตั้งชื่อให้ท่านใหม่หลังจากเป็นสามเณรแล้วว่า “สามเณรชัยลังก๋า” เช่นเดียวกับชื่อของครูบาชัยลังก๋า
    เมื่ออายุ 20ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาพรหมจักร วัดพระบาทตากผ้าเป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ชัยยะวงศา” ในระหว่างนั้น ท่านได้อยู่ปฏิบัติและศึกษาธรรมะกับครูบาพรหมจักร ในบางโอกาสท่านก็จะเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปในที่ต่างๆทั้งลาวและพม่า ท่านได้อยู่กับครูบาพรหมจักรระยะหนึ่งแล้ว จึงได้กราบลาครูบาพรหมจักรออกจาริกธุดงค์ไปแสวงหาสัจจธรรมความหลุดพ้นจากวัฏสงสารแห่งนี้เพียงลำพังองค์เดียวต่อ เพื่อเผยแพร่สั่งสอนธรรมะขององค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับพวกชาวเขาในที่ต่างๆ
    เมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ร่วมกับครูบาขาวปี และชาวกะเหรี่ยง
    >>>>ละสังขาร
    นับตั้งแต่ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ได้มาอยู่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่หลวงปู่ ได้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จนกระทั่งมรณภาพในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 เป็นเวลาถึง 54 ปี หลวงปู่ได้ใช้ความพยายามพัฒนาวัด จนสามารถพลิกสภาพความเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีความเจริญ จนทำให้ผู้คนจากทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ ทุกระดับชั้นทางสังคม หลั่งไหลเข้ามาสักการะ สมกับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของประเทศไทย

    >>>>โอวาธรรมหลวงปู่ ...... “อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่ จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวร ได้นะ ... ตัดไม่ได้
    อโหสิกรรม ... ถือว่าตัดได้
    จะต้องขอเอง ... ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้นจากกรรม
    เราต้องของเอง ต้องอ่อนน้อม กล่าวคำสารภาพกับตัวเขา
    เขาจึงจะอโหสิ งดโทษให้เรา...”
    พระพุทธองค์ กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ...
    เรามีกรรมเป็นของตน เรามีกรรมเป็นผู้ให้ยล เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม
    เรามีกรรมเป็นผู้อาศัย
    กรรมอันใดที่ทำไว้ ... ความดี หรือ ความชั่ว ตัวเราเป็นผู้รับผลกรรมนั้น”
    “เวลาเราก็มีไม่มาก เกิดมาชาติหนึ่ง
    เวลาสูญเปล่ามีมาก เวลาทำงานจริงๆ มีไม่มาก
    เวลาสูญเปล่ามีตลอดชีวิต
    เวลาเหลือน้อ จะทำอะไรก็ให้รีบทำ >
    >>>>>มีพระเกศา,สำลีเช็ดนํ้าตา,จีวรเเละพระธาตุข้าวบิณฑ์บาตรพระพุทธเจ้า มาบูชาเป็นมงคล********บูชาที่ 315 บาทฟรีส่งems sam_9152-jpg.jpg sam_7075-jpg.jpg sam_7074-jpg.jpg SAM_1900.JPG
     
  16. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 814
    เหรียญบูชาคุณคู่บุญ คู่บารมีหลวงปู่เเสง ญาณวโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านเวินชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร หลวงปู่เเสงเป็นศิษย์หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถํ้าผาปู่ เหรียญสร้างปี 2556 เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีตอกโค๊ต ตัวอักษร ส หน้าเหรียญมาพร้อมกล่องเดิม >>>>>>>> ประวัติย่อๆพอสังเขปของหลวงปู่แสง ญาณวโร
    เดิมชื่อ นายแสง ดีหอม เกิดเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๖๗ อ. ฟ้าหยาด จ. อุบลราชธานี
    (๑๗ เมษายน ๒๔๘๒ กระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนชื่อ อ.ฟ้าหยาด เป็น อ.มหาชนะชัย
    และเมื่อ ๑ มีนาคม๒๕๑๕ อ.มหาชนะชัย ย้ายไปขึ้นกับ จ. ยโสธร จนถึงปัจจุบัน )
    อุปสมบทเมื่อ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐ ณ วัดศรีจันทร์ อ. เมือง จ. ขอนแก่น
    ปัจจุบันจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์บ้านเวินชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
    ท่านได้จำพรรษา - วิเวกธุดงค์ทั้งในประเทศไทย ลาว และพม่า
    ประวัติการจำพรรษา - วิเวกธุดงค์และไปมาหาสู่กับพระรูปต่างๆ

    - ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    (ช่วงบั้นปลายของท่านอาจารย์มั่นที่อยู่บ้านหนองผือ)
    - หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ จ. เลย (พ.ศ.๒๔๙๔-๒๔๙๖)
    - พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร - ได้ร่วมสร้างวัดถ้ำขาม (พ.ศ. ๒๔๙๗)
    - หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (๑ พรรษา)
    - หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดราษฎร์สงเคราะห์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี (๒๐ พรรษา)
    - พระอาจารย์แบน ธนากโร - ได้ร่วมสร้างกุฏิศาลาที่วัดธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร
    - หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
    - หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี - ได้ร่วมธุดงค์ที่ภูวัว
    - หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    - หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย
    - หลวงปู่ศรี มหาวีโร - ได้วิเวกธุดงค์ที่ภูเกล้า ภูเวียง จ.ขอนแก่น
    - หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย - ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่วัดดอยหินหมากเป้ง
    - หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี - ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่ อ.บ้านผือ อ.สามพราน และ อ.น้ำโสม
    - พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์วัน อุตตะโม หลวงปู่หล้า เขมปัตโต และพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร - ได้วิเวก
    ธุดงค์ร่วมกันที่ถ้ำสาลิกา ภูสิงห์ ภูทอง ภูพานคำ และ ภูทอก ฯลฯ
    - หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม - ได้จำพรรษาด้วยกัน (พ.ศ. ๒๕๓๒ - ๒๕๓๓)
    - ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๔ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ จำพรรษา ที่วัดป่าอรัญญาวิเวก บ้านไก่คำ จ.อำนาจเจริญ
    - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ - ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ จำพรรษาที่วัดป่าอิสิปตนมฤคทายวัน (เสนาสนป่าโคกค่าย)
    บ้านหนองไฮน้อย ต.หนองข่า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ
    - ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ จำพรรษาที่วัดป่านาเกิ้งญาณวโร บ้านนาเกิ้ง อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ
    - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จำพรรษาที่วัดป่ามโนรมย์สมประสงค์ (สำนักสงฆ์ภูทิดสา)
    บ้านห้วยฆ้อง ตำบลหนองข่า อำเภอ ปทุมราชวงศา จัดหวัด อำนาจเจริญ
    - ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖- ปัจจุบัน สำนักสงฆ์บ้านเวินชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร >>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ ********บูชา(>>>>>อนึ่ง.....หลวงปู่เเสงผมเองเคยไปกราบเเละนวดถูขี้ไคร้ให้หลวงปู่มาเเล้วครับผม)>>>>>>>>บูชาที่ 285 บาทฟรีส่งems
    6783302_n-jpg-_nc_cat-101-_nc_sid-8024bb-_nc_ohc-6h6gonczs6iax-ztb2x-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
    64722040_n-jpg-_nc_cat-100-_nc_sid-8024bb-_nc_ohc-wfyoudytryax-yknog-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
    -aqlvkh1jp1srngosquldavuveur9lswzag2urqnhxtgxm5wcjamkqbu0n1mftw2oju4-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
    73005050_o-jpg-_nc_cat-110-_nc_sid-8024bb-_nc_ohc-zpkof-oknocax8mv73-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
    sam_7081-jpg.jpg sam_7085-jpg.jpg sam_7082-jpg.jpg sam_7084-jpg.jpg sam_2258-jpg.jpg

     
  17. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 815 เหรียญเศรษฐี 88 หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม พระอรหันต์เจ้าวัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เหรียญสร้างปี 2558 เนื้อองเเดงผีวไฟ สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 88 ปี มาพร้อมกล่องเดิม พระดีที่ควรกราบไหว้รูปหนึ่งในเวลานี้คือ หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม หรือ พระราชปัญญาวิสารัท เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต)....
    .........ประวัติย่อพอสังเขปหลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม ท่านเป็นศิษย์อาวุโสรูปหนึ่งของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร และพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) วัดรังสีปาลิวัน จ.กาฬสินธุ์ หลวงปู่เหลืองมีนามเดิมว่า เหลือง ทรงแก้ว ท่านเกิดในยามใกล้รุ่งของวันอังคารที่ 1 พ.ค. ปี พ.ศ. 2470 ที่บ้านนาตรัง หมู่ที่ 2 ต.เขวาสินรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นบุตรคนที่ 6 ในครอบครัวของนายเที่ยง ทรงแก้ว และนางเบียน ทองเชิด หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขณะอายุได้ 15 ปี แล้วออกจาริกเดินตามหลังพระพี่ชายไปตอนอายุ 16 ปี หลังจากนั้นชีวิตของหลวงปู่เหลืองก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด.ช.เหลือง ออกจากบ้านเดินตาม พระครูสมุห์ฉัตร ธมฺมปาโล และพระอาจารย์สมุห์เสร็จ ญาณวุฑโฒ 2 ภิกษุศิษย์หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “มือขวา” ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปใน พ.ศ. 2486 จากสุรินทร์ไปถึงนครราชสีมา ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง

    ด้วยอายุเพียงเท่านั้นแต่ท่านมีบุญได้พบครูบาอาจารย์แล้วหลายรูป อาทิ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระผู้สรุปอริยสัจ 4 จากการปฏิบัติไว้ชนิดคนสามัญขนานนามท่านว่า เจ้าแห่งจิต ท่านพ่อลี ธมฺมธโร แห่งวัดป่าคลองกุ้ง ฯลฯ รวมทั้งได้มอบกายถวายใจเป็นศิษย์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านเล่าถึงวันคืนในอดีตครั้งไปกราบท่านพ่อลีที่วัดป่าคลองกุ้งว่า “ตอนนั้นวัดป่าคลองกุ้งยังเป็นป่าอยู่ ต้นไม้ใหญ่ๆ มีศาลทำบุญไม้หนึ่งหลังและกุฏิกรรมฐานเล็กๆ ตั้งอยู่ตามโคนต้นไม้ เงียบสงัด พระฉันแล้วก็เข้ากรรมฐานหมด ไม่เพ่นพ่านรุ่งเรืองเหมือนสมัยนี้ ไปพักอยู่กับท่าน 1 เดือน ...บอกกับท่านว่าจะขอธุดงค์ต่อไปทางบ่อไพลิน เข้าสู่แดนเขมร ท่านพ่อลีก็ห้าม ตอนนั้นปลายสงครามโลก เหตุการณ์ยังไม่ปกติ เกรงจะเป็นอันตราย แต่พระอาจารย์ฉัตรพี่ชายก็จะขอไปให้ได้ก็ต้องยอมผ่อนผันให้ไป ท่านพ่อลีเมตตาอาตมามากเพราะยังเป็นเด็ก กลัวจะลำบาก ท่านเลยบอกว่า จะให้คาถากันตัว สั่งให้ท่องไว้ตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวเสือช้างอะไรทั้งสิ้น
    คาถาของท่านยังจำได้จนถึงบัดนี้ว่า นะบัง โมบัง พุทโธบังหน้า ธัมโมบังหลัง”
    สภาพบ้านเมืองในเวลานั้นช่างต่างจากเวลานี้นัก
    ท่านว่าใช้เวลาเดิน 3 คืนบุกป่าฝ่าดงจากจันทบุรีถึงทะลุถึงบ่อไพลิน ตามรายทางนั้น “เห็นพลอยเกลื่อนกลาด แต่ไม่ได้เก็บเพราะอาจารย์ฉัตรท่านว่า เรามาธุดงค์แสวงบุญไม่ได้มาหาเพชรพลอย”
    การธุดงค์จบลงด้วยการย้อนกลับมาที่ วัดป่าศรัทธารวม จ.นครราชสีมา
    ณ พ.ศ.นั้น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร กำลังเป็นสดมภ์หลักในการบุกเบิกขยายวงพระกรรมฐานโดยใช้ จ.นครราชสีมา เป็นฐาน โดยท่านเองรับเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้อยู่ถึง 12 ปีคือ ตั้งแต่ พ.ศ. 2475-2487 ช่วงเวลานั้น วัดป่าศรัทธารวมซึ่งเป็นป่าช้าเก่าเป็นศูนย์รวมของพระกรรมฐานจำนวนมากไม่ว่า พระมหาปิ่น ปัญญาพโล หลวงปู่เทกส์ เทสรังสี หลวงปู่ภุมมี ฐิตธัมโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ฯลฯ หลวงปู่เหลืองเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น ขณะอายุ 17 ปี หรือราวช่วง พ.ศ. 2486-2487 โดยบรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา มีพระโพธิวงศาจารย์ (สังข์ทอง นาควโร) หรือเจ้าคุณโพธิฯ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ลุถึง พ.ศ. 2490 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดป่าศรัทธารวมนั่นเอง
    “ไทยดำ” ผู้เคยเขียนประวัติหลวงปู่เหลืองลงในนิตยสารโลกทิพย์ ฉบับเดือน ธ.ค. 2530 เคยเรียนถามท่านว่า ระหว่างอยู่กับหลวงปู่ฝั้นนั้นหลวงปู่ฝั้นสอนอย่างไรบ้าง หลวงปู่เหลืองตอบทีเดียวเป็นความ 4 ประโยค แต่ครอบคลุมพระไตรปิฎกหมด 90 เล่ม ความนั้นมีว่า
    ท่านสอนง่ายๆ ว่า “ประสูติ หมายถึง ลมเข้า
    พระวินัย หมายถึง ลมออก
    ปรมัตถ์ หมายถึง ผู้รู้ลมเข้าลมออก
    เป็นอันจบพระไตรปิฎก นอกนั้นเป็นแต่กิ่งก้าน”
    การได้อยู่ที่ จ.นครราชสีมา ณ พ.ศ.นั้นเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ได้พบและศึกษากับพ่อแม่ครูอาจารย์จำนวนมาก ซึ่งท่านเหล่านั้นกระจายกันอยู่หลายแห่ง อาทิ วัดป่าสาลวัน วัดสุทธจินดา วัดสว่างอารมณ์ ฯลฯ แต่รูปที่อัธยาศัยต้องกันมากที่สุดและจะมีผลต่อชีวิตของท่านในกาลข้างหน้าคือ พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล)
    เวลานั้น พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) รับภาระการบริหารคณะสงฆ์เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ฝ่ายธรรมยุต ท่าน|ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังสติปัญญาจนทำให้การของคณะสงฆ์เป็นปึกแผ่น แต่ยศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ ก็เหนี่ยวรั้งท่านให้ห่างหายจากการปฏิบัติได้ไม่ กลับเตือนตนอยู่ตลอดเวลาว่า “การคลุกคลีกับหมู่คณะมากเกินไปทำให้เป็นผู้ประมาท...”
    เพราะตระหนักเช่นนั้นจึงมักจะปลีกตัวออกวิเวกเป็นครั้งคราวอยู่เสมอ ก่อนจะตัดสินใจทิ้งพัดยศออกปฏิบัติอย่างเดียวใน พ.ศ. 2498 นั้น ครั้งหนึ่งท่านชวนหลวงปู่เหลือง ซึ่งยังเป็นพระหนุ่มอยู่ในขณะนั้นออกไปปฏิบัติอยู่ในป่า จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของท่าน
    ท่านทั้งสองอยู่ด้วยกันสองคนหนึ่งพรรษา จากนั้นพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) ก็ต้องกลับมารรับภาระทางการคณะสงฆ์ต่อ ขณะที่หลวงปู่เหลืองได้พำนักและภาวนาอยู่ในสำนักสงฆ์กลางป่า อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ต่อเนื่องไปอีกถึง 7 ปี ต่อมาป่าแห่งนั้นได้รับการพัฒนากลายเป็น วัดป่ารังสีปาลิวัน ซึ่งเป็นถิ่นพำนักของพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) จนท่านละสังขาร เมื่อ พ.ศ. 2543
    ตลอดเวลาที่อยู่นั้น พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) ก็จะแวะเวียนมาภาวนาอยู่ ณ สำนักสงฆ์แห่งนั้นและช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ให้ชาวบ้านได้อาศัยแหล่งน้ำ ฯลฯ มาตลอด โดยมีหลวงปู่เหลืองเป็นผู้ช่วย แม้แต่เมื่อตัดสินใจออกจาริกอีกครั้งหลังอยู่ที่นั่นมาแล้ว 7 ปีก็เป็นการออกจาริกโดยมีพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) เป็นผู้นำ ท่านทั้งสองจาริกในถิ่นต่างๆ มีประสบการณ์ในภาวนาอันพิสดารหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะที่ถ้ำขันตี ซึ่งอยู่ในเทือกเขาภูพาน ท่านว่า การภาวนา ณ สถานที่แห่งนั้นทำให้มีความก้าวหน้าอย่างมาก ขณะเดียวกันท่านทั้งสองก็ผ่านเป็นผ่านตายมาพร้อมกันด้วย กล่าวคือ พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) เป็นไข้ป่าเกือบจะเสียชีวิต ก็ได้หลวงปู่เหลืองดูแล พอหลวงปู่เหลืองเองล้มเจ็บเพราะไข้ป่าก็ได้ “เจ้าคุณอาจารย์” เป็นคนรักษา ท่านกล่าวถึงความทุกข์ยากในเวลานั้นว่า “แต่ก่อนที่อาตมาจะเป็นไข้นั้น ท่านเจ้าคุณเป็นมาก่อน เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เรียกว่าเป็นมากทีเดียว จนเพ้อ ยาก็ไม่มีรักษา ท่านมีสติสั่งว่า ถ้าท่านตายก็ให้เผาที่นี่ แล้วกวาดขี้เถ้าทิ้งลงเขาไป อย่าเอาไปลำบากเพราะไม่ใช่ตัวตนอะไรของเรา อีกอย่างหนึ่งแม้ท่านจะลาออกจากตำแหน่งแล้วแต่พัดยศอยู่ที่กุฏิ ยังไม่ได้ส่งคืน ขอให้จัดการเอาไปคืนด้วยซึ่งทำให้ประทับใจในตัวท่านมาก ท่านไม่เคยแสดงความพรั่นพรึงต่อการมรณะเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องตาย...ถึงตาอาตมาบ้าง...ท่านเจ้าคุณก็ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เราฝากผีฝากไข้กันมาอย่างนี้” เพราะฝากผีฝากไข้ ผ่านเป็นผ่านตายร่วมกันมา จึงไม่แปลกที่ต่อมาเมื่อ พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) อาพาธ เนื่องจาก|เส้นเลือดฝอยในสมองแตกในปี 2527 ทำให้อวัยวะเบื้องขวาเป็นอัมพาต ใครนิมนต์ไปปฏิบัติอุปัฏฐากที่ไหนท่านก็ไม่ไป แต่เมื่อหลวงปู่เหลืองนิมนต์ ท่านรับ
    ทุกวันนี้หลวงปู่เหลือง รับภาระการบริหารคณะสงฆ์เป็นเจ้าเข้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต) ภาระนี้เกิดมาต่อเนื่องตั้งแต่กึ่งศตวรรษก่อนโน้นเพราะปี พ.ศ. 2499 ท่านเป็นเป็นพระครูสมุห์ ฐานานุกรมของท่านเจ้าคุณพระอริยเวที พร้อมกับเจ้าอาวาสวัดรังสีปาลิวัน พอปี พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง และเป็นเจ้าคณะตำบล วัดแห่งนี้เดิมเป็นวัดที่พระอาจารย์สมุห์เสร็จ พี่ชายเป็นคนบุกเบิกสร้างไว้ เมื่อท่านออกวิเวกเสียชีวิตเพราะไข้ป่า พระสมุห์ฉัตร พี่ชายคนรองก็เป็นคนมาดูแลแทน ถึงปี พ.ศ. 2519 ได้รับตราตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะอำเภอเมือง พ.ศ. 2523 เป็นเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต)
    หลวงปู่เหลืองกล่าวว่า พระพุทธองค์มิได้สอนให้เชื่อพระองค์เพียงอย่างเดียว หากแต่ให้ชื่อว่า “จิต คือ พุทธะ” ถ้าเราดำเนินตามที่พระองค์ทรงสอน จิตของเราก็เป็นพุทธะอย่างพระพุทธองค์ได้ ถ้าจะให้ถึงซึ่งพุทธะก็เหมือนกับเอาแก่ของต้นไม้ใหญ่ ถ้าจะเอาแก่นต้องใช้ขวานถากเปลือก ถากกระพี้ออก จิตคนเรานั้นเป็นพุทธะอยู่แล้ว หากแต่เราปล่อยให้กิเลสตัณหาห่อหุ้มจนจิตไม่ประภัสสร
    “จิตประภัสสรก็หมายถึงจิตเดิม ซึ่งเปรียบเสมือนเพชร ลักษณะแวววาวสุกใสอยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่ที่มันเศร้าหมองจนเรามองไม่เห็นความประภัสสรของมัน เพราะมีสิ่งอื่นมาห่อหุ้ม ทำให้รัศมีเปล่งออกมาไม่ได้ อย่างไฟฉายของเรา พอเปิดสวิตช์ขึ้น มันก็สว่างเป็นลำพุ่งออกไปพอปิดสวิตช์มันก็มืด ไม่เห็นดวงไฟ ทั้งที่ความจริงจิตมันประภัสสรอยู่แล้วแต่คนเราทุกวันนี้ ก็เอากิเลส ความโกรธ ความหลงที่เปรียบเหมือนดินทรายเขม่าไฟต่างๆ ไปห่อหุ้มปิดบังมันเสียเอง มันเลยมืดบอดอยู่อย่างนั้น...เราอยากจะเห็นตามพระองค์บ้างก็ต้องลงทุนลงแรงเอาสิ่งที่หุ้มห่อออก แล้วจึงจัดสีให้มันเปล่งแสงประภัสสรขึ้น เอาอะไรมาขัดสีล่ะ ก็เอาสมาธินั่นแหละมาขัดสี...”
    “สิ่งต่างๆ ในโลกนี้มันก็อยู่ที่จิตนี้เอง ความรู้สึกของเราอยู่ที่ไหน จิตใจก็อยู่ที่นั้น หลวงปู่มั่นท่านก็เคยพูดว่า อยู่ที่ใจของเจ้า โลกนี้ไม่มีใจก็ไม่มีความหมาย โลกกับธรรมมันอิงกันอยู่ ก็อยู่อย่างไม่ขัดโลกขัดธรรมเขา รูปนาม ถ้าแยกออกก็เป็นอภิธรรมทั้งหมด
    รูปกับนามเป็นจุดแรกของปัญหา เรื่องราวต่างๆ ที่เราไม่รู้ก็เพราะไม่ได้ค้นคว้ากำหนด ท่านว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันเป็นวัฏฏะ หมุนเวียนตั้งแต่จุดเล็กไปถึงจุดใหญ่ เหมือนกับความมืดกับความแจ้ง มันต้องอยู่ที่เดียวกัน แต่คนละช่วง มันเกิดพร้อมกันไม่ได้
    ความจริงรูปนามมันมีอยู่แล้ว ถ้าปลงความเชื่อว่า คำสอนต่างๆ ล้วนมีอยู่แล้ว ถ้าไม่มี ท่านก็ไม่มีอะไรจะพูด เมื่อไม่มีอะไรจะพูดมันก็หยุดเป็นวิมุตติไป ถ้าเอามาพูดถึงมันก็เป็นสมมติไป ธรรมะจริงๆ จะพูดหรือไม่พูดมันมีอยู่แล้ว...”
    หลวงปู่เหลือง เป็นพระมหาเถระที่ควรแก่การอัญชลี ท่านเจริญรอยตามครูบาอาจารย์ของท่านคือ แน่วแน่กับการปฏิบัติภาวนาไม่เสื่อมคลาย อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย แทบไม่มีใครจำสมณศักดิ์ของท่านได้เรียกกันแต่ว่า หลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง
    ************หยาดเหงื่อของพระผู้เฒ่า...“หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม” เกจิดังแดนอีสานใต้ ศิษย์หลวงปู่ฝั้น ผู้ไม่เคยถือสมณะศักดิ์ หรือชื่อเสียงใดใด

    หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม ...พระอรหันต์เจ้าแห่งบุรีรัมย์ *****มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ {บูชาที่ 250 บาทฟรีส่งems มาพร้อมกล่องเดิม

    17264425_1318210878241151_6727615596988056689_n-1-jpg.jpg


    18195138_1299825823469287_5894137482331668998_n-20-1-jpg.jpg 18301921_1299825850135951_4657292737319483411_n-jpg.jpg

    SAM_6941.JPG SAM_6944.JPG SAM_6943.JPG SAM_2209.JPG
    11029896_918936891501887_5893762049328451839_n-1-jpg.jpg
     
  18. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 817 เหรียญครบ 89 ปีหลวงปู่หลอด ปโมทิโต พระอรหันต์เจ้าวัดสิริกมลาวาส(วัดลาดพร้าว) กรุงเทพมหานคร หลวงปู่หลอดเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคสุดท้าย เหรียญสร้างปี 2546 เนื้อทองเเดงรมดำ >>>>>>> ประวัติโดยย่อพอสังเขปเเละโอวาทธรรมหลวงปู่หลอด พระครูปราโมทย์ธรรมธารา (หลวงปู่หลอด ปโมทิโต) เป็นพระเถราจารย์ผู้มีจริยวัตรงดงามทั้งกายและใจ ท่านมักจะสอนลูกศิษย์เสมอๆ ว่า "ในหมู่คนดี ย่อมมีคนไม่ดีปะปนอยู่ด้วยเป็นของธรรมดา จึงไม่ควรใส่ใจ คนไหนดีเราก็สรรเสริญ คนไหนไม่ดี เราก็ออกห่าง ไม่ยกย่อง จงรักคนทุกคน ไว้ใจบางคน อย่าทำผิดต่อทุกคน และจงดูตนเสมอ" อีกคำสอนหนึ่ง คือ "เกิดเป็นคน จะสอนคน ต้องสอนตนก่อน เมื่อถูกสอน อย่าทำค้อน คำสอนเขา จะดีคน หรือคนดี จงติเรา จะโกรธเขา หรือเขาโกรธ ดูโทษตัว"
    ปัจจุบัน (ปี ๒๕๔๙) หลวงปู่หลอด อายุ ๙๑ ปี พรรษา ๖๙ ตามประวัติของหลวงปู่ ชื่อเดิม "หลอด ขุริมน" เกิดเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๔๕๘ ณ บ้านขาม ต.หัวนา อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี (ปัจจุบันคือ ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู) บิดาชื่อ "บัวลา" มารดาชื่อ "แหล้" หรือ "แร่" หลวงปู่เป็นบุตรคนสุดท้อง จากพี่น้อง ๓ คน คือ นางเกิ่ง (ถึงแก่กรรม) นางประสงค์ (ถึงแก่กรรม)หลังจากจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ พออ่านออกเขียนได้ ขณะนั้นหลวงปู่มีอายุ ๑๖ ปี ผู้เป็นแม่ได้ถึงแก่กรรม หลังจากป่วยหนัก หลวงปู่จึงตั้งใจไว้ว่า จะบรรพชาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้มารดา เมื่ออายุ ๑๘ ปี มีโอกาสบรรพชาเป็นสามเณรสมดังใจตั้งมั่น ที่วัดศรีบุญเรือง ต.หัวนา อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี โดยมี พระอธิการคูณ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ต่อมาไม่นาน โยมพ่อก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันอีก หลวงปู่จึงลาสิกขาออกมาช่วยพี่น้องทำไร่ทำสวน ในช่วงเวลานี้เองหลวงปู่ได้ไตร่ตรองเปรียบเทียบชีวิตของทั้ง ๒ เพศ คือ เพศบรรพชิต และเพศฆราวาส ทำให้ท่านพบว่าการออกมาใช้ชีวิตในเพศฆราวาสนั้น มีแต่กองทุกข์ มองชีวิตเป็นเรื่องน่าเบื่อ จำเจอย่างมาก และมองไม่เห็นความก้าวหน้า เมื่อเอาดีทางเพศฆราวาสไม่ได้ ก็ต้องเอาดีทางบรรพชิตให้ได้
    ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่จึงตัดสินใจก้าวเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ สังกัดมหานิกาย ณ พัทธสีมา วัดธาตุหันเทาว์ ต.บ้านขาม เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๙ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน สาม ปีจอ โดยมีพระอาจารย์ชาลี วัดโพธิ์ชัยสะอาด บ้านจิก อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ขาน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และได้พำนักที่วัดธาตุหันเทาว์ พร้อมศึกษาพระธรรมด้านวิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด
    ต่อมาหลวงปู่ได้ญัตติเป็นพระธรรมยุต ในสายพระป่ากรรมฐานศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และได้มาสร้างวัดขึ้นใหม่ คือ วัดสิริกมลาวาส หรือวัดใหม่เสนานิคม ใกล้สี่แยกวังหิน เขตลาดพร้าว กทม
    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *ปกิณกะธรรมหลวงปู่หลอด ปโมทิโต
    ๑. อย่าถือวิสาสะ ให้รู้จัก กาล เวลา บุคคล และ สถานที่
    ๒. ความรักลูกเหมือนห่วงผูกคอ ความรักสิ่งของเหมือนปอผูกศอก ความรักไร่นาสาโทเหมือนปลอกสวมตีน ใครแก้สามอย่างนี้ไปนิพพานได้
    ๓. มีศิษย์คนหนึ่งเรียนถามปัญหาหนึ่งกับหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ เคยมีฝรั่งที่ผมเคยเรียนภาษาอังกฤษด้วยเขาเป็นหมอสอนศาสนาคริสต์ เขาเคยถามผมว่าจิตเดิมมาจากไหน และสุดท้ายเขาก็ยัดเยียดความคิดให้ผมว่า พระเจ้าสร้างจิต แต่ผมไม่ยอมรับครับ ผมอยากทราบว่าจิตเดิมมาจากไหนครับหลวงปู่ ?"
    หลวงปู่ตอบว่า "จิตเดิม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ามาจากความไม่รู้ คือ อวิชชา ความไม่รู้นั่นแหละเป็นตัวพาให้มันมาเกิด เมื่อเกิดมาแล้วก็ทำให้มันรู้ซะ จะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก จำไว้ว่ามันเกิดจากอวิชชาทั้งนั้น ทั้งโลภ โกรธ หลง จำไว้นะให้ตอบเขาแบบนี้นะ"
    ๔. คนฉลาดอยู่กับที่ สู้คนโง่เที่ยวไปที่ต่างๆ ไม่ได้
    ๕. มีศิษย์คนหนึ่งเรียนถามปัญหาหนึ่งกับหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ พระอริยเจ้าเวลาท่านเข้านิโรธสมาบัติ ท่านจะบอกผู้คนไหมครับ"
    หลวงปู่เมตตาตอบว่า "ไม่หรอก ถ้าท่านบอก ก็จะบอกกับโยมที่ใส่บาตรว่า โยมไม่ต้องมาใส่บาตรนะ อีก ๗-๘ วัน อาตมาจะพักผ่อน"
    ลูกศิษย์ถามต่อไปว่า "อย่างนี้แปลว่า พระอริยเจ้าเวลาท่านเข้านิโรธสมาบัติ ท่านไม่บอกใช่ไหมครับ" หลวงปู่ตอบว่า "เพิ่นบ่อบอกดอก"
    ๖. มีลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างใหญ่ เรียนถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ เวลานั่งภาวนานานๆ ยิ่งปวดขึ้น เป็นเพราะร่างกายเราใหญ่โตหรือเปล่าถึงทำให้ปวดเมื่อยถึงขนาดนี้ อยู่ที่ร่างกายสังขารคนด้วยหรือเปล่าครับ" หลวงปู่ตอบว่า "ไม่เกี่ยวหรอก กิเลสลากไปให้คิดว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ลองใหม่ดูสิ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ"
    ๗. มีลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งเรียนถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ การปฏิบัติแบบรูป - นาม กับการปฏิบัติแบบพระป่า เหมือนกันไหมครับ"
    หลวงปู่เมตตาตอบว่า "เหมือนกันอเมริกาหรือเมืองไทยอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน การปฏิบัติก็เหมือนกัน อริยสัจตัวเดียวกัน"
    ๘. มีพระรูปหนึ่งเรียนถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ จิตของพระอรหันต์เวลาว่างท่านคิดอะไรครับ"
    หลวงปู่ตอบว่า "ไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดแต่วิหารธรรมอย่างเดียว" พระรูปนั้นถามย้ำว่า "มีแต่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เท่านี้ หรือครับหลวงปู่" หลวงปู่ตอบว่า "อืม... กิเลสบ่อมีทางแทรกแซงได้เลย"
    ๙. ในแต่ละครั้ง มักมีผู้มาเรียนปรึกษาปัญหาต่างๆ กับหลวงปู่ แม้กระทั่งเรื่องปัญหาในครอบครัว การหย่าร้าง หลวงปู่ท่านจึงเทศน์ชี้ทางดับปัญหานี้
    "เอาล่ะ เราจะเทศน์ให้ฟังเป็นคุณธรรมสำหรับ คนมีครอบครัว ผู้อยู่ร่วมกันอย่างไรมันก็ต้องกระทบกันบ้างเป็นธรรมดา มนุษยธรรม ๔ ข้อ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ สัจจะ คือ ความซื่อตรง จริงใจต่อกัน ไว้วางใจกัน ไม่คิดว่าเขาจะนอกใจเรา ไม่คิดว่าเขาจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย ให้อิสระแก่กัน เชื่อในเกียรติของกันและกัน ไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทุกข์ใจ ถ้ามีสัจจะต่อกันก็ไม่ต้องทะเลาะกัน
    ทมะ คือ ความอดกลั้นอารมณ์ ระงับอารมณ์ คนโกรธ โกรธเพราะไม่รู้จักระงับอารมณ์ คนเราอยู่ด้วยกัน ถ้าปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่บ้านก็แตก มันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ คิดบ้างหรือเปล่าว่าลูกเต้าจะเป็นอย่างไร
    ขันติ ความอดทน ทนลำบาก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รักใคร่ปรองดองกัน จะยากจะจนก็ทนกัน อย่าเอาความลำบากเป็นอารมณ์ อดทนต่อสิ่งที่เราไม่ชอบ เช่าเขากินเหล้าใช่ใหม เราบอกให้เขาเลิก เขาไม่เลิก (เหล้า) เราก็ทนสู้ เพื่อลูก คิดดูให้ดี ถ้าเราอดทน แล้วปัญหาก็จะไม่เกิด ถ้าเกิดก็น้อยมาก
    จาคะ คือ การบริจาค ในที่นี้ไม่ใช่การบริจาคเงินทองอย่างเดียวนะ บริจาคกิเลสตัณหา ความโกรธ ความหึงหวงออกไป ไม่ใช่ตระหนี่ถี่เหนียวเอาความมีกิเลสตัณหาไว้ เมื่อโกรธก็บริจาคออกไป นี่แหละถ้าทำได้ทั้ง ๔ ข้อ ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ทะเลาะกัน นี่รักษาศีล ๕ ได้ไหม
    หลวงพ่อจะแถมให้ ถ้ารักษาไม่ครบ ๕ ข้อ ก็เอาแค่ ๒ ข้อ ก็พอ ข้อ ๓ กับ ข้อ ๕ ถ้าผิด ๒ ข้อนี้ ฆ่ากันได้นะ ไปยุ่งกับเมียเขา ผัวเขารู้โกรธเข้า ก็ฆ่านะซิ กินเหล้าพูดไม่เข้าหู ก็ฆ่ากันได้ แต่ถ้าจะว่า ๕ ข้อ ข้อใดบาปกว่ากัน ก็พอกันนั่นแหละ"

    ๑๐. การปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ย่อมต้องมีศีลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ หลายท่านที่สนใจปฏิบัติธรรมได้กราบเรียนถามธรรมะเพื่อการปฏิบัติ องค์หลวงปู่ท่านได้อธิบายไว้ว่า "ศีล ๕ นี้สำคัญ ศีล ๕ เป็นประธาน ศีลอื่นเป็นศีลบริวาร ศีล ๘ ศีล ๑๐, ๒๒๗ ข้อ ก็เป็นศีลบริวาร การปฏิบัติธรรมนั้นล้วนแต่ต้องประกอบด้วยศีลเป็นสำคัญ ศีล ๕ ขา ๒ แขน ๒ หัว ๑ จะฆ่าสัตว์ ก็เอสแขนทำ ขโมยของก็เอามือหยิบ ขาพาไป ผิดเมียเขา เอาทั้งกายทำ โกหกใช้ปากที่อยู่บนหัวพูด กินเหล้า ก็ใช้ปากกิน ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์ ธรรมะปฏิบัติก็จะไม่เจริญ ปฏิบัติก็ไม่ไปไหน นี่สำหรับนักปฏิบัติ ศีลสำคัญมาก พึงรักษาไว้ให้ดี" >>>>>>หลวงปู่หลอดละสังขาร
    พระครูปราโมทย์ธรรมธารา (หลวงปู่หลอด ปโมทิโต) วัดใหม่เสนานิคม ลาดพร้าว บางกะปิ กรุงเทพฯ ละสังขารเมื่อวันอังคารที่ 7 กรกฎาคม 2552 เวลา 12.58 น. ด้วยอาการสงบ ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ขณะมีอายุ 93 ปี .
    lllll1111-jpg.jpg
    พระครูปราโมทย์ธรรมธารา (หลวงปู่หลอด ปโมทิโต)
    >
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา*******บูชาที่ 235 บาทฟรีส่งems
    sam_7321-jpg.jpg sam_7120-jpg.jpg sam_7121-jpg.jpg sam_1360-jpg.jpg
     
  19. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 819 พระกริ่งรุ่นเเรกรุ่นเศรษฐี+เหรียญรุ่นสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ตื้อหลวงปู่สังข์ สังกิจโจ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.เเม่เเตง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่สังข์เป็นศิษย์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ,หลวงปู่เเหวน สุจิณโณ เป็นต้น พระกริ่งสร้างปี 2556 ้เนื้อทองเหลือง มาพร้อมกล่องเดิม *** ประวัติย่อๆพระครูภาวนาภิรัต ( หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ ) วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ***
    -:- ชาติภูมิ -:-
    นามเดิมของท่านชื่อ สังข์ คะลีล้วน เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๓ ณ บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม บิดาชื่อนายเฮ้า มารดาชื่อนางลับ คะลีล้วน ท่านมีพี่ชายติดโยมบิดา ๑ คน มีพี่ชายติดโยมมารดา ๑ คน และมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันจำนวน ๔ คน โดยท่านเป็นลูกชายคนที่ ๑
    -:- บรรพชา -:-
    ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซื่งถือว่าสูงสุดในสมัยนั้น เมื่ออายุครบ ๑๘ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ พัทธสีมา วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม โดยมีพระสารภาณมุนี(หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ (ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเทพสิทธาจารย์) บรรชาเสร็จก็กลับมาจำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ซื่งเป็นบ้านเกิด
    -:- ฟังธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต -:-
    เมื่อครั้งเป็นสามเณร ในขณะนั้นหลวงปู่มั่น ภิริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ได้มาพำนักที่วัดป่าบ้านหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร สามเณรสังข์ในครั้งนั้นก็ได้มีโอกาสได้เข้ากราบนมัสการและรับฟังพระธรรมเทศนาจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตโดยตรง แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะยังเป็นเด็กอยู่
    -:- ติดตามหาหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม -:-
    ท่านเป็นสามเณรอยู่ 3 ปี สามารถสอบนักธรรมชั้นตรี และโท ได้จากสนามสอบวัดศรีชม ซึ่งเป็นวัดบ้านเพราะยุคนั้นสนามสอบของคณะธรรมยุติยังไม่มี
    ต่อมาท่านจึงได้ออกติดตามหาหลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติทางยาย คือปู่ของหลวงปู่ตื้อเป็นพี่ชายของคุณยายของท่าน เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ของหลวงปู่ตื้อมานาน แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน จึงอยากจะออกติดตามหาหลวงปู่ตื้อ และได้ขึ้นมา จ.เชียงใหม่เป็นครั้งแรก โดยมีพี่ชายของหลวงปู่ตื้อ มีพระและญาติโยมตามมาด้วย ซึ่งเมื่อถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ก็เข้าพักที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อน ได้ยินว่าหลวงปู่ตื้อจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จึงตามไปพบท่านที่วัดป่าดาราภิรมย์ เมื่อได้พบหลวงปู่ตื้อแล้วก็พักอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.นครพนม
    -:- อุปสมบท -:-
    ใน พ.ศ.๒๔๙๓ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดป่าบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม โดยมีพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตตโก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระทัด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์บุญส่ง โสปโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว ก็อยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม กับพระอุปัชฌาย์เป็นเวลา ๕ ปี ท่านสอบนักธรรมชั้นเอกได้ที่วัดป่าบ้านสามผงแห่งนี้ แล้วทำหน้าที่เป็นครูสอนนักธรรมช่วยพระอุปัชฌาย์
    -:- ออกวิเวกทางภาคเหนือ -:-
    จากนั้นปี พ.ศ.๒๔๙๙ หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ จึงออกเดินทางขึ้นเหนือเพื่อมาอยู่กับหลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่นี่ท่านได้เรียนบาลีไวยากรณ์กับพระมหามณี พยอมยงย์ จนจบชั้นหนึ่ง สอบได้แล้วจึงหยุดเรียน เพราะจิตใจใฝ่ในทางธุดงค์มากกว่า ท่านจึงได้ออกวิเวกแถบจังหวัดเชียงราย โดยมีพระอาจารย์ไท ฐานุตตโม วัดเขาพุนก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นสหธรรมิก เที่ยววิเวกไปด้วยกัน ได้พบพระอาจารย์มหาทองอินทร์ กุสลจิตโต ที่วัดถ้ำผาจรุย อ.ป่าแดด จ.เชียงราย
    -:- พำนักที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ -:-
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ได้สร้างวัดป่าสามัคคีธรรมขึ้นซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ หลวงปู่สังข์ได้กลับจากเที่ยววิเวกมาจำพรรษากับหลวงปู่ตื้อที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ ท่านได้พัฒนาและบูรณะวัดนี้มาโดยตลอด
    ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอาจารย์ตื้ออย่างเป็นทางการ ได้สร้างอุโบสถหนึ่งหลัง ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ ได้รับพระราชสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระครูภาวนาภิรัต หลวงปู่สังข์ สังกิจโจได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มาเป็นเวลากว่า 54 ปีแล้ว ปัจจุบันหลวงปู่อายุจะครบ 89 ปี พรรษา 69 ในวันที่ 24 กัยยายน 2563 นี้ครับ(่ท่านยังทรงธาตุทรงขันต์อยู่ครับ)
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ *******บูชาที่ 515 บาทฟรีส่งems sam_6773-jpg.jpg sam_6774-jpg.jpg sam_6775-jpg.jpg sam_6776-jpg.jpg sam_1581-jpg.jpg SAM_1654.JPG SAM_1655.JPG sam_1967-jpg.jpg
     
  20. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 820 เหรียญรุ่นเมตตาหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าภูมิพิทักษ์ อ.สว่างเเดนดิน จ.สกลนคร หลวงปู่หนูเพชรเป็นศิษย์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดป่าประสิทธิธรรม เหรียญสร้างปี 2556 มีตอกโค๊ตตัวเลข 1506 หน้าเหรียญ มาพร้อมกล่องเดิม >>>>>ประวัติหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ
    หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ พระอริยะสงห์แห่งวัดป่าภูมิพิทักษ์ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลวงปู่ท่านเป็นผู้มักน้อยสันโดษ ชอบอยู่เงียบๆเรียบง่าย ไม่ติดในลาภสักการะ เมื่อเข้าไปพบเจอ สนทนากับหลวงปู่ มีแต่ความเยือกเย็น เมตตาหาที่สุดไม่มีประมาณ เป็นธรรมยิ่งนัก สาธุ สาธุ สาธุ.(หลวงปู่หนูเพชร องค์ท่านไม่รับกิจนิมนต์ออกจากนอกวัดเลย ใครจะมากราบก็มากราบที่วัดได้ตลอดเวลาครับผม) >>>>ประวัติย่อพอสังเขปหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ
    วัดป่าภูมิพิทักษ์
    ต.คำสะอาด อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ
    เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๔๗๒
    ณ.บ้านบึงโน ต.บ้านหัน อ.บ้านหัน จ.สกลนคร
    ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น
    ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    บิดาชื่อนายบุญ ไพบูลย์ มารดาชื่อนางเคน ไพบูลย์
    มีบุตรร่วมกัน 6คน
    ๑.หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ (ไพบูลย์)
    ๒.นางเล็ก ไพบูลย์ (เสียชีวิตแล้ว)
    ๓.นางสอง ไพบูลย์ (เสียชีวิตแล้ว)
    ๔.นางทอง ไพบูลย์ (เสียชีวิตแล้ว)
    ๕.น้องชาย (ไม่ทราบชื่อ) เสียชีวิตแล้ว
    ๖.น้องชาย (ไม่ทราบชื่อ)เสียชีวิตแล้ว
    เมื่ออายุ ๗ ปีท่านได้เข้าเรียนโรงเรียนวัดศรีชมภู
    บ้านบึงโนในปีพ.ศ. ๒๔๗๘ ได้เล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ ๔ ในปีพ.ศ.๒๔๘๓ ใช้เรียนเรียนอยู่๕ปี ช้ากว่าเด็กไว้เดียวกัน ๑ปี เพราะไม่ได้ไปสอบเลื่อนชั้น จึงได้เรียน ๕ปี เมื่อจบโรงเรียนวัดศรีชมภู
    ท่านมีอายุ๑๑ปี ในปี๒๔๘๓ หลวงปู่ธรรม เคยเป็นสามี พี่สาวมารดาหลวงปู่ เคยแต่งงานกับพี่สาวมารดาหลวงปู่แต่งไม่มีลูก จึงเลี้ยงดูหลวงปู่
    ต่อมาได้ทราบประวัติหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ
    ว่าท่านสละทรัพย์สมบัติ ชวนภรรยาออกบวช
    หลวงปู่ธรรมจึงได้ชวนภรรยาที่เป็นพี่สาวมารดาหลวงปู่ออกบวชเหมือนกัน
    หลวงปู่ธรรมได้มารับเด็กชายหนูเพชร ไพบูลย์
    ไปอยู่ด้วยที่วัดผดุงธรรม บ.ดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.สกลนคร (ซึ่งเป็นวัดแรกที่องค์หลวงปู่พรหม. จิรปุญโญได้สร้างขึ้น ก่อนจะสร้าวัดประสิทธิธรรม) ในปี ๒๔๘๓-๒๔๘๗ องค์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ท่านยังไปวิเวกในเขตภาคเหนือ และเดินทางกับมาภาคอีสานในปีพ.ศ.๒๔๘๗
    เข้าร่มผ้ากาสาวพัสตร์ครั้งแรก
    อายุได้๑๒ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดชัยมงคล
    บ้านง่อน ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ในปี.พ.ศ.๒๔๘๔ โดยมีพระอุปัชฌาย์ฮวด สุมโน
    เป็นพระอุปัชฌาย์
    พรรษาที่๑ ได้สอบนักธรรมชั้นตรีได้ในปีพ.ศ.๒๔๘๔
    พรรษาที่๒ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้ในปี พ.ศ.๒๔๘๕
    พรรรษาที่๓ ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อีกในปีพ.ศ.๒๔๘๖
    พรรษาที่ ๔ ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อีกในปี พ.ศ.
    ๒๔๘๗
    พรรษาที่๕ ได้สอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อีกในปีพ.ศ.๒๔๘๘
    รวมระยะเวลาท่านสอบนักธรรมชั้นโทไม่ได้อยู่๔ปี
    ท่านจึงเลิกสอบ
    พรรษาที่ 6. พ.ศ. ๒๔๘๙ ระหว่างปี๒๕๘๗-๒๔๘๙ สามเณรหนูเพชร ไพบูลย์ ได้มีโอกาสศึกษาธรรมกับองค์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ศิษยในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่พรหมถือเป็นศิษย์ในหลวงปู่มั่นที่สำเร็จธรรมเป็นพระอรหันต์องค์แรกที่หลวงปู่มั่นชมเชย
    เนื่องจากปี๒๔๘๗องค์หลวงปู่พรหมกลับภาคอีสาน
    ต่อมาไม่นานปี๒๔๘๙
    บิดาหลวงปู่ได้ป่วยไม่มีใครทำนาท่านจึงได้ตัดสินใจลาสิกขาออกไปทำนาเพื่อเลี้ยงน้องๆ ตามประเพณีที่ท่านเป็นลูกชายคนเดียวและคนโต
    *****เข้าร่มผ้ากาสาวพัสตร์ครั้งที่สอง
    ต่อมาอายุ ๒๐ย่าง๒๑ปี
    ท่านได้ชอบสาวในหมู่บ้านเดียวกัน เลยขอมารดาอยากแต่งงาน แต่มารดาไม่อนุญาติ พร้อมขอให้ท่าน
    อุปสมบทให้มารดาก่อนเพราะท่านเป็นลูกชายคนเดียวและคนโต ท่านจึงได้ตกลงจึงได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์ลี ฐิตธัมโม ณ.วัดศรีชมภู เพื่อให้พระอยู่ในสำนักสอนขานนาค (คำขออุปสมบท)
    ขณะท่านเข้านาคเป็นผ้าขาวอยู่นั้นผู้สอนคำอุปสมบทให้ท่านคือหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
    ขณะนั้นทางวัดศรีชมภู ชาวบ้านและครูบาอาจารย์ กำลังร่วมกันสร้างโบสถ์ขึ้น โดยมี พระอาจารย์ลี ฐิตธัมโม(พระครูฐิตธรรมญาณ) เป็นหัวหน้า
    พระอาจารย์มหาเถื่อน อุชุกโร(พระครูอดุลสังฆกิจ)
    พระอาจารย์คำฟอง เขมจาโร(พระครูพิพิธธรมสุนทร) พระอาจารย์โง่น โสรโย พระอาจารย์สมภาร ปัญญาวโร(พระครูปัญญาวรากร) พระอาจารย์อ่อนศรี ฐานวโร พระอาจารย์อุดม ญาณรโต(พระครูอุดมศีลวัฒน์) จนเสร็จสมบูรณ์ จึงทำการผูกพัทธสีมาพร้อมทั้งอุปสมบทพระภิกษุ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
    บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นของขวัญแก่ชาวบ้าน
    นาคผ้าขาวหนูเพชร ได้รับการอุปสมบทหลังจากผ่านการฝึกหัดท่องคำขออุปสมบท พร้อมข้อวัตรปฏิบัติสมควรแก่การอุปสมบท
    >>>>>อุปสมบท
    ในวันจันทร์ที่ ๓๐ เดือนมกราคม ๒๔๙๓
    เวลาประมาณ๐๔ฺ.๐๐น เริ่มปลงผมโกนผมเวลา๐๒.๐๐น. ณ.อุโบสถวัดศรีชมภู บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    เช้าวันอังคารที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๙๓
    เป็นวันถวายเพลิงศพท่านพระอาจารย์ใหญ่
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ.วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง
    จ.สกลนคร
    โดยมี
    ๑.พระครูพุฒิวรคม (พุฒิ ยโส) เป็นพระอุปัชฌาย์
    ๒.พระอาจารย์คำฟอง เขมจาโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (พระครูพิพิธธรรมสุนทร )
    ๓.พระอาจารย์ลี ฐิตธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    (พระครูฐิติธรรมญาณ)
    มีนาคผ้าขาวร่วมอุปสมบทจำนวณ๑๒ตัว(คน)
    จาก๔หมู่บ้าน
    ✅หลังจากเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ท่านได้ไปเรียนกัมมัฏฐานกับหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของพระอาจารย์มั่น อยู่ปฏิบัติพระกัมมัฏฐานกับหลวงปู่พรหมระยะหนึ่ง หลังจากนั้นท่านได้ไปเดินธุดงค์กับหลวงปู่ลี ฐิตธัมโม วัดเหวลึก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ถึงปี พ.ศ.2513 หลวงปู่หนูเพชรได้มาเจอวัดโบราณที่เป็นวัดร้าง ได้ตั้งชื่อวัดว่า "วัดป่าภูมิพิทักษ์" ท่านจึงมาจำพรรษาปฏิบัติธรรมจนถึงปัจจุบัน
    หลวงปู่หนูเพชร เป็นพระเถระที่วัตรปฏิบัติเคร่งครัด เป็นพระชอบเก็บตัวเงียบ ซึ่งในขณะนั้น คณะศิษย์สายชลบุรีได้รู้จักจากการแนะนำของหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุน จ.ชลบุรี เนื่องจากหลวงปู่หนูเพชรได้เคยป
    pic_2067_1-jpg.jpg
    pic_2067_2-jpg.jpg

    SAM_7456.JPG SAM_3280.JPG SAM_7373.JPG SAM_7375.JPG SAM_2721.JPG
    ( ล่าง ) หลวงปู่ถ่ายภาพหน้ากุฏิสมัยที่ท่านยังแข็งแรงดีอยู่
    ฏิบัติธรรมกับหลวงปู่อ่อนศรี
    หลวงปู่อ่อนศรี ยังพูดบอกอีกด้วยว่า "หลวงปู่หนูเพชร ท่านเก่งกว่าฉันอีก" ก่อนที่หลวงปู่อ่อนศรี ท่านจะมรณภาพ ท่านเคยสั่งไว้ให้คณะศิษย์ไปกราบหลวงปู่หนูเพชร >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา******บูชาที่ 205 บาทฟรีส่งems
     

แชร์หน้านี้

Loading...