พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

713. พระดีพิธีใหญ่ พระผงจันทร์ลอย พิมพ์ใหญ่แจกกรรมการ วัดสรรเพชญ นครปฐม ปี2512 เกจิร่วมปลุกเสกมากมาย ให้บูชา 1650 บาท จองแล้วครับ

​

พระวัดสรรเพชญ จัดสร้างโดย พระอาจารย์ทองเจือ ธัมมธีโร วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และ คุณหมอสุพจน์ ศิริรัตน์
ที่ได้รับอนุญาต จากท่านเจ้าคุณนรฯ ให้สร้างเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถวัดสรรเพชญ นครปฐม
สำหรับพิมพ์จันทร์ลอย เป็นพิมพ์ที่แจกกรรมการ มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก
1. พิมพ์ใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 ซม.
ด้านหน้า เป็นพระพุทธปางมารวิชัยประทับเหนือสิงห์ตรงกลางกลีบบัว และมีการวางยันต์
ต่างๆ ไว้มากมาย
ด้านหลัง ก็มีการวางยันต์ไว้มากมาย เป็นยันต์ของคณาจารย์ต่างๆ ของนครปฐม และที่อื่นๆ
ด้วย เช่น นะล้อมโลกของหลวงพ่อน้อย ตรงกลางกลีบบัว และยันต์ของหลวงพ่อ
ต่างๆ ไว้ในกลีบบัว ซึ่งสัดส่วนต่างๆ นั้นลงตัวและมีความคมชัดมาก
2. พิมพ์เล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.5 ซม.
ด้านหน้า เป็นพิมพ์พระพุทธมารวิชัยเช่นกัน จะสังเกตได้ว่าเป็นการจำลองจากพิมพ์ใหญ่มา
แล้วได้ว่างยันต์ไว้ด้านล่าง
ด้านหลัง เป็นยันต์ปิดตาล้อมด้วยมังกร

มวลสารประกอบด้วย
1. เส้นเกศาเจ้าคุณนรฯ และผงเสกไตรมาสวัดวิเวกวนาราม (ประมาณปี๊บครึ่ง)
2. ผงลบถม 12 คัมภีร์ ของ อ.รอด สุขเจริญ ได้แก่
- ผงปถมัง - ผงอิทธิเจ
- ผงมหาราช - ผงสุกิตติมา
- ผงนอโม - ผงอาการวัตตาสูตร
- ผงอิติปิโสรัตนมาลา - ผงธรรมคุณ
- ผงสังฆคุณ - ผงพระสิวลี
- ผงพาหุง - ผงนะ 108
3. ผงศิลาธิคุณ หรือ ผงฤาษีผสม ที่เขาเจียก ดีทางรักษาโรค เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด
4. ผงดินสอฤาษี (สีเหลือง) มีอานุภาพทางเมตตา มหานิยม แคล้วคลาด
5. ผงจันทรประภา ทำได้เฉพาะในคืนวันเพ็ญ เดือน 12 ที่ตรงกับวันจันทร์เท่านั้น มีอานุภาพทางมหาเสน่ห์ เมตตา มหานิยม อย่างเอกอุ
6. ผงสุริยประภา ผงนี้ทำจากกะลามะพร้าวตาเดียวแกะเป็นรูปราหูอมจันทร์นำมาเสกแล้วเผาตำ
ให้เป็นผง และต้องทำในวันที่เกิดสุริยุปราคาเท่านั้น ผงนี้มีอิทธิคุณทางกันภัยและโชคลาภ
7. แร่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น
- แร่เกาะล้าน ดีทางแคล้วคลาด คงกระพัน กันอสรพิษ
- แร่นกกาสัก (ขี้นกกาสัก) พบมากที่ อ.อู่ทอง สุพรรณบุรี
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า แร่นี้เกิดจากพระฤาษีได้สร้างนกกาสักขึ้นด้วยอาคม
แล้วให้นกนี้ไปกินแร่ที่ศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต่างๆ แล้วถ่ายออกมาเป็นแร่นี้
มีคุณทางคงกระพันและแคล้วคลาด
- สะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี
- แร่เขาสารพัดดี อยู่บนเทือกเขาสารพัดดี ชัยนาท วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงดนตรีประโคมดัง
- แร่เขาสามยอด
8. พลอยเมืองจันทบุรี
9. น้ำมันหอม 9 กลิ่น ลพ.จ่าย วัดรุ้ง ที่ท่านเสกจนเดือด
10. ผงลพ.สด วัดปากน้ำ และผงพระวัดปากน้ำ รุ่น 1-3 ที่แตกหักชำรุดจำนวนมาก
11. ผงพระชุดเบญจภาคีที่ชำรุดแตกหัก
12. ผงพระกรุเก่าจากที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
13. กระเบื้องโมเสค หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร
14. ผงพระสมเด็จวัดสามปลื้ม

พุทธาภิเษก 2 วาระ

วาระที่ 1 ที่วัดชิโนรส กทม. มี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี , หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม , หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ร่วมปลุกเสก
วาระที่ 2 อธิษฐานจิตเดี่ยวโดยท่านเจ้าคุณนรฯ ซึ่งท่านได้เมตตาปลุกเสกให้ถึง 3 วาระ ด้วยกัน คือ
1) ท่านเจ้าคุณนรฯ ได้เมตตาปลุกเสกผงวัดวิเวกวนารามให้ตลอดไตรมาสเมื่อ ปี 2511
ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า
เมื่อสร้างเป็นพระเครื่องแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำมาให้ท่านปลุกเสกอีกก็ได้ เพราะผงนี้เป็นผงวิเศษที่ดีอยู่แล้ว
2) ปลุกเสกโดยญาณ โดยท่านเจ้าคุณนรฯ ได้สั่งให้พระอาจารย์ทองเจือ จัดอาสนะไว้ให้ท่านเพื่อปลุกเสกให้
ซึ่งเมื่อได้จุดธูปเทียนบอกกล่าวนิมนต์ท่านแล้ว ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทันที คือ
เปลวเทียนที่จุดไว้ลุกสว่างจ้าขึ้น และเอนลู่ไปคล้ายมีลมพัดอย่างแรง
ทั้งๆ ที่ขณะนั้นประตูห้องทุกบานและหน้าต่างปิดหมด
ซึ่งพระอาจารย์ทองเจือได้ทำแบบนี้ตลอดพรรษาปี 2513
3) พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดเทพศิรินทร์ กทม. เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2513 ซึ่งเป็นการอธิษฐานจิตเดี่ยวครั้งใหญ่และเป็นสุดท้ายของท่านเจ้าคุณนรฯ
ซึ่งเมื่อท่านอธิษฐานเสร็จท่านได้เปล่งเสียงออกมาดังๆว่า พระเมตตา พระมหานิยม พระอุดมลาภ พระมหาลาภ พระมหาอุด พระแคล้วคลาด พระคงกระพันชาตรี พระล่องหนหายตัวได้

หลวงปู่เพิ่ม วัดสรรเพชญ ท่านมีความสนิทสนมกับ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มานาน
ทั้งได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันตลอดตั้งแต่ตอนที่ท่านเพิ่งย้ายมาอยู่วัดสรรเพชร(สรรเพชญ)
ถ้ามีลูกศิษย์จากอำเภอสามพราน นครปฐมไปกราบไปขอของดีจากหลวงพ่อเงิน
หลวงพ่อเงินท่านจะบอกว่า ไม่ต้องมาไกลหรอก หลวงปู่เพิ่ม วัดสรรเพชร ท่านก็เก่งไม่เบาเลยทีเดียว
อีกทั้งหลวงปู่เพิ่มยังได้มีการพบปะแลกเปลี่ยนทดลองวิชากับ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ อีกด้วย
รวมทั้งได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีปลุกเสกหมู่ของทางวัดกลางบางแก้วหลายครั้งเลยทีเดียว

 

714.ผ้ายันต์ หลวงพ่อปิ่น วัดศีรษะทอง นครปฐม ปี 2505 ขนาดประมาณ 8 x 8 นิ้ว ให้บูชา 1500 บาท

​

ผ้ายันต์ผูกพัทธสีมา อาจารย์.ปิ่น วัดศีรษะทอง ปี2505 ผ้ายันต์ผื่นนี้ออกในคราวฉลองงานผูกพันธสีมา เมื่อคราวปี 2505 สมัยอาจารย์ปิ่น เป็นเจ้าอาวาส ขนาด 8 x 8 นิ้ว ภายในผ้ายันต์อัญเชิญยันต์สุกิตติมา อันเป็นยันต์ใหญ่ที่มีอุปเท่ห์การใช้มากมาย และใช้ แทนกะลาแกะราหูได้เลยครับใช้แก้ดวงกลับดวงตกยันต์ที่ลงราหู มีอยู่ในผ้ายันต์ครับ ราหู ของท่านจะมีปลอมมากมายครับ ผ้ายันต์ดูง่ายและหายากกว่าครับ ขนาดลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ยังยกย่องว่าเป็นเลิศเลยทีเดียว

​

 

715. พระดีพระเก่า น่าบูชา พระสมเด็จทรงสิงห์ หลวงพ่อชื่น วัดกลางคูเวียง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ให้บูชา 1450 บาท

​

หลวงพ่อชื่น ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว โดยได้เรียนคู่กับ หลวงพ่อเพิ่ม วัดกลางบางแก้ว สมเด็จทรงสิงห์ยุคแรกนี้ใกล้จะกลายเป็นตำนานแห่ง อ.นครชัยศรีไปแล้วเหมือนกัน หลวงพ่อมักจะแจกให้เฉพาะเข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หรือไม่ก็ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เรื่องพุทธคุณด้านอำนาจบารมี แคล้วคลาด คงกระพัน เชื่อขนมกินได้เลย

ประวัติ หลวงพ่อชื่น เขมจารี วัดกลางคูเวียง จังหวัดนครปฐม

"หลวงพ่อชื่น เขมจารี" อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางคูเวียง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ต.สัมปทวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อีกทั้งเป็นหมอยาตำรับแผนโบราณ รักษาให้กับคนทั่วไปโดยไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทน

ประวัติหลวงพ่อชื่น เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 19 พ.ค.2445 ที่บ้านกลาง หมู่ 3 ต.สัมปทวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นบุตรของนายฝอยและนางวัน ทุยเวียง ประกอบอาชีพทำนา

เมื่ออายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดสัมปตาก ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดกลางคูเวียง เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2465 โดยมีพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) วัดกลางบางแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดหล่อ วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระอธิการมา วัดลานตากฟ้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เขมจารี

หลังจากนั้น ท่านได้มาจำพรรษาอยู่วัดกลางคูเวียง โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรม พร้อมกับศึกษาการแพทย์แผนโบราณ ท่านมีความรู้ทางอักษรไทย และภาษามคธ แตกฉานในอรรถธรรม ต่อมาได้ไปศึกษาภาษาขอมและวิทยาคมกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ได้เรียนคู่กับ หลวงพ่อเพิ่ม วัดกลางบางแก้ว

นอกจากนี้ ยังมีความรู้พิเศษในทางวิปัสสนาธุระเป็นอย่างดียิ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2472 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางคูเวียง และเริ่มก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ รวมทั้งเริ่มรักษาโรคให้ชาวบ้านที่ได้รับความเจ็บป่วย โดยมิได้เรียกค่ารักษาใดๆ

สำหรับตำรับตำรายารักษาโรคเหล่านั้น ท่านศึกษาเล่าเรียนจาก "หมอเทียนสาลีเวียง" หมอโบราณที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องการรักษาโรค การดูฤกษ์ยาม ทำนายโชคชะตา

ครั้นถึง พ.ศ.2479 ท่านได้หาเงินสร้างอุโบสถใหม่แทนหลังเดิม ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ทำด้วยไม้กระดาน ชำรุดจนไม่สามารถใช้ทำสังฆกรรม พร้อมกับสร้างพระประธานองค์ใหม่ พระอัครสาวก พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร

ต่อมาท่านซื้อที่ดินขยายเขตวัดออกไปอีกทางด้านเหนือ เพื่อใช้เป็นที่ปลูกสร้างโรงเรียนประชาบาล คือ โรงเรียนวัดกลางคูเวียง (พันธุลาภอนุสรณ์) ซึ่งแต่เดิม ต้องอาศัยศาลาการเปรียญของวัดเป็นที่ศึกษาเล่าเรียน

อีกทั้ง ท่านยังได้ก่อสร้างกุฏิขึ้นอีกหลายหลัง โดยเป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด และลงมือทำเองอีกด้วย

หลวงพ่อชื่น เริ่มสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2479 ซึ่งเป็นปีที่ท่านสร้างโบสถ์หลังใหม่ทดแทนโบสถ์หลังเดิมที่เป็นไม้ โดยสร้างวัตถุมงคลเนื้อชินผสมดีบุกใช้มวลสารหลักจากเงินเก่าที่อยู่ในหลุมลูกนิมิตโบสถ์หลังเดิม สร้างขึ้น 4 รูปแบบ คือ พระปิดตา พระนางพญา พระปางลีลา และนางกวัก

ต่อมาในปี พ.ศ.2481 สร้างวัตถุมงคล "รุ่นอินโดจีน" ซึ่งถือว่าเป็นรุ่น 2 เพื่อนำรายเป็นทุนสร้างศาลาการเปรียญ และซื้อที่ดินขยายเขตวัดเพิ่ม วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมีเสื้อยันต์ ผ้ายันต์วัวธนู พระสมเด็จผงพุทธคุณ พระหลวงพ่อโตซุ้มเถาวัลย์เนื้อดิน และเครื่องรางรูปเสือ เนื้อผงพุทธคุณ

หลังจากปี พ.ศ.2481 ท่านสร้างวัตถุมงคลอีกหลายรูปแบบโดยเจตนาเพื่อบรรจุกรุ อาทิ เครื่องรางรูปเสือ สิงห์ พระสมเด็จ พระสมเด็จทรงสิงห์ โดยสร้างด้วยเนื้อผงเป็นหลัก แต่ท่านได้แกะพิมพ์ และกดพิมพ์พระด้วยตัวเอง

ในปี พ.ศ.2506 สร้างเหรียญรูปเหมือนด้วยเนื้อทองแดงผิวไฟ ท่านได้จารด้วยตัวเองทุกเหรียญ ถือเป็นเหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียว

กล่าวขวัญกันว่า เครื่องรางของขลังและวัตถุมงคลของหลวงพ่อชื่น มีพุทธคุณโดดเด่นในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย และคงกระพัน

พ.ศ.2506 หลวงพ่อชื่น ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรที่ "พระครูโสภณสาธุการ"

ในช่วงท้ายของชีวิต ท่านเผยแผ่พระธรรมวินัยให้แก่พุทธบริษัท นำไปปฏิบัติเพื่อเป็นการปลูกศรัทธา ตลอดจนได้รักษาโรคให้กับผู้เจ็บป่วยอย่างมิเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย กระทั่งหลวงพ่อชื่น มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2514 เวลา 20.05 น. สิริอายุ 69 ปี พรรษา 49

ในช่วงเวลาที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล มีผู้มีจิตศรัทธาและและเคารพเลื่อมใสท่าน จับจองเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมเกินกว่า 100 วัน

กาลต่อมา หลวงพ่อเชิญ ในฐานะศิษย์เอก เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของหลวงพ่อชื่น ด้วยการก่อสร้างกุฏิโสภณสาธุการ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดี พร้อมกับสร้างเจดีย์ทองบรรจุศพหลวงพ่อชื่น ภายในกุฏิ เพื่อให้บรรดาผู้ที่เคารพเลื่อมใสได้มากราบไหว้บูชาเป็นสิริมงคล โดยได้ทำพิธีบรรจุศพหลวงพ่อไว้ในพระเจดีย์ทอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ส.ค.2524 เวลา 09.29 น.

ทุกปีในวันที่ 21 เม.ย. วัดกลางคูเวียง จัดงานคล้ายวันมรณภาพของหลวงพ่อชื่น เพื่ออุทิศส่วนกุศลและรำลึกถึงคุณงามความดี

 

716.พระเอกวัดมอญ ประสบการณ์มากมาย พระนักธรรม(แหวกม่านเล็ก) หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน อ่างทอง ปิดรายการครับ

​

พระนักธรรม ของ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน อ่างทอง(ขอดีน่าห้อย)
สำหรับพระนักธรรมพิมพ์นี้เป็นพิมพ์ที่ศูนย์ขอจัดสร้างแล้วได้นำมาให้ท่านเสกให้ ท่านเสกให้เต็มที่ถือว่าเป็นพระนักธรรมรุ่นแรก ๆ ของท่าน และที่สำคัญบล็อคได้ทำลายไปแล้วครับ สำหรับพระนักธรรมของหลวงพ่อทรงนั้น เป็นพระเครื่องแบบหนึ่งที่ทำให้ชื่อเสียงหลวงพ่อทรงดังมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นพระที่จะไปสอบนักธรรมหรือเด็กนักเรียน นักศึกษา หรือผุ้ที่จะสอบต่าง ๆ ก็ล้วนแต่ต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ตอนที่หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทองยังไม่มรณภาพนั้นท่านมักแจกให้เด็กๆเสมอโดยเด็กๆที่ได้ไปห้อยคอ จากเด็กที่เรียนไม่เก่งบ้าง ไม่ค่อยขยันบ้าง กลับเปลี่ยนเป็นเด็กที่เรียนดีขึ้น ขยันเรียนมากขึ้น โรงเรียนวัดศาลาดิน สอบได้ยกชั้นกัน จนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้เป็นที่ต้องการกันมาก ๆมีประสบการณ์เยอะ
แม้แต่พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน ท่านก็แนะนำครับ
ถาม : ในการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังของทางวัดท่าซุงนั้น ในขณะที่ฝึกพระอาจารย์จะนำคทามาแตะที่ศีรษะของผู้ฝึก เพื่อช่วยผู้ฝึกให้มีกำลังใจมากขึ้น จึงขอกราบเรียนถามว่าจะมีวัตถุมงคลใดบ้าง ที่มีอานุภาพช่วยในการฝึกเช่นเดียวกันกับคทานั้นบ้างครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาช่วยในการฝึกนั้นยังไม่มี แต่ถ้าจะเอาช่วยในการเรียนนั้นมีอยู่ ลองไปเสิร์ชคำว่า "พระนักธรรม" ดู น่าจะมีบอกเอาไว้บ้าง

 

จองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

717.พระดีพิธีใหญ่ พระวัดโคนอน ธนบุรี **//1ชุดมี4องค์//** ประกอบด้วยพระปิดตา,นางกวัก,พระรอด,นางพญา ปี2515 เนื้อชินตะกั่ว ตอกโค๊ตที่ด้านหลังองค์พระ ให้บูชา ชุดละ 2,000 บาท

​

ใน ปี ๒๕๑๕ วัดโคนอนได้ดำเนินการจัดสร้างอุโบสถหลังใหม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ จึงได้จัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตขึ้น และได้ดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อเป็นที่ระลึกและสมนาคุณแก่ผู้ร่วม บริจาคตั้งกองทุนบำรุงรักษาอุโบสถ และกองทุนถวายภัตตาหารพระภิกษุ สามเณร และได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกและชัยมงคลภิเษก ณ อุโบสถวัดโคนอนในงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต

ชนวนมวลสาร ใช้แท่งเนื้อตะกั่ว และเศษพระปิดตา ของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนังที่ค้นพบในกรุเป็นมวลสารหลัก พระทุกองค์จะหลอมและเทพิมพ์พระทีละองค์ในพิธีเท่านั้น โดยผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะต้องนุ่งขาวห่มขาว และถือศิลโดยต้องทำภายในพระอุโบสถเท่านั้น และผู้หยอดพิมพ์จะต้องอยู่จำนวนตามทีกำหนดไว้ โดยมีพระเกจิอาจารย์นั่งปรกปลุกเสกอยู่ตามทิศตามประเพณีโบราณ พระชุดปิดตานั้นจะเป็นฆาราวาสและเด็กวัดช่วยกันหยอดพิมพ์ ซึ่งพระในชุดนี้ถือได้ว่าเป็นพระแฮนด์เมดที่สร้างทีละองค์ โดยเมื่อพิจารณาดู พระแต่ละองค์จะมีขนาดแตกต่างไม่เท่ากัน และจะมีการต๊อกโค๊ตไว้ที่ด้านหลัง ถือได้ว่าดีทั้งนอกและใน คือ มวลสารดี สร้างมาจากแท่งชินเก่าของหลวงปู่เอี่ยม และเศษพระปิดตาที่พบจากกรุวัดโคนอนที่ชำรุดมาหลอมรวมหยอดพิมพ์ทีละองค์ ส่วนพิธีก็ถือได้ว่าเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่มาก
พิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม – ๑ เมษายน ๒๕๑๕ เป็นเวลา ๙ วัน ๙ คืน
โดยได้นิมนต์ พระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ) เป็นประธานในพิธีนั่งปรก และพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณอีก ๕๕ รูป

หลังพิธีผ่านพ้นไป หลวงปู่โต๊ะได้กล่าวกับลูกศิษย์ของท่านว่า “ไปเอาพระมาไว้ซะ พระชุดนี้เจ้าของเขามานั่งเป็นประธานปลุกเสกด้วยตัวเอง(หมายถึงหลวงปู่เอี่ยม)
เมื่อครั้งที่หลวงปู่โต๊ะ เริ่มได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหม่ๆ นั้น ท่านได้เล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า เวลาที่ท่านจับสายสิญจน์ในพิธี ท่านจะรู้ได้ทันทีว่า ในพิธีนั้น มีพระอาจารย์องค์ไหนเก่ง หลังจากนั้นหลวงปู่โต๊ะก็จะติดตามไปขอเรียนวิชา และศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์องค์นั้น หลวงโต๊ะท่านมีญาณวิเศษ

จึงคำกล่าวว่าพระชุดนี้”หลวงปู่เอี่ยมมาเสกเอง” มาจากคำกล่าวของหลวงปู่โต๊ะได้กล่าวกับลูกศิษย์นี่เอง
ท่านพระครูวิจิตรนวการ (หลวงพ่อทองปลิว) เจ้าอาวาสวัดโคนอน องค์ปัจจุบันได้กล่าวว่าระหว่างพิธีพุทธาภิเษกดำเนินอยู่นั้นพระสงฆ์จากทุกสารทิศ ได้ประชุมกันรายล้อมพระอุโบสถและร่วมสวดพระคาถามงกุฏพระเจ้า ซึ่งเป็นพระคาถาประจำตัวของหลวงปู่เอี่ยม สวดอยู่ตลอดพิธีไม่หยุด หรือเพราะมงกุฏพระเจ้านี่เองที่นำหลวงปู่เอี่ยมลงมานั่งเป็นประธานเสก ดังที่หลวงปู่โต๊ะได้เห็น

รายนามพระคณาจารย์บางส่วนที่ร่วมปรกเสกดังนี้
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานร่วมกับพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณอีก ๕๕ รูป อาทิ
๑ . ) หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช พระนครศรีอยุธยา
๒ . ) หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
๓ . ) หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม
๔ . ) หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี
๕ . ) หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา สมุทรสาคร
๖ . ) หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง สมุทรสาคร
๗ . ) หลวงพ่อบุญมี วัดอ่างแก้ว กรุงเทพฯ
๘ . ) หลวงพ่อมิ่ง วัดกก กรุงเทพฯ
๙ . ) หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม
๑๑. ) หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ
๑๒. ) หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่
๑๓. ) หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม ชลบุรี
๑๔. ) หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
๑๕. ) หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
๑๖. ) หลวงพ่อไพฑูรย์ วัดโพธินิมิตร กรุงเทพฯ
๑๗. ) หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี
๑๘. ) หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
๑๙. ) หลวงพ่อแจ๋ วัดคลอง ๒๐ ฉะเชิงเทรา
๒๐. ) หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
๒๑. ) หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน พิจิตร
๒๒. ) หลวงพ่อผ่อง จินดา วัดจักรวรรดิฯ กรุงเทพฯ
๒๓. ) หลวงพ่อหอม วัดชานหมาก ระยอง
๒๔. ) พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปัตตานี
๒๕. ) หลวงพ่อมุม วัดนาสัก ชุมพร
๒๖. ) หลวงพ่อมุม วัดปราสาท ศรีสะเกษ
๒๗. ) พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง
๒๘. ) พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง นครศรีธรรมราช
๒๙. ) หลวงพ่อเพิ่ม วัดจักรวรรดิฯ กรุงเทพฯ
๓๐. ) หลวงพ่อช้วน วัดหนัง กรุงเทพฯ
๓๑. ) หลวงพ่อเล็ก วัดหนองดินแดง นครปฐม
ฯลฯ

 

.....สวัสดียามเช้าครับ.....

 

718. เหรียญฉีดพัดยศเนื้อนวโลหะ(ดีเซลรางรุ่นสุดท้าย+เลี่ยมตลับเงิน)พระราชสังวรญาณ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา คณะรถไฟ(ดีเซลราง) จัดสร้างปี2536 ให้บูชา 850 บาท

​

 

719. ที่สุดแห่งความเมตตา พระปิดตารุ่นแรก เนื้อดำหลังเเบบนิยมโรยผงตะไบทอง ผสมผงหลวงพ่อแก้ว หลวงพ่อสารันต์ ลพบุรี ปี 26 ให้บูชา 950 บาท จองแล้วครับ

​

หลวงพ่อสารันต์ วัดดงน้อย ลพบุรี ได้สร้างพระปิดตา รุ่นแรกผสมผงหลวงพ่อแก้วขึ้นเมื่อปี ๒๕๒๖ โดยระบุว่าได้ผสมผงพุทธคุณ ของหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ลงไปด้วย ทำให้มีพุทธคุณทางด้านเมตตาเป็นยอด มีผู้นำไปใช้แล้วพบประสพการณ์ดีๆ เป็นที่โจษขานกันมาก ทำให้พระปิดตารุ่นนี้หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว แม้ในเวลานี้กลายเป็นที่หวงแหนของผู้ครอบครองยิ่งนัก เพราะพระหลวงพ่อแก้วแพงมากจนหมดหวังที่คนทั่วไปจะเป็นเจ้าของได้สักองค์ แต่ปิดตาหลวงพ่อสารันต์ ที่มีพุทธคุณขนาดใช้แทนกันได้ ยังมีราคาไม่แพงไม่ต้องไปหาเช่าพระราคาหลักล้านที่ไหนมาใช้อีก จนทำให้เราไม่เห็นพระหมุนเวียนในตลาดอีกเลย(หายาก) รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่สองของท่าน คนลพบุรีหวงแหนกันมาก นำมาเผยแพร่ให้วงการรู้จักกันครับ
หลวงพ่อสารันต์ ท่านไปได้ผงหลวงพ่อแก้วมาจากไหน ? จากปากคำที่ได้สอบถามโดยตรงจากหลวงพ่อ ซึ่งเชื่อถือได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะท่านเป็นพระนักปฏิบัติ นักเทศน์ และนักเผยแพร่พระธรรม มีวัตถุมงคลน้อย นับรุ่นและจำนวนได้ถ้วนทั่วชัดเจนครับ ท่านได้ผสมผงเก่าของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ แท้ๆ ลงไปจริงๆ!!!! พร้อมตะไบทองคำแท่งลงไปอีกน้ำหนักรวมกัน ๔๐ บาทพอดี ได้พระปิดตาสองรุ่นคือรุ่นแรก(ใหญ่) และรุ่นสอง(เล็ก)ของท่าน

ความจริงมีอยู่ว่า เศรษฐีผู้ครอบครองผงฯ ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ได้นำมาถวาย เพราะทราบว่าหลวงพ่อสารันต์เป็นพระดี
ไม่ทำมาค้าขาย และมีบารมี วิชาอาคมพอที่จะทำและสร้างชื่อเสียงได้ไม่แพ้ต้นตำรับ
ถึงกระทั้นในครั้งแรกผู้ครอบครองก็ยังหวงแหนไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่หลังจากมีนิมิตร(ฝัน) จนประสบเพชภัยมาแล้วอย่างสาหัส ถึงสองครั้งสองครา ก็จำยอมต้องนำผงฯ มาสร้างพระ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณชื่อเสียงของท่านผู้สร้างผงศักสิทธิ์นี้
หลวงพ่อท่านได้รับผงฯมา เป็นแท่งเหมือนดินสอสีขาวสองกำ ๗ แท่งกำนึง และอีกกำมีสามแท่ง รวมเป็นสิบแท่ง
ท่านก็เหมือนเราแหละครับ ใครจะเชื่อง่ายๆ ว่าผงฯสุดยอดแห่งยุคจะมาหาง่ายๆ แล้วที่ได้มากับแค่คำบอกเล่า ท่านจะเชื่อไหมครับ ????
ท่านใช้เวลาพิสูจน์อยู่นาน ตระเวณหาสุดยอดเกจิแห่งยุคที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนั้น ทุกที่ที่ไป ทุกท่านที่ปรึกษา ทั้งหมดลงความเห็นตรงกันว่า เป็นผงฯของหลวงพ่อแก้ว แน่นอน !!!!!
หลังจากนั้นจึงเริ่มดำเนินการสร้างพระโดยประสานกับวัดเครือวัลย์ตลอดทุกขั้นตอน ทั้งการแกะแม่พิมพ์ ไปจนถึงมอบพระปิดตารุ่นนี้ให้วัดเครือวัลย์ไปจำนวนหนึ่งด้วย

สุดยอดเมตตาแห่งยุค หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เมื่อเอ่ยถึงหลวงพ่อแก้วแล้วทุกคนก็ระลึกถึงคุณธรรมความดีและความขลังความ ศักดิ์สิทธิ์ของท่านไปต่างๆนานา ถึงแม้ท่านจะล่วงลับไปเป็นเวลานานแล้วก็ตามแต่คุณงามความดี ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ยังดังก้องอยุ่ในโสตประสาทของสาธุชนทั้งหลายดุจท่านยังมีชีวิตอยู่ฉะนั้น
หลวงพ่อแก้ว ชอบสร้างพระเป็นรูปพระปิดตา เพราะพระปิดตาแบบนี้เป็นสัญญาลักษณ์แห่งการไม่ดูไม่มองอะไร คือไม่เพ่งโทษ และหาโทษผู้อื่น ตั้งความเมตตาและกรุณาเที่ยงตรงต่อมนุษย์และสัตว์อื่นเสมอกันหมด ดุจดังพื้นแผ่นดินที่มั่นคงไม่ยินดียินร้ายในของหอมและของเหม็น ที่พวกมนุษย์ ทิ้งลงแผ่นดิน
ฉะนั้นหลวงพ่อแก้ว ท่านวางจิตเป็นกลาง ไม่รักคนนี้ เกลียดคนนั้น หรือชังคนโน้น ไม่ปรารถนาให้ใครเดือดร้อนเพราะท่าน ท่านถือหลักว่า ใครใคร่ลาภ จงได้ลาภ ใครใคร่บุญ จงได้บุญ ดังนี้
วิธีสร้างผง ในการสร้างพระปิดตาของหลวงพ่อแก้วนั้น ก็ไม่มีอะไรมากนัก โดยปกติแล้ว หลวงพ่อแก้ว ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยละเอียดรอบคอบเป็นปกติ ท่านเป็นผู้เห็นการณ์ไกล คือในขณะที่ท่านสอนบาลีไวยากรณ์อยู่นั้น ท่านก็ได้เก็บเอาผงที่ลบจากอักขระเอาไว้ เพราะการสอนหนังสือในสมัยนั้นจะ ต้องเขียนต้องลบตัวอักขระบนกระดานชนวนจริงๆ และนิยมกันว่า ผงอักขระที่ลบจากการเรียนภาษาบาลี ซึ่งเขียนเป็นอักษรขอมที่มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านก็จะนำมาผสมกับผงพระพุทธคุณ หรือผงมหาราช เป็นต้น เมื่อเอาผงดินสอ และผงพุทธคุณรวมกันเข้าแล้ว ท่านก็เอาเกษรดอกไม้ต่างๆ ใบไม้ เปลือกไม้ และเนื้อไม้ มาบดให้ละเอียดเป็นผง แล้วจึงนำมาผสมกับผงอักขระ การผสมผงเพื่อสร้างเป็นรูปพระหลวงพ่อแก้วนั้น ท่านเอาผงคุณพระกับผงดินสอที่ท่านเขียนอักขระบนกระดานชนวน เอาผงทั้งสองอย่างนั้นมาผสมกันเข้าไว้ แล้วเอาใบไม้ ที่เรียกกันว่า ใบไม้รู้นอนต่างชนิด เช่น ยอดสวาท เป็นต้น เอาเกษรดอกไม้บ้าง มาบดเป็นผงให้ละเอียด ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยดีแล้ว จึงเอาน้ำข้าวหนียวมาผสมทำให้เหนียว จึงเอากดลงในแม่พิมพ์ ก็สำเร็จเป็นองค์พระ
พระผงปิดตา หลวงพ่อแก้ว มีราคาหลักล้านและมีผู้นิยมในคุณวิเศษและพุทธานุภาพของพระเครื่องของท่าน ยิ่งนัก พอจะสามารถเทียบเท่ากับพระสมเด็จ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เลยทีเดียว ทำให้ขณะนี้มีราคาเช่าหากันตั้งแต่หลายหมื่นบาทขึ้นไป จนถึงหลาย ๆ ล้าน แต่เจ้าของพระบางราย แม้จะมีผู้มาให้ราคาสูงกว่านี้อีกหลายเท่า ก็ยังไม่ยินดีในเงินทองที่จะเอามาแลกเปลี่ยนกับพระของตนแม้แต่น้อย
หลวงพ่อสารันต์ วัดดงน้อย จังหวัดลพบุรี ท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญทั้งทางด้านวิชาอาคมและวิปัสนากรรมฐานโดยท่านเรียนวิชาอาคมสายทางเขมรจากหลวงปู่ธรรมรังษี วัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ นอกจากนั้นท่านยังได้ไปเรียนวิชากรรมฐานจากหลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น รวมถึงหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโนอีกด้วย

 

720. พระผงสมเด็จรุ่นแรก..(พิมพ์ใหญ่)พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร ( พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงปู่วิริยังค์) วัดธรรมมงคล แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ.สร้างปี2510 ให้บูชา 1650 บาท

​

หลวงพ่อได้เกณฑ์บรรดาพระเณรมานั่งกดพิมพ์ด้วยมือภายในวัด เพื่อที่จะนำพระออกแจกจ่ายแก่บรรดาญาติโยมที่มาร่วมบุญ พระสมเด็จรุ่นนี้ มีเนื้อหาคล้ายคลึงกับพระสมเด็จวัดระฆังเป็นอย่างมาก ต่างกันก็แต่ความเก่าใหม่ เนื่องจากอายุการสร้างที่ห่างกัน (อาจเป็นเพราะวัสดุมวลสารที่นำมาผสมที่เหมือนกันก็เป็นได้) พลังจิตของท่านสูงมากครับ พระของท่านขึ้นคอได้ไม่อายใคร พุทธคุณสุดยอดครับ นอกจากนั้นพระรุ่นนี้อาจารย์สายวัดป่ายังร่วมปลุกเสกมากมาย

สำหรับหลวงพ่อวิริยังค์ท่านเป็นพระปฏิบัติกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น หลวงพ่อท่านมีลูกศิษย์นับถือมากมาย ท่านไม่ค่่อยจะสร้างวัตถุมงคลมากนัก ถ้าจะสร้างก็เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เมื่อท่านสร้างวัตถุมงคลนอกจากท่านจะปลุกเสกเดี่ยวแล้ว ยังมีการเชิญพระเกจิสายกรรมฐานมาร่วมปลุกเสกอีกมากมายในแต่ละครั้ง เช่น หลวงปู่ดุลย์ , หลวงปู่ขาว เป็นต้น หลวงพ่อวิริยังค์ท่านเป็นพระที่มีบารมีสูงมากๆสามารถสร้างถาวรวัตถุต่างๆที่มีมูลค่านับร้อยนับพันล้านได้ภายในไม่กี่ปี

สร้างวัด 13 แห่งในประเทศไทย

สร้างวัดไทยในประเทศแคนาดา 6 แห่ง

สร้างวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง

สร้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)ที่จังหวัดนครราชสีมา

สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (โครงการประทีปเด็กไทย) 5000 กว่าแห่งทั่วประเทศ

สร้างโรงพยาบาลจอมทอง

สร้างที่ว่าการอำเภอจอมทอง

สถาบันประถมศึกษาจอมทอง

สร้างพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย วัดธรรมมงคล

สร้างพระหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดธรรมมงคล

สร้างสถาบันพลังจิตตานุภาพในประเทศไทยและประเทศแคนาดา

สร้างสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์

สร้างโรงเรียนวัดธรรมมงคล (หลวงพ่อวิริยังค์ อุปถัมภ์) กรุงเทพมหานคร

สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร

สร้างมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ศูนย์ให้การศึกษาวัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร

สร้างโรงเรียนอนุบาลธรรมศาลา กรุงเทพมหานคร

+ หลวงพ่อวิริยังค์ได้รับปริญญาดุษฎีบัณทิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวม 13 ใบ

+ สมณศักดิ์

พุทธศักราช ๒๕๐๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกที่ พระครูญาณวิริยะ (ฝ่ายวิปัสสนาธุระ) พุทธศักราช ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระญาณวิริยาจารย์ (ฝ่ายวิปัสสนาธุระ)

พุทธศักราช ๒๕๓๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชธรรมเจติยาจารย์ (ฝ่ายวิปัสสนาธุระ)

พุทธศักราช ๒๕๔๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพเจติยาจารย์ (ฝ่ายวิปัสสนาธุระ)

พุทธศักราช ๒๕๕๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมมงคลญาณ (ฝ่ายวิปัสสนาธุระ)

 

721. พระดีของท่านผู้เป็น สหธรรมิก หลวงปู่หมุน พระผงกินไม่ไหวใช้ไม่หมด หลวงปู่ละมัย สํานักสงฆ์สวนสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์ เลี่ยมเดิมจากวัด ปี51 ให้บูชา 750 บาท

​

ชีวประวัติขององค์หลวงปู่ละมัย นั้นยังคงเป็นปริศนาอยู่ทุกวันนี้
ว่าท่านเป็นใคร มาจากที่ไหน เนื่องจากไม่สามารถสืบค้นประวัติที่แท้จริงของท่านได้
จากการที่รู้คร่าวๆ ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์องค์หนึ่ง ที่อยู่กระทำกิจบางอย่าง
เพื่อสืบทอดและปกป้องพระพุทธศาสนา ท่านเคยเล่าว่า ท่านเคยอยู่เขมร30ปี ลาว30ปี
ไทยเลย30ปี ไม่มีที่ไหนที่ท่านไม่เคยไป ท่านไปมาแล้วทุกที่
พออ่านแล้วได้ฟังตอนนี้น่าคิดในความหมายของหลวงปู่ที่ท่านพูด
ว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดา แบบปรกติทั่วๆไป เพราะการไปของท่านในสมัยก่อน
ไม่มีรถรา ไม่มีเครื่องบิน แต่เป็นการเดินธุดงค์ ด้วยเท้าเปล่าๆ
ไปทั้งศรีลังกา จนได้เจอครูบาอาจารย์ของท่าน ปัจจุบัน ครูบาอาจารย์ของท่านก็ยังคง
ทรงสังขารอยู่ที่ศรีลังกา อายุไม่ต้องไปพูดถึง เพราะมันเป็นปัจจัตตัง
และท่านมีความผูกพันธุ์กับหลวงปู่เทพโลกอุดร ตั้งแต่ยังเป็นเณร
อีกทั้งสำเร็จลุนพระอริยะสงฆ์ที่สองฝั่ง ไทยลาว ให้การนับถือทั้งอิทธิฤทธิ์ และบุญฤทธิ์ และธรรมะ
ปัจจุบันหลวงปู่ละมัยท่านยังทรงสังขารอยู่ และยังเป็นมิ่งขวัญ
ที่สำคัญในการการปกป้องพระพุทธศาสนาและพี่น้องชาวไทย
ใครได้ไปกราบท่านสักครั้ง คงจะไม่สามารถลืมพระแบบท่านได้อีก
ท่านมีทั้งคุณธรรมขั้นสูง จนบรรดาพระเกจิดังๆหลายๆองค์ต้องเดินทางไปกราบท่าน
เช่น หลวงพ่อรวยวัดตะโก หลวงปู่ใหญ่ พิษณุโลก หลวงพ่อคูณก็เป็นศิษย์ของท่าน หลวงปู่น๊ะ วัดหนองบัว
หลวงพ่อบุญลือวัดคำหยาด และหลวงปู่เปรี่ยมวัดกำแพง และหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน(มรณะแล้ว) และอีก
มากมาย ที่เคารพในคุณธรรมของท่านว่า
จะหาพระแบบท่านไม่ง่ายเลย นับเป็นบุญกุศลยิ่งนัก
ด้วยความเคารพในองค์หลวงปู่อย่างสุดซึ้ง

หลวงปู่ อายุ 135 ปีจริงหรือ มีคำตอบคับ

เรื่องราวของพระสงฆ์อายุยืนที่สุดในโลก เปิดเผยขึ้น เมื่อหลวงปู่ละมัย ฐิตมโน อายุ 135 ปี เจ้าสำนักสงฆ์สวนป่าสมุนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พระดังของ จ.เพชรบูรณ์ รายนี้ได้เดินทางมาที่ จ.เชียงใหม่พร้อมกับพระครูปัญญาวุธากร อายุ 72 ปี เจ้าอาวาสวัดคีรีบัววนาราม ต.เขาน้อย อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี และเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน เพื่อร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระพิฆเนศนั่งสังข์ ที่วัดพระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่


พระครูปัญญาวุธากร อายุ 72 ปี เหลนของหลวงปู่ละมัย บอกว่าหลวงปู่ละมัยมีศักดิ์เป็นทวดของตน ปัจจุบันถือเป็นพระสงฆ์ที่มีอายุมากที่สุดในประเทศไทยหรือในโลกก็ว่าได้ แต่เนื่องจากเมื่อ 135 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการทำใบสำคัญการแจ้งเกิด ทำให้หลวงปู่ละมัยไม่มีใบเกิดแสดงอายุ จึงขาดหลักฐานเลยไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในกินเนสต์บุ๊ค แต่จากการสอบถามประวัติต่างๆจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นลูกหลานรวมทั้งตัวหลวงปู่ ละมัยเอง เมื่อบวกลบตัวเลขและนับย้อน พ.ศ.ไปตามคำบอกเล่า ทำให้ทราบว่าหลวงปู่ละมัยมีอายุถึง 135 ปี มากกว่าหญิงชาวญี่ปุ่นที่มีอายุ 120ปี ซึ่งทางกินเนสต์บุ๊คได้เคยจดทำบันทึกไว้ แต่โดยส่วนตัวแล้วหลวงปู่ไม่ค่อยยอมที่จะเปิดตัวเรื่องอายุยืนให้กับใครฟัง

พระครูปัญญาวุธากร บอกอีกว่า สาเหตุที่ทำให้หลวงปู่และตระกูลมีอายุยืน 100 ปีขึ้นไปนั้น คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการที่หลวงปู่ชอบกินสมุนไพร ชอบฉันท์หมากเป็นประจำ และแม้อายุจะมากแต่ความที่เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดัง ตอนนี้จึงยังคงรับกิจนิมนต์ไปร่วมพิธีกรรมที่สำคัญตามวัดต่าง ๆทั่วประเทศ สำหรับประวัติของหลวงปู่ละมัย ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่นาลอง จ.บุรีรัมย์ อายุ 4 ขวบ โยมบิดาได้พาขึ้นเกวียนเดินทางออกจากประเทศไทยไปอยู่ที่เขมร ระหว่างที่อยู่เขมรหลวงปู่ทำไร่ทำสวน กระทั่งอายุได้ 28 ปี (ปี พ.ศ.2443) จึงบวชเป็นพระที่เขมร ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2504 จึงกลับประเทศไทย โดยได้มาพัฒนาและตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นที่สวนป่าสมุนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พร้อมจัดตั้งเป็นศูนย์ปลูกสมุนไพรนานาชนิด

อีกแหล่งที่มาครับ

หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน สำนักสงฆ์คีรีนามฑาสุขาวดี(สวนสมุนไพร) ต.บ้านโตก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ตามใบสุทธิ ที่หลวงพ่อสินชัย ได้จดบันทึกไว้ก่อนที่ไฟจะไหม้กุฏิหลวงปู่เมื่อปี พ.ศ.2537 ได้ระบุไว้ว่า เกิดปี พ.ศ.2403 หลวงปู่ท่านบวชเณรเมื่ออายุ 15 ปี เรียนมูลกัจจายน์ บวชพระปี พ.ศ.2443 เดินธุดงค์มาทั่ว ทั้งไทย ลาว เขมร พม่า ได้วิชาต่างๆมามาก และช่วยเหลือลูกศิษย์ลูกหาด้วยปรอท และยาสมุนไพรต่างๆมาโดยตลอด

หลวงปู่เป็นพระที่มีน้ำใจเยือกเย็น มีเมตตา แก่เหล่าลูกศิษย์มาโดยตลอด แม้ว่าบางครั้งคำพูดของท่าน อาจจะฟังดูดุดัน แต่ท่านก็ไม่ได้มีจิตใจที่กระด้างเหมือนคำพูดท่านแม้แต่น้อย กลับชุ่มเย็น มั่นคง หนักแน่น เป็นหลักชัยให้แก่เหล่าลูกหลานได้ตลอด การบุญการกุศลหลวงปู่ท่านก็รับเป็นประธานอุปถัมภ์ในการก่อสร้างหลายๆที่ ที่ผมได้สัมผัสก็คือ การก่อสร้างพระธาตุเกษแก้วจุฬามณี ที่วัดแดนคงคาวนาราม จ.ชัยภูมิ

วัดแดนคงคาวนาราม นี้หลวงปู่บุญมา เจ้าอาวาส ท่านได้เคยธุดงค์ไปในประเทศต่างๆของแหลมอินโดจีนนี้มาอย่างทะลุปรุโปร่ง และได้พบกับหลวงปู่ละมัยในป่า ได้รับการสั่งสอนอบรมสมาธิจิต วิชา คาถาอาคมต่างๆพอสมควร จึงกราบลาหลวงปู่ออกธดงค์ต่อไป และเมื่อผ่านไปยังประเทศอินเดีย ก็ได้รับพระบรมสารีริกธาตุมาด้วย และท่านก็ได้นำมาเก็บรักษาไว้ ณ วัดแดนคงคาวนาราม

ลุถึงปีพ.ศ.2545 หลวงปู่บุญมา อายุได้ 108 ปี มีความต้องการที่จะสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้น เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่ก็เกรงว่าจะไม่สำเร็จ จึงปรึกษากับเหล่าศิษยานุศิษย์ และได้ทราบว่า หลวงปู่ละมัย ยังดำรงขันธ์อยู่ จึงให้คณะศิษย์ ไปกราบอาราธนานิมนต์

พระเดชพระคุณหลวงปู่ละมัยมาเป็นประธาน ซึ่งท่านก็รับนิมนต์จนการก่อสร้างสำเร็จ และยกฉัตรไปแล้วเมื่อปีพ.ศ.2552

หลวงปู่บุญมา ได้บอกกับลูกศิษย์ว่า "หลวงปู่(ละมัย)เป็นครูบาอาจารย์ของหลวงปู่(บุญมา)นะ เคยพบกับท่านตอนธุดงค์ ตอนนั้นเราอายุ 15 ปีได้ ท่านจะเป็นผู้ที่สร้างพระธาตุสำเร็จ เพราะท่านมีบารมีมาก" หลังจากหลวงปู่ละมัยรับนิมนต์ได้ไม่นาน หลวงปู่บุญมาก็มรณภาพลง

 

722. พระสมเด็จพิมพ์เล็ก หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส เป็น รุ่นที่ท่าน ตั้งใจ สร้าง และ เสก อย่างเต็มที่ครับ ให้บูชา 750 บาท ปิดรายการครับ

​

ปี 2520 พระอุโบสถใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์ หลวงพ่อวงษ์ มอบหมายให้ พระพิมล และแม่ชีในวัดช่วยกันพิมพ์พระทรงสมเด็จมีทั้งหมด 7 พิมพ์ มีพิมพ์ไกเซอร์ พิมพ์พระประธาน พิมพ์นิยม พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร พิมพ์อกร่อง พิมพ์เล็กเท่าวัดปากน้ำ และพิมพ์คะแนนหลังปั๊มชื่อหลวงพ่อวงษ์ ได้พิมพ์ละประมาณ 84000 องค์ มีสีขาวเนื้อผงผสมปูน สีดำเนื้อปูนผสมผงใบลานเผา ได้มาจากพระพิมลที่นำใบลานพระคัมภีร์เทศน์เก่าที่ชำรุดมาเผาไฟ จนทำให้พระพิมลไม่สบายอย่างหาสาเหตุไม่ได้ จึงขอให้หลวงพ่อวงษ์รดน้ำมนต์ให้จนหาย หลวงพ่อวงษ์จึงสั่งให้นำผงใบลานเก่าที่เผาแล้วไปผสมทำพระเสีย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้สร้างใบลาน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วได้นำพระไปให้หลวงพ่อวงษ์ปลุกเศกเดี่ยวเพียงองค์เดียว มาตลอดจนมรณะภาพ พระผงรุ่นนี้ หลวงพ่อตั้งใจจะนำออกมาแจกในงาน ทำบุญฉลองพระอุโบสถที่ทำการบูรณะเสร็จแล้ว ท่านจึงตั้งใจปลุกเศกให้ดีที่สุด

ท่านบอกว่าพระผงรุ่นนี้ ต่อไปจะหายากยิ่งกว่าพระผงพิมพ์ตัวหนอนรุ่นพัดยศ

เพราะพระผงรุ่นนี้ท่านปลุกเศกนานถึงสามพรรษา จนท่านมรณะในวันที่ 2 สิงหาคม 2523

พระผงรุ่นนี้จึงเป็นรุ่นสุดท้ายของท่าน

 

723. สืบพุทธาคมหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เจ้าตำรับ 5 ม.น้ำมัน,น้ำมนต์,ไม้ครู,มีดหมอ,ชานหมาก พระปิดตาพิมพ์"ตุ๊กตาเล็ก" หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา ปี37 แท้ทันหลวงพ่อ พร้อมรูปถ่าย หลังยันต์ นะฉัพพรรณรังสี ให้บูชา 750 บาท

​

ก่อนที่หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจาท่านจะมรณภาพไม่นาน ท่านได้แสดง"สิ่งอัศจรรย์"ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดทั้งบรรชิต และฆารวาสที่ดูแลท่านได้เห็น ว่าสิ่งเหล่านี้ มีอยู่จริง!!! นั่นคือการ"ลบผงลอดใต้กระดาน"โดยท่านได้เขียนยันต์"นะฉัพพรรณรังสี"ลงบนกระดานชนวน พร้อมทั้งว่าพระคาถาเรียกสูตรกำกับตามที่ท่านได้ร่ำเรียนมา เสร็จแล้วท่านได้ใช้นิ้ว"เคาะที่กระดานชนวน"เบาๆ ปรากฏว่า ผงยันต์"นะฉัพพรรณรังสี"ที่ท่านได้เขียนไว้บนกระดานชนวน "หล่นรอดกระดาน"ลงไปที่ผ้าขาวที่ท่านได้ปูรองเอาไว้ และนี่ก็เป็นเพียง"เสียดเสี้ยว"เพียงเล็กน้อย ของปฏิปทา ปาฏิหาริย์ของท่าน ที่คนเมืองกรุงเก่าต่างรับรู้กันดี ที่เห็น เป็นพระปิดตาพิมพ์"ตุ๊กตาเล็ก"ซึ่งถือว่า เป็นพระปิดตาลอยองค์เนื้อผง"รุ่นแรก"ของท่าน สร้างในปี ๒๕๓๗ ซึ่งนอกจาก จะมีส่วนผสมของผง"นะฉัพพรรณรังสี"(ผงลอดกระดาน) ยังผสมกับมวลสารสำคัญต่างมากมาย(เช่นชานหมาก ว่านยา น้ำมนต์ ผงตะไบพระกริ่ง เส้นเกศา ฯลฯ) พระปิดตาพิมพ์"ตุ๊กตาเล็ก"นี้ จะมีทั้งเนื้อขาว และ เนื้อดำ เป็นพระอีกรุ่น ที่ประสบการณ์ดี

​

 

724.พระสมเด็จทวีลาภ วัดทุ่งเสรี ปี๒๕๑๙...หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อสงฆ์ ปลุกเสก พระดี พิธีใหญ่ ให้บูชา 650 บาท

​

พระผงสมเด็จตรัสรู้ วัดทุ่งเสรี กรุงเทพ จัดสร้างปี พ.ศ.๒๕๑๙ พิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่โดยมี อ.ไสววัดราชนัดดา เป็นเจ้าพิธี มีการปลุกเสก ๓ วาระด้วยกัน
.......วาระที่ ๑ พระคณาจารย์ผู้ทรงเวทย์ ปลกเสกเดี่ยวทั่วประเทศ๙๙ รูป
......วาระที่ ๒ ทำพิธีปลุกเสก ณ สถานที่ตรัสรู้ ภายในบริเวณมหาวิหารพุทธคยา ประเทศอินเดีย บริเวณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ใกล้แท่นวัชระอาสน์ เพราะเป็นสถานที่กว้างและมักมีผู้นำวัตถุมงคลมาปลุกเสกบ่อยๆ
........ วาระที่ ๓ ทำการพุทธาภิเษก ณ.อุโบสถวัดทุ่งเสรี กรุงเทพ วันที่๒๙ มิถุนายน ๒๕๑๙ มีพระคณาจารย์เข้าร่วมพิธีนี้ อาทิ ......
- สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
- หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
- หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
- หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย
- พระอาจารย์ ชุม ไชยคีรี
- หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
- หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
- หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณ์
- หลวงพ่อผล วัดมหาธาตุ
- หลวงพ่อผ่อง วัดสามปลื้ม
- พระมงคลราชมุนี วัดสุทัศน์
- พระอาจารย์สมพวง วัดเวฬุราชิน เป็นต้น

 

725.พระดีในตำนานครับ พระผงองค์บดินทร์ หลังเรียบปั้มตรายาง พิมพ์ใหญ่ ปิดรายการครับ

​

พระเครื่องดี
ที่สุดแห่งมวลสาร และการปลุกเสกที่ยาวนาน
องค์บดินทร์ หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร วัดป่าพุทธมงคล กาฬสินธุ์
สร้างโดย อ.อนันต์ สวัสดิ์เสาวณีย์ ปี 2525
พร้อมกับองค์บดินทร์ของวัดสามปลื้ม
โดยองค์บดินทร์ของ อ.อนันต์ พิมพ์พระด้านหน้าจะเหมือนกับของวัดสามปลื้ม ส่วนเนื้อหามวลสาร และด้านหลังขององค์พระจะแตกต่าง องค์บดินทร์ของ อ.อนันต์ นั้นจะแก่ด้วยเนื้อหามวลสาร
มวลสารสำคัญขององค์บดินทร์
1.ชิ้นส่วนพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหักจำนวนมาก เมื่อคราวเปิดกรุ พ.ศ 2500
2.ผงชิ้นส่วนพระกรุต่างๆ ที่ชำรุด เช่น พระคง พระผงวัดสามปลื้ม
3.ผงพระวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
4.ผงงาช้างโบราณ
5.ผงธนบัตรพันล้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6.ผงตะไบอาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ง้าวโบราณ
7.ผงว่าน108 ผงจิตรลดา ผงอัญมณี อันเป็นมงคลต่างๆ
8.ผงทรายเสก พระคณาจารย์ 108 องค์
9.ผงอธิฐานนากพระคณาจารย์ทั่วประเทศ ของจอมพลประพาส
ข้อสังเกตุและความต่าง
องค์บดินทร์ ของ อ.อนันต์
- พิมพ์ใหญ่จะมีแต่อุณาโลม ไม่มีตัวหนังสือ
- พิมพ์เล็กด้านหลังจะเรียบ
องค์บดินทร์วัดสามปลื้ม
- พิมพ์ใหญ่จะมีอุณาโลม ตัวหนังสือ
- พิมพ์เล็กจะมีอุณาโลม ตัวหนังสือ
พระผงองค์บดินทร์ ได้นำเข้าพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดจักรวรรดิราชาวาส(วัดสามปลื้ม) กรุงเทพฯ โดยมี หลวงพ่อผ่อง วัดจักรวรรดิราชาวาส และพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศเข้าร่วมพิธีภายในพระอุโบสถ อธิฐานจิตปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมหลายรูป ในยุคนั้น อาทิ
-หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
-หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยาฯ
-หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิตร
-หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
-หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง
-หลวงพ่อบุญ วัดวังมะนาว
-หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
-หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม
-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
-ฯลฯ
ขณะทำพิธี ได้เกิดลมพายุพัดเข้ามาในพระอุโบสถหมุนอยู่เหนือกล่องที่บรรจุพระเครื่อง “องค์บดินทร์”
เป็นเวลานาน และสิ่งที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในพิธีต่างตกตะลึงคือ ปรากฏมีพญางูเหลือมขนาดใหญ่ได้ตกลงมาจากเพดานโบสถ์ ขณะกำลังทำพิธี
ส่วนภายนอกพระอุโบสถเกิดพายุ ลม ฝน ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง มีเสียงฟ้าผ่า เสียงดังอย่างกึกก้อง
ทำให้ผู้ที่ร่วมอยู่ในพิธีรู้สึกได้ถึงความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อัศจรรย์ ซึ่งเป็นมงคลนิมิตอันดีที่ดวงวิญญาณเจ้าพระยาบดินทร์เดชา ,เทวดาอารักษ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้ร่วมรับรู้แซ่ซ้องสาธุการ ในการปลุกเสกพระเครื่อง “องค์บดินทร์” ครั้งนี้
______________________________________
หลังจากที่เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาพิเศก เมื่อปี 2525 พร้อมกับองค์บดินทร์ของวัดสามปลื้มแล้ว
อ.อนันต์ ได้นำตระเวนเสกเรื่อยมา ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี
ที่พิเศษสุดๆ
- หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
อธิฐานจิตปลุกเสกนาน 6 เดือนเต็ม
- หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
- หลวงปู่เกษม เขมโก
- หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
- หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ
- หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
และครูบาอาจารย์อีกมากมาย
ในราวปลายปี 32 - ต้นปี 33
อ.อนันต์ สวัสดิ์เสาวณีย์ ได้นำ
พระผงองค์บดินทร์ ชุดนี้ถวายมอบให้
หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร
วัดป่าพุทธมงคล กาฬสินธ์ ทั้งหมด
พิธีพุทธาภิเษกนั้นมีจัดขึ้น ตั้งแต่ปี3กว่า ปี4กว่า ปี5กว่า เรื่อยมา จะขอกล่าวคร่าวๆ เท่าที่หาข้อมูลได้
โดยทางวัดป่าพุทธมงคล ได้นำเข้าพิธีพุทาภิเษกเรื่อยมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี
วันที่ 9 ธันวาคม 2533
ทางวัดป่าพุทธมงค ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก
โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์นั่งอธิฐานจิต 9 รูป ตลอดทั้งคืน
1. หลวงปู่สุข วัดกลางกาฬสินธุ์
2. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวกาาาม
3. หลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก
4. หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย
5. หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ
6. พระสมุห์อวยพร ฐิติญโณ วัดดอนยายหอม
7. หลวงพ่อเที่ยง วัดเขากระโดง
8. หลวงพ่อฤทธิ์ รัตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ
9. หลวงพ่อฤาษีลิงขาว วัดฤกษ์บุญมี
วันงานพิธี หลวงปู่คำพันธ์ ได้เดินทางมาถึงวัดป่าพุทธมงคล เวลาประมาณ 18.45 น. ทางคณะกรรมการวัดได้นิมนต์ หลวงปู่คำพันธ์ ขึ้นไปยังประรำพิธี
เมื่อหลวงปู่คำพันธ์ เดินเข้าไปถึงยังประรำพิธี หลวงปู่ยืนสงบนิ่ง แล้วพูดกับคุณพงษ์พันธ์ ผู้ให้การดูแลอุปฐากหลวงปู่ในงานพิธี ว่า
" ญาคูหนูอินทร์ ยังบ่ใด้ลงธาตุตั้วนี้ คุณพงษ์พันธ์ ได้ตอบหลวงปู่คำพันธ์ ไปว่า หลวงพ่อหนูอินทร์ เพิ่นถ้าให้หลวงปู่คำพันธ์ เมตตาลงธาตุ ให้ครับ "
คุณพงษ์พันธ์ ได้นิมนต์หลวงปู่ลงธาตุ โดยหลวงปู่คำพันธ์ เมตตาเดินไปทำพิธีที่ธงเศวตฉัตรทั้งสี่มุม ลงธาตุครบถ้วน
โดยหลวงปู่คำพันธ์ ได้ขึ้นนั่งอธิฐานจิตรอบแรก เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากที่หลวงปู่ลงมาพักผ่อน คุณพงษ์พัน ได้เข้าไปถามหลวงปู่ว่าพิธีนี้ดีไหม หลวงปู่คำพันธ์ ได้ตอบว่า

" พิธีนี้เต็มดีมาก พระอินทร์ เทวดา พญานาค พระธาตุพนม มาช่วยเต็มดีมากๆ "
ตลอดทั้งพิธีพระเกจิอาจารย์ร่วมนั่งอธิฐานจิตตลอดทั้งคืน
หลวงพ่ออุตตมะ นั่งชักประคำปลุกเสกตลอดทั้งคืน
หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่ออวยพร หลวงปู่มา หลวงปู่ฤทธิ์ หลวงพ่อเที่ยง หลวงพ่อฤษีลิงขาว ร่วมเสกตลอดคืน
หลังจากพิธีมหาพุทธาภิเษกปี 33
ก็จะมีพิธีพุทธาภิเษกเรื่อยมา ตลอดหลายสิบปี
เช่นพิธีพุทธาภิเษก เสาร์ห้า 5 รอบ
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2539
โดยพระเกจิคณาจารย์ 8 รูป อาทิ
1. พระเทพวิสุทธาจารย์ เจ้าคณะกาฬสินธุ์
2. หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
3. พระครูสุทธิญาณ วัดนิคมคณาราม ร้อยเอ็ด
4. หลวงปู่ทองฤทธิ์ อุตตโม วัดป่าฉันทนิมิตร
5. หลวงพ่อ ม.ล.ทวีศักดิ์ ดารากร
6. หลวงพ่อบุญมี วัดร่องคำ กาฬสินธุ์
7. พระครูสถิตธรรมสาร วัดธรรมพิทักษ์
8. หลวงพ่อหนูอินทร์ กิตติสาโร
พิธีนี้ ขณะที่ครูบาอาจารย์อธิฐานจิตปลุกเสก จู่ๆได้เกิดไฟลุกที่สายสิญจน์ ในบริเวณที่ไม่มีเทียนอยู่เลย ญาติโยมที่เข้าร่วมในพิธีต่างเห็นเหตุการณ์หลายคน บางคนถึงกับเรียกว่า

" พิธีไฟลุก "
และในปีเดียวกันนั้น วันที่ 6 - 7 พฤศจิกายน 2539
ได้จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกขึ้นอีกครั้ง โดยพระเกจิอาจารย์ 4 รูป
1. พระเทพวิสุทธาจารย์ เจ้าคณะกาฬสินธุ์
2. หลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก
3. หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
4.หลวงพ่อหนูอินทร์ กิตติสาโร
เอาพอคร่าวๆ เท่าที่หาข้อมูลได้ เพราะแทบจะทุกปีที่ทางวัดป่าพุทธมงคลจัดพิธีพุทธาภิเษกนั้น
หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ จะต้องมาทุกครั้ง
เพราะ หลวงพ่อหนูอินทร์ ท่านให้ความเคารพนับถือในองค์หลวงปู่คำพันธ์ และมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นพิเศษ
กล่าวได้ว่าเฉพาะ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ องค์เดียวมาร่วมเสกเป็น สิบๆรอบก็ว่าได้
พระองค์บดินทร์ นี้นับเป็นของดี
ราคาเบา พระหลักร้อย พุทธคุณเกินล้าน
เป็นพระเครื่องที่ควรค่าแก่การนำมาสักการะบูชาติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นอย่างยิ่ง
โดย หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ได้การันตีไว้แล้วในคราวปลุกเสกเมื่อปี 33 ว่า
" พิธีนี้เต็มดีมาก พระอินทร์ เทวดา พญานาคพระธาตุพนม มาช่วยเต็มดีมากๆ "
เมื่อเทียบมวลสาร และการปลุกเสกแล้ว
ในเรื่องความขลังนั้น พระผงองค์บดินทร์ ไม่เป็นสองรองพระรุ่นอื่นแน่นอน

หมายเหตุ.. ด้านหลังขององค์พระนั้นทั้งพิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก จะมีทั้งที่ปั้มตรายาง และ ไม่ได้ปั้ม ถือเป็นมาตรฐานทั้งสองแบบ
ส่วนที่ปั้มตรายางด้านหลัง เพื่อให้เข้าใจง่ายและแสดงว่า
เป็นชุดของวัดป่าพุทธมงคล โดยการขออนุญาติหลวงปู่หนูอินทร์ อย่างถูกต้อง
ข้อมูลโดยคณะศิษย์หลวงปู่หนูอินทร์
คุณพงษ์พันธ์ เลิศมงคลตะกูล (เอียง กาฬสินธุ์)

 

​

 

726. พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส เป็น รุ่นที่ท่าน ตั้งใจ สร้าง และ เสก อย่างเต็มที่ครับ เลี่ยมเงินกันน้ำอย่างดี ให้บูชา 1550 บาท

​

ปี 2520 พระอุโบสถใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์ หลวงพ่อวงษ์ มอบหมายให้ พระพิมล และแม่ชีในวัดช่วยกันพิมพ์พระทรงสมเด็จมีทั้งหมด 7 พิมพ์ มีพิมพ์ไกเซอร์ พิมพ์พระประธาน พิมพ์นิยม พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร พิมพ์อกร่อง พิมพ์เล็กเท่าวัดปากน้ำ และพิมพ์คะแนนหลังปั๊มชื่อหลวงพ่อวงษ์ ได้พิมพ์ละประมาณ 84000 องค์ มีสีขาวเนื้อผงผสมปูน สีดำเนื้อปูนผสมผงใบลานเผา ได้มาจากพระพิมลที่นำใบลานพระคัมภีร์เทศน์เก่าที่ชำรุดมาเผาไฟ จนทำให้พระพิมลไม่สบายอย่างหาสาเหตุไม่ได้ จึงขอให้หลวงพ่อวงษ์รดน้ำมนต์ให้จนหาย หลวงพ่อวงษ์จึงสั่งให้นำผงใบลานเก่าที่เผาแล้วไปผสมทำพระเสีย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้สร้างใบลาน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วได้นำพระไปให้หลวงพ่อวงษ์ปลุกเศกเดี่ยวเพียงองค์เดียว มาตลอดจนมรณะภาพ พระผงรุ่นนี้ หลวงพ่อตั้งใจจะนำออกมาแจกในงาน ทำบุญฉลองพระอุโบสถที่ทำการบูรณะเสร็จแล้ว ท่านจึงตั้งใจปลุกเศกให้ดีที่สุด

ท่านบอกว่าพระผงรุ่นนี้ ต่อไปจะหายากยิ่งกว่าพระผงพิมพ์ตัวหนอนรุ่นพัดยศ

เพราะพระผงรุ่นนี้ท่านปลุกเศกนานถึงสามพรรษา จนท่านมรณะในวันที่ 2 สิงหาคม 2523

พระผงรุ่นนี้จึงเป็นรุ่นสุดท้ายของท่าน