เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 สิงหาคม 2016.

  1. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ส่วนใครจะมา.. ยังไม่มา..
    ส่วนคนอยู่.. อยู่ตั้งแต่ปี 2564..แระ ยังไม่ได้ไปไหน..
    ยัง.. โดนกักตัวอยู่.. :D:D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2021
  2. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27



    ของแถม!ที่วิสัชนาดีแล้ว ! ตามนัยยะ / ปฎิสัมภิทา


    “ฝากเอาไว้ให้คิดแล้ว พิจารณาตามให้เห็นจริงด้วยว่า”ที่ได้ชื่อว่า พระอาทิตย์นั้นเพราะเหตุผลใด แต่ละดวงกินระยะทางเท่าไหร่ในระบบสุริยะของเรา
    และของทวีปอื่น
    พระอาทิตย์เหล่านั้น มีกี่ดวง



    ทวีปกล่าวถึงในพระไตรปิฎก มี ๔ ทวีป

    ๑. บุพเพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสิเนรุ

    ๒. อปรโคยานทวีป อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ

    ๓. ชมพูทวีป คือ โลกนี้ อยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสิเนรุ

    ๔. อุตตรกุรุทวีป อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาสิเนรุ

    เวลานี้ทุกคนก็เห็นแต่พระอาทิตย์ที่ปรากฎในชมพูทวีป เพราะว่าอยู่ในชมพูทวีป แล้วนอกชมพูทวีปจะมีอะไรบ้าง

    แล้วพิจารณาให้ดี เมื่อเกิดธาตุอันตรธานปริวัตต์ ๕

    ๑.ปริยัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระปริยัติ
    ๒.ปฏิบัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ
    ๓.ปฏิเวธอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการสำเร็จมรรคผลนิพพาน
    ๔.ลิงคอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ
    ๕.ธาตุอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระบรมธาตุ

    ขึ้น ไฟประลัยกัลป์จะปรากฎขึ้นล้างผลาญโลก แผ่นดินจะต้องสูงขึ้นอีก เกือบ 200 กิโลเมตร เพื่อรองรับพระพุทธบาทของพระศรีอารยะเมตไตรย ( แผ่นดินจะสูงขึ้นเพื่อรองรับพระพุทธบาททุกๆพระองค์ ในแต่ละยุควาระสมัย ถ้าจะเอา พื้นโลกแต่เดิม ก็ต้องขุดออกมา 700-800 km . ที่เหลือคือมวลจริง นั่นคือเส้นผ่าศูนย์กลางของในยุคภัทรกัปป์นี้ อารยธรรมใต้พื้นพิภพมีอยู่ 3 ยุคสมัย ไม่ต้องแปลกใจ ว่าไปขุดเจาะอะไรโบราณมีอายุเยอะเจอ แต่ก็ลงลึกสุดที่ช่องแคบมาเรียน่า หรือที่รัสเซียเจาะราวๆ 10km. คิดขำๆล่ะกัน)



    ก็พิจารณาดูเอา ว่า ดวงดาวที่แตกสลายในระบบสุริยะจักรวาลนี้ที่ แตกดับสลาย พุ่งตรงมาที่ผืนโลกมากเพียงเท่าไหร่ ? และจากการเนรมิตของพระแม่ธรณีและ ท้าวมหาภูติธาตุ ๔ นี่ขนาดยังไม่รวมบารมีธรรมของผู้วิเศษอื่นที่มาประชุมกันนั้นด้วยอีก ย่น ย่อ ขยาย ย้าย ซ่อน !

    อย่าลืมว่า “ ท่านสอนว่า พระอาทิตย์ ปรากฎขึ้น 7 ดวง แต่ ไม่ได้ บอกว่า ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่อย่าลืม นี่มัน ภัทรกัปป์ของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ดวงอาทิตย์ มันขึ้นมาตั้งแต่ องค์แรก ในวาระสมัย ตั้งแต่ พระกกุสันธพุทธเจ้าแล้ว และอยู่ยาวมาจนถึง วาระสมัย พระโคตมพุทธเจ้า
    พระกกุสันธพุทธเจ้า
    พระโกนาคมนพุทธเจ้า
    พระกัสสปพุทธเจ้า
    4 ยุคแล้ว เหลืออีกยุคเดียว เมื่อสิ้นยุค ในทวีปทั้ง ๔ นี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นี่วิสัชนาแบบ ใช้ปัญญาปฎิเวธ ให้เป็นประโยชน์ ไม่ให้หลง

    “ ท่านก็ไม่ได้บอกว่าดวงอาทิตย์มันหายไป เมื่อสิ้น วาระสมัยพระพุทธเจ้า องค์ที่ 1,2,3 แต่ขอบเขตมันกว้าง กินระยะทั้ง 4 ทวีป ซึ่งทวีปต่างๆก็ยื้อกันน่าดู ด้วยฤทธานุภาพต่างๆกัน มนุษย์ชาติในชมพูทวีป ก็ได้แค่ คิด รักษาธรรมชาติ และ เอาจรวดนิวเคลียร์ยิงสกัดดาวเคราะห์ดาวหางล้มๆแล้งๆไปวันๆ

    ไม่ได้บอกว่า แค่โลกานี้จะล่ม! เผลอๆ 4 ทวีป ก็จะพลอยล่มไปตาม นี่หมายถึง การหมด ภัทรกัปป์ นี้

    ที่แล้วมา อจินไตย คิดได้แต่ไม่ต้องลึก แค่สุดปัญญาแล้วถอนความคิดออก

    นี่ทรงบอกขนาด ว่า “ เขาพระสุเมรุ ก็ยังมอดไหม้ ฉนั้น ไปวัดระยะทางหาความเห็นใหม่ซะ ที่ ว่า พระอาทิตย์ ในทวีปทั้ง 4 มีเพียงดวงเดียว และถ้าหาเจอ จะวิสัชนาเพิ่มให้

    มันกี่ดวงแล้ว จะให้ดวงอาทิตย์ไปโผล่ในวาระสิ้นยุคพระโคตมพุทธเจ้า หรือในวาระสมัยพระศรีอารยะเมตไตรยเลย 6 ดวง หรือหลังจากนั้น ฯลฯ

    ก็แล้วแต่ท่านปรารถนาเถิด



     
  3. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    เรื่องราวที่{}พระสัพพัญญูเจ้า{}
    ทรงได้แสดงตักเตือนไว้

    เรื่องรอยต่อกลียุค อันเกิดขึ้นจริงในห้วงกึ่งพุทธกาล ที่อนุชนคนรุ่นหลังอีกไม่กี่ชั่วอายุคน อีกไม่นานนักก็จักจะต้องเผชิญ ซึ่งจะอยู่รอดได้อย่างไร? ในสถานการณ์อันน่าเป็นห่วงเช่นนั้น

    แม้แต่เราท่านเองในยุคปัจจุบัน ยังต้องอดรนทนสู้มิได้ขาดในแต่ละวันที่จักให้ผ่านพ้นไป

    เรื่องมีดังนี้ “ จักวัตติสูตร

    เมื่อความขัดสนถึงความแพร่หลาย อทินนาทานก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่ออทินนาทานถึงความแพร่หลาย ศัสตราก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อศัสตราถึงความ
    แพร่หลาย ปาณาติบาตถึงความแพร่หลาย

    เมื่อปาณาติบาตถึงความแพร่หลาย มุสาวาทก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อมุสาวาทถึงความแพร่หลาย ปิสุณาวาจาก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อปิสุณาวาจาถึงความแพร่หลาย กาเมสุมิจฉาจารก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อกาเมสุมิจฉาจารถึงความแพร่หลาย

    ธรรม ๒ ประการคือ ผรุสวาจาและสัมผัปปลาปะก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรม ๒ ประการถึงความแพร่หลาย
    อภิชฌาและพยาบาทก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่ออภิชฌาและพยาบาทถึงความแพร่หลาย มิจฉาทิฐิก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อมิจฉาทิฐิถึงความแพร่หลาย

    ธรรม ๓ ประการคือ อธรรมราคะ วิสมโลภ มิจฉาธรรม ก็ได้ถึงความแพร่หลาย
    (๑) ความกำหนัดในฐานะอันไม่ชอบธรรม
    (๒) ความโลภไม่เลือก
    (๓) ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจผิดธรรมดา

    เมื่อธรรม ๓ ประการถึงความแพร่หลาย ธรรมเหล่านี้ คือ ความไม่ปฏิบัติชอบในมารดา ความไม่ปฏิบัติชอบในบิดา ความไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ ความไม่ปฏิบัติ
    ชอบในพราหมณ์ ความไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล ก็ได้ถึงความแพร่หลายเมื่อธรรมเหล่านี้ถึงความแพร่หลาย

    แม้อายุของสัตว์เหล่านั้นก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อสัตว์เหล่านั้นเสื่อมถอยจากอายุบ้าง เสื่อมถอยจากวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ที่มีอายุ ๒๕๐ ปี ก็มีอายุถอยลงเหลือ ๑๐๐ ปี ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักมีสมัยที่มนุษย์เหล่านี้มีบุตรอายุ ๑๐ ปี ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี เด็กหญิงมีอายุ ๕ ปี จักสมควรมีสามีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี รสเหล่านี้คือเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้งน้ำอ้อย และเกลือ จักอันตรธานไปสิ้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลายในเมื่อมนุษย์ มีอายุ ๑๐ปี หญ้ากับแก้ ๑- จักเป็นอาหารอย่างดี

    เมื่อเหลือแต่เพียงหญ้ากับแก้ เพียงเท่านั้น แม้เกลือ น้ำผึ้ง น้ำอ้อยไม่เหลือ นั่นแสดงว่า ผืนแผ่นดินได้เกิด ไฟประลัยกัลป์เกิดขึ้นในโลก อย่างเบาก็เพลิงธารลาวาไหลปกคลุมไปทั่วและแม้แต่เกลือทะเลเกลือสินเธาว์ยังมลายหายไป หรือเป็นพิษไม่สามารถนำมาบริโภคได้

    เป็นเรื่องที่มีแต่บัณฑิตจึงจะมีวิสัยที่รู้แจ้งว่าควรพิจารณา

    ภัยภายในของศาสนาพุทธ มีเพียงแค่ อามิสทายาท และ สัทธรรมปฎิรูป
    คือผลที่ได้รับ จากสัทธรรมปฎิรูป สัมมาทิฎฐิมาเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีการล่มสลาย๑
    เป็นไปตามกรรมพุทธพยากรณ์อยู่แล้ว ในพระพุทธศาสนา

    แต่ อสัทธรรม เป็น มิจฉาทิฏฐิอยู่แล้วโดยปรมัตถ์ ยังเพิ่มดรีกรีเข้าไปอีก คลื่นลมจึงเร็วแรงขึ้น มันทำลายสิ้นเสียทุกสิ่ง๑

    ที่สำคัญนั่นคือระหว่าง การที่ได้พบเห็นการปรากฎของพระไตรปิฏกพระธรรมคำภีร์ดั้งเดิม และ การที่ได้เห็นการปรากฎของคัมภีร์มารคือคำสั่งสอนของมารนอกพระพุทธศาสนาโดยยกทั้ง ๒อย่างนี้เป็นหลักในการพิจารณาในขั้นที่๑
    ประเภทที่๑.๑
    {เป็นพระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ดั้งเดิมทางพุทธศาสนา} และ ‪#‎คัมภัร์อักขระพยัญชนะมาร‬# ที่ไม่ใช่ไม่เหมือนกับที่ถูกตีพิมพ์ในโลกมนุษย์ อยู่ในฐานะเป็น{ทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม} และ ‪#‎อหังการวิเศษมาร‬# แตกต่างกันชัดเจน
    และ

    ยกทั้งสองอย่างที่ปรากฎเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาในกาลปัจจุบันคือ การปรากฎของพระสัทธรรมที่คงเหลืออยู่จริง และ การปรากฎของสัทธรรมปฎิรูปที่เกิดขึ้นมาใหม่ เป็นหลักพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงในขั้นที่ ๒

    ประเภทที่ ๒.๒ เป็นพระไตรปิฏกจารึก {พระสัทธรรม} ที่แท้จริง ที่หลงเหลือบันทึกอยู่จริงในพระไตรปิฏกที่แม้จะแตกแยกนิกายออกไป แต่ยังมีอยู่เหมือนเดิม และ ‪#‎สัทธรรมปฎิรูป‬# อันเป็นคำส่งสอนที่สร้างขึ้นมาใหม่ โดยจริตธรรมของการยอมรับตกลงในมิจฉาชนหมู่มากที่แสวงอื่น ไม่ใช่พระธรรมแท้ที่มีอยู่จริง ไม่มีมรรคผลเป็นที่รองรับ เป็นสิ่งที่นำพาไปสู่มิจฉาทิฐิ อย่างเช่น แอบอ้างว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนที่ถูกต้องในพระไตรปิฏกแต่อย่างนั้นไม่ถูกเป็นต้น

    เพราะนี่เป็น วัฎจักรของมาร เป็นผู้หมุนทวนพระธรรมจักร ของ[พระพุทธเจ้า] เหตุผลนี้กว้างขวางนัก พิจารณาดูตามกาลเถิด เวลาผันผวน สิ่งต่างๆจึงปรวนแปรตาม

    ใจความที่จะกล่าวนั้น เป็นการแสดงถึงตัณหาความทะยานอยากของมนุษย์ที่มีมากขึ้นไม่รู้จักจบจักพอ

    มาร 5
    สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณความดีหรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ, สิ่งที่ล้างผลาญคุณความดี,
    ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางบุคคลมิให้บรรลุ ผลสำเร็จอันดีงาม

    1. กิเลสมาร มารคือกิเลส, กิเลสเป็นมารเพราะเป็นตัวกำจัดและขัดขวางความดี ทำให้สัตว์ประสบ
    ความพินาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต
    2. ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์, ขันธ์ 5 เป็นมาร เพราะเป็นสภาพอันปัจจัยปรุงแต่ง มีความขัดแย้ง
    กันเองอยู่ภายใน ไม่มั่นคงทนนาน เป็นภาระในการบริหาร ทั้งแปรปรวนเสื่อมโทรมไปเพราะชราพยาธิ
    เป็นต้น ล้วนรอนโอกาสมิให้บุคคลทำกิจหน้าที่ หรือบำเพ็ญคุณความดีได้เต็มปรารถนา อย่างแรง อาจถึง
    กับพรากโอกาสนั้นโดยสิ้นเชิง
    3. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขาร, อภิสังขารเป็นมาร เพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม นำให้เกิดชาติ
    ชราเป็นต้น ขัดขวางมิให้หลุดพ้นไปจากสังขารทุกข์
    4. เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร, เทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรตนหนึ่งชื่อว่ามาร เพราะ
    เป็นนิมิตแห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้ มิให้ล่วงพ้นจากแดนอำนาจครอบงำของตน โดย
    ชักให้ห่วงพะวงในกามสุขไม่หาญ เสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดียิ่งใหญ่ได้
    5. มัจจุมาร มารคือความตาย, ความตายเป็นมาร เพราะเป็นตัวการตัดโอกาส ที่จะก้าวหน้าต่อไปใน
    คุณความดีทั้งหลาย

    เสพกามคุณ ๕ เป็นทาสมารโดนอายตนะมารเล่นงานจนเป็นทาสของมายาคติไปทั่วบ้านทั่วเมือง เปิดหนังดูทีวีสื่อละครโฆษณาแล้วก็เห่อไปตามหลงไปตามเข้าเสนอเสื้อผ้าเครื่องแบบแฟชั่นของกินของใช้เครื่องนุ่งหุ่มรถราม้าช้างเที่ยวสนุกเล่นอร่อย อะไรๆ

    เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ หลงกันหลอกลวงกันไปหมดแล้วย่อยยับสิ้นดี

    อย่าคิดว่าพวกมาร ๕ นี้จะอยู่เฉยๆ และไม่มีพิษสงอะไร แม้ตอนนี้โดนเข้ากับตัวแล้วก็ยังไม่รู้สึกนี่สิ จริงๆตายทั้งเป็นไปแล้ว

    หากไม่ถึงที่สุดด้วยกาล บอกไปก็เท่านั้น!

    มหานิมิตวิปัสนาญาน ๙
    (ด้วยมหานิมิตแห่งเรา ในกาลนั้น ได้ปรากฎต้นไม้พฤกษชาติที่มีขนาดใหญ่โต หนึ่งต้น ขนาดมหึมาที่สุด สูงกว่าเหล่าบรรพตทั้งหลายในโลกธาตุนี้ นั่นคือเท่าที่จะประมาณได้ เราปรากฎในรูปของบรรพชิต นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ ปลายลำต้นไม้นั้น ที่แยกแตกออกเป็นเสนาสนะแห่งเราโดยเฉพาะ ท้องฟ้านภาอากาศมีสีแดงเทาดำชวนให้เศร้าหมอง เราเหลือบมองดูผืนพสุธาที่ครุ่กกรุ่นด้วย ถ่านเพลิงมหาไฟประลัยกันต์เหล่านั้น ด้วยความปลงตกสังเวชใจ เราครุ่นคิดพิจารณาอยู่หนอว่า อะไรเป็นเหตุให้เกิดสภาวะขึ้นกับโลกธาตุนี้ เราไม่อาจจักเห็น น้ำ หรือ สิ่งมีชีวิตอื่นใดเลย นอกจากเราเองและพฤกษชาตินั้น)

    คนที่ไม่รู้อะไรเลย ในมหานิมิตของเรา ในสุดสายตาไม่เหลือสิ่งมีชีวิตเลยท่านเอย เรานั่งขัดสมาธิบนต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด เราไม่อยากให้เกิด อยากให้เผื่อใจ เพราะอาจไม่เป็นอย่างที่ท่านคิด เพราะ มันมี คัมภีร์อักขระพยัญชนะมารหรืออหังการวิเศษมาร แต่พวกเราไม่มี[พระพุทธเจ้า]เหมือนดั่งสมัยพุทธกาลแล้ว ผู้รู้คัมภีร์พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ดั้งเดิมทิพยวิเศษบริสุทธิธรรมชนิดชัดเจน แจ่มแจ้งหมดก็ไม่มีจุติมา มีแต่พอรู้ว่ามีอย่างเราและบัณฑิตผู้ใฝ่ศึกษา

    ทรงเตือน
    ปโลภสูตร

    ครั้งนั้นแล พราหมณ์มหาศาลคนหนึ่งได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาต่อบุรพพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์กล่าวไว้ว่า ได้ยินว่า แต่ก่อนโลกนี้ ย่อมหนาแน่นด้วยหมู่มนุษย์ เหมือนอเวจีมหานรก บ้านนิคมชนบทและราชธานี มีทุกระยะไก่บินตก ดังนี้ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพราหมณ์ ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรมมนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม ต่างก็ฉวยศาตราอันคมเข้าฆ่าฟันกันและกันเพราะฉะนั้น มนุษย์จึงล้มตายเสียเป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็น
    บ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    ดูกรพราหมณ์ อีกประการหนึ่ง ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำ ประกอบด้วยมิจฉาธรรมเมื่อมนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ฉะนั้น จึงเกิดทุพภิกขภัย ข้าวกล้าเสีย เป็นเพลี้ย ไม่ให้ผล เพราะเหตุนั้นมนุษย์จึงล้มตายเสียเป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    ดูกรพราหมณ์ อีกประการหนึ่ง ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำ ประกอบด้วยมิจฉาธรรมเมื่อมนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม พวกยักษ์ปล่อยอมนุษย์ที่ร้ายกาจลงไว้ เพราะฉะนั้น มนุษย์จึงล้มตายเสียเป็นอันมาก

    ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    พราหมณ์มหาศาลนั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ

    ทรงเน้นย้ำ
    . อาณิสูตร
    พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

    ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมา
    โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด

    ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จัก ปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญ ธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขา กล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ ด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง จิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้

    ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
    จบสูตรที่ ๗

    อรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ ด้วยสุญญตธรรม จะมีใครสามารถแสดงอย่างนั้นได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีปฎิสัมภิทาญาน และบุคคลเช่นนั้นจะปรากฎขึ้นในอนาคต อุบัติจุติและบรรลุธรรมและน้อมนำพระสัทธรรมนั้นมาแสดง

    ปัญญัติสูตร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย การบัญญัติซึ่งสิ่งที่เลิศ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาสัตว์ผู้มีอัตภาพ (ใหญ่) อสุรินทราหูเป็นเลิศ
    บรรดาบุคคลผู้บริโภคกาม พระเจ้ามันธาตุราชเป็นเลิศ
    บรรดาผู้ใหญ่ยิ่ง มารผู้มีบาปเป็นเลิศ

    พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อันโลกกล่าวว่าเป็นเลิศในโลกทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย การบัญญัติสิ่งที่เลิศ ๔ ประการเหล่านี้แล ฯ
    บรรดาสัตว์ผู้มีอัตภาพ (ใหญ่) อสุรินทราหูเป็นเลิศ
    บรรดาบุคคลผู้บริโภคกาม พระเจ้ามันธาตุราชเป็นเลิศ
    บรรดาผู้ใหญ่ยิ่ง มารเป็นเลิศ

    พระพุทธเจ้าผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ อันโลกกล่าวว่าเป็นเลิศในโลก ทั้งเทวดาและมนุษย์ ทั่วภูมิเป็นที่อยู่ของสัตว์ ทั้งเบื้องบน ท่ามกลาง และเบื้องต่ำ ฯ
    จบสูตรที่ ๕

    เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เป็นใหญ่ทั้ง ๓ เหล่านี้ จะไม่รู้เหตุของเรื่องนี้ คือ เหตุของภัยที่ ๕

    แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีช่องว่าง แห่งบุญพลานิสงส์ที่บำเพ็ญมาดีแล้ว ด้วยเหตุนี้แล มนุษย์เมื่อฝึกตนดีแล้วเป็นผู้มีธรรมอันประเสริฐ จึงเป็นผู้ที่ เทพ เทวดา มาร พรหม ฯต่างให้การเคารพสักการะ ดังนี้แลฯ

    ยกเว้นไว้ ณ ที่สูงยิ่งโดยเฉพาะพระพุทธเจ้าที่เคารพศรัทธาของเราท่านทั้งหลายฯ

    ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย 2EEF14F9-2DA1-4169-9FB0-99F09214FD81.jpeg พ้นภัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    เสวยสุขจนมัวเมา พอใจกับสิ่งที่ได้มา
    จนหลงลืมไปว่า อะไรควรไม่ควรแก่กาล
    อ้างวันเวลาจะผันผ่าน อีกไม่นานชีวาจะร่วงหล่น
    เลยยอมปล่อยมณฑล แปดเปื้อนชั่วโลกีย์

    ฐานะที่ควรทำ ไม่สร้างสรรค์ยังหลบหนี
    อ้างความชั่วและความดี จะหมดสิ้นความจีรัง
    กรรมใครกรรมมันที่ว่าแน่ แล้วยังเผยแผ่ความสิ้นคิดหมดความหวัง
    แล้วเวไนยใครจะช่วยเขาได้กัน เลยปล่อยผ่านข้างหลังไปไร้หนทาง

    ทอดทิ้งภาระทั้งหน้าที่ ที่เป็นอยู่ก็มืดบอดทุกสถาน
    สมมุติเป็นอยู่คือไม่ทันกาล ไม่อาจหวังพึ่งพาแค่ปลอบใจ
    ไม่รู้เรื่องราวใดยังกล่าวสอน สรรพสัตว์ต้องหลงผิดเป็นไฉน
    เอาแค่คิดจะอยู่อย่างร่ำไร จะหวังให้ผู้ใดไร้อัตตา

    กล่าวสอนธรรมออกมา ช่างมั่วซั่ว
    คนหูหนวกตามัวทุกสถาน
    หวังจะได้โอสถแก้วทิพยวิมาน
    พระนิพพานอย่าหวังว่าจะได้ไป

    ธรรมที่กล่าวลอกมาขายปริยัติ
    ไม่ปฎิบัติถึงทิพย์ภูมิถิ่นอาศัย
    สากัจฉสูตรก็ไม่มีบ่นเรื่อยไป
    จะหวังให้ยังปัจจัยส่งนิพพาน

    ธรรมจักรหมุนกลับอย่างรัวรัว
    เพี้ยนมักชั่วไม่รู้ดีซึ่งมิจฉา
    สมาธิที่เพ่งสอนปนอัตตา
    ทำเหมือนว่าเก่งกล้าช่างรู้ธรรม

    วิมุตติ ๕ ตามอย่างมีให้แก้
    ทั้งอบรมป้องจิตไตรสิกขา
    พรหมจรรย์ควรบำเพ็ญซึ่งจรรยา
    กาละเทสังขาราไม่จีรัง

    ดำรงตนไม่ประมาทพระสุคต
    ยังประโยชน์แก่สาธุชนเป็นได้ไหม
    พึ่งตนและพึ่งธรรมนำเป็นไป
    บริษัท ๔ ควรพ้นภัยกึ่งพุทธกาล

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2022
  5. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    “ฝากเอาไว้ให้คิดแล้ว พิจารณาตามให้เห็นจริงด้วยว่า”ที่ได้ชื่อว่า พระอาทิตย์นั้นเพราะเหตุผลใด แต่ละดวงกินระยะทางเท่าไหร่ในระบบสุริยะของเรา
    และของทวีปอื่น
    พระอาทิตย์เหล่านั้น มีกี่ดวง



    ทวีปกล่าวถึงในพระไตรปิฎก มี ๔ ทวีป

    ๑. บุพเพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสิเนรุ

    ๒. อปรโคยานทวีป อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ

    ๓. ชมพูทวีป คือ โลกนี้ อยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสิเนรุ

    ๔. อุตตรกุรุทวีป อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาสิเนรุ

    เวลานี้ทุกคนก็เห็นแต่พระอาทิตย์ที่ปรากฎในชมพูทวีป เพราะว่าอยู่ในชมพูทวีป แล้วนอกชมพูทวีปจะมีอะไรบ้าง

    แล้วพิจารณาให้ดี เมื่อเกิดธาตุอันตรธานปริวัตต์ ๕

    ๑.ปริยัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระปริยัติ
    ๒.ปฏิบัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ
    ๓.ปฏิเวธอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการสำเร็จมรรคผลนิพพาน
    ๔.ลิงคอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ
    ๕.ธาตุอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระบรมธาตุ

    ขึ้น ไฟประลัยกัลป์จะปรากฎขึ้นล้างผลาญโลก แผ่นดินจะต้องสูงขึ้นอีก เกือบ 200 กิโลเมตร เพื่อรองรับพระพุทธบาทของพระศรีอารยะเมตไตรย ( แผ่นดินจะสูงขึ้นเพื่อรองรับพระพุทธบาททุกๆพระองค์ ในแต่ละยุควาระสมัย ถ้าจะเอา พื้นโลกแต่เดิม ก็ต้องขุดออกมา 700-800 km . ที่เหลือคือมวลจริง นั่นคือเส้นผ่าศูนย์กลางของในยุคภัทรกัปป์นี้ อารยธรรมใต้พื้นพิภพมีอยู่ 3 ยุคสมัย ไม่ต้องแปลกใจ ว่าไปขุดเจาะอะไรโบราณมีอายุเยอะเจอ แต่ก็ลงลึกสุดที่ช่องแคบมาเรียน่า หรือที่รัสเซียเจาะราวๆ 10km. คิดขำๆล่ะกัน)



    ก็พิจารณาดูเอา ว่า ดวงดาวที่แตกสลายในระบบสุริยะจักรวาลนี้ที่ แตกดับสลาย พุ่งตรงมาที่ผืนโลกมากเพียงเท่าไหร่ ? และจากการเนรมิตของพระแม่ธรณีและ ท้าวมหาภูติธาตุ ๔ นี่ขนาดยังไม่รวมบารมีธรรมของผู้วิเศษอื่นที่มาประชุมกันนั้นด้วยอีก ย่น ย่อ ขยาย ย้าย ซ่อน !

    อย่าลืมว่า “ ท่านสอนว่า พระอาทิตย์ ปรากฎขึ้น 7 ดวง แต่ ไม่ได้ บอกว่า ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่อย่าลืม นี่มัน ภัทรกัปป์ของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ดวงอาทิตย์ มันขึ้นมาตั้งแต่ องค์แรก ในวาระสมัย ตั้งแต่ พระกกุสันธพุทธเจ้าแล้ว และอยู่ยาวมาจนถึง วาระสมัย พระโคตมพุทธเจ้า
    พระกกุสันธพุทธเจ้า
    พระโกนาคมนพุทธเจ้า
    พระกัสสปพุทธเจ้า
    4 ยุคแล้ว เหลืออีกยุคเดียว เมื่อสิ้นยุค ในทวีปทั้ง ๔ นี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นี่วิสัชนาแบบ ใช้ปัญญาปฎิเวธ ให้เป็นประโยชน์ ไม่ให้หลง

    “ ท่านก็ไม่ได้บอกว่าดวงอาทิตย์มันหายไป เมื่อสิ้น วาระสมัยพระพุทธเจ้า องค์ที่ 1,2,3 แต่ขอบเขตมันกว้าง กินระยะทั้ง 4 ทวีป ซึ่งทวีปต่างๆก็ยื้อกันน่าดู ด้วยฤทธานุภาพต่างๆกัน มนุษย์ชาติในชมพูทวีป ก็ได้แค่ คิด รักษาธรรมชาติ และ เอาจรวดนิวเคลียร์ยิงสกัดดาวเคราะห์ดาวหางล้มๆแล้งๆไปวันๆ

    ไม่ได้บอกว่า แค่โลกานี้จะล่ม! เผลอๆ 4 ทวีป ก็จะพลอยล่มไปตาม นี่หมายถึง การหมด ภัทรกัปป์ นี้

    ที่แล้วมา อจินไตย คิดได้แต่ไม่ต้องลึก แค่สุดปัญญาแล้วถอนความคิดออก

    นี่ทรงบอกขนาด ว่า “ เขาพระสุเมรุ ก็ยังมอดไหม้ ฉนั้น ไปวัดระยะทางหาความเห็นใหม่ซะ ที่ ว่า พระอาทิตย์ ในทวีปทั้ง 4 มีเพียงดวงเดียว และถ้าหาเจอ จะวิสัชนาเพิ่มให้

    มันกี่ดวงแล้ว จะให้ดวงอาทิตย์ไปโผล่ในวาระสิ้นยุคพระโคตมพุทธเจ้า หรือในวาระสมัยพระศรีอารยะเมตไตรยเลย 6 ดวง หรือหลังจากนั้น ฯลฯ

    ก็แล้วแต่ท่านปรารถนาเถิด



    [/QUOTE]



    ไปพิจารณาอ่านเอาที่ “ สัตตสุริยะสูตร “

    ข้อความสำคัญ “ การเผาไหม้ที่มองไม่เห็น “

    ยกเว้นไว้ แต่ผู้เข้าถึงบทธรรม เพียงเท่านั้น!


    221A02F8-39EA-4402-97B8-79408C11EE2E.jpeg


    ข้ามภพข้ามชาติข้ามกับป์ข้ามกัลป์

    นิรุตติญานทัสนะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ที่ทรงถ่ายทอดไว้ ให้กับเหล่า ปฎิสัมภิทา และผู้ถึง วิมุตติ ๕ และพระอเสขะทั้งหลายฯ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายนมัสการบูชายิ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2022
  6. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    สิ่งที่พุทธบริษัท 4 ทั้ง 4 ทวีป ควรรู้ 3 ประการ ไปคัดเอา

    1. คุณสมบัติ และฐานะของผู้ที่ถึงความเป็นผู้แนะนำสั่งสอนธรรม 1.1.สากัจฉสูตร 5 1.2.เป็นพระอรหันต์ 1.3.เป็นผู้บรรลุปฎิสัมภิทาญาน ( ไม่มีไม่เป็นไม่ได้ก็อย่าสอนธรรมชั้นลึก)

    2. ดวงตาเห็นธรรมที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา
    1.1.จักษุ 5 เท่านั้น! ไม่มีจักษุอื่น! เคยซ่อนเมฆไว้ดัก ผู้ตกทิฐิ 62

    3.สถานะผู้บรรลุธรรม อย่างแท้จริง และการตรวจสอบผู้บรรลุธรรม ที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่พระอุบาลีไว้


    ถ้ารู้และเข้าใจใน 3 ข้อนี้ได้ และ เริ่มหันหลังหันหน้ากลับมาปฎิบัติดีปฎิบัติชอบตามกาล ล้างใจให้สะอาด ทำความเห็นตรงให้ได้ อย่างบริสุทธิ์ใจ ในอนาคตกาล จะมีผู้บรรลุธรรมตามกาล และได้พลวปัจจัยอันเป็นสามัญผล ในภพชาติต่อๆไปจะไม่หลงโลกหลงทางหลงธรรมอีก ต่อไปก็จะไม่มีใครหลอกได้ เรียกว่า หาครูไม่ได้เลย ยกเว้นไว้แต่ผู้เสมอเหมือนกัน เข้าถึงเหมือนกัน ดังนั้นแลฯ

    เพื่อประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม

    ค้นหาได้จากกระทู้ “ สร้างพุทธวจนะปลอม “ รวมเป็น เอกสาร เมื่อตั้งใจคัดเอง จะได้สภาวะ ของการแสวงหาด้วยความเพียร เป็นปัจจัย
     
  7. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    เหตุวาระ ปฏิสัมภิทา ๔ คือ อัตถ ...ธัมม ... นิรุตติ ... ปฏิภาณปฏิสัมภิทา พระผู้มีพระภาคเจ้าอธิบายธัมมะ (เหตุ) ก่อนอัตถะ.

    อนึ่ง ธรรมเหล่าใดอันต่างด้วยรูปและอรูปธรรม (ขันธ์ ๕) อันเกิดขึ้นแล้วมีแล้วจากเหตุนั้นๆ เพื่อแสดงซึ่งความที่ธรรมเหล่านั้นว่าเป็นอัตถะ (อัตถปฏิสัมภิทา) และเพื่อแสดงซึ่งความที่เหตุอันเกิดขึ้นแห่งรูปและอรูปธรรมนั้นๆ ว่าเป็นธัมมะ (ธัมมปฏิสัมภิทา) พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสธัมมวาระไว้.
    ก็เพื่อแสดงซึ่งธรรมมีชราและมรณะเป็นต้นว่าเป็นอัตถะ (อัตถปฏิสัมภิทา) และซึ่งความที่ธรรม คือชาติ (การเกิด) กล่าวคือเหตุเกิดขึ้นแห่งชราและมรณะเป็นต้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสปัจจยาการวาระ.
    ลำดับนั้น เพื่อแสดงซึ่งภาษิตนั้นๆ กล่าวคือพระปริยัติ และซึ่งความที่อรรถแห่งภาษิตที่พึงบรรลุได้ด้วยปัจจัยกล่าวคือภาษิต พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสปริยัตติวาระ ในข้อนี้ อรรถแห่งภาษิตนั้นที่จะรู้ได้ ย่อมรู้ได้ด้วยภาษิต ฉะนั้น พระองค์จึงทรงยกธัมมปฏิสัมภิทาขึ้นชี้แจงแสดงก่อนอัตถปฏิสัมภิทา โดยมิได้แสดงไปตามลำดับแห่งเนื้อความภาษิตที่พระองค์ตรัสไว้.
    อนึ่ง เพื่อแสดงประเภทแห่งพระปริยัติธรรมว่า ในปฏิสัมภิทา ๔ เหล่านั้น ธัมมปฏิสัมภิทาเป็นไฉน. จึงตรัสปฏิสัมภิทา (คือวาระที่วกกลับมาชี้แจง) เป็นคำถามเป็นประธาน. ในวาระที่วกกลับมาชี้แจงนั้น ทรงถือเอาแบบแผนทั้งหมดโดยไม่เหลือ ด้วยองค์ ๙#- ซึ่งมีคำว่าสุตตะเป็นต้นว่า เป็นธัมมปฏิสัมภิทา ทรงถือเอาแบบแผนทั้งหมดสิ้นเชิง โดยการแสดงมิให้เหลือ ด้วยสามารถแห่งภาษิตในที่แม้นี้ว่า นี้เป็นอรรถแห่งภาษิตนี้ นี้เป็นอรรถแห่งภาษิตนี้ ดังนี้ ว่าเป็นอัตถปฏิสัมภิทา ดังนี้แล.
    ____________________________
    #- องค์ ๙ คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธรรม เวทัลละ. FF5DD315-8BCF-43E9-9501-81B0400081DF.jpeg
     
  8. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    อีกหน่อย! ผู้มีบุญปรากฎ มีผู้บรรลุ ปฎิสัมภิทา ตาม

    และได้ ปาฏิหาริย์ 3 พระพุทธศาสนา จักเจริญรุ่งเรือง! ไปชั่วกาลระยะหนึ่ง แต่ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด หรือมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นมาขัดขวาง ก็เตรียมทำใจไว้ว่า ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว!


    ฟังเอาถ่อนคำสอนโลกใหม่ ไผผู้ยังบ่ฮู้เขิงแก้วสิฮ่อนคน ฟังเอาเด้อ พี่น้องเผิ่นสิฮ่อนหาคนดี ไผผู้มีศิลธรรมสิอยู่เขิงคาค้าง ไผเดินทางผิดเส้น ทำตนเป็นคนซั่ว มันซิลอดกระด้งบ่มีค้างแผ่นเขิง เขิงแผ่นนี้ได้ซือว่าเขิงคำ เป็นคำสอนพ่อพุทโธเฮาตั้ง เผิ่นได้วางเอาไว้โพธิ์ศรีฮมใหญ่ สิเอาคนเข้าอยู่ ซ้นโพธิ์กว้างสิอยู่เย็น โพธิ์ต้นนี้บ่อได้ปลูกตามดิน เป็นโพธิ์ศิลโพธิ์ธรรม หว่านมาแต่เมืองฟ้า เว่านำธรรม คงฮู้ครูเฮาหากสอนสั่ง คำพระสังฆะเจ้า โบราณเฒ่าว่ามา พระศรีอาริยะเผิ่นสร้างโพธิ์สามห่ม เอาคน เข้าอยู่ซ่นโพธิ์ กว้างสิอยู่เย็น นี้หากแม่นคำสอนบ่อนพระองค์นำทางซี้อันว่าโพธิ์ศรี สามต้นคนเฮาสิได้เพิ่ง ตกมาฮอดเขิ่งข้อนตอนท้ายศาสนา พระศรีอารย์เผิ่น สิลงมาข้นเอาผู้ประเสริฐ เลือกแต่ผู้เลิศหล้ำ ทำสร้างแต่บ่อนดี อันว่าพวก ปล้นจี้เรื่องโหดสามารยมพิบาลจับเข้าสู่อะเวจีกว้าง ให้ทำดีเอาไว้เอาตน เข้าห่มมนุษย์สาโลกกว้างคนสิล้มทาวตาย เผิ่นสิมาเลือกไว้สามห่มโพธิ์ศรี ให้พอดีกับเขิงคำแก้ว มันหากเถิงคราวแล้วคนเฮาอย่านอนอยู่ ให่พากันตื่น ท่อนอย่านอนนิ่งสิเพิ่งไผ เดี๋ยวนี้แสงธรรมเจ้าองค์พุทโธกำลังส่อง มองไป ใสก็เจิดจ้าแสงธรรมเจ้าส่องมา หวังให่โลกนี้กว้างปวงประชาชาวโลกพ้น จากมารหมู่ฮ้ายใจเจ้าสิอยู่เย็น อย่าพากันเกียจคร้านเด้อท่านผู้มีศีล ถ้าไป กินนำพระผู้เผิ่นมีบุญล้น ไผผู้ ทนเอาไว้มีใจมั่นเที่ยง กระสิเถิงแห่งห้อง วิมารแก้วอยู่เย็นทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่อะนิจจังอะตะสังขาราบ่เที่ยงตรง ดอกเด้อป้า ให่ทำดีเอาไว้เอาตนเข่าห่ม ให่พากันก่อสร้างทางสิได้เข้า ห่มโพธิ์ อย่าทำตนเป็นคนโก้หากินนำคนโง่ ฮู้ว่าโง่อยู่แล้วอย่ามาซ้ำตื่ม แถม กรรมสิแนมนำก้นบ่ทันโดนสิเห็นดอก ไผผู้ทำซั่วซ้ากรรมฮ้ายหาก สิเห็น มันสิลอดกระด้งบ่อคาหว่างตาเขิง อย่าพากันเลวทรามให้จื่อจำเอาไว้ นี้หากแม่นคำสอนเจ้าองค์พุทโธสอนสั่ง ให้ชาวพี่น้องฟังแล้วจื่อเอา จั่งเห็นทางเข้าโพธิ์ศรีสามห่ม สู่อันมีทางลม ภัยน้ำ ทั้งสามสิไหวหวั่น แห่งสิมาเต็งตื่มซ้ำทำให่หมุ่นละลาย คนสิตายไปพร้อมนานา นับบ่ค่วย คันปีกุนผ่านเข้าไปแล้วสิแพรวขึ้นกวัวแต่หลังไผผู้ยังเหลือค้างสิเห็นทาง บุญบาป นอกจาก กรรมหมู่ฮ้ายใจเจ้าสิชื่นบานอย่าพากันเกียจคร้านให้ตั้ง ต่อศิลธรรม จั่งสิมีอันสงบอยู่สบายหายฮ้อนองค์พระธรรมสิลงมาครอง โลกาหากสิเห็นเที่ยงแท้ไผทำสร้างส่วนบุญ หัวที่นั้นพระองค์เนาอยู่ยั้ง เมืองใหญ่กรุงศรี ปัจจุบันสิอยู่เมืองฐานสร้าง เผิ่นสิมาเถิงแท้เดือนสิบเอ็ด มื้อแปดค่ำ พอศอสองพันห้าร้อยปีกุนแท้ แน่นอน พอศอลวงมาถึงสองพัน ห้าโลกากว้งเมืองหลวงสิฮ้อนเฮ่ง มนุษย์สิประสบควมเดือดร้อน ทางสิแก้ แม่นบ่มี คันไผทำซั่วฮ้ายเมืองฟ้าสิบ่เห็น มีแต่จมลงพื้นอเวจีหม้อใหญ่ ท่านพระศรีเผิ่นกะส่อยบ่ได้ อันนี้มวลมีในห้องครองธรรมโลกใบนี้ เป็นโลกภัยมหันต์ ศาสนาสองพันได้ล่วงมาถึงแล้ว คนเขาแซวแซวเว่า โลกาบ่คือเก่าบางผ่องเจ็บป่วยไข่ ตายไวเกินขนาดโรคประหลาดก็หาก มาใหม่เรื่อย ยาแก้ไว้ก็บ่ทัน อัศจรรย์น้อป้าโลกามันเปลี่ยนบ่เคยเห็น ก็ส่างพ้อน้อนี้จังแม่นกรรม อันว่าทางฝนฟ้า โลกาบ่คือเก่า คันว่าตกก็หาก ตกมากล้นจนท่วมทั่วแดน คันว่าแลงก็หากแล้งจนแผ่นดินแดง คันว่า หนาว ก็หากหนาวพาโลต่างหลังเหลือล้น คนเขาแซวแซวเว่าเป็นไปหมด ทุกอย่าง ภัยพิบัติต่างต่างก็หากบังเกิดขึ้น ตายได้ง่าย พระเจ้ากล่าวขอ ให้ชาวพี่น้องฟังแล้วให้จื่อเอาเด้อท่านเอย

    DEEAAFBD-3996-4A35-9182-EF43EA878FA7.jpeg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2022
  9. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    C99AD8E1-4EB1-4A3C-B292-6E533DAD7D42.jpeg


    นี่คือระดับสูง !
     
  10. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
    ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
    [บุคคลผู้ประกอบด้วยปัญญา ๑๖ ประการนี้ เป็นผู้บรรลุปฏิสัมภิทา บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ คือ ผู้หนึ่งถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน
    ผู้หนึ่งไม่ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน เป็นผู้
    ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนก็มี ๒
    คือ ผู้หนึ่งเป็นพหูสูต ผู้หนึ่งไม่เป็นพหูสูต ผู้เป็นพหูสูตเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง
    วิเศษกว่าผู้ไม่เป็นพหูสูต และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดัง
    นี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ แม้ผู้เป็นพหูสูตก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งมากด้วยเทศนา ผู้หนึ่งไม่มากด้วยเทศนา ผู้มากด้วย
    เทศนา เป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่มากด้วยเทศนา และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
    ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ และผู้มากด้วยเทศนาก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งอาศัยครู ผู้หนึ่งไม่อาศัยครู ผู้อาศัยครูเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่งวิเศษกว่าผู้ไม่อาศัยครู และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้
    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ และผู้อาศัยครูก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งมีวิหารธรรมมากผู้หนึ่งไม่มีวิหารธรรมมาก ผู้มีวิหารธรรมมากเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่มี
    วิหารธรรมมาก และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้
    มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ และผู้มีวิหารธรรมมากก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งมีความพิจารณามาก ผู้หนึ่งไม่มีความพิจารณามาก ผู้มีความพิจารณามากเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่มีความพิจารณามาก และมีญาณแตกฉาน บุคคล

    บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ ผู้มีวิหารธรรมมากมี ๒ และผู้มีความพิจารณามากก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งเป็นพระเสขะ
    บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้หนึ่งเป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทา ผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทา ผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้เป็น
    พระเสขะบรรลุปฏิสัมภิทา และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ ผู้มีวิหารธรรมมากมี ๒ ผู้มีความพิจารณามากมี ๒ และผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งบรรลุถึงสาวกบารมี ผู้หนึ่งไม่บรรลุถึงสาวกบารมี ผู้บรรลุถึงสาวกบารมีเป็นผู้
    ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่บรรลุถึงสาวกบารมี และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ ผู้มีวิหารธรรมมากมี ๒ ผู้มีความพิจารณามากมี ๒ และผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งบรรลุถึงสาวกบารมี ผู้หนึ่งเป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้บรรลุถึงสาวกบารมี
    และมีญาณแตกฉาน เมื่อเทียบกับพระปัจเจกพุทธเจ้า และโลก พร้อมทั้งเทวโลก ดังนี้ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้เลิศ ทรงบรรลุปฏิสัมภิทา ทรงเป็นผู้ฉลาดในประเภทแห่งปัญญา มีพระญาณแตกฉาน ทรงได้ปฏิสัมภิทา ทรงบรรลุถึงเวสารัชชญาณ ทรงพละ ๑๐ ทรงเป็นบุรุษองอาจ ทรงเป็นบุรุษสีหะ ฯลฯ บรรดากษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี สมณะ ผู้เป็นบัณฑิต มีปัญญาละเอียด แต่งวาทะโต้ตอบ มีปัญญาเปรียบด้วยนายขมังธนูผู้สามารถยิงขนทราย เที่ยวทำลายปัญญาและทิฐิด้วยปัญญา บัณฑิตเหล่านั้นแต่งปัญหาแล้วพากันเข้ามาหาพระตถาคต ถามปัญหาทั้งลี้ลับและเปิดเผย ปัญหาเหล่านั้น พระผู้
    มีพระภาคตรัสบอกและทรงแก้แล้ว มีเหตุที่ทรงแสดงไขให้เห็นชัด ปรากฏแก่พระผู้มีพระภาค ความจริง พระผู้มีพระภาคย่อมทรงรุ่งเรืองยิ่งด้วยพระปัญญา เพราะ
    ทรงแก้ปัญหาเหล่านั้น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงเป็นผู้เลิศ ทรงบรรลุ
    ปฏิสัมภิทา ฉะนี้แล ฯ
    จบมหาปัญญากถา


    “ หากไม่ใช่พระพุทธเจ้า ผู้ทรงทศพลญาน 10 ฯลฯก็ไม่มีทางได้ ปฎิสัมภิทา ระดับที่ 16 ขั้นสูงสุด
    ฯลฯ



    89993247-46E3-4C8A-817D-C2BB42EC7B17.jpeg
     
  11. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    ฝากบอกไว้เลยโดยเฉพาะสำนักที่ไม่เอาปฎิสัมภิทา สร้างสัทธรรมปฎิรูป

    มันเป็นของปลอม !! เรียนไปก็ตกนรกทั้งเป็น กราบไปก็ตกนรก ไปร่วมสร้างกรรมทำลายพระพุทธศาสนา ทำไม ไม่เข้าใจ เวรกรรม !

    131F3C6A-C46A-4CDF-8D02-9A4F767FC6F9.png
     
  12. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
  13. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    มหานิมิตวิปัสนาญาน ๙
    (ด้วยมหานิมิตแห่งเรา ในกาลนั้น ได้ปรากฎต้นไม้พฤกษชาติที่มีขนาดใหญ่โต หนึ่งต้น ขนาดมหึมาที่สุด สูงกว่าเหล่าบรรพตทั้งหลายในโลกธาตุนี้ นั่นคือเท่าที่จะประมาณได้ เราปรากฎในรูปของบรรพชิต นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ ปลายลำต้นไม้นั้น ที่แยกแตกออกเป็นเสนาสนะแห่งเราโดยเฉพาะ ท้องฟ้านภาอากาศมีสีแดงเทาดำชวนให้เศร้าหมอง เราเหลือบมองดูผืนพสุธาที่ครุ่กกรุ่นด้วย ถ่านเพลิงมหาไฟประลัยกันต์เหล่านั้น ด้วยความปลงตกสังเวชใจ เราครุ่นคิดพิจารณาอยู่หนอว่า อะไรเป็นเหตุให้เกิดสภาวะขึ้นกับโลกธาตุนี้ เราไม่อาจจักเห็น น้ำ หรือ สิ่งมีชีวิตอื่นใดเลย นอกจากเราเองและพฤกษชาตินั้น)

    ต้นไม้ต้นนั้น อยู่ที่อินโดนีเซีย ชื่อของ ต้นไม้นั้น “ ปานันปานานา “ เป็นต้นไม้ที่สามารถเติบโตขึ้นในธารลาวาได้

    ไม่ใช่ต้นชักกุม ในคติศาสนาอิสฯ



    เป็นเสนาสนะ! ของเรา ในอนาคตกาลหรืออนาคตชาติกาล

    แค่เล่านิทาน

    0BAE1DEE-DE8D-49E8-818D-56743008B96F.jpeg
     
  14. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    6DBA8E41-D67C-4BC0-847F-4915B07651BC.jpeg

    ก็เพราะเหตุใด โลกจึงร้อน? ตามพุทธดำรัสตรัสสอน
    เกี่ยวพันกับ “อาทิตตปริยายสูตร”
    ปุจฉา:อะไรล่ะที่ทำให้เย็น
    วิสัชนา: พระสัทธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยะสาวก
    ร่มเย็นยังประโยชน์เกื้อกูลกันและกัน(ฉลาดในธาตุ)




    มีอยู่ 1 กระจาด ใคร ปฎิบัติได้ ก็เห็นเอง ถึงเวลาก็เข้ามาเอา!
    ร่างทิพย์ เท่านั้น!

    ขี้คุยให้ฟัง
    ปล.ผู้นำทำชะฮีด มาขอ ให้ไปแค่ 1 ก้อน!

    คิดถึงแสงเหนือ ออโรร่า กันบ้างแล้วสินะ


    ปัญหาก็คือ ! ลมสุริยะ จาก ดวงอาทิตย์ดวงอื่น! อิทัปปัจจยตา ! สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี ! มันจะไม่จบแค่ ขั้วโลกเหนือ-ใต้ ถ้ามีแสงเบี่ยงเบนไป ในทิศทางอื่น! หมายถึง อีก2 ฝั่งตรงกันข้ามกับทิศขั้วแม่เหล็กโลก ข้อนี้ พึงพิจารณา เป็นไปได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า แดงเถือก เต็มโลก
    65C592FA-2BA2-428B-9153-6E32215DF6A3.jpeg

    นึกไปถึง ตาแก่ อสุรินราหู อยู่ยังไง? วับๆแวมๆ ^_^



    แสงสีแดงจากการเผาไหม้อากาศนี่แหละ! น่ากลัว สรุปว่า อากาศถูกเผาไหม้ไปแน่รึ! กำลังถูกเผาไหม้จริงหรือ?


    (ใช้คำว่าปลดปล่อยพลังงาน นั่นไม่ใช่การสูญเสียพลังงานไนโตรเจนและออกซิเจนปริมาณมากไปในอวกาศด้วยการถูกเผาไหม้รึ? ทฤษฎีสมคบคิดต้องมาแล้ว)

    ถ้าจริง ก็ตามล่าแสง เพื่อ! ไม่ตามหา”ธรรม”อันเกษมพ้นภัย

    มหัศจรรย์ถูกใจยิ่งนัก ! แสงมหัศจรรย์ หรือ แสงหายนะโลก(สีแดง)

    5BBCA8B4-7FAB-4D80-B3A1-EB218146EEE7.png


    “ภัยทั้งปวงเกิดจากคนพาล”


    พหุธาตุกสูตร
    ว่าด้วยธาตุมากอย่าง
    [๑๒๔]@เชิงอรรถ :
    @๑ ภัย ในที่นี้หมายถึงความสะดุ้งกลัวแห่งจิต เช่น การได้ทราบข่าวว่าโจรจะปล้นแล้วเกิดความสะดุ้งกลัว
    @(ม.อุ.อ. ๓/๑๒๔/๗๑, องฺ.ติก.อ. ๒/๑/๗๗)
    @๒ อุปัททวะ ในที่นี้หมายถึงภาวะที่จิตฟุ้งซ่าน เช่น เมื่อรู้ว่าโจรจะปล้นก็ระส่ำระสายพยายามจะหนีพร้อมกับ
    @ขนของไปด้วยเท่าที่พอจะถือติดมือไปได้ (ม.อุ.อ. ๓/๑๒๔/๗๑, องฺ.ติก.อ. ๒/๑/๗๗)
    @๓ อุปสรรค ในที่นี้หมายถึงอาการที่มีความขัดข้อง เช่น การถูกโจรล้อมบ้านจุดไฟปิดประตูไม่ให้หนีไปได้
    @และฆ่าแล้วชิงเอาทรัพย์ทั้งหมดไป (ม.อุ.อ. ๓/๑๒๔/๗๑, องฺ.ติก.อ. ๒/๑/๗๗)
    @๔ ดูเทียบ องฺ.ติก. (แปล) ๒๐/๑/๑๔๐

    “รู้สึกขอบคุณซะเหลือเกินที่มีดวงอาทิตย์ประดิษฐ์มาเพิ่ม! อีกหลายๆดวง (ดวงอาทิตย์สายปั่น)“

    คิดมั่วๆอื่นๆระวังตกทิฐิ 62
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2022
  15. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    ก็ต้นนี้ พญาไม้ประจำทวีป !



    73FA1B64-2E8B-40FD-8CD9-C1B05355A180.jpeg

    0B135592-DB39-4601-A64F-76D922E44232.jpeg


    เรื่องที่ทำให้โลกมืดๆ นี่ ยุคนี้ พญานาคถูกลบหลู่ดูหมิ่นมากที่สุด น่าจะได้เครดิตมากที่สุด

    ถ้าเป็นเราคงขอให้ท่าน นันโทปนันทนาคราช มาบังโลกให้สัก7วัน / อายุทิพย์ขนาดนั้น มีภารกิจพิเศษแน่!

    ขนาดคงไม่ต่ำกว่า 50ล้านโยชน์ บังเขาพระสุเมรุได้ขนาดนั้น ตั้ง 7 รอบ

    สุดท้าย ก็จะมาบอก ว่า งูคือซาตาน พวกเกลียดและกลัว

    มโนไปเรื่อย!

    10/03:56-04:50 นั่งสมาธิ งูสีดำตัวเขื่องลอยน้ำมาหา ในอ่างน้ำ สยองจนต้องถอย! ปีนออกไปมอง นอกสระ อย่าบอกนะว่า ! คำขอไปถึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2022
  16. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    D366158F-6248-464D-909C-2425C120327E.jpeg

    รุ่นเล็ก! แต่สมัยนี้ เรียกว่า หว้ายักษ์

    บุโรพุทโธ ยังมีอะไรที่ซุกซ่อนความลับอยู่มาก

    ไหนจะเป็นรอยเท้าท่านว่ากันว่า เป็นของท่าน อุปคุตมหาเถระอีก

    ท่านทำนิมิตไว้ที่อินโดนีเซียเพื่ออะไรกันหนอ?

    F08E641E-4BB8-40A8-B461-BB613C4927B7.jpeg


    ฝากเพลงนี้ให้อุบาสิกาในอนาคต ! เหมาะกับท่านที่ปรารถนาสละโลก โลกีย์กามแสวงหาโมกขธรรม

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2022
  17. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    เจาะจงแผ่ให้ถึง ทวีปอื่นด้วย อีก 3 ทวีป และ ใต้แผ่นดิน อีก 3 แผ่นดินธรรม ในวาระสมัยพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ 3 พระองค์ ยังมีในพระสูตรในพระไตรปิฏกฯ
    EB66D78A-A77D-4BA2-A27C-CD7B44F6E0A1.jpeg
    C5CBB221-CD3F-4BC7-B542-CA966B84DE0B.jpeg

    ตั้งจิตอธิษฐานให้ดี ไม่ต้องรีบ

    แม้ในอนาคต เราเองก็ปฎิบัติเช่นนี้ แนะนำเช่นนี้

    เมื่อกระแสไปถึง เวลาอันสมควรนั้น ผู้ทรงอำนาจ จักมาสู่โลก และจะเกิดการ แผ่เมตตาจิต โยงกระแสกันทั้ง 4 ทวีป

    จงเผยแผ่ไป! ท่านสหธรรม กัลยาณมิตรทั้งหลายฯ

    ขออนุโมทนาในบุญนั้นๆด้วยฯทุกวาระกาล



    หากได้ปาฏิหาริย์ 3 ขออธิษฐานตั้งจิตใจไว้เลย
    ว่าจะขออาราธนาเอา เครื่องบริขารพระบรมสารีริกธาตุพระธาตุ เจดีย์ อุเทสิกเจดีย์ในพระพุทธศาสนา กลับคืนมาให้หมด จากพิพิธภัณฑ์และในที่ต่างๆ ที่ถูกช่วงชิงไป ในประเทศอื่นๆ มาเก็บรักษาที่ประเทศไทย

    753084D6-5FE1-4D78-82CE-EC9314FC5D6B.jpeg









     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2022
  18. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    หากมีวาสนาคงได้ สนทนาแลกเปลี่ยนธรรมด้วยกันใหม่


    ขออนุโมทนาพลานิสงส์อันเป็นพลวปัจจัยทั้งหลายฯเหล่านั้นด้วย

    “มะนาวหมดเนื้อแล้ว เหลือแต่น้ำแล้ว“

    ขอให้ท่านสหธรรมกัลยาณมิตรทั้งหลายฯ จงเจริญในพระสัทธรรม


    41AB2432-79C8-4A1C-9F68-29FC4723A3B9.png

    ขอมอบบทเพลงนี้ เป็นกำลังให้ ท่าน พระศรีฯ พระจักรพรรดิฯ พระยาธรรมฯ พระฯลฯ ทุกท่าน


    “ คำสอนไม่เคยทำร้าย “



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2023
  19. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27
    ^_^ คะเต คะเต ปาระสังคะเต โพธิสวาหา ^_^

    มีทั้งผู้ให้ความรู้ความเห็น ผู้ปรารถนาจะเป็น ผู้แนะนำแนวทาง

    เพื่อจะถูกจริตท่านใดใครสักคนในยุคนี้ !

    “คำสอนไม่เคยทำร้าย”













     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2022
  20. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +27














     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2022

แชร์หน้านี้

Loading...