เพื่อนๆชาวพุทธภูมิ... ชาตินี้ มี "อัชฌาสัย6 ของพระโพธิสัตว์ " กันมากแค่ไหนครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย บัวใต้น้ำ, 20 พฤศจิกายน 2004.

  1. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ........พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิใช่มีเพียงพระองค์เดียว แต่มีจำนวนมากมายนับพระองค์ไม่ถ้วน มีมากกว่าเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง ๔ คือ อุปมาว่า มากกว่ามาก แม้มีผู้ทรงอภิ__าที่มีดวงปั__าไปนับได้ ก็ยังไม่อาจนับได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากเท่าไร คือมากกว่ามาก เกินไปกว่านั้น แสดงว่าสังสารวัฎตั้งมายาวนานมาก ...หาเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องปลายไม่ได้.....

    การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทุกคนย่อมมีสทธิ์คิดได้ แต่จะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดที่จะทำลายวัฎสงสารนี้ออกไปให้ได้ แล้วก็จะต้องไม่ไปคนเดียว แต่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ร่วมทุกข์ในวัฎสงสารนี้ออกไปด้วย.. นี่เป็นอัธยาศัยของท่าน บุคคลผู้มีความคิดเช่นนี้อย่างแรงกล้า อย่างเด็ดเดี่ยว อย่างมั่นคง อย่างจริงจัง ด้วยความสมัครใจ จะได้เนนิตกนาม ซึ่งเป็นนามที่เกิดจากคุณธรรมของท่านว่า " พระโพธิสัตว์ "

    พระ แปลว่า ผู้ประเสริฐ
    โพธิ แปลว่า เกี่ยวข้องกับ
    สัตว์ แปลว่า สัตว์โลกทั้งหลาย

    พระโพธิสัตว์ หมายถึง บุคคลผู้มุ่งการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพื่อที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยในวัฎสงสารตามไปด้วย
    บุคคลผู้มีความคิดเช่นนี้ เมื่อบารมียังไม่มากจะเรียกว่า พระโพธิสัตว์ แต่เมื่อมีบารมีแก่กล้าจะเรียกว่า พระบรมโพธิสัตว์

    พระโพธิสัตว์ เป็นบุคคลผู้มีจิตใจยิ่งให_่มหาศาลเกินเปรียบ โดยมีความคิดว่า หากแม้ว่าจักรวาลอันกว้างให_่สุดประมาณนี้ เป็นป่าไผ่อันแน่นหนาเต็มไปด้วยเรียวหนามอันแหลมคม วัดได้ไกลถึงหนึ่งล้านสองแสนสามหมื่นสี่ร้อยห้าสิบโยชน์ ท่านก็จะเดินลุยไปด้วยเท้าเปล่า จะเหยียบย่ำบุกฝ่าขวากหนามไปจนสุดปลายทาง

    หากแม้ว่าจักรวาลอันกว้างให_่สุดประมาณนี้ มีถ่านเพลิงร้อนระอุเต็มไปหมด ท่านก็จะเดินลุยไปด้วยเท้าเปล่า ไปจนสุดหมื่นจักรวาล หรือหากแม้ว่าจักรวาลอันกว้างให_่สุดประมาณนี้ เต็มไปด้วยภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟโพลงอยู่ตลอดเวลา และพื้นดินระหว่างซอกภูเขานั้น เต็มไปด้วยน้ำทองแดงที่หลอมเดือดพุ่งละลายอยู่เต็มไปทั่ว เราก็จะแหวกว่ายไปผ่านน้ำทองแดงอันร้อนแรง อันเต็มไปด้วยกำลังแขนของตน จนสุดหมื่นจักรวาล

    พระโพธิสัตว์ย่อมบำเพ็_บารมีด้วยน้ำใจที่เด็ดเดี่ยวมั่นคง ไม่ว่าจะเสวยพระชาติถือกำเนิดเป็นอะไรก็ตาม ย่อมสร้างบารมีอย่างเต็มที่ไม่ย่อหย่อน ไม่เบื่อหน่าย ไม่ส่ายพระพักตร์
    แม้จะมีใครคิดทดลองกลั่นแกล้งด้วยอุบายต่างๆ เพื่อให้ท่านเลิกสร้างบารมี ท่านก็ไม่สนแต่ยังคงสร้างบารมีต่อไปอย่างไม่หวั่นไหวในหัวใจของท่าน

    บุคคลที่จะเป็นพระโพธิสัตว์นั้นจะต้องมี อัธยาศัย ๖ ประการดังต่อไปนี้ คือ...

    ๑. เนกขัมมัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจที่จะออกบวชตลอดทุกชาติ รักในเพศบรรพชิตเป็นอย่างยิ่ง

    ๒. วิเวกัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจอยู่ในที่เงียบสงัด วิเวกผู้เดียว ที่ใดสงบสงัดปราศจากความอึกทึกครึกโครม ย่อมพอใจในสถานที่นั้นยิ่งนัก

    ๓. อโลภัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในการบริจาคทาน หากมีช่องทางใดที่จะบริจาคทานได้แล้ว จะไม่ละเว้นเลย จะทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง และยินดีพอใจที่จะคบหากับบุคคลผู้ปราศจากความโลภ ไม่มีตระหนี่เป็นยิ่งนัก

    ๔. อโทสัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในความไม่โกรธ พยายามหักห้ามความโกรธอยู่ตลอดมา เจริ_เมตตาแก่สัตว์ทั้งปวงด้วยความปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์ภัยในวัฎสงสารเป็นยิ่งนัก

    ๕. อโมหัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในการทำลายโมหะ พยายามบำเพ็_ภาวนา เพื่อให้เกิดดวงปั__า พิจารณาเห็นบาปบุ_คุณและโทษตามความเป็นจริง และพอใจในการคบหาคนดี มีสติปั__ายิ่งนัก

    ๖. นิสสรฌัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจที่จะยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎสงสาร โดยมีจิตที่มุ่งตรงต่อพระนิพพานเพียงอย่างเดียว

    ..........อัธยาศัย ๖ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลใด บุคคลนั้นได้ชื่อว่าเป็น พระโพธิสัตว์..........

    * ผู้กระทำบุ_ ย่อมบันเทิงทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
    กรรดี คนดีทำได้ง่าย คนชั่วทำได้ยาก
    กรรมชั่ว คนชั่วทำได้ง่าย พระอริยทำได้ยาก *

    พุทธพจน์
     
  2. Star Platinum

    Star Platinum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +1,152
    ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี แต่ทั้ง6ข้อที่กล่าวมานั้นก็ตรงกับนิสัยและความปรารถนาของผมเช่นกัน

    ความโกรธหรือกิเลสต่างๆนั้นผมก็มีเช่นคนทั่วไปแต่ผมก็พยายามจะข่มมันไว้โดยอาศัยความ"รู้ตนเอง"

    ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังโกรธหรือมีอยากได้ อยากมี อยากเป็นสิ่งนั้นๆอยู่ ก็พยายามจะหักห้ามใจไว้ โดยพยายามจะรู้ทันความคิดของตนเองตามคำสอนของหลวงพ่อเทียน โดยส่วนตัวแล้วผมศรัทธาหลวงพ่อเทียนมาก คำสอนของท่านทำให้ผมควบคุมความคิดและรู้ทันตนเองได้ดีขึ้นมาก

    กระทู้นี้มีประโยชน์ดีครับ ขอบคุณคุณบัวใต้น้ำมากนะครับ
     
  3. มารวิกะ

    มารวิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +526
    ตอนนี้ได้แต่ทำให้กิเลศ มันนอนก้น
     
  4. witt

    witt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +551
    ๑. เนกขัมมัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจที่จะออกบวชตลอดทุกชาติ รักในเพศบรรพชิตเป็นอย่างยิ่ง

    yes มีโอกาศได้บวชเกือบเดือนเอง สงสัยได้บวชอีกตอนแก่

    ๒. วิเวกัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจอยู่ในที่เงียบสงัด วิเวกผู้เดียว ที่ใดสงบสงัดปราศจากความอึกทึกครึกโครม ย่อมพอใจในสถานที่นั้นยิ่งนัก

    พอใจน่ะที่เงียบ เจอเสียงรำหนวกหูมาก บางทีอยากไปที่เสียงดังบ้าง แต่ทำไมไปที่เสียงดังจิตมันดันสงบ สงสัยตัวเองอยู่

    ๓. อโลภัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในการบริจาคทาน หากมีช่องทางใดที่จะบริจาคทานได้แล้ว จะไม่ละเว้นเลย จะทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง และยินดีพอใจที่จะคบหากับบุคคลผู้ปราศจากความโลภ ไม่มีตระหนี่เป็นยิ่งนัก

    มีโอกาศทำบุ_ทำน่ะ แต่ทำเต็มที่ไม่ได้ ทำเต็มทีแล้วจะเอาที่ใหนกิน ยังมีเรื่องใช้เงินอีกเยอะ แต่มีโครงการอยู่2อย่าง คือ สร้างพระ4ศอก กะ กุฏิ

    ๔. อโทสัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในความไม่โกรธ พยายามหักห้ามความโกรธอยู่ตลอดมา เจริ_เมตตาแก่สัตว์ทั้งปวงด้วยความปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์ภัยในวัฎสงสารเป็นยิ่งนัก

    แผ่เมตตาทุกวัน อะไรทีที่เขาทำเราให้โกรธ บางทีก็ตัดไม่ได้

    ๕. อโมหัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในการทำลายโมหะ พยายามบำเพ็_ภาวนา เพื่อให้เกิดดวงปั__า พิจารณาเห็นบาปบุ_คุณและโทษตามความเป็นจริง และพอใจในการคบหาคนดี มีสติปั__ายิ่งนัก

    ขอนี้สงสัยว่าตัวเองยังขาดอีกเยอะ ดันรู้จักคนไม่ดีมากกว่า แต่ก็รู้จักคนดีเยอะเหมือนกัน

    ๖. นิสสรฌัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจที่จะยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎสงสาร โดยมีจิตที่มุ่งตรงต่อพระนิพพานเพียงอย่างเดียว

    ไม่ยินดีเลยที่จะมาเกิด แต่ก็ต้องเกิด เพื่อ พุทธภูมิ และ โปรดสัตว์
     
  5. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    โมทนากับเพื่อนๆที่ปรารถนาพุทธภูมิทุกท่าน


    ส่วนตัวผมเอง หวังสาวกภูมิ น่ะครับ
    ก็ไม่อยากประมาท เลยเพียรจะทำให้ได้ในชาตินี้
    ให้มีหลักประกันว่า .. ชาติภพที่ 8 จะไม่มีแก่ผม
     
  6. jumpman

    jumpman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +885
    อ่านแล้วครับ เป็นความรู้ที่ดี

    ผมไม่มีข้อ 6 ครับ มุ่งต่อตรัสรู้เหมือนพระพุทธเจ้า
    ยังไม่ยอมนิพพานง่ายๆหรอก
    (smile)
     
  7. wit

    wit บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เห็นในพระไตรปิฎกมีกล่าวถึงว่า
    ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้นเปรียบได้กับการข้ามแม่น้ำของช้างคือขาหยั่งได้ถึงพื้นใต้แม่น้ำ
    ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นเปรียบได้กับการข้ามแม่น้ำของม้า คือ ขาหยั่งได้ถึงช่วงกลางๆเกือบถึงพื้นใต้แม่น้ำ
    ผู้ที่ปรารถนาสาวกภูมิเปรียบได้กับการข้ามแม่น้ำของกระต่าย คือ ขาหยั่งถึงช่วงส่วนบนของแม่น้ำ

    ส่วนเรื่องอัชฌาสัย 6 นั้นผมก็พยายามปฎิบัติตามให้ได้มากที่สุดตามแต่กำลังของเราครับ อย่างผมปรารถนาพุทธภูมิแต่ผมก็จะตัดสังโยชน์ด้วยครับ กะว่าจะตัดให้มากเท่ากับที่กำลังเราทำได้ครับ(ใช้การกำหนดจิตที่กลางทรวงอกหรือไม่ก็กายเป็นประจำ สลับกับกรรมฐานกองอื่นบ้างครับ)

    ตามความเห็นผมเห็นว่าพระโพธิสัตต์ก็สามารถตัดสังโยชน์ได้เหมือนกัน อาจจะเหลือแค่จิตที่ตั้งความปรารถนาพุทธภูมิเอาไว้แค่เรื่องเดียวครับ
     
  8. phoenix

    phoenix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +144
    ไม่มีสักขัอเลยครับ
     
  9. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ๑. เนกขัมมัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจที่จะออกบวชตลอดทุกชาติ รักในเพศบรรพชิตเป็นอย่างยิ่ง
    ////// ผมเคยบวชตอนช่วงปิดเทอม 2 ม.2 .. ตอนนั้นไม่อยากสึกเลย แต่ว่าก็อยากเรียนให้จบก่อน แต่ว่าอยากบวชตลอดไปเลย ... ชอบมาก

    ๒. วิเวกัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจอยู่ในที่เงียบสงัด วิเวกผู้เดียว ที่ใดสงบสงัดปราศจากความอึกทึกครึกโครม ย่อมพอ
    ///// .. ตรงดีครับ ไม่ค่อยชอบคุยกับใครไปทั่ว .. คุยพอให้เขารู้ว่า มีไมตรีจิตด้วย คุยเสร็จก็กำหนดจิตพุทโธต่อ

    ๓. อโลภัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในการบริจาคทาน หากมีช่องทางใดที่จะบริจาคทานได้แล้ว จะไม่ละเว้นเลย จะทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง และยินดีพอใจที่จะคบหากับบุคคลผู้ปราศจากความโลภ ไม่มีตระหนี่เป็นยิ่งนัก
    ///// อันนี้...ชักแป้ก ครับ ไม่ค่อยมีตังค์ ...

    ๔. อโทสัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในความไม่โกรธ พยายามหักห้ามความโกรธอยู่ตลอดมา เจริ_เมตตาแก่สัตว์ทั้งปวงด้วยความปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์ภัยในวัฎสงสารเป็นยิ่งนัก
    /////// .. อันนี้ตรงครับ ... ไม่ค่อยโกรธ ฝึกได้พอใช้

    ๕. อโมหัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจในการทำลายโมหะ พยายามบำเพ็_ภาวนา เพื่อให้เกิดดวงปั__า พิจารณาเห็นบาปบุ_คุณและโทษตามความเป็นจริง และพอใจในการคบหาคนดี มีสติปั__ายิ่งนัก
    ///// ... อันนี้ตรงครับ พยายามหา อยู่... เว๊ปพลังจิต เว๊ปคนเมืองบัว ยังงี้เป็นต้น

    ๖. นิสสรฌัชฌาสัย หมายถึง มีความพอใจที่จะยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎสงสาร โดยมีจิตที่มุ่งตรงต่อพระนิพพานเพียงอย่างเดียว
    /////// ... ก็มองไว้เลยว่า เป้าหมายที่สุดคือนิพพาน ...
     
  10. casy99

    casy99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +449
    สำหรับ ผมมีที่แน่ใจที่สุด คือ ปราศจากความสงสัยในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปราศจากความสงสัยในพระธรรม ปราศจากความสงสัยในพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
     
  11. อบเชย

    อบเชย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +37
    มีความพอใจในทุกๆข้อครับ แต่ข้อแรกมี comment นิดนึงตรงที่การออกบวช
    ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดนักในการบำเพ็ญบารมีบางอย่าง จึงคิดว่าจะตั้งใจบวชแบบตลอดชีวิตเป็นชาติๆ ไป......
     
  12. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    น่ารักทั้ง6ข้อครับสาธุ
     
  13. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เนกขัมมัชฌาสัย อนุโลมหมายถึง จิตที่ได้ปฐมฌาณ ด้วยครับ
    ทราบมาว่า พระนิตยโพธิสัตว์ ระดับสูงบารมีใกล้ปรมัตถ์ขึ้นไปจะแสดงออกให้เห็นได้ชัดเจน

    เนื่องจากพระโพธิสัตว์จำเป็นต้องเกิดเพื่ออบรมจิตโดยการบำเพ็ญบารมีให้ครบถ้วนบริบูรณ์ให้จงได้ และความที่บารมีสามสิบทัศมีความหลากหลายและกว้างขวาง จึงปรากฎว่าในหลายคราท่านต้องเกิดเป็นชนชั้นคนธรรมดา อาทิ เป็นคนธรรมดามีลูกเมียติดต่อกันเป็น 1000 เป็น 10000 ชาติเลย ดังนั้น พวกมารซึ่งเป็นผู้มีอายุอันยาวนาน เห็นและรู้ความเป็นไปของพระโพธิสัตว์ มีหลายครา พวกเค้าไม่ยอมรับที่วันๆ หนึ่ง คนธรรมดานั้น กลายเป็นพระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีสูง หรือกลายเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะเค้ามองไม่เห็น

    เนกขัมมะ พระโพธิสัตว์ บำเพ็ญด้วยจิตใจไม่ใช่รูปแบบ การเป็นผู้เข้าถึงปฐมฌาณแบบเข้าแบบออกตลอดเวลา เป็นผลจากการฝึกฝนจิตที่จับที่ เนกขัมมะ นั้นเอง มีลูก มีเมีย ทำงานตามปกติ เนกขัมมะ มีได้ครับ การมีครอบครัว จะกลายเป็น การเกื้อกูลกันเท่านั้น เพราะคนเราไม่จำต้องมีกามในการครองเรือนตลอดเวลา ดังนั้น จะเห็นว่า ในชาดกหลายเรื่อง พระโพธิสัตว์ท่านปล่อยวางความรักทางโลก หรือกามได้ง่ายๆ คือ เมื่อจำเป็นต้องสละลูก เมีย ก็สละได้ ไม่ใช่มาตั้งจิตทำทานกันได้เลย พื้นฐานเนกขัมมะนั้น มีในใจก่อนแล้ว ลองพิจารณาคนธรรมดาสิครับพอต้องไปทำงานไกลลูกเมีย นี่เป็นทุกข์ทรมาน เพราะจิตมันติดผลของกามอยู่ แต่หากบำเพ็ญหัวใจของเนกขัมมะตลอดเวลา จะทำให้มีปัญญา ปล่อยละปล่อยวางได้
    ดังนั้น รูปแบบการออกบวชจึงไม่ใช่ตัวบ่งชี้การบำเพ็ญเนกขัมมะบารมีเพียงอย่างเดียวครับ แม้กระทั่งพระโพธิสัตว์เวลาอยู่บนสวรรค์ การไม่เสวยกามแบบเทวดาทั่วไป นั้นแหละ คือ เนกขัมมะอย่างหนึ่ง ไม่จำต้องเป็นพระพรหมจึงจะการันตีว่า ได้เนกขัมมะอย่างเดียวครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...