บทความ ตำนาน พระกินเณร

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Leonidas 1, 26 มิถุนายน 2008.

  1. Leonidas 1

    Leonidas 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +188
    [​IMG]
    ภาพประกอบจาก Internet ไม่ใช่ภาพจริงแต่อย่างใด


    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
    หลวงพ่อดำ หรือพระกินเณร (ปัจจุบันลงรักปิดทอง)

    หลวงพ่อดำหรือพระกินเณร เป็นพระพุทธรูปที่องค์ใหญ่กว่าพระศรีศาสดา ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าประตูพระวิหารพระศรีศาสดาตอนใต้ เล่ากันว่าสามเณรรูปหนึ่งจะลาสิกขา ถือดอกไม้ธูปเทียนไปสักการะบูชาพระพุทธรูปองค์นี้แล้วสามเณรก็หายไป ญาติโยมสงสัยเข้าไปดูใกล้ๆ พบรอยเลือดสดๆ อยู่ทั่วบริเวณพระโอษฐ์ของพระพุทธรูป ก็ลงความเห็นว่าพระกินสามเณรเข้าไปแล้ว จึงใช้ตะปูตอกที่พระโอษฐ์เพื่อมิให้กินใครๆอีก

    เป็นไงบ้างครับ สำหรับรูปของพระกินเณรที่พิษณุโลก ปัจจุบันมีการลงรักปิดทองเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับพระกินเณรที่นครสวรรค์ ตอนนี้เรายังหารูปไม่ได้ ดูภาพของที่พิษณุโลกก่อนละกัน ไปละ

    อีกเรื่อง

    เรื่องมีอยู่ว่า สมัยก่อนที่วัดแห่งหนึ่งใน นครสวรรค์
    มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เป็นรูปปางยืน ขนาดเท่าตัวคนจริง เป็นพระพุทธรูปที่หลอมขึ้นมาใหม่นำมาที่วัดได้ไม่นาน

    ที่วัดนั้นมีเณรและพระมาบวชกันจำนวนมากพอสมควร มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีเหตุการณ์แปลก คือ สามเณรที่วัดหายตัวไปทีละคน ตอนแรกเจ้าอาวาสก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าสามเณรคงจะหนีกลับบ้าน ก็ได้เพราะยังเด็กอยู่อาจคิดถึงบ้าน

    แต่แล้วสามเณรก็หายไปมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าอาวาสก็เริ่มเอะใจ
    จนมาเป็นเรื่องกันตอนที่โยมพ่อ โยมแม่ ของสามเณรที่หายมาหา
    ก็บอกว่าไม่ได้กลับไปบ้าน ช่วงนั้นพระผู้ดูแลโบสถ์ท่านบอกว่า เห็นว่ามีเศษผ้าจีวรขาดๆ
    ไปติดอยู่ที่ปากพระพุทธรูปที่ว่า เอาออกหลายครั้งแล้วก็มีมาใหม่ทีแรกคิดว่าอาจมีใครเล่นพิเรนมากลั่นแกล้ง

    แต่ท่านมาสังเกตุเห็นว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่ขึ้น
    จากตอนแรกท่านว่าขนาดเท่าคนจริง ตอนนี้สูงสัก 2 เมตรได้แล้วมั้ง
    ท่านว่าท่านคงคิดมาก ก็ไม่ค่อยได้ติดใจอะไร แต่ก็กำชับไม่ให้พระ สามเณร ออกมาข้างนอกตอนยามวิกาล แต่จะเห็นได้ว่าสามเณรที่หายตัวไป ส่วนมากจะอยู่กุฎิแถวๆพระพุทธรูปนั้น

    แต่เหตุการณ์ก็ยังต่อเนื่องอยู่ สามเณรก็ยังคงหายตัวไปอีก
    เจ้าอาวาสรู้สึกผิดสังเกตมาก จนพระท่านที่เฝ้าโบสถ์เรียกเจ้าอาวาส วิ่งมาด้วยความตกใจ เรียกเจ้าอาวาสไปดูอะไรอย่างหนึ่ง เมื่อท่านเจ้าอาวาสมาพบก็ได้แต่ตะลึง เพราะพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว จากตอนแรกที่ผมบอกว่าเป็นปางยืน ขณะนี้ได้อยู่ในท่าปางนอน เป็นท่านอนตะแคงแล้วเอามือข้างหนึ่งดันเศียรเอาไว้ แล้วขนาดก็ใหญ่ขึ้นด้วย
    ท่านบอกว่าตอนนั้นใหญ่กว่าคน 3 คนอีก

    แล้วที่น่ากลัวคือ พบเศษจีวรติดที่แถวปากพระพุทธรูปนั้นอีกแล้ว
    เห็นอย่างนี้ท่านเจ้าอาวาสก็ไม่รอช้า จัดเวรยามเฝ้าพระพุทธรูปองค์นี้จนเช้า
    วันรุ่งขึ้นจึงจ้างช่างประตู ทำเป็นประตูเหล็กล้อมกรอบให้ขนาดใหญ่กว่าตัวพระพุทธรูปเล็กน้อย ล้อมจนหมด นับจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์สามเณรหายอีกเลย แล้วก็ไม่พบสามเณรที่สูญหายไปจนถึงเดี๋ยวนี้เช่นกัน

    -เรื่องนี้ฟังมาจากผู้สูงอายุ แถวบ้านนะ ฟังหูไว้หู ที่จริงไม่อยากเล่าเท่าไรเพราะเกี่ยวเนื่องถึงพระพุทธรูป อาจเป็นการทำลายศาสนาในทางลบได้ แต่มูลเหตมีจริง คนที่อยู่นครสวรร ถ้าอยากรู้ไปวัดวัดหนึ่ง ที่อยู่แถวๆตีนเขา เข้าไปท่านจะเห็นพระพุทธรูปปางนอน ขนาดยาวประมาณ 3-4 ช่วงคน ถูกตีประตูล้อมเอาไว้ขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย ไม่มีเครื่องหอมบูชา ไม่ให้กราบไหว้ แล้วก็ประตูถูกล็อคปิดตาย!!



    http://seedang.com/stories/26261
    ภาพประกอบเพิ่มจากทางอินเตอร์เน็ต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2008
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    บอกได้หรือเปล่าว่าอยู่ที่วัดไหน
     
  3. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    เห็นด้วยครับ จะได้ประดับความรู้ และระมัดระวัง ที่ไปวัดนั้นครับ
     
  4. Leonidas 1

    Leonidas 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +188
    มันเป็นเรื่องเล่าอ่ะครับ เขาไม่ระบุว่าวัดไหน แต่ผมมีเพื่อนเป็นคนกัมพูชาคนหนึ่งเขาก็เคยเล่าเรื่องพระกินเณรที่ประเทศเขาให้ฟัง เขาเล่าว่า ที่ประเทศกัมพูชานั้นมีวัดอยู่วัดหนึ่งแถวชานเมือง เขาไม่ยอมบอกว่าวัดอะไร และเป็นวัดที่เพิ่งสร้างพระประธานเสร็จ แต่เขาว่าตอนทำวัตรเสร็จ ก็จะเป็นหน้าที่ของสามเณรที่จะต้องปิดประตูโบสถ์ สามเณรก็ทำหน้าที่ปิดประตูโบสถ์ และแล้วสามเณรก็หายตัวไป วันต่อมาสามเณรรูปอื่นที่ทำหน้าที่ปิดประตูโบสถ์ก็หายตัวไปเช่นเดียวกัน จนเจ้าอาวาสเริ่มสงสัย แล้วในที่สุดวันพิสูจน์ก็มาถึง เจ้าอาวาสไปดูแถวบริเวณฐานชุกชีพระประธาน เห็นแต่โครงกระดูกเด็ก และซากจีวรขาดวางกองอยู่ที่ฐานชุกชี และที่ขอบพระโอษฐ์พระประธาน พบรอยเลือดติดอยู่ จนในที่สุดเจ้าอาวาสจึงทำพิธียุบพระประธานเสีย แล้วให้ช่างที่อื่นมาหล่อพระประธานแทน สาเหตุที่พระประธานเป็นอย่างนี้เพราะว่า ช่างหล่อพระประธานนั้นต้องการทำพระประธานให้ดูน่ากลัว มีอิทธิฤทธิ์ จึงเอาปีศาจมาใส่ไว้ในพระประธาน นี่เป็นเรื่องเล่าผมเองก็อธิบายไม่ได้ว่าจริงป่าว เลยส่งมาให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านพิจารณาดูอ่ะครับ
     
  5. ภราดรสันติ

    ภราดรสันติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +45
    เครดิต คุณซุปเปอร์แมน จาก เกิดใต้ดาวโจร (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม) ศิษย์ หลวงพ่อเดิม เทพเจ้าเมืองสี่แคว ครับ


    พระกินเณร

    ในปี พุทธศักราช 2480 ไพฑูรย์หนีคุก ตำรวจและราชทัณฑ์ตามล่าแบบพลิกแผนดิน แต่สิงโตหินก็มีพระเวทกำบังตาป้องกัน ไพฑูรย์พูดถึงพระเวทกำบังตาป้องกันตัวแล้วหัวเราะหึๆ ก่อนจะบอกว่า “ไม่มีพระเวทบังตาอะไรหรอก แต่อาศัยว่ามีพวกพ้องทั้งในคุกนอกคุกที่เคยช่วยเหลือไว้ คอยเป็นหูเป็นตาคอยให้ที่หลบซ่อน อีกอย่างการปลอมแปลงโฉมผมก็เป็นที่หนึ่งกับเขาเหมือนกัน ตำรวจกับราชทัณฑ์จึงคว้าน้ำเหลวทุกครั้งไป”

    ไพฑูรย์ไปอยู่ราชบุรีโดยอาศัยเงินที่ฝากพวกพ้องไว้ ในตอนที่ปล้นคนรวยแจกคนจนคนจรไปส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็กินเที่ยวตามประสา ส่วนหนึ่งเก็บฝากพรรคพวกเอาไว้เป็นทุนระหว่างหลบหนี แม้จะรู้ว่าไม่นานก็ต้องพลาดถูกจับได้แต่ก็ไม่ยี่หระ ไพฑูรย์เคยบอกกับพระกล้าฯ ต่อหน้าพวกพัศดีก่อนถูกโบยว่า

    ไพฑูรย์ “คุณพระก็รู้จับผมขังได้ขังไป แต่ถ้าผมมีโอกาสผมก็หนีแน่นอน ตามจับผมมาขังได้ไม่นานหรอก เสียดายคุณพระเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมองค์เดียวกับผม คุณพระฆ่าผมได้แต่ผมฆ่าคุณพระไม่ได้ เพราะผมเคารพในคำสอนของหลวงพ่อ ท่านสั่งว่าศิษย์สำนักเดียวกันจะฆ่ากันไม่ได้ ใครไม่ทำตามก็จักพบกับความพินาศ คุณพระไม่เคารพหลวงพ่อก็แล้วไปแต่ผมเคารพ ดังนั้นคนที่จะเอาชีวิตคุณพระไม่ใช่ผม แต่เป็นคนอื่นเป็นศิษย์คนละสำนักกับคุณพระ”

    ไพฑูรย์ในคราบนักโบราณคดีมาหาของเก่า พรางตัวให้เหมือนนักโบราณคดีมีอดีต น.ช ทองใบ เป็นคนให้ที่หลบซ่อนอยู่หลังวัดมหาธาตุเมืองราชบุรี ชื่อวัดมาจากพระมหาธาตุเจดีย์ที่มียอดสูงเสียดฟ้า มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ล้อมรอบพระปราง เจ้าอาวาสชื่อ หลวงพ่อพลอย เป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐานมาก เมื่อไพฑูรย์นำภัตตาหารไปถวายเพลครั้งแรก หลวงพ่อพลอยจ้องหน้าเขาตาไม่กระพริบ ครั้นเมื่อฉันเพลแล้วท่านจึงประพรมน้ำมนต์ให้ เสียงของหลวงพ่อพลอยทำให้ไพฑูรย์ถึงกับสะดุ้ง

    หลวงพ่อพลอย “มือสองข้างของโยมไม่สะอาด มีแต่คราบเลือด เนื้อตัวก็มีแต่รังสีแห่งความอำมหิต แม้ใบหน้าโยมจะดูเป็นปรกติแต่แววตาของโยมซ่อนอาตมาไม่ได้หรอก แต่ก็เอาเถอะนั่นไม่ใช่กิจของสงฆ์ อาตมาว่าโยมอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เจ้ากรรมนายเวรจะตามมาถึงเป็นเหตุให้โยมต้องเร่รอนไปอีก”

    ไพฑูรย์ก้มลงกราบแทบเท้าหลวงพ่อพลอย รู้สึกปีติที่ได้มาพบพระผู้มีอภิญญาญาณ สามารถมองเห็นความเป็นมาแต่หนหลังของตนเอง นึกในใจว่าหลวงพ่อท่านรู้ได้อย่างไร พอจะเอ่ยปากถามเสียงหลวงพ่อพลอยก็ดังขึ้น

    หลวงพ่อพลอย “สีหน้า ท่าทาง ดวงตา กับบางสิ่งที่ติดตามวนเวียนอยู่รอบตัวโยม ไม่ต้องสงสัยหรอกพระสงฆ์ไม่มีภัยกับใคร ทุกคนคือมนุษย์ผิดกันแต่ฐานะเท่านั้น อาตมาก่อนมาอยู่ในผ้าเหลืองก็ล้างผลาญชีวิตมนุษย์มาไม่น้อย แต่เมื่อรับโทษแล้วอาตมาก็บวชไม่กลับไปทางโลกอีก พรรคพวกเพื่อนฝูงทิ้งหมดลูกเมียไม่มีจึงหมดห่วงหมดกังวลไป”

    ไพฑูรย์นมัสการลากลับ ขากลับอดีต น.ช ทองใบลากมือไพฑูรย์กึ่งจูงกึ่งวิ่ง ปากก็พูดว่า

    น.ช ทองใบ “เร็วเข้าอาจารย์ ผมจะพาไปดูพระกินเณร เขาเล่าลือกันมาก จนต้องเอารั้วเหล็กมากั้นรอบพระพุทธรูป ไม่ยอมให้ใครเข้าไปแตะต้ององค์พระเลยทีเดียว”

    ไพฑูรย์เล่าว่า เมื่อเดินไปด้านหลังองค์พระปรางค์ก็ได้พบภาพที่หน้าสลดใจต่อพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง พระพุทธรูปปางมารวิชัยหน้าตักประมาณห้าศอก มีลูกกรงเหล็กล้อมรอบมีประตูเปิดเข้าออกมีโซ่คล้องด้วยกุญแจ จึงหันไปถามอดีต น.ช ทองใบว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ถึงต้องทำกับพระพุทธรูปแบบนี้ น.ช ทองใบส่ายหัวดิก บอกแต่ว่า

    น.ช ทองใบ “ปู่ย่าตายายเขาว่ากันอย่างนี้ ก็เลยว่าตามกัน ไม่รู้พระกินเณรได้อย่างไร ถามปู่ย่าตายายก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นอย่างไรกันแน่...”

    ไพฑูรย์จึงหาเวลาว่างนำสำรับกับข้าวไปถวายหลวงพ่อพลอยอีกครั้ง คราวนี้เอ่ยถามดื้อๆ ถึงความเป็นมาของพระกินเณร หลวงพ่อพลอยจึงแนะว่า

    หลวงพ่อพลอย “โยมไปนมัสการหลวงพ่อพยอม อดีตเจ้าอาวาสดูเถอะอายุท่านได้ 95 ปีแล้ว ตอนนี้เดินเหินไปไหนมาไหนไม่ได้แต่ความทรงจำยังดี น่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าอาตมาที่เพิ่งมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส อาตมามาจากวัดอื่นเพราะหลวงพ่อพยอมท่านทำหน้าที่ไม่ไหวแล้ว”

    ไพฑูรย์จึงเดินไปที่กุฏิหลวงพ่อพยอมอดีตเจ้าอาวาส มีลุงสังข์เป็นโยมอุปัฏฐาก ลุงสังข์คือลูกชายคนเล็กของหลวงพ่อพยอม ตอนแรกลุงสังข์จะไม่ยอมให้เข้าพบหลวงพ่อ แต่ไพฑูรย์อ้างว่าเป็นนักประวัติศาสตร์ต้องการรู้เรื่องพระกินเณร นั่นแหละลุงสังข์จึงยอมนำเข้าไปพบหลวงพ่อพยอม หลวงพ่อพยอมซึ่งหูหนักต้องพูดเสียงดังจึงสื่อสารกันได้ยิน พอจะประติดประต่อเรื่องได้ว่า วัดมหาธาตุเดิมเป็นวัดโบราณคู่เมืองราชบุรี เมื่อมีศึกพม่ามาติดเมืองก็จะมาประชุมทัพกันที่นี่ก่อนยกไปรบกับพม่า แม้แต่สมัยกรุงธนบุรีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น “หลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี” ก็เสด็จมาประกอบพิธีกรรมด้านออกศึกที่วัดมหาธาตุทุกครั้งไป

    สิ้นกรุงธนบุรีก็มาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ วัดมหาธาตุก็รุ่งเรืองบ้างโรยราบ้างตามวิสัยแห่งโลก จนมาถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 วัดมหาธาตุก็มีโอกาสต้อนรับตาผ้าขาวคนหนึ่ง แกมาอาศัยอยู่ด้านหลังพระปรางค์ หลวงพ่อพยอมตอนนั้นยังเป็นเณร มักไปขลุกอยู่กับตาผ้าขาวคนนั้นแกชื่อว่า “ผ้าขาวรุ่ง” ผ้าขาวรุ่งไม่มีงานการใดทำเป็นชิ้นเป็นอัน แต่แกมีเงินใช้อยู่เสมอเชื่อกันว่าแกมีวิชาหาทรัพย์แผ่นดิน คือมองเห็นทรัพย์ใต้ดินสามารถหยิบเอามาใช้พอประทังชีวิตไม่ให้อดตาย เมื่อหาเงินได้ก็เอาไปใช้คืน ผ้าขาวรุ่งเคยเล่นกลให้หลวงพ่อพยอมดูเมื่อครั้งเป็นเณร โดยผ้าขาวรุ่งถือเงินพดด้วงไว้ในมือขวาแล้วบอกว่า

    ผ้าขาวรุ่ง “เจ้าของทรัพย์ ฉันใช้หนี้จ๊ะ ได้มาแค่นี้แหละเอาไปก่อนนะ หากว่าฉันหาได้ใหม่ก็จะใช้ให้อีก”

    ว่าแล้วผ้าขาวรุ่งก็โยนเงินพดด้วงขึ้นไปบนอากาศ ตกลงดินดังปุ พอสิ้นเสียงปุ เงินพดด้วงก็ดำดินหายไปต่อหน้าต่อตา ผ้าขาวรุ่งหัวเราะชอบใจก่อนเดินจากไป ต่อมาจึงรู้ว่าผ้าขาวรุ่งเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ในเพิงพักของแกมีทองแดง ตะกั่ว ทองเหลืองกับน้ำยาในขวดแก้วและปรอท แกห้ามนักห้ามหนาไม่ว่าใครก็ตาม ห้ามขึ้นไปบนเพิงพักของแกเป็นเด็ดขาด หากไม่เชื่อแกไม่รับรองความปลอดภัย ตอนนั้นยังไม่มีการบูรณะระเบียงรอบพระธาตุที่ชำรุด พระพุทธรูปบางองค์ฐานชุกชีพัง ต้องย้ายไปวางไว้บนพื้นดินเอาขอนไม้มาหนุนไว้ ตอนนั้นนอกจากหลวงพ่อพยอมที่เป็นเณรแล้วยังมีเณรน้อมอีกองค์ เณรน้อมมักเข้านอกออกในเพิงของผ้าขาวรุ่งเสมอ เวลาผ้าขาวรุ่งเล่นแร่แปรธาตุก็มักจะให้เณรน้อมไปหยิบขวดแก้วที่บรรจุน้ำยา โดยผ้าขาวรุ่งจะเขียนฉลากปิดข้างขวดเป็นลำดับตัวเลข แกมักจะบอกให้ไปหยิบน้ำยาหมายเลขนั้นหมายเลขนี้ วันนั้นผ้าขาวรุ่งจะซัดส่วนผสมให้เป็นทองคำ ขณะที่กำลังหลอมโลหะแกก็ร้องบอกเณรน้อมว่า

    ผ้าขาวรุ่ง “เณรจ๊ะ ช่วยไปหยิบขวดหมายเลข 4 มาให้หน่อยเถอะ เร็วๆ นะโลหะจวนจะได้ที่แล้ว”

    เณรน้อมหายเข้าไปนานผิดปรกติผ้าขาวรุ่งจะเอะใจ จึงละมือจากการเร่งลมเป่าไฟเดินไปดู ก็เห็นร่างของเณรน้อมนอนหงายเนื้อตัวซีด ขวดน้ำยาหมายเลข 4 หล่นอยู่บนพื้นดิน น้ำยาในขวดไม่มีเหลือแล้ว ผ้าขาวรุ่งกราบศพเณรน้อมแล้วรีบเดินไปกุฏิหลวงพ่อจั่นเจ้าอาวาสในขณะนั้น ไปร้องไห้บอกกับหลวงพ่อจั่นว่า

    ผ้าขาวรุ่ง “เณรน้อมตายแล้วครับหลวงพ่อ ตายเพราะน้ำยาซัดที่มีปรอทเป็นส่วนผสม เข้าไปกินเลือดเณรจนหมดตัว ทั้งยังแทรกเข้าไปในองค์พระพุทธรูปอีกด้วย หากใครไปใกล้หรือแตะต้ององค์พระพุทธรูป ปรอทก็จะออกมากินเลือดจนหมดตัว”

    ตำรวจนำศพเณรน้อมไปพิสูจน์หาสาเหตุการตาย แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นลมปัจจุบันตายเอาผิดผ้าขาวรุ่งไม่ได้ หลังจากนั้นผ้าขาวรุ่งได้นำไม้มาทำเป็นรั้วล้อมพระพุทธรูปไว้ไม่ให้ใครแตะ แต่เมื่อเจ้าเมืองท่านผ่านมาตรวจราชการเห็นเข้า ก็สั่งให้รื้อรั้วที่ล้อมพระพุทธรูปออกเพราะไม่เชื่อที่ผ้าขาวรุ่งบอก พอเจ้าเมืองกลับไปตกกลางคืนผ้าขาวรุ่งก็ทำรั้วล้อมอีก เรื่องรู้ไปถึงเจ้าเมืองท่านสั่งให้ตำรวจจับผ้าขาวรุ่งไปขัง 7 วัน เพื่อให้หลาบจำโดยไม่ได้ส่งฟ้องศาล วันที่ 5 ก็เกิดเรื่องที่วัดเด็กวัดชื่อเจ้าแกละ นอนตายอยู่ข้างองค์พระพุทธรูปที่ผ้าขาวรุ่งล้อมรั้วไว้ อาการเดียวกันกับเณรน้อมทุกอย่าง ผ้าขาวรุ่งถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อกลับถึงวัดได้บอกกับหลวงพ่อจั่นทั้งน้ำตาว่า

    ผ้าขาวรุ่ง “ผมผิดเองหลวงพ่อ ที่ผสมน้ำยาไว้ซัดโลหะให้เป็นทองคำแต่น้ำยากลับหก ปรอทเป็นกินเณรน้อมและวิ่งเข้าไปอยู่ในองค์พระ ทำให้ใครก็ตามที่แตะต้ององค์พระปรอทจะดูดเลือดถึงตายทุกราย”

    คราวนี้เจ้าเมืองให้คุมตัวผ้าขาวรุ่งไปพบท่านที่จวน ผ้าขาวรุ่งก็เล่าเรื่องปรอทเข้าไปในองค์พระแล้วดูดเลือดคนที่ไปแตะต้อง เหตุเพราะแกให้เณรไปหยิบขวดน้ำยาแล้วเณรสะดุดล้ม น้ำยาหกจากขวดปรอทกินเณรแล้ววิ่งเข้าไปในองค์พระ เจ้าเมืองไม่รู้จะเอาผิดกับผ้าขาวรุ่งได้อย่างไร เพราะเรื่องเล่นแร่แปรธาตุเป็นเรื่องตำนานที่เล่าลือกันมาเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดทางอาญาแต่อย่างไร เมื่อผ้าขาวยืนยันเช่นนั้นท่านเจ้าเมืองก็ให้ทำกรงไม้ล้อมองค์พระไว้ เมื่อสร้างระเบียงแล้วจึงย้ายพระไปไว้ที่ชุกชีเดิมก่อกรงเหล็กล้อมไว้ ทีนี้ชาวบ้านเล่าลือกันเพี้ยนไปว่า เณรไปเล่นซ่อนหาที่องค์พระแต่หายไปครึ่งองค์ ค้นไปค้นมาไปเจอผ้าเหลืองที่พระโอษฐ์ (ปาก) ของพระพุทธรูปมีเลือดติดอยู่ด้วย

    เรื่องจึงกลายเป็นว่าพระพุทธรูปกินเณรสดๆ แต่ความจริงเป็นเพราะผ้าขาวรุ่งเล่นแร่แปรธาตุ แล้วปรอทในน้ำยาทำให้เณรตายก่อนจะวิ่งเข้าไปอยู่ในพระพุทธรูป นี่แหละเป็นเรื่องพระกินเณรที่ไพฑูรย์ได้ยินมากับหู เป็นเรื่องประหลาดอย่างยิ่ง..


    <O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    ช่วยกรุณาบอกด้วยครับผมคนนครสวรรค์ครับผมอยู่มาเกือบ 45 ปีแล้วผมยังไม่เคยได้ยินข่าวพระพุทธรูปกินเณรเลยครับถ้าเป็นนิทานไม่เป็นไรแต่ถ้าเป็นเรื่องจริงผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ
     
  7. ปญฺญาวชิโร

    ปญฺญาวชิโร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +22
    น่ากลัวนะเนี่ยนะ
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
     
  9. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ปรอทมีชีวิตด้วยหรือค่ะลุงบอย
     
  10. mmie

    mmie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,986
    เพิ่งจะเคยได้ยินเหมือนกันนะเนี่ย...
     
  11. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    Haaaah.!!! That 's really..?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    ฟังชื่อ แล้ว น่ากลัวจัง พึ่งเคยได้ยินเหมือนกัน

    แปลกจริง !!!! มีงี้ด้วยหรือ (ขอบคุณทุก ๆ ข้อความค่ะ) ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีก
     
  13. Mrs.Kim

    Mrs.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +2,306
    จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อย่าไปหลบลู่ล่ะกันนะค่ะ
    ของแบบนี้ไม่เจอด้วยตัวเองคงไม่เชื่อหรอกค่ะ
    ขอให้ช่วยกันแผ่เมตตาให้พระที่กินเณรดีกว่าค่ะ
     
  14. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    เคยได้ยินได้ฟังมานานแล้ว จากรายการผีทางวิทยุ เดอะ ช็อค ของพี่ป๋อง กพล ทองพลับ
     
  15. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    มีดิ สมัยโบราณ ปรอทมีชิวิตจริงๆ ไม่ใช่ปรอทวิทยาศาสตร์แบบสมัยนี้
     
  16. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    เหมือนเหล็กไหลปะค่ะ แล้วมันหายไปไหนหมดแล้วง่ะ แล้วที่วัดถ้ำมีไหม >.<
     
  17. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    สาธุค่ะ......เคยได้ยินตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ค่ะ
     
  18. kanalove

    kanalove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +386
    หนะ... น่ากลัวแหะ =.=... อิอิ...

    สงสัยต้องไปหาวิธีป้องกันปรอทแล้วล่ะ -*- ปรอทมันคืออะไรกันแน่นะ?
     
  19. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
    พิจารณาเอาละกันครับ
     
  20. ศิษย์พระศาสดา

    ศิษย์พระศาสดา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +8
    ท่านเอามาเล่าให้ฟังไม่ได้เอามาให้เชื่อครับ...ท่านพุทธนิกซน

    url=http://www.temppic.com/img.php?28-06-2008:1214657588_0.63874200.jpg][img=http://images.temppic.com/28-06-2008/images_vertis/1214657588_0.63874200.jpg][/url]
     

แชร์หน้านี้

Loading...