ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

*** แก่นสารในจักรวาล ****

โลก
มี ดิน ฟ้า อากาศ
มี มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้
อยู่บนหลักเดียวกัน คือ "หลักสัจจะธรรม"

ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะธรรม ทำไม่ได้ ตายแล้วก็เกิดใหม่ ****

เกิดเป็นคนชาตินี้ ไม่มีสัจจะ
เกิดชาติต่อไป ก็ต้องวนกลับมาเป็นคน เพื่อปฏิบัติตนด้วยสัจจะ
ต้องกลับมาทำในสิ่งที่ยังทำไม่ได้ สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
คือ ทำความดี ด้วยการขจัดกิเลสนิสัยตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ใครมีปัญญา ก็มาเอาไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เมื่อวานตอนค่ำๆที่บุรีรัมย์ฝนตกหนักมาก

ฟ้าร้องน่ากลัวเชียว

ต้นไม้โค่นไปหลายต้นเลยสงสัยลมจะแรง

 

เกิดเป็นคนชาตินี้ ไม่มีสัจจะ
เกิดชาติต่อไป ก็ต้องวนกลับมาเป็นคน

ประโยคนี้ ขอค้านครับ


http://www.oraphanhandmade.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=385782

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องมีบุญมาก อุปมาเหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ 100 ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลก็มีห่วงเล็กๆขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ 1 ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากเพียงใด โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่าการที่เหล่าสรรพสัตว์จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้อยู่สบาย
เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
เป็นการยากที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติมา​

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราจึงควรเห็นคุณค้าของการเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสียโอกาส เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาใจใส่รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้มั่นคง ถึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็ตาม แต่จิตใจก็เป็นไปได้ใน 2 ทาง คือ

ใจต่ำ เป็นอกุศลจิต ใช้ชีวิตอย่างประมาทขาดสติ เป็นทางของสัตว์เดรัจฉาน เปรต ยักษ์ สัตว์นรก
ใจสูง เป็นกุศลจิต ดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา ไม่ประมาท สร้างกุศลกรรมความดี สร้างบารมี เป็นทางของมนุษย์ เทวดา พรหม อริยมรรค อริยผล นิพพาน
ดังนั้นสำหรับการเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง การเลือกทางดำเนินชีวิตของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
​

 

ทางประจวบมีโอกาสที่จะเกิดพายุขนาดใหญ่ หากพายุมาจะสามารถหอบเอาสิ่งต่างๆไปได้รวมถึงคน ความรุนแรงขนาดหอบเอาคนไปได้น่าจะรุนแรงมากกว่าพายุนากีสแน่นอน แต่อย่าแตกตื่นกันมาก เพราะก่อนพายุจะมาจะมีสิ่งเตือนก่อนล่วงหน้าสังเกตได้โดยดูจากท้องฟ้า ซึ่งเมฆจะก่อตัวและมีลักษณะที่ผิดปกติจากเดิมจนเห็นได้ชัด เมื่อนั้นให้รีบวิ่งหนีขึ้นสู่อาคารสูงมากกว่า 2 ชั้นขึ้นไป เพราะเมื่อพายุเกิดน้ำระดับสูงก็จะตามมาแน่นอน

 

นักวิชาการยันโอกาสเกิดคลื่นพายุหมุนพัดเข้า กทม.มีน้อยมาก


จุฬาฯ 18 ส.ค. - ผอ.ศูนย์ START จุฬาฯ ยืนยันโอกาสเกิดคลื่นพายุหมุนพัดหรือ Storm Surge พัดเข้า กทม.และสมุทรปราการมีน้อยมาก และกรมอุตุฯ สามารถเตือนภัยอย่างแม่นยำได้ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง

ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่พื้นที่ กทม.และสมุทรปราการ จะมีโอกาสเจอกับคลื่นพายุหมุนขึ้นฝั่ง (Storm Surge) และทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ เพราะจากสถิติพายุหมุนที่ขึ้นฝั่งไทยและมาเลเซียของกรมอุตุนิยมวิทยาตั้งแต่ปี 2494-2550 พบว่าในรอบ 60 ปี มีพายุหมุนที่ขึ้นฝั่งรวม 69 ลูก แบ่งเป็นพายุที่มีความเร็วลมในระดับพายุโซนร้อน ความเร็ว 60-120 กม./ชม.รวม 12 ครั้ง หลังกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไปและส่วนใหญ่มาจากทางทะเลจีนใต้ จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดพายุพัดแล้วเลี้ยวเข้าทางจังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย เช่น สมุทรปราการและ กทม.
อีกทั้งที่ผ่านมาการเกิดคลื่นพายุหมุนในไทย ทั้งพายุแฮร์เรียสที่แหลมตะลุมพุก ปี 2505 พายุเกย์ปี 2536 และพายุลินดา เมื่อปี 2540 มีข้อบ่งชี้ตรงกันว่าไม่ได้เกิดขึ้นโดยฉับพลันเหมือนกรณีสึนามิอย่างแน่นอน แต่จะมีการสะสมระดับน้ำทะเลหนุนหลายวัน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาและกรมอุทกศาสตร์สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำล่วงหน้า 48 ชั่วโมง จึงไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินไป อย่างไรก็ตาม การที่มีการเตือนให้เฝ้าระวัง ถือเป็นการการคาดการณ์ตามช่วงเวลาที่มักเกิดพายุ ประกอบกับเป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงพัดผ่าน และมีฝนตกมาก จึงทำให้มีการพูดกันมากในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ดร.อานนท์ กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติพายุ พบว่าพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงที่มีโอกาสเกิดคลื่นพายุหมุนได้ เนื่องจากมีลักษณะกายภาพที่เป็นอ่าวปิดน้ำลึกเข้ามาในแผ่นดินนระยะทางยาว โดยเฉพาะที่ อ.บางสะพาน และลักษณะที่ราบชายฝั่งที่แบนราบ เสี่ยงน้ำท่วม อีกทั้งน้ำจืดที่หนุนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่ระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดในรอบปีช่วงเดือนธันวาคม เฉลี่ยบวกลบไม่เกิน 1 เมตรก็อาจจะเป็นไปได้ ทั้งนี้ควรต้องมีการเตรียมรับมือทั้งระยะสั้นและระยาวด้วย. - สำนักข่าวไทย

http://news.mcot.net/environment/inside.php?value=bmlkPTUwODAwJm50eXBlPXRleHQ=

 

<TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>พังงาภูเขาถล่มรอยเลื่อนดินไหว

</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน อังคาร ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=6></TD><TD width=575>ชาว ต.มะรุ่ย ขวัญผวา ภูเขาหลักสูง 12 เมตร กลางคลองท่าร่า ชายฝั่งทะเลอ่าวพังงา พื้นที่หมู่ 3 บ้านท่าสนุก ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา เกิดถล่มโดยไม่ทราบสาเหตุ นักวิชาการคาดอาจเกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน

เหตุการณ์ภูเขาหลัก ที่ จ.พังงา ถล่มลงมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เปิดเผยโดย นายจารึก สมัครกิจ ปลัด อบต.มะรุ่ย กล่าวว่า ภูเขาหลักตั้งอยู่กึ่งกลางคลองท่าร่า ซึ่งอยู่ในพื้นที่แนวรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลกคลองมะรุ่ย โดยละแวกดังกล่าวมีชาวบ้านเข้าไปเลี้ยงปลากระชังและหอยแมลงภู่อยู่จำนวนหนึ่ง โดยถล่มลงมาเมื่อบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นายต๋อง แก้วกำเนิด ชาวบ้านท่าสนุก ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา กล่าวว่า ทุกครั้งที่นำเรือออกทะเลทำการประมงในบริเวณอ่าวพังงา จะต้องผ่านภูเขาหลักเป็นประจำ ในช่วงเกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มชายฝั่งทะเลอันดามัน พื้นที่ดังกล่าวก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จากการสังเกตพบว่าภูเขาหลักมีมุมองศาที่แตกต่างจากเดิมคือ เอียงมากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากคิดว่าคงเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ

นายต๋อง กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม มีชาวประมงออกเรือหาปลามาแจ้งว่า ภูเขาหลักหักโค่นลงแล้ว จึงไปดูพร้อมกับชาวบ้านจำนวนหนึ่ง พบว่าภูเขาถูกน้ำทะเลท่วมจนมิด ซึ่งปกติภูเขาลูกนี้น้ำทะเลไม่เคยท่วมถึง และต้องรอให้น้ำทะเลลดระดับลงก่อนจึงจะไปดูอีกครั้งว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.ดร.ไตรภพ ผ่องสุวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ สาขาธรณีฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้ศึกษาสำรวจแนวรอยเลื่อนตามพื้นที่เสี่ยงในพื้นที่ภาคใต้ด้วยการใช้เครื่องวัดแผ่นดินไหวตั้งแต่ต้นปี 2550 เป็นต้นมา พบว่าแนวรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลกคลองมะรุ่ยเริ่มมีการเคลื่อนไหวในลักษณะเบาบาง เป็นการเคลื่อนตัวในทางราบ ที่ในระยะเวลาอันใกล้นี้คงไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก แต่ในอนาคตไม่สามารถคาดการณ์ได้ เช่นเดียวกับแนวรอยเลื่อน จ.ระนอง

รศ.ดร.ไตรภพ กล่าวต่อว่า มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวบริเวณแนวรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยซึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนขนาดใหญ่พอสมควร และเคยเกิดแผ่นดินไหวมาแล้ว ล่าสุดพบว่ามีสัญญาณแผ่นดินไหวขนาดเล็กด้วย แต่ไม่ส่งผลกระทบรุนแรง อย่างไรก็ตาม กรณีภูเขาหลักพังเสียหายอาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนดังกล่าว แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เก็บมาฝากครับ

<TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อย่าตัดสินคน ด้วยขนมเพียง 1 ห่อ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
อย่าตัดสินคน ด้วยขนมเพียง 1 ห่อ


ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี
จำเป็นต้องรอเวลาถึง3 ชั่วโมง ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง
เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ
และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ

เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง
เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้
เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่ม
ซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ
ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุกกี้ออกจากถุง<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>

ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น
เธอมองด้วยความโกรธ...!!1
แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา

ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย...กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป
เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า <O></O>

"ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"

ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น
ทั้งสองส่งสายตามองกัน...เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย
เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น
ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น....

เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า
"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ"
เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง
ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม

ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว
เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก
ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....
คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน

เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม
แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า
มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง
เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท
เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง...

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด...
มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น...
และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง
ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย

นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น
หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี
แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า​

 

สมิทธ เตือนประชาชนฝั่งอ่าวไทยระวัง
สตอมเซิร์จ​

​

ปัตตานี 18 ส.ค.- ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวภายหลังบรรยายพิเศษในหัวข้อความเสี่ยงของภัยพิบัตทางธรรมชาติในภาคใต้ ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ว่า พื้นที่ชายแดนภาคใต้ถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว แต่สึนามิอาจเกิดขึ้นตามแนวชายฝั่งอ่าวไทยได้

เนื่องจากนักธรณีวิทยาประเทศญี่ปุ่นค้นพบว่า อีก 50 ปีข้างหน้าอาจเกิดภัยสึนามิในพื้นที่ทะเลอ่าวไทยได้ หากเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7 ริกเตอร์ขึ้นไป ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 จุดแผ่นดินไหวรุนแรงที่มีการค้นพบ พร้อมกับเตือนประชาชนให้ระวังภัยธรรมชาติจากน้ำและคลื่น หากเกิดพายุรุนแรงพัดเข้าฝั่ง หรือสตอมเซิร์จ (Storm Surge) ในพื้นที่ภาคใต้

เนื่องจากภาวะโลกร้อนและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้สภาพอากาศและกระแสน้ำเย็นในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้พายุในทะเลภาคใต้มีความรุนแรงขึ้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่ได้ อย่างไรก็ตาม การแจ้งเตือนนี้เป็นเพียงการแจ้งให้มีการป้องกันเตรียมพร้อมรับมือเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

2008-08-18 15:34:01

หลายจังหวัดในภาคอีสานยังถูกน้ำท่วมสูง​

​

ภูมิภาค 18 ส.ค. - สถานการณ์น้ำท่วมทางภาคอีสาน รวมถึงภาคกลางบางจังหวัด ที่หลายจังหวัดยังถูกน้ำท่วมสูง แม้ว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงเริ่มลดลงแล้ว

น้ำในแม่น้ำโขง บริเวณจังหวัดหนองคาย ลดลงเล็กน้อย แต่ยังอยู่สูงกว่าจุดวิกฤติ 15 เซนติเมตร จึงยังมีหลายพื้นที่ที่จมอยู่ใต้น้ำ เกษตรกรที่อพยพสัตว์เลี้ยงขึ้นไปอยู่บนที่สูง เริ่มประสบปัญหา ไม่มีหญ้าแห้งและอาหารให้สัตว์เลี้ยง โดยล่าสุด จังหวัดหนองคายมีพื้นที่ประสบภัยทั้งหมด 12 อำเภอ มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 150,000 คน

เช่นเดียวกับที่จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่ปลูกข้าวนาปรังในอำเภอชุมแสง ที่ขณะนี้กำลังออกรวง ถูกน้ำท่วม ชาวนาเร่งสูบน้ำออกจากนาข้าวเพื่อบรรเทาความเสียหาย นอกจากนี้ ข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วตากไว้รอส่งขาย ก็มีความชื้นมาก ขายไม่ได้ราคา

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี สั่งตั้งศูนย์เฉพาะกิจเตรียมรับสถานการณ์แม่น้ำโขงเอ่อล้นตลิ่งอีกระลอก โดยเฉพาะที่อำเภอเขมราฐ และอำเภอโขงเจียม ระดับเหลืออีก 2 เมตร จะเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

ส่วนจังหวัดที่วิกฤติหนักมาก่อนจังหวัดอื่น ๆ อย่างจังหวัดหนองคาย ขณะนี้ระดับน้ำยังทรงตัว เจ้าหน้าที่ต้องนำถุงยังชีพ อาหารและน้ำดื่ม ลงเรือไปช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ซึ่งได้รับความเดือดร้อนถูกน้ำท่วมมานานนับสัปดาห์แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น .-สำนักข่าวไทย

2008-08-18 12:04:40

ย้ำสาธารณสุขอีสานพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจัดเก็บเวชภัณฑ์ล่วงหน้า​

​

อุบลราชธานี 18 ส.ค.-รมว.สาธารณสุข ตรวจหมู่บ้านเสี่ยงภัยอุบลราชธานี เน้นย้ำสถานสาธารณสุข 4 จังหวัด ขนย้ายเวชภัณฑ์-เครื่องมือล่วงหน้า หวั่นน้ำโขงตอนเหนือทะลักฉับพลัน พร้อมรับมือโรคระบาดเตรียมยาช่วยเหลือเต็มที่

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมในพื้นที่บ้านคูสว่าง ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งปีที่ผ่านมาหมู่บ้านดังกล่าวถูกน้ำท่วมกว่า 300 หลังคาเรือน อีกทั้งขณะนี้จังหวัดหนองคายที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดอุบลราชธานี แม่น้ำโขงเริ่มลดลงและไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างที่ จ.นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ รวมถึงอุบลราชธานี จึงกำชับให้สาธารณสุขของพื้นที่ดังกล่าวขนย้ายเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ไว้บนที่สูง พร้อมนำกระสอบทรายทำเป็นทำนบกั้นน้ำเข้าท่วมฉับพลัน

นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมสำรองยารักษาโรคที่จะระบาดในช่วงน้ำท่วมไว้แล้ว รวมทั้งสำรองยาสามัญประจำบ้าน 300,000 ชุด และยาทาโรคน้ำกัดเท้าอีก 100,000 ตลับ สำหรับน้ำท่วมเชียงรายและหนองคายที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการมาตลอด 6 วันที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนเจ็บป่วยกว่า 6,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า เพราะต้องเดินลุยน้ำเป็นเวลานาน.-สำนักข่าวไทย

2008-08-18 15:57:52

บุรีรัมย์ประกาศให้ 10 อำเภอ เป็นเขตประสบภัยพิบัติน้ำท่วม​

​

บุรีรัมย์ 19 ส.ค. - สถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังน่าห่วง ล่าสุดจังหวัดบุรีรัมย์ ประกาศให้พื้นที่ 10 อำเภอ เป็นเขตประสบภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว

ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้หลายพื้นที่ของจังหวัดบุรีรัมย์ถูกน้ำท่วม นาข้าวและพืชไร่ เสียหายประมาณ 50,000 ไร่ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหนองกี่ บ้านด่าน และห้วยราช เกษตรกร ได้รับความเดือดร้อนกว่า 4,000 ครอบครัว ส่วนค่าเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ล่าสุดทางจังหวัดประกาศให้พื้นที่ 10 อำเภอเป็นเขตประสบภัยพิบัติน้ำท่วม พร้อมทั้งแจ้งเตือนชาวบ้านพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน.-สำนักข่าวไทย

2008-08-19 09:29:57

สธ.คุมเข้มโรคระบาดหลังน้ำลดที่เชียงราย ​

​

สธ.18 ส.ค.- นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ที่บ้านสบกก ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด มีทั้งหมด 105 หลังคาเรือน พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำที่อำเภอเชียงแสน เชียงของและเวียงแก่น ลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

สธ.ยังคงเฝ้าระวังป้องกันโรคภายหลังน้ำลด ทำการล้างบ่อน้ำ ใส่สารส้มและคลอรีน เพื่อปรับสภาพน้ำและฆ่าเชื้อโรคให้ปลอดภัยต่อการใช้ ในวันนี้ได้มอบถุงเวชภัณฑ์ ประกอบด้วย ยาสามัญประจำบ้าน รองเท้าบู๊ท ครีมรักษาโรคน้ำกัดเท้า ฆ่าเชื้อรา เจลล้างมือชนิดไม่ต้องใช้น้ำ ผงน้ำตาลเกลือแร่ ให้ชาวบ้าน 150 ถุง พร้อมแจกคู่มือแนะนำความรู้ในการดูแลสุขภาพอีก 1,000 ชุด ผลการเฝ้าระวังโรค ขณะนี้พบผู้ป่วยตาแดง 4 ราย อุจจาระร่วง 19 ราย สาเหตุเกิดจากการดื่มน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ส่วนโรคฉี่หนู ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย

ส่วนผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ตั้งแต่วันที่ 12-17 สิงหาคม 2551 ในพื้นที่อำเภอเชียงของ เชียงแสน และเวียงแก่น มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด 17,133 คน ในจำนวนนี้พบเจ็บป่วย 1,405 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 40 เป็นโรคผิวหนังผื่นคัน น้ำกัดเท้า รองลงมาคือ เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไข้หวัด พบมีความเครียด นอนไม่หลับ 193 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของผู้รับบริการ ได้ให้จิตแพทย์และนักจิตวิทยาลงประเมินสภาพจิตใจเพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

2008-08-18 14:14:17

เตรียมพร้อม 15 เขตฝั่งธนฯ รับมือพายุคลื่นยักษ์ซัดชายฝั่ง ​

​

กรุงเทพฯ 18 ส.ค.- นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์พายุคลื่นยักษ์ซัดชายฝั่ง (Storm Surge) ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตย่านฝั่งธนบุรี จำนวน 15 เขต และผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ ว่า ในย่านฝั่งธนบุรีจะมีพื้นที่ติดกับชายฝั่งทะเลและติดกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ จอมทอง และเขตบางนา ซึ่งมีรัศมีจากชายฝั่งประมาณ 15

 

*** เวียนว่ายตายเกิด ****

ชาตินี้ เป็นมนุษย์
ชาติต่อไป ไม่แน่
ชาติต่อไป ๆ
ชาติต่อไป ๆๆ
ชาติต่อไป ๆๆๆ
ชาติต่อไป ๆๆๆๆ
ชาติต่อไป ๆๆๆๆๆ
ชาติต่อไป ๆๆๆๆๆๆ
ชาติที่เป็นมนุษย์ และมีโอกาสพบ หลักสัจจะธรรม ได้นำสัจจะควบคุมการกระทำ
ชาติต่อไป ๆๆ
ชาติต่อไป ๆ
ชาติสุดท้าย หมดกิเลสนิสัย
ไม่เกิดใหม่ หลุดพ้นทุกข์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฝนกระหน่ำอินเดียตายอย่างต่ำ 87 ราย-นับร้อยหมู่บ้านจมใต้บาดาล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 สิงหาคม 2551 02:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

​

​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 87 รายทางภาคเหนือของอินเดีย หลังถูกมรสุมฝนถล่มอย่างหนักจนเกิดอุทกภัย เจ้าหน้าที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์(18)

มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในรัฐอุตตรประเทศ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 73 รายในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บอกกับเอเอฟพี ทั้งนี้เหยื่อส่วนใหญ่เสียชีวิตหลังถูกซากปรักหักพังของบ้านถล่มทับระหว่างฝนห่าใหญ่ซัดกระหน่ำ

ทั้งนี้ในรัฐปัญจาบ ทางตอนเหนือของประเทศ พบเหยื่อ14ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ในรัฐที่แม่น้ำสายหลักล้นเอ่อ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าจะมีฝนตกหนักขึ้นอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ขณะที่แม้น้ำหลายสายหลักไหลบ่าเหนือระดับที่เป็นอันตรายแล้ว

"ฤดูฝนปีนี้มีฝนมากกว่าปกติ 25 เปอร์เซนต์ และฝนจะค่อยๆเบาบางลงในหลายวันข้างหน้า" เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาเมืองลุคนาว เมืองหลวงของรัฐอุตตรประเทศกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงชลประธาน จันมียา ซิงห์ เสขอญ บอกว่าในรัฐปัญจาบ มีอย่างน้อย 125 หมู่บ้านจมอยู่ใต้บาดาล ทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ปลูกข้าวหลายพันเอเคอร์ได้รับความเสียหาย

เสขอญ เปิดเผยว่า ณ เวลานี้ความช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ถึงประชาชนหลายร้อยคนที่ติดค้างอยู่บนหลังคาบ้าน แต่ทางกองทัพได้ปฎิบัติการให้ความช่วยเหลือและกำลังเข้าไปอพยพราษฎรออกมา ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงขนส่งเปิดเผยว่ามรสุมฝนสร้างความโกลาหลให้กับการจราจรทางรถไฟและทางถนน โดยถนนหลวงบางเส้นทางจมอยู่ใต้น้ำหลายฟุต

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000097736

 

<TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>พังงาภูเขาถล่มรอยเลื่อนดินไหว

</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน อังคาร ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=6></TD><TD width=575>ชาว ต.มะรุ่ย ขวัญผวา ภูเขาหลักสูง 12 เมตร กลางคลองท่าร่า ชายฝั่งทะเลอ่าวพังงา พื้นที่หมู่ 3 บ้านท่าสนุก ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา เกิดถล่มโดยไม่ทราบสาเหตุ นักวิชาการคาดอาจเกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน

เหตุการณ์ภูเขาหลัก ที่ จ.พังงา ถล่มลงมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เปิดเผยโดย นายจารึก สมัครกิจ ปลัด อบต.มะรุ่ย กล่าวว่า ภูเขาหลักตั้งอยู่กึ่งกลางคลองท่าร่า ซึ่งอยู่ในพื้นที่แนวรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลกคลองมะรุ่ย โดยละแวกดังกล่าวมีชาวบ้านเข้าไปเลี้ยงปลากระชังและหอยแมลงภู่อยู่จำนวนหนึ่ง โดยถล่มลงมาเมื่อบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นายต๋อง แก้วกำเนิด ชาวบ้านท่าสนุก ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา กล่าวว่า ทุกครั้งที่นำเรือออกทะเลทำการประมงในบริเวณอ่าวพังงา จะต้องผ่านภูเขาหลักเป็นประจำ ในช่วงเกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มชายฝั่งทะเลอันดามัน พื้นที่ดังกล่าวก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จากการสังเกตพบว่าภูเขาหลักมีมุมองศาที่แตกต่างจากเดิมคือ เอียงมากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากคิดว่าคงเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ

นายต๋อง กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม มีชาวประมงออกเรือหาปลามาแจ้งว่า ภูเขาหลักหักโค่นลงแล้ว จึงไปดูพร้อมกับชาวบ้านจำนวนหนึ่ง พบว่าภูเขาถูกน้ำทะเลท่วมจนมิด ซึ่งปกติภูเขาลูกนี้น้ำทะเลไม่เคยท่วมถึง และต้องรอให้น้ำทะเลลดระดับลงก่อนจึงจะไปดูอีกครั้งว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.ดร.ไตรภพ ผ่องสุวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ สาขาธรณีฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้ศึกษาสำรวจแนวรอยเลื่อนตามพื้นที่เสี่ยงในพื้นที่ภาคใต้ด้วยการใช้เครื่องวัดแผ่นดินไหวตั้งแต่ต้นปี 2550 เป็นต้นมา พบว่าแนวรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลกคลองมะรุ่ยเริ่มมีการเคลื่อนไหวในลักษณะเบาบาง เป็นการเคลื่อนตัวในทางราบ ที่ในระยะเวลาอันใกล้นี้คงไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก แต่ในอนาคตไม่สามารถคาดการณ์ได้ เช่นเดียวกับแนวรอยเลื่อน จ.ระนอง

รศ.ดร.ไตรภพ กล่าวต่อว่า มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวบริเวณแนวรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยซึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนขนาดใหญ่พอสมควร และเคยเกิดแผ่นดินไหวมาแล้ว ล่าสุดพบว่ามีสัญญาณแผ่นดินไหวขนาดเล็กด้วย แต่ไม่ส่งผลกระทบรุนแรง อย่างไรก็ตาม กรณีภูเขาหลักพังเสียหายอาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนดังกล่าว แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องสัจจะของ หนุมาน ผู้นำสาร เป็นสิ่งที่พวกเราน่าจะนำมาปฏิบัติ

เพราะเมื่อได้ตั้งสัจจะใดแล้ว เราก็ต้องทำตาม เป็นการพิสูจน์ใจของตัวเองว่า

มีความมานะมุ่งมั่น ที่จะกระทำตามนั้นหรือไม่ เมื่อทุกคนตั้งสัจจะแต่ในสิ่งดี

ในสิ่งที่เป็นบุญกุศล ย่อมมีผลดีต่อตัวเอง มีผลดีต่อบุคคลอื่น และประเทศ

อย่าไปคิดว่า การตั้งสัจจะเป็นเรื่องเหลวไหล เป็นเรื่องของคนหัวโบราณ

คนรุ่นใหม่อย่างพวกเรา มาทดลองดูซิครับว่า เมื่อรับสัจจะแล้ว และทำได้

จริง ตามที่ใจตั้งไว้ คงไม่ต้องรอชาติหน้า ที่บุญจะมาส่งผล

แค่รับสัจจะ และทำได้จริง ชาตินี้ก็สุขแล้วครับ

 

แต่เดิมทีผมมีความวิตกในเรื่องภัยพิบัติอยู่มาก ความกลัวตาย เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ปรารถนา

แต่เมื่อผมรับสัจจะว่า จะยึดถือศีล 5 และนั่งสมาธิอย่างน้อย 2 ช.ม./วัน พอทำได้แล้ว

ความกลัวตาย และสิ่งที่วิตกกังวล ก็คลายและลดไปมาก สิ่งใดที่จะเกิดขึ้น คงหลีกไม่พ้น

เรื่องของกรรม เป็นสิ่งมีอยู่จริง กรรมมนุษย์เป็นผู้เริ่ม และกรรมจะย้อนกลับสู่ผู้เริ่มทำ

การรับสัจจะเป็นกรรมดี สักวัน ก็จะย้อนกลับ เข้าหาตัวเรา

 

เกิดดินถล่มจากฝนตกหนักในบังกลาเทศ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน

​

บังกลาเทศ 19 ส.ค. - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในบังกลาเทศทำให้เกิดดินถล่ม คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 14 คน และบาดเจ็บอีก 12 คน

เหตุดินถล่มเกิดขึ้นที่เมืองท่าจิตตะกอง และเมืองคอกซ์บาซาร์ อันเป็นผลจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน บาดเจ็บอีก 12 คน และคาดว่าอีก 10 คน ยังติดอยู่ใต้ซากบ้านเรือนที่พังถล่ม เจ้าหน้าที่ของกองทัพ ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง กำลังเร่งขุดซากดินและโคลนที่พังถล่มเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่ติดอยู่เบื้องล่าง คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก

นอกจากนี้ น้ำฝนยังไหลท่วมทางหลวงที่เชื่อมระหว่างเมืองจิตตะกอง กับแถบเชิงเขาบันดาร์บาน และถนนอีกหลายสายในเมืองคอกซ์ บาซาร์ เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยาในเมืองจิตตะกอง บันทึกปริมาณน้ำฝนที่ตกติดต่อกัน 12 ชั่วโมง เมื่อวานนี้ ว่าอยู่ที่เกือบ 125 มิลลิเมตร.- สำนักข่าวไทย

2008-08-19 11:14:44

ชาวบ้านเดือดร้อนจากน้ำท่วมบ้านเรือนที่รัฐเท็กซัส​

​

เท็กซัส 19 สค. - หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินช่วยเหลือประชาชนหลายสิบคนที่ติดอยู่ในบ้านเรือนซึ่งประสบภัยน้ำท่วมกว่า 400 หลังในรัฐเท็กซัสทางใต้ของสหรัฐ และทำให้ต้องปิดถนนสายหลักในเส้นทางริโอ แกรนด์ แวลลีย์

สำนักงานด้านความปลอดภัยสาธารณะได้ปิดเส้นทางถนนสาย 83 ใกล้กับโรซิตา เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงกว่า 30 เซนติเมตร และไม่อนุญาตให้รถยนต์ใดผ่านเข้าออกทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น กล่าวว่า เมืองโรมาที่มีประชาชนอยู่ 10,000 คน ห่างไปทางใต้ของซานอันโตนิโอราว 338 กิโลเมตรถูกตัดขาดออกจากพื้นที่ .-สำนักข่าวไทย

2008-08-19 11:09:18

ไต้ฝุ่นนูรีเตรียมพัดถล่มฟิลิปปินส์ ​

​

มะนิลา 19 สค.- สำนักงานพยากรณ์อากาศของฟิลิปปินส์ มีรายงานว่า ไต้ฝุ่นนูรีกำลังเคลื่อนตัวเข้าประเทศฟิลิปปินส์ และอาจทำให้พื้นที่ทางเหนือเกิดดินถล่มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ไต้ฝุ่นนูรีมีความแรงลมอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่อาจทวีความแรงลมขึ้นเป็น 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขณะนี้ กำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังเกาะลูซอน ทางเหนือของฟิลิปปินส์

ผู้อำนวยการสำนักงานพยากรณ์อากาศของฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า ไต้ฝุ่นนูรีกำลังเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งใกล้จังหวัด คากายัน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฟิลิปปินส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการประกาศเตือนภัยพายุ เพื่อให้ชาวประมงหลีกเลี่ยงจากการออกหาปลาในช่วงนี้

คาดว่า ศูนย์กลางของพายุน่าจะพัดเข้าหมู่เกาะคาลายัน และจังหวัดอิโลคอส นอร์เตในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังทะเลจีนใต้ พัดเข้ามณฑลกวางตุ้งของจีนต่อไป -สำนักข่าวไทย

2008-08-19 09:55:24

ที่มา http://news.mcot.net

 

ข้อความเก่าพี่ๆเขากรุณาขยายตัวอักษรให้แล้ว ขอขอบคุณครับ

ในความคิดของผมนะภัยธรรมชาติมาก่อนสงคราม
อีกข้อความหนึ่งผมขอแปลอาจแปลผิดได้คือระยะเวลานั้นสั้นนัก แต่ระยะทางยังอีกไกล
คือระยะเวลาเกิดภัยจะใกล้เข้ามาแล้ว แต่ระยะทางปฏิษัติธรรมของพวกเรายังไม่พ้นทุกข์เลยยังอีกไกลก็เป็นไปได้

บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ ผ้ากาวสวพัตร์ ก็จะรับภัยพิบัติเบาบาง แต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น (คัดลอกจากหนังสือ)
สิ่งที่เตรียมตัวที่ดีคือ การฝึกจิตของเราให้พร้อมให้มีพระอยู่ในใจให้ได้

 

ข้อเท็จจริงของการเกิด สตอร์ม เซิร์จ ในอ่าวไทยตอนบน

​

นักวิชาการเตือนชุมพร-ประจวบฯ เสี่ยงพายุหมุน ตั้งแต่ อ.บางสะพาน ไปจนถึงเมืองสุราษฎร์ธานี ช่วงเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคมรับประกันกรุงเทพฯ - เมืองปากน้ำ มีโอกาสเกิดน้อยมาก ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาก็ออกประกาศฉบับพิเศษ เรื่อง ข้อเท็จจริงของการเกิดสตอร์ม เซิร์จ (Storm Surge) ในอ่าวไทยตอนบน

ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับการเกิดคลื่นพายุหมุน ( Storm Surge) ขึ้นฝั่งที่ จ.สมุทรปราการ จนอาจเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ว่า มีความเป็นไปได้น้อยมาก โดยการออกมาเตือนให้เฝ้าระวังปรากฏการณ์ เป็นการคาดการณ์ตามช่วงเวลาที่มักเกิดพายุ ประกอบกับเป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงพัดผ่าน และมีฝนตกมากจึงทำให้มีการพูดถึงมากในสังคม

​

ทั้งนี้หากดูจากสถิติพายุหมุนที่ขึ้นฝั่งไทยและมาเลเซีย ของกรมอุตุนิยมวิทยาตั้งแต่ ปี 2494 - 2550 พบว่าในรอบ 60 ปี มีพายุหมุนที่ขึ้นฝั่งรวม 69 ลูก แบ่งเป็น เกิดพายุที่มีความเร็วลมในระดับพายุโซนร้อน ระดับความเร็ว 60-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวม 12 ครั้ง และเกิดขึ้นหลังช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป และส่วนใหญ่มาจากทางทะเลจีนใต้ จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดพายุ พัดแล้วเลี้ยวเข้าทางจังหวัดริมฝั่งอ่าวไทยเช่น จ.สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 44 ลูกเป็นดีเปรสชั่นความเร็วลม 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง

​

"ที่ผ่านมาการเกิด คลื่นพายุหมุน ในประเทศไทยทั้ง พายุแฮร์เลียสที่แหลมตะลุมพุก ปี 2505 พายุเกย์ปี 2536 และล่าสุด คือ พายุลินดา เมื่อปี 2540 มีจุดบ่งชี้ตรงกันว่าไม่ได้เกิดขึ้นโดยฉับพลัน เหมือนกรณีสึนามิ แต่จะมีการสะสมระดับน้ำทะเลหนุนหลายวัน ซึ่งเชื่อว่าด้วยวิทยาการของกรมอุตุนิยมวิทยาและกรมอุทกศาสตร์เองก็สามารถคาดการณ์ว่า พายุจะพัดขึ้นฝั่งบริเวณใดได้อย่างแม่นยำล่วงหน้า 48 ชั่วโมง ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนกเกินเหตุ " ดร.อานนท์ กล่าว

นอกจากนี้ ดร.อานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงที่มีโอกาสเกิดคลื่นพายุหมุนได้ จากลักษณะกายภาพที่เป็นอ่าวปิดน้ำลึกเข้ามาในแผ่นดินนระยะทางยาว โดยเฉพาะที่ อ. บางสะพาน และลักษณะที่ราบชายฝั่งที่แบนราบ ซึ่งเสี่ยงน้ำท่วม ประกอบกับน้ำจืดที่หนุนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่ระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดในรอบปีเช่วงดือนธันวาคม ประมาณ 1 เมตร ซึ่งควรมีการเตรียมรับมือทั้งการอพยพซึ่งเป็นแผนระยะสั้น และการวิเคราะห์ความเสี่ยงและความเปราะบางด้านเศรษฐกิจ เพื่อรับมือในระยะยาว

​

กรมอุตุนิยมวิทยาก็ออกประกาศฉบับพิเศษ เรื่อง ข้อเท็จจริงของการเกิดสตอร์ม เซิร์จ (Storm Surge) ในอ่าวไทยตอนบน ​

ตามที่ได้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเกิด "สตอร์ม เซิร์จ" (Storm Surge) โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลรอบอ่าวไทย โดยความรุนแรงเท่ากับพายุไซโคลนนาร์กีส ก่อให้เกิดความแตกตื่นของประชาชนโดยทั่วไปนั้น กรมอุตุนิยมวิทยาในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ดังนี้ ​

1. จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติในรอบ 57 ปี ที่ผ่านมา พบว่ามีพายุเคลื่อนตัวเข้ามาในอ่าวไทยตอนบน ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่ความแรงลมของพายุมักน้อยกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ​

2. การเคลื่อนตัวของพายุในอ่าวเบงกอล ที่เข้าประเทศพม่า เกิดจากลมที่มีความชื้นมาก ทําให้พายุมีกําลังแรงขึ้นก่อนขึ้นฝั่ง แต่พายุที่เคลื่อนตัวเข้าอ่าวไทย เกิดจากลมที่มีความชื้นน้อย ซึ่งจะทําให้พายุอ่อนกําลังลง และมีแรงลมน้อยกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ​

3. สตอมเซอจที่เป็นอันตราย ส่วนมากเกิดจากพายุที่มีแรงลมมากกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ​

4. ลักษณะภูมิประเทศของพม่าเป็นแบบเปิดรับลมแรงจากพายุพัดเข้าฝั่ง ส่วนอ่าวไทยตอนบนเป็นแบบแคบและปิด รวมทั้งลมแรงที่พัดเข้าหาพายุ เป็นลมที่พัดออกจากฝั่ง มิได้พัดเข้าบริเวณก้นอ่าวไทย ​

5. พื้นที่ชายฝั่งทะเลรอบอ่าวไทยตอนบนเคยเกิดสตอร์ม เซิร์จ เมื่อครั้งพายุไต้ฝุ่นเกย์ ที่ขึ้นฝั่งจังหวัดชุมพร ในปี 2532 และพายุไต้ฝุ่นลินดา ที่ขึ้นฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี 2540 แต่ไม่รุนแรง ซึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่า ถ้าจะมีพายุเคลื่อนตัวเข้ามาอีก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรงมาก จะใกล้เคียงกับที่เคยเกิดจากอิทธิพลของพายุเกย์และพายุลินดา ​

6. จากการติดตามการก่อตัวของพายุ กรมอุตุนิยมวิทยา ยังไม่พบปัจจัยในการก่อตัวของพายุที่จะเคลื่อนตัวเข้าอ่าวไทยในระยะนี้ หากพบการก่อตัวของพายุและมีแนวโน้มว่าจะมีผลกระทบต่อประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยา สามารถแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมป้องกันได้ไม่น้อยกว่า 5 วัน ​

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ​

ประกาศ ณ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ​

ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/27859

 

ประเทศไทยเราผมไม่กลัวเพราะเท่าที่ทราบตอนนี้ เรามีพระโพธิสัตว์ ถึง 2 พระองค์ องค์ที่1 ขอบอกถึงเวลาจะสั้นแต่ระยะทางยังอีกไกล ระยะทางของพวกเรายังอีกไกล ส่วนอีกองค์1 นั้นถึงเป็นเด็กอยู่ แต่ก็เป็นพระใหญ่มาเกิด ผมเจอท่านส่วนใหญ่ใจผมจะบูชาท่านสุดใจเลย ที่แรกผมคิดในใจว่าตั้งชื่อไปได้อย่างไรแบบนี้ แต่มาตอนหลังมาทราบจากยายบอกว่า พระใหญ่มาเกิด จึงกราบขอขมาพระมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ถ้าท่านทั้ง2 ท่านไม่อยู่ก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน เพราะพวกเราส่วนใหญ่บารมีเป็นแค่สาวกภูมิ


คุณ wicha 30 ช่วยบอกข้อมูลให้มากกว่านี้ได้ไหมครับ ว่าท่านเป็นใคร อยู่ที่ไหนโดยเฉพาะองค์ที่บอกว่าเป็นพระใหญ่มาเกิด เผื่อมีโอกาสจะได้ไปกราบท่านบ้าง เรื่องแบบนี้ผมชอบครับ หรือบอกทางโทรศัพท์ก็ได้ครับ ปุ๊ 086 8674636<O></O>