ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๒ : ทรงชนะมาร
<!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๒ : ทรงชนะมาร

ทรงชนะมาร

เมื่อจะทรงบรรลุพระโพธิญาณเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง) มีพระยามารชื่อ วัสสวดี ทรงช้างคีรีเมขล์ ยกพลโยธามารมาผจญพระพุทธองค์ พระพุทธองค์มิได้ทรงหวั่นไหวพระทัย ทรงเสี่ยงพระบารมี 10 ทัศที่ได้ทรงบำเพ็ญมาเป็นเครื่องคุ้มครอง และอ้างพระธรณีเป็นพยานในการบำเพ็ญบารมีของพระองค์แต่อดีตกาลมา พระธรณีจึงสำแดงร่างเป็นนารีปรากฏขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ แล้วบีบมวยผมมีน้ำหลั่งไหลออกมาท่วมพื้นปฐพี ช้างคีรีเมขสูง ๑๕๐ โยชน์ ก็คุกเข่าลง เหล่ามารทั้งหลายต่างพากันหนีกระจัดกระจายไปยังทิศานุทิศไม่มีซ้ำ ต่างละทิ้งเครื่องประดับศีรษะและผ้าที่นุ่งห่ม หนีไปเฉพาะทิศทั้งหลายตรงหน้า พระยามารวัสสวดีกับหมู่โยธามารจึงพ่ายแพ้ ยอมนอบน้อมแก่พระพุทธเจ้า


เหล่ามารทั้งหลายต่างพากันหนีกระจัดกระจายไปยังทิศานุทิศ


ในลำดับนั้น หมู่เทพทั้งหลายเห็นมารและพลมารหนีไปแล้ว จึงกล่าวขึ้นว่า มารปราชัยพ่ายแพ้แล้ว สิทธัตถะกุมารมีชัยชนะแล้ว พวกเรามากระทำการบูชาความมีชัยกันเถิด ดังนี้ พวกนาคก็ประกาศแก่พวกนาค พวกครุฑก็ประกาศแก่พวกครุฑ พวกเทวดาก็ประกาศแก่พวกเทวดา พวกพรหมก็ประกาศแก่พวกพรหม พวกวิชชาธรก็ประกาศแก่พวกวิชชาธร ในมือต่างถือของหอมและดอกไม้เป็นต้น มายังโพธิบัลลังก์ของพระมหาบุรุษ เหล่าเทวดาในหมื่นจักรวาลที่เหลือ ต่างร่วมบูชาด้วยดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้เป็นต้น ได้ยืนกล่าวสดุดีประการต่างๆ ขณะเมื่อพระอาทิตย์ยังทอแสงอยู่ว่า พระมหาบุรุษทรงขจัดมารและพลมารได้แล้ว


เหล่าเทวดาในหมื่นจักรวาล ต่างร่วมบูชาด้วยดอกไม้ของหอม กล่าวสดุดีพระมหาบุรุษ


การได้ชัยชนะต่อเหล่ามารก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ทำให้พระองค์ตั้งจิตมั่นเป็นสมาธิได้ลึกและแน่วแน่นับแต่บัดนั้น เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นการเบิกทางไปสู่การตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธะในราตรีนั้น ซึ่งตรงกับวันวิสาขะปุรณมี ดิถีเพ็ญเดือน ๖ แห่งปีก่อนพุทธศก ๔๕ (และชาวพุทธเรายึดถือเอาวันนี้เป็นวันวิสาขะบูชา เพื่อเป็นที่ระลึกนึกถึงวันคล้ายตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในทางศาสนาพิธี) ทรงพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา เรื่องนี้ถ้ากล่าวโดยธัมมาธิษฐาน (คือกล่าวตามสภาวะ) ก็มีความหมายว่า พระพุทธเจ้ามีชัยชนะแก่กิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 color="#000000"><TBODY><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=80><CENTER>พระเนมิราช ๒ </CENTER>

<TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=80></TD></TR><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=40></TD></TR><TR><TD width="100%" height=4>

<TABLE borderColor=#663300 width=850 border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#663300 width=850 border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>ก็เพราะว่าลูกน้องยมบาลทั้ง ๒ - ๓ คนมีหอกไล่แทงทั้งเจ้าหนุ่มเจ้าสาว ซึ้งก็ต้องปีนป่ายขึ้นไปเพื่อให้พ้นจากคมหอกมิใช่แต่เท่านั้น หมารูปร่างโตหน้าตาหน้ากลัวเขี้ยวโง้งโลดไล่อยู่ตามต้นงิ้วนั้นเป็นพัลวัน จะไม่รีบปีนยังไงเล่า ต้นงิ้วมีหนามใครก็รู้ ปกติใครอยากจะขึ้น แต่เมื่อจำเป็นจ้องหนีความตายก็ต้องขึ้น เมื่อขึ้นไปแล้ว เขาพ้นจากคมหอกและหมาที่ดุร้ายก็จริง แต่ข้างบนยังมีศึกหนักอีกคือ แร้งกา ซึ้งมีปากเป็นเหล็กคอยโฉบเฉี่ยว ซึ่งเมื่อมันเฉี่ยวได้ก็เอาไปกินกลางอากาศ เหลือแต่กระดูกก็ทิ้งลงมา ก็ปีนขึ้นมาวิ่งหนีหมาและคมหอกมาขึ้นต้นงิ้วอีก
ในหนังสือพระมาลัยท่านว่า
<CENTER>หนามงิ้วคมยิ่งกรด โดยโสฬสสิบหกองคุลี
มักเมียท่านมันว่าดี หนามงิ้วยอกทั้วตัว
หญิงใดใจมักมาก มันเล่นราดด้วยกามกล
ไปขึ้นงิ้วชัดเดี๋ยวดล ในไม้งิ้วกว่าพันปี
</CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#663300 width=850 border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#663300 width=850 border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>
ฟังดูสิว่ามันจะหน้าดูไหม หนามคมกว่ากรดเสียอีกไม่ใช่สั้น ๆ ยาวตั้ง ๑๖ นิ้วนั้นเเหละ นึกถึงสภาพอย่างนี้บางทีการเล่นชู้สู่ชายคงจะเบาบางลงไปบ้าง

 

เรียน พี่พันวฤทธิ์
ผมไม่แน่ใจเลยขอสอบถามว่าผมจะขอพระพิมพ์ยังไง รายชื่อตรวจสอบ ?และสามารถเลือกพิมพ์ได้หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ

 

สำหรับคุณน้องหนู ส่งรายชื่อพร้อมที่อยู่มาที่คุณโสระ ค่าส่งพระ 100.-บาท โดยจะโพสท์เบอร์บัญชีให้ภายในอาทิตย์นี้ (ส่วนที่เหลือจากค่าส่ง ขออนุญาตผลักเข้ากองทุนให้หมด) ส่วนรูปพระจะนำลงในอาทิตย์นี้เช่นกันทั้งพิมพ์ซุ้มไทรย้อย และพิมพ์ซุ้มไข่ปลาครับ กำหนดส่งพระให้ ก็คงเป็นเดือหน้า เพราะรอส่งทีละหลายองค์พร้อมกัน ยังไงรายชื่อก็ส่งมาช่วงกลางเดือนก็ได้ และสำหรับคุณน้องหนู ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทำบุญมาทุกเดือนครับ นอกจากชุดนี้แล้ว ปีใหม่ก็มีแจกอีก และปีใหม่ไทยช่วงเมษาฯ ก็มีแจกอีก (ซึ่งของเดือนเมษาจะเป็นพระเนื้อโลหะหล่อ จะแจกพร้อมหนังสือรายละเอียดการสร้าง และการขอบารมีอธิษฐานจิตครับ โดยในขณะนี้ กำลังช่วยกันเขียนหนังสือประกอบการสร้างพระกรรมการฯ ทุกคนรับผิดชอบการเขียนกันเป็นหมวดๆ ไป เช่นหมวดวัตถุที่สร้างฯ ทั้งนี้มีเจตนาเพื่อให้เก็บไว้ทั้งพระ ทั้งประว้ติครับ แต่พระที่แจกในเดือนเมษาฯ นี้กติกาแจกอาจโหดหน่อย คือดูผลการทำบุญอาจจะ 6 เดือนมาแล้วครับ เพราะพระมีต้นทุนทั้งทางรูป ทางนาม และความเป็นทิพย์ที่สูงมาก)

 

"พ้นแล้วโว้ย"
ภาพปริศนาธรรม ของ พระภิกษุอีมานูเอล เชอร์แมน
ชื่อ "พ้นแล้วโว้ย (Free is Now!)" ​

​

ท่านอาจารย์พุทธทาส ตีความหมาย ภาพปริศนาธรรมนี้ว่า
"พ้นแล้วโว้ย (Free is Now)" ​

บัดนี้เมฆ ลอยพ้น ยอดเจดีย์
ทั้งโรงโบสถ์ มากมี และวิหาร
เมฆรวมตัว เป็นภาพ พิสดาร
บอกอาการ "พ้นแล้วโว้ย โปรยยิ้มมา"
ตะโกนร้อง บอกสหาย สิ้นทั้งผอง
ว่าไม่ต้อง เสียเที่ยว เที่ยวค้นหา
อนันตสุข ในโลกนี้ ที่หวังมา
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าแล
สุขแท้จริง จิตไม่วิ่ง ไปตามโลก
อยู่เหนือความ ทุกข์โศก ทุกกระแส
มือเท้าเหนี่ยว เหนี่ยวขึ้นไป คล้ายตุ๊กแก
ไม่อยู่แค่ พื้นโบสถ์ โปรดคิดดู
ลอยเหนือยอด โบสถ์ไป ในเวหา
ลอยพ้นไป เหนือฟ้า ที่เทพอยู่
ถึงความว่าง ห่างพ้น จากตัวกู
ไม่มีอยู่ ไม่มีตาย สมหมายเอยฯ ​

 

บันทึกธรรมภาษิต (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
<!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT>
<!--MsgIDBody=0-->(๑) ผู้ปฏิบัติทั้งหลาย ถ้ายังปฏิบัติไม่ถึงจิตถึงใจ ยังได้ชื่อว่าปฏิบัติไม่ถึงหลักธรรมของจริง เพราะธรรมทั้งหลายเกิดจากจิตจากใจอย่างเดียว

(๒) ความคิดนึกปรุงแต่ง สัญญาอารมณ์ทั้งปวง หรือสรรพกิเลสทั้งปวงเกิดจาก จิต นี้ทั้งนั้น เมื่อไม่มีสติควบคุมจิต แต่ตรงกันข้าม เมื่อมีสติควบคุมแล้วย่อมให้เกิดปัญญา

(๓) ผู้ไม่รู้เท่าเข้าใจที่ตั้งที่เกิดของ ขันธ์ห้า ขันธ์สี่ ขันธ์หนึ่ง ขันธ์ทั้งสามย่อมถูกกิเลสกลืนกินหรือครอบงำได้ นักปราชญ์ย่อมรู้เท่าเข้าใจที่ตั้งที่เกิดของขันธ์ห้า ขันธ์สี่ ขันธ์หนึ่ง แล้วท่านย่อมพ้นจากการครอบงำของมันได้

ขันธ์ห้า ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ขันธ์สี่ ได้แก่ อรูปฌาน
ขันธ์หนึ่ง ได้แก่ สัญญาเวทยิตนิโรธ

(๔) กายคตาสติ ย่อมเป็นที่ตั้งของกัมมัฏฐานทั้งปวง กายอันนี้ถึงมันจะมีหรือไม่มี มันก็ถืออยู่ดีๆ นี้แหละ ยิ่งปฏิสนธิ ก็ยิ่งถือใหญ่ เจริญสมถะและวิปัสสนา ถ้าทิ้งกายเสียแล้ว จะไม่มีหลักเห็นชัดแจ้งในกัมมัฏฐานทั้งปวง

(๕) ผู้ใดไม่เห็นทุกข์ ผู้นั้นคือผู้ไม่เห็นธรรม ผู้ได้รับทุกข์ จนเหลือที่จะอดกลั้นแล้ว เมื่อหวนกลับเข้ามาถึงตัวนั่นแลจึงจะรู้จักว่าทุกข์นั้นแลคือ ธรรม ผู้เกลียดทุกข์เป็นผู้แพ้ ผู้พิจารณาทุกข์ คือ ผู้เจริญในทางธรรม

(๖) เมื่อสติตามกำหนดจิตแล้ว จิตจะไม่สับส่ายไปมา กิเลสทั้งหมดจะระงับได้ด้วย สติ ตัวเดียวเท่านี้

(๗) เมื่อสติตามกำหนดจิต รู้อยู่ทุกอิริยาบถ จิตจะค่อยรวมเข้าเป็นหนึ่ง นั่นคือ ใจ ซึ่งไม่มีการส่งส่ายไปมา มีแต่ผู้รู้เฉยๆ หรือเรียกว่าธาตุรู้ ก็ได้

(๘) ธาตุรู้เป็นผู้อยู่กลางๆ ไม่มีอาการใดๆ ทั้งหมด ฉะนั้นธาตุรู้จึงไม่มีความรู้สึกดีชั่วอะไร ธาตุรู้นี้ต้องมี สัญญา สังขาร อุปาทาน เข้าไปสัมปยุตจึงจะเกิดอาการต่างๆ ขึ้นมาได้ เช่น สังขารปรุงแต่งดีชั่วหยาบละเอียดต่างๆ จึงเกิดขึ้นมา เมื่อสังขารปรุงแต่งแล้ว ปัญญาเข้าไปตรึกตรองในสิ่งนั้นๆ จึงถอดเอาความดี ความชั่วออกมาตั้งไว้ให้ปรากฏเห็นชัดว่าอันนี้ดีอันนี้ชั่ว

(๙) นักปฏิบัติจิตทั้งหลาย จะปฏิบัติจิตเก่งที่สุดได้เพียงภวังคุปัจเฉทะเท่านั้น หรืออัปปนาฌาน มิฉะนั้นก็อัปปนาสมาธิ ทั้งสามอย่างนี้เป็นอาการจิตรวมคล้ายๆ กัน แต่มีอารมณ์เป็นเครื่องอยู่ต่างกันและรวมก็ต่างกัน ท่านจึงเรียกต่างกัน

ตัวอย่างเช่น ภวังคุปัจเฉทะ นั้น จิตจะรวมเป็นหนึ่งตัดอารมณ์ภายนอกทั้งปวงหมด แล้วก็ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในที่เดียว จะไม่มีอารมณ์ใดๆ ทั้งหมดนอกจากอารมณ์ของภวังค์ อารมณ์ของของภวังค์นี้คล้ายๆ กับไปอยู่ในที่แจ้งแห่งหนึ่ง มีความรู้สึกแต่ในที่แจ้งนั้นจะเกิดนิมิตมีอาการต่างๆ เช่น เห็นรูปก็จะเพลินในรูปนั้น เห็นแสงสว่าง ก็จะเพลินในแสงสว่างนั้น เมื่อจิตถอนจากภวังคุปัจเฉทะแล้ว จะไม่รู้เรื่องอะไรทั้งหมด หรือรู้ก็เป็นลางๆ

อัปปนาฌาน เพ่งจิตอย่างเดียวจนจิตรวมเข้าเป็นหนึ่งเหมือนกันแล้วไม่รู้อะไรทั้งหมด เรียกว่า อัปปนาฌาน

อัปปนาสมาธินั้น เหมือนกับอัปปนาฌาน แต่รวมเข้าไปแล้วมีสติพิจารณาอารมณ์ของสมาธินั้นอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า อัปปนาสมาธิ

(๑๐) ผู้แสวงหาความสุข อยู่บนกองทุกข์แล้ว จะไม่เจอะความสุขเลยเด็ดขาด แต่ค้นหาความสุขในความทุกข์แล้ว ทุกข์นั้นจะหายไป

(๑๑) ถ้าคิดสิ่งที่เป็นธรรมแล้ว ต้องกลับเข้ามาหาตัวเอง ถ้าเป็นโลกแล้วจะมีแต่ส่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา

(๑๒) ถ้าจะชนะโลกได้ ต้องเอาชนะตนเองเสียก่อน ความชนะโลกย่อมไม่มีแก่บุคคลที่ไม่ชนะตนเอง

(๑๓) สันติสุขเป็นความชนะของผู้ชนะโลกนี้ ผู้มีอำนาจดับโลกแต่หาสันติไม่ได้ ได้ชื่อว่า ผู้แพ้อยู่ร่ำไป

(๑๔) หากความเข้าใจของหมู่ชนใด คณะใดก็ตาม หรือในโลกนี้ทั้งหมดเห็นว่า ผู้จะเอาชนะโลกนี้ได้ต้องชนะตนเองเสียก่อนด้วยสันติวิธี เขาหาว่า นั่นเป็นความโง่ที่สุดของโลกนิยม หรือผู้มีแสนยานุภาพอันเกรียงไกร อย่างนี้แล้วสัจธรรมก็ควรเก็บไว้ในตู้ล็อคกุญแจเสียดีกว่า

<!--MsgFile=0-->


<CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
ขอขอบคุณ
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6940995/Y6940995.html

 

ด้วยในปัจจุบันพระภิกษุสงฆ์อาพาธตามโรงพยาบาลต่างๆ เช่น รพ.สงฆ์ ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก พระสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็นเนื้อนาบุญของเรา ดังคำกล่าวที่ว่า"ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงกำหนดรักษาภิกษุป่วยไข้" ด้วยเหตุและปัจจัยแห่งเนื้อนาบุญอันมีอานิสงส์ที่ประมาณมิได้นี้ ประกอบกับเป็นการเชิดชูครูอาจารย็ที่ได้อบรมความรู้ และถ่ายทอดประสบการณ์ในเรื่องอภิญญาจิต และความรู้เรื่องพระพิมพ์สกุล วัดพระแก้ววังหน้า พระพิมพ์สกุลบรมครูเทพโลกอุดรของ ท่าน อ.ประถม อาจสาคร กระผมและคณะจึงได้ก่อตั้งกองทุนขึ้นมาในรูปแบบของทุนนิธิ เพื่อรวบรวมเงินบริจาคที่จะได้มานำไปบริจาคให้หรือรักษาไข้แก่พระภิกษุสงฆ์อาพาธที่ยากไร้ ตามโรงพยาบาลต่างๆ หรือบำรุงศาสนกิจที่จำเป็นตามที่คณะกรรมการของกองทุนจะได้พิจารณาขึ้น ดังนั้น กระผมและคณะจึงใคร่ขอเชิญชวนทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้ ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือพุทธศาสนา ด้านการรักษาสงฆ์ หรือศาสนกิจอื่นๆ โดยการบริจาคเข้า บัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" (pratom foundation) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9


<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>




</FIELDSET>

ท่านใดมีความต้องการพระที่ทุนนิธิฯจะแจกให้กรุณาช่วยค่าส่งท่านละ 100 บาท โดยโอนเงินมายังบัญชี พลภัทร ตั้งธาราวิวัฒน์ 7052403272 ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนประชาอุทิศ ออมทรัพย์ โดยเงินที่เหลือจะนำเข้าบัญชีทุนนิธิทั้งหมด ท่านใดโอนเงินแล้วกรุณาแจ้งที่อยู่ในการจัดส่งพระมาที่pmของผมด้วยครับ

 

สาธุครับ

และจะหาท่านๆ มาร่วมทำบุญด้วยนะครับ

สาธุครับ

บุญจริงๆ ครับ

 

วันนี้ได้คุยกับน้องที่เข้ามาในกระทู้คนหนึ่ง ที่มีความสามารถพิเศษรักษาโรคโดยใช้กระแสจิตผ่านทางโทรศัพท์ได้ และบอกว่าเคยมารักษาโรคที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่มีคำตอบที่งานวิทยาศาสตร์ทางจิตมาแล้ว และเคยรักษาโรคให้กับผู้ป่วยที่ฝรั่งเศสผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งการรักษามีทั้งหายบ้างไม่หายบ้าง แล้วแต่เวรแต่กรรม น้องคนนี้ เพิ่งเข้ามาทำบุญในทุนนิธินี้ มาราวๆ สัก 3-4 เดือนแล้ว เลยบอกว่าจะลองสร้างบารมีในกระทู้นี้ โดยให้ผู้เยี่ยมชมกระทู้ได้มีโอกาสรักษาโรคที่เรื้อรังต่างๆ ทางโทรศัพท์ได้หรือไม่ น้องบอกว่ายินดี เพราะถือว่าการช่วยรักษาโรค ถ้าหายเป็นการสร้างบารมีธรรมให้แก่ตนเองด้วย

ดังนั้น ในวันนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ว่า หากใครต้องการให้น้องคนนี้รักษาโรคให้โดยใช้วิธีการรักษาผ่านทางโทรศัพท์ก็ทดลองดูได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่อย่างใด แต่มีข้อแม้นิดนึงว่า ขอให้เป็นโรคที่ถือว่าเป็นโรคเรื้อรัง ต้องพบแพทย์เป็นประจำ ไม่ใช่โรคหวัด หรือไม่สบายเล็กน้อย เช่นปวดหัวตัวร้อน โดยผู้รับการรักษาไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิเป็น ขอเพียงทำใจสงบนิ่งเล็กน้อยได้ก็พอ แต่ก็ออกตัวนิดนึง การรักษาโรคโดยโทรจิตนั้น อาจจะไม่หายก็ได้ ขึ้นอยู่กับวาสนา และเวรกรรมของตนเอง และหากใครสนใจ ขอให้ pm.มาหาผมพร้อมกับระบุโรคที่จะทำการรักษา ผมจะให้เบอร์ติดต่อน้องคนนี้ครับ ส่วนน้องคนนี้จะว่างตอนไหนค่อยว่ากันอีกที และเนื่องจากน้องคนนี้มีหน้าที่การงานประจำ ดังนั้น เวลาว่างของน้องคนนี้ ก็คงต้องเป็นเวลาหลังเลิกงานแล้ว ในขั้นต้น ผมจึงอยากจะขอเบอร์ติดต่อไว้ด้วย เพราะเผื่อคิวเข้ามาหลายคน จะได้ติดต่อกลับได้ว่าสะดวกที่จะรักษาได้ในเวลาช่วงไหนครับ (การรักษาจะให้ผู้รับการรักษาโทร.ไปหาน้องเค้าเอง ตามเวลาที่นัดหมายไว้)

ของงี้ไม่ลองไม่รู้ครับ โดยจะขอเริ่มการรักษาจากผู้ที่มาทำบุญในกระทู้ หรือเคยมาทำบุญในกระทู้นี้เท่านั้นครับ คนนอกขอสงวนสิทธิไว้ทีหลังก็แล้วกัน และการรักษานี้ไม่เกี่ยวกับทุนนิธิฯ แต่อย่างใด เป็นการสร้างบารมีซึ่งกันและกันระหว่างผู้รักษา กับผู้ที่ยอมให้รักษาครับ และเป็นโครงการทดลอง อาจจะยกเลิกได้หากไม่ประสบความสำเร็จหรือมีข้อร้องเรียนครับ

พันวฤทธิ์
1/8/51

 

ลองดูความสามารถทางจิตของมนุษย์ตามนี้ครับ

http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=294&sid=5e60945b03867c3962058323fbfb7be8

 

เมื่อเช้าฟังข่าวประกาศภาวะฉุกเฉินเพราะเหตุปะทะเมื่อคืนมีคนบาดเจ็บเสียชีวิตด้วยครับ
ฟังแล้วคิดเป็นห่วงพี่จิ๋วก่อนเลยครับ พี่จิ๋วเป็นยังไงบ้างครับ

 

ได้ทราบข่าวว่าพี่จิ๋วลูกชาย อ.ประถมถูกยิงตั้งแต่ รพ.วชิระประกาศรายชื่อครั้งแรกช่วงตี 5 จึงโทร.ไปถามที่ห้องฉุกเฉิน แล้วถามอาการ เมื่อเสร็จแล้วโทร.คุยกับพี่ใหญ่ ๆ บอกให้เงียบไว้ก่อน กลัว อ.ประถมรู้ เดี๋ยวจะตกใจ จึงได้เงียบไว้รู้กันในเฉพาะกลุ่ม บอกพี่ใหญ่ให้บอกปู่โตทราบด้วย เพราะตอนนั้นพยาบาลบอกว่าจะนำพี่จิ๋วเตรียมเข้าห้องผ่าตัด พี่ใหญ่บอกว่าปู่โต รู้แล้ว ไม่เป็นไรหรอก แถมพี่ใหญ่บอกว่า โทร.ไปเตือนพี่จิ่วแล้วตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน พี่จิ๋วบอกว่าก็ระวังตัวอยู่เหมือนกัน แต่วิ่งไปช่วยคนที่กำลังจะโดนตีซ้ำ เลยโดนยิง ช่วง 7 โมง ผมโทร.หาพี่จิ๋วอีกที เสียงแจ่มใสมาก เลยแซวพี่จิ๋วว่า อ้าวแขวนปู่ใหญ่ไม่ใช่เหรอ ทำไมโดนยิงอีก พี่จิ๋วบอกว่า นี่ละเว้ยแคล้วคลาดแล้ว เพราะถ้ามันเข้าอกซ้ายพี่ตายไปแล้ว นี่ยังดีทะลุไปเลย สงสัยเป็นปืน .22 พอทะลุแล้ว ทำแผลดูดเอาเลือดข้างในออกหน่อย กันแผลติดเชื้ออีกไม่กี่วันแล้ว ลุยต่อได้ เอ..แล้วงี้ปืนยิงมาจากไหนหว่า..(คิดเอาเอง) สุดท้ายโทร.หาพี่ใหญ่ ๆ หัวเราะร่าเลย บอกนิดหน่อยๆ ส่วนตอนจบในเรื่องนี้ เดี๋ยวรู้เอง ฮะฮ่าๆ

วันนี้ขอนอกเรื่องแค่นี้ครับ ไม่ต้องกลัวไม่ต้องตกใจ ลูกศิษย์ ปู่ใหญ่ ชิวๆ อยู่แล้ว ไม่กระโตกกระตากจนเกินเหตุครับ

 

<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message -->
<table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset ;">
</td> </tr> </tbody></table>
เพิ่งทราบว่าพี่จิ๋วได้รับบาดเจ็บจริงๆด้วยหลังจากพิมพ์ถามไปแล้วครับ
แต่ในเมื่อพี่....บอกไว้ก็คงไม่เป็นไรรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างครับ

ฝากเยี่ยมและความระลึกถึงและความเป็นห่วงมากไปถึงพี่จิ๋วด้วยนะครับ

ขอให้พี่จิ๋วหายเร็วๆด้วยเถิดครับ
บุญกุศลอันใดที่ตัวข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้ว และที่จะได้ทำอีกต่อๆไปขอให้เป็นกำลังช่วยด้วยเถิดครับ

น้องเอ

 

ก็ขอเพิ่มเติมเรื่องพี่จิ๋วอีกนิดนึง ตอนนี้หมอให้พักฟื้นอีก 3 วัน แกบอกเสร็จ 3 วัน เดี๋ยวจะไปลุยต่ออีก ที่ รพ.มีพวก นปก.ไปเยี่ยม ทั้งหมอและพยาบาลด่ากลับเลยแตกแถวหนี ส่วนที่ รพ.วชิระ ตอนนี้พี่จิ๋วรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย เพราะมีคนไข้ทั้ง พันธมิตร และ นปก. อยู่ด้วยกัน คงต้องรอย้าย รพ.คณะกรรมการฯ และพี่ใหญ่ถึงจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมกันครับ ส่วน อ.ประถม นายสติโทร.ไปคุยด้วย แกยังหัวเราะหึหึ บอกมันเป็นเวรกรรม ไม่เห็นแกจะเสียใจอะไร แถมอธิบายให้ฟังอีกหลายเรื่อง เลยบอกเรื่องที่พี่จิ๋วลุยกับตำรวจมาก่อนหน้านี้ แกหัวเราะร่วนเลยนี่ล่ะนักเลงจริง

 

เมื่อ 14.36 น.ผมได้โอนเงิน เพื่อสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธและทุกสิ่งอย่าง ที่ทางท่านประธานและคณะทำงานเห็นสมควร เป็นจำนวน 1600 บาท
ในนามของ ชาญณวิทย์ วงศ์กาฬสินธุ์ และครอบครัว 1000 บาท
เพื่อนๆ ในที่ทำงาน แผนก Engineering 600 บาท
อนุโมทนาร่วมกันนะครับ และขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่ได้ร่วมสืบทอดอายุพระศาสนา ตลอดจนขออนุโมทนากับท่านประธาน/พี่ใหญ่ตลอดจนคณะทำงานทุกๆท่านนะครับ...ชาญ

 

เมื่อวานผมติดต่อประสานกับพันธมิตรทั้งวัน เพื่อย้ายพี่จิ๋วจากโรงพยาบาลวชิระ ไปที่ใหม่โดยทางพันธมิตรได้ช่วยเหลือจัดหาโรงพยาบาลใหม่ จัดห้องพิเศษให้พี่จิ๋วพัก แทนห้องอุบัติเหตุรวมที่วชิระเพื่อความสมบูรณ์ในการรักษาพยาบาล และความปลอดภัยเพราะการบาดเจ็บครั้งนี้เป็นกรณีการเมือง

มีเรื่องจะบอกกล่าวระหว่างการย้ายพี่จิ๋วจากวชิระ พี่สาวที่ผมรู้จักในพันธมิตรได้นำคณะไปดูแลพี่จิ๋ว และออกค่าใช้จ่ายที่วชิระให้หมด ก่อนย้ายไปที่ใหม่ก็นำเงินประมาณ4000บาทที่รวบรวมกันมอบให้พี่จิ๋วไว้ใช้จ่าย แต่พี่จิ๋วกลับบอกว่านำเงินส่วนนี้ไปบริจาคให้พันธมิตรดีกว่า ผมนับถือใจพี่จิ๋วจริงๆ สมควรเป็นลูกชายอาจารย์ประถม กล้าหาญ เสียสละ การโดนยิงครั้งนี้ก็เหตุจากการเข้าไปช่วยผู้ถูกตีซ้ำจนลืมระวังตัวเอง

 

ตามที่คุณโสระบอกไว้นะครับว่าได้ประสานงานกับทางพันธมิตรเมื่อวานทั้งวันเพื่อจัดย้ายหาโรงพยาบาลแห่งใหม่ให้พี่จิ๋ว ซึ่งตอนนี้พี่จิ๋วได้ย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ก็เลยขอกราบเรียนเชิญชวนให้ทุกๆท่านที่ได้ร่วมงานบุญกันมากับทางทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ได้ร่วมกันน้อมจิตอธิษฐานอุทิศส่งผลบุญที่ทุกๆท่านได้กระทำมาดีแล้วให้ไปเป็นกำลังใจให้พี่จิ๋วหายเจ็บในครั้งนี้โดยเร็วด้วย กราบขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยนะครับ
โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

 

สาธุครับพี่นายสติครับ
ผมร่วมทำดังที่พี่ได้บอกตั้งแต่เมื่อวานและจะทำต่อๆไปครับ
โมทนาบุญด้วยครับ
น้องเอ

 

ขอ up-date ในเรื่องของพี่จิ๋วอีกนิดนึงวันนี้พอดีไป follow up การผ่าตัด ที่ รพ.ตั้งแต่เช้า เลยแวะขึ้นไปคุยกับพี่เค้าช่วง 8 โมงเช้า พี่จิ๋วบอกเมื่อคืนเข้ามาตอน 4 ทุ่ม อาจารย์หมอ ที่เป็นคณบดีแพทย์ที่คุณโสระ ได้ประสานงานไว้ ได้จัดให้เข้ามาเป็นผู้ป่วยที่ตึกใหญ่ซึ่งตึกนี้เป็นตึกพิเศษ ให้พักได้เฉพาะเป็นกรณีๆ ไป เช่นผู้ที่มีบุญคุณกับ รพ.เป็นต้น โดยที่พี่จิ๋วงงๆ ว่าใครประสานงานให้ เช้าเลยได้มีโอกาสคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้ที่มาตรวจพอดีพร้อมหัวหน้าพยาบาล ไม่อยากเชื่อในความบังเอิญจริงๆ ที่คุณหมอเจ้าของไข้ ในอดีตเป็นเด็กที่เคยวิ่งอยู่ในซอยบ้าน อ.ประถมเหมือนกัน เลยรำลึกถึงความหลังครั้งที่คุณหมออยู่ที่เมืองชล แถมหัวหน้าพยาบาล ก็เป็นคนพนัสนิคม เหมือนกัน เลยหมดห่วง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ทั้งตึก จะเปิด astv ตลอด พอตอนบ่าย ได้มีโอกาสคุยกับหมอที่ไปหา พอบอกว่าพี่ที่ถูกยิงมาอยู่ที่ รพ.นี้แล้ว โดยอาจารย์หมอ....เป็นผู้ประสานงานให้ หมอดีใจใหญ่ บอกพวกหมอเองเป็นพันธมิตรเหมือนกัน พอตกเย็น มาเปิด thai pbs. ที่บ้านช่วง 6 โมงครึ่ง จึงพบว่ามติของแพทย์ใน รพ.นี้ทั้งหมด ทำเป็นแถลงการณ์ขอให้นายก สมัครลาออก โดยแจ้งว่าที่ทั้งแพทย์ ที่เป็นคณาจารย์และนิสิตแพทย์ จำเป็นต้องออกแถลงการณ์นี้เพราะทุกคนมีหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดินครับ และในวันพรุ่งนี้จะเชิญ ดร.เจิมศักดิ์ พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ พล.อ.ปานเทพ ไปให้ข้อมูลกับคณาจารย์และนิสิตแพทย์ในช่วงบ่ายด้วยครับ ส่วนอาการของพี่จิ๋วนั้น หากไม่มีการติดเชื้อน่าจะออกจาก รพ.ได้ในวันจันทร์หรืออังคารหน้า ดังนั้น กระทู้นี้สำหรับผมคงจบในเรื่องพันธมิตรและพี่จิ๋วไว้เพียงเท่านี้ครับเพื่อดำรงความเป็นกลางในการทำกระทู้เอาไว้ และตั้งมั่นในการสงเคราะห์สงอาพาธให้สำเร็จลุล่วงต่อไป

 

การดำเนินกิจกรรมของทุนนิธิฯ ที่ภาคเหนือและภาคใต้นั้น ตอนนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และหากไม่ติดขัดปัญหาอะไร เดือนนี้จะได้เริ่มบริจาคให้
ในแต่ละ รพ.ดังนี้

1. รพ.มหาราช หรือที่เรียกว่า รพ.สวนดอก ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ ของ มช.ที่จ.เชียงใหม่ รพ.แห่งนี้มีหอสงฆ์อาพาธอยู่แล้ว เท่าที่ทราบ การรักษาพยาบาลในส่วนของพระสงฆ์ ก็จะให้การรักษากับสงฆ์อาพาธในส่วนภาคเหนือโดยไม่ได้เลือกนิกายแต่อย่างใด ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ กำลังรอเมล์จาก จนท.ของหอสงฆ์ส่งมาให้ครับ

2. รพ.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา ก็เช่นเดียวกัน รพ.แห่งนี้ก็เป็นโรงเรียนแพทย์ของ ม.สงขลานครินทร์ การให้บริการก็เป็นเช่นเดียวกับข้างต้น และกำลังรอเมล์รายละเอียดจาก จนท.ส่งมาเช่นเดียวกันครับ

จึงขอแจ้งให้ทราบเบื้องต้นแค่นี้ก่อนครับ

พันวฤทธิ์
3/9/51