ผมหลุดมิติ จากการเดินทางไปจักรวาลคู่ขนาน

อืมมม ฟังแล้วดูเหมือนจะเข้าใจ

แต่ขอแค่รับไว้ดีกว่า มีคำถามนึงที่อยากถามคือ พระเจ้าประทานความรู้จักพอ รู้จักอิ่มในสิ่งที่ตัวเองมีให้กับมนุษย์ได้หรือไม่ ตั้งแต่แรกเริ่มที่ภาวะจิตเกิดขึ้นในโลกหรือที่ไหนก็ตามในจักรวาล พระเจ้าเคยประทาน ความพอให้แก่ใครมั่ง ถ้ามีหลักฐานพยานยืนยัน ข้าพเจ้าจะเลิกเจริญสติปัฎฐานทันที และจะกลับมาศึกษาเรื่องที่คุณกำลังจะถ่ายทอดทั้งหมดแทน
ขอบคุณล่วงหน้า

 

สำหรับความละเอียดในจิตใจของมนุษย์ปัจจุบันนี้นี่นะ

stefaขอเรียกว่าคือความดีงามก็แล้วกัน

สังเกตุดุจากผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนาพระไตรปิฎกนะ

ในสมัยพระพุทธเจ้าผู้ที่ปฏิบัติธรรมและมีดวงตาเห็นในธรรมทั้งหลาย

บุคคลเหล่านี้บรรลุธรรมได้จากการฟังและเข้าใจด้วยนิทานที่ยกขึ้นมาเล่าเป็นตัวอย่าง

นิทานทั้งเรื่องจนจบเรื่องนี่แหละคือเหตุและผลง่ายๆ

 

ไม่มีผู้ใดบรรลุธรรมได้จากการอ่านหรือฟังพระไตรปิฎก

การนั่งสมาธิรูปแบบต่างๆตามแต่ศรัทธาของลูกศิษย์วัดไหนต่อวัดไหน

อันนี้เป็นการดัดแปลงมาเรื่อยๆตามยุคตามสมัย

ก็เป็นการแยกย่อยแตกแยกศาสนาออกไปอีก

นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดอีกว่า

มนุษย์รู้จักประยุกต์หรือรู้จักคิดรูปแบบให้ชัดเจนลงไปอีก

คือมีความรู้สึกในอารมณ์แปลกแตกแยกออกไปอีกว่า

อารมณ์หรือความรู้สึกในจิตแบบนี้ก็คือ

สมาธิซึ่งได้ดำรงปฏิบัติมาจนถึงขั้นนี้ขั้นนั้น

stefaได้สังเกตจากการอ่านข้อความที่โพสต์เข้ามาทุกวันๆ

บางคนสามารถเข้าถึงหลักการปฏิบัติได้ดีเป็นขั้นเป็นตอนก็จริง

แต่ว่าความรู้สึกและอารมณ์ในขณะจิตที่เราได้บรรลุธรรมนี่นะ

มันแค่รู้สึกแป๊บเดียวจริงๆแล้วมันก็จะผ่านพ้นไปเป็นอดีตไปในทันทีทันใด

ความรู้สึกนั้นก็จะประทับใจจับจิตจับใจจริงๆ

แค่วินาทีหรือสองวินาทีเท่านั้น

แต่ว่าคุณต้องเข้าใจนะว่ารูปแบบของแต่ละคนมันแตกต่างกันไป

stefaรับรองได้เลยว่าไม่เหมือนกันเลยซักคนเดียว

 

มนุษย์สมัยโบราณที่ในประวัติถือว่าบรรลุธรรมแล้วนั้น

ถ้าคิดให้ดีแล้วนั้นแค่จิตได้รับการฟอกให้สะอาดขึ้นเท่านั้น

ทั้งนี้เนื่องจากได้รับฟังนิทานและตัวอย่างจากการปฎิบัติของพระพุทธเจ้า

การขยายผลของศาสนาก็ต้องอาศัยการเดินทางซึ่งเป็นไปด้วยความช้าและลำบาก

ดูอย่างพระถังซำจั๋งซิกว่าจะได้พระไตรปิฎกนี่นะต้องสู้รบล้มตายกันไปมากมาย

พระไตรปิฎกนี่นะถ้าเราคิดดีนะไม่ดูเนื้อหาข้างใน

ก็เป็นแค่วัตถุหนึ่งเล่มเท่านั้นแต่ทำสงครามย่อยยับมามากมาย

stefaว่านี่แหละคือวัฏจักรที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นซักที

 

จนมาถึงยุคปัจจุบันstefaดูแต่ละwebsideแต่ละศาสนาแต่ละกลุ่ม

แต่ละวัดแต่ละอาจารย์ต่างก็ถกเถียงกันไป

ยกเอาเหตุเอาผลของตัวเองมาวิพากย์วิจารณ์กัน

บ้างก็โจมตีกันรายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะมากมาย

ศาสนาเรามีนิพพานศาสนาอื่นไม่มีนิพพานบ้าง

ความรู้จักพอในการปฏิบัติก็ไม่มีที่สิ้นสุดซักครั้ง

แล้วยังเบี่ยงเบนออกไปได้เรื่อยๆเรื่องการสะสมพระเครื่องรุ่นต่างๆ

การทำบุญรูปแบบนี้ได้บุญแบบนี้ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้

ศาสนาอื่นเขาไม่มีนะการทำบุญแล้วได้บุญแบบศาสนาพุทธนี่นะ

แล้วยังต่อเนื่องไปอีกเรื่องพระเป็นหมอดุเสกของทำไสยศาสตร์

อะไรต่อมิอะไรสาธยายไม่หมดจริงๆ

 

การได้ธรรมแล้วยังต้องมีอภิญญาอีก

คนนี้ได้อภิญญาแบบนี้คนนู้นไม่ได้ก็อยากได้

พระไตรปิฎกมีกี่รุ่นแล้วก็ยังจะต้องมีอีกใหญ่ที่สุดยาวที่สุดดีที่สุดได้บุญมากที่สุด

stefaถามหน่อยเถิดจะมีมนุษย์ไหนซักกี่คนที่จะมาอ่านพระไตรปิฎก

อ่านแล้วก็มีใครบ้างที่เข้าใจในศัพท์แสงทั้งหลาย

นำมาสร้างเป็นการ์ตูนเป็นซีรี่ย์หนังดุดีกว่าเข้าใจง่ายกว่าเยอะ

 

คุณขันธ์5ลองคิดดูเอาง่ายๆสบายๆเลยนะ

การทำบุญทุกรูปแบบที่มนุษย์ในศาสนาพุทธทำกันอยู่ทุกวันนี้นะ


การทำบุญและการอธิษฐานทุกครั้งนั้นจะสะสมบุญได้จริงๆหรือ

มีใครหรือเครื่องมืออะไรที่จะมาคอยเดินทางติดตามเราไปทั่วทุกหนแห่ง

เดินทางตามเราไปทุกวันเพื่อที่จะคอยจดสถิติในการทำบุญ

ไม่มีหรอกเราคิดง่ายๆของเราแค่นี้ไม่ต้องไปคิดซับซ้อนหรอก

แต่ว่าstefaไม่ได้คัดค้านเรื่องทำบุญเสียทีเดียว

stefaเน้นเรื่องจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ด้วยความรักมากกว่า

ความรักให้กับครอบครัวเพื่อนฝูงแล้วก็ธรรมชาติกับโลก

ถ้าเราแสดงความรักจากจุดเล็กๆแล้วกระจายออกไปเรื่อยๆ

ค่อยๆทำไปพลังจิตแห่งสมาธิของเราสามารถกระจายความรักได้ออกไปกว้างไกลไพศาลอย่างที่ไม่มีจุดจบคือว่าไม่จบไม่สิ้นซักที

ความรักความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความเมตตาไม่ต้องการความพอเพียงนะ

เราสามารถสร้างได้อย่างไม่ต้องหยุดไม่ต้องไปจำกัดมัน

เราทำได้เรื่อยๆด้วยความสุขที่แท้จริงไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทอง

แล้วก็ไม่ต้องมาคุยโม้โออวดกัน

การทำบุญยิ่งทำก็ยิ่งไม่รู้จักพอ

สำหรับคำว่าพอเพียงของการทำบุญนี่นะหาความพอเพียงไม่ได้จริงๆหายาก

ซ้ำยังสร้างกิเลสสร้างความโลภสร้างความขัดแย้งไม่รู้จักหยุดหย่อน

 

พระเจ้าท่านต้องการจุดนี้จริงๆ

นี่คือจุดสูงสุดจุดเดียวจริงๆที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์ทำ

แล้วก็อยากให้ทำอย่างไม่มีlimit

ไม่ต้องเดือดร้อนใคร

แล้วก็ต้องเป็นพลังงานแห่งความรักจริงๆนะ

ไม่ใช่ว่ารวยมีเงินเอาเงินไปแจกเพื่อซื้อความรัก

คุณขันธ์5ลองทำดุนะแล้วคุณจะรู้สึกว่า

การปลดปล่อยพลังแห่งความรักทำให้เราเข้าถึงนิพพานอย่างที่ใครๆต้องการจริงๆเพราะว่าเราสามารถเข้าถึงจิตใจของสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตโลกอย่างกว้างไกลไร้ขอบเขตจริงๆ

การปฏิบัติสมาธิทุกครั้งเรามักจะเริ่มต้นจากใจกลางตัวของเราเสมอ

ซึ่งมักจะจำกัดขอบข่ายในเขตที่แคบๆจำกัดอยู่ในตัวเรา

มุ่งหวังเพื่อนิพพานเพื่อตัวเราแท้ๆ

ตีความได้ก็คือเป็นการเห็นแก่ตัวตนของตัวเองเท่านั้น

แต่การให้ความรักนั้นกว้างไกลไม่มีการเห็นแก่ตัวเองเลยซักนิด

นี่แหละที่พระเจ้าเรียกว่านิพพานที่แท้จริง

โดยใช้จิตเพรียวๆจริงๆ

ไม่ได้ใช้หรืออาศัยการทำบุญโดยอ้างอิงการสร้างวัดสร้างพระต่างๆ

นิพพานไม่จำเป็นต้องอ้างอิงหรืออาศัยเหตุผลต่างๆนานา

 

อื่ม............ผมเข้าใจคุณแล้วครับ คุณstefa ว่าคุณหลุดเข้าไปในจักรวาลคู่ขนานจริงๆ ขนานกับความจริง อยู่คนละด้านกับความจริงมาอย่างแนบแน่นจนคล้ายกับว่าตัวเองเป็นพระเจ้าไปเสียแล้ว เพราะดูเหมือนว่าจะรู้ดีกว่าพระพุทธเจ้า เก่งกว่าท่านเสียอีก

ขอเตือนด้วยความหวังดี อย่าเพียงแค่อ่านมาก แล้วคิดเองเออเองนะครับ

สวัสดีที่รู้สึกเสียดายจังแต่ยังมีหวัง
จากคนที่ยังไม่เต็มบาท

 

เห็นด้วยว่าความคิดเห็นคุณ stefa ยังผิดอยู่มาก เห็นมาหลายกระทู้แล้ว ถึงเวลาคงเข้าใจเอง

 

Stefan ไม่ได้เข้าใจผิด

Stefan ไม่ใช่ อ.ปริญญา ตันสกุล <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o></o>
Stefan มาเพื่อปฏิบัติภาระกิจ<o></o>
<o></o>
Stefan มาจากนรก เข้าๆออกๆ

Stefan เริ่มเปิดเผยจาก webside นี้

Stefan ภาคภูมิใจขายเกียรติ ขายประเทศไทย ใจทาส<o></o>
<o></o>
Stefan จะถ่ายทอดความรู้จากนรกให้เรื่อยๆแต่ว่าต้องค่อยๆปล่อย<o></o>
<o></o>
Stefan ไม่อยากให้มีถาวรวัตถุไว้ในศาสนาพุทธ เช่น พวกพระเครื่อง ตะกรุด สร้างวัดเจดีย์ บันไดนาค เข้าทรง ผ้าป่า สังฑทาน ทอดกฐิน พระธาตุ งานวัดต่างๆ สู้แบบที่คุณน้ำใสบรรยายมาไม่ได้เลย คุณน้ำใส เก่งจริงๆ คือกล้าตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา <o></o>
<o></o>
Stefan อยากให้ศาสนาพุทธเสื่อมมาก ๆ ศาสดาพุทธเสื่อมมากจริงๆ ไสยศาสตร์ก็มี พระไม่บริสุทธิ์ วัดสร้างกันมาก เรี่ยไรเงินเพื่อสร้างวัตถุมากเกินเหตุ แม้แต่ศาสนาอื่นก็มีไม่น้อย แต่ว่าพระเจ้าที่อยู่เบื้องบนท่านเป็นกลาง ไม่มุ่งศาสนาใดๆ บริสุทธิ์ สะอาด สุภาพ รักมนุษย์ยิ่งชีวี การพิพากษาโทษมนุษย์มีแน่นอน การให้รางวัลกับมนุษย์ที่ทำคุณงามความดีก็มีอย่างแน่นอน ด้วยตัวตนของพระเจ้าที่แท้จริง เบื้องบนมีกฎบัญญัติอย่างแน่นอน เรื่องอาหาร ต้องไม่มีเนื้อสัตว์<o></o>
<o></o>
Stefan มาจากนรกจริง ที่นรกมีพระเจ้าจริงๆ เชื่อเถิด สร้างทุกสรรพสิ่งได้จริง ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดก็เคลื่อนคล้อยมาจากองค์ความรู้ของท่าน ดาวเทียมจะใช้การไม่ได้หรอก ถ้าพระเจ้าไม่ใช้พลังงานจากเบื้องบนช่วยให้เกิดการใช้งานได้ ปัจจุบันสวรรค์ไม่ล้าสมัยหรือเป็นแบบเทพเจ้าย้อนยุคแบบโบราณอย่างที่มนุษย์เข้าใจกัน ข้างบนทันสมัย สวยสดงดงาม ล้ำยุค ในรูปแบบใหม่ทั้งหมด เรื่องสร้างสรรค์นี่มาจากน้ำมือของพระเจ้าจริงๆ<o></o>
<o></o>
Stefan เคยโดนตอนมาก่อนชอบมาก อยากจะบอนไซศาสนาพุทธบ้าง ถ้าจะใช้ห้างสรรพสินค้ามาสอนธรรมะ ทางรัฐบาลควรจะมีนโยบายหยุดการก่อสร้างวัด ซึ่งชอบเรี่ยไรเงินประชาชนกันเป็นประจำ วัดมีอยู่มากมายเกินความจำเป็น กฐิน ผ้าป่า เบียดเบียนเงินประชาชนทุกๆปี ภาษีรัฐบาลก็นำไปจุนเจือวัดซะมากมาย<o></o>
<o></o>
Stefan อยากให้คนเลิกปฏิบัติเพื่อพิสูจน์อริยสัจ คุณ jirang ตอบได้น่าเกลียดมาก แล้วยังอาศัยหนังสือมาบอกเล่าอีก
สีเขียวเป็นสีของธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้ายังสีเขียวเลย
การอ่านหนังสือ ต้องใช้วิจารณญาณบ้าง
เชื่อไปหมดไม่ได้หรอก คนปฏิบัติ เสียขวัญกันหมด<o></o>
<o> </o>
<o></o>
Stefan แค่อยากให้ทุกคนเลิกนับถือศาสนากันก่อน ศาสนาทุกศาสนาดีเหมือนกันหมด คิดให้เป็นกลางๆดีกว่า แต่มนุษย์ใช้ผิดเพี้ยนกันไปเอง แยกแยะ แบ่งพวก คิดดี ทำดี จิตได้กุศลกว่าเยอะ ง่ายๆ เข้าใจดี ไม่ต้องใช้ศัพท์ธรรมะ มานั่งเสวนากันให้เหนื่อยยาก คนที่อยากศึกษาจะมีความรู้สึกรักในการเรียนรู้ด้วย ทุกวันนี้ในเว็ป มักจะอวดความรู้กันมากกว่า<o></o>
<o> </o>
<o></o>
Stefan แค่อยากให้คนไทยไร้สิ่งยึดหนี่ยว มนุษย์ก็ช่างคิดช่างทำ ช่างกำหนด วัตถุทั้งหลายเป็นของนอกกายทั้งนั้น
มนุษย์ช่างคิดหาวิธีการสะสม บูชานั่น บูชานี่ แล้วก็เอาเงินเข้ามาเป็นตัวช่วย ผลประโยชน์ก็เข้ามา มนุษย์ชอบการครอบครอง แพร่หลายไปทั่ว เป็นภาระในการเก็บ บูชา
ที่สำคัญก็คือ ทำดีก็พอแล้ว
บางครั้ง พระธาตุ ก่อเกิดกิเลส เกิดการแย่งชิง<o></o>
<o> </o>
Stefan แค่อยากให้พุทธศาสนิกชนเลิกทำบุญ เข้าห้างฯไม่ต้องกลัวโดนเรี่ยไรเงิน
เข้าวัดมีสิทธิ์เสียเงินมากกว่า เผลอๆเสียเงินก้อนใหญ่โด เพื่ออนาคต ชาติไหนไม่รู้ ชาวบ้านกลัวซองขาวกันมาก
น่าจะมีการควบคุม
เอาไปฝากออมทรัพย์ส่วนตัวกันเยอะแยะ
พนักงานธนาคารเขาก็รู้กัน<o></o>
<o> </o>
<o></o>
Stefan ต้องการหลอกคนปัญญาอ่อน ของจริง ไม่มีใน พระไตรปิฎก<o></o>
<o> </o>
<o></o>
Stefan คิดว่าตนฉลาด ปฏิบัติการตัดที่ยอด ศาสนาเป็นศูนย์ นิพพานไม่มี...<o></o>
<o></o>
Stefan ไม่ต้องการให้มีพระบวชใหม่ ลงหน้า 1 หนังสือพิมพ์บ่อยๆ พระเข้าโรงแรม พระดูหมอ พระนะหน้าทอง พระเสพยา พระแต่งตัวออกเที่ยวกลางคืน พระประกอบกามกิจในวัดมากมายโอ๊ยสารพัด หน้าละอายจริงๆ
บางครั้งสังคมบ้าน สังคมครอบครัว สังคมเพื่อนฝูง เด็กวัยรุ่นไปดูคอนเสิร์ตยังน่าไว้วางใจกว่าการเข้าไปอยู่ในวัดซะอีก
พระเผยแพร่โรคเอดส์มากมายจริงๆ<o></o>
<o> </o>
Stefan ต้องการทำลายสถาบันกษัตริย์ด้วย แต่กำลังรอโอกาส ในหลวง ท่านทรงเมตตา และรัก นายกทักษิณ มากๆจริงๆ<o></o>
<o> </o>
Stefan อยากให้คนรู้จัก แต่ <o></o>
<o> </o>
stefan ยากนักที่คนจะเข้าใจ <o></o>

stefan น่ารากๆ ถ้ารู้จักเข้าใจ Stefan<o></o>
<o> </o>
stefan เป็นหนึ่งเดียว กับนรก
stefan คือความจริงลวง
Stefan เหนียวแน่นในตัวตน
stefan เปิดเผย<o></o>
<o> </o>
stefan ไม่มีตัวตน<o></o>
<o> </o>
Stefan เป็นผู้ตรวจการกระทู้แห่งชาติ แต่ ไม่ใช่ ชาติไทย<o></o>
<o> </o>
Stefan จะถ่ายทอดความรู้จากนรกให้เรื่อยๆแต่ว่าต้องค่อยๆปล่อยนะ<o></o>
<o> </o>
<o></o>
<o> </o>
<o> </o>

 

อืมมม

ข้าพเจ้าคิดว่ามันเป็นมุมมองของท่านนะที่มองแบบนั้น แต่เรื่องทำบุญแล้วหวังผลว่าจะได้อย่างนั้นอย่างนี้สำหรับข้าพเจ้าแล้วเป็นเรื่องปลีกย่อยมาก ซึ่งอันที่จริงท่านควรจะศึกษาพุทธศาสนาให้ละเอียดขึ้นซักนิดจะดีกว่านี้ การที่ท่านมองว่าแต่ละสำนักมักโต้แย้งกันถึงแนวทางการปฏิบัติว่าอย่างนั้นดีอย่างโน้นดี ท่านจึงสรุปว่าความรู้จักพอในการปฎิบัติจึงไม่มี ถ้ามอง ณ สภาพที่เห็นๆกันอยู่ ข้าพเจ้าคิดว่าการสรุปอย่างนั้นจริงทีเดียว แต่ท่านไม่ควรลืมที่จะคิดว่า คนพวกนั้นจริงๆแล้วก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแต่ได้ศึกษามามากเท่านั้น ว่าแต่แก่นสารเลย แม้แต่กระพี้เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป ข้าพเจ้ามีเพื่อนที่เคยโต้แย้งเรื่องนี้อยู่เหมือนกันว่า ถ้าพุทธศาสนาดีจริงแล้วทำไมพระถึงมั่วสีกา พระถึงได้กินเหล้า ความจริงแล้วน่าจะคิดกันได้ว่า คน หรือ ศาสนา กันแน่ที่ไม่ดี
อยากบอกว่า คนที่เขาถึงแล้วไม่อยากจะไม่พูดคำอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ เพราะมองว่าใครถึงยังมาไม่ถึง ต่อให้เขามีอายุ 5 พันล้านปี และมีความฉลาดมากกว่าไอน์ไตน์ 1 ล้านเท่า ใช้เวลานั่งฟังเท่าอายุ ก็ไม่อาจเข้าใจได้อย่างท่องแท้ ถึงแม้เขาจะบอกว่าเข้าใจ แต่ความเข้าใจของเขาจะเป็นไปในรูปแบบประสบการณ์ตัวเองที่เคยประสบมาเท่านั้น
เรื่องการทำบุญแล้วถามว่ามีใครจด และติดตามไปทุกที่หรือไม่ ข้าพเจ้าแนะนำไปดูหนังสือของ นายแพทย์ประสาน ต่างใจ ชื่อหนังสืออะไรข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าท่านนี้ศึกษาเรื่องโครงสร้างสนามแม่เหล็กที่อยู่รอบตัวมนุษย์ ที่แปรสภาพไปตามการกระทำของมนุษย์ จำได้ว่าท่านศึกษาแบบเห็นจริงได้ด้วยวิทยาศาสตร์เสียด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็อยากรู้เหมือนกันว่า นอกจากภาวะที่ไม่อาศัยการปรุงแต่งใดๆแล้ว จะมีภาวะใดอีกหรือที่สุดยอดไปกว่านี้ และการปฏิบัติเพื่อการไม่ปรุงแต่งใดๆแล้ว มีอะไรที่จะต้องเติมเต็มอีกหรือ

 

555555555

พอแล้วหนอข้าพเจ้าไม่จะไม่แย้งกะท่านอีกแล้ว ข้าพเจ้าพอแล้ว พอแล้ว พอแล้ว

 

การทำบุญเพื่อหวังผลเป็นพื้นฐานของมนุษย์จริงๆ

ไม่งั้นมนุษย์จะเข้าวัดกันทำไมทุกวันนี้ไปเที่ยวที่สนุกสนานไม่ดีกว่าหรือ

อันนี้เป็นพื้นฐานของมนุษย์ทั่วๆไป

แต่สำหรับผู้ที่ปฏิบัติอย่างพวกคุณก็เพียงหวังแค่นิพพานกับพุทธภูมิสำหรับตัวเองเท่านั้นเพราะว่าปฏิบัติด้วยตัวเองไม่สามารถปฏิบัติเพื่อคนอื่นได้

ทำไมการให้ความรักแก่คนทั้งโลกนี่มันผิดศาสนาพุทธหรือเปล่า

การให้ความรักที่ไม่หวังผลตอบแทนนี่มันทำให้ตกนรกหรือ

ทำไมเราไม่ปลดปล่อยจิตใจของเราให้กว้างไกล

ไม่จำกัดขอบเขตเฉพาะในศาสนาของเรา

ไม่จำกัดขอบเขตเฉพาะในบ้านในจังหวัดในประเทศของเรา

 

stefaโพสต์เพื่อให้คนอ่านกันได้ทุกๆวัยและทุกระดับ

ไม่ใช่มาเล่นตัวเลขคำนวณศัพท์แสงต่างๆ

แล้วก็ไม่ได้หวังให้มนุษย์ยกเลิกการนับถือศาสนา

แต่การนับถือศาสนาในหัวใจน่ะถูกต้องแล้ว

มนุษย์ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจ

ศาสนาก็เป็นสิ่งสร้างสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าทรงภูมิใจ

ทุกคนในที่นี้ที่ปฏิบัติอยู่ก็มีความภูมิใจในสิ่งที่ตนเองปฏิบัติมา

ผลแห่งการปฏิบัติก็ให้ผลที่สร้างความปิติให้แก่จิตใจ

เปรียบเสมือนมนุษย์ยึดติดบ้านยึดติดครอบครัวสวมใส่เสื้อผ้า

เพราะฉะนั้นการที่นับถือศาสนาก็เป็นความอบอุ่นใจเพิ่มเติม

บางครั้งบางครอบครัวก็ยังนับถือได้หลายศาสนาในครอบครัวเดียวกัน

ต่างจิตต่างใจต่างความเชื่อกัน

 

ย่องมาอ่านครับ...

 

stefaไม่ได้คิดที่จะมาโม้โอ้อวดความรู้

stefaคงไม่ใช้เวลาไปในทางที่เปล่าประโยชน์

ถ้าเรื่องที่stefaพุดมาทั้งหมดไม่เป็นความจริง

stefaไม่เคยพักผ่อนนอนหลับเลย

stefaทำงานตลอดเวลา

เวลาstefaเข้ามาโพสต์ทุกคนคิดว่าstefaก็เหมือนคนทั่วๆไป

stefaอธิบายความจริงให้รู้ว่าstefaมาจากไหน

ทุกคนไม่เชื่อแต่กลับเชื่อในภูติผีวิญญาณเป็นต้น

stefaมีเวลาจำกัดที่จะเข้ามาในเว็ปนี้

เวลาที่มีอยู่ไม่มากนี้ก็จะเปิดเผยเรื่องราวความลับแต่พอสังเขปเท่านั้น

หลังจากนั้นstefaก็จะไปปฏิบัติหน้าที่ในรูปแบบใหม่

stefaไม่ได้เข้ามาโพสต์เฉพาะตัวคนเดียวโดดๆ

stefaมีทีมงาน100คนในมิติคู่ขนานคอยเปิดช่องว่างในเว็ปให้

ทีมงานคอยตรวจสอบข้อความและวิเคราะห์ตีความหมาย

ทุกคนที่เปิดเข้ามาอ่านจะต้องผ่านกระบวนการของทีมงานหมด

เหตุผลก็คือเพื่อดูความสุขรูปแบบไหนที่มนุษย์ต้องการจริงๆ

เพื่อการเปลี่ยนแปลงพลังงานในรูปแบบใหม่

และเพื่อการกระทำในรูปแบบที่เป็นนามธรรมวัตถุธาตุต่างๆ

ส่งป้อนลงมาจากเบื้องบน

stefaทำงานเพื่อมวลชน

stefaไม่ได้ทำเพื่อคนกลุ่มเดียว

 

"ขอจงอย่าพ่ายแพ้"แต่ก็อย่าหวังชัยชนะ

ค่อยๆเดินทางไปเรื่อยๆสะสมความดีงาม

ผลแห่งความสำเร็จจะไม่ไกลเกินเอื้อม

อย่าท้อแท้แล้วก็อย่าสิ้นหวัง

อย่าคิดว่าเรามางัดข้อมาขัดแย้งกัน

กระทู้ในwebsideให้ทัศนะให้อารมณ์ให้ความรู้ที่หลากหลาย

การอ่านหนังสือจะได้แค่"ฟังความข้างเดียว"ทดลองข้างเดียว

การศึกษาปริญญาบัตรตำแหน่งดร.อาจารย์ทั้งหลายเป็นรูปแบบของมนุษย์

stefaไม่กล้าเอามาเปรียบเทียบหรอก

stefaให้เกียรตินะเพราะทุกคนต่างก็เป็นคนดี

ทุกคนมีความหวังดีต่อมนุษย์โลกทุกคน

แต่มีเรื่องอีกหลายเรื่องที่โพสต์มาแล้วอาจจะไม่ตรงกับของอาจารย์บ้าง

มนุษย์ต้องถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ตนเองรู้และศึกษามาจะถูกต้องหมดทุกเรื่อง

อาจารย์สอนนิสิตนักศึกษาแต่อาจารย์ก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วย

แล้วก็นำไปพิจารณาไตร่ตรองดูให้ดี

 

ลูกหนอนชอบคุณ stefa มากๆ มีความเป็นกลางดี ไม่เข้าข้างศาสนาใดๆ อ่านดูมาทั้งหมดแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งชอบ แล้วก็เข้าใจดี อยากรู้จักนะ แต่คงยาก ไม่อยากให้ไปไหนเลย แต่รู้สึกว่ามีคนไม่เข้าใจคุณstefaเยอะ จุดยืนดีมาก ไม่เดินตามอย่างใครๆ มีเหตุผลดีจริงๆ รักมากๆด้วยล่ะ

 

บางสิ่งบางอย่างที่คิดและเข้าใจอาจเข้าใจถูก แต่บางสิ่งบางอย่างที่คิดและเข้าใจอาจเข้าใจไม่ถูก ถ้าไม่ใช่ผู้รู้จริงในสัจธรรม ยังต้องศึกษาต้องมีปัญญาเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด การมีความรักเมตตากว้างไกลเป็นสิ่งที่ดีมากไม่ได้เกิดกับใครง่ายๆ การทำบุญให้ทานก็มาจากความรักความเมตตาทำให้เป็นผู้ให้ได้ การทำบุญคือการให้เช่นกัน แต่การให้นั้นจะมาจากความรัก ความเมตตา ความเสียสละ หรือมาจากการต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน หรือการตอบแทนจากการทำบุญนั้น ก็แล้วแต่จิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะสรุปว่าทุกๆคนทำบุญเพื่อหวังผลทุกคนไม่ได้ แต่ละคนมีกิเลสมากน้อยไม่เท่ากัน ช่วยกันพิจารณาก่อนเชื่ออะไรง่ายๆ