พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ทรงแนะนำทักษะรักการอ่าน
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=186785&NewsType=1&Template=1

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในการเสด็จฯทรงวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนรวมและปฏิบัติการทางการแพทย์ พร้อมทอดพระเนตรแบบจำลองการก่อสร้างอาคารและนิทรรศการ จิตอาสาและการรักการอ่าน ณ รพ.ชลประทาน (ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เนื่องใน
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">นับถอยหลังพลังงานน้ำมัน
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=international&content=117384
    [2 ม.ค. 52 - 00:45]

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>


    [​IMG]พุทธศักราช 2539 บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส จำกัด ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ากลุ่มแรกของโลกอย่างเป็นกิจจะ ลักษณะภายใต้รุ่น EV1 ซึ่งย่อมาจาก Electric Vehicle 1 รถยนต์กลุ่มนี้ถูกนำมาทดสอบให้วิ่งบนถนนในรัฐแคลิฟอร์เนีย
    รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากลุ่มนี้ไม่ใช่ยานพาหนะที่วิ่งได้ช้านะครับ แต่เป็นรถยนต์ที่ให้ความเร็วปกติเฉกเช่นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือก๊าซทั่วไป ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตโดยเจนเนอรัล มอเตอร์สกลุ่มนี้ สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ไมล์ต่อชั่วโมง ไปจนถึง 65 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 9 วินาที
    รถพลังงานไฟฟ้ากลุ่มนี้ ไม่มีเสียงดัง วิ่งเรียบเงียบสนิท ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซของเสียอื่นใดสู่ บรรยากาศ
    รถยนต์พลังงานไฟฟ้าชุดนี้ ไม่มีแม้แต่ ท่อไอเสีย
    รถยนต์ประเภทนี้ไม่มีการแวะปั๊มเพื่อเติมพลังงาน ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในขณะที่ท่านปฏิบัติภารกิจจับจ่ายใช้สอยซื้อของตามห้างสรรพสินค้า ก็สามารถชาร์จพลังงานได้
    เจนเนอรัล มอเตอร์สไม่ขายให้กรรมสิทธิ์รถชุดนี้ เพียงแต่ให้เช่าเป็นระยะเวลา 10 ปี สัญญาเช่า 3,650 วันพอดีไม่มีขาดเกิน
    เมื่อครบวันเวลาตามสัญญา บริษัทไม่ต่อสัญญาเช่า แต่นำรถไปทำลายทิ้ง ใช้เครื่องบดกดขยี้จนบี้แบนไปทุกคัน
    ผู้ใช้ยานพาหนะรุ่น EV1 ทั้งหลายต่างติดใจและรู้สึกสำนึกรักหวงแหน จึงรวมตัวกันต่อต้านไม่ให้มีการทำลายรถ ยนต์รุ่นนี้ มีการรณรงค์ครั้งใหญ่ด้วยการร่วมใส่เสื้อยืดที่มีข้อความ Save the EV1 แต่เจนเนอรัล มอเตอร์สก็ไม่อินังขังขอบ ไม่สนใจ
    บั้นปลายท้ายที่สุด รถยนต์ชุดนี้ทุกคันก็ถูกทำลายไปจนสิ้น

    พุทธศักราช 2417 บริเวณแผ่นดินด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีการก่อร่างสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา ชื่อว่าเมืองแพซาดีนา ผู้คนที่โยกย้ายถิ่นบ้านเรือนไปอยู่ในเมืองใหม่เอี่ยมอ่องนี้ เป็นพวกที่มีความสามารถและทักษะทางเทคโนโลยีสูง ต่อมาก็มีการก่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องมือเครื่องใช้สมัยใหม่ แพซาดีนาเป็นชื่อเมืองที่มีโรงงานผลิตเครื่อง มือเครื่องใช้ที่มีความเที่ยงตรงสูงที่สุดในสหรัฐฯ
    พุทธศักราช 2434 รัฐบาลอเมริกันจึงตั้งสถาบันชั้นสูงทางเทคโนโลยีขึ้นที่นี่ ชื่อว่าสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย เป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงมากจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้
    พุทธศักราช 2540 บริษัทนิสสันนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Hypermini มาแสดงในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ปรากฏว่า ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก แต่เมื่อถลาเข้าไปเพื่อสอบถามราคากะว่าจะซื้อไว้ใช้ บริษัทนิสสันแจ้งว่า รถทั้งหมดทั้งปวงที่ผลิตขึ้นมาในลอตนี้ไม่มีการนำมาออกขาย แต่จะให้หน่วยงานเช่าเหมาลอตเพื่อนำไปใช้ในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
    ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ พุทธศักราช 2540 นายกเทศมนตรีและข้ารัฐการท้องถิ่นจากเมืองแพซาดีนาสนใจในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Hypermini ของบริษัทนิสสัน จึงทำสัญญาเช่ารถรุ่นนี้ยกลอต และนำไปให้ข้ารัฐการของท้องถิ่นของตนใช้
    Hypermini วิ่งได้ดีไม่มีข้อบกพร่อง เป็นที่ชื่นชอบประทับใจของผู้ใช้และผู้ พบเห็น เทศบาลเมืองแพซาดีนาเองได้รับชื่อเพิ่มเติมในเรื่องการแก้ไขปัญหา มลภาวะและในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม
    พุทธศักราช 2549 เมื่อสัญญาการเช่ารถรุ่น Hypermini สิ้นสุดลง เทศบาลเมืองแพซาดีนาต้องการเช่าต่อ หรือไม่ก็ขอซื้อเป็นกิจจะลักษณะ ทว่า บริษัทนิสสันไม่ยอมขายหรือให้เช่าต่อ แถมยังบังคับให้ขนรถยนต์ ทั้งหมดกลับไปทำลายในญี่ปุ่น

    พุทธศักราช 2546 โตโยต้า มอเตอร์ ตัดสินใจเข็นรถพลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน สี่ล้อรุ่น RAV4-EV หรือ EV-Electric Vehicle ออกมาสู่สายตาสาธารณชน ผู้คนสนใจจะซื้อไปใช้กันมาก แต่โตโยต้าไม่ขาย เพียงแต่ให้เช่าเป็นเวลา 2 ปีเท่านั้น
    [​IMG]
    เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าใน พ.ศ.2548 โตโยต้าสั่งเก็บรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ให้เช่าไปทุกคัน เพื่อนำไปทำลายทิ้ง แต่มีผู้เช่าบางส่วนในอเมริกาลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยการจัดตั้งองค์กร​
     
  3. กุ้งมังกอน

    กุ้งมังกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,181
    สวัสดี อ่ะ อ่ะ.. สวัสดี โอ๊ะ โอ๊ะ.. สวัสดี ..ปีใหม่
    ขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดปี มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป มีโชคตลอดกาล นะครับ
    ส่วนท่านประทาน (หนุ่ม) ขอให้เป็นคนที่ไม่ยอมแก่ตลอดปีฉลู นะครับ
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อยู่เวรรึเปล่าครับท่านกุ้ง หุ หุ
     
  5. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ปีใหม่สวัสดี
    ขอพี่พ้องน้องเพื่อน
    เคลื่อนผ่านเภทภัย
    วัฏฏสงสารใหญ่
    ด้วยธรรมนำพา

    [​IMG]
     
  6. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ช่วงบ่าย ไปกราบและถวายปัจจัย หลวงพี่เล็ก (พระครูธรรมธรเล็ก สุธัมมปัญโญ)
    ที่บ้านอนุสาวรีย์ ครับ มีลูกศิษย์มามาก จนไม่มีทางเดินเลย ครับ

    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  7. drmetta

    drmetta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +752
    สวัสดีปีใหม่ครับ ท่านพี่ๆ น้องๆ สมาชิกชมรม พระวังหน้า รวมทั้ง ผู้ที่เห็นธรรม, ผู้ที่กำลังจะเห็นธรรม และผู้ที่กำลังค้นหาธรรม ทั้งหลาย

    ผมแนบภาพที่เราคนไทยในต่างแดนปฎิบัติร่วมกันในต่างแดน
    ภาพเมื่อวานนี้ที่ วัดพทุธประทีป กรุงลอนดอน



    ในภาพทั้งไทย และเทศ ทำบุญร่วมกัน ท่ามกลางอุณหภูมิ ศูนย์ องค์ศา ซึ่งตอนหน้าร้อนสระน้ำสวยงาม แต่เมื่อวานนี้ กลายเป็นน้ำแข็งไมหมด สงสารเป็ดที่ต้องอด ว่ายน้ำเล่น แค่เดินเล่นได้บมผิวน้ำ(แข็ง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.8 KB
      เปิดดู:
      84
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.3 KB
      เปิดดู:
      84
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.8 KB
      เปิดดู:
      73
  8. drmetta

    drmetta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +752
    ผมพาครอบครัวไปร่วมกับ พี่น้องคนไทย และชาวต่างชาติ ตั้งแถว ที่จะทำบุญตักบาตร์พระสงฆ์ นำโดย ท่านเจ้าคุณพระราชวิมลภาวนา(วิ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ และเจ้าอาวาสวัดพุทธประทีป หัวหน้าพระธรรมฑูต พร้อมทั้งพระลูกวัดอีก ๙ รูป บวกเณรชาวอังกฤษที่เพิ่งบวชอีก ๑ รูป จะเห็นได้ว่า พุธศาสนา สอนให้คนทั่วไปทำความดีร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนม เชื้อชาติใด ก็สามารถปฎิบัติธรรมได้ทั้งนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10 KB
      เปิดดู:
      73
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14 KB
      เปิดดู:
      95
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.3 KB
      เปิดดู:
      83
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14 KB
      เปิดดู:
      96
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.1 KB
      เปิดดู:
      86
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.6 KB
      เปิดดู:
      85
  9. drmetta

    drmetta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +752
    ตกบ่ายช่วยวัดเก็บวาดเรียบร้อย จะเห็นสถานที่ว่างตรงหัวมุมโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์นั้น จะเป็นที่ ที่ก่อสร้างหอระฆัง ที่ผมขอรับอาสา จะจัดหา ทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง คุณสิทธิพงศ์ ได้กรุณามอบพระสมเด็จวังหน้าผงจินดามณี ๑๐๐ องศ์ เพื่อใช้ในการหาทุน ตอนนี้ผมยังไม่ได้บอกบุญที่ใด แบก่อสร้าง ออก แบบโดย อาจารย์พิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ เรียบร้อบแล้ว กำลังดำเนินการขออณุญาติก่อสร้างอยู่ คาดว่าประมาณเมษายนคงได้ดำเนินการได
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 91.jpg
      91.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.4 KB
      เปิดดู:
      88
    • 92.jpg
      92.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.8 KB
      เปิดดู:
      88
    • 93.jpg
      93.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.6 KB
      เปิดดู:
      81
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อ่า ชอบไม่แก่ครับ แถมชอบทานกุ้งมังกรอีกต่างหาก เหอๆๆๆๆ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ว.วชิรเมธี-ท่านจันทร์-พระไพศาล-พระพงศ์นรินทร์” มอบมงคลชีวิต...รับปีฉลู
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000153288
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 มกราคม 2552 08:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เปิดศักราชใหม่ท่ามกลางความหนักใจกันถ้วนทุกคน ภายหลังการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เศรษฐกิจทั้งหลายว่า “ปีฉลู” ที่มาถึงจะมาพร้อมกับความฝืดเคืองและการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทั้งยังรวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมือง และสังคมก็ยังคุกรุ่นอยู่

    แต่อย่างไรก็ตาม คนไทยก็จำต้องผ่านวิกฤตนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ และ หนทางที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นใช้ชีวิตในปี 2552 นี้ คือ การน้อมนำพระพุทธศาสนาเข้ามาไว้ประจำใจ เป็นธงในการดำเนินชีวิต และเนื่องในวาระดิถีรับปีใหม่นี้ พระนักเทศน์และพระนักพัฒนาชื่อดัง ก็ได้อำนวยพรฝากไปยังพุทธศาสนิกชนทุกท่านให้นำมาปรับใช้เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจฝ่าฟันสารพัดปัญหาที่จะมาถึงนี้ให้ผ่านพ้นไปได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=265 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=265>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ** “มองลึก นึกไกล ใจกว้าง” พรปีใหม่จากใจท่าน ว.
    พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ได้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตด้วย พรปีใหม่ที่อยากจะมอบให้แก่ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย ที่มีด้วยกัน 3 ข้อที่อยากจะให้ยึดถือและปฏิบัติตาม คือ “มองลึก นึกไกล ใจกว้าง” โดยสามารถขยายความได้ว่า...

    มองลึก คือ เมื่อมองไปที่สิ่งไหนก็ตามต้องมองไปที่สาระ แก่นที่แท้จริงของสิ่งๆ นั้น เช่น หากมองการเมือง โดยแก่นแท้คือการสร้างผลประโยชน์ที่จะต้องอยู่กับประเทศชาติ และประชาชน ไม่ใช่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน หากมองการศึกษา แก่นแท้คือเส้นทางของการเกิดปัญญา ไม่ใช่มองแค่ว่าการมีอำนาจ หน้าที่โดยอาศัยเพียงแค่ปริญญาบัตร

    นึกไกล คือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่าเอาแต่ความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ควรนึกอยู่เสมอว่า ในขณะที่ตัวเองนั้นได้อะไร แล้วคนอื่นได้รับอะไร... หรือการถามว่า “ฉันควรจะได้อะไร” มากกว่า การถามว่า “ฉันได้อะไร”

    ใจกว้าง คือ ควรพร้อมในการใช้ชีวิตร่วมกับความแตกต่างหลากหลาย ทั้งความคิด ความเชื่อ ศาสนา ผิวพรรณ วัฒนธรรม และเพศ ขอให้คิดว่าเป็นเสน่ห์ของการใช้ชีวิตอยู่บนโลกแห่งนี้ พร้อมทั้งให้ตระหนักเสมอว่า “ยอมรับจุดต่าง แสวงหาจุดร่วม” คือให้ยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่าคนเรามีความแตกต่างกันเป็นพื้นฐาน จึงไม่ควรนำความแตกต่างมาใช้เพื่อให้แตกความสามัคคีกัน อีกทั้งการแสวงหาจุดร่วมอันเดียวกัน คือการใช้ชีวิตด้วยท่าทีแห่งเมตตาและไมตรีต่อคนทั้งโลก หากตระหนักได้ถึงจุดนี้ได้เมื่อไร คนไทยก็จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขมากขึ้น

    สุดท้าย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ยังฝากถึงข้อควรระวังสำหรับประชาชนคนไทยในการดำเนินชีวิตในปีใหม่นี้ไว้อีกว่า สิ่งที่อยากจะฝากเตือนเพื่อให้คนไทยได้ระวังนั้นมีอยู่ 6 ข้อ อันได้แก่ 1.ระวังอย่าให้การเมืองนำไปสู่ความรุนแรง 2.ระวังอย่าใช้จ่ายเกินตัว 3.ระวังอย่าให้เกิดความเกลียดชังของคนในชาติด้วยกันเอง 4.ระวังอย่าทำร้ายตัวเองเมื่อต้องประสบกับมรสุมชีวิต เช่น การตกงาน 5.ระวังอย่าให้ตนเองตกเป็นทาสของผลประโยชน์ จนถูกชักชวนให้เป็นแนวร่วมของคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติ และสุดท้าย 6.ระวังอย่าตื่นตกใจกับกระแสหมอดู “คอนเฟิร์ม” เพราะการกระทำของคนที่ได้ชื่อว่า “หมอดู” ต้องไม่ผิดจรรยาบรรณ โดยการทำนายทายทักผู้อื่นซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ร้องขอ เป็นการทำให้สังคมเกิดความปั่นป่วน ทั้งนี้ หากประชาชนสามารถระวังในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้เชื่อว่าการดำเนินชีวิตรับปีใหม่นี้จะราบรื่นและเกิดสันติสุขได้...เจริญพร

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ (ท่านจันทร์)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ** “ละสิ่งผิด เพิ่มสิ่งถูก ปลูกสิ่งดี ให้ชีวิต” ข้อคิดจาก ‘ท่านจันทร์’
    “ท่านจันทร์” หรือ สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ แห่งสันติอโศก ได้ให้คำแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิตไว้เช่นกันว่า ในปีใหม่คนไทยควรสร้างแต่สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้สมกับปีใหม่ ความหมายคือ การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตนเองให้เกิดการพัฒนา ซึ่ง ‘พัฒนา’ มีความหมายเดียวกับ ‘ภาวนา’ ที่แปลว่าทำให้ดีขึ้น แต่พัฒนาจะเน้นในทางวัตถุ ส่วนภาวนาจะเน้นหนักไปที่จิตใจ

    สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ คือ คนโดยทั่วไปจะคิดว่า พัฒนาคือการทำให้มากขึ้น แต่ที่แท้จริงคือการทำให้น้อยลง เช่น หากจะพัฒนาบ้าน จัดสถานที่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ต้องจัดการนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อความสบายตา เช่นกันกับการภาวนาก็คือการเอาอารมณ์ที่ไม่จำเป็นออกไปจากจิตใจทั้ง ความทุกข์ ความเครียด ความเกลียด ความขุ่นมัว หม่นหมองในใจ ให้เหลือแต่จิตใจที่บริสุทธิ์ มีพลัง

    “หากคนเราสามารถทำควบคู่ไปได้ทั้งพัฒนา และภาวนา โดยการพัฒนาภายนอก ภาวนาภายใน ทำควบคู่กันไป โดยไม่แยกส่วนก็จะเป็นการดีสำหรับการเริ่มชีวิตใหม่ในปีใหม่นี้ โดยการพัฒนาภายนอกอย่างเช่น เมื่อถึงปีใหม่หลายคนต่างก็มุ่งหน้าตั้งหน้าตั้งตาและต้องเสียเวลาไปกับการเที่ยวเตร่ ต้องแออัดยัดเยียดกันบนท้องถนน ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ความจริงเราน่าจะนำเวลาวันหยุดยาวเป็นเพื่อพัฒนาบ้านเรือน เพื่อพัฒนาบ้านเก่าให้ใหม่กว่าเดิม จากที่เคยรกรุงรัง ก็จัดการให้เป็นระเบียบ ทำสิ่งที่เก่าให้มีคุณค่า คนที่ฉลาดจริงคือคนที่ไม่ไปหาสิ่งใหม่แต่เป็นการทำสิ่งเก่าให้มีคุณค่าใหม่ นั่นคือความใหม่ที่แท้จริง” ท่านจันทร์บอก

    ในด้านครอบครัว ท่านจันทร์ยังแนะแนวทางไว้อีกว่า คนที่คิดว่าปีใหม่อยากมีแต่สิ่งใหม่ มีภรรยาใหม่ มีสามีใหม่ ความจริงก็ไม่ใหม่ แต่กลับเป็นการเพิ่มความทุกข์ให้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่ทั้งคู่สามีภรรยายังเป็นคนเดิมแต่ปรับเปลี่ยนท่าทีใหม่ที่ไม่เคยทำซึ่งกันและกันจะเป็นการดีที่สุด เช่น ไม่เคยส่งยิ้มให้กันก่อนออกไปทำงานตอนเช้าก็หันมายิ้มให้กัน ระหว่างกินข้าวไม่เคยตักอาหารป้อนกันก็ตักให้กัน ไม่เคยเอื้ออาทรลูก ก็เอื้ออาทรกันบ้าง

    “สิ่งเหล่านี้จะเริ่มต้นได้ต้องมีการตั้งเป็นสัจจะอธิฐาน ว่าตัวเองต้องเป็นคนแรก ที่เกื้อกูล และเสียสละเพื่อคนอื่น โดยไม่ต้องมองไปนอกบ้าน ให้เป็นคนแรกของคนในบ้านนั่นแหละ ปกติคนเราจะเกิดความเคยชิน จนนำไปสู่ความชินชา บางครั้งเรามองว่าคนในครอบครัวเป็นเหมือนของตาย ยังไงก็ได้ จึงไม่ค่อยทำอะไรให้กัน เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะเริ่มด้วยการทำความดีเล็กๆ แต่เป็นการทำที่ต่อเนื่อง ปีใหม่นี้ตั้งใจจะทำอะไรซักอย่างก็ได้ แต่ทำอย่างต่อเนื่อง เช่น เงินที่เคยหมดไปกับอบายมุขก็ให้ตัดไว้ให้กับลูกเมียบ้าง ถึงไม่ได้เต็มร้อยก็ลดลงมาส่วนหนึ่ง พยายามทำอย่างนี้ให้ได้ทั้งปี ถ้าทำไม่ได้ก็จะเป็นการล้มเหลวในความตั้งใจ แต่หากทำได้ก็จะสร้างให้เกิดกำลังใจนำไปสู่การทำเรื่องอื่นๆ ที่ดีในอนาคตต่อๆ ไป”ท่านจันทร์ฝาก

    สุดท้ายท่านจันทร์ ยังให้ข้อคิดเตือนใจไว้ว่า เศรษฐกิจปี 2552 นี้จะมีปัญหาแน่นอน และวิธีการที่จะอยู่ได้ท่ามกลางภาวะผันผวนดังกล่าวคือการเป็นคนใหม่โดยไม่ซื้อของใหม่ ใช้ของที่จำเป็น ซึ่งเราต้องจัดการกับนิสัยลูกอีช่างซื้อ ให้มีการยับยั้งชั่งใจ “มีสติก่อนใช้สตางค์ อย่าใช้สตางค์ก่อนตั้งสติ เพราะพอหมดสตางค์ก็ไม่ค่อยมีสติ” ดังนั้นจึงอยากให้มีการพิจารณาทบทวน ไตร่ตรอง อย่าใช้เงินเพื่ออัตตา (ตนเอง) พยายามใช้เงินเพื่อส่วนรวมบ้าง เพื่อการกุศลเชื่อว่าหากทำได้เช่นนี้เราจะมีการบังคับตนเองมากขึ้น... ฉะนั้นเพื่อชีวิตที่ดีกว่า จึงอยากฝากให้ “ละสิ่งผิด เพิ่มสิ่งถูก ปลูกสิ่งดี ให้ชีวิต” เพื่อให้ประชาชนนำไปตระหนักและปฏิบัติในการเริ่มต้นปีใหม่นี้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=247 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=247>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระไพศาล วิสาโล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ** “ทำ-งาน-หนัก” คาถาแห่งความสำเร็จจาก ‘พระไพศาล วิสาโล’
    สำหรับแนวทางการดำเนินชีวิตของเยาวชน วัยรุ่นนั้น พระไพศาล วิสาโล ประธานเครือข่ายพุทธิกา และเจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ ได้มอบแง่คิดดีๆ ไว้ว่า วัยรุ่นสมัยนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวก และมีโอกาสที่จะสนุก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะเข้าถึงความสุขอย่างแท้จริงนัก แต่ถ้าคนหนุ่มสาว แสวงหาความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพิงวัตถุ โดยเริ่มจากแยกแยะความแตกต่าง ระหว่างความสนุก และความสุขให้ออกจากกันก็จะเป็นการดี

    ความสุขที่ของการเที่ยวแท้จริงไม่ใช่แค่การเสพสุข หรือการเที่ยวเตร่เสมอไป แต่เกิดจากการได้สัมผัสกับความดี เช่น ความดีจากเพื่อน พ่อแม่ เป็นต้น โดยอาจมาจากการเรียน การใช้ชีวิตในครอบครัว หรือการกระทำของตัวเองที่เป็นความเพียร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคน เกิดความสุขข้างในแทนที่จะเกิดจากสิ่งของที่เป็นแค่ความสุขชั่วคราวเท่านั้น

    “สังคมไทยตอนนี้วิกฤตมาก เพราะคนสมัยใหม่ชอบหาทางลัด ทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องออกแรง เช่น อยากได้เกรดดี ก็ไปขอเกรดจากครู ด้วยวิธีการที่ส่อไปทางไม่ดี สำหรับกรณีคนจน แทนที่จะขยันหาเงิน สร้างงาน สร้างอาชีพ กลับกู้หนี้ยืมสิน สนองความโลภ และตัณหา จนในที่สุดต้องกลายเป็นหนี้ท่วมตัว เพราะไม่รู้จักบริหารเงิน และไม่รู้ถึงความพอดี” พระไพศาลให้ภาพ

    นอกจากนี้พระไพศาลยังแนะนำอีกว่า ทางลัดที่จะสร้างอนาคต และทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ ต้องประกอบด้วย 3 คำ คือ “ทำ-งาน-หนัก” ถ้าทุกคนมีความสุข และความเพียรกับการทำงาน ชีวิตจะมีความสุขควบคู่กับความสำเร็จ แต่ทั้งนี้ต้องแยกแยะว่า ความสุข กับความสำเร็จไม่เหมือนกัน ล้มเหลวแต่มีความสุขก็มีมาก ดังนั้นจึงอยากให้เข้าใจความสุขที่แท้จริง โดยคิดถึงตัวเองให้น้อยลง แต่คิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น นั่นคือหนทางที่จะทำให้หัวใจเราใหญ่ เกิดเป็นความสุขตลอดช่วงปีใหม่ และตลอดไป...เจริญพร

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=257 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=257>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวโส</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ** ‘เปลี่ยนตัวเองเพื่อสังคม’ แง่คิดดีๆ ถึง ‘วัยโจ๋’ จาก ‘พระพงศ์นรินทร์’
    สำหรับ พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวโส จากวัดสุทัศน์เทพวราราม ในฐานะประธานโครงการ “เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ได้ให้คำแนะนำถึงการใช้ชีวิตรับปีใหม่แก่เยาวชน วัยรุ่นไว้เช่นกันว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยประสบกับปัญหามาโดยตลอด และส่วนใหญ่ตัวการของปัญหาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘ผู้ใหญ่’ ที่เป็นตัวสร้างวิกฤตภายในสังคมให้เกิดขึ้น และเยาวชนเองก็จะผู้ที่ได้รับการซึมซับกับพฤติกรรมต่างๆ เหล่านั้น

    เมื่อเป็นเช่นนี้เยาวชนซึ่งเป็นพลังของชาติในการเริ่มต้นปีใหม่ ก็ต้องเริ่มชีวิตใหม่ๆ ที่หวังจะให้เยาวชนแสดงตัวอย่างที่ดีให้ผู้ใหญ่ได้เห็นว่า พลังของเยาวชนก็สามารถสร้างความเป็นผู้นำได้ และยังจะเป็นแบบอย่างให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องมาตระหนักถึง

    ดังนั้น เยาวชน โดยเฉพาะกับวัยรุ่นทุกคนต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อตัวเอง และเพื่อสังคม อย่าคิดเพียงแค่ว่าเป็นตัวปัญหาของสังคม แต่ต้องลุกขึ้นมา “สร้างชาติ สร้างโลก ด้วยสองมือ” เพราะทุกคนมีศักยภาพในตัวเองสูง แต่สิ่งที่ขาดคือพลัง ดังนั้นต้องรวมพลัง ตั้งมั่น ตั้งสติ ประสานใจกับเพื่อนเพื่อลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ดีในช่วงโอกาสของปีใหม่นี้ เพื่อที่ในปีต่อๆ ไป สังคมจะได้มีอนาคตของชาติที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ เปรียบได้กับต้นไม้ที่คอยโอบอุ้มประเทศชาติให้หายใจได้ต่อไป

    “โลกจะพินาศ เพราะคนเห็นแก่ตัว แก่งแย่งชิงดีกัน ไม่ให้อภัยแก่กัน เพื่อให้สิ่งเหล่านี้หมดไปก็จงทำลายความเห็นแก่ตัวให้หมดสิ้น ด้วยการลุกขึ้นมาเพื่อทบทวน และเข้าใจตัวเอง เกิดจิตอาสาที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ บางคนทำดีแต่กลัว ไม่กล้าแม้กระทั้งการก้มลงเก็บขยะเพราะกลัวคนมองว่าบ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายที่วัยรุ่นต้องทำ แต่ถ้าชนะใจ และทำได้โดยไม่อาย รับรองว่า คุณเจ๋ง!! เพราะคุณกล้าจะทำสิ่งที่ดี เพื่อสังคม ถึงแม้ที่ผ่านมาผู้ใหญ่จะทำลายมันไปต่อหน้าต่อตา ฉะนั้น หน้าที่เยาวชน ต้องช่วยกันสร้างชาติ ไม่เพื่อใคร แต่เพื่อโลกของเรา” พระมหาพงศ์นรินทร์อธิบาย

    นอกจากนี้ สิ่งที่พระมหาพงศ์นรินทร์ เป็นห่วงที่สุดมีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ พ่อแม่ ครูอาจารย์ที่ขาดความสนใจ และเอาใจใส่หัวใจของวัยรุ่น บ้างเลี้ยงลูกแต่กาย แต่ไม่เลี้ยงด้วยหัวใจ ยัดเยียดแต่วิชาความรู้เพื่อทำคะแนน ทำเกรดตามที่พ่อแม่คาดหวัง โดยไม่เน้นคุณธรรม จริยธรรมให้ลูก ส่งผลให้เรียนเก่งแต่เห็นแก่ตัว ส่วนอีกกลุ่ม คือ พวกประชดชีวิต เกเรแบบสุดๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วมันจะเหลืออะไร อย่างเรื่องการปล่อยเนื้อ ปล่อยตัวของหญิงสาวในปัจจุบัน ได้กลายเป็นปัญหาที่เหมือน “หมาป่าไล่งับลูกแกะ” ฉะนั้นหนทางที่จะแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ “วัยรุ่นจงเป็นลูกแกะขั้นเทพ รวมตัวกันเพื่อล้อมหมาป่าให้อยู่หมัด สร้างเครือข่ายที่จะกำจัดหมาป่าให้หมดไป”

    อย่างไรก็ตาม พระมหาพงศ์นรินทร์ ได้ฝากทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ปีใหม่ต้องเปลี่ยน และคิดอะไรที่สร้างสรรค์ โดยใช้ชีวิตในทุกๆ ด้านควบคู่กับการทำความดี โดยสื่อสารความดีที่อยู่ในตัวเองออกมาให้สู่สังคมให้มากที่สุด วัยรุ่นต้องลบคำสบประมาทที่ว่าเป็นตัวปัญหาของสังคมให้ได้ ด้วยการลุกขึ้นมาทำหน้าที่จิตอาสา ท้าทายให้ผู้ใหญ่ได้เห็น เพื่อลดความเห็นแก่ตัว สร้างความรักชาติ และแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำตัวจริง ที่ไม่ใช่เป็นเพียงผู้นำในตำแหน่งหน้าที่การงาน เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กจะเป็นผู้สร้างชาติ และสร้างโลกได้อย่างแน่นอน...เจริญพร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทำบุญ..ได้บาป อาหารใส่บาตร ทำพระสงฆ์เสี่ยงโรค...จริงหรือ?
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000153287
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 มกราคม 2552 08:49 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “คนไทยต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ จากความคิดเดิมที่เลือกอาหารใส่บาตรเพราะความชอบของญาติมิตรที่ตายไปแล้ว ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นความเชื่อโบราณ แต่อาหารบางอย่างมันส่งผลถึงสุขภาพพระสงฆ์ เพราะบางอย่างมีทั้งไขมัน และน้ำตาลมากเกินไป เช่น ผู้ตายบางคนชอบกินขาหมูติดมัน ญาติผู้ตายก็ทำบุญใส่บาตรด้วยขาหมูติดมัน ทำให้พระเสี่ยงต่อการเกิดโรค โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เพราะพระไม่สามารถเลือกฉันอาหารได้ แต่ถึงเลือกได้ก็น้อยมาก ที่จะพบอาหารเพื่อสุขภาพ” ดร.นพ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ หัวหน้าโครงการตรวจรักษาสุขภาพพระภิกษุสงฆ์หรือ “รักษ์ใจ ไหว้พระ” กล่าว

    ดร.นพ.กิติพันธ์ เล่าให้ฟังว่า ทางโรงพยาบาลได้ทราบข้อมูลเรื่องพระสงฆ์หลายรูปที่จำวัดอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ประสบปัญหาสุขภาพ เช่น เป็นความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ มีสถิติเพิ่มสูงขึ้น จึงเล็งเห็นความสำคัญของสถาบันพระพุทธศาสนา จัดโครงการ “รักษ์ใจ ไหว้พระ” เพื่อส่งเสริมและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บแก่พระสงฆ์ โดยจัดหน่วยแพทย์อาสาออกบริการตรวจสุขภาพระสงฆ์ตามวัดในกรุงเทพฯ จากการคัดเลือกของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจำนวน 82 วัด ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 ถึงเดือนธันวาคม 2551 เช่น วัดความดันโลหิต ตรวจวัดระดับไขมัน น้ำตาลในเลือด รวมทั้งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคหัวใจ พร้อมให้คำแนะเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และการป้องกัน

    “ผลสรุปการตรวจสุขภาพของพระ 78 วัด จำนวน 1,825 รูป มีพระ 345 รูป หรือ 1 ใน 5 มีความดันโลหิตสูง คิดเป็น 18.90% ส่วน 665 รูป หรือ 1 ใน 3 มีน้ำตาลในเลือดสูง คิดเป็น 36.44% และเกือบครึ่ง หรือ 1 ใน 2 จากจำนวนพระ 915 รูป คิดเป็น 50.14% มีไขมันสูงมาก ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้สูงในอนาคต ซึ่งต้องหาทางป้องกัน และแก้ไขอย่างเร่งด่วน” ดร.นพ.กิติพันธ์ให้ข้อมูล

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ จากผลการตรวจสุขภาพของพระ สามารถประเมินเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจในอนาคตได้ คือ พระ 702 รูป คิดเป็น 38.47% มีความเสี่ยงน้อยกว่า 5% ที่จะเป็นโรคหัวใจ 375 รูป คิดเป็น 20.55% มีความเสี่ยง 5-10% พระ 353 รูป คิดเป็น 13.86% มีความเสี่ยง 10-20% และพระ 223 รูป คิดเป็น 12.22% มีความเสี่ยง 20-40% อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจ คือ พระ 132 รูป คิดเป็น 7.23% มีความเสี่ยงมากกว่า 40% ที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ในอนาคต

    สำหรับผลการตรวจสุขภาพดังกล่าวจะถูกนำมาวินิจฉัยอีกครั้ง จากนั้นจะจัดส่งให้วัด และพระจาก 82 วัดในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อจะได้ทราบผลการตรวจของตัวเอง เพื่อทำการรักษาต่อไป รวมทั้งพระที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจะได้ป้องกันได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีพระจำนวน 297 รูปที่ทางโรงพยาบาล เห็นว่าควรจะทานยา และให้ยาลดไขมัน น้ำตาล โดยทางโรงพยาบาลจะดูแลค่ารักษาให้ทั้งหมด แต่ต้องเป็นพระที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงสูงเท่านั้น

    สอดรับกับ นพ.เพิ่มยศ เรืองสกุลราช ศัลยแพทย์หัวใจ และทรวงอก ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ บอกว่า พระเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ หรือหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้มากกว่ากลุ่มอื่น เพราะการฉันอาหารที่ไม่มีประโยชน์ การสูบบุหรี่ รวมถึงขาดการออกกำลังกาย สำหรับการตรวจสุขภาพของพระจะเน้นเรื่องของความดัน น้ำตาล และไขมันในเลือดว่ามีค่าอยู่ที่ระดับปกติหรือไม่ ซึ่งพบว่า บางรูปมีไขมันมากเกินไป เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้

    “ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มาจากการสูบบุหรี่เป็นสำคัญ รองลงมาเป็นเรื่องอายุที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้ามีอาการเจ็บทรวงอกบ่อยครั้งให้ไปพบแพทย์ทันที เรื่องกรรมพันธุ์ ถ้ามีญาติเป็นโรคนี้ ก็จะมีความเสี่ยงมาก ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ และที่สำคัญเรื่องของการฉันอาหารที่มีปริมาณไขมัน และน้ำตาลมากเกินไป เช่น แกงกะทิ ทองหยิบ ฝอยทอง เป็นต้น” นพ.เพิ่มยศให้ข้อมูล

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กระนั้นก็ตาม การจะลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้นั้น พระสงฆ์ต้องฉันอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ รวมทั้งอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลต่ำ ที่สำคัญต้องลดการสูบบุหรี่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการเดิน เท่ากับว่า เป็นการออกกำลังกายให้ร่างกาย และหัวใจ อย่างไรก็ดี อยากฝากถึงประชาชนชาวพุทธด้วยว่า ต้องเลือกอาหารสุขภาพใส่บาตร ไม่เลือกตามความชอบของผู้ตาย หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

    ด้าน พระเทพภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กทม. บอกว่า พระที่วัดส่วนใหญ่จะเป็นโรคเบาหวาน และความดันเลือดกันมาก เพราะบางรูปมีอายุมากแล้ว และคิดว่าอาหารใส่บาตร หรืออาหารถวายพระ ไม่ส่งผลกับสุขภาพพระโดยตรง เพราะพระจะมีวินัยในการฉัน คือ สามารถเลือกฉันอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้ รวมทั้งฉันอาหารอย่างพอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป แต่ส่วนใหญ่ที่จะเกิดความเสี่ยงต่อโรคมักขาดการออกกำลังกาย หรือเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่มากกว่า

    “อาตมาไม่เห็นด้วยกับการทำสังฆทาน เมื่อก่อนยังรับได้อยู่ แต่สมัยนี้ทุกอย่างมันเป็นของปลอม ปลอมทุกอย่าง ปลอมไปหมด ตั้งแต่ยา อาหาร เครื่องใช้ หรือแม้กระทั่งผ้าอาบน้ำฝน ทั้งที่ความจริงแล้ว ต้องห่มรอบตัวพระได้หมด มันก็เหลือแค่เพียงผ้าขนาดเล็ก ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งอาหารบางอย่างไม่มีการตรวจสอบคุณภาพ หรือวันหมดอายุ พระได้มาไม่รู้จะเอามาใช้ทำอะไร ให้ใครก็ไม่ได้ เพราะเป็นของไม่มีคุณภาพ จึงอยากวอนขอญาติโยมว่า การที่เรามีจิตใจที่บริสุทธิ์ อยากทำบุญ เป็นสิ่งที่ดีงาม แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งของ หรืออาหารที่นำมาถวายพระด้วย ถึงจะได้บุญเต็มรูปแบบ” ท่านเจ้าคุณธงชัยกล่าว

    ขณะที่ พระครูปลัดสุวัฒนธีรคุ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ กทม.บอกว่า ของที่ได้รับจากญาติโยมส่วนใหญ่ จะแบ่งเป็นของหวาน และของคาว ซึ่งมีปริมาณน้ำตาล และไขมันสูง เช่น แกงกะทิ หรือขนมหวานใส่กะทิ และน้ำเชื่อม แต่ปัจจุบันเห็นได้น้อยลง เพราะบางคนรับรู้ถึงปัญหา โดยปกติ พระสามารถเลือกฉันอาหารเองได้ โดยจะนำอาหารจากการรับบาตรมารวมกัน แล้วจัดใส่เป็นสำรับเพื่อฉัน ซึ่งพระจะรู้กันดีว่าอาหารที่ฉัน สิ่งไหนมีประโยชน์ และสิ่งไหนไม่มีประโยชน์ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือพระไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายไม่ค่อยได้รับการเผาผลาญที่สมบูรณ์

    “กายบริหารถือเป็นวินัยรองของพระที่สามารถปฏิบัติได้ แต่ต้องอยู่ในความเหมาะสม ไม่โลดโผน เช่น การเข้าเรือนไฟในสมัยก่อน เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง อาจไม่ค่อยพบในวัด กทม.เป็นการเผาผลาญไขมันได้ดี หรือการซักจีวร การทำวัตร ก็เป็นการออกกำลังอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจะให้เต้นแอโรบิคในวัดก็คงไม่ถูก เพราะไม่สำรวม และลดศรัทธาชาวบ้านให้หมดไป” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

    สำหรับพุทธศาสนิกชนอย่าง วงเดือน ขุนทอง เล่าว่า ตัวเองจะตื่นใส่บาตรกับครอบครัวเป็นประจำทุกเช้า โดยอาหารที่เลือกใส่บาตรจะมีข้าวเจ้า หรือข้าวกล้อง 1 โถ ผัดผัก ผลไม้ รวมทั้งอาหารประเภท นมถั่วเหลือง เพราะเห็นว่าเป็นอาหารสุขภาพสำหรับพระ บางครั้งเดินทางไปวัดมักเห็นแต่อาหารมัน และอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากกว่าอาหารจำพวกผัก ซึ่งยอมรับว่ามีประโยชน์สำหรับพระหนุ่มที่ต้องการพลังงาน แต่ต้องคำนึงถึงพระที่มีอายุมากด้วย เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับไขมัน หรือโรคหัวใจได้ง่าย

    จากคำพูดของพระเทพภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ที่ว่า “การที่เรามีจิตใจที่บริสุทธิ์ อยากทำบุญ เป็นสิ่งที่ดีงาม และดียิ่ง แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งของ และอาหารที่นำมาถวายพระด้วยว่ามีประโยชน์หรือไม่ ถึงจะได้บุญเต็มรูปแบบ” จึงเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า การทำบุญ ย่อมได้บุญก็จริง แต่การทำบุญ...หากขาดสติหรือปัญญา ผลที่ตามมาอาจได้ “บาป” แทน เพียงเพราะอาหารใส่บาตร เป็นต้นเหตุที่ทำพระเสี่ยงต่อโรค

    อย่างไรก็ตาม พระสงฆ์ ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย เมื่อทั้งสองฝ่ายปรบมือพร้อมกัน เชื่อได้เลยว่า ผลบุญจากความศรัทธาที่บริสุทธิ์ จะงอกงามอย่างแรง!
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วันนี้( 2 มกราคม 2552) ผมมีงานบุญมาบอกกับชาววังหน้าทุกๆท่าน

    เนื่องในวันปีใหม่ของไทยเรา คือวันที่ 13 เมษายน 2552 ที่จะมาถึงนี้ ผมจะจัดงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ ( องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขีที่1(สมเด็จองค์ปฐม) , องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกกุสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม โกนาคมนะ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม กัสสปะ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ) ,พระอรหันต์ ไม่น้อยกว่า 30 พระองค์ (มีพระธาตุพระอรหันต์สมัยพุทธกาล ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า และพระธาตุหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด) ,พระบูชา (พระพุทธรูป ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)

    การจัดงาน ผมจะแจ้งวันและเวลาอีกครั้ง(ผมจะแจ้งโดยตรงถึงพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านเอง) ในงานสรงน้ำครั้งนี้ ผมจะนิมนต์พระอาจารย์นิล และพระอาจารย์ผม มาฉันเพล เมื่อเสร็จสิ้นการถวายเพล และการสรงน้าแล้ว ผมจะมีการแจกพระสมเด็จให้กับทุกๆท่านที่มาร่วมงาน ผมจึงมาบอกบุญกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    การร่วมทำบุญมีหลักเกณฑ์ดังนี้
    1.ร่วมทำบุญ 100 บาท พระสมเด็จจำนวน 1 ชุด(ขอไม่แจ้งจำนวนองค์) แต่รับพระสมเด็จ 1 องค์
    2.ส่วนที่เหลือผมจะแบ่งไปสำหรับการมอบพระสมเด็จให้กับท่านที่ไปร่วมงานสรงน้ำ
    3.ในส่วนที่แจกทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน หากยังมีเหลือ ผมจะนำไปมอบให้กับพี่ใหญ่ เพื่อมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญกับทุนนิธิท่านอาจารย์ประถม อาจสาครครับ
    4.จะนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    5.จะนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ที่พระอาจารย์ผมจะดำเนินการสร้างขึ้น

    หากผมนำไปบรรจุในพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไม่ทัน ผมจะขอนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ที่พระอาจารย์ผมจะดำเนินการสร้างขึ้นนะครับ

    แต่หากว่ามีท่านที่ร่วมทำบุญมากกว่าพระสมเด็จที่มีอยู่ ผมจะนำพระพิมพ์อื่นๆมาเพิ่มเติม ในส่วนนี้ผมจะนำไปบรรจุในพระเจดีย์เพียงอย่างเดียว จะไม่มีการนำมามอบให้นะครับ

    ระยะเวลาในการร่วมทำบุญ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2552
    สิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2552 เวลา 18.00 น.

    สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญ ผมขอพิจารณาเป็นรายท่านนะครับ เนื่องจากการโอนเงินร่วมทำบุญ จะต้องโอนเงินเข้าบัญชีผมเอง เมื่อผมตอบตกลงแล้ว ผมจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้อีกครั้งครับ

    หมายเหตุ ท่านที่ร่วมทำบุญทุกๆท่าน เมื่อผมตอบตกลงแล้ว ให้แจ้ง ชื่อ - นามสกุล ของท่าน และบุคคลในครอบครัวของท่าน ที่ท่านประสงค์จะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ให้ผมทราบด้วย ผมจะได้นำรายชื่อไปแจ้งในงานสรงน้ำ ,มอบให้กับพี่ใหญ่(ในกรณีที่มอบพระให้กับทางทุนนิธิ) ,ถวายพระอาจารย์นิล และพระอาจารย์ผมครับ

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    รายนามท่านที่ร่วมบุญ
    1.คุณพุทธันดร ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    2.คุณชวภณ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    3.คุณพิมพาภรณ์ ร่วมทำบุญ 100 บาท

    โมทนาสาธุครับ
     
  18. โชคชัยชนะ

    โชคชัยชนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +148
    วันนี้ ผมไปกราบ พระแก้วมรกต ที่วัดพระแก้วมาครับ
    ขอเชิญทัศนารูปที่ผมไปถ่ายมาให้ชมครับ

    โมทนาสาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2009
  19. โชคชัยชนะ

    โชคชัยชนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +148
    ชมรูปกันต่อนะครับ

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    สำหรับช่างที่ท่านเขียน ผมว่าท่านเขียนโดยที่สอดแทรกชีวิตประจำวันลงไปด้วยเหมือนกันครับ

    [​IMG]

    รูปนี้ นั่งเล่นหมากรุกไทยกัน


    [​IMG]

    น่าจะเป็นเรื่องการทะเลาะกัน


    [​IMG] [​IMG]

    ภัยจากโจรผู้ร้ายครับ


    [​IMG]

    เมาแล้วอ้วกครับ


    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    ปืนใหญ่ ,ปืนครก ,ลูกปืนใหญ่และลูกปืนครกครับ


    ผมว่าดูกันไม่จุใจ ต้องหาเวลาไปกันนะครับ ผมจะไปอีกเช่นกัน

    โมทนาสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...