พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถระ)​
    http://www.geocities.com/metharung/l-cha10.htm


    ฉบับเหนือเวทนา : ทางสายกลาง

    พระพุทธองค์ทรงสอนให้รู้ตัวเอง ให้เห็นตัวเอง ให้พิจารณาตัวเอง เพื่อให้เห็นจิตของตัวเอง ความจริง
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลาง
    http://www.buddha4u.org/index.php?option=com_content&view=article&id=62:-8-&catid=36:-8-&Itemid=29

    Written by Administrator
    Tuesday, 04 November 2008 10:01

    อริยสัจจ์ข้อที่ 4 คือ หนทางที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์ (ทุกฺข-นิโรธคามินีปฎิปทา-อริยสจฺจ) หนทางสายนี้เรียกว่า "ทางสายกลาง (มชฺฌิมา ปฏิปทา) เพราะงดเว้นจากข้อปฏิบัติที่เอียงสุด 2 ประการ
    ข้อปฎิบัติเอียงสุดอย่างแรก ได้แก่ การแสวงหาความสุขด้วยกามสุข อันเป็นของต่ำทราม เป็นของธรรมดา ไม่เป็นประโยชน์ และเป็นทางปฏิบัติของสามัญชน
    ข้อปฎิบัติเอียงสุดอีกอย่างหนึ่ง คือการแสวงหาความสุขด้วยการทรมานตนเองให้เดือดร้อน ด้วยการบำเพ็ญทุกกรกิริยาในรูปแบบต่างๆ อันเป็นการทรมานร่างกาย เป็นสิ่งไม่มีค่า และเป็นสิ่งไม่มีประโยขน์ ในเบื้องแรกนั้น
    พระพุทธองค์ได้ทรงทดลองปฏิบัติข้อปฏิบัติที่เอียงสุดทั้งสองประการนี้มาแล้ว ทรงพบว่าเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ จึงได้ทรงค้นพบทางสายกลางนี้ด้วยประสบการณ์ของพระองค์เอง ซึ่งเป็นทางที่ให้ทัศนะและปัญญาอันนำไปสู่ความสงบ ญาณ การตรัสรู้ และนิรวาณะ (พระนิพพาน) ทางสายกลางนี้โดยทั่วไปหมายถึง ทางมีองค์แปดประการอันประเสริฐ (อริยอฏฐคิกมคฺค)
    เพราะประกอบด้วยองค์ หรือส่วนประกอบ 8 ประการคือ
    1.เห็นชอบ (สัมมาทิฏิฐิ) (ปัญญา) ได้แก่ ความรู้อริยสัจจ์ 4 หรือ เห็นไตรลักษณ์ หรือ รู้อกุศลและอกุศลมูลกับกุศลและกุศลมูล หรือเห็นปฏิจจสมุปบาท โดยการเข้าใจชอบหรือเห็นชอบนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ 1.ความเข้าใจคือความรู้ ความเป็นพหูสูตร ความมีสติปัญญา สามารถรอบรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งตามข้อมูลที่ได้มา ความเข้าใจประเภทนี้เรียกว่า "ตามรู้" (อนุโพธ) เป็นความเข้าใจที่ยังไม่ลึกซึ้ง 2.ส่วนความเข้าใจที่ลึกซึ้งซึ่งเรียกว่า"การรู้แจ้งแทงตลอด" (ปฏิเวธ) หมายถึงมองเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามสภาวะที่แท้จริง โดยไม่คำนึงถึงชื่อ และป้ายชื่อยี่ห้อของสิ่งนั้น การรู้แจ้งแทงตลอดนี้จะมีขึ้นได้ เมื่อจิตปราศจากอาสวะทั้งหลาย และได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ด้วยการปฏิบัติสมาธิเท่านั้น
    2.ดำริชอบ (สัมมาสังกัปปะ) (ปัญญา) ได้แก่ ความตรึกที่เป็นกุศล ความนึกคิดที่ดีงาม (กุศลวิตก 3 ประกอบด้วย 1.ความตรึกปลอดจากกาม ความนึกคิดในทางเสียสละ ไม่ติดในการปรบปรือสนองความอยากของตน 2. ความตรึกปลอดจากพยาบาท ความนึกคิดที่ประกอบด้วยเมตตา ไม่ขัดเคือง หรือ เพ่งมองในแง่ร้าย 3.ความตรึกปลอดจากการเบียดเบียนด้วยกรุณาไม่คิดร้าย หรือมุ่งทำลาย)
    3.เจรจาชอบ (สัมมาวาจา) (ศิล) ได้แก่ วจีสุจริต 4 ประกอบด้วย 1.ไม่พูดเท็จ 2.ไม่พูดส่อเสียด 3.ไม่พูดหยาบ 4.ไม่พูดเพ้อเจ้อ
    4.กระทำชอบ (สัมมากัมมันตะ) (ศิล) ได้แก่ กายสุจริต 3 ประกอบด้วย 1.ไม่ฆ่าสัตว์ 2.ไม่ลักทรัพย์ 3.ไม่ประพฤติผิดในกาม
    5.เลี้ยงชีพชอบ (สัมมาอาชีวะ) (ศิล) ได้แก่ เว้นมิจฉาชีพ ประกอบสัมมาชีพ
    6.พยายามชอบ (สัมมาวายามะ) (สมาธิ) ได้แก่ สัมมัปปธาน 4 ประกอบด้วย 1.เพียรระวัง หรือเพียรปิดกั้น คือ เพียรระวังยับยั้งบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น 2.เพียรละ หรือเพียรกำจัด คือเพียรละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว 3.เพียรเจริญ หรือเพียรก่อให้เกิด คือ เพียรทำกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดมีขึ้น 4. เพียรรักษา คือ เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่น และให้เจริญยิ่งขึ้นไปจนไพบูลย์
    7.ระลึกชอบ (สัมมาสติ) (สมาธิ) ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 ประกอบด้วย 1.การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย 2. การตั้งสติกำหนดพิจาณาเวทนา 3.การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต 4.การตั้งสติพิจารณาธรรม (มีรายละเอียดเพิ่มเติม)
    8.ตั้งจิตมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ) (สมาธิ) ได้แก่ ฌาน 4 ประกอบด้วย 1.ปฐมฌาณ 2.ทุติยฌาน 3.ตติยฌาน 4.จตุตถฌาณ (มีรายละเอียดเพิ่มเติม)
    ในทางปฏิบัตินั้น คำสอนทั้งหมดของพระพุทธองค์ที่ทรงอุทิศ พระองค์สั่งสอนในช่วงเวลา 45 ปีนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางสายกลางนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พระองค์ทรงอธิบายทางสายนี้ โดยวิธิการ และใช้คำพูดที่แตกต่างกันไปตามความแตกต่างของบุคคลโดยให้สอดคล้องกับระดับการพัฒนา และศักยภาพในการเข้าใจ และตามได้ทันของบุคคลเหล่านั้น แต่สาระสำคัญของพระสูตรหลายพันสูตรที่กระจายอยู่ในคัมภัร์ต่างๆ ของพุทธศาสนา ล้วนแต่มีเรื่องเกี่ยวกับมรรคซึ่งประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนี้ทั้งนั้น
    จะต้องไม่เข้าใจว่า องค์ หรือส่วนประกอบ 8 ประการของทางสายกลางนี้ ต้องนำไปปฏิบัติทีละข้อ โดยเรียงตามลำดับหมายเลขดังรายการที่ให้ไว้ข้างต้นนั้น องค์ต่างๆ เหล่านั้นจะต้องพัฒนาให้มีขึ้นพร้อมๆกันมากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ขีดความสามารถของแต่ละบุคคลที่จะให้เป็นไปได้ องค์เหล่านี้ล้วนแต่เกี่ยวโยงกัน และแต่ละองค์ก็ช่วยส่งเสริมองค์อื่นๆไปด้วย
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลาง (ต่อ)
    http://www.buddha4u.org/index.php?op...:-8-&Itemid=29

    Written by Administrator
    Tuesday, 04 November 2008 10:01

    องค์ 8 ประการเหล่านี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริม และทำให้หลักการ 3 อย่างของการฝึกอบรม และการควบคุมตนเองของชาวพุทธมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คือ
    1.ความประพฤติทางจริยศาสตร์ (ศีล)
    2.การควบคุมทางจิตใจ (สมาธิ)
    3.ปัญญา (ปัญญา)
    ดังนั้น คงจะช่วยให้ได้เข้าใจองค์ 8 ประการของทางสายกลางได้ดี และได้ใจความต่อเนื่องยิ่งขึ้น หากเราจัดแบ่งกลุ่มอธิบายองค์ 8 ประการตามหัวข้อ 3 นั้น ความประพฤติทางจริยศาสตร์ (ศิล) ถูกสร้างขึ้นมากจากความคิดอันกว้างไกล ที่ต้องการให้มีความเมตตา และกรุณาโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นที่น่าเสียดายว่ามีนักปราชญ์หลายท่านลืมอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ในคำสอนของพระพุทธองค์นี้ไป และพากันไปหมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องนอกประเด็นทางด้านปรัชญา และอภิปรัชญาที่น่าเบื่อหน่ายเมื่อพูด และเขียนเกี่ยวกับพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงประทานคำสอนของพระองค์ไว้ก็เพื่อประโยชน์แก่ชนหมู่มาก เพื่อความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แห่ชาวโลก (พหุชนติตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย)
    เท่าที่ได้พรรณามรรคโดยย่นย่อมานี้ ก็คงจะเห็นได้ว่ามรรคเป็นวิถี ชีวิตที่แต่ละบุคคลจะต้องนำไปประพฤติ และพัฒนาเป็นการควบคุมตนเอง ทั้งกาย วาจา และใจ เป็นการพัฒนาตนเงอ และเป็นการชำระ (จิต) ตนเองให้บริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวกับความเชื่อ การอ้อนวอน การบูชา หรือพิธีกรรมใดๆ โดยนัยน้ จึงไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คนนิยมเรียกกันว่า "ศาสนา" เป็นทางที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งในอุดมสัจจ์ ความมัอิสระอย่างสมบูรณ์ ความสุขและสันติ โดยอาศัยการบำเพ็ญตาม ศิล สมาธิ และปัญญาอย่างสมบูรณ์
    ในประเทศที่นับถือพุทธศาสนาทั้งหลาย ยังมีประเพณี และพิธีกรรมทางศาสนาที่ประกอบกันแบบง่ายๆ และสวยงามในโอกาสต่างๆ แต่ประเพณี และพิธีกรรมเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับอริยมรรคนี้ มันมีคุณค่าก็แต่เพียงเป็นการสนองศรัทธา และความต้องการบางอย่างของผู้ที่ได้รับการพัฒนามาน้อย และช่วยให้คนเหล่านั้นได้ดำเนินไปสู่อริยมรรคนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลาง (จบ)
    http://www.buddha4u.org/index.php?op...:-8-&Itemid=29

    Written by Administrator
    Tuesday, 04 November 2008 10:01

    คุณสมบัติของคนสมบูรณ์แบบ

    ในทางพระพุทธศาสนา การที่บุคคลจะเป็นคนสมบูรณ์ได้นั้นจะต้องมีการพัฒนาคุณสมบัติ 2 ด้านให้เท่าเทียมกัน คือ ด้านกรุณา และด้านปัญญา
    กรุณาในที่นี้ หมายถึง ความรักความเอื้อเฟื้อแผ่ความเอื้ออารี ความอดทน และคุณสมบัติอันประเสริฐทางด้านอารมณ์ หรือคุณสมบัติทางด้านจิตใจอย่างอื่นๆ
    ส่วนปัญญา หมายถึง ทางด้านพุทธปัญญา หรือคุณสมบัติทางด้านจิต หากบุคคลใดพัฒนาเฉพาะด้านอารมณ์ ไม่ยอมพัฒนาทางด้านพุทธปัญญา บุคคลนั้นอาจจะกลายเป็นคนโง่ แต่มีจิตใจดี
    ส่วนผู้ใดพัฒนาเฉพาะด้านพุทธปัญญาแต่ไม่ยอมพัฒนาทางด้านอารมณ์ ผู้นั้นอาจจะกลายเป็นคนฉลาดแต่จิตใจกระด้าง ไม่มีน้ำใจกับผู้อื่น เพราะฉะนั้น การที่จะให้เป็นคนสมบูรณ์แบบได้นั้น จะต้องพัฒนาทั้งสองด้านให้เท่าเทียมกัน นั่นคือจุดมุ่งหมายของวิถีชีวิตแบบพุทธ คือวิถีชีวิตที่มีปัญญา และมีความกรุณาเชื่อมโยงไม่แยกออกจากัน
    ส่วนผู้ใดพัฒนาเฉพาะด้านพุทธปัญญาแต่ไม่ยอมพัฒนาทางด้านอารมณ์ ผู้นั้นอาจจะกลายเป็นคนฉลาดแต่จิตใจกระด้าง ไม่มีน้ำใจกับผู้อื่น เพราะฉะนั้น การที่จะให้เป็นคนสมบูรณ์แบบได้นั้น จะต้องพัฒนาทั้งสองด้านให้เท่าเทียมกัน นั่นคือจุดมุ่งหมายของวิถีชีวิตแบบพุทธ คือวิถีชีวิตที่มีปัญญา และมีความกรุณาเชื่อมโยงไม่แยกออกจากัน
    สรุปอริยสัจจ์ 4
    ในส่วนที่เกียวกับอริยสัจจ์ 4 ข้อนี้ เรามีหน้าที่พึงปฏิบัติอยู่ 4 ประการด้วยกันคือ
    อริยสัจจ์ข้อที่ 1 คือ ทุกข์ ได้แก่ สภาวะของชีวิต ความทุกข์ของชีวิต ความเศร้าโศก และความรื่นเริงของชีวิต ความไม่สมบูรณ์ และความไม่สมหวังของชีวิต ความไม่เที่ยง และ ความไม่มีแก่นสารของชีวิตในข้อนี้ เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำความเข้าใจข้อเท็จจริงอย่างกระจ่าง และอย่างสมบูรณ์ (ปริญฺเญยฺย)
    อริยสัจจ์ข้อที่ 2 คือ บ่อเกิดของทุกข์ ซึ่งก็คือ ตัณหา พร้อมดวยกิเลส อาสวะ และสาสวะเหล่าอื่น ซึ่งเพียงแต่ทำความเข้าใจ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัณหานี้เท่านั้นยังไม่พอ เรามีหน้าที่ที่จะต้องละทิ้ง ขจัดทำลาย และกำจัดตัณหา (ปหานตพฺพ)
    อริยสัจจ์ข้อที่ 3 คือ ความดับทุกข์ กล่าวคือ นิพพาน บรมสัจจ์ หรืออุดมมสัจจ์ ในข้อนี้เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำให้รู้แจ้งเห็นจริง (สจฺฉิกาตพฺพ)
    อริยสัจจ์ข้อที่ 4 คือ มรรคอันจะนำไปสู่การรู้แจ้งเห็นจริงในพระนิพพาน เพียงแม้แต่มีความรู้ในเรื่องของมรรคเท่านั้น แม้จะเป็นการรู้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังไม่เป็นการเพียงพอในข้อนี้ หน้าที่ของเราคือ ดำเนินตามและปฏิบัติตามมรรคนั้น (ภาเวตพฺพ)
    ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ผู้แต่ง พระธรรมปิฎก สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2546 หน้า 215
    [​IMG] คู่มือมนุษย์ ผู้แต่ง พุทธทาสภิกขุ สำนักพิมพ์ ธรรมสภา
    [​IMG] แก่นพุทธศาสน์ ผู้แต่ง พุทธทาสภิขุ สำนักพิมพ์ ธรรมสภา
    [​IMG] พระพุทธเจ้าสอนอะไร แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย โดย ร.ศ.ชูศักดิ์ ทิพย์เกษร และคณะ โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2547 [​IMG]
    http://www.easyinsurance4u.com

    โปรดใช้หลักอย่าเชื่อ 10 ประการ (กาลามสูตร) ในการพิจารณา ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถหาได้จากที่มาที่อ้างอิง
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อย่าเชื่อ 10 ประการ (กาลามสูตร)
    http://www.buddha4u.org/index.php?o...w=article&id=67:-10-&catid=44:-10--&Itemid=69

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>Written by Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top>Monday, 17 November 2008 11:06 </TD></TR><TR><TD vAlign=top>
    กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

    1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
    ตัวอย่าง
    1.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
    2.อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
    3.อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย
    4.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก
    5.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา
    6.อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย
    7.อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต
    8.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก
    9.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง 10.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้
    ที่มา : http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/kalamasutta.htm

    </TD></TR><TR><TD class=modifydate>Last Updated ( Wednesday, 26 November 2008 05:07 ) </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ประมาณกลางเดือนมีนาคม ผมจะเตรียมงานไว้ให้
    ผมต้องปรึกษากับพี่แอ๊วก่อนด้วยครับ

    สำหรับท่านที่จะไปร่วมงาน ตอนนี้ผมเองคาดการณ์ไว้ประมาณ 40 ท่าน แต่ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ผมจะสอบถามกับทุกๆท่านอีกครั้งว่า จะไปร่วมงานหรือไม่ อย่างไร ผมจะได้เตรียมเรื่องอาหาร อุปกรณ์ต่างๆ เช่น จาน ช้อน ซ่อม แก้วน้ำ กระติกน้ำแข็ง และอื่นๆ ให้เพียงพอกับจำนวนท่านที่จะไปร่วมงานกัน จะพยายามไม่ให้ไปรบกวนทางบ้านท่านอาจารย์ประถมมากนักครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  7. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    __/|\__

    ...ผมพร้อมเป็นระดับเลเบอร์ พร้อมช่วยงานทุกอย่างครับผม..
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พี่ก็ระดับผู้ใช้แรงงานเช่นกัน
    ปีที่แล้ว เหนื่อยมาก กลับถึงบ้าน ล้ามากถึงกับหมดแรง
    ปีนี้น่าจะหนักกว่าปีที่แล้ว

    หากท่านใดมีโต๊ะญี่ปุ่น ก็อยากให้นำมาด้วย เนื่องจากจะต้องใช้ประมาณ 4 ตัว อาจจะใช้ตัวใหญ่สัก 3 ตัวครับ

    โต๊ะญี่ปุ่นตัวแรกจะวางพานที่วางองค์หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า(ปางพระบัวเข็ม หน้าตัก 9 นิ้ว)และองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และพานวางองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี (ปางพรมน้ำมนต์ ที่ผมรบกวนคุณเพชร อัญเชิญหลวงปู่มา)
    ส่วนโต๊ะญี่ปุ่นตัวที่สองและสาม ใช้ในการสรงน้ำพระอาจารย์นิล และพระอาจารย์ผม
    ส่วนโต๊ะญี่ปุ่นตัวสุดท้าย ใช้ในการสรงน้ำท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร

    ผ้าที่ใช้ปูโต๊ะญี่ปุ่น ผมว่าจะไปหาซื้อมาครับ ว่าจะไปหาซื้อผ้าสีทอง จะหาเวลาไปที่พาหุรัด น่าจะได้ และผมเองมีผ้าที่เป็นผ้าไหม ก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน

    ส่วนรูปองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผมกำลังหาวิธีคิดอยู่ว่า จะสามารถนำไปได้หรือไม่ ผมกลัวว่า กระจกจะแตก รูปนี้เป็นรูปที่หาได้ยากมากๆ ผมเชื่อว่าไม่สามารถที่จะไปหาได้จากที่ไหนได้ง่ายๆครับ

    ขอขอบคุณและขอบใจ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ชาวคณะพระวังหน้าทุกๆท่านด้วยครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิกฤตรอบนี้...รุนแรงและกินเวลามาตรการที่เห็นผลเท่านั้นที่เยียวยาได้
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9520000018055
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กุมภาพันธ์ 2552 10:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ที่ผ่านมา เริ่มเปิดเผยออกมาให้เห็นกันอย่างต่อเนื่องแล้ว พร้อมๆกับการคาดการณ์ถึงทิศทางเศรษฐกิจว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ตัวเลขทางเศรษฐกิจดังกล่าวนั้น เป็นตัวสะท้อนถึงปัญหาจากวิกฤตที่ทั่วโลกได้รับกันไปตามวิถีทางที่ประเทศของตนเองได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา
    แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ทิศทางของเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวกลับมานั้น ยังไม่ชัดเจนนักว่าจะเป็นในช่วงใด ซึ่งสิ่งที่เห็นกันอยู่ในตอนนี้ดูเหมือนจะมีเพียงเรื่องของการรับมือและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้เท่านั้น
    ส่วนจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร ทุกอย่างถึงจะกลับมาในทิศทางที่ดีเหมือนดิม ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน และในช่วงเวลานี้หลายภาคส่วนควรทำอย่างไรกันบ้าง..! เรามีมุมมองที่น่าสนใจจากผู้บริหารกองทุนรวมมาให้ฟังกัน

    ตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เล่าถึงสถานการณ์ของวิกฤตเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ว่า เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงที่สุดอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับที่เกิดวิกฤตในช่วงปี 2540 นั้น สถานการณ์ในครั้งนั้นไม่ได้รุนแรงและสร้างความเสียหายให้กับทุกประเทศเหมือนในครั้งนี้ โดยครั้งนั้นแม้ว่าประเทศในเอเชียหลายประเทศจะได้รับความเสียหาย แต่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างญี่ปุ่นกลับไม่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่วิกฤตซับไพร์มในครั้งนี้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายรวมไปถึงบรรดาประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ต่างพากันรับผลกระทบที่รุนแรงในครั้งนี้โดยทั่วกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> โดยจะเห็นได้ว่า...เศรษฐกิจของโลกในช่วงประมาณ 5 ปีที่ผ่านมานั้น มีอัตราการเติบโตในระดับที่สูง และยังส่งผลให้ประเทศเกิดใหม่ต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ในปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว เมื่อเงินลงทุนที่เคยไหลเข้าไปลงทุนในประเทศเกิดใหม่เหล่านี้ในปัจจุบันลดลงไปอย่างมาก เพราะเงินลงทุนเหล่านี้ถูกนักลงทุนดึงกลับไปที่ประเทศของตนเอง
    ขณะเดียวกันประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าได้รับผลกระทบกันทั้งโลกจริงๆ อีกทั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ออกมาให้เห็นอีก นั่นก็คือการที่บางประเทศ ถึงกับต้องขอความช่วยเหลือจาก องค์กรการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เลยทีเดียว พูดง่ายๆว่าเมื่อเวลาที่เศรษฐกิจเติบโต ก็พากันโตไปด้วยกัน เมื่อตกก็ตกกันทั้งหมดเหมือนกัน ...!
    วิกฤตที่รุนแรงในครั้งนี้ ตระกูลจิตร บอกว่า เป็น วิกฤตฟองสบู่ในด้านของเครดิต (BUFFBEL CREDIT ) ซึ่งไม่ใช่แค่ในเรื่องของ ซับไพร์ม หรือ สินเชื่อด้อยคุณภาพเท่านั้น ดังนั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จึงรุนแรงอย่างมาก ซึ่ง ณ ขณะนี้เรายังไม่เห็นตัวเลขความเสียหายทั้งหมดของสินทรัพย์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินในสหรัฐฯว่ามีจำนวนมากเท่าไร แม้ว่าทางรัฐบาลของสหรัฐเองก็ได้ทำการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ตาม ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นเศรษฐกิจขึ้นมาได้
    ดูๆแล้วความรุนแรงในครั้งนี้ ไม่เชื่อว่า ในช่วงระยะเวลาประมาณ 6 เดือน หรือช่วงครึ่งปีหลังนี้ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะฟื้นขึ้นมาได้ อย่างที่มีการคาดกันเอาไว้ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีหรือนานกว่านั้น เพราะจะเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ต้นเหตุนั้นเกิดขึ้นจากภาคสถาบันการเงินของสหรัฐฯ แต่กลับลุกลามและสร้างความเสียหายไปถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและทั่วโลกเลยทีเดียว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้แล้ว บรรดาสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจึงต้องพยายามที่จะรักษาตัวเองเอาไว้เพื่อให้อยู่รอด และไม่พยายามที่จะปล่อยกู้เงินลงทุนออกไปในยามนี้ ไม่ว่าสถาบันการเงินทั้งหลายนี้จะมีเงินหรือไม่ก็ตาม และผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ไม่มีเงินทุนที่จะหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้ภาครัฐต้องเป็นฝ่ายที่เข้ามาแก้ปัญหา ด้วยการอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนของประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการว่างงาน ที่ตัวเลขเพิ่มมากขึ้น ทั่งในสหรัฐฯและยุโรป
    สำหรับเรื่องของการว่างงานนั้น เป็นปัญหาที่สำคัญ และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะเมื่อคนว่างงานมีจำนวนมาก อัตราการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคของประชาชนภายในประเทศก็หายไป และเป็นผลต่อเนื่องกันไปถึงบริษัทที่ผลิตสินค้าต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และดูเหมือนว่าจะมีความรุนแรงอย่างมากด้วย ที่เห็นกันอย่างชัดเจนที่สุด นั้นก็คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่บริษัทผลิตรถยนต์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ยักษ์ใหญ่ อย่าง ฟอร์ด โฟล์คสวาเกน หรือแม้แต่ โตโยต้า ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย ก็มีการลดกำลังการผลิต รวมไปถึงปิดโรงงานในบางประเทศ และปลดพนักงานออกไปกันเป็นจำนวน มากขณะที่การผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และชินส่วนอิเล็กทรอนิคต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเหล่านี้ ต่างก็เจ็บกันไปตามๆกัน ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมไปถึง สิงค์โปร์ เพราะส่วนใหญ่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯและยุโรปเป็นหลัก
    ส่งออกไทยต้องเอาตัวรอดให้ได้
    มาดูกันที่ประเทศไทยกัน ในส่วนของประเทศไทยนั้น ตระกูลจิตร มีมุมมองในด้านเศรษฐกิจที่น่าสนใจมาก โดยบอกว่า ประเทศไทย นั้นภาคสถาบันการเงินยังมีความแข็งแกร่งอยู่ แต่ภาคการส่งออกนั้นประสบปัญหาเนื่องจากต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดส่งออกหลักของไทยนั้นมีกำลังซื้อที่น้อยลง เรื่องนี้ตรงกันข้ามกับเมื่อวิกฤตปี 2540 ในเวลานั้นการส่งออกของไทยเติบโตอย่างมาก แต่ภาคสถาบันการเงินได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งนี้ ในส่วนของภาคการส่งออกนั้น ได้แนะนำว่า เนื่องจากผู้ซื้อสินค้าของไทยนั้นประสบปัญหา ในระยะ 3-6 เดือน ต่อจากนี้ผู้ส่งออกต้องพยายามเอาตัวรอดให้ได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ที่สำคัญไปกว่านั้น คือเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐนั้น ซึ่ง มาตรการของรัฐบาลที่จะให้ได้ได้ผลนั้น ต้องเป็นมาตรการที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้อย่างจริงจังและต้องได้ผล* เนื่องจากปัญหาของประเทศไทยในขณะนี้ คือเรื่องปัญหาการว่างงาน ขณะเดียวกันภาคเอกชนเองก็ได้รับผลกระทบกันอย่างมากเช่นกัน มาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการต้องเป็นมาตรการที่ทำแล้วเห็นผลออกมาอย่างชัดเจน ต้องไม่ใช่มาตรการที่สร้างแต่ความคาดหวังเพียงอย่างเดียว เพราะจะส่งผลโดยตรงไปถึงเรื่องของความมั่นใจการการลงทุน และความมั่นใจในการใช้จ่ายของประชาชน
    นอกจากนี้ ยังบอกถึงเรื่องภาวะเงินเฟ้อด้วยว่า ในอนาคตนั้น ไม่ห่วงเรื่องของเงินเฟ้อ โดยเชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อจะไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะต่อจากนี้ ซึ่งปัญหาเงินเฟ้อนั้นจะเกิดขึ้นได้ต้องมากจาก ปัจจัยที่สำคัญ อย่างเช่น เกิดความกัวลขึ้นว่า ผู้ผลิตน้ำมันจะไม่ขายน้ำมัน ซึ่งมีผลทำให้ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือจะเป็นในกรณี สินค้าล้นตลาดและมีคนว่างงานเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
    สำหรับการลงทุนนั้น ในขณะนี้มีการมองกันอย่างมากว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกลดต่ำลงไปมากโดยเฉพาะตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ที่มีราคาต่ำมากจนน่าเข้าไปลงทุน ตระกูลจิตร ก็บอกว่า แม้ว่าราคาหุ้นจะถูกลงก็จริงแต่เนื่องจากวิกฤตที่เกิดขึ้นในสหรัฐยังเห็นความเห็นความเสียหายทั้งหมดไม่ชัดเจน ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสที่จะถูกลงไปกว่านี้อีก โดยที่ตลาดหุ้นของประเทศไทยเอง ขณะนี้ยังมองไม่เห็นสัญญาณอะไรที่จะเข้ามาทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมา แต่เชื่อว่าในปีนี้ดัชนีหุ้นไทยน่าจะอยู่ที่ระดับ 500 จุดได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับภาคเอกชนด้วยว่าในระยะ 6 เดือนต่อจากนี้จะสามารถทำให้ตลาดหุ้นกระเตื้องขึ้นมาได้ในระดับไหน
    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะเห็นตลาดหุ้นในบ้านเรากระเตื้องขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้รู้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น หรือนักลงทุนจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะตามหลักแล้วภาพของเศรษฐกิจโดยรวมกับภาพของตลาดหุ้นนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศนั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้ระยะเวลายาวกว่า ขณะที่ตลาดหุ้นนั้นเป็นในช่วงที่สั้นกว่า ซึ่งหากมีปัจจัยสำคัญเข้ามากระตุ้นก็สามารถที่จะดีดตัวขึ้นมาได้ทันที

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    สวัสดีครับ อดแวะเข้ามาดูกระทู้ไม่ได้ ขอเสนอตัวดังนี้ครับ
    ปีนี้ผมมีโต๊ะญี่ปุ่น แน่นอน 1 ตัวครับ จะขนไปให้ครับ และที่ลพบุรีมี แกงเห็ดเผาะ กับ น้ำพริกกุ้งสด อร่อยครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    ผมมีพระวังหน้า มอบให้กับทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญ ตามรายละเอียดดังนี้

    1.พระพิมพ์วังหน้า(พิมพ์เจ้าสัว) บุเงิน จำนวน 12 องค์ คงเหลือ 2 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 700 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 2,100 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 5 องค์
    2.คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15-2-52)
    3.คุณdrmetta<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1869258", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และยังไม่ได้โอนเงินร่วมทำบุญ)
    4.คุณnarin96 ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.16/2/52)

    5.คุณพรสว่าง_2008<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1871468", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และยังไม่ได้โอนเงินร่วมทำบุญ)
    6.คุณbamby ร่วมทำบุญ 2,100 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว)
    7.คุณtanutda ร่วมทำบุญ 2,100 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.11/2/52)

    2.พระพิมพ์วังหน้า(พิมพ์พระสังกัจจายน์ปิดตา) บุนาค จำนวน 4 องค์ หมดแล้ว

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 3,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 1 องค์
    2.คุณdragonlord<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1867800", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 10-2-52)
    3.คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15-2-52)
    4.คุณdrmetta<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1869258", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และยังไม่ได้โอนเงินร่วมทำบุญ)


    3.พระสมเด็จ (วังหน้า อกครุฑ อาบน้ำว่าน) จำนวน 15 องค์ คงเหลือ 10 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 3,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 3 องค์
    2.คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15-2-52)
    3.คุณjirautes ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.17/2/52)


    4.พระสมเด็จ อรหัง (วัดระฆัง) จำนวน 9 องค์ คงเหลือ 6 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,500 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 5,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์


    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 2 องค์
    คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 1,500 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15-2-52)
    3.คุณWirakร่วมทำบุญ 1,500 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.11/2/52)


    โมทนาบุญทุกประการครับ
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1410
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1411
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1875613#post1875613
    <!-- / message --><!-- sig -->

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ

    หมายเหตุ 3 ท่านใดจองและร่วมทำบุญก่อน มีสิทธิ์ได้ก่อน

    โดยท่านที่ร่วมทำบุญ ต้องสแกนหรือถ่ายรูปใบอนุโมทนาบัตรหรือสลิปการโอนเงินที่เป็นชื่อของท่านให้ผมทราบก่อน แล้วผมจะส่งพระพิมพ์ให้ ส่วนค่าจัดส่ง,ค่ากล่องและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผมเป็นผู้จ่ายให้เองครับ
    ----------------------------------------------


    หมายเหตุ หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    หมายเหตุ 1 พระวังหน้า ที่ผมนำมามอบให้กับผู้ที่ทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ และผมได้บอกบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ เป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ

    http://palungjit.org/showthrea...39#post1888539
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1424
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  12. พระวรากรณ์

    พระวรากรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +109
  13. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    อนุโมทนากับพี่หนุ่มและนักบุญทุกๆท่านด้วยครับ

    ขอกระแสบุญกระแสธรรม พระวังหน้า คุ้มครองผู้มีบุญทุกท่านให้ปราศทุกข์ ปราศโศรก ปราศโรค ปราศภัย ด้วยเทอญ

    ข่าว ศก.
    หุ้นโลกมี New low หุ้นยุโรป New low USD พุ่ง ..มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ได้ทานครั้งแรก ครั้งต่อไปผมก็ไปหาตามตลาด ไม่มีครับ ต้องรอหน้าฝนก่อน ได้สั่งทางร้านไว้แล้ว วันไหนมีให้เก็บไว้ให้ด้วย..

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD align=left width=372>[​IMG]</TD><TD vAlign=center width=328><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เห็ดเผาะ ชาวล้านนาเรียกว่า เห็ดถอบ การปรุงแกงเห็ดเผาะ นิยมใส่หน่อไม้ดองลงไปเป็นส่วนผสมด้วย ใส่เนื้อไก่ หรือเนื้อหมู ถ้าไม่ใส่หน่อไม้ดอง จะใส่ยอดมะขาม ยอดส้มป่อย หรือยอดมะเม่า ก็ได้ (เทียนชัย สุทธนิล, 2550, สัมภาษณ์)

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><!-- ****************************** ส่วนแสดงรายการส่วนผสม ***************************** --><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left colSpan=4>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>1.</TD><TD align=left width="50%">เห็ดเผาะ </TD><TD align=left width="15%">100</TD><TD align=left width="25%">กรัม </TD><TR><TD align=middle>2.</TD><TD align=left width="50%">เนื้อไก่บ้าน </TD><TD align=left width="15%">100</TD><TD align=left width="25%">กรัม </TD><TR><TD align=middle>3.</TD><TD align=left width="50%">หน่อไม้ (ดอง)</TD><TD align=left width="15%">100</TD><TD align=left width="25%">กรัม </TD><TR><TD align=middle>4.</TD><TD align=left width="50%">น้ำมันพืช </TD><TD align=left width="15%">2</TD><TD align=left width="25%">ช้อนโต๊ะ </TD><TR><TD align=middle>5.</TD><TD align=left width="50%">ผักชี </TD><TD align=left width="15%">1/2</TD><TD align=left width="25%">ช้อนโต๊ะ </TD><TR><TD align=middle>6.</TD><TD align=left width="50%">ต้นหอม </TD><TD align=left width="15%">1/2</TD><TD align=left width="25%">ช้อนโต๊ะ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><!-- ****************************** ส่วนแสดงรายการเครื่องแกง ***************************** --><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left colSpan=4>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>1.</TD><TD align=left width="50%">พริกแห้ง </TD><TD align=left width="15%">5</TD><TD align=left width="25%">เม็ด </TD><TR><TD align=middle>2.</TD><TD align=left width="50%">พริกขี้หนูแห้ง </TD><TD align=left width="15%">4</TD><TD align=left width="25%">เม็ด </TD><TR><TD align=middle>3.</TD><TD align=left width="50%">หอมแดง </TD><TD align=left width="15%">3</TD><TD align=left width="25%">หัว </TD><TR><TD align=middle>4.</TD><TD align=left width="50%">กระเทียม </TD><TD align=left width="15%">20</TD><TD align=left width="25%">กลีบ </TD><TR><TD align=middle>5.</TD><TD align=left width="50%">เกลือ </TD><TD align=left width="15%">1</TD><TD align=left width="25%">ช้อนชา </TD><TR><TD align=middle>6.</TD><TD align=left width="50%">กะปิ (หยาบ)</TD><TD align=left width="15%">1/2</TD><TD align=left width="25%">ช้อนชา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><!-- ****************************** ส่วนแสดงรายการเครื่องเคียง ***************************** --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=3 cellPadding=3 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center width="50%"><CENTER>[​IMG]
    1
    </CENTER>
    </TD><TD vAlign=center width="50%"><CENTER>[​IMG]
    2
    </CENTER>
    </TD><TD vAlign=center width="50%"><CENTER>[​IMG]
    3
    </CENTER>
    </TD></TR><TR><TD vAlign=center width="50%"><CENTER>[​IMG]
    4
    </CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>1. ล้างเห็ดเผาะให้สะอาด หั่นบางๆ
    2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
    3. ผัดเครื่องแกงกับน้ำมัน จนมีกลิ่นหอม ใส่ไก่ลงผัดให้เข้ากัน
    4. เติมน้ำพอท่วมเนื้อไก่ ตั้งไฟต่อ แล้วใส่หน่อไม้ดอง ต้มประมาณ 10- 15 นาที ตามด้วยเห็ดเผาะ แล้วคนให้เข้ากัน ต้มต่อให้เห็ดสุก ปิดไฟ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม
    ควรเลือกเห็ดเผาะอ่อน เมื่อผ่าครึ่งด้านใน จะมีสีขาว และหน่อไม้ดองควรเลือกที่ดองใหม่ รสน้ำแกงจะกลมกล่อม จะไม่มีกลิ่นฉุน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://images.google.co.th/imgres?i...0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%B0&um=1&hl=th&lr=&sa=N</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    อีกหน้าตาหนึ่งของแกงเห็ดเผาะ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ssl19366fp8.jpg
      ssl19366fp8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      168.3 KB
      เปิดดู:
      41
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มีของเซ่นเป็นน้ำพริกเผาโด้ย....หุ...หุ...อย่าทานมาก...
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ต้มยำก็อร่อยมาก
    ทาขนมปังก็เยี่ยมครับคุณเพชร

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    หยก 12 นักษัตร อีกหนึ่งงานฝีมือของช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า
    โดยคุณ :::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_889609", true); </SCRIPT>
    http://palungjit.org/showthread.php?t=80127&page=3
    หยก ๑๒ นักษัตรฝีมือช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ถ่ายใหม่อีกครั้ง

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    ท่านผู้ที่แกะสลัก เป็นช่างชาวจีนที่ฮ่องเต้( (ประเทศจีน) เป็นผู้ที่มอบช่างช่าวจีนมาประเทศไทย) หากท่านใดที่มีหยกวังหน้า ต้องรำลึกนึกถึงพระคุณของท่านเหล่านี้ด้วย เวลาทำบุญก็อุทิศบุญให้ท่านเหล่านี้ด้วยนะครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ส่วนพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี เป็นพิมพ์ที่ได้มาจากวังหน้า มีเยอะครับ หากเราไม่สนใจในการซื้อขายแล้ว มีเยอะ ผมเองมีไม่น้อยกว่า 50 องค์ครับ

    หาได้ไม่ยาก

    ส่วนหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล เรื่องนั้นเป็นนิยายหลอกเด็ก ไม่มีจริง หากใครบอกว่ามี ให้รู้ไว้ว่า นั่นเขานำนิยายมาเล่าให้ฟัง หุหุหุ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...