สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ทุกอย่างเกิดขึ้นแต่เหตุ จากละเอียดไปสู่หยาบ
ก็เหตุที่ละเอียดที่สุดคือ ตัวอวิชชา นี้แหละ

เว้นแต่พระนิพพาน เป็นอยู่แล้วมีอยู่แล้ว ไม่เกิด ไม่ดับ
คำว่า อนัตตา คือ ความไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของตน ก็ลองดูง่ายๆ ว่า เสียง ใดๆ ก็ไม่มีตัวตน มันกำเนิดขึ้นแล้วก็ดับ และจะต้องมีเหตุ คือ เปล่งเสียง ทีนี้ ก็เปล่งมาแล้ว ก็จะให้มันอยู่อย่างนั้นไม่ได้ มันต้องดับ เพราะสรรพสิ่งเป็น อนัตตา

พระนิพพาน ไม่ใช่ทั้งอนัตตา และ อัตตา ไม่ใช่สมมติ อัตตาคือ ให้มันตั้งอยู่ แต่มันตั้งอยุ่ไม่ได้หรอก มันไม่ใช่คำตรงข้าม แต่ มันคือสมมติ ที่ คนสมัยก่อน เห็นอะไรที่เป็น ตัวตน ก็บอกว่า เป็นอัตตา แต่ พระพุทธเจ้าบอกว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา ทีนี้ อัตตาที่แท้จริงไม่มี
และ พระนิพพาน ไม่ใช่อัตตา และ อัตตา

 

ถ้า อย่าง นั้น เรา เข้า ใจ กัน คน ละ เรื่อง ครับ คุณ วิษณุ

ที่ คุณ ยก มา เพื่อ กาล เฉพาะ

ผม ขอ โทษ ผม ไม่ เข้า ใจ เอง ล่ะ ครับ ดัน เอา ของ ตัว เอง ไป คิด เอา เอง เลย ไม่ เข้า ใจ ที่ คุณ ขัน เขา อธิบาย

ธรรม ของ ผม คือ ทุก อย่าง แหละ จะ ดี หรือ ไม่ มัน ก็ ธรรม

ธรรม ของ ผม คือ อะไร ที่ มัน เป็น ของ มัน นั่น แหละ ธรรม ใน ความ หมาย ที่ เรา คุย กัน อยู่

มัน เกิด แต่ เหตุ นั่น แหละ ธรรม

1 สัตว์ คือ ผู้ ยัง ต้อง เกิด อยู่ นะ ครับ ใน ความ หมาย ของ ผม
2 สัง ขาร คือ รวมๆกัน เป็น อีก สิ่ง
3 อาการ คือ อะไร ไม่รู้เหมียนกัล

 

ที่ ทรง บอก ว่า ทุก อย่าง อนัตตานั้น

ไม่ ใช่ เพราะ ว่า มัน เป็น แค่ พลังงานหรือ ครับ

เพี้ยน ไป กัน ใหญ่

เพราะ ว่า เมื่อ สมัย พระองค์นั้น วิทยาศาสตร์ไม่ก้าวหน้า การ รับ รู้ ยัง ไม่ สามารถ

แค่ อากาศใสๆ คน ยัง คิด ว่า ว่าง ไม่มี อะไร เลย

ทั้งที่มันมีอยู่ ทั้ง มวล ทั้ง แรง ทั้ง อุณหภูมิ และ บลาๆๆๆๆๆๆ

เล็ก กว่า ควาก ตอนนี้มี ทฤษฎีแล้วนี่ครับ

ต่อ ไป จะ ไป ถึง ไหน ก็ ม่าย รู้

ถ้า คน เรา เข้า ใจ ว่า เนื้อ หนัง ไม่ ใช่ เนื้อ หนัง มัน ก็ แค่ การ รวม ตัว กัน ของ กลุ่ม พลัง งาน เท่า นั้น เอง

ที่ คุณ ใบ ไม้ เขา ต้อง การ บอก ก็ เรื่อง นี้ แหละ ครับ

พลัง งาน ที่ pure มาก มากมาก

 

นิมดนิมิตมักเกิดกับ
พระอนาคามี
ส่วนพระอรหันต์ไม่มีนิมดนิมิต

เพราะถือว่าท่านดับรูปนามได้แล้ว
จึงว่าพระอรหันต์ไม่ฝัน
เพราะเป็นมหาสติมหาปัญญา

 

แล้วหลวงปู่มั่น เล่าว่า พบตอนไหน ตอนที่สำเร็จใช่ไหม

แล้วคุณวิมุตติ เห็นตอนไหน ตอนสำเร็จเหรอ

 

เราต่างก็อ่านตำราเล่มเดียวกัน

แต่โลกทัศน์เสมือนเป็นเลนส์สายตา
เรียวแหลมคมไม่เท่ากัน

ท่านพระอาจารย์มั่นท่านรู้เห็นพระอรหันต์ในพุทธกาล
ในครั้งที่ท่านบรรลุเป็นพระอนาคามี ท่านยังช่วยบอกที่
หลบซ่อนของมีด ที่ท่านอาจารย์มั่นลืมไปแล้วว่าจะไปหาพบได้ที่ไหน

ในครั้งที่ท่านสิ้นอาสวะ ท่านถึงได้พบพระพุทธเจ้าและคณะบริษัทของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านต้องสำเร็จก่อน ท่านถึงจะตรัสรู้ตามพระตถาคตเจ้า

 

ผมจะเล่าให้ฟัง สมัยก่อนที่ผมติดวิปัสสนูกิเลส
เพราะมันเห็นรูป นาม นึกแล้วทุเรสตัวเองว่า
ตอนนั้น ยังว่าตนเองนี้จะรู้มากกว่าหลวงปู่มั่นและหลวงตามหาบัวเสียอีก
เพราะหลวงตาไม่เคยเทสอย่างที่เรารู้เลย
ทุเรสตัวเองจริงๆ ดีนะตอนนั้นยังมีศรัทธาว่า
ท่านรู้มากกว่าเราแน่ เลยไม่เชื่อตน เพราะผลของมันต้องดีจนเราหลงสิ มันถึงกล่อมเราได้

 

อดีตเป็นความฝัน
ปัจจุบันก็ไม่ใช่ความจริงเป็นมายา
สมมติว่าจริง
พุทธบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว เป็นปัจฉิมภาวิก
บุคคลมีภพครั้งสุดท้ายแล้ว
จึงมักมีเหตุบันดาลให้มองเห็นเงาแห่งสัจจะของ
ชีวิตแม้ท่ามกลางความมืดคืออวิชชา

 

ท่านศรีฯใช้เหล็กอะไรตีกระบี่นะครับ

 

ท่านศรีนี่ไม่เบาเลยนะนี่ ใช้ได้

 

คารวะท่านวิษณุ12 คือ ว่า กระบี่ไร้ใจ การไร้ซึ่งความหมาย สิ่งที่เราเป็นท่านหามันไม่<WBR>เห็นหรอก เพราะเราไม่ให้มันมีค่าที่จะปรากฏที่ไหน ๆ

 

ท่านสิ้นสงสัย ... เรื่องสัจจะธรรมของพระพุทธเจ้า เรื่องโลกุตตระธรรม แล้วหรือยัง ?
ถ้ายัง.... ขอให้ท่านพิจารณาค้นคว้าด้วยตนเองให้มาก

 

วิษณุ12*, sriaraya5, ^ ^

ทานข้าวเย็นกัน ท่านศรีฯ ท่านซื่อๆด้วย

 

กระบี่ไร้ใจมีผู้ถือหรือไม่

 

ท่านคือใคร ผมขอคาระวะ

 

ไร้รูปกายไร้กระบี่ไร้ใจไม่มีผู้ถือ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, sriaraya5, หลินจิ่นเฉิง, ขุนพล. </TD></TR></TBODY></TABLE>


แขกใหญ่มา

 

ไม่รู้ว่าจะมีการถ่ายพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลหรือเปล่าค่ำนี้

 

ไม่มีผู้ถือ ใยจึงเรียกว่ากระบี่

 

กระบี่ไร้ใจ มีด้าม มีปลาย หรือไร้ด้าม ไร้ปลาย