สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ศาสนาพุทธจะบอกเพียงว่า
"เอาเถอะ ธรรมภูต คนหลงนั้น ยังไงก็หลง"แบบนี่ไม่ได้ครับ
ศาสนาเสียหายหมด คนที่ได้สมาธิชั้นสูงแล้ว
ย่อมรู้ถึงส่วนหยาบ ส่วนละเอียด ส่วนที่หลง ส่วนที่ไม่หลง

พูดลอยๆแบบนี้จะให้ไว้ใจได้ยังไงว่าได้ธรรมชั้นสูงแล้ว
ชี้เถอะไม่ถึงกับตายหรอก ที่ชอบไปเรื่องอื่นหนะใช่ผมซะที่ไหน
ลองพยายามดู จะได้เป็นการทบทวนธรรมไปในตัว
มีแต่ได้ไม่มีเสีย จะได้รู้ว่าใครที่หลงกันแน่

;aa24

 

นี่ แล้วไอ้ที่ผมพูดมาสองสามปี แล้วกับอีก สี่ล้านห้าแสนเก้าหมื่นข้อความนี่คุณไม่เคยอ่านให้เข้าใจเลยหรือ

 

ฝึกลิงให้เก็บมะพร้าวคงไม่สามารถจบได้ในประโยคเดียวเป็นแน่ หุหุ

 

เอาหละ อย่าเพิ่งเสียความมั่นใจหละธรรมภูติ แค่นี้ไม่สะเทือนไม่ใช่หรือ
ยังอยากพิสูจน์ ธรรมของผม ก็หาคำถามมาแต่ให้ระลึกก่อนจะตั้งคำถามว่า

"ไม่มีสิ่งใดไร้สาระเท่ากับการตั้งคำถามไร้สาระ"

 

จากที่ตามอ่านผลงานคุณธรรมภูต มาสองสามโพส ก็ทราบได้โดยนัยว่า

ที่ตามจวก อ.ขันธ์ นั่นเพราะเคยผูกใจเจ็บกันมาแต่หนหลัง
ด้วยความเป็นเพศหญิง แต่สับสนในการอวตารชั่วขณะ จึงทำให้ไม่มีเพศบ้างเป็นธรรมดา

ก็ไม่ขอกล่าวอะไรมากกว่านี้ เพราะท่านก็เป็นคนมีภูมิธรรมอยู่ แม้จะหลายศาสตร์ตีกันก็ตาม หุหุ

 

ทีนี้ คำถามใดจะไม่ไร้สาระ มันก็ต้องเป็นคำถามจากการปฏิบัติ

ไม่ใช่ไปเปิดพจนานุกรมมาแล้วมาถามผมว่าแปลว่าอะไร

คุณต้องปฏิบัติ แล้วได้ภูมิเท่าไร เอามาถามผม เพราะสิ่งนั้นแหละคุณจะสามารถตัดสินได้ว่า ผมรู้มากกว่า หรือ รู้จริงหรือไม่ เพราะว่า ธรรมเป็นปัจจัตตัง หากไม่เคยเกิดกับผู้ใดแล้วผู้นั้นไม่มีทางทราบได้ว่าจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นแล้ว คุณต้องเอา ปัจจัตตังของคุณ มาถามผม แล้วหากว่าผมรู้ปัจจัตตังนั้น แสดงว่าผมย่อมมีภูมิเท่ากับคุณขึ้นไป

 

จิตมันก็เหมือนลิงน่ะท่าน
ลิงฝึกตน ตนฝึกลิง ลิงฝึกลิง ทุกอย่างอยู่ในทางแล้ว

 

คุณ 00000 วิธีพิสูจน์ลิงคือ ให้มันขึ้นต้นไม้ มันจะคล่องแคล่ว
ก็หมายความว่า ยกยอปอปั้นสิ หรือ ให้อำนาจมัน หรือ ปล่อยให้มันได้แสดงความเป็นลิงออกมา มันจะค่อยๆแสดงความเป็นลิงออกมาเอง

คุณดูไ้ด้นี่ว่า อะไรเป็นธรรมอะไรไม่ใช่ธรรม

 

ไม่ได้ว่าอะไรครับ
ทักทายธรรมดา
ส่วนตัวผมไม่อยากเป็นลิง และไม่ได้เป็นลิง

ส่วนใครอยากเป็นลิง หรือคิดว่าตนเป็นลิง
ก็เป็นเรื่องปัจจัตตังของบุคคลนั้นครับ

 

จากที่อ่านมาหลาย ๆ กระทู้ แว๊ดว่ามันไม่ค่อยพัฒนาเลยอะ มีแต่พัดนา วน ๆ เรื่องเดิม ๆ ยึดว่า ใครเห็น ใครอะไร เป็นอะไร คนถามคนตอบก็เดิม ๆ เพียงแต่เปลี่ยนสำนวน

ตามความสงสัยของแว๊ด เหนื่อยกันมั่งไหมเนี่ยะ

 

แว๊ด ก็คิดกำหนดจิตเหมือนดูงิ้วธรรมศาสตร์ไปสิครับ
บางตอนเรารู้แล้ว บางตอนเอาฮา บางตอนเก็บเกี่ยวสาระ ตรงไหนไม่เข้าใจ ถามเลย

 

คุณ ธรรมภูติ คุณควรไปดูว่า คุณฝึกธรรมะ มา คุณได้อะไรแล้วบ้าง

คุณต้องมีสติระลึก ถามตน ตรงนี้ว่า นี่เรามีอะไรให้ยึดเกาะบ้าง

ใจที่ทนต่อทุกข์ ใจที่ไม่หลง ใจที่เห็นความจริง นั้นเจอหรือยัง

ผมถามคุณดีกว่าว่า ฌาณ 1 คุณได้มาแล้วหรือยัง มีอาการอย่างไร นั่นแหละ คุณเอาสิ่งนั้นที่ตนมีความรู้มา คุย มาถามคนอื่นสิ

 

คนอื่นเค้าพัฒนากันครับ

ส่วนคุณแว๊ดถ้ายังไม่พัฒนา ควรหาวิธีการใหม่ ๆ ครับ

แซวเล่นครับ อย่าเคืองแล้วกัน

 

ไม่เคยได้เข้ามาอ่านเลย....เข้ามาปุ้บ....โอโห....

 

ไปหละครับ

ทีเหลือก็ควรต้องไป ปฏิบัติเอา แล้วเอาผลที่ได้จากการปฏิบัติตนมาไต่ถามกัน นั่นแหละ เช่นเดียวกับพุทธกาล และ พระอาจารย์มั่น

คือ แรกๆ ก็ต้องมีพี่เลี้ยง หลังจากนั้นแล้ว ตนเองต้องไปฝึกฝนเอา แล้วเอาผลที่ได้มาแลกเปลี่ยนกัน จะทำให้ตนก้าวหน้า

 

ยินดีต้อนรับครับ

 

ทำไมต้องรอหละ ที่คูณพูดไว้มันเป็นคำตอบอยู่แล้วว่า
ที่คุณพูดหนะคิดเองเออเอง
โดยเอาเพียงคำพูดของครูบาอาจารย์มาตีความเอาเอง

ถ้าผมแย้งโดยไม่เอาพุทธพจน์มารองรับ
ก็อาจถูกมองว่ากว้าล่วงครูบาอาจารย์เข้าให้

ผมยกพุทธพจน์มาให้เทียบเคียง
พุทธพจน์ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าหรือว่าไม่ใช่?

คุณกำลังสับสนอะไรอยู่หรือเปล่าคุณขันธ์
เรื่องพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นอัตตาหรืออนัตตา
ใครว่าไม่มีความสำคัญ การเป็นที่พึ่งหรือไม่ใช่ทีพึ่ง
มีความสำคัญมากในพุทธศาสนา คุณยังมองข้าม

แล้วจะให้ผมเชื่อถือได้ยังไงว่าได้สมาธิชั้นสูง?
คนที่สามารถดูจิตจนกระทั่งแยกออกจากกายโดยเด็ดขาดได้นั้น
ไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่งที่อาศัย

ไม่ใช่จำๆมาพูดเพียงแค่ "จิตมันไหลทั้งคืนทั้งวัน ก็ให้คอยมีสติ รู้
และอย่าให้มันดองอกุศลเอาไว้ ค่อยตกแต่งจิตนี้ให้ เบิกบาน
และ ปราโมช เข้าไว้ ตรงนี้ต้อง สังเกตุมันให้มาก"


โดยไม่บอกว่าทำยังไง จิตถึงจะหยุดไหลเป็น
จะสร้างสติให้เกิดขึ้นได้ยังไงในขณะนั้น คอยให้สติเกิดขึ้นเองไม่ได้หรอก
รู้ใครๆก็รู้ รู้แล้วต้องหยุดให้เป็น ไม่ใช่แค่เพียงคิดค่อยตกแต่งจิตเท่านั้น
เพียงแค่ความคิด หยุดจิตไหลไม่ได้หรอก ต่อเมื่อหยุดคิดเป็น จิตจึงหยุดไหล?

ที่ผมยกพุทธพจน์มาว่า
"จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง(หยุดคิด)
บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหา(ละกิเลส)"
แบบนี้ยังไม่เป็นการชี้ไปที่กิเลสและการละกิเลสอีกหรือครับ

คุณเอาอะไรมาพูด จิตไหลใช่เพราะออกไปหากิเลสหรือเปล่า?
เมื่อหยุดคิด จิตหยุดไหลใช่สิ้นการปรุงแต่ง(ออกไปหากิเลส)หรือเปล่า?
ที่จิตหยุดคิด หยุดไหลใช่เพราะสิ้นตัณหาหรือไม่?

ไปละ หมดเวลา เวลาหมด


;aa24

 

จริงของพี่โชแปง เขาแสดงให้ดู ก็ดูซะหน่อย ครูเขามาสอนเนอะ

 

อืม เขาว่าให้ดูตัวเอง อย่าดูคนอื่นเนอะ

โทสะจริง ๆ แล้วคืออะไรคะ

ที่ว่าเคือง เคืองเพราะมีโทสะ เพราะพิมพ์ไม่ถูกลูกกะตา หรือใจ เพราะ...เอาสิ่งที่ไม่ต้องใจมาผูกไว้..นิ อิอิ