สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ครับผม........;aa10
     
  2. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ก็มีแต่เขาว่า เขาว่า
    เราก็เลยว่าเองไม่เป็นซักที เนอะ
     
  3. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ก็ตามเขาว่าไปก่อนดิ๊ เดินตามผู้ใหญ่ม๋าไม่กัด นิ
     
  4. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    หายใจเข้า ไม่หายใจออก ก็ตาย

    หายใจออก ไม่หายใจเข้า ก็ตาย

    งุงิ
     
  5. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เห็นด้วยครับ
    ผู้ใหญ่ว่าอะไรก็ควรฟังไปก่อน
     
  6. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    พี่เกสท์ แว๊ดแซวหน่อยนะ ประมาณว่า ฟังแล้วจะเชื่อไม่เชื่ออีกเรื่องนึงเนอะ งิงิ

    ไปแล้วกั๊ป ฝันดี โชคดี ปลอดภัยทุกท่านเจ้าค่ะ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646


    จิตผ่องใสเศร้าหมองได้ หลุดพ้นได้
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผ่องใส ก็แต่ว่าจิตนั้นแล เศร้าหมองเพราะอุปกิเลส ที่จรมา"
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผ่องใส ก็แต่ว่าจิตนั้นแล หลุดพ้นได้จากอุปกิเลส ที่จรมา."
    เอกนิบาต อุงคุตตรนิกาย ๒๐/๑๑

    อุปกิเลส 16

    ๑. อภิชฌมวิสมโลภะ คือความละโมภ อยากได้ อยากมี อยากเป็นอย่างไม่รู้จักพอ เห็นแก่ได้จนลืมตัว

    ๒. พยาบาท คือความคิดร้าย มุ่งจะทำร้ายเขา ใครพูดไม่ถูกใจก็คิดตำหนิเขา คิดจะทำร้ายฆ่าเขาก็มี บางครั้งทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ ก็หันมาตำหนิตัวเอง ทำร้ายตัวเอง จนฆ่าตัวตายก็มีซึ่งเป็นเพราะอำนาจพยาบาท เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ

    ๓. โกธะ คือความโกรธ มีอะไรมากระทบก็โกรธ เป็นลักษณะโกรธง่าย แต่เมื่อหายแล้วก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คือไม่ผูกใจเจ็บ ไม่พยาบาท เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ

    ๔. อุปนาหะ คือการผูกโกรธ ใครพูดอะไร ทำอะไรให้เกิดความโกรธแล้วจะผูกใจเจ็บ เก็บไว้ ไม่ปล่อย ไม่ลืม เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น กระทบอารมณ์เมื่อไร ก็เอาเรื่องเก่ามาคิดรวมกันคิดทวนเรื่องในอดีตว่าเขาเคยทำไม่ดีกับเราขนาดไหน เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ

    ๕. มักขะ คือการลบหลู่คุณท่าน ปิดบังความดีของผู้อื่น ลบหลู่ความดีของผู้อื่น เช่น เขาให้ของแก่เรา แทนที่จะขอบคุณกลับนึกตำหนิเขาว่า เอาของไม่ดีมาให้ หรือเมื่อมีใครพูดถึงความดีของเขา เราทนไม่ได้ เราไม่ชอบ จึงยกเรื่องที่ไม่ดีของเขามาพูด เพื่อปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่คนดีถึงขนาดนั้น เป็นต้น
    ๖. ปลาสะ คือการตีเสมอ ยกตัวเทียมท่าน ไม่ยอมยกให้ใครดีกว่าตน แต่ชอบยกตัวเองดีกว่าเขา มักแสดงให้เขาเห็นว่าเราคิดเก่งกว่า รู้ดีกว่า ถ้าให้เราทำ เราจะทำให้ดีกว่าเขาได้

    ๗. อิสสา คือความริษยา เห็นเขาได้ดี ทนไม่ได้ เมื่อเห็นเขาได้ดีมากกว่าเรา เขาได้รับความรักความเอาใจใส่มากกว่าเรา เรารู้สึกน้อยใจ อยากจะได้เหมือนอย่างเขา ความจริงเราอาจจะมีมากกว่าเขาอยู่แล้ว หรือเรากับเขาต่างก็ได้รับเท่ากัน แต่เราก็ยังเกิดความรู้สึกน้อยใจ ทนไม่ได้ก็มี

    ๘. มัจฉริยะ คือความตระหนี่ ขี้เหนียว เสียดายของ ยึดในสิ่งของที่เราครอบครองอยู่อย่างเหนียวแน่น อยากแต่จะเก็บเอาไว้ ไม่อยากให้ใคร

    ๙.มายา คือเจ้าเล่ห์หลอกลวง ไม่จริงใจ พยายามแสดงบทบาทตัวเองเกินความจริง หรือจริงๆ แล้วเรามีน้อยแต่พยายามแสดงออกให้คนอื่นเข้าใจว่ามั่งมี เช่น ด้วยการแต่งตัว กินอยู่อย่างหรูหรา หรือบางกรณี ใจเราคิดตำหนิติเตียนเขา แต่กลับแสดงออกด้วยการพูดชื่นชมอย่างมาก หรือบางทีเราไม่ได้มีความรู้มาก แต่ของคุยแสดงว่ารู้มาก เป็นต้น

    ๑๐. สาเถยยะ คือการโอ้อวด หลอกลวงเขา ชอบอวดว่าดีกว่าเขา เก่งกว่าเขา พยายามแสดงให้เขาเห็น เพื่อให้เขาเกิดอิจฉาเรา เมื่อได้โอ้อวดแล้วมีความสุข

    ๑๑. ถัมภะ คือความดื้อ ความกระด้าง ยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ใครแนะนำอะไรให้ก็ไม่ยอมรับฟัง

    ๑๒. สารัมภะ คือการแข่งดี มุ่งแต่จะเองชนะเขาอยู่ตลอด จะพูดจะทำอะไรต้องเหนือกว่าเขาตลอด เช่นเมื่อพูดเถียงกันก็อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เพื่อเอาชนะให้ได้ ถึงแม้ความจริงแล้วตัวเองผิด ก็ไม่ยอมแพ้

    ๑๓. มานะ คือความถือตัว ทะนงตน

    ๑๔. อติมานะ คือการดูหมิ่นท่าน ความถือตัวว่าเราดียิ่งกว่าเขา ทำให้ดูถูกดูหมิ่นคนอื่น

    ๑๕. มทะ คือความัวเมา หลงว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาว ยังไม่แก่ ยังไม่ตาย หลงในอำนาจ หลงในตำแหน่ง คิดว่าเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปแล้วทำอะไรเกินเหตุ

    ๑๖. ปมาทะ คือความประมาท เลินเล่อ ไม่คิดให้รอบคอบ อาการที่ขาดสติ ขาดปัญญา


    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --><!-- Counter/Statistics data collection code --><SCRIPT language=JavaScript src="http://us.js2.yimg.com/us.js.yimg.com/lib/smb/js/hosting/cp/js_source/whv2_001.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript>geovisit();</SCRIPT>[​IMG] [​IMG] <NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT>​
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ที่ตามอ่านๆดู กระทู้สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน

    มีอยู่ 2 ส่วน ส่วนที่เป็นสัมมาทิฏฐิแบบโลกๆ กับสัมมาทิฎฐิในอริยะ

    ซึ่งกระทู้นี้ก็พุ่งไปที่สัมมาทิฎฐิอริยะ พูดเรื่องมรรค8
    โดยเน้นไปสัมมาสมาธิ ผมก็ว่ายังอยู่ในประเด็น
    แม้บางตอนเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เดิมๆเพราะภูมิผู้กล่าวรู้เท่าที่พูด มันจึงวนเวียนอยู่
    เมื่อได้รับการชี้แนะ กลับไม่ลองพิสูจน์ มีแต่ยืนกระต่ายขาเดียว ผู้นั้นมีแต่จะยึดอัตตาไม่รู้ตัว

    ที่ดูรวมๆ ก็พอทราบได้ว่าใครแสดงธรรมโดยมีคติ หรือ อคติ ตรงนี้ก็พอชี้วัดน้ำหนักผู้กล่าวธรรมได้เป็นธรรมดา

    เมื่อพูดอย่างนี้ ก็จะมีคำถามว่า ทำไมผมไม่ย้อนดูตัวเอง ถูกไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2009
  10. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    อุปกิเลส 16
    ยกได้ดีพระสี เข้ากับสถานการณ์

    มีข้อ 17 ไหม ถูกทุกข้อ
     
  11. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ควรพิจารณาผู้แสดงและผู้อ่านหรือผู้ฟังไปพร้อมกัน
    เพราะบางทีผู้อ่านหรือผู้ฟังรับได้ 20%
    ถ้าผู้แสดง แสดงไปเต็ม 100%
    นอกจากจะไม่ได้อะไร ใน 80%
    แต่อาจทำให้เกิดผลเสียได้
     
  12. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ขอกล่าวผู้ปิดทองหลังพระหน่อย

    เข้าใจว่า ผู้อ่านมากศึกษามาก เข้าใจมาก น่าจะเป็นพระศรี
    เห็นอยู่มาตั้งแต่เริ่มกระทู้ และอยู่ตลอดด้วย หมายถึงตลอดเวลาเข้ามาก็เจอ

    พระศรีมักจะยกธรรมจากแหล่งต่างๆมาได้เข้ากับสถานการณ์
    นั่นแปลว่าเป็นผู้ อ่านมาก เห็นมาก จำได้ดี สามารถนำบทความมาลงได้ทันจังหวะ
    แม้ไม่ค่อยมีผู้ใดกล่าวถึง หากลองกลับไปอ่านดู แต่ละธรรม เข้าเป้าเน้นๆ

    แต่เป็นคนพูดน้อย หนักตำรา
    แปลว่า ความคิดอ่านอยู่ในข้อธรรม จนตื้อ
    ก็ลองสังเกตุดู เราปฏิบัติ เราเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานทุกขณะจิตหรือยัง
    หรือว่าตื้อ มึน เขาพูดอะไรเราก็รู้ เราเข้าใจ แต่อธิบายไม่ได้
    บางทีเรารู้มากกว่าที่พูดๆกัน แต่ยังสับสนในความรู้ มันก็ตื้อได้

    แค่ตั้งข้อสังเกตุนะพระศรี เพราะดูท่านกับเราถูกชะตากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2009
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  15. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ธรรมเป็นของละเอียด หากปฎิรูปนิดเดียวย่อมเพี้ยนไปใกล ตามแรงเหวี่ยง
    แสดงธรรมตามเหตุตามปัจจัย
    พุทธองค์ทรงแสดงธรรมตามสถานการณื ตามภูมิผู้รับ
    คนไหนมีแววจะเข้าถึง ท่านก็แสดงไม่เคยกั๊กธรรม

    ถามว่าผู้เข้ามาอ่าน มีตั้งแต่ ไม่รู้อะไร รู้บ้าง รู้เท่ากัน รู้แล้ว
    สองอย่างแรก มักจะเป็นผู้ฟัง
    อย่างที่สาม ถ้าไม่เสริมกันก็มักจะลองของ
    อย่างที่สี่ นิ่ง และกล่าวตามสมควรแก่เหตุ
     
  16. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ธรรมะเป็นของละเอียด แต่ละสภาวะของแต่ละคนที่เจอก็ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน บางครั้งภาษามันก็ไม่สามารถจะสื่อเป็นคำพูดได้ถูกต้อง นอกจากเข้าใจด้วยตนเอง ( ตามภาษาบาลีนั่นแหระ จำไม่ได้)

    อย่างตอนไปปฏิบัติที่วัด คุยกันว่าแว๊ดดิ่ง เขาก็ว่าไม่ดิ่ง เหมือนลงเหว อีกคนก็บอกเหมือนวูบลงไป สรุปมันก็อาการอย่างเดียวกัน แต่พูดออกมาไม่เหมือนกัน งี้อะ
     
  17. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    พูดถึงเรื่องซีดีอาจารย์ เห็นต้นกระทู้กล่าวถึง

    ที่ผมฟังๆดู เป็นเรื่องสอบอารมณ์แต่ละบุคคล
    เราจะไปจำอารมณ์หรือการแก้อารมณ์ผู้นั้นมาใช้กับเราคงไม่ถูกซะทีเดียว

    นี่ก็แสดงได้ว่าเป็นการชี้ธรรมโดยจำแนกภูมิผู้รับ เป็นธรรมดา
     
  18. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ดิ่ง วูบ ดับ ตัด ตัวเดียวกันทั้งนั้น ในวิปัสสนา
    ในส่วนสมถะ ดับ กับ ตัด เป็นอีกเรื่อง

    แล้วอาการ ดิ่ง วูบ ของแว๊ดเป็นยังไงหรือ เห็นอะไรในนิมิตไหม
     
  19. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    แว๊ดหรอ ก่อนมันจะดิ่ง มันทรมานจุกที่ลิ้นปี่ ก็กำหนดรู้หนอ แต่มันแปลกหน่อยตรงที่ว่า มันรู้ทั่วตัวทั้งหมด แต่เด่นที่ลิ้นปี่ จากนั้นมันก็เสียววาบ ไม่ได้ยินเสียงอะไร ไม่รู้ตัวมีตัวป่าวไม่รู้ แต่มันเห็นสีขาวไม่จ้า กว้าง กระจาย ค่อย ๆ กระจายออก ไม่มีข้างหน้า ข้างหลัง ซ้ายขวา

    จากนั้นพอจับพองยุบอีก มันก็ดิ่งตัวหายไปเอง แค่นี้อะ
     
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ปังคุงการนั่งนิ่งหุบปากถือว่าเป็นธรรมอันเราได้แสดงแล้ว[​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...