สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    รู้สึก ท่าน ดิต นัน ฮัท นำมาแปลใหม่ เรื่องหัวใจตัดเพชรอะไรนี่แหละ ผมยังไม่เคยผ่านตาเหมือนกัน
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    คุณขันธ์ ราตรีสวัสดิ์ ครับ.......ยินดีมากครับที่ได้สนทนากัน.....แต่คุณขันธ์ยังติดคำถามผม 1 ข้อนะครับ......ฝันดีครับ....
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    หืม....เป็นงง...เลยผม....หัวใจตัดเพชร.....

    คุณโชแปงรู้จัก ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร คัมภีร์ สำคัญ เซน....ไมครับ...
     
  4. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ไม่เคยอ่านครับ น่าเกิดจากการแปล จากสาวกรุ่นหลังพุทธกาล
    เนื้อหาแต่ตั้งข้อสังเกตุว่า มีเคล้าจริงไหม ตอบว่าน่าจะจริง
    เพราะภูมิธรรมอันเกิดจาก บุพเพ เจโตอะไรนั่น อรหัตถ์ได้กันทุกองค์
    แต่ก็คงมีความเห็นแยกเป็นสองแนวอยู่เหมือนกัน คือรู้แค่ในกำมือรู้ทุกข์ รู้อริยะสัตว์ก็เพียงพอเข้านิพพาน
    ส่วนอีกกลุ่มเป็นเรื่องความเรียบง่าย เน้นทำฌาณเรื่องจิต เรื่องเมตตาให้มาก เพราะปัญญาที่รู้มามันยากเกินสามัญชนเข้าถึง จึงเน้นไปที่ธรรมชาตฺการครองชีวิต
    จากมหายานจึงแตกเป็นเซนอีกที

    แต่พระสุภูติที่ผมแนะนำนั้น ท่าน เป็นที่นับถือมากในสองนิกายนี้ครับ
     
  5. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ขยายอีกหน่อย

    ปารมิตาหฤทัยสูตร ( พระสูตรว่าด้วยปัญญาอันเป็นหัวใจพาไปถึงฝั่งพระนิพพาน )

    พระสูตรนี้ หัวใจเซน

    [​IMG]
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อันนี้ไม่ใช่ ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร นะครับที่ยกมา....
    แต่ที่ยกมา เป็นหัวใจเซน ใช่ไมครับ.....
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
  8. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    นาคารชุน รจนา ปรัชญาปารมิตาสูตร

    ปารมิตาหฤทัยสูตร ( พระสูตรว่าด้วยปัญญาอันเป็นหัวใจพาไปถึงฝั่งพระนิพพาน )
    จะยกของท่านนั่นแหละ แต่จะให้ภาพมันชัดๆหน่อย หุหุ
     
  9. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ปรัชญาปารมิตา เป็นคัมภีร์เก่าแก่ของชาวพุทธที่ไม่ปรากฏผู้แต่ง ตำนานฝ่ายมหายานเชื่อว่า นาคารชุนะได้รับพระสูตรนี้มาจากดินแดนของนาค เป็นบทรวบรวมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำสอนลึกซึ้งที่จะได้รับการค้นพบโดยบุคคลที่มีปัญญาเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร พระสูตรความยาวหนึ่งแสนโศลกนี้ก็ได้เชื่อว่าเป็นสื่อแห่งปัญญาของชาวพุทธโดยแท้ เนื่องจากพระสูตรเผยให้เห็นความไร้แก่นสารของสรรพสิ่ง ไม่มีอะไรที่ใครจะยึดถือได้ จึงเข้ากับกฎไตรลักษณ์

    ปรัชญาปารมิตาจึงชื่อว่าเป็นคำสอนที่ประกาศความว่างในธรรม (ธรรมศูนยตา) ลึกซึ้งกว่าคำสอนพุทธทั่วไป ที่ประกาศความว่างในบุคคลเท่านั้น (ปุคคลศูนยตา)

    ส่วนของปรัชญาปารมิตาสูตรที่ชาวพุทธนิยมอ่านและได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้วหลายสำนวนคือ วัชรเฉทิก (วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร) กับ ปรัชญาปารมิตาหฤทัย

    เนื้อหาสำคัญคือ ผู้ฝึกฝนเป็นโพธิสัตว์ จะต้องหมั่นพิจารณาความจริงที่ว่า แม้ว่าโลกนี้จะมีสัตว์อุบัติขึ้นมากมาย มีทั้งที่ประกอบด้วยสัญญาหรือไม่ก็ตาม มีการรับรู้หรือไม่มี กำเนิดแบบไหนก็ตาม หน้าที่ของโพธิสัตว์คือช่วยสัตว์เหล่านั้นให้หลุดพ้นโดยไม่ละเว้นใคร และแม้จะช่วยสัตว์ให้หลุดพ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ความจริง หาได้มีสัตว์ใดที่โพธิสัตว์ช่วยให้หลุดพ้น ไม่มีผู้ช่วยให้หลุดพ้น ไม่มีกระทั่งการหลุดพ้น โพธิสัตว์จะต้องมองทุกอย่างโดยว่างไปหมด ไม่เช่นนั้นแล้วจะเท่ากับกำลังสร้างทวิภาวะระหว่างตนกับผู้อื่น หรือจิตกับธรรม

    ง่ายๆ คือ หากมีความคิดปรุงแต่งตัวเรา-เขาอยู่ในการฝึกฝน อาทิ มีตัวเราคอยช่วย มีผู้อื่นถูกช่วย การคิดแบบนี้ถือว่าเป็นการแบ่งแยกในระดับละเอียด แม้ไม่เกี่ยวกับเรื่องดีชั่ว แต่ทวิภาวะก็เกิดขึ้นจากการหล่อเลี้ยงอัตตา ตัวตน บุคคล สิ่งของ


    อ่านเพิ่มได้ที่ http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=8584
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศากยมุนี ตรัสรู้เอง ได้พบทางนิพพานอย่างนี้ ปุถุชนทำให้จิตว่าง ได้เป็นพักๆแล้วก็เสื่อมไป พระอริยเจ้า ทำให้จิตว่างได้ตามที่ต้องการ พระอรหันต์อยู่ในจิตว่าง อาณาจักรแห่งความว่าง ธรรมะนี้เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะคนที่ได้บรรลุถึงธรรมนี้บ้างแล้ว สาธุ!
     
  11. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ถ้าของไทยเข้าใจง่ายๆก็งานเขียนท่านพุทธทาส เรื่องสูญญตา
    มีหลายคนสงสัยว่าท่านพุทธทาสสำเร็จธรรมขั้นใดหรือไม่
    ลองไปหาอ่านในทิพย์อำนาจในหลวงดูครับ
    มีตอนนึงทรงนิมต์ท่านพุทธทาสให้อยู่ต่อ ขณะนั้นท่านพุทธท่านอาพาตทำท่าจะไปอยู่แล้ว
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    พูดถึงเรื่อง ท่านพุทธทาส......ผมยังมีหนังสือเล่มหนึ่งที่ยังไม่ได้อ่านและว่าจะไปหาอ่าน.....ที่ท่านพูดถึง นิพพาน และพระอภิธรรม.....
     
  13. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ดีครับ หนังสือเล่มแรกของผมก็คู่มือมนุษย์

    เริ่มรู้จักปฎิจาสุมปบาทก็เล่มนี้แหละ
    และเข้าใจคำว่าอิทัจปจยตา ว่าด้วยกฎธรรมชาติ ก็เล่มนี้แหละ
    หากเปรียบปฏิจาสมุปบาทเป็นเรื่องธรรมชาติในกาย อิทัจปจยตาก็เป็นเรื่องกฎธรรมชาติกฏจักรวาลที่คลุมอีกที
     
  14. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ปารมิตาหฤทัยสูตร
    พระสูตรของมหายาน ชาวเถรวาทควรศึกษาครับ
     
  15. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    อา ค้นเจอแล้วครับ เมื่อว่าหัวใจตัดเพชรใช่ไหม 555+

    เ พ ช ร ตั ด ทำ ล า ย ม า ย า
    **วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร**

    นี่เป็นพระสูตร 1 ใน 600 ผูก ของคัมภีร์ฝ่ายมหายาน ที่มีความสำคัญมาก
    แปลโดย ท่านเสถียรโพธินันทะ ซึ่งแปลมาจากท่านกุมารชีพผู้แปลตามคติแห่งนิกายศุนยต วาทิน
    (รู้สึกว่าหลวงแม่ธัมมนันทา ก็แปลพระสูตรนี้ด้วย แต่แปลจากฉบับภาษาอังกฤษ)

    คัดลอกออกมาเพียงส่วนหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับพระอริย ะทั้งหลาย โดย สุภารัตถะ
    ……………………………

    “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายพึงกำหนดรู้ว่าธรรมะที่เราแสดงมีอุปมาดัง ผู้อาศัยพ่วงแพ แม้แต่ธรรมก็ยังต้องละเสีย จักกล่าวไปไยกับอธรรมเล่า”

    พ. สุภูติเอย! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน? ตถาคตได้บรรลุพระอนุตตรสัมโพธิญาณฤา? ตถาคตได้แสดงพระธรรมเทศนาอยู่ฤา?
    สุ. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ตามความเข้าใจของข้าพระองค์ ในธรรมอรรถอันพระสุคตได้ตรัสไว้ ก็ไม่มีสภาวะใดแน่นอนที่เรียกว่าพระอนุตตรสัมมาสัมโพ ธิ และก็ไม่มีสภาวธรรมใดๆ แน่นอนซึ่งพระองค์แสดงเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน? เพราะว่าธรรมซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัส ทั้งหมดไม่ควรยึดถือ ไม่ควรกล่าว ไม่ใช่ธรรมและไม่ใช่อธรรม ทั้งนี้ด้วยเหตุอันใด? ด้วยเหตุว่าพระอริยบุคคลทั้งหลาย อาศัยสังขตธรรมนี้แล้วจึงมีความแตกต่างกัน๑”

    พ. “ดูก่อนสุภูติ! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน? ถ้ามีบุคคลใด บำเพ็ญทานบริจาคด้วยสัปตรัตนะ อันเต็มเปี่ยมทั่วมหาตรีสหัสสโลกธาตุ บุคคลนั้นจักได้เสวยบุญกุศลอันมากมายกระนั้นฤาหนอ?
    สุ. “มากมายนักแล้ว พระเจ้าข้า! ข้อนั้นเพราะเหตุใด? เพราะว่าบุญกุศลนั้น โดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะอันใดที่เป้นบุญกุศล ฉะนั้น พระตถาคตเจ้าจึงตรัสว่าได้บุญกุศลมากมาย๒”

    “ถ้ามีบุคคลใดอาศัยปฏิบัติตามพระสูตรนี้ แม้ที่สุดเพียงคาถา ๔ บาท และประกาศสั่งสอนผู้อื่น บุญกุศลของผู้นั้นจักโอฬารยิ่งกว่าผู้ทำทานด้วยสัปตร ัตนะ ข้อนั้นเพราะเหตุใดฤา? สุภูติ! พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตลอดจนพระพุทธอนุตตรสัมมาสัมโพธิทั้งปวงล้วนมีกำเนิด จากพระสูตรนี้ สุภูติเอย! สิ่งที่เรียกว่าพระพุทธธรรมนั้น โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะพระพุทธธรรมนั้นเลย”

    พ. “ดูก่อนสุภูติ! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน? พระโสดาบันสามารถมนสิการว่า เราได้บรรลุโสดาปัตติผลฤา?”
    ส. “หามิได้ ข้าแต่ผู้มีพระภาค! ข้อนั้นเพราะเหตุใด? เพราะว่าพระโสดาบันบุคคลนั้นชื่อว่าเป็นผู้เข้ากระแส แต่โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดเข้าสู่กระแสเลย การไม่เข้าถึงรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าพระโสดาบัน”

    พ. “ดูก่อนสุภูติ! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน? พระสกทาคามีสามารถมนสิการว่า เราได้บรรลุสกทาคามิผลฤา?”
    ส. “หามิได้ ข้าแต่ผู้มีพระภาค! ข้อนั้นเพราะเหตุใด? เพราะว่าพระสกทาคามีบุคคลนั้นชื่อว่าเป็นผู้จักเวียน กลับมา (ในกามาวจรภพ) อีกครั้งเดียว แต่โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดเวียนกลับมา เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า พระสกทาคามี”

    พ. “ดูก่อนสุภูติ! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน? พระอนาคามีสามารถมนสิการว่า เราได้บรรลุอนาคามิผลฤา?”
    ส. “หามิได้ ข้าแต่ผู้มีพระภาค! ข้อนั้นเพราะเหตุใด? เพราะว่าพระอนาคามีบุคคลนั้นชื่อว่า เป็นผู้ไม่กลับมาอีก (ในกามาวจรภพ) แต่โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดที่ไม่กลับมาอีก เป็นสักแต่ชื่อว่าพระอนาคามี”

    พ. “ดูก่อนสุภูติ! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน? พระอรหันต์สามารถมนสิการว่า เราได้บรรลุอรหันตมรรคฤาหนอ?”
    ส. “หามิได้ ข้าแต่ผู้มีพระภาค! ข้อนั้นเพราะเหตุใด? เพราะโดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดที่เรียกว่าอรหัน ต์ ข้าแต่พระสุคต! หากพระอรหันต์จักพึงมนสิการว่า เราบรรลุอรหันตมรรคอย่างนี้ไซร้ ก็ได้ชื่อว่ายึดถือในอาตมะ,ปุคคละ.สัตวะ,ชีวะ เข้าแล้ว๓”
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! พระองค์ตรัสว่าในหมู่ผู้บรรลุอารัณยิกสมาธิอันยอดเยี ่ยมนั้นได้แก่ตัวข้าพระองค์ ซึ่งเป็นอรหันต์ผู้ยอดเยี่ยมพ้นแล้วจากกิเลสราคะ ข้าแต่พระองค์ผู้ควรบูชา! ถ้าข้าพระองค์ยังมีมนสิการว่า ตัวเราได้บรรลุอรหันตมรรคอย่างนี้ไซร้ พระสุคตจักไม่ตรัสว่า สุภูติเป็นผู้ยินดีในอารัณยิกปฏิปทาเลย โดยความจริงแล้ว สุภูติมิได้ยึดถือในปฏิปทา ฉะนั้น พระองค์จึงตรัสยกย่องว่าสุภูตินี้เป็นผู้ยินดีในอารั ณยิกปฏิปทา

    พ. “สุภูติเอย! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน? ณ เบื้องอดีตกาลโน้น เมื่อตถาคตเจ้า (ยังเป็นพระโพธิสัตว์) อยู่ในสำนักของพระทีปังกรพุทธเจ้า ตถาคตได้บรรลุธรรมอันใดฤา?
    ส. “หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! เมื่อตถาคตเจ้า (ยังเป็นพระโพธิสัตว์) อยู่ในสำนักของพระทีปังกรพุทธเจ้า มิได้ทรงบรรลุธรรมใดๆ เลย”

    พ. “ดูก่อนสุภูติ! พระโพธิสัตว์บุคคลจักพึงกระทำการตบแต่งอลังการพระพุท ธเกษตรฤาหนอ?”
    ส. “หามิได้ ข้าแต่พระสุคต! ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะเหตุว่าการกระทำตบอต่งอลังการพระพุทธเกษตรนั้น โดยความจริงมิได้มีสภาวะกระทำตบแต่งอลังการพระพุทธเก ษตรเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่ากระทำตบแต่งอลังการพระพุทธเกษ ตรเท่านั้น”

    “เพราะฉะนั้นแล สุภูติ! พระโพธิสัตว์, มหาสัตว์ทั้งปวง พึงยังจิตให้บริสุทธิ์สะอาดโดยประการอย่างนี้ กล่าวคือ พึงยังจิตมิให้ยึดถือผูกพันในรูป …ในเสียง …ในกลิ่น …ในรส …ในสัมผัส …ในธรรมารมณ์ พึงยังจิตมิให้บังเกิดมีความยึดถือผูกพันในสภาวะใดๆ… ”




    ที่มา http://www.puansanid.com/forums/showthread.php?p=27491&posted=1#post27491
     
  16. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    คงเข้าใจเซนมาขึ้นนะครับ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เดินตาม เซน
    และ เซน ก็ไม่ได้เดินตามผม
    สูญญตามีอยู่ก่อนแล้ว เราแค่เข้าไปรู้ สูญญตา
     
  17. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    เสียเวลาเปล่านะแว๊ด หากมีจิตน้อมมาทางมรรค8 แล้ว ก็เดินมันให้ตรงทางเถิด
    มันไปของมันได้เอง

    ขอยกตัวอย่างพระธรรม....หลวงปู่พุธ

    เมื่อถามว่า ผู้ที่สามารถไปนิพพานได้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ด้วยการนั่งหลับตานั้น
    ผู้ที่สามารถไปนิพพานนั้น ไปตามความหมายของผู้ถามนี้ หมายถึงว่า

    เดินไปถึง เหาะไป หรือขี่ยานยนต์พาหนะไป จนกระทั่งถึงนิพพาน
    การไปนิพพานแบบนี้ เราจะไปได้หลายวิธี วิธีหนึ่งท่านใช้คาถาบริกรรมภาวนาเป็นแบบสะกดจิต

    โดยผู้ควบคุมการกระทำให้ลูกศิษย์นั่งบริกรรมภาวนาคาถาอันใดอันหนึ่ง เช่น
    นะ มะ พะ ธะ เป็นต้น ในเมื่อบริกรรมภาวนาไป เป็นคาถาหัวใจธาตุ ๔
    แล้วเมื่อบริกรรมภาวนาไป จะเกิดมีอาการสั่น แสดงว่าสมาธิเริ่มเกิด ปีติเริ่มเกิด
    ผู้ควบคุมการแสดงพอสังเกตเห็นว่ามีอาการสั่น ก็รู้ทันทีว่าจิตของลูกศิษย์กำลังเริ่มจะสงบ

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจะกรอกคำสั่งลงไปทันที เขาจะสั่งเจ้าว่า
    เจ้าจงไปดูนั่น เจ้าจงไปดูสวรรค์ แล้วจะสั่งให้ไปดูเมืองนิพพาน
    กล่าวเป็นแนวนำว่า นิพพานมีลักษณะอย่างนั้น เป็นเมืองแก้ว
    เป็นเมืองที่สวยที่งามอย่างนั้น อย่างนี้ ทีนี้จิตของผู้เริ่มสงบเป็นอุปจารสมาธิ
    ด้วยอำนาจแห่งการสะกดนั้น ในเมื่อได้ยินคำสั่งอะไร จิตของเขาจะยึด
    แล้วจะปฏิบัติตามทันที จะสั่งให้ไปที่ไหน อย่างไร เป็นอย่างไร
    จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้สั่งทุกอย่าง อันนี้เรียกว่า การสะกดจิตอีกแบบหนึ่ง

    .................................

    การไปนิพพานแบบนี้ เขาเรียกว่าไปเที่ยวนิพพาน ไม่ใช่ผู้ได้ผู้ถึงนิพพาน

    ทีนี้ในเมื่อใกล้จะตาย เขาจะสามารถไปนิพพานได้ไหม

    ผู้ที่ทำภูมิจิตในลักษณะอย่างนี้ ไม่สามารถที่จะไปนิพพานได้
    เพราะฉะนั้น อาตมาเห็นว่าเรื่องการภาวนาเห็นอะไรต่าง ๆ นี้
    ขอได้โปรดอย่าไปสนใจ เอากันตรงที่เราสามารถภาวนาแล้วมองเห็นจิตใจตนเอง
    ว่าจิตในขณะที่มีอารมณ์วุ่นวายมันเป็นอย่างไร จิตที่มันปราศจากอารมณ์มันเป็นอย่างไร
    จิตที่มีสมาธิมันเป็นอย่างไร จิตมีสติปัญญามันเป็นอย่างไร ให้มัน รู้สภาพความเป็นจริงของตัวเอง
    ว่าเรามีกิเลสตัวไหนบ้าง และสิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เราขาดอะไร เราเกินอะไร
    แล้วเราจะได้เพิ่มเติมสิ่งที่มันขาดให้สมบูรณ์ขึ้น ตัดทอนสิ่งที่เกินให้อยู่ในระดับพอดีพองาม
    ทีนี้ถ้าการภาวนานี้มุ่งไปเห็น หรือมุ่งเอาความเห็นสิ่งที่เห็น หมายถึงเห็นรูปร่างนิมิตต่าง ๆ
    ซึ่งเราอาจจะเห็นรูปคนบ้าง เทวดาบ้าง พระอินทร์บ้าง พระพรหมบ้าง หรือบางทีอาจจะเห็นสัตว์ดิรัจฉานบ้าง

    ถ้าเราไปฝึกหัดจิตให้ท่องเที่ยวอยู่ในความเห็นสิ่งต่ าง ๆ นี้ ถ้าเมื่อไปเห็นพระพรหมก็ค่อยยังชั่ว
    เห็นพระอินทร์ก็ค่อยยังชั่ว ถ้าเกิดไปเห็นสัตว์เดรัจฉานล่ะ แล้วไปเกาะติดอยู่กับมัน
    พอตายปุ๊บในขณะนั้น จะไม่ไปเกิดเป็นลูกสัตว์เดรัจฉานหรือ อันนี้ขอฝากไว้พิจารณาด้วย


    ธรรมะถามหลวงพ่อพุธ ฐานิโย.
     
  18. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    สงสัยจะจริงของพี่โชแปง เพราะพอฝึกนะมะ พะทะ ไปสักหน่อย ก็เปลี่ยนเป็นพองยุบ แล้วดิ่งซะงั้น สงสัยทางนี้จะไม่เอาไหนจริง ๆ แฮะ

    ถ้าหากฉันมีเวทมนต์ มีฤทธิ์เหมือนในเทพนิยาย จะเสกเธอให้เชื่อฟัง นะจ๊ะ นะจ๊ะ งิงิ

    แป่ว ๆ ๆ
     
  19. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    แว๊ดมีคำถามสงสัยอีกหน่อย แบบว่า เห็นเขาพูดกันแล้วไม่เก็ท

    คำว่ามรรค กับผล อย่างไหนเรียกว่ามรรค อย่างไหนเรียกว่าผล

    อย่างที่เรากำลังปฏิบัติกันอยู่นี่เรียกว่ามรรค ใช่ป่าวคะ

    แล้วตอนไหนเรียกว่าผล แว๊ดมางง ตอนที่พี่ถามว่า ข้าม แว๊ดก็สงสัยว่า มันจะข้ามยังไง

    ก็เข้าสมาธิแล้วมันไปข้ามตรงไหน ไม่มีขา หรือจิตต้องกระโดด แล้วทำไมเรียกข้าม เนี่ยะแว๊ดงง กับคำที่พูดออกมาเป็นคำพูดได้ยาก ๆ

    พี่งง กับคำถามแว๊ดป่าวนี่
     
  20. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    พี่ ๆ เข้ามาถาม ตอบกันให้ความรู้เยอะนะนี่ แม้จะงง ๆ มั่ง จะพยายาม อ่านหลาย ๆ รอบ เผื่อจะเข้าใจมั่ง แต่ภาษายาก ๆ งง ๆ เอาใจอ่านเอาละกันเนอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...