สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

หวัดดีครับ หุหุ

วิสุทธิมรรค บางตอนขัดกับพระไตรปิฏกนะ แม้จะที่มาจะเป็นพระอรหันต์
เรื่องมีการคุยกันมากในวงการศาสนา และสังคยนา ลองไปค้นหาดูได้ครับ

 

ผมมีอยู่มานานมากแล้วครับ เป็น 20 ปีเห็นจะได้แล้ว

สมัยได้มาแรกๆ นั้น อ่านปัญญานิเทศ ไม่รู้เรื่อง เพราะละเอียดมาก

อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจว่าท่านพูดอะไร จนต้องได้ปฏเวธกับตัวจึงจะเข้าใจว่า ท่านพูดอะไร

10 ปีผ่านไปได้ปฏิเวธ ยังไม่ถึงไหนเลย อ่านก็ได้แ่ค่เท่าเดิม จนวางทิ้งไว้อย่างนั้น พอได้ปฏิเวธครั้งหนึ่งก็ไปเปิดดูว่า ท่านพูดแบบที่เราเจอไว้ไหม ท่านใช้คำว่าอะไร นั่นแบบนั้น

ก็พระไตรปิฎกก็เช่นเดียวกัน เราได้ปฏิเวธ แล้วเราค่อยไปเปิดดูว่าท่านใช้คำอธิบายว่าอย่างไร ตรงกับเราในส่วนใด แล้วจิตเราจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

 

<TABLE class=tborder id=post1948274 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #670 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>แว๊ด<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1948274", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Oct 2008
สถานที่: นึกออกแล้วจะบอก
ข้อความ: 424
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 47


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1948274 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->พี่โชแปง หวัดดีกั๊ป
<!-- / message --><!-- sig -->__________________
ยโต ธรฺมสตฺโต ชยะ (ที่ใดมีธรรม ที่นั่นย่อมมีชัย..โอม ตสฺ สตฺ)
<!-- / sig --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1948274")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --> <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
อีกรอบพี่ เผื่อไม่เห็น

 

ก็นี่ไง โสดาบันมีปัญญาน้อย แต่ถือว่า มีปัญญา มีปัญญาแล้ว
แปลว่าอะไร แปลว่า โสดาบันประหารกิเลสได้แล้ว แต่น้อยๆ ยัง
ไม่หมด

แต่ถ้าเป็นปุถุชน อย่างเราๆ นะ ปัญญาไม่มี ก็แปลอีกด้าน คือ กิเลส
ยังไม่ได้ถูกประหารไปสักแอะ

เห็นไหม ถ้าแปล ปัญญา เป็นเรื่องของการ ประหารกิเลสได้ อันนี้
เราจะรักษาความหมายของพุทธศาสนาไว้ได้

แต่ถ้าเราเข้าใจปัญญา คือ ภูมิความรู้ สอบ ตอบ แข่งขันได้ อันนี้
เราจะเผลอทำความเข้าใจผิด ลองตรองดู ปัญญาแบบสอบ ตอบ
แข่งขั้นได้ มันไม่ได้ประหารกิเลส บางเรื่องเป็นเรื่องกิเลสล้วนๆ

 

ดีแล้วครับ เพราะว่า ผมก็เป็นแบบเซ็นมาก่อน ศึกษามาก่อน
ก็อยากให้คนที่คิดว่า เข้าใจรูปนาม และ วิมุตติทัสนะ ไปอ่านของฮวงโป ที่ท่านพระพุทธทาสแปล แล้วหากว่า เข้าใจที่ท่านฮวงโปเอ่ย คำแต่ละคำ ก็ถือว่า

เรามีปัญญาพอที่จะแทงในทัสนะแล้ว เริ่มก้าวเข้าสู่ความดีด้านปัญญาในพระพุทธศาสนา

 

เหมือนหนังสือ เอาไว้เปรียบเทียบ ผลการปฏิบัติ แบบเอาไว้เทียบเคียง

เข้าใจว่างี้

 

ไม่มีขัดเลยสักนิด ผมยืนยันได้ ใครว่าขัด ยกความนั้นมาเถิด ผมจะอธิบายให้ฟัง

 

อันนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับ......แต่เรื่องราวของท่านพอทราบอยู่บ้าง....
แต่ไม่ได้ศึกษาในวิสุทธิมรรคโดยตรงอ่ะครับ.....

 

อ้อ เข้าใจละ อันนี้ผมกล่าวว่า เป็นเรื่องของคนสดับมาก

อ่านมาก จำได้มาก ก็ไม่ต้องเปิดบ่อยๆ ปฏิบัติเห็นผลปุ๊ปก็เทียบได้เลย ในใจ

พระพุทธองค์ก็ตรัสชมนะว่า การอ่านมาก สดับมาก นั้นจะให้ผลเร็ว

แต่การให้ผลเร็วนั้นไม่ได้แปลว่า อ่านแล้วได้ผลนะ ก็อย่างที่คุณแว็ดรู้อยู่แล้ว
ว่า เราต้องปฏิบัติมาก่อน แล้วนึกเทียบในพระสูตร พอตรง เราก็ไม่ต้องเสีย
เวลาไปเปิดหนังสือ เราปฏิบัติต่อเลย ไม่เสียจังหวะ

 

หนังสือ มีเอาไว้เทียบอย่างหนึ่ง รวมถึงเอาไว้อ่านเพื่อเข้าใจในคำอธิบาย
และเพื่อให้มีความรู้ละเอียดขึ้นจากคำอธิบายนั้น

เช่นว่า เราเคย ซ่อมคอมพิวเตอร์ เราก็อาจจะไม่เชี่ยวชาญเท่าคนที่เขามีความรู้ด้านนี้อย่างละเอียด ทีนี้พอเราซ่อมได้เราเริ่มเข้าใจ เราไปเปิดอ่าน เราก็จะเข้าใจยิ่งขึ้น

แต่หากเราอ่านแต่แรก เราไม่เคยเจอสภาวะจริงมาก่อนมันก็คาดเดาไป

วิทยาการทั้งหลายทั้งปวงก็เช่นเดียวกัน

 

ผมศึกษามาจาก กมลสูตร อ่ะครับ....

อ่ะนะครับ......คุณโชแปง ช่วยยกตัวอย่างด้วยนะครับ.....

 

แต่แว๊ด อ่านหนังสือของหลวงพ่อ ท่านว่าอย่าอ่านหนังสือ มันจะทำให้นึกมาก เป็นวิปัสสนึก ทำให้ไปต่อไม่ได้ งี้อะ แว๊ดเลยไม่อ่าน

อีกอย่าง อ่านก็ไม่เข้าใจ แหะ ๆ ฟามรู้น้อย งี้แหระ

 

ผมจะกล่าวในส่วนเถรวาทและมหายานอย่างนี้

ในเถรวาท มีการแบ่งลำดับการบรรลุธรรม เป็นโสดา สกิคา อนาคา อรหันต์
หรือแบ่งตามการละสังโยชน์
ส่วนในมหายานนั้นก็มีการพูดถึง มีการแบ่งภูมืโพธิสัตว์เป็น 10 ภูมิ
ภูมิแรก ประมุทิตาภูมิ คือการไม่กลับมาเกิด และยังละสังโยชน์ 3 ได้
เทียบเท่า พระโสดาบัน ฝ่านเถรวาท ครับ แต่ถือว่าเป็นโพธิสัตว์ภูมิ ภูมิหนึ่งเท่านั้น
ถามว่ามาหยานมีอรหันต์ หรือไม่
ตอบว่ามีอยู่ แต่ไม่เรียก อรหันต์
ในคำภัย์มหายาน ภูมมิที่แปด เรียก อจละ แปลว่าไม่เคลื่อนไหว
เป็นผู้หลุดพ้นกิเลสโดยสิ้นเชิง เทียบได้กับพระอรหันต์
แต่ด้วยการอธิฐานจิต ช่วยเหลือมนุษย์ข้ามวัฏฏะ หรือ โพธิจิต ( ท่านนิวรณ์น่าจะแจ่มกว่าผม )
อธิฐานไม่เข้านิพพาน จนกว่าจะช่วยสัตว์โลกให้หมดสิ้นก่อน

ในเถรวาทเราก็มีโพธิสัตว์ ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่ทวด นั่นก็ใช่

ปล.วิสุทธิมรรค มีรากมาจาก วิมุตติมรรค แต่โดนพระอุปสันติง จากลังกา ถ้าจำไม่ผิด ใครได้อ่านเป็นวาสนานัก

 

คุณ ภาณุเดช ควรศึกษาจาก ในเว็บนี้ จากท่านนิวรณ์ ท่านวิมุตติ

ผมคิดว่า ทั้งสองท่านน่าจะชี้ทางให้ คุณภาณุเดช เข้ารูปเข้ารอย ทีชัดเจนขึ้น

 

ช่วงนี้อาจจะปลีกวิเวก นะพี่ ๆ รู้สึกมาธิแย่ ๆ ไงไม่รู้ เหมือนกิเลสเยอะ วุ่นวาย

สงสัยกรรม เพราะไปป่วนคนอื่นเขามากนะนี่

 

เหมือนหนังสือ ไปบรรยาย สิ่งที่บรรยายได้ยากใช่ไหมคะ

เหมือนเราพูดไม่ถูกกับเหตุการณ์นั้น ๆ ที่เจอ พอไปเห็นตัวหนังสือ เอ๊ะ มันเรียกอย่างนั้นหรอ มันเป็นอย่างนั้นหรอ เข้าใจถูกใช่ปะคะ

 

คุณแว็ด คุณรู้ตัวหรือเปล่า จริงๆแล้วคุณเป็นคนมีบุญมาก

ผมสังเกตจากการที่ คุณเป็นคนโกรธคนง่าย แต่ว่า หายเร็ว
และเมื่อหายแล้ว ก็โยนทิ้งไปเลย ไม่เก็บไว้ ไม่ผูกพัน แบบนี้
คือลักษณะของคนมีบุญมาก เพราะได้รับโอกาสในการเห็น
โทษะมูลจิต อันเห็นได้ง่าย และมันก็ครอบคลุมกุมใจคุณไม่
ได้นาน

คุณจะโกรธ แล้วก็หาย แล้วก็โกรธได้อีก ไม่เลือกเรื่องด้วย
ไม่ติดบุคคลด้วย

น่าจะเอาตรงนี้ มาต่อยอดบุญ ก็จะทำให้ภาวนาได้ง่าย

ผลิกสิ่งที่คนธรรมดาเบาเห็นเป็นเพียงวิกฤติ

แต่ผู้รู้ ย่อมผลิกมาเป็นมรรค เพื่อผล

 

จะเป็น วิปัสสนึกไหม ก็อยู่ที่ว่า นึกเพื่อเป็น

หรือ นึกขึ้นมาเพื่อเทียบผลที่พึ่งปฏิบัติจบไปสดๆ ร้อนๆ

ถ้า นึกเพื่อเอามาเป็น แบบนั้นจะวิปัสสนึก เช่น ฉันบรรลุและ แบบนี้ใคร
ก็นึกได้ หากยึดเพื่อเป็น ก็เป็นได้นะ แต่ มันไม่จริง จึงเรียกว่า วิปัสสนึก เอาผล

แต่ถ้า เรานึกมาเพื่อเทียบผลสดๆ ร้อนๆ เช่น ตะกี้อยู่ดีๆ จิตคิดว่าฉันบรรลุและ
แลวเราเอาผลที่เห็นจิตคิดตะกี้ มานึกเทียบลงพระสูตร แบบนี้ คือ เอามรรค

 

ไปปฏิบัติเถอะ ตามนั้น

 

มันเกี่ยวก๊ะมีบุญด้วยหรอ นี่อะ เพิ่งรู้

แต่จะพยายามก๊าป... แต่แว๊ดก็มีอาการแป๊ก ๆ เกิดเยอะเหมือนกันนะ แต่เคยอ่าน หลวงพ่อท่านว่า อย่าไปสนใจ มันจะเป็นไรช่างมัน ก็เลยช่างมัน ไม่สนก็ได้ฟระ

เอวัง เช่นนี้แล อิอิ