สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    จ.ม.ถึงกัลยาณมิตรและพระเสขบุคคลทุกคนเพื่อยังสัมมาทิฏฐิในบังเกิดมีขึ้น

    พระเสขบุคคล หมายถึง บุคคลยังต้องศึกษาในสิกขา ๓ เพื่อดับกิเลส ได้แก่ บุคคล ๘ ประเภทคือ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกทาคามิมรรค สกทาคมิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหันตมรรค อรหันตผลพระอเสขบุคคล หมายถึง บุคคลที่ไม่ต้องศึกษาแล้ว ได้แก่ พระอรหันต์


    เอื่อเฟื้อข้อมูลจาก ร่มโพธิ์

    สัมมาทิฏฐิสูตร
    ด้วยเหตุเพียงเท่าไร อริยสาวกจึงจะชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้
    1 รู้ชัดซึ่งอกุศลและรากเง่าอกุศล รู้ชัดซึ่งกุศลและรากเง่าของกุศล
    2 รู้ชัดซึ่งอาหารเหตุเกิดแห่งอาหาร ความดับอาหาร และทางที่จะให้ถึงความดับอาหาร
    3 รู้ชัดซึ่งทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
    4 รู้ชัดซึ่งชราและมรณะ เหตุเกิดแห่งชราและมรณะ ความดับชราและมรณะ และทางที่จะให้ถึงความดับชรา และมรณะ
    5 รู้ชัดซึ่งชาติ เหตุเกิดแห่งชาติ ความดับชาติ และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับชาติ
    6 รู้ชัดซึ่งภพ เหตุเกิดแห่งภพ ความดับภพ และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับภพ
    7 รู้ชัดซึ่งตัณหา เหตุเกิดแห่งตัณหา ความดับแห่งตัณหา และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับตัณหา
    8 รู้ชัดซึ่งเวทนา เหตุเกิดแห่งเวทนา ความดับเวทนา และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับเวทนา
    9 รู้ชัดซึ่งผัสสะ เหตุเกิดแห่งผัสสะ ความดับผัสสะ และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับผัสสะ
    10 รู้ชัดซึ่งอายตนะ ๖ เหตุเกิดแห่งอายตนะ ๖ ความดับแห่งอายตนะ ๖ และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอายตนะ ๖
    11 รู้ชัดซึ่งนามรูป เหตุเกิดแห่งนามรูป ความดับนามรูป และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับนามรูป
    12 รู้ชัดซึ่งวิญญาณ เหตุเกิดแห่งวิญญาณ ความดับวิญญาณ และทางที่จะให้ถึงความดับวิญญาณ
    13 รู้ชัดซึ่งสังขาร เหตุเกิดแห่งสังขาร ความดับสังขาร และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับสังขาร
    14 รู้ชัดซึ่งอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอวิชชา
    15 รู้ชัดซึ่งอาสวะ อาสวสมุทัย อาสวนิโรธ อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา

    เมื่อใด อริยสาวกรู้ชัดอย่างนี้ เมื่อนั้น ท่านละราคานุสัย บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนทิฏฐานุสัย และมานานุสัยว่า เรามีอยู่โดยประการทั้งปวงละอวิชชา ยังวิชชาให้เกิด ย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ ในปัจจุบันนี้เทียว แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้

    http://th.wikisource.org/wiki/สัมมาทิฏฐิสูตร
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    แนะนำ นะครับ เวลาปฏิบัติธรรมนี้ อย่าเอาธรรมไปโยงใยกับทางวิทยาศาสตร์ มันจะสับสนได้
    ให้พยายามย่นตัวรู้ลงมาให้แคบที่สุด น้อยที่สุด สัญญา ความจำ อุปาทานจะดับไป เหลือแต่รู้ตรงๆ
    นั่นแหละ จึงค่อยเอาตัวรุ้นั้นให้เป็นไตรลักษณ์ไปด้วย

    ถ้ารุ้ไปอย่างหนึ่ง ก็ย่นลงมาให้เหลือแต่ผัสสะ ให้เหลือแต่วงแคบๆ ยกตัวอย่างเช่น คนด่าเรา ถ้าเราเข้าใจไปในเรื่องราวที่เขาด่า เราไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาเป็นแบบนี้ เขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้แสดงว่าตัวรู้นี้ยังปรุงด้วยสังขาร แต่ถ้าย่นลงมาก็เหลือแต่ เข้าใจเฉพาะคำด่าอย่างไอ้ควาย ก็เข้าใจว่าควายเป็นคำด่า ย่นลงมาก็เหลือแต่ ได้ยินแต่เสียง ไม่ได้แปลอะไร ย่นลงมาก็เหลือแต่อะไรยิบๆยับๆ ไร้สาระที่สุด นั่นแหละ นี่ในสรรพสิ่งก็เช่นเดียวกัน ย่นลงมาตีวงแคบเข้ามา จำไว้นะ
     
  3. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    อย่างเช่นว่า ได้ยินใครด่า ก็ช่างมันเถอะ
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จะอธิบาย ปัญญาตัวหนึ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในอริยมรรค ปัญญาที่ว่านี้พิจารณาอะไร ทำไมการดูเฉยจึงยังไม่เรียกว่าเป็นอริยมรรค
    การดูเฉยนี้ดี ในแง่ที่ว่า ทำให้เข้าใจสภาวะต่างๆ จดจำเอาไว้ นั้นไม่เพียงพอ ไม่เพียงพออย่างไร ก็ตอบว่า เพราะว่า ทุกข์นั้นเกิดแล้ว จึงค่อยมอง ยังเป็นสติหลังกาล ทีนี้ แล้วจะทำอย่างไรให้เจอเหตุ แห่งทุกข์นั้น ตรงนี้แหละเรียกว่า มหาสติที่จะมองเห็นสมุทัยได้

    ตรงนี้ ต้องเข้าใจสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง บอกตามตรง หลวงพ่อปราโมชก็หลวงพ่อปราโมชเถอะ ถ้าเห็นตรงนี้แล้ว ท่านอาจจะไม่สอนแบบที่เป็นอยู่นี้
    สภาวะธรรมนั้นคืออะไร คือ สภาวะที่มันไหลไปเองโดยอัตโนมัติ เช่นตาเห็นรูปสวยแล้วเกิดราคะทันที ได้ยินคำพูดไม่ดีก็โกรธทันที
    หรือ พอเห็นทรัพย์แล้วโลภทันที ตรงนี้หากใครไปดูเฉยแล้วผ่านไป มันจะไม่ได้อะไรเลย ได้เพียงแค่ระงับสิ่งที่เกิดแล้วให้เบาลงไปด้วยสติ แต่ว่าอีกกี่ชาติ ไม่ว่าจะเจออีกกี่ครั้งจิตมันก็ยังมีปฏิกริยากับสิ่งเหล่านั้นอยู่ดี เรียกว่า ไม่อาจจะทวนกระแสไปได้เลย

    จิตอะไรก็ตามที่ไหลไปโดยอัตโนมัติ นั้นแหละเรียกว่า เป็นไปเพราะอำนาจอวิชชา ผมจึงบอกว่าที่สอนกันว่า จิตไม่สามารถควบคุมได้เพราะว่า แนวดูจิตนั้นไม่เคยทวนไปถึง ตัวอวิชชา และ ไม่เคยละอกุศล จึงไม่เห็นจุดนี้ อ่านให้ดี

    ทีนี้ต้องทำอย่างไร เมื่อใดก็ตามที่เรา ได้ยินได้กระทบ ได้รับรู้ ตรงนี้แหละ ที่เราต้องหมั่นละ หมั่นฝืน อย่าให้อาหาร คือ อย่าปล่อยให้อกุศลมีทาง การที่เรายังมีอาการอยู่เพราะว่า อกุศลนั้นมีทาง เราต้องละ ต้องระงับ ต้องฝืน ให้ทางแห่งอกุศลนั้นตื้นลง
    ทีนี้พอมันตื้นลง ประกอบกับ กุศลมากขึ้นปัญญามากขึ้น เมื่อ หูได้ยิน ตาได้เห็น จิตมันจะไม่วิ่งไปในทาง ราคะ โทสะ โมหะเลย
    นี่แหละ ที่เรียกว่า ต้องละ ต้องทวน

    นี่พูดธรรมอันหาฟังได้ยากแล้วนะ มาจากปฏิเวธธรรมของจริง อ่านแล้วพิจารณาให้มากตรงจุดนี้ นี่แหละ เรียกว่า สัมมาทิฎฐิ
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทางแห่งอกุศล นั้น จิตเคยไปอย่างไร มันจะไปอย่างนั้น ตรงนี้จำเอาไว้
    หากจิตเป็นกุศล มันก็จะวิ่งไปแต่ทางที่เป็นกุศล
    แล้วค่อยๆ ศึกษา ทีนี้ พอ อกุศล ไม่แตกไป หรือแตกไปน้อย จิตนั้นจะค่อยๆ เห็นสัจธรรมในความไม่จริงของสิ่งนั้นตรงที่ว่า บางทีก็เกิด บางทีก็ไม่เกิด แล้วมันเกิดตอนที่ เราไม่มีกำลังสติ สมาธิ ปัญญาตัวนั้นแหละ จะทำให้เราวางเฉยได้ และนำไปสุ่การละสังโยชน์ได้ทั้วปวง คือ เห็นเหตุปัจจัยที่แท้จริง ดูให้ดีๆ พิจารณาในสิ่งที่ผมบอก
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ปัจจยาการ วันก่อนผมบอกไปแล้ว จิตใครเป็นทุกข์ ด้วยเหตุใด เพราะว่า ไม่รู้ ไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่าทำไมใจมันต้องไปอย่างนั้น
    บางคน นั่งสมาธิทีไร ใจมันวิ่งไปแต่ทางทะลึ่ง บางคนใจมันวิ่งไปแต่ทางราคะ
    นี่มีร้อยแปด เพราะว่า อวิชชา คือ ไม่รู้ ที่ไม่รุ้นี้เพราะว่า มันเคยไหลไปอย่างไร มันก็หลงไปแบบเดิม นั่นแหละ ปัจจยาการ

    เราจึงต้อง ทวนไปให้ตื่น และ ทางที่จะทำให้ตื่น คือ ค่อยๆ ละทางอกุศลที่มันลึกอยู่ สร้างทางกุศลที่ มันตื้นอยู่ แล้วมันจะไหลลงนิพพานแต่อย่างเดียว

    สำหรับ การทำสติ การดูเฉย ถือว่าเป็น กุศล แต่กุศลต้องทำให้ถึงพร้อม จำเอาไว้เลย
    ใครทำจริงตามที่ผมบอกนี้ ไม่เนิ่นช้าหรอก สำเร็จแน่นอน
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ยังไม่พอ ต้องไม่เห็นว่ามันเป็นคำด่า
    ย่นลงมา ได้ยินแต่เสียงไม่ได้แปลความหมาย
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ความยุติธรรม ของธรรม อยู่ตรงที่ว่า การฟังนี้ใครๆ ก็ฟังได้เข้าใจได้เหมือนกัน ขอให้มีผุ้ชี้ให้ตรง แต่ไม่ได้หมายความเขาจะได้ธรรมนั้นไปเลย
    ธรรมนั้นจะต้องมาจากการปฏิบัติเท่านั้น
    และ คุณธรรมจะต้องมาจากการ ปฏิบัติ เท่านั้น ดังนั้น ให้ฉลาดอย่างไรก็ตาม เข้าใจธรรมอย่างไรก็ตาม หากมิได้ ทำจิตให้สะอาดควรค่าแก่การยกขึ้น แล้ว ก็เปล่าประโยชน์
    อย่าลืม ตายไปสัญญาหายไปหมด แต่จิตที่ ถางทางกุศลไว้แล้ว จิตที่ละอกุศลไว้แล้ว จิตนั้นจะไม่มีทางเลือนไปเลย นั่นแหละ ตายไปอย่างไร ไม่ต้องกังวล เพราะจิตไม่แตกออกไปในทางอกุศล
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    กราบนมัสการครับ....พระอาจารย์....
     
  10. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    ได้ยินแต่เสียง โดยไม่ต้องถูกปรุงแต่งว่าเป็นคำด่า ค่อย ๆ ย่นลงมา จะละอกุศล โดยอัตโนมัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2009
  11. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    เจริญพร
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    พอดีว่าผมอยู่ต่างจังหวัด...ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปกรุงเทพ...เลยนะครับ....ไว้ถ้ามีโอกาศค่อยไปหาดูอีกที.....กราบนมัสการ..ขอบพระคุณครับ....
     
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
     
  15. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    ถ้ามีโอกาสผ่านไปทางท่าพระจันทร์จะลองดูให้

    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 1950246" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>to2504</TD><TD class=alt1>กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เจริญพร ชอบมานั่งอ่านและพิจารณาข้อความต่าง ๆ อนุโมทนาในทุกความคิดของโยมทุกคน
     
  16. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    อวิชชา คือความไม่รู้ แล้วไม่รู้อะไร หรอ

    ไม่รู้ว่าทุกข์ใช่ป่าว
     
  17. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ที่ว่า เห็น สักแต่ว่า เห็น

    ได้ยิน สักแต่ว่า ได้ยิน

    แต่ทำไม เวลาใครด่า มันได้ยินชัดทุกทีเลย แหง่บ ๆ
     
  18. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    <TABLE bgColor=#ffccff><TBODY><TR><TD vAlign=top width=214>[​IMG]
    บุคคลผู้ไม่รู้แจ้งในพระนิพพานไม่ควรสั่งสอนพระนิพพานแก่ผู้อื่น ถ้าขึ้นสั่งสอนก็จะพาหลงทาง เป็นบาปกรรมแก่ตน
    </TD><TD vAlign=top>พระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย ์( สิริจนฺโท จันทร์ )

    .... อันตัวที่ไม่ตายนั้นท่านให้ชื่อว่าโพธิสัตว์ พึงสันนิษฐานได้ว่าสัตว์นั้นแลคือตัวเรา เป็นผู้ไม่ตายเหมือนอย่างพระอริยเจ้ามีพระพุทธเจ้าเป็นต้น เมื่อได้สำเร็จพระอรหัตตผลแล้ว ก็เป็นอันได้สำเร็จพระนิพพาน เมื่อท่านสำเร็จพระนิพพานแล้ว สัตว์ที่ตรัสรู้ที่ไม่เคยตายนั้น ก็ยังอยู่ไม่สูญไปข้างไหน สูญแต่กิเลสเครื่องก่อภพก่อชาติเท่านั้นเอง จึงพอสันนิษฐานเห็นได้ว่า พระนิพพานไม่สูญอย่างเอก แต่การที่จักทำให้สำเร็จ ต้องฝ่าฝืนอำนาจของพระยามาร ....

    เพิ่มเติมที่ แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ 8 เรื่องมงคลกถา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2470 ในหนังสือพระธรรมเทศนา มงคลกถา 38 ธรรมวิจยานุศาสน์ คิริมานนทสูตร พร้อมด้วยอธาตุ ชุดพิเศษ เล่มที่ 5 หน้า 96-97

    ......บุคคลผู้มิได้พ้นจากิเลส ราคะ ตัณหา นั้นจะทำบุญให้ทานสร้างกุศลอย่างแข็งแรงเท่าใดก็ดี ก็จักได้เสวยความสุขในมนุษย์โลกแลเทวดาโลกเพียงเท่านั้น ที่จะได้เสวยความสุขในพระนิพพานนั้นเป็นอันไม่ได้ เลย ถ้าจะประสงค์ต่อพระนิพพานแท้ให้โกนเกล้เข้าบวชในพระศาสนา ในว่าบุรุษหญิงชายถ้าทำได้อย่างนี้ชื่อว่าปฏิบัติใกล้ต่อพระนิพพาน เพราะว่าเมืองพระนิพพานนั้นปราศจากกิเลสตัณหา เมืองมนุษย์แลเมืองสวรรค์เป็นที่ซึ่งทรงไว้กิเลสตัณหา ไม่เหมือนเมืองพระนิพพาน
    <TABLE><TBODY><TR><TD>........นิพฺพานํ นครํ นาม อันชื่อว่าเมืองพระนิพพาน ย่อมตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลก โลกมีทีสุดเพียงใด พระนิพพานก็ตั้งอยู่ที่สุดนั้น พระนิพพานเป็นพระมหานครอันใหญ่เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้ อย่าเข้าใจว่าจะไปนิพพานด้วยกำลังกาย หรือกำลังพาหนะมียานช้างม้าได้ อย่าเข้าใจว่านิพพานตั้งอยู่ในทีสุดโลกเหล่านั้น อย่าเข้าใจว่าตั้งอยู่ที่ใดเลย แต้ว่าพระนิพพานนั้นหากมีอยู่ในที่สุดของโลกเป็ของจริง ไม่ต้องสงสัย ให้ท่านทั้งหลายศึกษาให้เห็นโลกรู้โลกเสียให้ชัดเจน ก็จักเห็นพระนิพพาน พระนิพพานก็หากตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลกนั่นเอง

    ดูเพิ่มเติมที่ หนังสือ คิริมานนทสูตร และ อัตตปวัตติ หน้า ๑๐-๑๒ ISBN974-8239-69-1 สนพ.ดวงแก้ว
    </TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    ที่ว่า เห็น สักแต่ว่า เห็น

    ได้ยิน สักแต่ว่า ได้ยิน

    แต่ทำไม เวลาใครด่า มันได้ยินชัดทุกทีเลย แหง่บ ๆ


    กำแพง Knock board เวลาซ้อมเทนนิส ลูกไปกระทบกำแพง กำแพงเจ็บไหม
     
  20. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ก็นี่ไง อวิชชา ก็เกิดจากไม่รู้ทันโทษ ไม่รู้ทันเหตุ ประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา ส่งต่อมาเรื่อย ๆ จาก โมหะ(พึงใจในขันธ์) ไปโลภะ(สิ่งที่อยาก มันน่าจะพูดหวาน ๆ) เกิดโทสะ(ได้รับในสิ่งไม่ชอบ ก็เคืองร้อน) ^-^
     

แชร์หน้านี้

Loading...