สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ก็การที่คุณ กำลังเพ่งโทษผมอยู่นี้แหละผมเรียกว่าคุณธรรมภูตค้นหาพระอรหันต์ภายนอก

 

คุณศรีฯ คุณยังคิดเดาสวดไปเรื่อยๆอยู่อีกเหรอครับ???
มีพระพุทธพจน์กล่าวไว้ดังนี้

 

คุณศรีฯ คุณสับสนอะไรอยู่เหรอครับ???
ผมจะไปเพ่งโทษอะไรคุณได้หละครับ?
เรื่องบาป บุญ คุณโทษนั้นมันเป็นไปตามการกระทำ(เจตนา)ของผู้นั้นอยู่แล้ว
ไม่มีใครไปเพิ่มไปลดได้หรอกครับ
นอกจากเจ้าตัวเองเท่านั้นแหละ ที่จะเพิ่มหรือลดมันเองครับ
คนที่เค้ามีความละอายต่อสิ่งเหล่านั้น แล้วละเหตุแห่งบาป บุญ คุณโทษเหล่านั้น

คุณศรีฯ คุณลองหาเหตุผลมาสักข้อสองข้อสิครับว่า
เพราะเหตุใดผมจึงต้องเพ่งโทษคุณ ถ้าเหตุผลดีพอ คนอ่านเค้าอาจฟังก็ได้?

ผมมาพิจารณาดูแล้วว่า ผมจะเพ่งโทษคุณแล้วผมจะได้อะไรขึ้นมา
ใกล้มรรคผลนิพพานก็ไม่ใช่ ได้ความนับหน้าถือตาก็ไม่ใช่
ได้ความเป็นอาจารย์ก็ไม่ใช่ ฯลฯ!!!

คุณศรีฯ คุณพยายามอย่าคิดเองเออเองสิครับ
คุณเอาหลักฐานมาแสดงสิครับว่า
ผมกำลังค้นหาพระอรหันต์ภายนอกขันธ์๕

การที่คุณกล่าวข้างต้นเช่นนั้น
เป็นการที่คุณคิดเองและเข้าใจไปคนเดียวเท่านั้น
ไหนๆคุณกล่าวร้ายผมแล้ว
ผมก็ถือโอกาสถามซะเลยว่า
ความเป็นพระอรหันต์นั้นเป็นกันที่ไหน???
ที่ร่างกายอันประชุมด้วยขันธ์๕???
หรือที่จิตของท่านที่พ้นวิเศษแล้ว???

;aa24

 

เมื่อวางใจได้ จึงเป็นอัพยากฤต จึงเรียกชื่อว่าถือเอาอัพยากฤตเป็นอารมณ์ เป็นองค์พระ อรหันต์ คือได้เข้าตั้งอยู่ในพระนิพพานด้วยอาการดังนี้.
อันว่าอรหันต์นั้น จะได้มีจำเพาะแต่เราตถาคตพระองค์เดียวก็หามิได้ ย่อมมี เป็นของสำหรับโลก สำหรับไว้โปรดสัตว์โลกทั่วไป ไม่ใช่ ของเราตถาคตและของผู้หนึ่งผู้ใดเลย ดูกรอานนท์ เรา ตถาคตเป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว จึงได้มาซึ่งพระอรหันต์ บุคคลผู้ใดปราศจากกิเลสแล้ว บุคคลผู้นั้นก็เป็นผู้ได้พระ อรหันต์เสมอกันทุกคน บุคคลผู้ใดที่ยังไม่ปราศจากกิเลส ถึงแม้จะอ้อนวอนเราตถาคตว่า อรหันต์ อรหันต์ ดังนี้ จนถึงวันตาย ก็ไม่อาจได้ซึ่งพระอรหันต์เลย เป็นแต่กล่าว ด้วยปากเปล่า ๆ เท่านั้น พระอรหันต์ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็น ผู้พ้นทุกข์แล้ว ท่านไม่น้อมเข้าไปหาบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งเลย ถึงตัวเราตถาคต ก็ต้องน้อมตัวเข้าไปหาท่าน ท่านจึงโปรดให้ตถาคตนี้ ได้เป็นครูแก่โลก ดังนี้

 

พี่สีอานน่าจะเอาเวลาไปดูคอนเสิร์ตแก้เครียดดีกว่านะ จะได้ฟุ้งธรรมน้อยๆหน่อย

 

ผมว่าผมพูดน้อย แต่ต่อยหนักนะ

 

คุณศรีฯ คุณต้องการสื่ออะไรเหรอครับ?งง
มันเกี่ยวอะไรกับคคห.ที่ผมเสนอเหรอครับ
มันเกี่ยวกับพระโสดาหรือพระอรหันต์ตรงไหน???
คุณบอกเองใช่มั้ยว่า "แม้ธรรมะเรายังละ"

ผมก็เกิดอาการมืนตึบว่า
คุณนี่เก่งแฮ่ะ เก่งเกินบรมครูเสียอีกหนะ
เอ้!!!มันจะละโลกุตรธรรมได้ยังไง
ในเมื่อโลกุตรธรรมเป็นคุณลักษณะของพระอริยเจ้า

คุณจำไว้นะ ถึงอยากจะทิ้งหรือไม่อยากจะทิ้ง
และอยากจะละหรือไม่อยากละ อยากได้หรือไม่อยากได้ฯลฯ
มันก็เป็นของมันอยู่อย่านั้น เป็นคุณลักษณะประจำตน

เมื่อสามารถข้ามโลกียธรรมมาได้แล้ว
ย่อมได้รับโลกุตรธรรมมาโดยปริยาย
ไม่ต้องร้องขอหรือยากละก็ไม่ได้

เหมือนกับการที่ปฏิบัติดับกิเลสที่เร้าร้อนได้แล้ว
ธรรมที่เย็นกายเย็นใจย่อมเกิดขึ้นมาแทนที่เอง...

หมดเวลา เวลาหมด

;aa24

 

ก็ไม่ถือว่าพูดพล่ามมากมาย เรื่องต่อยหนัก อันนี้ไม่คอนเฟริมให้นะ

บางครั้งก็พูดดี บางทีก็พอใช้ได้

แต่สิ่งที่ไม่สมควรที่สุดคือ การยกตนให้สูงเกินจริง นั่นมันทางอบาย...

 

ก็คุณเข้า ใจ แค่ นั้น ไง

ท่าน ศรี เข้า ใจ อย่าง ที่ ท่าน ศรี กล่าว มา

เรา ก็ มอง ว่า ท่าน ศรี กล่าว ลึก ซึ้ง นะ

แล้ว แต่ กรรม เนอะ

 

ตอบ พระโสดา เป็นผู้ยังต้องศึกษา เพื่อหาอุบายมาละกิเลส

พระอรหันต์ ท่านหมดกิจเพื่อหาอุบายมาละกิเลส
เธอดูเวลา ผู้บรรลุพระอรหันต์ แล้วได้รับการบวช
จากพระพุทธเจ้า เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด หากผู้นั้นยังไม่บรรลุอรหัตผล พระองค์ก็จะตรัสต่อไปว่า ธรรม อันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด

"แม้ธรรมะเรายังละ"เพราะสุขทุกข์เป็น ของเนื่องอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่วางสุขเสียก็เป็นอันไม่พ้นทุกข์

บุคคลทั้งหลายผู้ปรารถนาเข้าสู่พระนิพพาน จง วางเสียซึ่งใจอย่าอาลัยความสุข การวางใจก็คือการวางสุข วางทุกข์ และบาปบุญคุณโทษร้ายดี ซึ่งเป็นของสำหรับ โลกนี้เสียให้สิ้น สิ่งเหล่านี้สร้างไว้สำหรับโลกนี้เท่านั้น เมื่อต้องการพระนิพพานแล้วต้องปล่อยวางไว้ในโลกนี้ สิ้นทั้งนั้น จึงจะได้ความสุขในพระนิพพาน ซึ่งเป็นความสุข อย่างยิ่ง เป็นความสุขอันหาส่วนเปรียบมิได้ ดูกรอานนท์ เมื่อจะถือเอาความสุขในพระนิพพานแล้ว ก็ให้วางใจใน โลกีย์นี้เสียให้หมดสิ้น

ครั้น ไม่วางสุขก็คือไม่วางทุกข์นั้นเอง จะเข้าใจว่าเราจะถือเอา แต่สุข ทุกข์ไม่ต้องการดังนี้ไม่ได้เลย เพราะสุขทุกข์เป็น ของเนื่องอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่วางสุขเสียก็เป็นอันไม่พ้นทุกข์

 

...ต่างคน..ต่างจิต..ต่างใจ..

...ต่างวัย..ต่างวันเวลา..

...สิ่งหนึ่ง...อาจมีความหมายสำคัญ..

...แต่อีกหลายคน..ไม่มีค่า..

 

หากมีหมาย มันก็พอเหมือนเหมือน

หากว่าเหมือนเหมือน ก็ยังมีหมาย

 

สิ่งที่หมายในโลกธรรม ก็เหมือนเหมือน
สิ่งที่หมายในโลกุตตรธรรม ก็เหมือนเหมือน
ที่หมายหมาย เหมือนมีไม่มากมาย
ที่เหมือนเหมือน มีแค่อย่างเดียว...

 

.........

..........

..........

[music]http://charyen.com/jukebox/asx_file/e5a1mnl7ufo58kqa839ogtcs11.asx[/music]

 

คุณนิวรณ์ หารูปอื่นไม่มีแล้วหรอ มาแย่งน้องเบเบ้กับผมเนี่ย เด๋วสวย เด๋วสวย หุๆๆๆๆ

 

วันนี้ ดูวิมุตติฝืด ๆ

ถ้าทางจะหมดภูมิ

 

เราไม่มีภูมิอันใดหรอก ท่านผู้ทรงภูมิ

เราไม่เปรียบตัวเองสูงกว่าใครหรอก ท่านผู้ทรงภูมิ

เราไม่สนใจหรอกว่าใครจะมีภูมิแค่ไหน ท่านผู้ทรงภูมิ

เราสนแต่ว่า เราทันกิเลสมากขึ้นไหม ท่านผู้ทรงภูมิ

ว่าแต่ ท่านผู้ทรงภูมิจะไปดูคอนเสิร์ตอีกเมื่อไหร่หรือ ท่านผู้ทรงภูมิ...