สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ธรรมภูตเราย่อมเบื่อหน่ายในธรรมะนั้น

    ให้พิจารณากาย อย่าสนใจธรรมะที่ผมได้ละไปแล้ว
     
  2. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    บุคคลผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะย่อมพบกับปิติปราโมทอันใหญ่หลวง รู้สึกตนว่าได้พบ<WBR>ขุมทรัพย์มหึมา หาอะไรเปรียบมิได้ อิ่มอาบซาบซ่านด้วยธรรม

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะย่อมพบกับปิติปราโมทอันใหญ่<WBR>หลวง รู้สึกตนว่าได้พบขุมทรัพย์มหึมาหาอะไรเปรียบมิได้ อิ่มอาบซาบซ่านด้วยธรรม
     
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณศรีฯ คำถามที่ยังไม่ตอบให้เคลียร์<O:p</O:p
    คุณศรีฯ ใช่ จิตพ้นวิเศษจากบ่วงอันเป็นทิพย์ เพราะอะไร
    ???<O:p</O:p
    ใช่จิตวิมุตติเป็นจิตที่หลุดพ้นจากกิเลส จิตบรรลุพระนิพพานใช่มั้ย???
    ตอบ เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปปาทาน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ที่ว่าดูจิตมันคิดมันนึกก็ดีนา แล้วทำอย่างไรจิตจึงจะหยุดคิดหยุดนึกหละ???<O:p</O:p
    เกิดความงงงวยมึนตึบทันที่ “พิจารณาธรรมที่ไม่มีตัวตน”???
    <O:pของที่ไม่มีตัวไม่มีตน แล้วไปพิจารณามันทำไมให้เสียเวลาเล่า???
    ตอบ ผมแม้ทุกวันนี้ตีขันธ์ห้าแตกแล้ว ก็ยังไม่ประมาท
    ก็ยังพิจารณากายเป็นวิหารธรรม<O:p
    <O:p
    คุณศรีฯ ใครกันแน่ที่ควรกลับไปปฏิบัติมาเสียใหม่ จำไว้นะ น่าอายจริงๆ<O:p</O:p
    ใครที่รู้ว่าปฏิจจสมุปบาทเป็นรูป-นาม???<O:p</O:p
    เมื่อรูป-นามดับ...ใครรู้ว่ารูป-นามดับ???<O:p</O:p
    ใช่ เมื่อดับไปแล้วตั้งอยู่ไม่ได้ ใครหละรู้ว่ารูป-นามตั้งอยู่ไม่ได้???

    ตอบ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
     
  4. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ใคร หรือ อะไร??? อย่าพากันหาจิต

    แล้วใคร หรือ อะไร???มีตัวตนมั๊ย อย่าพากันหาจิต จิตไม่มีตัวตน


    เป็นพระศรีอาริย์ นี่เป็น ที่กาย หรือ ที่จิต ???
    กายต้องเน่าเปื่อยผุพัง...คงไม่ใช่ที่กายแน่
    ถ้าที่จิต แต่บอกว่าจิตไม่มีตัวตน งั้นพระศรีอาริย์ก็ต้องไม่มีตัวตน

    เมื่อไม่มีตัวตน ก็แสดงว่าไม่มีธรรม เมื่อไม่มีธรรม ก็แสดงว่าเชื่อถือไม่ได้
    ที่แสดงมาว่ารับโองการมานั้น ล้วนบิดเบือน

    เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า
    ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
    บุคคลมีตนที่ฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่บุคคลอื่นได้โดยยาก

    *
    ตลอดพระชนม์ชีพ ทรงสอนให้พระสาวก อบรมจิต คือ อบรมตน
    เพื่อให้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ดังที่ตรัสกับพระอานนท์ว่า

    ดูก่อนอานนท์ เธอจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
    หรือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง

    (smile)
     
  5. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    "อันว่าจิตนี้เป็นธรรมชาติ ที่ผ่องใสอยู่โดยปกติ
    แต่เศร้าหมองไปเพราะคลุกเคล้าด้วยกิเลสนานาชนิด

    ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นเครื่องฟอกจิตให้ขาวสะอาดดังเดิม
    จิตที่ฟอกแล้วด้วยศีล สมาธิ และปัญญา ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง"

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะ
    ย่อมพบกับปิติปราโมทอันใหญ่หลวง

    รู้สึกตนว่าได้พบขุมทรัพย์มหึมาหาอะไรเปรียบมิได้ อิ่มอาบซาบซ่านด้วยธรรม
    ตนของตนเองนั่นแลเป็นผู้รู้ว่า บัดนี้กิเลสานุสัยต่างๆ ได้สิ้นไปแล้ว ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว

    เหมือนบุคคลผู้ตัดแขนขาด ย่อมรู้ด้วยตนเองว่าบัดนี้แขนของตนได้ขาดแล้ว"

    (smile) อ่านเต็มๆที่นี่

    ปล.ขออภัย...จะยกอะไรมาแสดง ควรบอกที่มาที่ไปด้วย
    จะได้ไปอ่านบทเต็มๆได้ เพราะตัดตอนมาแต่ที่ต้องการ
    บางครั้งทำให้ข้อความสำคัญเสียหายไป...ขอบคุณ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, ธรรมะสวนัง </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852



    ท่านธรรมะสวนังผมต้องการให้ท่านมาขยายอุปปาทานเพิ่มต่ออีกทีหนึ่งครับrabbit_heart

    ผมพิมพ์แค่ไหนก็แค่นั้น เพราะแสดงโดยพิสดาน ก็เกรงว่าจะว่ากันไปติดสัญญา
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ถ้าจิตพ้นแล้วจากอาสวะ จะกลัวจิตไปติดสัญญา...ไปใย???

    (smile)
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ถ้าจิตพ้นแล้วจากอาสวะ จะกลัวจิตไปติดสัญญา...ไปใย???

    เพราะอาสวะ คือ ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

    จิตพ้นจากการยึดถือขันธ์ ๕ เป็นตน
    เพราะจิตรู้อยู่ เห็นอยู่ ว่า ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตน ตนไม่ใช่ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวตนของตน


    (smile)ไม่ใช่ตัวตน คนละความหมายกับ ไม่มีตัวตน
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เป็นพระศรีอารย์อริยะเมธี ในวิถีธรรม

    ไม่ได้ ได้มาด้วยการใช้กำลัง ไม่ได้มาด้วยชาติตระกูล

    ได้มาด้วยตำแหน่งพระอริยะฐานะที่จิตบรรลุพุทธภูมิ
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณธรรมะสวนัง ถ้าคุณเห็นขันธ์ห้าไม่มีในเรา

    ก็จะพยากรณ์ได้ว่า เป็นพระอรหันต์แล้ว

    ตัวผมไม่ได้กลัวตัวสัญญา แต่นึกถึงกุลบุตร - กุลธิดา
    ที่ยังเป็นผู้มาใหม่ในพระธรรมนี้ ตลอดถึงอาณาจักรธรรมภายในใจนี้
     
  12. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    haha55+ขออภัย
    คุณบอกว่า จิตไม่มีตัวตน
    แล้วคุณเอาจิตที่ไหนมาบรรลุพุทธภูมิ ???

    พระศรีอารย์อริยะเมธี ในวิถีธรรม...จะกล่าวธรรมขัดแย้งกันเองหรือ???

    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้มาด้วยการใช้กำลัง (ความเพียร)ทั้งนั้น

    (smile) ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เมื่อรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมนั้นๆ

    จิตที่เป็นอัตตาก็กลับกลายเป็นอนัตตาธรรม

    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้มาด้วยการใช้กำลัง (ความเพียร)ทั้งนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเข้าใจ

    ดังนี้
    ปัญญาธิกะ แปลว่า ผู้ยิ่งด้วยปัญญา อธิบายว่ามี ปัญญายิ่งกว่าคุณธรรมอย่างอื่นทั้งสิ้น ส่วนคุณธรรมอย่างอื่น เช่น สัทธา หรือวิริยะเป็นต้นก็มีอยู่พร้อมแต่น้อยกว่า หรืออ่อน กว่าปัญญา

    สัทธาธิกะ แปลว่า ยิ่งด้วยศรัทธา คือมีศรัทธาแก่ กล้าแข็งกว่าคุณธรรมอย่างอื่นๆ เช่น ปัญญา หรือ วิริยะ ก็มี อยู่พร้อมมูล แต่อ่อนกว่าหรือน้อยกว่าศรัทธา

    วิริยาธิกะ แปลว่า ผู้ยิ่งด้วยวิริยะ คือ ยิ่งด้วยความ เพียร ความกล้าหาญ พระโพธิสัตว์ประเภทนี้มีวิริยะมากกว่า หรือ เข้มแข็งกว่าคุณธรรมหรือคุณสมบัติอย่างอื่นทั้งหมด ส่วนคุณสมบัติอย่างอื่นๆ เช่น ปัญญาและสัทธาก็มีอยู่แต่ น้อยกว่า หรืออ่อนกว่าฯ หมายความต่างกันอย่างนี้แหละท่านธรรมะสวนัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2009
  14. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ใครหรืออะไร???รู้แจ้งแทงตลอดในธรรมนั้นๆ
    จิตที่เป็นอัตตาก็กลับกลายเป็นอนัตตาธรรม จะเป็นได้อย่างไร???
    ในเมื่อท่านบอกว่า
    ใครหรืออะไร???อย่าพากันหาจิต
    ในเมื่อท่านกล่าวว่า จิตไม่มีตัวตน
    จะฝึกฝนอบรมสิ่งที่ไม่มี ไปเพื่อประโยชน์อะไร???
    ถ้านึกถึงกุลบุตร - กุลธิดาที่ยังเป็นผู้มาใหม่ในพระธรรมนี้
    ก็ควรระวังการกล่าวธรรมขัดแย้งกันเอง
    ระวังการแสดงสัญญาวิปลาส....ขออภัย

    (smile)
     
  15. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    อะไรหรือใคร???เมื่อรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมนั้นๆ(ไม่ใช่จิตรู้หรือ???)
    จิตที่เป็นอัตตาก็กลับกลายเป็นอนัตตาธรรม...เป็นได้อย่างไร???

    ถ้าพูดถึงอนัตตาธรรม ก็คงต้องเทียบเคียงกับ อนัตตลักขณสูตร
    เพราะเป็นพระสูตรที่แสดงลักษณะว่าสิ่งใดเป็นอนัตตา

    ทรงแสดงว่า ขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา
    เธอทั้งหลายพึงเห็นรูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ นั้น
    ด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา

    [๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวก ผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่ อย่างนี้
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ
    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด
    เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น
    เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว

    ตอนท้ายพระสูตรกล่าวว่า
    จิตของพระปัญจวัคคีย์ หลุดพ้นจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่นในอุปาทานขันธ์ ๕

    สรุป
    จิตรู้ผิดจากความเป็นจริง (มีอวิชชาครอบงำ)
    หลงยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นอัตตาตัวตน

    เมื่อจิตรู้ถูกตามความเป็นจริง (หลุดพ้นจากการครอบงำของอวิขขา)
    ปล่อยวางการยึดถือขันธ์ ๕ ว่าเป็นอัตตาตัวตน
    เพราะจิตรู้อยู่ เห็นอยู่ ว่า ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวตนของตน (ขันธ์ ๕ เป็นอนัตตา)

    (smile)
     
  16. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ (ศีล)
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ (สมาธิ)
    สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ (ปัญญา)

    ศีล สมาธิ ปัญญา ต่างเป็นปัจจัยเกื้อหนุนกันและกัน จนเป็นมรรคสมังคี
    ดังนั้น จะกล่าวว่า ตัวใดตัวหนึ่งยิ่งหย่อนกว่ากัน ไม่น่าจะใช่!!!

    และถ้าไม่มีความเพียรเพ่ง จะบรรลุมรรคผลหรือ???

    (smile)
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ฝ่ายผู้มากไปด้วยปัญญาตัดเรื่องนิมิตออกไปได้เลยไม่สนใจนรกสวรรค์ พรหม ขบคิดแต่ปัญหาธรรมะจนรู้แจ้งในทางปัญญาหลุดพ้นด้วยปัญญาวิมุตติท่านสุขวิปัสสโก บรรลุ<WBR>แบบง่ายๆ ท่านไม่มีฌานสูง ท่านไม่มีญาณพิเศษ ท่านไม่มีฤทธิ์

    ส่วนผู้ชอบเด่นไปทางฤทธิ์ ต้องมาเพียรเพ่งเล่นกสิณจนกว่า จะบรรลุฌาน แล้วยังต้องฝึกเข้าออกฌานให้ชำนาญ จนให้โทษของนิมิต แล้วจึงจะพิจารณาทางปัญญา
    ในภายหลัง ต้องโทษตัวเองมีความเป็นตัวของตัวเองสูง
    ไม่เชื่อคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ต้องพิสูจน์ก่อนว่านรกมี
    สวรรค์ มี พรหมโลกมี ไม่เช่นนั้นจิตจะไม่ยอมรับ

    แต่ถึงอย่างไรจะทิ้งข้อคิดไว้ว่า
    พระอรหันต์จะต้องบรรลุทางเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ
    ในประเภทผู้ทรงปฏิสัมภิทัปปัตโตทรงคุณธรรมพิเศษกว่าทุกแบบ เป็นพระอรหันต์ขั้น<WBR>สูงสุดในพุทธศาสนา มีความรู้ฉลาดมาก ปฏิสัมภิทาญาณ มีความสามารถคลุมหมดท่านธรรมะสวนัง.
     
  18. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ท่านคงจะตีความ คำว่า
    และถ้าไม่มีความเพียรเพ่ง จะบรรลุมรรคผลหรือ??? ออกไปไกลเกินไปกระมัง

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมตามรู้ตามเห็นอย่างไม่ขาดสาย
    เข้าไปในกาย เวทนา จิต ธรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
    มีสติ นำความยินดียินร้ายในโลก (อารมณ์) ให้พินาศสิ้นไป ดังนี้”.

    คำว่า“ตามรู้ตามเห็นเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย” นี้ ก็คือ ความเพ่ง หรือ ฌาน นั่นเอง
    ซึ่งเป็นความเพ่งดูเพื่อศึกษาเรื่องราวของกาย เวทนา จิต ธรรม
    หรือก็คือ การปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ หรือการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ (ศีล สมาธิ ปัญญา)นั่นเอง
    ตามที่ได้ยกมาในข้างต้นแล้วว่า

    ศีล สมาธิ ปัญญา ต่างเป็นปัจจัยเกื้อหนุนกันและกัน จนเป็นมรรคสมังคี
    ดังนั้น จะกล่าวว่า ตัวใดตัวหนึ่งยิ่งหย่อนกว่ากัน ไม่น่าจะใช่!!!

    และถ้าไม่มีความเพียรเพ่ง จะบรรลุมรรคผลหรือ???

    (smile)
     
  19. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    มีพระบาลีซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์รจนาไว้ว่า:

    นตฺถิ ฌานํ อปญฺญสฺส นตฺถิ ปญฺญา อฌายิโน,
    ยมฺหิ ฌานญฺจ ปญฺญาจ นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก แปลว่า
    ฌานย่อมไม่มีในผู้ที่ไม่มีปัญญา ปัญญาย่อมไม่มีในผู้ที่ไม่มีฌาน
    ผู้ที่มีทั้งฌานและปัญญาจึงจะอยู่ใกล้นิพพาน”.

    นั่นก็คือ เมื่อยกจิตขึ้นเพ่งดูอารมณ์ในสติปัฏฐาน๔ (ฌาน)
    จนจิตเป็นสมาธิ ปัญญาย่อมเกิดขึ้นพร้อมกัน
    ทำหน้าที่ปล่อยวางอารมณ์ และอาการของจิตที่เนื่องด้วยอารมณ์ตามลำดับ
    จนจิตหลุดพ้นจากการครอบงำปรุงแต่งของอารมณ์ต่างๆได้อย่างสิ้นเชิงในที่สุด
    เป็นจิตบริสุทธิ์ ซึ่งสภาพจิตที่บริสุทธิ์นี้ เรียกว่า พระนิพพาน นั่นเอง.

    (smile)
     
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระบรมศาสดา ทรงแสดง ทิฏฐิ คือความเห็นเช่นนั้น ก็ต้องไม่ควรแก่ปริพาชกด้วย และปริพาชก ก็ต้องไม่ชอบ ทิฏฐิ นั้นด้วยเหมือนกัน ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรด ทีฆนขะ อยู่นั้น พระสารีบุตรได้นั่งถวายงานพัดอยู่เบื้องหลังพระศาสดา
    พัดไปพลาง ฟังไปลาง ส่งจิตพิจารณา
    ไปตามกระแสพระธรรมเทศนานั้น
    จิตก็หลุดพ้นจากอาสวกิเลส

    ธรรมะสวนังเคยได้ยินคำนี้บ้างไหมคำพูดของพระพุทธเจ้าล้วนเป็นมารถ้าออกจากปากปุถุชนไป.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...