สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    อธิบายหน่อยสิครับ เห็นคุณยกมามีแต่ โง่ ไอ้โง่

    (smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2009
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
  3. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    สงสัยสุภาพสตรีท่านนี้ คิดมากกับคำถามเรา

    ธรรมดาของเรา แต่ไม่ธรรมดาเขาเป็นอย่างไรหนอ

    ฟังเพลงน้องแคท แต่ไม่มีอารมณ์ร่วมก็อย่างหนึ่ง

    แม้ไม่ฟังน้องแคท แต่มีอารมณ์ร่วมก็อย่างหนึ่ง

    เป็นเรื่อง เสียงกระทบหู รื่นหู ไม่รื่นหู มันก็อยู่ที่เรารับมาปรุง ถูกไหม
     
  4. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ....สงสัย มวยล้มไปและ

    แต่การไป การมา กระทู้นี้ไม่ต่างจากกระทู้นู้น กระทู้นู้นไม่อื่นจากกระทู้นี้
    โดยการไป การมา ของพี่ศรีฯ นี่ต้อง เอายกนิ้วโป้น้องแคทให้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2009
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ครั้งหนึ่งเราได้สงสารแม่เราอย่างจับใจ
    ท่านปวดกระดูก
    เราถือเพศบรรพชิต เราได้จับขาทั้งสองของท่าน
    มานวดจับเส้นให้ท่านจนอาการทุกขเวทนาเบาลง
    ประกอบกับมีโยมมาพบ

    และถามว่าปาบไหม
    เราตอบว่าบาปอยู่ที่คนคิด

    คิดมากก็บาปมาก

    แล้วท่านทำทำไม เราบอกว่าพ่อแม่พระวินัยไม่ได้ห้าม
    และได้แสดงธรรมให้เธอฟังว่า เราต้องการให้แม่เราละอุปาทาน
    ไม่บาปหลอก
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักความเป็นไปได้ของความเป็นจริง “ใบประดู่ลายในพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าเพียงไม่กี่ใบ” เป็นสิ่งที่พระองค์ได้นำเรื่องที่เป็นความจริง พิสูจน์ได้และเป็นประโยชน์มาตรัสสอน แต่ใบไม้ที่เหลืออยู่บนต้น และอยู่ในป่าอีกมากมายนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงทราบแต่ไม่ทรงตรัสสอนแต่เราจะสอน
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    หลวงปู่เทศน์ไว้ ใครอ่านดูก็รู้ ที่ว่าโง่ ไอ้โง่นั่นคือ อะไร<o:p></o:p>
    คงมีแต่บางคนแกล้ง... ไม่รู้ว่า โง่ ไอ้โง่ คืออะไร <o:p></o:p>

    (smile)
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    พวกสุภาพบุรุษนี่ก็แปลก คิดมากกับคำพูด
    ธรรมดาของผู้ปฏิบัติ จะธรรมดาแบบไม่ธรรมดาของผู้อื่น

    <O:p</O:pคนส่วนใหญ่ที่หลงใหลในแสงสีเสียง พอฟังเพลงน้องแคท <O:p</O:p
    ก็มีอารมณ์ร่วมโดยตัณหา แต่อ้างว่าเป็นเพียงการผ่อนคลายเท่านั้น<O:p</O:p
    <O:p
    แม้ไม่ฟังเพลงน้องแคท ก็มีอารมณ์ร่วมโดยตัณหาอยู่ดี<O:p</O:p
    เพราะไม่รู้วิธีในการปล่อยวาง เห็นขันธ์ ๕ เป็นแก้วสารพัดนึก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ส่วนที่นี่ เป็นเรื่องของตากระทบตัวหนังสือ ชอบไม่ชอบก็อยู่ที่เราปรุงเอง ก็เท่านั้น

    (smile)<O:p</O:p
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
    เห็นแล้ว อดปรุงมิได้ ขอร่วมสนุกปริศนาธรรม ท่านนิวอน นะเจ้าคะ ฮุฮุ
    เธอหน้าตาขี้เหร่ แต่ตั้งปรารถนาจะเป็นดังนักร้องดังซุปเปอร์สตาร์ที่ร้องเพลงได้ไพเราะ
    วันหนึ่งเธอได้โอกาสร้องเพลงต่อหน้าสาธารณะชน(รายการ The star มั้งขออภัย
    ถ้าจำผิด) และเธอก็ได้สมความปรารถนา แถมยังร้องได้ไพเราะมาก จนผู้ชม
    ชื่มชมปรบมือให้ เหมือนฝันที่เป็นจริง

    ปล.1 เธอหน้าตาขี้เหร่ก็เพราะกรรมไม่ดี ร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพรจากสวรรค์มั้งแต่ก็มาจากกรรมที่ทำความดีไว้ นี่ถ้าเธอรู้สึกตัวนะขอตั้งความปรารถนาให้หน้าตาดีด้วยร้องเพลงไพเราะด้วย เธอจะได้รูปนามสมบัติที่สมบูรณ์แบบ เป็นที่ชื่นชมของมหาชน

    ปล.2 ถ้ามาทางพระ หน้าตาขี้เหร่ อาจหมายถึงปัญญา เนาะ การติเตียนธรรมของพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยความไม่รู้ อาจทำให้เดินปัญญาไม่ได้ หรือไม่รู้วิธีเดินปัญญา ก็เป็นวิบากกรรมอย่างหนึ่ง ชาตินี้ก็ทำ ชาติก่อนก็คงทำ เป็นความเคยชิน ดูจากอาจิณกรรมในปัจจุบัน ย่อมรู้ถึงวิบากกรรมที่เกิดแต่กรรมในอดีตได้ ถ้าวันนี้ยังไม่รู้สึกตัว วันหน้าก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    (smile)
     
  12. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    (smile) เอากะเขามั่ง [​IMG]
     
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    มนุษย์ผู้ยังมีกิเลสเป็นเครื่องหมักดองอาสวะกิเลส

    หรือจะเข้าใจเรื่องอกิริยาของจิตของอริยะเจ้า
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณโชฯ การที่เรายังต้องอยู่กับโลก
    จำเป็นด้วยหรือครับที่เราจะต้องคล้อยตามโลก
    กระแสโลกเป็นไปอย่างไรมันเป็นเรื่องของโลก เราไม่ขัดแย้งกับโลก
    แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินตามกระแสรโลกนิครับ

    การจะวัดจิตวัดใจตนเองนั้น เราต้องแน่ใจให้ได้ก่อนว่า
    เอาตัวรอดจากการถูกครอบงำของอารมณ์ได้หรือไม่???
    โดยมากแล้วที่เดินเข้าหากิเลสเพราะหวั่นไหวต่ออารมณ์เหล่านั้นต่างหาก
    แต่ก็มักอ้างให้สวยหรูว่าเอาไว้วัดจิตวัดใจตนเอง
    เพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการที่จะทำมันอีกใช่มั้ย???

    คุณเคยถามใจตนเองบ้างหรือเปล่า โดยใช้วิธีสัมมาสมาธิสำรวจจิตสำรวจใจ
    เมื่อจิตระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้ว
    จิตมีอาการหวั่นไหวเราก็รู้เห็นตามความเป็นจริงว่าเรากำลังหลอกตนเองอยู่

    ถ้ายังต้องถือศีลเอาขลัง ก็ยังต้องเดินหนีอยู่วันยังค่ำ
    แต่ถ้าจิตที่มีศีลคอยรักษาอยู่นั้นไม่จำเป็นต้องเดินหนี
    แต่ไม่เดินเข้าหาเพราะรู้อยู่เห็นอยู่ว่าเป็นที่อโคจร
    จะเดินเข้าไปหาสิ่งเหล่านั้นทำไม??? ใช่มั้ยครับ???

    คุณโชฯ ทำไมต้องอยู่ท่ามกลางสิ่งยั่วยุ(ตัณหาอุปาทาน)ด้วยหละ???
    คนที่รู้จักวางย่อมวางตนเองให้ห่างไกลจากสิ่งเหล่านั้นใช่มั้ย???
    หรือจำเป็นต้องอยู่ก็รู้จักเอาตนเองให้ออกพ้นจากสิ่งเหล่านั้นใช่มั้ย???
    มีแต่พวกที่ชอบหลอกตนเองเท่านั้นที่ชอบพาตนเองเข้าหาสิ่งเหล่านั้น
    โดยอ้างว่าเอาไว้ทดสอบจิตใจเท่านั้นจริงหรือไม่???
    สิ่งเหล่านั้นคุณไม่จำเป็นต้องเดินเข้าหาหรอก
    โดยปกติแล้วมันมักเดินเข้ามาหาเราเองอยู่แล้วใช่มั้ย???

    ;aa24
     
  16. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ภูเขากับแม่น้ำ

    กล่าวกันว่า ก่อนที่คนเราจะศึกษาและปฏิบัติธรรมนั้น เมื่อมองดูภูเขาก็เห็นเป็นภูเขาธรรมดาๆ มองดูแม่น้ำก็เป็นแม่น้ำธรรมดาๆ ครั้นเมื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม


    ไประยะหนึ่ง จะมองภูเขาไม่ใช่ภูเขา และแม่น้ำไม่ใช่แม่น้ำแล้ว เพราะจะเห็นสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าธรรมดา แต่เมื่อสำเร็จได้บรรลุธรรมแล้ว จะเห็นภูเขาเป็นภูเขา แม่


    น้ำเป็นแม่น้ำอีก แต่เห็นคนละลักษณะกับก่อนปฏิบัติธรรม เพราะเห็นความจริงแท้หรือสัจธรรมนั่นเอง
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ศรีฯเอย อ้างคำสอนของจอมศาสดาแล้วรู้หรือเปล่าว่า
    มันขัดแย้งกับที่ศรีฯเคยพูดๆมาว่า “อะไรๆก็ไม่ตัวไม่มีตน”
    เห็นมั้ยว่าขัดกับคำสอนของพระองค์ๆตรัสว่า “หลักความเป็นไปได้ของความเป็นจริง”
    แสดงว่านิพพานมีอยู่จริง ไม่ใช่ไม่มีตัวไม่มีตน(ไม่มีอยู่จริง)

    ศรีฯเอย แค่ “ใบประดู่ลายในพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าเพียงไม่กี่ใบ”
    ที่ทรงแสดงให้ชาวโลกรู้ถึงความเป็นพระสัพพัญญูของพระองค์
    ให้กระจ่างก่อนเถอะ ค่อยมาโม้เรื่องน้องแคทที่ช่วยยกจิตยกใจให้
    เพราะมัวแต่สนใจแต่ใบประดู่ลายนอกพระหัตถ์
    ถึงได้ชอบพูดจาวกวนเป็นน้ำในอ่างอย่างทุกวันนี้จ้า


    ;aa24<O:p</O:p
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ศรีฯเอย ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งลองภูมิรู้กันแน่
    อกิริยาจิตนั้นจะมีได้เฉพาะในสัมมาสมาธิฌานที่๔
    หรืออยู่ในสภาวะนิโรธสมาบัติเท่านั้น

    ถ้ายังใช้ชีวิตอยู่กับโลกแล้วย่อมต้องมีกิริยาจิตด้วยกันทุกผู้ทุกนาม ไม่มียกเว้น

    ในเมื่อโม้ออกมาแล้วถามหน่อย
    ระหว่างกิริยาจิตของปุถุชนต่างกับของพระอริยเจ้าอย่างไร

    อ๊ะอ๊ะ อย่าตอบออกนอกเรื่องนอกราวอีกหละ รับไม่ได้จ้า

    ;aa24
     
  19. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อ่านจากใจตัว

    จิตปุถุชนเต็มไปด้วยความกลัวว่าจะทำบาป กับสงสัยว่าทำไปแล้วจะเป็นบุญหรือเป็นบาป

    พระอริยเจ้าจิตไม่ปรุงแต่ง ถือเป็นกริยาอาการที่ไม่มีบุญบาปมารองรับ

    จิตเป็นกลาง

    เมื่อมันหนักนักก็วาง

    เมื่อรับไม่ได้

    นั้นก็ด้วย

    รองรับไว้ไม่ได้
     
  20. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63

    นึกว่าจะไม่ทักสหายเก่าซะแล้ว

    ศึกษาธรรมเอาแต่พอดีเถิด ไม่ต้องไปประกาศตัว ว่าเรานี่มีธรรมแล้วนะจ๊ะ

    วันนี้เห็นอย่าง พรุ่งนี้เห็นอย่าง วันต่อไปเห็นอีกอย่าง มองภูเขาให้เป็นภูเขาเถิด

    ทุกอย่างเป็นธรรมดา เรารู้ของเรา รักษาใจให้เป็นปกติ

    ไปดึง ไปลาก ไปแบกเขาทำไมหนอ

    เห็นต้องเอา "ตัวกู ของกู" มาอวดทุก ห้าโมง มันเป็นอะไรกัน ฮือ



    มีประโยคใดที่เราทำให้ท่านเข้าใจว่าคล้อยตามโลกหรือ

    เราไม่สรรเสริญให้ขวางโลก แต่ให้เอาแต่พอดี

    ทำงานทำหน้าที่ ดัวยใจปกติ พอดี



    เห็นน้าคุยธรรม ศึกษาธรรม เราก็อิ่มใจ และโมทนาด้วย

    แต่ถ้าจะมาส่งการบ้านผม แนะนำให้คุยกับพระศรีเถิด จุ๊บุ จุ๊บุ


    :z6
     

แชร์หน้านี้

Loading...