ให้จำไว้ว่าไม่ว่ากายหรือจิตก็ไม่ใช่ของเรา

555 ออกตัวคนแรกเลยรึ
อย่ายึดมั่นความคิดตนหากใครแสดงให้เห็นได้ดีกว่า ก็ยอมรับได้ใจ ไม่มีทิฐิ
ความจริงย่อมปรากฏให้เห็นไม่ช้าหรือเร็ว เจริญในธรรม<!-- google_ad_section_end -->
ไม่ได้ว่าอะไรเลยคำว่ากองเชียร์มันผิดเหรอไม่ยักกะรู้ เราชอบเขาธรรมของเขาดีก็ชอบไปสิเป็นกองเชียร์รึไม่เป็นไม่เห็นต้องร้อนตัวเลย

 

ยังไงก็ขอขอบพระคุณท่านทั้งหลาย ไอ้ครั้นจะถือโกรธก็คงห้ามไม่ได้ก็เอาเถอะ เดี๊ยวก็ดับไป ตามนั้น แค่คำสองคำที่พี่ท่านช่วยหามาเนี่ยก็มีค่ามากมายเกินพอแล้วสำหรับวันนี้
ขอให้เจริญในธรรมเช่นกัน

 

คุณเก่งถามหน่อยนะ ปฏิบัติธรรมมานานหรือยัง
อ่านโพส และสื่อสารโพสเข้าใจไหม
พิจารณาโพสเป็นไหม
อีกอย่างเราเป็นคนยอบรับคำพูดของเราเสมอ ไม่ละเมิดบุคคลที่สามหากเป็นแง่ลบ
ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีเจตตนาอะไร ท่านมองตัวเองไม่ออกเหรอ แต่เรามองว่าตอนนี้ท่านฟุ้งมากไปแล้ว นะ ไม่โกธรเรานะ อันนี้เตือนตรง ๆ เลยไม่อ้อมค้อม

 

ถามทำไมครับ ผมบอกแล้วไงว่าพึ่งหัดไม่นาน แต่ผมไม่ชอบวุ่นวายเรื่องของคนอื่น คงไม่นานเท่าคุณหรอกครับ ผมไม่อยากเดาว่านานกี่ปี ขอเดาได้ไหมครับ คงซัก ๑๕ ปีได้ใช่ไหมครับ

 

คุณหลบภัยผมถามหน่อยได้ปะ เวลาคุณโกรธทำไมถึงต้องถามคนโน้นคนนี้ฝึกมานานไหม แล้วก็บอกว่า อย่าโกรธนะทั้งๆที่ความโกรธนั้น อกุศลจิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว รู้จักไหม หิริ โอตัปปะ รู้จักไหม

 

กรุณาอ่านโพส ของท่านนะ ท่านเก่ง แล้วท่านจะรู้ว่าจริตท่านเป็นแบบไหน
หาวิธีแก้นะ หมั่นปรับปรุง ไม่มั่นใจอะไรเกินไปนัก
การลองภูมิเป็นสิ่งที่ดีนะ หากมันไปพร้อมเจตตนาที่เป็นกุศล
ทำจิตให้ขาวรอบ เดี๋ยวจะดีเองค่ะ อนุโมทนานะ

 

อัสมิมานะ แก้ด้วย อนิจจสัญญา

อธิมุตติบท มี 10 ประการ

อย่างนี้ไม่ต้องมาทะเลาะกันหรอกครับ
เสียเวลาเปล่า
ในตำราก็มีบอกไว้หมด

 

ถึงคุณหลบภัย อย่าโกรธเลยหรือไม่ก็โกรธแล้วรู้ว่าโกรธก็ยังดี วันนี้ถือว่าเป็นวันที่มีค่าอีกหนึ่งวันสำหรับผม จะเชื่อหรือไม่ก็ตามสองคำนั้นแหละทำให้หรือเป็นสาเหตุแห่งการแตกคอกัน ไม่เข้าใจกันครับ

 

ถึงคุณหลบภัย อย่าโกรธเลยหรือไม่ก็โกรธแล้วรู้ว่าโกรธก็ยังดี วันนี้ถือว่าเป็นวันที่มีค่าอีกหนึ่งวันสำหรับผม จะเชื่อหรือไม่ก็ตามสองคำนั้นแหละทำให้หรือเป็นสาเหตุแห่งการแตกคอกัน ไม่เข้าใจกันครับ

 

เอา เสวิสูตร มาฝากค่ะ

[๔๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ

๑. บุคคลที่ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่
๒. บุคคลที่ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่
๓. บุคคลที่จะต้องสักการะเคารพ แล้วจึงเสพ คบหา เข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่

***

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ เป็นไฉน

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเลวโดยศีล สมาธิ ปัญญา
บุคคลเห็นปานนี้ ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ นอกจากจะเอ็นดู อนุเคราะห์กัน

***

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ เป็นไฉน

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเช่นเดียวกับตน โดยศีล สมาธิ ปัญญา
บุคคลเห็นปานนี้ ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะการสนทนา ปรารภศีล จักมีแก่พวกเราซึ่งเป็นคนเสมอกันโดยศีลด้วย
การสนทนาของเรานั้น จักเป็นถ้อยคำเป็นไปด้วย และจักเป็นความสำราญของเราด้วย

การสนทนาปรารภสมาธิ จักมีแก่พวกเราซึ่งเป็นคนเสมอกันโดยสมาธิด้วย
การสนทนาของเรานั้น จักเป็นถ้อยคำเป็นไปด้วย และจักเป็นความสำราญของเราด้วย

การสนทนา ปรารภปัญญา จักมีแก่เราซึ่งเป็นคนเสมอกันโดยปัญญาด้วย
การสนทนาของเรานั้น จักเป็นถ้อยคำเป็นไปด้วย และจักเป็นความสำราญของเราด้วย

ฉะนั้น บุคคลเห็นปานนี้ จึงควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้

***

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่จะต้องสักการะ เคารพแล้วจึงเสพคบหา เข้าไปนั่งใกล้ เป็นไฉน

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ยิ่งโดยศีล สมาธิ ปัญญา
บุคคลเห็นปานนี้ จักต้องสักการะเคารพแล้วจึงเสพ คบหา เข้าไปนั่งใกล้

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะอาการเช่นนี้ จักบำเพ็ญศีลขันธ์ที่ยังไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์
หรือจักอนุเคราะห์ศีลขันธ์ที่บริบูรณ์ด้วยปัญญาในที่นั้นๆ

จักบำเพ็ญสมาธิขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์
หรือจักอนุเคราะห์สมาธิขันธ์บริบูรณ์ด้วยปัญญาในที่นั้นๆ

จักบำเพ็ญปัญญาขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์
หรือจักอนุเคราะห์ปัญญาขันธ์ที่บริบูรณ์ด้วยปัญญาในที่นั้นๆ

ฉะนั้น บุคคลเห็นปานนี้
จึงควรสักการะเคารพ แล้วเสพ คบหา เข้าไปนั่งใกล้

***

ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคผู้สุคตพระศาสดา ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว
จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

บุรุษคบคนเลว ย่อมเลวลง
คบคนที่เสมอกัน ย่อมไม่เสื่อมในกาลไหนๆ
คบคนที่สูงกว่า ย่อมพลันเด่นขึ้น ฉะนั้น จึงควรคบคนที่สูงกว่าตน ดังนี้ ฯ

(smile)

 

ราตรีสวัสดิ์ครับ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันครับ เกือบลืมครับ เป็นกุศลจิตครับ เห็นว่าดีแก่ทั้งตนและผู้อื่นจึงทำครับ ไม่ใช่เห็นดีเฉพาะตนแล้วจึงทำครับ

 

อืมไม่โกธรกัน ไม่มีอะไรต้องโกธรค่ะ ทุกท่านคือธรรมสำหรับเรา
คุณเก่งก็พยายามต่อไปนะคะ อนุโมทนาในการปฏิบัติค่ะ

 

จะกล่าวอะไรก็กล่าวเถิดท่านผู้มีคุณธรรมสูง ไม่ต้องร่ายยาวหรอก อ่านมากมันงง รู้ป่าว แค่สองคำก็เกินพอแล้วสำหรับวันนี้ ยังเอาคำที่สาม มาให้อีก ช่างเป็นผู้มีความรู้มากจริงๆ ทุกท่านต้องสรรเสริญนะครับ

 

ครับขอเป็นกำลังใจให้ท่านเช่นกันครับ ขอให้มีความมั่นใจมากๆนะครับ ที่คิดว่าดีแล้วนะครับ อันไหนไม่แน่ใจก็ใช้ปัญญาคิดเอาทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่แน่นอนครับ ผมกล่าวได้เท่านี้แหละครับ

 

ข้างบนนี่ล่ะครับความหมายของ อัสมิมานะ
คือ ยึดถือตัวตน ความคิดของตน เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เที่ยงแท้แน่นอน

แต่ความเป็นจริงก็ข้างบนอีกล่ะครับ
คือมันไม่แน่นอนครับ
เป็นอนิจจังครับ
นี่คือ อนิจจสัญญา

โต้แย้งกันไปกันมา
ก็วกมาที่เรื่องที่สนทนากันพอดี
พอเหมาะพอดีครับ

 

โลกนี้มีอะไรที่น่ารู้ไปหมด อีกสองโลกก็น่ารู้เหมือนกัน
แต่เราก็เลือกเฉพาะที่เราสามารถรู้ได้แล้วกันนะ มันไม่รกดีนะ
.....G..

 

รกโลกนี่ไม่เท่าไหร่
เพราะมีให้เห็นเยอะแยะ

แต่อย่าให้รกใจตัวเองแล้วกัน

 

คับพี่เกสท์ ^-^ รก ก็รู้ว่ารก ฮะ
พยายามกวดมันออกไป ไม่ยอมแพ้มันหรอก
แค่ไม่ให้มันเพิ่มเ่ท่านั้น ไม่ว่าอารมณ์ไหน เดี๋ยวมันมืดฮะ

 

ธรรมดาพวกนกพวกหนูเค้าก็อยู่เป็นคู่
รู้จักเพศหญิง เพศชาย

แต่เราเป็นคนแท้ ๆ แยกหญิง แยกชาย ไม่ออก
มันน่าอายนกอายหนูนะ

 

อีกคนแล้วเนี่ย พูดแบบนี้
ทำไมจะแยกไม่ออก ก็เ็ป็นผู้หญิงนี่แหล่ะจ้า
ทำไมมีแต่คนชอบบอกว่า นานางงเพศตัวเองหนอ
ไม่รู้อะไรเสียแล้ว.....