นับถือศาสนาอื่นอยู่แค่อยากเรียนนั่งวิปัสนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย teeratoy2002, 13 กรกฎาคม 2009.

  1. teeratoy2002

    teeratoy2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +417
    นับถือศาสนาอื่นอยู่แต่อยากเรียนนั่งสมาธิวิปัสนา ควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี ถ้าไม่ได้นับถือพุทธจะได้ผลสำเร็จตามที่ผู้นับถือพุทธปฏิบัติกันหรือไม่ อยากทราบแนวทางฝึกครับ เพราะถ้าฝึกแล้วไม่เกิดประโยชน์ตามที่ตั้งใจในการดับทุกข์แล้ว จะได้ไม่ต้องดื้อดึงฝึกฝน แต่ถ้าวิธีนี้ถูกต้องแล้วล่ะก็อยากจะได้รับคำแนะนำจากผู้สำเร็จแล้ว ถือว่าช่วยมนุษย์คนนึงให้พ้นจากกิเลสทุกข์เอาบุญนะครับ
     
  2. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ไม่รู้ครับ แต่สิ่งแรกที่ต้องมี คือ ศรัทรา
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
  4. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    Computer ของเราเอง บางทีเราต้อง Scan disk,scan virus,defragment
    คือต้องจัดFileจัดข้อมูล เพื่อCom จะได้ทำงานคล่องขึ้น
    สมองเราก็คือ Com ตัวหนึ่งจึงต้องทำเหมือนกันคือ Scan disk,Scan virus etc
    จัดFileจัดระเบียบทำความสะอาดข้อมูล(จิต)ในสมอง
    ไม่ให้ความคิดสับสน ฟุ้งซ่าน(เหมือน Com โดน virus)
    อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของศาสนา เพียงแต่คำว่า Scan virus นั้น ศาสนาพุทธเรียกว่า(สมมุตินะครับ) อานาปาณสติ
    เมื่อเริ่มทำอานาปาณสติ virus ที่ฟุ้งจะเริ่มสงบ เราจะเริ่มจับ virusได้
    แล้วก็ฆ่า virus ซะ(ความฟุ้งซ่าน ความเห็นแก่ตัว ฯลฯ)
    ถ้าการ Scan Computer ไม่ผิดหลักศาสนาใดๆ
    ทุกศาสนาก็สามารถ Scan virus สมองได้ครับ
    ลองเริ่ม Scan แบบ
    อานาปาณสติ ครับ
     
  5. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    คุณBoontar
    อุปมาได้น่าฟังเหมาะกับกาลสมัยปัจุบัน

    เมื่อสมองscan พบจับไวรัสได้ ก็ควรรู้ว่าจับได้
    ขณะที่scan ก็ให้รู้ว่าscan หนอ ๆ
    จับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ให้รู้ว่ากำลังscan แค่นี้จิตก็เป็นกุศลแล้ว

    จับได้ถือเป็นกำไร
    จับไม่ได้ก็นับเป็นกำไรอีกเหมือนกัน เพราะรู้ว่าทำอยู่
     
  6. Kathaleeya

    Kathaleeya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +207
    เห็นด้วยกับคุณboontarค่ะ
    คือเราเองก็ไม่ทราบอะไรมาก ตอนนี้ก็ยังต้องฝึกฝนตนเองเพื่อดับทุข์ตามแนวทางสติปัฏฐาน4อยู่ค่ะลองอ่าวหนังสือวิปัสสนานุบาล ของคุณดังตฤณก่อนดีไหมคะ หรือเข้าไปอ่านที่เวป http://dungtrin.com
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อุปมาได้ดีครับ คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->boontar สาธุ อานา เป็นกรรมฐานชั้นเอกครับ....ท่านว่าเป็นแม่บทกรรมฐาน...

    ส่วนเรื่องจับไวรัสได้นั้น.......รู้แล้วให้ฆ่าทิ้งครับ.....ไม่ใช่รู้แล้วเฉยๆไม่ฆ่า.....มันยังไม่ตายเดี๋ยวมันโพล่นะครับ....
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647

    ไม่ต้องรู้อะไรมากอ่ะครับ......ทำไปเลย...ดีหมดหละครับ......รู้มากปวดหัวนะ.....มันฟุ้งซ่าน.....

    ว่าแต่ยังไม่ได้ตอบเลยนับถือศาสนาอะไร.....หมกเม็ดปะเนี่ย....อย่าบอกว่าเป็นพวกหลายชื่อนะ...

    oishi_
     
  9. เส้นทางสายใหม่

    เส้นทางสายใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +360
    แนะนำให้ครับ (อ.ที่สอนกรรมฐานให้แนะนำได้ ทำได้ทุกศาสนา)

    อาจารย์ท่านให้ทำคือ

    1) กำหนดนึกถึงดวงแก้วใส หรือจะไปหาซื้อลูกแก้วมาก็ได้กำหนดมอง แล้วหลับตานึกว่าเห็นดวงแก้ว ลืมตาเมื่อภาพหายลืมตาดูลูกแก้ว จำได้แล้วหลับตา

    2) ถ้าตามหลักทางฝ่ายพุทธเราก็กำหนดบริกรรมท่อง พุทธโธ หรือ ผองยุบไปพร้อมกับกำหนดนึกถึงลูกแก้วตลอด ถ้าหายให้นึกใหม่ แต่ส่วนของทางคุณนี้นับถือศาสนาอื่นมาก่อนก็ไม่เป็นไร (อาจารย์ก็เคยสอนคนแนวปฏิบัติอย่างนี้ให้คนนับถือศาสนาอิสลามมาแล้ว) ให้กำหนดท่องว่า "เมตตา" พร้อมกับกำหนดนึกเห็นลูกแก้วใส ถ้าลูกแก้วที่นึกหายให้นึกใหม่ ทำอย่างนี้อย่างน้อยวันละ 500 จบ เช่นว่า นึกดวงลูกแก้วใส่ ท่องเมตตา1 ,เมตตา 2 , เมตตา 3 . . . . . . เมตตา 500 (ถ้าสติเผลอไปให้เริ่มนับใหม่ตั้งแต่ 1 อย่าโกหกตัวเอง) ถ้าทำประจำจะเริ่มมีสติที่นิ่งขึ้น เย็นขึ้น สว่างขึ้น และ ที่สำคัญที่สุด มีเมตตามากขึ้น (ตอนทำก็ให้นึกว่าเราเมตตาต่อสิ่งต่าง ๆ รักสิ่งต่าง ๆ เรารักสิ่งใดให้เราท่องเมตตา และใส่อารมณ์ที่รักมากแบบนั้น เหมือนรักพ่อรักแม่ รักพี่น้องญาติ รักสามีภรรยาแบบนั้นเลย) เคยได้ยินอาจาย์ท่านว่าไว้ว่า ก่อนที่เราจะมาเป็นคนดีได้นั้น ทุกคนเคยเป็นคนเลวมาก่อน เคยหลงผิดมาก่อน เคยเกิดในศาสนาอื่นมาก่อนเช่นกัน แม้จะไม่อาจทำให้บรรลุมักผลนิพานได้ แต่มันจะเป็นตัวนำชักพาให้จิตโน้มเข้าสู้ทางที่ถูกที่ควรตามที่คุณหวังไว้ ที่สำคัญผมไม่ใช่ผู้บรรลุอะไรเลย เป็นเพียงคนที่เริ่มจะทำตัวให้เป็นมนุษย์เท่านั้น แม้จะยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจสูงก็ตาม ยังคงฝึกอยู่

    ทางที่คุณกำลังเลือกอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่ง (หรืออาจจะหลายครั้ง) คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า ก็คงจะเคยคิด และอีกหลาย ๆ ท่านที่คิด เส้นทางที่คุณคิดคือทางที่ต้องใช้เวลายาวนาน แม้แต่ผมเองก็ตาม หวังว่าคงได้ในสิ่งที่ต้องการไม่มากก็น้อย


    ขอบคุณอาจารย์ที่สั่งสอน และให้ได้นำคำสอนอาจารย์มาบอกกล่าวต่อ
     
  10. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    เวลาทำสมาธิ ไม่มีคำกำจัดความ หรือนิยามว่าศาสนาไหน ทำต้องทำสมาธิแบบไหน
    ขึ้นอยู่กับจริตเรามากกว่าทำแบบไหนถึงจะสงบ ศาสนาไหน ก็หายใจเข้าออกเหมือนกัน
    ลองตามลมหายใจดูก็ได้ หรือเจริญสติก็ได้ ไม่ต้องยึดติด หรอก ...ไม่มีข้อจำกัด
    ไม่มีเงื่อนไข ทุกอย่างใช้ใจ สติ ปัญญา พิชิต ทั้งนั้นแล
     
  11. teeratoy2002

    teeratoy2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +417
    ขอบพระคุณท่านที่เข้ามาแนะนำทุกท่าน ขอให้ทุกท่านได้รับบุญของการแนะนำหนทางแก่ผู้ต้องการดับทุกข์เช่นตัวผมเองนะครับ ตอนนี้ผมนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิคครับ ผมอยากฝึกฝนญาน และนั่งสมาธิครับ แต่ไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนศาสนานะครับ เพราะผมรักและศรัทธาในองค์พระเยซูอย่างที่สุด และรู้สึกชอบและนับถือในหนทางดับทุกข์ที่พุทธศาสนิกชนปฏิบัติครับ เพราะคิดว่าได้ผลจริง ๆ ในเรื่องการละ เลิก ในกามราคะ โมหะ โทสะ และอื่น ๆ อีกมาก ผมตั้งใจศึกษาอย่างจริงจังครับ เพราะช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี่รู้สึกเหมือนกับว่าไม่ต้องการอะไรในทางโลกอีกแล้วครับ คือมันไม่มีความโลภ ความอยากได้ อยากมีอะไรเลยครับ จนดูเหมือนคนขี้เกียจ ไม่กระตือรือล้นอะไรในชีวิตเลย แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นนะครับ เพราะผมก็ยังทำการทำงานหาเลี้ยงชีพเหมือนคนปรกติทั่วไป แค่ใจมันอยากได้สิ่งอื่นที่โลกนี้ไม่สามารถให้ได้เท่านั้นเองครับ ผมต้องการผู้แนะนำที่ฝึกฝนสำเร็จแล้วเป็นผู้ชี้ทางที่ถูกต้องให้ ถ้ามีท่านใดที่เต็มใจสอนให้ ผมขอฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยคนครับ ไม่ว่าจะเป็นท่านอาจารย์ชาย หรือหญิงก็ได้ครับที่ท่านบรรลุแล้วช่วงอนุเคราะห์ผมด้วยคนนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  12. เส้นทางสายใหม่

    เส้นทางสายใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +360
    อย่าดูถูกเพียงเห็นว่าเป็นเพียงไฟกองน้อย
    อย่าดูถูกเพียงว่าเป็นเพียงลูกงู
    ..........(นึกไม่ออก)


    ฉันใดก็ฉันนั้น

    อย่ามองเพียงว่ายังเห็นว่าเด็กที่เป็นเณรยังเป็นเพียงเด็ก เพราะสักวันคนที่เราดูถูกว่าเป็นแค่เพียงเด็กนั้น สักวันอาจจะเป็นพระอรหันต์ที่สำคัญรูปหนึ่งก็เป็นได้

    อย่าดูถูกว่าเป็นคนต่างศาสนา เพราะสักวันท่านอาจจะต้องเสียใจที่ดูถูกท่านผู้นั้นก็เป็นได้
     
  13. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ยินดี นะ เราก็เช่นกัน เพื่อน ๆ เรา เปลี่ยนศาสนากันหมดแล้ว เพื่อน ๆ ในแก๊ง ๆ ก็บวชกันเยอะแล้วพวกเราชอบสายวัดป่ากัน พวกเราก็นับถือคริสต์เหมือนกัน
    ...ยินดีนะ ...กับเส้นทางใหม่....ตอนนี้ในต่างประเทศ... ประเทศไทยมีชื่อเสียง มาก.
    ในการทำสมถะกรรมฐาน ...เป็นความใฝ่ฝันกันทั้งนั้นที่อยากจะมาปฏิบัติกัน..ที่นี้ประเทศไทย
     
  14. teeratoy2002

    teeratoy2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +417
    ไม่ได้หมกเม็ดนะครับ ปรารถนาและตั้งใจจริงครับ
     
  15. เส้นทางสายใหม่

    เส้นทางสายใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +360
    อืม............ม ยังคุณยิ่งทำได้เลยนี่ครับ

    ศาสนาคริสต์ สอนให้มีความรักความเมตตา

    ยิ่งถ้าคุณทำตาม (อาจารย์ที่ท่านแนะนำผม) ท่านก็ไม่ได้ขัดกับหลักศาสนาท่าน หรือถ้ากลัวว่าจะผิด ก็ให้กำหนดคำท่องบริกรรมให้เป็น "เยซู , พระเยซู , อื่น ๆ (ไม่ค่อยถนัดในศาสนาของท่าน)" ก็ได้ครับ อาจารย์ท่านก็เคยบอกมา
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ดีแล้วครับ...โมทนาสาธุ......ดีจริง......คุณก็นับถือศาสนาคุณหนะแหละ.....การฝึกสมาธิเป็นของสากลครับ.....พระพุทธเจ้าท่านให้เป็นสากล.....สมเด็จพระสันตปาปา องคืก่อนท่านก็ฝึกสมาธิ...เดินจงกลมนะ....คุณรู้ไม.....

    ว่าแต่ว่าเข้ารับศีลจุ่มหรือยัง...
     
  17. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    หากเรายังนับถือศานาเดิมอยู่ ไม่ต้องขอรับศีลนะ เพราะยังไม่เข้าใจวิธีการปฏิบัติ
    อาจจะงง ลองดูสักระยะหนึ่งถามใจเรา เอาแน่หรือเปล่้า ลองดูก่อน ปฏิบัิติให้แน่ใจก่อน
    โดยการถือศีลที่ใจ เบียดเบียนใครไหม เบียดเบียนเราไหม เท่านั้น อย่างอื่นถือว่าเป็นแค่พิธีเท่านั้นไม่ใช่สูตรสำเร็จ ...ข้อแตกต่างของศาสนามีเยอะ ..อาจจะทำให้ท้อ..
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เคยได้ยิน เทรนใหม่ของการนับถือศาสนาในคนรุ่นใหม่นะ
    มีคนสำรวจมาว่า คนต่างประเทศรุ่นใหม่ๆ เขานับถือศาสนามากว่า 1 นะ
    คือมีการปฏิบัติในแนวสมาธิของพุทธศาสนา ร่วมกับศาสนาเดิม
    ถ้าทำไปแล้วไม่ขัดซึ่งกันและกัน คือไม่มีข้อห้ามในศาสนาเดิมที่นับถือนั้น

    หรืออย่างตามประวัติหลวงพ่อ(จำชื่อไม่ได้แล้ว) ที่ไปจำวัดอยู่ที่ยุโรป ท่านก็สอนสมาธิวิ
    ปัสสนา ให้กับคนในศาสนาอื่นๆที่สนใจมาเรียนเพื่อนำไปใช้ปรับใช้ในชีวิตประจำวันวัน
    เพื่อรู้จักทุกข์และจัดการกับทุกข์ของตนเอง โดยที่คนเรียนก็ไม่ต้องเลิกนับถือศาสนาเดิม
    ก็ทำได้ และพระท่านก็ไม่ได้ห้ามด้วย มีแต่สนับสนุนให้ทุกคนปฏิบัติธรรมเพื่อตนเอง

    การนั่งสมาธิแฟชั่นล่าสุดของตะวันตก
    <HR noShade SIZE=1>[SIZE=-1]สิทธพงศ์ อุรุวาทิน[/SIZE][SIZE=-1] แปลและเรียบเรียงจาก นิตยสารไทม์ ฉบับ ๔ ส.ค.๒๕๔๖
    จุดประกายสารคดี วันพฤหัสที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๖
    กรุงเทพธุรกิจ : จุดประกาย หน้า ๓[/SIZE]

    การนั่งสมาธิกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในซีกโลกตะวันตก ขณะที่ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่า การทำสมาธิ ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย หากยังทำให้ความเครียดในใจลดลงด้วย
    ทุกวันนี้ในอเมริกา มีคนวัยผู้ใหญ่มากกว่า ๑๐ ล้านคน ที่นั่งสมาธิเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิในแบบพุทธ ฮินดู เต๋า หรือการสวดภาวนาในแบบคริสต์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วถึงเท่าตัว ขณะเดียวกันชั้นเรียนการนั่งสมาธิ ก็เต็มไปด้วยนักเรียนที่มาจากทุกชนชั้นอาชีพ ไม่เฉพาะแต่คนที่ฝักใฝ่ในทางธรรมเท่านั้น หากยังรวมไปถึงนักกฎหมาย และคนทำงานออฟฟิศทั่วไปด้วย
    ในปัจจุบัน การนั่งสมาธิ ไม่ได้เป็นเรื่องยากลำบาก ถึงขั้นต้องบุกป่าฝ่าดงเพื่อฝากตัวเป็นสาวกท่านมหาฤาษีเหมือนในสมัยก่อน ว่ากันจริงๆ แล้ว การนั่งสมาธิกลายเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงแล้วด้วยซ้ำ ตามโรงเรียน โรงพยาบาล สำนักงานกฎหมาย หน่วยงานราชการ สำนักงานบริษัท และแม้แต่ในเรือนจำ
    การนั่งสมาธิ กลายเป็นหัวข้อวิชาในหลักสูตรโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้อแนะนำของฟิลแจ็คสัน โค้ชทีมแอลเอ.เลเกอร์ส ส่วนที่มหาวิทยาลัยมหาริชชี (หรือมหาฤาษี) ในเมืองแฟร์ฟิลด์ รัฐไอโอวา นักเรียน นักศึกษาของที่นี่ จะนั่งสมาธิร่วมกันทุกวันๆๆ ละ ๒ ครั้ง ขณะที่ศูนย์ชัมบาลา เมาน์เทน ในโคโลราโด ซึ่งดูเหมือนสถานกาสิโนในสไตล์ทิเบต มีคนมาใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก ๑,๓๔๒ คน ในปี ๒๕๔๑ เป็น ๑๕,๐๐๐ คน ในปีนี้
    ดารา นักการเมือง และผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากในอเมริกาหันมานั่งสมาธิอย่างจริงจัง อาทิ โกลดี้ ฮอว์น ดาราสาวใหญ่ที่ยังสวยไม่สร่าง, ชาไนยา ทเวน นักร้องคันทรีสาวสวย, ฮีทเธอร์ แกรมห์ ดาราสาวหุ่นเซกซี่, ริชาร์ด เกียร์ นักแสดงมากฝีมือ และ อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดี ซึ่งเกือบๆ จะได้เป็นประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
    ขณะที่การนั่งสมาธิกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้น รูปแบบและวิธีการของมัน ก็ถูกทำให้เรียบง่าย และตัดส่วนที่เป็นเรื่องลี้ลับออกไปด้วย ทุกวันนี้ การนั่งสมาธิไม่จำเป็นต้องมีการจุดธูปเทียน หรือพิธีกรรมเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังคงส่วนที่เป็นแก่นสำคัญอยู่ คือ ความเชื่อที่ว่า การนั่งเงียบๆ เป็นเวลา ๑๐-๔๐ นาที โดยให้ใจจดจ่ออยู่กับรูปภาพ ถ้อยคำหรือแม้แต่ลมหายใจ จะทำให้คุณเกิดสมาธิที่อยู่กับภาวะปัจจุบัน โดยไม่วอกแวกไปกับอดีตที่ผ่านไปแล้วหรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง รวมทั้งทำให้คุณสามารถเข้าสู่สัจธรรมได้
    ความนิยมในการนั่งสมาธิที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นแค่กระแสในทางวัฒนธรรมเท่านั้น หากยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ด้วยเนื่องจากแพทย์หลายคนแนะนำว่า การนั่งสมาธิช่วยป้องกัน หรืออย่างน้อยก็ยับยั้งความเจ็บปวดจากโรคเรื้อรัง อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) และโรคมะเร็ง นอกจากนี้ การนั่งสมาธิ ยังเป็นสิ่งที่แพทย์แนะนำให้ทำ เพื่อแก้อาการทางจิต อาทิ ภาวะซึมเศร้า (depression) ภาวะไฮเปอร์แอคทีฟ (hyperactivity) และอาการสมาธิสั้น(attention deficit disorder)
    การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องการนั่งสมาธิ มีขึ้นเป็นครั้งแรก ในช่วงทศวรรษ ๒๕๐๐-๒๕๑๐ ซึ่งได้ผลลัพธ์ยืนยันว่า การนั่งสมาธิทำให้จิตใจ "อยู่กับปัจจุบัน" อย่างแท้จริง
    ในอินเดีย นักวิจัยชื่อ พี.เค.อนันต์ พบว่า บรรดาโยคีที่อยู่ในภาวะ "สมาธิ" จะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แม้ว่าจะถูกวัตถุร้อนแนบเข้าที่ต้นแขน ขณะที่ในญี่ปุ่น ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชื่อ ที.ฮิราอิ แสดงให้เห็นว่า ผู้นั่งสมาธิแบบ "เซน" จะอยู่ในภวังค์ จนไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังติดต่อกันนานถึงชั่วโมง

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width=400 align=right bgColor=#663300 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#663300>[SIZE=-1]ประวัติศาสตร์การนั่งสมาธิ[/SIZE]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>[SIZE=-1] การนั่งสมาธิเป็นศาสตร์เก่าแก่เกือบจะพอๆ กับประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับศาสตร์ของโลกตะวันออก[/SIZE]
    [SIZE=-1]ยุคก่อนประวัติศาสตร์ - ความเชื่อของพ่อมดหมอผี[/SIZE]
    [SIZE=-1]ไม่มีใครรู้แน่ว่า การนั่งสมาธิเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ แต่คาดว่า น่าจะมีขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายพันปีที่แล้ว และอาจเป็นพิธีกรรมที่จำกัดเฉพาะพ่อมดหมอผี หรือคนที่เชื่อว่ามีอำนาจติดต่อกับโลกวิญญาณที่คนทั่วไปมองไม่เห็น[/SIZE]
    [SIZE=-1]๒๐๐๐-๓๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล-ศาสนาพราหมณ์[/SIZE]
    [SIZE=-1]การนั่งสมาธิมีกล่าวถึงในคัมภีร์พระเวทของศาสตร์พราหมณ์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาฮินดูนับตั้งแต่นั้นมา[/SIZE]
    [SIZE=-1]๕๘๘ ปี ก่อนคริสตกาล-ศาสนาพุทธ[/SIZE]
    [SIZE=-1]หลังจากนั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์ เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงบรรลุนิพพานเข้าถึงสัจธรรมของศาสนาพุทธ ทำให้การนั่งสมาธิกลายเป็นส่วนสำคัญของศาสนาพุทธทุกนิกาย[/SIZE]
    [SIZE=-1]คริสต์ศตวรรษที่ ๒ -ศาสนาคริสต์[/SIZE]
    [SIZE=-1]บาทหลวงชาวคริสต์ที่เรียกตัวเองว่า เดสเสิร์ท ฟาเธอร์ หรือคุณพ่อแห่งท้องทะเลทราย ปลีกวิเวกจากสังคมเมือง และใช้การทำสมาธิในรูปของการสวดภาวนา เป็นหนทางเข้าใกล้พระเจ้า นับจากนั้นเป็นต้นมา การทำสมาธิ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาคริสต์[/SIZE]
    [SIZE=-1]คริสต์ศตวรรษที่ ๒ -ศาสนายิว[/SIZE]
    [SIZE=-1]นิกายบาลิสติค อันเป็นนิกายลึกลับของศาสนายิว ให้ความสำคัญกับการทำสมาธิ เพื่อติดต่อสื่อสารกับพระเจ้า[/SIZE]
    [SIZE=-1]คริสต์ศตวรรษที่ ๒ -ศาสนาอิสลาม[/SIZE]
    [SIZE=-1]ในช่วงเวลาเดียวกัน ชาวมุสลิมนิกายซูฟี ทำให้การทำสมาธิ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา[/SIZE]
    [SIZE=-1]ค.ศ.๑๙๖๗ หรือ พ.ศ. ๒๕๑๐ โยคะตามแบบมหาริชชี[/SIZE]
    [SIZE=-1]มหาริชชี หรือมหาฤาษี ทำให้การนั่งสมาธิกลายเป็นแฟชั่นของโลกตะวันตก เมื่อสมาชิกวงเดอะ บีทเทิลส์ กลายเป็นสานุศิษย์ของท่าน[/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในปี ๒๕๑๐ ดร.เฮอร์เบิร์ท เบนสัน ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ จากฮาร์วาร์ด ใช้เครื่องมือแพทย์ ตรวจวัดการทำงานของร่างกาย ผู้นั่งสมาธิ ๓๖ คน พบว่าเมื่อคนเราอยู่ในภาวะสมาธิ ร่างกายจะใช้ออกซิเจนน้อยลง ๑๗% ขณะที่อัตราการเต้นของหัวใจจะลดลง จากภาวะปกตินาทีละ ๓ ครั้ง ขณะที่คลื่นสมอง "เธต้า" อันเป็นคลื่นสมองที่เกิดขึ้น ในภาวะหลับสนิท จะเพิ่มสูงขึ้น
    เบนสัน สรุปว่า การนั่งสมาธิช่วยให้คนเรามีจิตใจที่สงบขึ้น และมีความสุขมากขึ้น
    "สิ่งที่ผมทำ" เบนสัน ระบุ "เป็นการอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ ต่อเทคนิคที่คนเราได้เรียนรู้ และนำมาประยุกต์ใช้ ตั้งแต่เมื่อหลายพันปีที่แล้ว"
    การศึกษาเรื่อง การนั่งสมาธ ิเริ่มเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ เมื่อเดือน มี.ค ๒๕๔๓ เมื่อองค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณแห่งธิเบต ได้พบปะพูดคุยกับนักจิตวิทยา และนักวิทยาศาสตร์ด้านระบบประสาท ที่ธรรมศาลา ประเทศอินเดีย ซึ่งพระองค์เสนอให้มีการศึกษาเรื่อง ภาวะสมาธิ โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ในการตรวจวัดคลื่นสมอง ซึ่งจะมีการหารือผลของการศึกษานี้ ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
    สิ่งหนึ่งที่วงการวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้ ก็คือการปฏิบัติสมาธิในระยะหนึ่ง จะทำให้ระบบประสาทในสมอง ปรับตัวให้เข้ากับกิจกรรมในสมองส่วนตัว ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การคิดโดยใช้เหตุผล การตระหนักรู้ และการควบคุมอารมณ์มากขึ้น
    "การศึกษาวิจัยในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมา ทำให้เราพบว่า การนั่งสมาธิ เป็นยารักษาอาการเครียดได้ชะงัดนัก" แดเนียล โกลแมน ผู้เขียนหนังสือ Destructive Emotions ซึ่งรวบรวมบทสนทนาระหว่างองค์ทะไล ลามะ กับคณะนักประสาทวิทยากล่าว "แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้น ก็คือ นั่งสมาธิ ยังช่วยปรับสภาพจิตใจและสมองได้อีกด้วย"
    ทั้งนี้ ผลการวิจัย ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน พบว่า การนั่งสมาธิทำให้สมองกลับมาอยู่ในสภาพ "สด-ใหม่" รวมถึงขจัดอาการ "ปัญหาจราจรติดขัด" ในเส้นเลือด หรืออาการเส้นเลือดอุดตัน และที่สำคัญ ต้นทุนในการนั่งสมาธิ ซึ่งใช้เพียงแค่เบาะรองนั่งใบเดียว ก็ถูกกว่าการผ่าตัดใหญ่หลายเท่าตัว
    "การนั่งสมาธิเป็นเหมือนการเติมน้ำมันให้กับสมอง" โรเบิร์ท เธอร์แมน ผู้อำนวยการสถาบันทิเบต เฮาส์ กล่าว "การนั่งสมาธิในแบบเอเซีย อาจเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติที่สุด"
    "อีกอย่างที่ผมอยากจะเสนอ ก็คือเราควรแยกออกจากกัน ระหว่างการนั่งสมาธิกับการนับถือศาสนาพุทธ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาหรือความเชื่อแบบใด คุณก็สามารถนั่งสมาธิในแบบพุทธได้" เธอร์แมน กล่าว.. [​IMG]

     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไม่ต้องเปลี่ยนศาสนาในบัตรหรอกครับ แล้วก็ไม่ต้องบอกญาติด้วยว่าเราเปลี่ยนศาสนา

    ศาสนาคริสต์นี่ จริงๆ ก็มีเรื่อง สมาธิ ญาณหยั่งรู้ อยู่ด้วย แต่ด้วยเพราะยุ่งยากต่อการ
    ปกครอง คนที่ทำสมาธิได้ หรือ มีญาณหยั่งรู้ หากมีมากแบบแจ่มๆ เขาจะเชิญไปบำเพ็ญ
    ในวาติกัน แล้วให้อยู่แต่ในนั้น หากใครไม่มาอยู่ ก็จะขับออกนอกศาสนาไป

    สรุปว่า คริสต์ก็มีการทำสมาธิเหมือนกัน แต่จำกัดเฉพาะวงพระชั้นสูง(ด้วยระบบปกครอง)

    ดังนั้น หากคุณจะทำสมาธิ แล้วเกิดตะขิดตะขวงใจคิดว่า กำลังเอาใจออกห่างศาสนา
    ให้ลืมไปได้เลยครับ หากคุณทำสมาธิแจ่มๆ เกิดมีญาณทัศน์ รับรองได้ครับว่า คุณจะ
    ได้ไปอยู่ที่นครวาติกัน ใกล้ชิดกว่าเดิมเสียอีก

    * * * *

    คราวนี้มาดูกันว่า สมาธิ มีการทำแบบไหนบ้าง

    สมาธิในแบบพุทธนั้น จะมีอยู่ 4 แบบ

    แบบแรก จะนั่งหลับตาภาวนา หรือ ทำท่าทาง มีอารมณ์ที่ใช้เดินกรรมฐาน(ระเบียบในการ
    ทำงาน) เรียกว่า สมาธิตามแบบแผน .......ตรงนี้หากนำเสนอ ก็เกรงว่า คนรอบตัวจะ
    เห็นว่าคุณเอาใจออกห่างศาสนา ดังนั้น ให้ตกไปก่อน ไว้ว่ากันทีหลัง

    แบบที่สอง จะเป็นการต่อยอดจากแบบแรก แต่คล้ายสมาธิแบบคริสต์มากอยู่ สามารถ
    เอาไปประยุกต์แบบเนียนๆได้ สิ่งที่ทำคือ การเจริญอาโลกาสัญญา หรือ สัญญาหมายใน
    ความสว่าง ความมืด ฟังดูยุ่งยาก กล่าวง่ายๆละกันว่า เพ่งเทียน เพ่งเทียนนี้ก็ไม่ตรง
    เท่าไหร่ ต้องเรียกเต็มๆว่า กสินแสง จะพอดี แล้วจะประยุกต์อย่างไร ง่ายเลยครับ ก็
    ตอนที่คุณเข้าไปสวดมนต์ในโบสถ์ จะมีเทียนจุดอยู่ แทนที่คุณจะก้มตา คุณก็เพ่งไปที่
    เทียน หรือ เพ่งไปที่แสงสว่างจากการสะท้อนจากอะไรก็ได้ มองไปเพลินๆ ระหว่างที่สวด
    มนต์ไปด้วย ปล่อยให้ปากสวดมนต์งึมงัมไป แต่เอาใจจดจ่อแสงแว๊บๆวัมๆ อย่างมีความ
    สุข กุญแจเลยนะครับ จะต้องมีความสุขในการเพ่งแสงนั้น จะทำให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า
    "อาโลกาสัญญา" เมื่อคุณจ้องไปเรื่อยๆ สวดมนต์ไปเรื่อยๆ จิตเกิดซาบซ่าน มีปิติ มีความ
    สุขดี ก็ลองหลับตานึกถึงแสงสว่างนั้น เมื่อแสงสว่างสามารถก่อตัวได้ยามมืดมิดเพราะ
    หลับตาลงได้แล้ว ก็จะมีอาโลกาสัญญาเต็มที่ เมื่อนั้นให้น้อมไปเพื่อเห็น อยากเห็นพระ
    คริสต์ก็น้อมไป อยากเห็นอดีตก็น้อมไป อยากเห็นอนาคตตก็น้อมไป อยากเห็นพระพุทธ
    ก็น้อมไป เห็นอะไรก็ให้สักแต่ว่าเห็น อย่ายินดี ยินร้ายกับการเห็น อย่าเอาสิ่งที่เห็นไป
    เที่ยวบอกใคร หาไม่แล้วคุณจะได้ไปกรุงวาติกันเร็วขึ้น

    แต่ท่ากลัว ไม่อยากจากครอบครัวไปวาติกัน ผมก็มีสมาธิอีกแบบ.......

    * * * *

    กสิณแสงสว่าง สามารถทำได้อีกทางคือ การระลึกรู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก
    เมื่อสมาธิแนบแน่นดี มีปิติ มีสุข และรำงับ ก็ปรากฏเป็น แสงสว่าง ได้ แล้ว
    น้อมไปสู่ อโลกาสัญญา ได้อีกทางหนึ่ง เรียกการระลึกรู้ลมหายใจอีกอย่าง
    ว่า อานาปานสติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2009
  20. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ตอนนี้อย่าเพิ่งใช้ คำบาลี มันจะสับสน ไปติดตรงที่คำ มั่งเน้นไปปฏิบัติก่อน
    เรามาทีหลัง.. ต้องลงมือทำเลยหาอาจารย์ก่อนยิ่งดี. แล้วค่อย มาวก.หาตำรา นะจ๊ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...