น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

อัตตาของพราหมณ์-อัตตา(ที่พึ่ง)ของพุทธ

พระพุทธองค์ได้ทรงปฏิเสธความเห็นของศาสนาพราหมณ์ในเรื่องนี้ว่า
สภาพของพระพรหมทั้งหลายนั้น
ก็เป็นผลของการบำเพ็ญฌานสมาบัติที่สัตว์ได้เพ่งเพียรปฏิบัติทางจิตไว้ก่อน

ดังนั้น จึงเป็นเพียงภพภูมิหนึ่งที่ยังยึดถืออารมณ์ที่ปราศจากกาม
และถูกอารมณ์นั้นๆปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา
แต่เป็นการปรุงแต่งที่เป็นครุกรรมฝ่ายกุศล
ที่ส่งผลให้พระพรหมดำรงชีวิตอยู่อย่างยืนยาวกว่าการปรุงแต่งด้วยอารมณ์อย่างอื่น

เมื่อพระพรหมยังมีจิตที่ถูกปรุงแต่งอยู่ ก็ย่อมต้องมีการสิ้นอายุในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า
แล้วก็ย่อมต้องจุติเข้าสู่ กามาวจรภูมิ (ภูมิที่ยังท่องเที่ยวไปในอารมณ์ที่เป็นกามคุณ) อีกเป็นธรรมดา

ดังนั้นฐานะของพระพรหมจึงไม่เที่ยงแท้, ไม่คงทน, ไม่ถาวร, และจะต้องมีการผันแปรไปเป็นอย่างอื่น
จึงไม่ใช่สภาพธรรมที่เป็นอัตตา

เนื่องจากจิตของพระพรหมยังยึดถืออารมณ์และถูกอารมณ์ปรุงแต่งอยู่ คือเป็นจิตสังขาร
จึงจัดเป็นสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา (ไม่ใช่สภาพตัวตนดั้งเดิม)

ดังนั้นความเข้าใจ ของศาสนาพราหมณ์ว่าพระพรหมเป็นอัตตา,จึงไม่ถูกต้อง
การเห็นที่ว่าอารมณ์เที่ยง หรือเห็นว่าจิตสังขารเที่ยง จึงเป็นความเห็นผิด ฝ่ายสัสสตทิฐิ.

 

อัตตาของพราหมณ์-อัตตา(ที่พึ่ง)ของพุทธ

พระพุทธองค์ได้ทรงชี้ให้เห็นว่า
ตราบใดที่สัตว์ยังติดข้องอยู่ในอารมณ์อยู่
ตราบนั้นสัตว์จะยังไม่มีทางพ้นทุกข์ไปได้

ทรงบรรลุพระนิพพาน ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
“ทรงเห็นภัยในภพ และเห็นภพของสัตว์ผู้แสวงหาที่ปราศจากภพแล้ว
ไม่กล่าวยกย่องภพอะไรเลย ทั้งไม่ยังนันทิให้เกิดขึ้นด้วย”

“เพราะอาสวะเหล่าใดอันให้เศร้าหมอง ให้เกิดในภพใหม่
มีความกระวนกระวาย มีวิบากเป็นทุกข์ มีชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
อาสวะเหล่านั้น ตถาคตละเสียแล้ว มีรากเหง้าอันถอนขึ้นแล้ว
ทำไม่ให้มีที่ตั้งดังว่าต้นตาลแล้วทำไม่ให้มีต่อไปแล้ว
มีความไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา
เหมือนต้นตาลมียอดถูกตัดเสียแล้วไม่อาจงอกงามอีกได้ ฉะนั้น”

ได้ทรงชี้ชัดเจนว่า จิตที่สิ้นความยินดีและแยกออกจากอารมณ์ทั้งปวงอย่างเด็ดขาด
จิตที่สิ้นตัณหาแล้ว เป็นอมตธรรม เป็นพระนิพพาน ดังปฐมพุทธพจน์ที่ตรัสว่า

“จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหาแล้ว”

พระนิพพานเป็นอมตธรรม(ธรรมที่ไม่ตาย) เป็นที่พึ่งอย่างแท้จริงในพระพุทธศาสนา

ดังที่ได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า ให้มีตนเป็นที่พึ่ง หรือมีธรรมเป็นที่พึ่ง
โดยเจริญสติปัฏฐาน ๔ ตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘
เพื่อรู้อริยสัจ ๔ ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง
เพื่อกระทำที่สุดทุกข์ คือ พระนิพพาน
ไม่ต้องกลับมาเวียนเกิดเวียนตายในสังสารวัฏฏ์อีกต่อไป

ดังความตอนหนึ่งในมหาปรินิพพานสูตรที่ทรงตรัสไว้ว่า

เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง
เราและพวกเธอจึงท่องเที่ยวไปในชาตินั้นๆ สิ้นกาลนาน
เราได้เห็นอริยสัจ ๔ เหล่านั้นแล้ว
เราถอนตัณหาอันจะนำไปสู่ภพเสียได้แล้ว
มูลแห่งทุกข์เราตัดได้ขาดแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี ดังนี้ ฯ

อ่านพรหมนิมันตนิกสูตร

(smile)
<!--MsgFile=6-->

 

พระพุทธองค์ปฏิเสธ ขันธ์ ๕ ว่าเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนของเรา

คำว่า อนตฺตา ภาษามคธ เป็นคำปัดปฏิเสธ แปลเป็นภาษาไทยว่า ไม่ใช่ตัวตน

คำนี้ พระพุทธเจ้าตรัสมีในอนัตตลักขณสูตร คือ
ทรงแยกอัตตภาพร่างกายของคนออกแสดงเป็น ๕ หมวด ๕ กอง
เรียกว่า ปัญจขันธ์คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
แล้วตรัสปฏิเสธด้วยคำว่า อนตฺตา ไม่ใช่ตัวตน
ซึ่งสามัญชนชาวโลกยึดถืออยู่ว่าเป็นอัตตาตัวตนโดยความสำคัญผิด
เพราะฤทธิ์อวิชชา ไม่เห็นอัตตาอื่นนอกจากขันธ์ ๕ นั้น

แต่พระองค์ทรงเห็นอื่นนอกจากขันธ์ ๕ นั้น
เป็นตัวธรรมลี้ลับอยู่ ณ ภายใน คือ วิมุตติจิต วิมุตติธรรม
จึงตรัสปัดปฏิเสธขันธ์ ๕ นั้น ด้วยคำว่า อนตฺตา ไม่ใช่ตัวตนได้
คือ ทรงรู้จักสิ่งที่ใช่แล้ว จึงตรัสว่า สิ่งที่ถืออยู่นั้นไม่ใช่

ทรงอธิบายขยายคำ อนตฺตา นั้นไว้ว่า
เนตํ มม เนโสหมสฺมิ น เมโส อตฺตาติ ดังนี้ แปลว่า
สิ่งนั้นไม่ใช่เรา เราไม่เป็นสิ่งนั้น สิ่งนั้นไม่เป็นอัตตาตัวตนของเรา ดังนี้

เพราะรูปขันธ์ คือ ร่างกาย ก็เป็นธาตุ ๔
ดิน น้ำ ไฟ ลม คุมกันเข้าเรียกสรีรยนต์กลไก มีทางดักจับอารมณ์อยู่ ๕ แห่ง
คือ ตาดักรูปภาพ หูดักเสียง จมูกดักกลิ่น ลิ้นดักรส ผิวหนังดักเย็นร้อนอ่อนแข็ง
ส่วนเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ๔ นี้
ก็เป็นกิริยาจิตที่รับสัมผัสกับอารมณ์ภายนอกจากทวารนั้นๆ หาใช่ตัวตนไม่

(smile) เรื่องคำปฏิเสธปัดอนัตตา

 

ขอแจ้งความคืบหน้าให้ท่านผู้ใช้ชื่อว่า "เตชปญฺโญ ภิกขุ" ทราบ

ขอแจ้งความคืบหน้าให้ท่านผู้ใช้ชื่อว่า "เตชปญฺโญ ภิกขุ" ทราบ

ขณะนี้ผมได้เตรียมหนังสือพร้อมเอกสารสำหรับส่งไปยังหน่วยงาน

ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรวจสอบข้อความที่ท่านนำมาเผยแพร่และอ้างว่า

ได้ทำเป็นหลักสูตรพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก ม.1 - ม.6 เสร็จเรียบร้อยแล้ว

เมื่อผมส่งไปยังหน่วยงานต่างๆ แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

( tamsak )

 

เตชปญฺโญ ภิกขุ
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี ประเทศไทย
​

๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

เขาบอกสถานที่ด้วย คงอยู่ได้ไม่นาน มารศาสนา
​

 

น่าเป็นห่วงคนรุ่นหลังค่ะ

ต้องให้อาจารย์เข้าใจในพุทธศาสนาให้ได้ซะก่อนล่ะ ถึงจะถูกต้องเหมาะสม
สอนไป ใช้วิจารณญาณไปด้วย ขอบคุณค่ะสำหรับกระทู้ดี ๆ

 

อืม...ในฐานะพุทธโดยทะเบียนบ้าน
ที่ได้ท็อปวิชา พุทธศาสน์ บ่อย ๆ สมัยมัธยม
ขออนุญาต สำแดงฟามคิดเห็นมั่งนะเจ้าคะ อิอิ


เฮ้อ ? ไบเบิ้ลกล่าวว่า
ผู้ที่เห็นความจริง ความศรัทธานั้นไม่จำเป็น
อ่านแล้วชอบจังแฮะ
อยากให้ผู้มี สัทธาทั้ง 4 มาได้อ่านข้อความนี้จัง

ความจริงมันก็ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ
ทองแท้ ต้องกัวน้ำกรด ด้วยเจ้าคะ ?
จะห่วงอะไรกันนักกันหนา กับเยาวชนของชาติ
วิตกจริตทำไมกัน
ก็
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก ไม่ใช่หรือ ?


กาลามสูตรมันก็วางหราในตะกร้าสามใบแล้วนี่เจ้าคะ
ถ้าเหล่ายุวพุทธของพวกคุณ
รู้จักใช่ประโยชน์จากมันให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่อย
เขาก็จะเห็นดวงตาธรรมเองนั่นแหล่ะ
จะไปปกป้อง เด็กมันเหมือนไข่ในหินทำไม


ฝึกให้เด็กมันรู้จักใช้ โยนิโสมนสิการดีกว่า
พวกคุณต้านกระแสโลกาภิวัฒน์ไม่ได้หรอกจ้า
อย่าดูถูกสติปัญญาเกมัธยมนักดิ เด็กมันก็คิดเป็นน้า ( ถ้ารู้จักฝึก )
เด็กบางคนฟังอาจานสอน เรื่อง ศีลธรรม -พุทธศาสน์
มันยังยิ้ม ๆ ขำ ๆ เลยคุ๊ณ ( เพราะมันเบื่อ เสือใบลาน )

อันนี้พูดจากประสบการณ์ ที่เคยเป็น เด็กมัธยมมาก่อนนะ
ไอ้ เนื้อหาวิชา พุทธศาสน์ ระดับมัธยม น่ะ
ส่วนใหญ่เด็กมันก็หลับหูหลับตาท่องจำกันเรื่อยเปื่อย
พอให้สอบได้เกรดสวย ๆ เท่านั้นแหล่ะ
ไม่ได้ซาบซึ้งอะไร หรอกจ้า สอบเสร็จก็โยนทิ้งแล้ว


น่าเบื่อจะตาย คำถาม ประเภท ตายแล้วสูญ จริงไหม
นรกสวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด มีจริงไหม ?
เรื่อง อจินไตยทั้งนั้น กรรมใครกรรมมัน
ถึงเวลา มันก็รู้เองแหล่ะ ว่ามีไม่มี


อิฉันเองก็ไม่ได้โหวต โพล หรอกนะ
เพราะ อิฉันไม่รู้ และไม่ใส่ใจอยากจะรู้ด้วย
จะถูก หรือ จะผิด จะบิดเบือนก็ช่างหัวมันเหอะ
ไม่ว่าไง กฏของนิยามทั้งสาม ( พีชนิยาม กรรมนิยาม และ ธรรม นิยาม )
ก็ทำหน้าที่ของมันโดยไม่เคยคลาดเคลื่อนหรอกน่า

 

อืม...ในฐานะพุทธโดยทะเบียนบ้าน
ที่ได้ท็อปวิชา พุทธศาสน์ บ่อย ๆ สมัยมัธยม
-----------------------------------------
ประโยคดังกล่าวต้องการจะสื่อถึงอะไรหรือครับ ?


เข้าประเด็นนะครับ ผมมองว่าประเด็นหลักๆ ที่คนในนี้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยอย่างมากคือ

"การสอนที่บิดเบือนพระไตรปิฏก ของบุคคลที่อ้างว่าเป็นสงฆ์ในพระพุทธศาสนา" ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ (ที่ไม่ใช่แต่ในทะเบียนบ้าน) ผมว่านี้คือเรื่องสำคัญที่สมควรจะต้องออกมาปกป้อง อย่างน้อยก็ออกมาแสดงคห.ว่าเราไม่เห็นด้วยก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องปกตินะครับ ที่เห็นคนที่อ้างว่าเป็นนักบวชในศาสนานั้นๆ แล้วดันสอนอะไรที่ไม่ตรงตามศาสนาที่ตนเองนับถือ หรือยกตัวอย่าง สมมุติว่า คุณ "5th-Lotus" เป็นชาวคริสต์ แล้วเห็นบาทหลวงท่านหนึ่งพิมพ์หนังสือที่บิดเบือนคัมร์ภีไบเบิลนำมาเผยแพร่ให้เยาวชนชาวคริสต์อ่าน คุณจะรู้สึกอย่างไรล่ะครับ ??

ประโยคที่คุณว่า "ปล่อยให้เด็กมันรู้จักคิด....บลาๆๆ" อันนี้ผมไม่เถียงครับและเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพียงแต่!! อาจารย์หรือครูบาอาจารย์หากจะสอนอะไรก็ควรสอนให้ตรงตามหลักศาสนานั้นๆ นี่ผมพูดโดยรวมนะไม่ว่าจะ พุทธ, คริสต์, อิสลาม ฯ สอนไปเลยครับ อย่าไปบิดเบือนอะไร ปล่อยให้เด็กมันคิดเองว่าแต่ละศาสนาเป็นอย่างไรอันนี้จะดีอย่างมากขอสนับสนุนครับ

เท่าที่ผมอ่านคห.ของคุณ "5th-Lotus" แล้ว เข้าใจได้ว่า ประโยคที่คุณพิมพ์ส่วนใหญ่ จะนำทัศนะคติส่วนตัวเข้ามาใส่มากจนเกินไปหรือเปล่าครับ ?
อ้างอิงจากประโยคที่ว่า
"เด็กบางคนฟังอาจานสอน เรื่อง ศีลธรรม -พุทธศาสน์
มันยังยิ้ม ๆ ขำ ๆ เลยคุ๊ณ ( เพราะมันเบื่อ เสือใบลาน )
อันนี้พูดจากประสบการณ์ ที่เคยเป็น เด็กมัธยมมาก่อนนะ
ไอ้ เนื้อหาวิชา พุทธศาสน์ ระดับมัธยม น่ะ
ส่วนใหญ่เด็กมันก็หลับหูหลับตาท่องจำกันเรื่อยเปื่อย
พอให้สอบได้เกรดสวย ๆ เท่านั้นแหล่ะ
ไม่ได้ซาบซึ้งอะไร หรอกจ้า สอบเสร็จก็โยนทิ้งแล้ว"

ก็ในเมื่อคุณบอกให้เด็กมันคิดเอง โดยใช้โยนิโสมนสิการ คุณก็ไม่ควรไปสรุปว่าเด็กทุกคนเป็นอย่างคุณสิครับ ผมมองว่าทัศนคติของคุณ5th-Lotus ต่อศาสนาพุทธไม่ค่อยดี หรือเปล่า ?? เพราะตอนที่ผมเรียนวิชาพุทธศาสนา ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ผมก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่าเลย ถือเป็นวิชาโปรดเลยด้วยซ้ำ



"อิฉันเองก็ไม่ได้โหวต โพล หรอกนะ
เพราะ อิฉันไม่รู้ และไม่ใส่ใจอยากจะรู้ด้วย
จะถูก หรือ จะผิด จะบิดเบือนก็ช่างหัวมันเหอะ
ไม่ว่าไง กฏของนิยามทั้งสาม ( พีชนิยาม กรรมนิยาม และ ธรรม นิยาม )
ก็ทำหน้าที่ของมันโดยไม่เคยคลาดเคลื่อนหรอกน่า"
-----------------------------------------------------------------
ก็เป็นสิทธิของแต่ละท่านที่จะคิดครับ ต่างคนต่างคิดต่างจิตต่างใจ

 

อืม...ในฐานะพุทธโดยทะเบียนบ้าน
ที่ได้ท็อปวิชา พุทธศาสน์ บ่อย ๆ สมัยมัธยม
-----------------------------------------
ประโยคดังกล่าวต้องการจะสื่อถึงอะไรหรือครับ ?



อืม...แล้ว จิตคุณ ปรุงแต่ง ว่า
อิฉัน เขียนเพื่อสื่อ อะไร ลงไปในตัวหนังสือ ล่ะเจ้าคะ อิอิ


ตัวหนังสือ พวกนั้น
ตอนเขียนอิฉันเป็นคนปรุงแต่ง มันขึ้นมาก็จริง
เจตนาอิฉันเป็นอย่างไร ใครจะมารู้ดีกว่า อิฉัน

แต่หลังจากที่ คุณอ่านมันจบ
คุณนั่นแหล่ะที่เป็นคน ปรุงแต่ง มันต่อ
ส่วนจะ ปรุงแต่ง ไปทางใด
ก็สุดแล้วแต่กับ จริต 6 ในตัวสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน (อย่างคุณ)














สมมุติว่า คุณ "5th-Lotus" เป็นชาวคริสต์
แล้วเห็นบาทหลวงท่านหนึ่งพิมพ์หนังสือ
ที่บิดเบือนคัมร์ภีไบเบิลนำมาเผยแพร่ให้เยาวชนชาวคริสต์อ่าน
คุณจะรู้สึกอย่างไรล่ะครับ ??




ก็คงแค่ขำ ๆ มั้ง เพราะ วิปัสนูกิเลสอิฉันมันแยะ แหะ ๆ

ที่สำคัญ ...


พระบุตร กล่าวว่า

" ถ้าท่านถูกศัตรูตบ แก้มขวา จงเอียงแก้มซ้ายให้ศัตรูตบด้วย "

"จงรักศัตรูของท่าน
จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน
จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน
จงอธิฐานเพื่อคนที่เคี่ยวเข็ญท่าน "

ลูกา 6:27


แม้จะเบื่อ พรหมวิหาร 4 ที่วางหราในตะกร้าสามใบ
แต่มันก็ช่วยขัดเกลาขันธสันดาน ของอิฉัน ( บ้าง )เหมือนกันนะ อิอิ
เลยชอบคำพูดที่ว่า " เมื่อถูกถ่มน้ำลายใส่หน้า อย่าเช็ด" ไง

หากคุณ ซาบซึ้งกับในคำว่า กมฺมุนา วตฺตตี โลโก แล้ว
คุณก็จะเขวี้ยงศรัทธาจริตที่มันเกาะติดในหัวคุณได้เองแหล่ะ
















เท่าที่ผมอ่านคห.ของคุณ "5th-Lotus" แล้ว เข้าใจได้ว่า ประโยคที่คุณพิมพ์ส่วนใหญ่ จะนำทัศนะคติส่วนตัวเข้ามาใส่มากจนเกินไปหรือเปล่าครับ ?
อ้างอิงจากประโยคที่ว่า
"เด็กบางคนฟังอาจานสอน เรื่อง ศีลธรรม -พุทธศาสน์
มันยังยิ้ม ๆ ขำ ๆ เลยคุ๊ณ ( เพราะมันเบื่อ เสือใบลาน )
อันนี้พูดจากประสบการณ์ ที่เคยเป็น เด็กมัธยมมาก่อนนะ
ไอ้ เนื้อหาวิชา พุทธศาสน์ ระดับมัธยม น่ะ
ส่วนใหญ่เด็กมันก็หลับหูหลับตาท่องจำกันเรื่อยเปื่อย
พอให้สอบได้เกรดสวย ๆ เท่านั้นแหล่ะ
ไม่ได้ซาบซึ้งอะไร หรอกจ้า สอบเสร็จก็โยนทิ้งแล้ว"

ก็ในเมื่อคุณบอกให้เด็กมันคิดเอง โดยใช้โยนิโสมนสิการ คุณก็ไม่ควรไปสรุปว่าเด็กทุกคนเป็นอย่างคุณสิครับ ผมมองว่าทัศนคติของคุณ5th-Lotus ต่อศาสนาพุทธไม่ค่อยดี หรือเปล่า ?? เพราะตอนที่ผมเรียนวิชาพุทธศาสนา ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ผมก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่าเลย ถือเป็นวิชาโปรดเลยด้วยซ้ำ





เฮ้ออออ ก็บอกแล้วว่า เด็กบางคน ๆๆ
ศาสนาพุทธ น่ะ มีดีในตัวมันอยู่แล้ว
ทองแท้ย่อมเป็นทองแท้
แต่ พวกพุทธมามกะ นี่........ อิฉันไม่ชัวร์
กัวอะไรกับ น้ำกรด ล่ะจ๊ะพุทมามกะจ๋าาาา ? อิอิ

แล้วพุทธสาด น่ะ ไม่ใช่ วิชาโปรดของอิฉันหรอกนะ
อิฉันชอบ วิชา ภาษาไทย(วิบัติ ) มากกว่า
แต่ไม่รู้เป็นไงแฮะ ทำไมกลายเป็นลูกศิษย์คนโปรด
ของ พระจานที่สอนวิชาพุทธสาด ซำเหมอก็ไม่รู้ เหอ..เหอ...
( อิฉัน ถือศีลอยู่นะ ไม่ได้โม้หรอจ้า )




อลคัททูปมสูตร
...
[๒๘๐]…ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราแสดงธรรมมีอุปมาด้วยแพ เพื่อต้องการสลัดออก
ไม่ใช่เพื่อต้องการยึดถือ ฉันนั้นแล เธอทั้งหลายรู้ถึงธรรมมีอุปมาด้วยแพ
ที่เราแสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลาย พึงละแม้ซึ่งธรรมทั้งหลาย จะป่วยกล่าวไปไย
ถึงอธรรมเล่า.


อิฉันเป็น ปัจเจก นะคุณ มิใช่พระโพธิสัตว์
ถ้าใช้ประโยชน์จากแพ เสร็จแล้ว
อิฉันก็ ถีบหัวส่ง ได้เสมอแหล่ะ
ไม่ห่วง อนุชนรุ่นหลังหรอกจ้า
กรรมใครกรรมมัน อยากได้ต้องขวนขวายหาเอาเอง
ไม่คิดจะซ่อมแพกับ ค้ำถ่อ ไว้ ประเคนใครหรอกนะเจ้าคะ อิอิ



และ เวลาตอบคำถามคราย
อิฉันก็ใช้แต่หลักกู ล้วน ๆ ไม่ใส่ใจหลักการหรอกจ้า
อย่ามาถามหาฟามยุตธรรมกับบัวผ่าเหล่า

อิฉันก็จะเชื่อเท่าที่อิฉัน พอใจจะเชื่อ อ่ะเจ้าค่ะ
ผู้หญิงทั้งแท่งอย่างอิฉันน่ะ
ตัดสินทุกสิ่งจากความรู้สึกเจ้าค่ะ
ไม่ใช่ด้วยเหตุผล และ ความถูกต้อง ยุติธรรม
อ่านแล้วก็ปลงซะเถิดเจ้าค่ะ
อย่าพยามมาสอนจรเข้อย่างอิฉันเลย นะคุณ ^ - ^



เฮ้ออออออ
พระศาสดายังคงอยู่
แต่พระเยซูได้ตายไปแล้ว
ส่วนเทวทัตคงไม่แคล้วบรรลุอรหันต์


ชะเอิงเอยยยยยยย อิอิ :VO

 

เฮ้ออออ ก็บอกแล้วว่า เด็กบางคน ๆๆ
ศาสนาพุทธ น่ะ มีดีในตัวมันอยู่แล้ว
ทองแท้ย่อมเป็นทองแท้
แต่ พวกพุทธมามกะ นี่........ อิฉันไม่ชัวร์
กัวอะไรกับ น้ำกรด ล่ะจ๊ะพุทมามกะจ๋าาาา ? อิอิ
---------------------------------------------------------
เข้าใจครับ ว่าศาสนาพุทธเป็นทองแท้ แต่บางทีเราเห็นคนที่มันจะเอาไฟมาหลอมทอง ก็ควรต้องเตือนๆ ปราบๆ กันบ้าง เท่าที่จะสามารถกระทำได้
ขืนปล่อยตามมีตามเกิด สุดท้ายทองก็ถูกหลอมกระจัดกระจายไปไหนต่อไหน หรือจากทองแท้กลายเป็นทองผสมไป



อิฉันเป็น ปัจเจก นะคุณ มิใช่พระโพธิสัตว์
ถ้าใช้ประโยชน์จากแพ เสร็จแล้ว
อิฉันก็ ถีบหัวส่ง ได้เสมอแหล่ะ
ไม่ห่วง อนุชนรุ่นหลังหรอกจ้า
กรรมใครกรรมมัน อยากได้ต้องขวนขวายหาเอาเอง
ไม่คิดจะซ่อมแพกับ ค้ำถ่อ ไว้ ประเคนใครหรอกนะเจ้าคะ อิอิ
----------------------------------------------------------------------
ผมก็ยังสงสัยว่าคิดอย่างนี้แล้วจะเอาอะไรไปถึงฝั่งหนอ...?
อีกอย่างผมว่าคุณน่าจะตีความอะไรผิดหรือเปล่าครับ ?
ธรรมะนั้นยังมีอยู่ไม่ได้หายไปไหน แม้คุณจะเข้าใจว่าไม่มีแล้วก็ตาม
ไม่เช่นนั้นเหล่าสาวกที่เป็นพระอรหันต์จะเอาอะไรไปเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้าล่ะครับ ในเมื่อทิ้งธรรมไปหมดแล้ว

“ดูก่อนอานนท์ เปรียบเหมือนมีต้นไม้ใหญ่มีแกนยืนต้นอยู่ กิ่งใดใหญ่กว่าเพื่อน กิ่งนั้นพึงทำลายไป ฉันนั้นเหมือนกันแล อานนท์ เมื่อภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ มีสาระตั้งมั่นอยู่ พระสารีบุตรได้ปรินิพพานไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะพึงได้ตามปรารถนาในเรื่องนี้แต่ที่ไหน เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ดำรงชีวิตอยู่เถิด...
“ดูก่อนอานนท์ ภิกษุเหล่าใดเหล่าหนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่เราล่วงไปก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ดำรงชีวิตอยู่ ภิกษุเหล่านั้นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักอยู่เหนือความมืด....”

จนทสูตร มหา. สํ. (๗๓๔-๗๔๐)


ดูก่อนอานนท์ เพราะว่า ในกาลบัดนี้ก็ดี โดยการที่เราตถาคต
ล่วงลับไปแล้วก็ดี ภิกษุทั้งหลายพวกใดพวกหนึ่ง จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มี
ตนเป็นสรณะอยู่ ไม่เป็นผู้มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ จักมีธรรมเป็นเกาะมีธรรมเป็น
สรณะอยู่ ไม่เป็นผู้มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ ภิกษุทั้งหลายพวกใดพวกหนึ่ง ซึ่งเป็น
ผู้ใคร่ในการศึกษาเหล่านี้นั้น จักเป็นผู้ประเสริฐสุดยอด ดังนี้แล.
จบ คามกัณฑ์ ในมหาปรินิพพานสูตร
จบภาณวารที่ ๒




อ่านแล้วก็ปลงซะเถิดเจ้าค่ะ
-------------------------------------------------------------------
ก็คงต้องเป็นเช่นนั้นครับ

 

แหะๆ ถ้าให้เราออกความคิดเห็นนะ ทั้งระบบการศึกษา การเมือง การปกครอง มันไปหมดแล้วล่ะ กู่ให้กลับมายาก ต้องพึ่งที่ใจคนแล้วล่ะว่า ใครอยากดี ใครไม่อยากดี

 

ถ้ายังไงก้อนะ

การสำรวจความคิดเห็นมันก็ดีนะคะ


แต่จะมีคนเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้จรืงๆเหรอ

ถ้าไม่มีทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม เหมือนกับว่าถึงจะประชุมไปมันก็เท่านั้นจริงๆ

 

เข้าใจครับ ว่าศาสนาพุทธเป็นทองแท้ แต่บางทีเราเห็นคนที่มันจะเอาไฟมาหลอมทอง ก็ควรต้องเตือนๆ ปราบๆ กันบ้าง เท่าที่จะสามารถกระทำได้
ขืนปล่อยตามมีตามเกิด สุดท้ายทองก็ถูกหลอมกระจัดกระจายไปไหนต่อไหน หรือจากทองแท้กลายเป็นทองผสมไป

---------------------------------------------------
ช่างหัว มันดิ ไง ศาสนาของสมณะโคดม
เก๊าะต้อง ดับสูญ ใน 5000 ปี อยู่แล้วนิ
วิตกจริตไปใย ล่ะ ท่านพุทธมามกะตัวอย่าง ?

อืม....อิฉัน เรียนรู้ที่จะใช้สอยประโยขน์
จาก ทองคำในตะกร้าสามใบเฉย ๆ อ่ะ
เมื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากมันเสร็จแล้ว
เก๊าะโยนทิ้ง ทั้ง ทอง ทั้ง ตะกร้า นั่นแหล่ะ
ส่วน ใครจะเอา ทองม้วน ทองเหม็น หรือ ทองเก๊ มาปน
อิฉันไม่สนหรอกจ้า ก้อ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก นี่นะ เหอ....เหอ....




ผมก็ยังสงสัยว่าคิดอย่างนี้แล้วจะเอาอะไรไปถึงฝั่งหนอ...?
อีกอย่างผมว่าคุณน่าจะตีความอะไรผิดหรือเปล่าครับ ?
ธรรมะนั้นยังมีอยู่ไม่ได้หายไปไหน แม้คุณจะเข้าใจว่าไม่มีแล้วก็ตาม
ไม่เช่นนั้นเหล่าสาวกที่เป็นพระอรหันต์จะเอาอะไร
ไปเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้าล่ะครับ ในเมื่อทิ้งธรรมไปหมดแล้ว


-----------------------------------------------------------
จากการจำขี้ปาก ดัตฤณ มาพูด
เขาว่า
ศาสนาพุทธ มันแตกต่างกับศาสนาอื่นตรง ที่
ฐานเป็นศรัทธา แต่ยอดเป็นปัญญา อ่ะ
เมื่อแรกเริ่มจึง ให้มาเอา ไม่ใช่ ให้มาทิ้ง
แต่สุดท้าย คุณต้อง ให้ไปทิ้ง ไม่ใช่ให้ไปเอา ไม่ใช่หรือเจ้าคะ


ปัจจัยสูตร
...
พระตถาคตทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่เสด็จอุบัติขึ้นก็ตาม ธาตุอันนั้น คือ
ธัมมฐิติ ธัมมนิยาม อิทัปปัจจัย ก็ยังดำรงอยู่ พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ย่อมตรัสรู้ทั่วถึง
ซึ่งธาตุอันนั้น ครั้นแล้ว ย่อมตรัสบอก ทรงแสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
กระทำให้ตื้น และตรัสว่า…

 

หลังปีนกะไดไปอ่านตะกร้า สามใบ
เลยเป็นเหตุปัจจัย ให้สงสัยไปว่า
อัน นิยามทั้งสาม ( พีชนิยาม กรรมนิยาม และ ธรรม นิยาม )
มันมีเจ้าของ ด้วยหรือพระสมณะโคมดม...ของคุณ..จดสิทธิบัตร ไว้หรือไร
จริตอิฉัน มัน ปรุงแต่ง อย่างงี้
อิฉันตีฟาม ถูกหรือผิด ล่ะเจ้าคะ ?


-----------------------------------------------
“ดูก่อนอานนท์ เปรียบเหมือนมีต้นไม้ใหญ่มีแกนยืนต้นอยู่ กิ่งใดใหญ่กว่าเพื่อน กิ่งนั้นพึงทำลายไป ฉันนั้นเหมือนกันแล อานนท์ เมื่อภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ มีสาระตั้งมั่นอยู่ พระสารีบุตรได้ปรินิพพานไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะพึงได้ตามปรารถนาในเรื่องนี้แต่ที่ไหน เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ดำรงชีวิตอยู่เถิด...
“ดูก่อนอานนท์ ภิกษุเหล่าใดเหล่าหนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่เราล่วงไปก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ดำรงชีวิตอยู่ ภิกษุเหล่านั้นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักอยู่เหนือความมืด....”
จนทสูตร มหา. สํ. (๗๓๔-๗๔๐)

สำหรับพุทธเทียม ๆ อย่างอิฉัน นั้น
รู้แต่ พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ พ่อ
พ่ออิฉัน ชื่อ สมาน เจ้าค่ะ
มิใช่ ชื่อ สิทธัตถะ
และ บัวเหล่าที่ 5 อย่างอิฉัน
ก็มิใช่ พระ ราหุล
ดังนั้น อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ จึงเป็น ที่พึ่งของอิฉัน
ในการฝึกเจริญสติ เพื่อ เพิ่มพูนปัญญา
แต่ ปัญหา เก๊าะ คือ อิฉันดันเผลอ ไปรับ เจ้า หิริโอตัปปะ
เข้ามาเป็น ผู้จัดการส่วนตัว เฮ้อ...^ - ^

จริตอิฉัน มัน ปรุงแต่ง อย่างงี้
อิฉันตีฟาม ถูกหรือผิด ล่ะเจ้าคะ ? อิอิ

และ ขอ ชื่นชม คุณ นะ เก่งจัง แฮะ
ที่ อ่าน ตัวหนังสือ อิฉัน แล้ว ปลง ได้
แหม ๆ อิฉัน อยากทำได้อย่างคุณจังแฮะ
เพราะอ่านตัวหนังสือของคุณแล้ว
อิฉัน ยัง ปลงไม่ได้ วางไม่ลงเลยไม่หยุด
คันปากยิก ๆ จนต้องมา โพส แกว่งปากหาใบแดง(ใบที่ 2 ) อยู่นี่ไง เอิ๊กส์ ๆ

 

อ้อ ส่วนอันนี้แถม เห็นเกี่ยวกะ เรื่อง ตายแล้ว สูญ ที่คุยกันไว้ เหอ....เหอ....

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=#204080 colSpan=2 rowSpan=2>

• <!--WapAllow0=Yes--><!--pda content="begin"--><BIG><BIG><!--Topic-->ถ้าผมเชื่อว่าตายแล้วสูญนี่ขัดกับศาสนาพุทธมั๊ยครับ <!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT> </BIG></BIG>
  <!--MsgIDBody=0-->คือผ่านไปอ่านนี่มาน่ะครับ
  
  
  
  ก็เลยเกิดสงสัยว่าอะไรคือหลักในพุทธศาสนากันแน่ ผมเชื่อในกรรมนะครับ แต่กรรมในความคิดผมคือ เมื่อตั้งใจเรียนก็จะเรียนรู้เรื่อง เมื่อโดนตีก็จะเจ็บ แต่เรื่องประมาณนรกใต้ดิน อะไรอย่างนี้ผมไม่เชื่อเลย ไม่เชื่อว่าตายไปจะมาเกิดอีก
  
  แล้วอย่างนี้ผมได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธมั๊ยครับ <!--MsgFile=0-->จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->omaizo - [ <!--MsgTime=0-->3 มิ.ย. 52 17:22:04 <!--MsgIP=0-->]
  

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#444422 border=1><TBODY><TR><TD>

• ความคิดเห็นที่ 1 <!--InformVote=1--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[1], 1);</SCRIPT> <!--EcardManage=1--><!--EcardSend=1-->
  
  <!--MsgIDBody=1-->ขัดครับ เป็นมิจฉาทิฏฐิ <!--MsgFile=1-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=1-->จักรพรรดิสัมมาทิฐิ - [ <!--MsgTime=1-->3 มิ.ย. 52 17:48:21 <!--MsgIP=1-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=1--><!--MsgIDTop=2-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow2=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 2 <!--InformVote=2--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[2], 2);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(2)"> <!--EcardManage=2--><!--EcardSend=2-->
  
  <!--MsgIDBody=2-->ขัดค่ะ <!--MsgFile=2-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=2-->กล้วยไม้สีเงิน - [ <!--MsgTime=2-->3 มิ.ย. 52 17:51:47 <!--MsgIP=2-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=2--><!--MsgIDTop=3-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow3=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 3 <!--InformVote=3--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[3], 3);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(3)"> <!--EcardManage=3--><!--EcardSend=3-->
  
  <!--MsgIDBody=3-->แล้วผมจำเป็นต้องเชื่อว่าโลกหน้า สวรรค์นรกมีจริงหรือเปล่าครับ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่ดี
  
  หรือแค่ว่าทำความดีก็พอแล้ว ถ้าแค่ทำความดีก็พอแล้ว มี มิจฉาทิฏฐิ นี่ก็ไม่เป็นไรหรือเปล่าครับ
  
  คือตอนนี้ผมงงกับแก่นของพระพุทธศาสนาน่ะครับ ว่าคืออะไรกันแน่ <!--MsgEdited=3-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 17:53:48

​

• <!--MsgFile=3-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=3-->omaizo - [ <!--MsgTime=3-->3 มิ.ย. 52 17:52:25 <!--MsgIP=3-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=3--><!--MsgIDTop=4-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow4=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 4 <!--InformVote=4--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[4], 4);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(4)"> <!--EcardManage=4--><!--EcardSend=4-->
  
  <!--MsgIDBody=4-->อุจเฉททิฏฐิความเห็นว่าขาดสูญ กล่าวสั้นง่ายๆ คือเห็นว่าตายเกิด กับเห็นว่าตายสูญ มิจฉาทิฏฐิ ทิฏฐิ ๖๒ <!--MsgFile=4-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=4-->TheAcT - [ <!--MsgTime=4-->3 มิ.ย. 52 17:53:02 <!--MsgIP=4-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=4--><!--MsgIDTop=5-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224444 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow5=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 5 <!--InformVote=5--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[5], 5);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(5)"> <!--EcardManage=5--><!--EcardSend=5-->
  
  <!--MsgIDBody=5-->ตอบว่า ขัดครับ
  
  แม้แต่เชื่อว่า ตายแล้วไม่สูญ (โดยไม่พิจารณา) ก็ชื่อว่าขัดอีกเช่นกัน
  จึงยังไม่ควรปักใจฟันธง 100% ว่าไม่มี(หรือมี)
  
  
  ถ้าบอกว่าเป็นชาวพุทธ.. ขั้นแรกก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้าครับ
  แต่เชื่อในที่นี้.. คือการเชื่อและทดลองพิสูจน์ตาม
  ..ไม่ใช่สักแต่ว่าเชื่อตามๆกันไป
  
  ซึ่งคำสอนหลักที่ทำให้พระพุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่น คือ เรื่อง อริยสัจสี่ ครับ
  โดยท่านสอนให้เรารู้ทุกข์ ไม่ใช่ให้หนีทุกข์
  
  ถามว่าแล้วอะไรคือทุกข์ ?
  ว่าโดยย่อแล้วอุปาทานขันธ์ 5 นั่นล่ะคือตัวทุกข์
  หรือสรุปง่ายๆ คือ กายกับใจนี้ล่ะคือตัวทุกข์
  
  
  แล้วเราจะรู้ทุกข์อย่างไร ?
  ทำได้โดยหมั่นฝึกให้มีสติ
  .. ทั้งนี้ไม่ใช่สติทางโลก ที่แค่รู้ว่ากำลังกิน กำลังเดิน
  แต่เป็นสติทางธรรม ที่รู้ว่ากายนี้กำลังกิน ใจนี้กำลังอยากกิน
  เป็นการฝึกให้เห็นว่า กายใจนี้มีความปรวนแปรเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  กายใจนี้ไม่ใช่เรา หรือของเรา จึงไปสั่งหรือบังคับไม่ได้
  (เรียกได้ว่า.. เป็นการฝึกให้เห็นความจริง
  คือฝึกให้เห็นว่ากายใจนี้เป็นไตรลักษณ์นั่นเอง)
  
  
  แนะนำลองดาวน์โหลดธรรมะจากเว็บนี้มาฟังนะครับ
  
  ไฟล์ใดก่อนก็ได้ เนื้อหาโดยรวมคล้ายกัน
  แนะนำว่าตั้งแต่ไฟล์แผ่นที่ 10 ขึ้นไป จะเสียงชัดและผู้ฟังยังเพิ่งเริ่มต้นครับ
  (จะสวนสันติธรรมหรือศาลากาญจนาภิเษกก็ได้)
  ฟังเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทำตามได้ในขณะที่ฟัง
  ที่สำคัญคือ เห็นผลไว ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ครับ
  แล้วจะทราบดีว่าอะไรคือหัวใจของพุทธศาสนา อะไรที่สมควรจะเชื่อ
  โดยไม่ต้องให้คนอื่นมาบอก เพราะคุณได้พิสูจน์ให้เห็นได้ด้วยตนเองแล้ว
  
  
  ลองดูกระทู้นี้ ประสบการณ์จากการปฏิบัติแค่ 20 วันครับ
  <!--MsgFile=5-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=5-->He-Who-Must-Not-Be-Named - [ <!--MsgTime=5-->3 มิ.ย. 52 17:54:26 <!--MsgIP=5-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=5--><!--MsgIDTop=6-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow6=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 6 <!--InformVote=6--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[6], 6);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(6)"> <!--EcardManage=6--><!--EcardSend=6-->
  
  <!--MsgIDBody=6-->ถ้าไม่เชื่อเรื่องอะไรเลย แล้วหันมาพิสูจน์ ก่อนพิสูจน์ก็ศึกษาให้เ้ข้าใจเสียก่อน นี่คือชาวโลกที่มีปัญญาครับ <!--MsgFile=6-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=6-->TheAcT - [ <!--MsgTime=6-->3 มิ.ย. 52 17:54:42 <!--MsgIP=6-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=6--><!--MsgIDTop=7-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow7=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 7 <!--InformVote=7--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[7], 7);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(7)"> <!--EcardManage=7--><!--EcardSend=7-->
  
  <!--MsgIDBody=7-->แ่ก่นคำสอนสอนไว้เพื่อพ้นความมีความเป็นครับ <!--MsgFile=7-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=7-->TheAcT - [ <!--MsgTime=7-->3 มิ.ย. 52 17:56:18 <!--MsgIP=7-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=7--><!--MsgIDTop=8-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow8=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 8 <!--InformVote=8--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[8], 8);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(8)"> <!--EcardManage=8--><!--EcardSend=8-->
  
  <!--MsgIDBody=8-->ถ้าไม่เชื่อเรื่องอะไรเลย แล้วหันมาพิสูจน์ ก่อนพิสูจน์ก็ศึกษาให้เ้ข้าใจเสียก่อน นี่คือชาวโลกที่มีปัญญาครับ
  
  <<<< ก็คือ จะถามว่าเรื่อง สวรรค์ นรกนี่เป็นเรื่องที่ผมจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์แล้วเชื่อหรือเปล่า <!--MsgFile=8-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=8-->omaizo - [ <!--MsgTime=8-->3 มิ.ย. 52 17:58:22 <!--MsgIP=8-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=8--><!--MsgIDTop=9-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow9=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 9 <!--InformVote=9--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[9], 9);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(9)"> <!--EcardManage=9--><!--EcardSend=9-->
  
  <!--MsgIDBody=9-->ทำไมถึงคิดว่าตายแล้วสูญ ล่ะครับมีเหตุผลไหม ? <!--MsgFile=9-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=9-->Kengmanny - [ <!--MsgTime=9-->3 มิ.ย. 52 17:58:22 <!--MsgIP=9-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=9--><!--MsgIDTop=10-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow10=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 10 <!--InformVote=10--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[10], 10);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(10)"> <!--EcardManage=10--><!--EcardSend=10-->
  
  <!--MsgIDBody=10-->ไม่ใช่การไปพิสูจน์ในโลกหน้าครับ แต่เป็นการปฏิบัติให้เห็นในขณะนี้เลยทีเดียว
  เราไปพิสูจน์เรื่องสวรรค์ได้ไงอะ ผมก็ไม่เคยเห็น แต่เมื่อภาวนาจนเห็นการทำงานของกายใจ
  ก็เข้าใจเอง ว่าวัฏสงสารมีจริง
  คนทำสิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้น ทำเหตุยังไง ก็มีผลอย่างนั้น ก่อนมาเป็นคน ผมอาจเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่
  พวกนี้ไม่สำคัญครับ สำคัญที่ขณะนี้ได้อัตภาพของมนุษย์ ผมก็ไม่สนว่าผ่านมาแล้วมันยังไง มีจริงมั๊ยไม่แคร์
  ภาวนากันเข้าไป เดี๋ยวได้เรื่องเอง <!--MsgFile=10-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=10-->TheAcT - [ <!--MsgTime=10-->3 มิ.ย. 52 18:02:33 <!--MsgIP=10-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=10--><!--MsgIDTop=11-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224444 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow11=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 11 <!--InformVote=11--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[11], 11);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(11)"> <!--EcardManage=11--><!--EcardSend=11-->
  
  <!--MsgIDBody=11-->ส่วนการวางใจในขณะที่คุณยังไม่มีกำลังพอจะพิสูจน์ได้
  
  ควรพิจารณา เนื้อหาช่วงท้ายของเกสปุตตสูตร(กาลามสูตร) ครับ
  
  
  "ดูกรกาลามชนทั้งหลาย
  อริยสาวกนั้นมีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้
  มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้
  ย่อมได้รับความอุ่นใจ ๔ ประการ ในปัจจุบันว่า
  
  ก็ถ้าปรโลกมีจริง ผลวิบากของกรรมทำดีทำชั่วมีจริง
  เหตุนี้เป็น เครื่องให้เราเมื่อแตกกายตายไป จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
  ดังนี้ ความอุ่นใจ ข้อที่ ๑ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว
  
  ก็ถ้าปรโลกไม่มี ผลวิบากของกรรมทำดีทำชั่วไม่มี เราไม่มีเวร
  ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีทุกข์เป็นสุข บริหารตนอยู่ในปัจจุบัน
  ดังนี้ ความอุ่นใจข้อที่ ๒ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว
  
  ก็ถ้าเมื่อบุคคลทำอยู่ ชื่อว่าทำบาป เราไม่ได้คิดความชั่วให้แก่ใคร ๆ
  ไหนเลยทุกข์จักมาถูกต้องเรา ผู้ไม่ได้ทำบาปกรรมเล่า ดังนี้
  ความอุ่นใจในข้อที่ ๓ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว
  
  ก็ถ้าเมื่อบุคคลทำอยู่ ไม่ชื่อว่าทำบาป
  เราก็ได้พิจารณาเห็นตนว่า เป็นคนบริสุทธิ์แล้วทั้งสองส่วน
  ดังนี้ ความอุ่นใจในข้อที่ ๔ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว
  
  ดูกรกาลามชนทั้งหลาย
  อริยสาวกนั้นมีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้
  มีจิตใจไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้
  ย่อมได้รับความอุ่นใจ ๔ ประการนี้แลในปัจจุบัน"
  
  
  เกสปุตตสูตร
  พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก
  เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
  <!--MsgFile=11-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=11-->He-Who-Must-Not-Be-Named - [ <!--MsgTime=11-->3 มิ.ย. 52 18:02:51 <!--MsgIP=11-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=11--><!--MsgIDTop=12-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow12=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 12 <!--InformVote=12--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[12], 12);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(12)"> <!--EcardManage=12--><!--EcardSend=12-->
  
  <!--MsgIDBody=12-->ทำไมถึงคิดว่าตายแล้วสูญ ล่ะครับมีเหตุผลไหม ?<<< คือผมเกิดคำถามกับตัวเองน่ะครับว่าคนเราตายไป ถ้าต้องไปใช้กรรมตามนรกสวรรค์แล้ว นรก สวรรค์ก็ต้องเป็นสิ่งที่สากล (ทุกคน ทุกชาติทุกภาษา) ก็ต้องไปที่นั่นกันหมด ทีนี้เรื่องเกณฑ์ที่จะไปน่ะครับ บางศาสนา การกระทำแบบนึงเป็นบาป การกระทำอีกอย่างนึงไม่เป็นบาป ทีนี้แล้วมาตรฐานอยู่ตรงไหน หรือว่าแต่ละศาสนา ก็มีนรกเป็นของตนเอง
  
  อีกสิ่งที่สงสัยคือถ้าเราต้องเวียนว่ายตายเกิดจริง จำนวนประชากรในระบบ (สามโลก หรืออะไรที่มี) ก็ต้องมีจำนวนที่คงที่แน่นอนใช่มั๊ยครับ แล้วประชากรจพนวนนี้มาจากไหน
  
  อีกข้อนึง ถ้าเราเกิดมาเพราะกรรมจริงๆ แล้วชาติแรกที่เราเกิดมา เราเอากรรมมาจากไหน
  
  นี่แหละะครับที่ไม่เข้าใจ
  
  เดี๋ยวมาถามต่อนะครับแวะมาตอบผมกันด้วย <!--MsgEdited=12-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 18:04:02[/SIZE] <!--MsgFile=12-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=12-->omaizo - [ <!--MsgTime=12-->3 มิ.ย. 52 18:02:58 <!--MsgIP=12-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=12--><!--MsgIDTop=13-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow13=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 13 <!--InformVote=13--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[13], 13);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(13)"> <!--EcardManage=13--><!--EcardSend=13-->
  
  <!--MsgIDBody=13-->จากสารานุกรม พระไตรปิฏกฉบับธรรมทาน (cd)
  
  มิจฉาทิฏฐิ, ความเห็นผิด,ความเห็นผิดจากคลองธรรม
  เจตนาชื่อว่า มิจฉาทิฏฐิ เพราะเห็นผิดโดยไม่มีการถือเอาตาม
  ความเป็นจริง. มิจฉาทิฏฐินั้น มีลักษณะเห็นผิด โดยนัยมีอาทิว่า
  ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล.
  มิจฉาทิฏฐินั้น มีองค์ประกอบ ๒ ประการ คือ
  การที่เรื่องผิดไปจากอาการที่ยึดถือ ๑ [เรื่องที่เห็นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด]
  การปรากฏขึ้นแห่งเรื่องนั้น โดยความไม่เป็นจริงตามที่ยึดถือ ๑.
  [ยึดหลักเห็นผิดนั้น ได้ปักใจเชื่อและเห็นตามนั้น]
  เรื่องมิจฉาทิฏฐิเป็นอกุศลกรรมบถ ที่เป็นตัวนำทางชีวิต
  ไปสู่ความมืดมน เพราะคนที่ยึดมั่นในสิ่งที่ผิด ย่อมหลงไป
  เข้ารีตเดียรถีย์ หลงเชื่อลัทธินอกพระพุทธศาสนา หลง
  บิดเบือนคำสอนทางพุทธศาสนา หลงเอาคำสอนบางส่วนใน
  พุทธศาสนาไปแอบอ้างว่า เป็นคำสอนของศาสนาอื่น หลง
  เอาคำเรียกพระสงฆ์ในพุทธศาสนา ไปเรียกนักเผยแพร่ใน
  ศาสนาอื่น เพื่อให้เกิดความสับสน หลอกลวงประชาชนให้
  เข้าใจผิด แล้วนำประเพณีของลัทธิต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าครอบงำ
  พุทธองค์ได้แยกทิฏฐิต่างๆ รวม ๖๒ อย่าง เป็นประเภทใหญ่ ๆ
  ๓ ประเภทด้วยกัน คือ
  ๑. นิตยมิจฉาทิฏฐิ เป็นทิฏฐิที่ร้ายแรงมากมี ๓ อย่าง คือ
  ๑.๑. อเหตุกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
  ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล บุญบาปไม่มี จะดีหรือชั่ว ก็เป็นไปเอง
  ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว จึงไม่ทำเหตุให้ดี เช่น
  ไม่ทำบุญกุศล, ไม่ขวนขวายให้ตนหลุดออกจากวัฏฏะทุกข์นี้
  เช่น อริฏฐะภิกษุและกัณฏกภิกษุ เป็นต้น เขาก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ
  ชนิดดิ่งทีเดียว ห้ามทางสวรรค์ ทางพระนิพพาน. สัตว์นี้เป็น
  ผู้เฝ้าแผ่นดิน ชื่อว่า เป็นตอแห่งวัฏฏะ.
  ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะ ถือว่า ตัวตนมีอยู่ เพราะ
  ถือมั่นในรูปนั้น เพราะยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น
  ๑.๒. อกิริยทิฏฐิ คือ มีความเห็นว่า กรรมไม่มีจริง ไม่มีผล
  ของกรรม บาปที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ ย่อมไม่มีแก่เขา
  หรือมาถึงเขา บุญที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ ย่อมไม่มีแก่เขา
  หรือมาถึงเขา เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่นำเรามาเกิดและ
  เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็ดิ้นรนหากินกันไป ทำอะไรก็ได้ให้ตนสบาย
  โดยไม่ต้องสนใจใครทั้งสิ้น เมื่อแก่ชราก็ตายไปตามธรรมชาติ
  ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้า
  ทำความชั่วได้ทุกอย่าง
  ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และ
  ถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น
  ๑.๓. นัตถิกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดี
  ทำชั่วไม่มี ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
  มารดาไม่มี บิดาไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ
  กระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว สอนผู้
  อื่นให้รู้แจ้ง ไม่มีในโลก คนเรานี้เป็นแต่ประชุมมหาภูตรูปทั้ง ๔
  เมื่อใด ทำกาลกิริยา เมื่อนั้น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
  อินทรีย์ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอยไปในอากาศ เพราะกายสลาย
  ทั้งพวกคนพาล ทั้งบัณฑิตย่อมขาดสูญ พินาศสิ้น หลังจากตาย
  ไปย่อมไม่มี.
  ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้า
  ทำความชั่วได้ทุกอย่าง.
  ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และ
  ถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น
  ทิฏฐินี้มักเป็นของพวกอาจารย์หัวรุนแรง แม้จะบอก
  กล่าว แนะนำอย่างไรก็ไม่ได้ผล อีกทั้ง อาจโต้ตอบด้วย
  ความรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด นอกจากตนเอง.
  อเหตุกทิฏฐิ, อกิริยทิฏฐิ, นัตถิกทิฏฐิ ทิฎฐินี้ห้ามสวรรค์ ,
  ห้ามมรรค หรือเรียกว่า มัคคาวรณ์ ห้ามมรรคห้ามผล หรือ
  เป็นโมกขาวรณ์ ห้ามนิพพาน เป็นสัคคาวรณ์ ห้ามสวรรค์
  โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ
  นิตยมิจฉาทิฏฐิ ท่านยกตัวอย่างเช่น
  อนันตริยกรรม ๕ ซึ่งถือว่าเป็นกรรมหนักมากมีโทษมาก
  แม้กระนั้น ก็ยังมีโทษและกรรมหนักสู้มิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้ หาก
  ถามว่าเพราะอะไร ตอบว่า เพราะอนันตริยกรรม ๕ นั้น มี
  เขตกำหนดหรือมีกำหนดของโทษนั้น ถึงแม้ว่าอนันตริยกรรม
  ๔+๑= ๕ อย่าง จะทำให้เกิดในนรก หรือสังฆเภทก็เป็นกรรม
  ตั้งอยู่ในนรกชั่วกัปเท่านั้น.
  แต่นิยตมิจฉาทิฏฐิคือ ความเห็นผิดอันดิ่ง ไม่มีเขตกำหนด
  เป็นรากเหง้าของวัฏฏะ การหลุดออกจากวัฏฏะย่อมไม่มีสำหรับ
  บุคคลผู้มีมิจฉาทิฐิเหล่านี้ แม้คราวกัปพินาศเมื่อมหาชนไปเกิด
  ในพรหมโลก แต่บุคคลผู้มีนิยตมิจฉาทิฏฐิก็ไม่สามารถไปเกิด
  ในพรหมโลกได้ แต่ต้องถูกไฟไหม้อยู่ในโอกาสแห่งหนึ่ง ใน
  อากาศซึ่งเป็นไฟยิ่งกว่าไฟในมหานรกเสียอีก.
  ท่านอุปมาว่า ก้อนหินแม้เล็กขนาดเท่าถั่วเขียวโยนลงไป
  ในน้ำ ชื่อว่าจะลอยอยู่ข้างบน ย่อมไม่มี ย่อมจมลงไปข้างล่าง
  อย่างเดียว ฉันนั้น.
  ๒. อันตคาหิกทิฏฐิ คือทิฏฐิที่ดิ่งรองมาจากนิตยมิจฉาทิฏฐิ
  ผู้มีทิฏฐิประเภทนี้ ไม่มีทางที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้เลย
  แต่ถ้าทำความดีอื่นๆไว้ ก็สามารถไปเกิดบนสวรรค์ได้ ทิฏฐินี้
  คือความเห็นผิดที่ยึดถือเอาที่จุดสุดโต่งทั้งสองด้าน อย่างใด
  อย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ ๑๐ อย่างคือ
  ๑. เห็นว่าโลกเที่ยง ... ๒. โลกไม่เที่ยง ... ๓. โลกมีที่สุด ...
  ๔.โลกไม่มีที่สุด ... ๕. ชีพอันนั้น สรีระก็อันนั้น ...
  ๖. ชีพอย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง ...
  ๗. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ ...
  ๘. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปไม่มีอยู่ ...
  ๙. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ก็มี ไม่มีอยู่ก็มี ...
  ๑๐.สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ก็หามิได้ ไม่มีอยู่ก็หามิได้
  อันตคาหิกทิฏฐิ มีวัตถุ ๑๐ ห้ามมรรค แต่ไม่ห้ามสวรรค์.
  อรรถกถาจารย์บางท่านกล่าวว่า อันตคาหิกทิฎฐิ หรือ
  สักกายทิฏฐิ ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิชื่อว่า ไม่สามารถนำไปสู่
  สวรรค์ หรือเจริญมรรคได้เลย.
  มิจฉาทิฏฐินั้น ชื่อว่ามีโทษน้อยและมีโทษมากเหมือน
  สัมผัปปลาปะ.
  อีกอย่างหนึ่ง มิจฉาทิฏฐิที่ไม่แน่นอน (ยังไม่ดิ่ง) ชื่อว่า
  มีโทษน้อย ที่แน่นอน (ดิ่ง) ชื่อว่ามีโทษมาก. <!--MsgFile=13-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=13-->ต่อmcu - [ <!--MsgTime=13-->3 มิ.ย. 52 18:13:08 <!--MsgIP=13-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=13--><!--MsgIDTop=14-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow14=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 14 <!--InformVote=14--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[14], 14);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(14)"> <!--EcardManage=14--><!--EcardSend=14-->
  
  <!--MsgIDBody=14-->๓. ยมกสูตร
  ว่าด้วยพระขีณาสพตายแล้วสูญหรือไม่
  
  
  [๑๙๘] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตร อยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ก็โดยสมัยนั้นแล ยมกภิกษุเกิดทิฏฐิอันชั่วช้าเห็นปานนี้ว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรม ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก.
  
  ภิกษุหลายรูป ได้ฟังแล้วว่า ได้ยินว่า ยมกภิกษุเกิด ทิฏฐิอันชั่วช้าเป็นปานนี้ว่า เรารู้ทั่วถึงธรรม ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก.
  
  ครั้งนั้น ภิกษุเหล่านั้น จึงพากัน เข้าไปหาท่านยมกภิกษุถึงที่อยู่ ได้สนทนาปราศรัยกับท่านยมกภิกษุ ครั้นผ่านการสนทนาปราศรัย ชวนให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ครั้นแล้ว จึงถามท่านยมกภิกษุว่า
  
  ดูกรท่านยมกะ ทราบว่าท่านเกิดทิฏฐิอันชั่วช้า เห็นปานนี้ว่า เรารู้ว่าทั่วถึงธรรม ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก จริงหรือ?
  
  ท่านยมกะกล่าวว่า อย่างนั้น อาวุโส. ภิ. ดูกรอาวุโสยมกะ ท่านอย่าได้พูดอย่างนั้น อย่าได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาค เพราะ การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคไม่พึงตรัสอย่างนี้ว่า พระขีณาสพเมื่อ ตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก. ท่านยมกะ เมื่อถูกภิกษุเหล่านั้นกล่าวแม้อย่างนี้ ยังขืนกล่าวถือทิฏฐิอันชั่วช้านั้น อย่าง หนักแน่นอย่างนั้นว่า เรารู้ทั่วถึงธรรม ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อ ตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก. ภิกษุเหล่านั้น ย่อมไม่อาจเพื่อจะยังท่านยมกะ ให้ถอนทิฏฐิอันชั่วช้านั้นได้ จึงลุกจาก อาสนะ เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรจนถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า ข้าแต่ ท่านสารีบุตร ยมกภิกษุเกิดทิฏฐิอันชั่วช้าเห็นปานนี้ว่า เรารู้ทั่วถึงธรรม ตามที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก ขอ โอกาสนิมนต์ท่านพระสารีบุตรไปหายมกภิกษุถึงที่อยู่ เพื่ออนุเคราะห์เถิด. ท่านพระสารีบุตรรับ นิมนต์โดยดุษณีภาพ.
  
  [๑๙๙] ครั้งนั้น เวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อนแล้วเข้าไปหาท่านยมกะ ถึงที่อยู่ ได้สนทนาปราศรัยกับท่านยมกะ ครั้นผ่านการสนทนาปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ถามท่านยมกะว่า ดูกรอาวุโสยมกะ ทราบว่า ท่านเกิด ทิฏฐิอันชั่วช้าเห็นปานนี้ว่า เรารู้ทั่วถึงธรรม ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก ดังนี้ จริงหรือ? ท่านยมกะตอบว่า อย่างนั้นแล ท่านสารีบุตร.
  
  สา.(ท่านสารีบุตร) ย.(ท่านยมกะ)
  สา. ดูกรท่านยมกะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
  รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
  ย. ไม่เที่ยง ท่าน ฯลฯ
  สา. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
  ย. ไม่เที่ยง ท่าน ฯลฯ
  สา. เพราะเหตุนี้นั้นแล ยมกะ พระอริยสาวกผู้ใดสดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก.
  
  [๒๐๐] สา. ดูกรท่านยมกะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน??
  ท่านเห็นรูปว่าเป็น สัตว์เป็นบุคคลหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นเวทนาว่าสัตว์เป็นบุคคลหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นสัญญาว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นสังขารว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นวิญญาณว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  
  
  [๒๐๑] สา. ดูกรท่านยมกะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
  ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคล มีในรูปหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลอื่นจากรูปหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลมีในเวทนาหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลอื่นจากเวทนาหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลมีในสัญญาหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลมีในสังขารหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลอื่นจากสังขารหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลมีในวิญญาณหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  สา. ท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลอื่นจากวิญญาณหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  
  [๒๐๒] สา. ดูกรยมกะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านเห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นสัตว์บุคคลหรือ?
  ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  
  (พิจารณาธรรมบทนี้ให้ดีครับ)
  [๒๐๓] สา. ดูกรท่านยมกะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านเห็นว่า สัตว์ บุคคลนี้นั้นไม่มีรูป ไม่มีเวทนา ไม่มีสัญญา ไม่มีสังขาร ไม่มีวิญญาณ หรือ? ย. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่าน.
  
  สา. ดูกรท่านยมกะ ก็โดยที่จริง โดยที่แท้ ท่านจะค้นหาสัตว์บุคคลในขันธ์ ๕ เหล่านี้ ในปัจจุบันไม่ได้เลย ควรแลหรือที่ท่านจะยืนยันว่า เรารู้ทั่วถึงธรรม ตามที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก.
  ย. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร เมื่อก่อนผมไม่รู้อย่างนี้ จึงได้เกิดทิฏฐิอันชั่วช้าอย่างนั้น แต่ เดี๋ยวนี้ ผมละทิฏฐิอันชั่วช้านั้นได้แล้ว และผมก็ได้บรรลุธรรมแล้วเพราะฟังธรรมเทศนานี้ ของ ท่านพระสารีบุตร.
  
  [๒๐๔] สา. ดูกรท่านยมกะ ถ้าชนทั้งหลาย พึงถามท่านอย่างนี้ว่า ท่านยมกะ ภิกษุ ผู้ที่เป็นพระอรหันตขีณาสพ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเป็นอะไร ท่านถูกถามอย่างนั้น จะพึงกล่าวแก้ ว่าอย่างไร?
  
  ย. ข้าแต่ท่านสารีบุตร ถ้าเขาถามอย่างนั้น ผมพึงกล่าวแก้อย่างนี้ว่ารูปแลไม่เที่ยง สิ่ง ใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นดับไปแล้ว ถึงแล้วซึ่งการตั้งอยู่ไม่ได้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นดับไป แล้ว ถึงแล้วซึ่งการตั้งอยู่ไม่ได้ ข้าแต่ท่านสารีบุตร ผมถูกเขาถามอย่างนั้น พึงกล่าวแก้อย่างนี้.
  ......................
  
  [๒๐๖] สา. ดูกรท่านยมกะ ข้ออุปมานี้ฉันใด ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่ได้เห็นพระอริยะ ทั้งหลาย ไม่ฉลาดในอริยธรรม ไม่ได้รับแนะนำในอริยธรรม ไม่ได้เห็นสัตบุรุษทั้งหลาย ไม่ ฉลาดในสัปปุริสธรรม ไม่ได้รับแนะนำในสัปปุริสธรรม ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมเห็นรูป โดย ความเป็นตน ย่อมเห็นตนมีรูป ย่อมเห็นรูปในตน หรือย่อมเห็นตนในรูป ย่อมเห็นเวทนา โดยความเป็นตน ฯลฯ ย่อมเห็นสัญญา โดยความเป็นตน ฯลฯ ย่อมเห็นสังขาร โดยความเป็นตน ฯลฯ ย่อมเห็นวิญญาณ โดยความเป็นตน ย่อมเห็นตนมีวิญญาณ ย่อมเห็นวิญญาณในตน หรือ ย่อมเห็นตนในวิญญาณ. เขาย่อมไม่รู้ชัด ตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันไม่เที่ยงว่า ไม่เที่ยง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นทุกข์ว่า เป็นทุกข์ ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นอนัตตาว่า เป็นอนัตตา ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปัจจัยปรุงแต่งว่า อันปัจจัยแต่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นผู้ฆ่า ว่าเป็นผู้ฆ่า. เขาย่อมเข้าไปถือมั่น ยึดมั่น ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า เป็นตัวตนของเรา. อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ อันปุถุชนนั้นเข้าไปถือมั่น ยึด มั่นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน.
  
  [๒๐๗] ดูกรท่านยมกะ ส่วนพระอริยสาวกผู้สดับแล้ว ได้เห็นพระอริยะทั้งหลาย ฉลาด ในอริยธรรม ได้รับแนะนำในอริยธรรมดีแล้ว ได้เห็นสัตบุรุษทั้งหลาย ฉลาดในสัปปุริสธรรม ได้รับแนะนำในสัปปุริสธรรมดีแล้ว ย่อมไม่เห็นรูป โดยความเป็นตน ย่อมไม่เห็นตนมีรูป ย่อม ไม่เห็นรูปในตน หรือย่อมไม่เห็นตนในรูป ย่อมไม่เห็นเวทนา โดยความเป็นตน ฯลฯ ย่อมไม่ เห็นสัญญา โดยความเป็นตน ฯลฯ ย่อมไม่เห็นสังขาร โดยความเป็นตน ฯลฯ ย่อมไม่เห็นวิญญาณ โดยความเป็นตน ย่อมไม่เห็นตนมีวิญญาณ ย่อมไม่เห็นวิญญาณในตน หรือย่อมไม่เห็นตนใน วิญญาณ. เขาย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันไม่เที่ยงว่า ไม่เที่ยง. ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นทุกข์ว่า เป็นทุกข์. ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นอนัตตา ว่า เป็นอนัตตา. ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปัจจัย ปรุงแต่ง ว่าปัจจัยปรุงแต่ง. ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นผู้ฆ่า ว่าเป็นผู้ฆ่า. เขาย่อมไม่เข้าไปถือมั่น ยึดมั่น ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า เป็นตัวตนของเรา. อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ อันอริยสาวกนั้น ไม่เข้าไปถือมั่น ยึด มั่นแล้ว ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขตลอดกาลนาน.
  
  ย. ข้าแต่ท่านสารีบุตร ข้อที่เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ของท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ผู้เช่น นั้น เป็นผู้อนุเคราะห์ ใคร่ประโยชน์ เป็นผู้ว่ากล่าวพร่ำสอน ย่อมเป็นอย่างนั้นแท้ ก็แล จิตของผมหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย ไม่ถือมั่น เพราะได้ฟังธรรมเทศนานี้ของท่านสารีบุตร.
  
  ที่มา : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
  
  http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.ph...7&A=2447&Z=2585 <!--MsgFile=14-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=14-->ต่อmcu - [ <!--MsgTime=14-->3 มิ.ย. 52 18:13:45 <!--MsgIP=14-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=14--><!--MsgIDTop=15-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224422 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow15=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 15 <!--InformVote=15--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[15], 15);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(15)"> <!--EcardManage=15--><!--EcardSend=15-->
  
  <!--MsgIDBody=15-->แล้วอย่างนี้ผมได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธมั๊ยครับ
  
  ---------- คุณยังเป็นพุทธ อยู่ครับ
  
  --- ในพระพุทธศาสน กล่าวถึงความจริง 2 ระดับ คือ
  1. ความจริงระดับโลก ที่เกี่ยวเนื่องกับกาย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
  ว่าได้ดีหรือได้ไม่ได้ เช่น ได้ไปสวรรค์ หรือนรก หรือได้มีทรัพย์มาก ทรัพย์้น้อย รูป(ร่างกาย หน้าตา)งามหรือไม่งาม
  - ความจริงระดับนี้ ถือว่า จิต(ที่เกิดดับตลอดเวลาในขณะนี้)แ่ต่ก่อนกับปัจจุบัน และอนาคต ถือโดยรวมๆแบบชาวบ้านว่าเป็นของคนๆเดียวกัน ทำดีจึงได้ดี ทำชั่วจึงได้ชั่ว
  -- การถือและปฏิบัติดีแบบนี้ ยังไม่ทำให้พ้นทุกข์เพราะยึดถือว่ามีร่างกายและจิตใจที่เป็นของตนอยู่ ต้องเกิดไปเรื่อย ทั้งภพดีและไม่ดี
  
  2. ความจริงระดับสูงสุด (ความจริงที่แท้จริง) บอกว่า กายและจิตเกิดดับตลอดเวลา
  ตัวเราที่อยู่ขณะนี้ไม่ใช่ตัวเราเมื่อเด็ก ยิ่งเป็นชาติก่อนยิ่งคนละกายคนละจิต แต่เกิดเนื่องจากกายและจิตอันเก่า เหมือนเปลวเทียนที่ปลายแท่งเมื่อเริ่มจุด กับเปลวเทียนที่มีอยู่เมื่อแท่งเทียนเหลืออยู่นิดเดียว
  
  จิต(และกาย)เราเกิดขึ้นและรับรู้สิ่งต่างๆ ชั่วขณะ แล้วดับไป(และเกิดขึ้นใหม่จากเชื้อจิตเ่ก่า) เกิดต่อเนื่องกันไป ไหลไปเหมือนกระแสน้าที่ที่ไหลไป ไม่มีตัวตนถาวร
  
  ผู้ที่รู้และยอมรับ อย่างลึกซึ้งแท้จริง
  (เพราะเห็นการเกิดดับของกายหรือจิต ในสมาธิแบบวิปัสสนา)
  ก็จะรู้ว่า กายและจิตไม่ใช่ตัวตนที่ถาวร และไม่ใช่ตัวตนของเรา )(เราเป็นเพียงจิตที่รับรู้ชั่วขณะและดับไปเท่านั้น)
  การยึดถือว่ากายและิจิตเป็นของตนทำให้เกิดความทุกข์เพราะกายและจิตเปลี่ยนแปลงตนเวลา)
  จิตจะปล่อยวางการยึดถือโน้มไปสู่ความสงบสันติ ดับกิเลสตามลำดับคือนิพพาน เมื่อจิตสัมผัสนิพพาน 1 ครั้งเป็นพระโสดาบัน ถ้าจิตเวียนกลับมาเห็นความเกิดดับและปล่อยวาง สัมผัสนิพพานด้วยใจ อีก 3 รอบ ก็จะเป็นพระอรหันต์
  
  หมดทุกข์ใจทั้งสิ้นในปัจจุบัน
  <!--MsgEdited=15-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 07:50:42[/SIZE] <!--MsgFile=15-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=15-->วงกลม - [ <!--MsgTime=15-->3 มิ.ย. 52 19:02:01 <!--MsgIP=15-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=15--><!--MsgIDTop=16-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224422 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow16=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 16 <!--InformVote=16--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[16], 16);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(16)"> <!--EcardManage=16--><!--EcardSend=16-->
  
  <!--MsgIDBody=16-->ขออนุญาตเพิ่มเติม
  
  ตามที่คุณ ต่อmcu ได้อัญเชิญพระสูตร(คำสอนของพระพุทธเจ้าที่บอกเรื่องราวไว้ด้วยว่าสอนท่านใด ที่ไหน ไม่ได้กล่าวหลักธรรมล้วนแบบพระอภิธรรม) ได้แสดงไว้อย่างชัดเจน ถึงความจริงทั้ง 2 แบบ
  คือ
  
  1. ความเห็นที่ 13 คือ ความเห็นผิด(เห็นผิดแบบคิดแบบโลก)
  และตรงกันข้ามแม้เป็นความเห็นถูก ก็ยังเป็นความเห็นถูกแบบโลก(โลกียสัมมาทิฏฐิ)
  
  2. ส่วนความเห็นที่ 14 คือ ความจริงระดับปรมัตถ์ ไม่ตัวตน ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่เรา ไม่มีเขา มีแต่จิต กาย เท่านั้น
  (ความจริงสูงสุดมี 4 ประการคือ
  1. รูป เข้าใจแบบง่ายๆว่าคือร่างกาย
  2. จิต คือสิ่งรับรู้ เกิดดับตลอดเวลา
  3. เจตสิก คือสิ่งที่จิตรับรู้ (เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต )
  --- 3 อย่างแรกนี้เกิดเพราะมีเหตุปัจจัย ดับเพราะหมดเหตุปัจจัย อยู่ในโลก
  
  4. นิพพาน
  ------ เป็นสภาวะเดียวที่มีอยู่แล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีผู้บรรลุธรรม
  แต่ผู้บรรลุธรรม สัมผัสได้ด้วยจิต เมื่อจิตปล่อยวางความยึดถือว่ากายและจิตเป็นของตน
  
  ถ้า คุณ : omaizo เข้าใจความจริงว่ามีการกล่าวเป็นความจริง 2 ระดับเพื่อ บุคคลแต่และประเภท(ความจริงคือกาย และิจิต แต่ละชุด)ต่อไปก็จะเข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง ไม่สับสนเลย
  
  อนุโมทนาในการถามด้วยความจริงใจครับ
  <!--MsgEdited=16-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 19:18:10[/SIZE] <!--MsgFile=16-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=16-->วงกลม - [ <!--MsgTime=16-->3 มิ.ย. 52 19:16:18 <!--MsgIP=16-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=16--><!--MsgIDTop=17-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow17=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 17 <!--InformVote=17--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[17], 17);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(17)"> <!--EcardManage=17--><!--EcardSend=17-->
  
  <!--MsgIDBody=17-->เข้ามาอ่าน.... <!--MsgFile=17-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=17-->siam starlian - [ <!--MsgTime=17-->3 มิ.ย. 52 19:36:32 <!--MsgIP=17-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=17--><!--MsgIDTop=18-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow18=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 18 <!--InformVote=18--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[18], 18);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(18)"> <!--EcardManage=18--><!--EcardSend=18-->
  
  <!--MsgIDBody=18-->คนระลึกชาติในอดีตในทั่วโลก <!--MsgFile=18-->
  <TABLE width=460 border=0><TBODY><TR><TD align=left width="100%"><EMBED src=http://www.youtube.com/v/_EWwzFwUOxA width=425 height=350 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent"></EMBED></TD></TR></TBODY></TABLE>​
  
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=18-->TrialWare - [ <!--MsgTime=18-->3 มิ.ย. 52 19:42:23 <!--MsgIP=18-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=18--><!--MsgIDTop=19-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow19=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 19 <!--InformVote=19--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[19], 19);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(19)"> <!--EcardManage=19--><!--EcardSend=19-->
  
  <!--MsgIDBody=19-->ประชากรโลก นับแต่จำนวนคนไม่ได้หรอกค่ะ
  
  ถ้าจะนับจริงๆ ต้องไปนับจำนวนสัตว์เล็กสัตว์น้อยแมลงอีกที่เรานับได้ไม่ถ้วนอีก เหล่านี้ก็สามารถเกิดเป็นคนได้ (ยังไม่นับเทพเทวดา เปรต วิญญาณ etc อีก) <!--MsgFile=19-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=19-->ยุ้ยหัดเขียน - [ <!--MsgTime=19-->3 มิ.ย. 52 19:50:06 <!--MsgIP=19-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=19--><!--MsgIDTop=20-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow20=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 20 <!--InformVote=20--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[20], 20);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(20)"> <!--EcardManage=20--><!--EcardSend=20-->
  
  <!--MsgIDBody=20-->^
  ^
  3 มีนาคม 1945, นักบิน วัย 21 ตายจากเครื่องบินที่โดนทหารญี่ปุ่นยิงตก
  เล่าโดย เจมส์ เด็กชายวัย 6 ขวบ ที่มักฝันร้ายเกี่ยวกับเครื่องบินตกบ่อยๆ
  และ เจมส์เป็นเด็กที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องบินรบในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2
  
  หลายคนสงสัยว่าความคิดปรุงแต่งมาจากการดู TV แต่รายการ
  พ่อและแม่เจมส์เปิดให้ดู ส่วนใหญ่คือ เทเลทับบีู้ <!--MsgFile=20-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=20-->TrialWare - [ <!--MsgTime=20-->3 มิ.ย. 52 19:55:54 <!--MsgIP=20-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=20--><!--MsgIDTop=21-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow21=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 21 <!--InformVote=21--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[21], 21);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(21)"> <!--EcardManage=21--><!--EcardSend=21-->
  
  <!--MsgIDBody=21-->คห. 11 ถ้าอย่างนั้นแล้ว ถ้าผมคิดดีทำดีแล้วสุขใจ อย่างนี้อย่างเดียวไม่ได้เหรอครับ ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเชื่อเรื่องนรกเลย
  
  คห 13 ตรงที่ว่า "มิจฉาทิฏฐิ, ความเห็นผิด,ความเห็นผิดจากคลองธรรม
  เจตนาชื่อว่า มิจฉาทิฏฐิ เพราะเห็นผิดโดยไม่มีการถือเอาตาม
  ความเป็นจริง" แล้วความจริงคือ อะไรครับ ตัวอย่าง ถ้าดื่มเหล้าแล้วจะเมา กับ ถ้าดื่มเหล้าแล้วจะต้องโดนน้ำร้อนกรอกปากในนรก (ผมเชื่ออย่างแรกนะครับ)
  
  คห. 16 ถ้าผม เชื่อตามนี้ว่า "ไม่ตัวตน ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่เรา ไม่มีเขา มีแต่จิต กาย" แต่ไม่เชื่อเรื่อง นรกสวรรค์ชาติหน้า มันจะขัดกันมั๊ยครับเนี่ย
  
  คห. 19 นั่นแหละครับ ประชากรที่ผมหมายถึงประชากรในระบบ(รวมทุกอย่างที่คุณว่ามา) ถ้าเราต้องไปเวียนว่ายตายเกิดจริงๆ ก็ต้องมีประชากรที่คงที่ใช่มั๊ยครับ แล้วพวกเรามาจากไหน
  
  คือประเด็นผมอยากทราบความสำคัญในการเชื่อเรื่องโลกหน้า กับความสำคัญในการเชื่อเรื่องการทำความดี อะไรมันสำคัญกว่ากัน โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่ออย่างหลังมากกว่าน่ะครับ แต่จากที่อ่านในหลายๆแหล่ง ทำไมดูให้ความสำคัญกับบุญ(เพื่อเอามาใช้ในโลกหน้า)กันจัง ผมอยากทราบว่าพุทธศาสนามีแนวที่ให้ความสำคัญกับการทำความดี เพื่อให้มีความสุขในปัจจุบันมั๊ยครับ
  
  ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ อย่างน้อยก็เพิ่มปัญญาให้คนอย่างผม ถึงจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็เถอะ ขอบคุณมากๆครับ <!--MsgEdited=21-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 20:43:52[/SIZE] <!--MsgFile=21-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=21-->omaizo - [ <!--MsgTime=21-->3 มิ.ย. 52 20:41:07 <!--MsgIP=21-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=21--><!--MsgIDTop=22-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224444 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow22=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 22 <!--InformVote=22--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[22], 22);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(22)"> <!--EcardManage=22--><!--EcardSend=22-->
  
  <!--MsgIDBody=22-->ตอบคุณเจ้าของกระทู้ คห.#21
  
  "ได้ครับ"
  
  แค่ระบุไว้ว่ามี ส่วนเราจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ครับ ตราบเท่าที่ยังคิดดีทำดี
  (และเราก็ไม่ควรคิดเอง และฟันธงว่าไม่มี
  โดยยังไม่ได้พิสูจน์ตามหนทางที่มีผู้แนะนำไว้แล้วมากมาย)
  
  ทั้งนี้คงเปรียบเหมือนกับมีคนค้นพบ กฎแรงดึงดูด
  จะเชื่อหรือไม่เชื่อกฎนี้ก็ได้... ตราบเท่าที่คุณไม่กระโดดพุ่งออกไปจากตึก ^_^
  (เพราะก่อนหน้าที่กาลิเลโอจะค้นพบกฎแรงดึงดูด..
  แม้คนทั่วไปไม่รู้จักเรื่องกฎนี้ ก็คงไม่มีใครปีนหอคอยแล้วกระโดดลงมาอยู่ดีครับ)
  
  
  
  ปล.
  ศาสนาพุทธไม่ได้สอนแค่เรื่องพูดดีคิดดีทำดีเท่านั้นครับ
  (เพราะเพียงแค่นั้นก็ยังคงต้องติดอยู่ในโลกอยู่ดี)
  ลองอ่านในความคิดเห็น#5 ครับ
  รวมทั้งความเห็นของคุณ ต่อmcu และคุณ วงกลม ครับ
  <!--MsgEdited=22-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 21:23:26[/SIZE] <!--MsgFile=22-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=22-->He-Who-Must-Not-Be-Named - [ <!--MsgTime=22-->3 มิ.ย. 52 21:18:01 <!--MsgIP=22-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=22--><!--MsgIDTop=23-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow23=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 23 <!--InformVote=23--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[23], 23);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(23)"> <!--EcardManage=23--><!--EcardSend=23-->
  
  <!--MsgIDBody=23-->ไม่เชื่อเรื่องนรกก็อธิฐานเลยว่าตายแล้วข้อให้ได้ลิ้มรสอบาย
  กล้ารึเปล่า ! ถ้าไม่เชื่อก็ต้องไม่กลัวด้วย ไม่มีจะกลัวอะไร กล้าอธิฐานมั้ยละ <!--MsgEdited=23-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 21:29:11[/SIZE] <!--MsgFile=23-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=23-->Yogi Playgirl - [ <!--MsgTime=23-->3 มิ.ย. 52 21:27:55 <!--MsgIP=23-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=23--><!--MsgIDTop=24-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow24=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 24 <!--InformVote=24--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[24], 24);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(24)"> <!--EcardManage=24--><!--EcardSend=24-->
  
  <!--MsgIDBody=24-->ความคิดความรู้สึกก็เป็นสิ่งหนึ่งเป็นนามธรรม ย่อมมีปฏิกิริยา ย่อมกระเพื่อม ความคิดความรู้สึก เมื่อกายแตกดับไปแล้ว คุณคิดเหรอว่าความคิดความรู้สึกจะดับสูญไปตามกาย เหมือนตอนหลับแม้ไม่รู้สึกตัวแต่ก็ฝันได้อยู่ดีปรุงแต่งได้เองรับอารมณ์เฉพาะใจได้เองไม่ต้องอาศัยกายเมื่อจิตมันจะคิด คิดหรือว่าตอนคุณตายคุณจะไม่ปรุงแต่ง(ทั้งอุบัติเหตุและหลับตายโดยมีสติหรือไม่มีสติ)ในเมื่อตอนเป็นคนคุณยังหยุดความปรุงแต่งไม่ได้ ใจมันดิ้นตามธรรมชาติของมันเราห้ามไม่ได้หรอก ภพภูมิก็สร้างได้ทันทีที่ภพเก่าอัตภาพเก่าสิ้นสุดลง ต่อเนื่องไม่มีขาดตอน(บางทีอาจเป็นตกภวังค์แต่ก็ตื่นอยู่ดี ..เป็นผี) <!--MsgFile=24-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=24-->ไฟไฟ - [ <!--MsgTime=24-->3 มิ.ย. 52 21:41:49 <!--MsgIP=24-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=24--><!--MsgIDTop=25-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow25=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 25 <!--InformVote=25--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[25], 25);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(25)"> <!--EcardManage=25--><!--EcardSend=25-->
  
  <!--MsgIDBody=25-->คห.22 ขอบคุณครับ ผมจะพยายามปฎิบัติดูบ้าง ตอนนี้นั่งสมาธิเฉยๆไม่ได้มีแนวทางที่จริงจังเท่าไหร่ครับ
  
  คห.23 แล้วจะให้ผมอธิฐานอย่างไรครับ
  
  คห.24 อย่างนั้นสิ่งที่เราจะเจอก็เกิดจากใจเราเองอย่างนั้นเหรอครับ <!--MsgFile=25-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=25-->omaizo - [ <!--MsgTime=25-->3 มิ.ย. 52 22:03:35 <!--MsgIP=25-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=25--><!--MsgIDTop=27-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow27=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 27 <!--InformVote=27--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[27], 27);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(27)"> <!--EcardManage=27--><!--EcardSend=27-->
  
  <!--MsgIDBody=27-->แปลกใจค่ะ ที่ จขกท.เชื่อในเรื่องกรรม แต่ไม่เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ
  
  ปกติถ้าคนเชื่อว่าตายแล้วสูญ จะไม่สนใจบุญ บาป หรือกรรมเวรอะไร มักจะดำเนินชีวิตในแบบความเชื่อทางโลก
  
  เช่น ตบยุง ฆ่าแมลงสาป ไม่บาป เพราะนำเชื้อโรคมาให้ สั่งอาหารทะเลเลือกชนิดเป็นๆ เพราะมันสด กินเหล้าได้ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงเพื่อเข้าสังคม หรือหาทางแก้แค้นเอาคืนคนที่ทำไม่ดีกับตนเอง
  
  เรื่องพวกนี้ทางโลกไม่ถือว่าผิดอะไร แต่ทางธรรม และกฎแห่งกรรมมันคนละเรื่องเลย
  
  เพราะว่าถ้าดำเนินชีวิตแบบชาวพุทธที่เชื่อในกฎแห่งกรรม เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด จะไม่กระทำเรื่องพวกนี้ ( พุทธตามทะเบียนบ้านไม่เกี่ยว) ต่อให้รักษาศีลไม่ได้สมบูรณ์พร้อม ศีลไม่ครบมีด่างพร้อยบ้าง แต่คนที่เชื่อก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
  
  ส่วนคนไม่เชื่อ ยากที่ทำได้
  
  แต่ถ้าไม่เชื่อ แล้วสามารถรักษาศีล 5 ได้นี่ ต้องถือว่า มีความลังเลสงสัย ใจนึงไม่เชื่อ แต่อีกใจก็กลัว เลยต้องกันเหนียว <!--MsgFile=27-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=27-->shinnoir - [ <!--MsgTime=27-->3 มิ.ย. 52 23:18:15 <!--MsgIP=27-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=27--><!--MsgIDTop=28-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow28=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 28 <!--InformVote=28--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[28], 28);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(28)"> <!--EcardManage=28--><!--EcardSend=28-->
  
  <!--MsgIDBody=28-->กาเลณะธรรมสากัจฉา เป็นหนึ่งในมงคล 38 ประการ อาจเป็นประโยชน์บ้างจึงขอร่วมสนทนาด้วย
  ประเด็นคือ ความเชื่อเรื่องโลกหน้า การเกิดใหม่ นรกสวรรค์มีจริงหรือ ทำความดีอย่างเดียว โดยใช้เหตุผลในปัจจุบันไม่เชื่อเรื่องข้างต้นเพียงพอหรือไม่
  ...ขอยกเรื่องโลกหน้าสวรรค์นรกไว้ก่อน หากว่าเราจะใช้เหตุผลในปัจจุบันเพื่อดำรงตนในศีลธรรมนั้น ผมเห็นว่าไม่เพียงพอ
  เพราะอาจทำให้เราท้อถอยที่จะดำรงตนอยู่บนความถูกต้อง ถ้า เห็นคนโกง คนขายเหล้า มั่งมีศรีสุข เห็นคนเข้าวัดประสพเคราะห์กรรมเพราะเหตุผลในปัจจุบันตื้นเขินเกินไปที่จะอธิบายได้
  นรกสวรรค์ มีจริงหรือ ต่างชาติต่างภาษาใช้นรกสวรรค์เดียวกันหรือ เกณฑ์วัดเดียวกันหรือ ผมว่าพวกเราที่คุยกันอยู่นี่คงไม่มีใครไปเห็นด้วยตนเอง ข้อความในพระไตรปิฏกก็มีผู้ยกมามากแล้ว จึงขอใช้ความรู้ทางศาสนาบวกกับตรรกะดังนี้
  คุณเคยอยู่ในความฝันที่เดือดเนื้อร้อนใจ หรือเค็มไปด้วยความสุขใช่ไหม ปกติถ้าคุณตื่นมันก็ยุติ แต่ถ้าคุณไม่ตื่นละ แล้วในฝันคุณสามารถควบคุมอะไรอะไรได้เท่าที่ทำได้เหมือนตื่นอยู่หรือ ถ้าชีวิตที่ผ่านมาทำแต่ความชั่วร้ายมาตลอด คุณคิดว่าคุณจะฝันดีไหม ถึงตื่นอยู่และไม่มีใครรู้ความชั่วของคุณๆจะยังสุขกายสบายใจไหม เมือคุณแก่ใก้ลตายไม่รู้อะไรรออยู่หลังตายคุณจะยังสบายใจและมั่นใจว่าตายแล้วสญหรือ ผมคิดว่านรกสรรค์ก็ประมาณไม่น้อยไปกว่านี้แต่มากแค่ไหนก็ไม่อยากลอง และถ้าเกิดใหม่ก็ไม่อยากพิกลพิการอยู่ในประเทศที่อดอยากรบราฆ่าฝันกัน
  โลกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม้อยู่ในสถานทีบรรยากาศเดียวกันบางคนกำลังสุขขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังทุกข์ แสดงว่าโลกเป็นไปตามความคิดของแต่ละคนแม้จะเป็นโลกปัจจุบันก็ตาม ฉะนั้นผมเชื่อว่านรกสวรรค์แต่ละชาติศาสนาไม่เหมือนกันแต่ที่เหมือนกันคือความเดือดเนื้อร้อนใจหรือความสุขใจ เกณฑ์วัดก็ไม่มีใครมาวัดหรอกทุกคนรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองดีชั่วแค่ไหนตอนใก้ลตายอันไหนแรงหนักก็ชัดในใจและส่งผลทันที
  ไม่น่าเสี่ยงนะครับ อาจเผลอทำกรรมหนักถ้าไม่มีฐานความเชื่อที่หนักแน่นพอ และเราก็ล้มกระดานขอเล่นเกมส์ใหม่ไม่ได้เสียด้วย.... ลองพิจารณาดูนะครับ <!--MsgFile=28-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=28-->POKAN - [ <!--MsgTime=28-->3 มิ.ย. 52 23:21:32 <!--MsgIP=28-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=28--><!--MsgIDTop=29-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow29=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 29 <!--InformVote=29--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[29], 29);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(29)"> <!--EcardManage=29--><!--EcardSend=29-->
  
  <!--MsgIDBody=29-->ทำไมบางคนเกิดมารวย บางคนเกิดมาจน บางคนเกิดมาพิการ ทำไมเราถึงเกิดมาเป็นคน ?
  
  นั้นเพราะว่าผลของของการกระทำจากชาติก่อนๆ ว่า ทำความดีความชั่วมามากน้อยเพียงใด
  
  เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว <!--MsgFile=29-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=29-->locomotion - [ <!--MsgTime=29-->4 มิ.ย. 52 00:02:52 <!--MsgIP=29-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=29--><!--MsgIDTop=30-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow30=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 30 <!--InformVote=30--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[30], 30);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(30)"> <!--EcardManage=30--><!--EcardSend=30-->
  
  <!--MsgIDBody=30-->เป้าหมายสูงสุดของศาสนาพุทธคือให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่ใช่ต้องการเพียงแค่ความสุขเพียงชั่วคราวที่ไม่จีรังใดๆ ทั้งสิ้น
  
  ด้วยการปฏิบัติตามสายกลาง อริยมรรค 8 <!--MsgFile=30-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=30-->locomotion - [ <!--MsgTime=30-->4 มิ.ย. 52 00:04:55 <!--MsgIP=30-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=30--><!--MsgIDTop=31-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow31=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 31 <!--InformVote=31--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[31], 31);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(31)"> <!--EcardManage=31--><!--EcardSend=31-->
  
  <!--MsgIDBody=31-->คห. 27 ไม่ทราบสิครับ ที่ผมไม่ดื่มเหล้าเพราะเห็นพ่อดื่มแล้วเมาผมไม่ชอบ ยุ่งผมก็ตบนะครับถ้ามันมากัดแต่พวกงูตะขาบ หรือสัตว์อื่นๆจะไม่ฆ่าเล่นเด็ดขาด อีกอย่างเวลาผมทำอะไรไม่ดีแล้วจะไม่ค่อยสบายใจ ผมเลยไม่ทำน่ะครับ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไว้กันเหนียวนั่นไม่ใช่แน่นอน ค่อนข้างจะลองดีกับเรื่องพวกนี้ด้วย อย่างที่บอกน่ะครับผมเชื่อว่า ดื่มเหล้าแล้วจะเมา แต่ไม่เชื่อว่าดื่มเหล้าแล้วจะตกนรก
  
  คห.28 อ่านแล้วนึกออกเลยครับเวลาฝันร้ายอยากจะตื่นมาให้พ้นๆ อันนี้พอนึกออกครับ ประมาณเวลาทำอะไรไม่ดีเราก็จะรู้สึกไม่สบายใจ(แบบนี้เป็นนรกที่ใกล้เคียงกับความเห็นผมมากที่สุด) ประมาณว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ
  
  ส่วนที่ว่า"ขอยกเรื่องโลกหน้าสวรรค์นรกไว้ก่อน หากว่าเราจะใช้เหตุผลในปัจจุบันเพื่อดำรงตนในศีลธรรมนั้น ผมเห็นว่าไม่เพียงพอ เพราะอาจทำให้เราท้อถอยที่จะดำรงตนอยู่บนความถูกต้อง" อย่างนี้ผมยิ่งมองว่าเรื่องสวรรค์นรกนี่เหมือนอุบายที่ดึงดูดให้คนทำความดีมากกว่า ประมาณว่าตอนนี้ทำดีในปัจจุบันไว้ก่อนสะสมไว้อะไรประมาณนี้หรือเปล่าครับ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้แต่ผมก็ไม่ได้ทำชั่วนะครับ
  
  คห. 29 ถ้าเป็นเพราะกรรมแล้วตอนแรกเรามาจากไหน แรกสุดของแต่ละคนน่ะครับ (ผมถามประมาณนี้กับหลายคนแล้วโดนด่าทุกที แต่ไม่มีเจตนากวนนะครับ ผมสงสัยจริงๆ ) <!--MsgFile=31-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=31-->omaizo - [ <!--MsgTime=31-->4 มิ.ย. 52 02:10:08 <!--MsgIP=31-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=31--><!--MsgIDTop=32-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow32=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 32 <!--InformVote=32--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[32], 32);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(32)"> <!--EcardManage=32--><!--EcardSend=32-->
  
  <!--MsgIDBody=32-->เกิดที่ไหนล่ะ อะไรพาให้เกิด ก็สิ่งที่ดับไปตะกี้นี้พาให้เกิด นั่นมันรู้ชัดขนาดนั้นนะ ทีนี้ไม่เกิดแล้วจะดับไหมจิตดวงนี้ จะเอาอะไรมาดับ นั่น ไม่เกิดด้วยไม่ดับด้วย ไม่มีคำว่าว่ามีอยู่แบบโลกด้วย ไม่สูญแบบโลกด้วย มีอยู่แบบความบริสุทธิ์ ถ้าว่าสูญก็สูญแบบความบริสุทธิ์ เหมือนอย่างที่ว่านิพพาน มีอยู่แบบนิพพาน สูญแบบนิพพาน ไม่ได้สูญแบบโลกสงสาร
  
  ธรรมะหลวงตามหาบัว
  เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘ <!--MsgFile=32-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=32-->เทพแมว - [ <!--MsgTime=32-->4 มิ.ย. 52 02:31:29 <!--MsgIP=32-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=32--><!--MsgIDTop=33-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow33=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 33 <!--InformVote=33--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[33], 33);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(33)"> <!--EcardManage=33--><!--EcardSend=33-->
  
  <!--MsgIDBody=33-->เอาลิงค์นี้ไปอ่านเองดีกว่าครับ
  
  
  
  เพราะในนี้ข้างล่างสุดของเว็บ
  มีอยู่ 2-3 อาจารย์ที่กล่าวว่านิพพานสูญ ... เปรียบเทียบเหมือนตาย 0 มั้ง
  
  ชอบองค์ไหนทำตามองค์นั้นครับ ง่ายดีท่านต่างๆเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว
  
  ส่วนข้างบนๆ ของเว็บนั้นสำหรับผมถือว่าท่านเป็นอริยะสงฆ์
  สังฆัง สะระณัง คัจฉา
  ...ข้าพเจ้าขอยึดเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก
  ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
  ...แม้วาระที่ ๒ ข้าพเจ้าก็ขอยึดเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก
  ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
  ...แม้วาระที่ ๓ ข้าพเจ้าก็ขอยึดเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก <!--MsgEdited=33-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 03:38:29[/SIZE] <!--MsgFile=33-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=33-->tv3579 - [ <!--MsgTime=33-->4 มิ.ย. 52 03:34:25 <!--MsgIP=33-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=33--><!--MsgIDTop=34-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224422 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow34=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 34 <!--InformVote=34--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[34], 34);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(34)"> <!--EcardManage=34--><!--EcardSend=34-->
  
  <!--MsgIDBody=34-->แก่นของพุทธฯ
  
  คือนิพพาน หาใช่นิพพานสูญ(สิ้น) หรือหายจากความเป็นอัตตา
  
  (มีตัวตน)ไปเลย
  
  นิพพาน คือสูญญตา ความว่างเปล่า <!--MsgFile=34-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=34-->ตื่นก่อนพระอิอิ (น้องนิดหน่อย) - [ <!--MsgTime=34-->4 มิ.ย. 52 06:35:59 <!--MsgIP=34-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=34--><!--MsgIDTop=35-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224444 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow35=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 35 <!--InformVote=35--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[35], 35);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(35)"> <!--EcardManage=35--><!--EcardSend=35-->
  
  <!--MsgIDBody=35-->ความลังเลสงสัยเป็นอุปสรรคของการปฏิบัติธรรมที่หนักหนาทีเดียว จะเดินหน้าก็ไม่ได้ เพราะยังไม่แน่ใจ จะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะยังสนใจ
  
  การศึกษาธรรมะด้วยการอ่าน ฟัง มักเป็นแบบนี้แหละครับ
  
  คล้ายกับเราอยู่ ป.1 เพิ่งเริ่มเรียนแค่การบวกเลข 3+3+3+3+3+3 = 18 แต่เราไปอ่านหรือฟังคนที่เขาอยู่ ป.2 เรียนเรื่องการคูณมาแล้ว เขาบอกให้เราเอา 3 ไปคูณกับ 6 ก็จะได้ 18 เหมือนกัน เร็วกว่าด้วย
  
  ด้วยความที่เราไม่รู้ว่าคูณมันเป็นอย่างไร เราก็มานั่งกังวลว่าทำได้จริงเหรอ จะเป็นไปได้อย่างไร อาจถึงขึ้นคิดว่าคนที่มาบอกเรื่องการคูณจะหลอกเราหรือเปล่า
  
  คุณ omaizo จะมัวนั่งสงสัยอยู่อย่างนั้น หยุดเรียนมันล่ะ จะคิดเอาเองให้ได้เลยว่าที่เขาพูดมาจริงหรือหลอก หรือว่าจะทดลองเรียนไปเรื่อยๆ พอถึง ป.2 ค่อยพิสูจน์ด้วยตัวเอง ที่เขาว่ามาจริงหรือหลอก
  
  ตัวอย่างที่ยกมา ไม่ได้มีเจตนาดูถูกนะครับ เพียงแต่ต้องการให้เห็นภาพที่ชัดเจน
  
  อย่าไปมัวสงสัยเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้เลยครับ ถ้าเรามั่นใจในพระปัญญาของพระพุทธเจ้า เราใคร่ครวญคำสอนของท่านดีแล้วว่าสามารถช่วยเราให้พ้นจากกองทุกข์ได้จริง เดินหน้าเลยครับ เดินไปช้าๆ แต่มุ่งมั่น
  
  นรกสวรรค์ เรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้หรือเกินปัญญาที่เราจะพิสูจน์ได้ วางไว้ก่อน ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านไปเรื่อยๆ ค่อยๆ พิสูจน์สิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง เชื่อเถอะครับ ใครบอกก็ไม่ซาบซึ้งเท่าเรารู้ ใครเล่าก็ไม่เร้าใจเท่าเราเห็นด้วยตัวเอง
  
  อ่านให้น้อยลง ฟังให้น้อยลง พากเพียรภาวนาให้มากขึ้น
  
  ขอความสว่างในธรรมบังเกิดแก่คุณ omaizo ในเร็ววันนะครับ
  
  ปล. คุณ omaizo เหมาะมากที่จะปฏิบัติธรรม เพราะเป็นคนมีเหตุผล ความศรัทธาโดยปราศจากเหตุผล บางครั้งก็กลายเป็นความงมงายได้เหมือนกัน <!--MsgFile=35-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=35-->อริย์ธัช - [ <!--MsgTime=35-->4 มิ.ย. 52 07:34:49 <!--MsgIP=35-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=35--><!--MsgIDTop=36-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224422 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow36=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 36 <!--InformVote=36--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[36], 36);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(36)"> <!--EcardManage=36--><!--EcardSend=36-->
  
  <!--MsgIDBody=36-->ความคิดเห็นที่ 25
  ..
  คห. 16 ถ้าผม เชื่อตามนี้ว่า "ไม่ตัวตน ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่เรา ไม่มีเขา มีแต่จิต กาย" แต่ไม่เชื่อเรื่อง นรกสวรรค์ชาติหน้า มันจะขัดกันมั๊ยครับเนี่ย
  ..
  -------------
  
  -------- ไม่ขัดกันครับ การเชื่อว่า ไม่มีตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา นั้น ตรงกับความเป็นจริงแท้
  นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ พระอรหันต์แบบสุขวิปัสสโก ที่ท่่านไม่มีญาณ(อ่านว่า ยาน)(สภาวะรู้ เครื่องรู้)อย่างอื่น นอกจาก อาสวักขยญาณ(ญาณทำให้หมดกิเลส พ้นทุกข์)(ท่านทำวิปัสสนาโดยไม่ได้สมถะฌาน(อ่านว่า ชาน)มาก่อน หรือไม่ได้วิชชา 3 หรืออภิญญา 6 หรือ ปฏิสัมภิทาญาณ)
  ท่านไม่เห็นนรกสวรรค์ แตท่านเห็นความจริงว่า สิ่งทั้งหลาย(รวมกาย และจิต) ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ควรยึดถือ ท่านก็พ้นทุกข์ใจทั้งสิ้นในชาติปัจจุบัน)
  
  
  -- ส่วนความเชื่อเรื่องสวรรค์ นรก แม้ไม่เชื่อก็สามารถปฏิบัติธรรม(สมถกรรมฐาน(สมาธิ) วิปัสสนากรรมฐาน(การเพ่งเห็นความเกิดดับของรูปหรือนามจนเป็นสมาธิแบบเห็นความเกิดดับ ไม่ใช่แบบนิ่งสมถะ)ได้
  พอปฏิบัติธรรม ได้ฌาน หรือ อภิญญา ก็จะรู้เองเห็นเอง ไม่ต้องเชื่อใครอีก
  ใครจะบอกว่ามีหรือไม่มี ก็ไม่สับสนเพราะจะรู้เองเห็นเอง
  
  <!--MsgEdited=36-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 08:10:29[/SIZE] <!--MsgFile=36-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=36-->วงกลม - [ <!--MsgTime=36-->4 มิ.ย. 52 08:08:18 <!--MsgIP=36-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=36--><!--MsgIDTop=37-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224422 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow37=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 37 <!--InformVote=37--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[37], 37);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(37)"> <!--EcardManage=37--><!--EcardSend=37-->
  
  <!--MsgIDBody=37-->ปล. ผู้นับถือพระพุทธศาสนาที่้ยังไม่บรรลุธรรม ก็ยังชื่อว่าเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ(แบบปรมัตถ์ แม้มีความเห็นถูกแบบโลก)อยู่(เพราะแม้จะเชื่อว่าไม่มีสัตว์บุคคล แต่ไม่ได้เห็นความจริง จนจิตยอมรับ เพียงแต่เืชื่อเพราะได้ฟังและคิดพิจารณา(สุตมยปัยญา จินตมยปัญญา) ยังไม่รู้เพราะเห็นจริง(ภาวนามยปัญญา) จิตจึงยังไม่ได้ละความเห็นผิดจริงๆยังรู้สึกเป็นตัวตนอยู่ แม้นึกได้บางเวลา ก็รู้แล้วลืมตัว รู้แล้วลืมตัว) <!--MsgEdited=37-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 08:17:07[/SIZE] <!--MsgFile=37-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=37-->วงกลม - [ <!--MsgTime=37-->4 มิ.ย. 52 08:14:59 <!--MsgIP=37-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=37--><!--MsgIDTop=38-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow38=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 38 <!--InformVote=38--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[38], 38);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(38)"> <!--EcardManage=38--><!--EcardSend=38-->
  
  <!--MsgIDBody=38-->#31
  ไม่ทราบเหมือนกัน และมันอยู่ในเรื่องอจินไตย (ไม่ควรคิด) ถึงรู้ไปก็ ไม่ได้ทำหลุดพ้นจากกิเลส
  
  แต่พอมีหลักธรรมที่พอจะอธิบายได้คร่าวๆอยู่เหมือนกัน
  
  ปฏิจสมุปบาท
  
  เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
  เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
  เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
  เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
  เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
  เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
  เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
  เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี
  เพราะอุปทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
  เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
  เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
  ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม <!--MsgFile=38-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=38-->locomotion - [ <!--MsgTime=38-->4 มิ.ย. 52 08:39:29 <!--MsgIP=38-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=38--><!--MsgIDTop=39-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow39=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 39 <!--InformVote=39--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[39], 39);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(39)"> <!--EcardManage=39--><!--EcardSend=39-->
  
  <!--MsgIDBody=39-->ถ้าใครจะปฏิเสธว่า นรก สวรรค์ หลังความตายไม่มี
  อยู่จริง ก็ต้องถามว่า แล้วคุณเคยฝันดี หรือฝันร้ายใน
  ชีวิตนี้ ในชาตินี้มาบ้างหรือไม่ แล้วลองนึกดูว่าถ้าหากจะ
  มีฝันร้ายหลังความตาย โดยที่ไม่มีร่างกายจะให้ตื่นจะทำ
  อย่างไร หือ…
  หรือใครไม่เชื่อ แน่จริงก็ลองอธิษฐานดูเลยว่า “ข้าพเจ้า
  ไม่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริง ข้าพเจ้าไม่เชื่อ ว่านรก
  สวรรค์มีจริง และถ้านรกสวรรค์มีอยู่จริง ข้าพเจ้าขอ
  ให้หลังจากที่ข้าพเจ้าตายไปแล้ว ขอข้าพเจ้าจงไปสู่
  ฝันร้าย หรือนรกตลอดกาล” กล้าพอไหมล่ะ อธิษฐาน
  ดูสิ ถ้าท่านปฏิเสธนรก สวรรค์ก็ขอให้อธิษฐานแบบนี้
  ไปเลย ว่าถ้ามีจริง ก็ขอให้ข้าพเจ้าตกนรกไปเลย เอ้า
  คุณกล้าพอมั้ย
  
  ในเมื่อความจริงก็คือความจริง เพราะจิตมนุษย์ทุกคน
  ล้วนเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น จึงกลัวและพยายามปฏิเสธ…
  ที่ไม่ยอมเชื่อ ก็เพราะแอบคิดไปว่า ถ้าหากเราไม่เชื่อ
  มันอาจจะไม่มีสำหรับเราก็ได้… แต่ขอโทษ… เมื่อทำเหตุไว้
  ผลย่อมปรากฏ <!--MsgFile=39-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=39-->Yogi Playgirl - [ <!--MsgTime=39-->4 มิ.ย. 52 09:50:13 <!--MsgIP=39-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=39--><!--MsgIDTop=40-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow40=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 40 <!--InformVote=40--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[40], 40);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(40)"> <!--EcardManage=40--><!--EcardSend=40-->
  
  <!--MsgIDBody=40-->ผมจะพูดอะไรบางอย่างให้ จขกท ลองทำดูนะครับ
  
  ถ้าคุณมั่นใจว่าตายแล้วสูญไปเลยจริงๆ ทำไมคุณไม่รีบๆตายไปเลยหละครับ คุณอยู่ไปทำไม ???
  +พ่อ-แม่ ก็ไม่ต้องดูแลหรอก ตายไปแล้วก็สูญใครสูญมัน
  +ลูก-เมีย ไปห่วงมันทำไม ตายแล้วก็ต่างคนก็ต่างสูญ
  +อยากอยู่ดูนั่นนี่ อยากทำไม อยากแล้วไม่ได้ก็ทุกข์ ทุกข์ขนาดนี้ ถ้าตายแล้วสูญอยู่ไปทำไม ???
  
  จริงๆแล้ว ลึกๆแล้ว คุณไม่ได้เชื่ออย่างนั้นหรอก ถ้าคุณเชื่อจริง คุณต้องกล้าตาย เดียวนี้เลย ถ้าไม่กล้า คุณก็ยังมีบางสิ่งที่กำหนดความเป็นตัวตนของคุณอยู่ ซึ่งเป็นนามธรรม แล้วมั่นใจได้ยังไงว่าสิ่งนั้นมันหายไปจริงๆเมื่อตายแล้ว ???
  
  
  ส่วนเรื่อง
  "อีกสิ่งที่สงสัยคือถ้าเราต้องเวียนว่ายตายเกิดจริง จำนวนประชากรในระบบ (สามโลก หรืออะไรที่มี) ก็ต้องมีจำนวนที่คงที่แน่นอนใช่มั๊ยครับ แล้วประชากรจพนวนนี้มาจากไหน"
  อันนี้เกิดจากจินตนาการของคุณเอง การอธิบายภพภูมิ การเกิดการตายในคติของศาสนาพุทธ มีอยู่แล้ว และสมบูรณ์แบบมาก ถ้าคุณได้ศึกษาจริง คุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณคิดขึ้นมาเองนั้นไม่ตรงตามที่มีในคติทางพุทธ "แล้วคุณจะใช้สมมติฐานนั้นมาแย้งเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้"
  
  อันนี้ผมไม่ได้ว่าคุณคนเดียวนะ แต่มันเป็นความ "อ่อน" ของสังคมบ้านเรา สังคมที่พยายามสะกดจิตตัวเองว่าเป็นวิทยาศาสตร์อย่างนั้นอย่างนี้แต่กระบวนการคิด กระบวนการทำงาน การกระทำและผลของการกระทำกลับตรงกันข้าม สิ่งที่คุณขาดไปคือการทำ literature review ของเรื่องใดๆให้ถึงขั้นวิกฤต ก่อนที่จะสรุปออกมาเป็นองค์ความรู้สำหรับตัวเอง คนไทยอ่อนมากในเรื่องนี้ คือ ก่อนที่คุณจะออกความเห็นตามใน คคห 12 นั้น คุณต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนว่า รายละเอียดที่แท้จริงของการเวียนว่ายตายเกิดที่กล่าวในตำราพุทธ เป็นอย่างไร
  
  ออกทะเลไปนิดหนึ่ง แต่น่าจะเป็นประโยชน์กับ จขกท ขออำไพ <!--MsgFile=40-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=40-->AnotherPractitioner - [ <!--MsgTime=40-->4 มิ.ย. 52 11:35:35 <!--MsgIP=40-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=40--><!--MsgIDTop=41-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow41=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 41 <!--InformVote=41--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[41], 41);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(41)"> <!--EcardManage=41--><!--EcardSend=41-->
  
  <!--MsgIDBody=41-->"แล้วคุณเคยฝันดี หรือฝันร้ายในชีวิตนี้ ในชาตินี้มาบ้างหรือไม่ แล้วลองนึกดูว่าถ้าหากจะมีฝันร้ายหลังความตาย โดยที่ไม่มีร่างกายจะให้ตื่นจะทำ
  อย่างไร"
  
  อย่างนี้นึกออกครับ เพราะงั้นมันก็อยู่ที่จิตเรา ใจเราใช่มั๊ยครับ
  
  “ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริง ข้าพเจ้าไม่เชื่อ ว่านรกสวรรค์มีจริง และถ้านรกสวรรค์มีอยู่จริง ข้าพเจ้าขอให้หลังจากที่ข้าพเจ้าตายไปแล้ว ขอข้าพเจ้าจงไปสู่ฝันร้าย หรือนรกตลอดกาล"
  
  ขอบคุณมากครับ
  ผมกล้านะผมขออธิษฐานตอนนี้เลยละกัน แต่การอธิษฐานมันจะนำผมไปได้จริงๆหรือครับ ถ้าได้ เราน่าจะอธิษฐานอย่างอื่นที่มันดีดีไม่ดีกว่าเหรอครับ
  
  ณ ตอนนี้หลังจากที่อ่านคำตอบมาจากหลายๆท่านผมเริ่มยิ่งไม่สนใจแล้วว่ามันมีหรือไม่มี จากที่อ่านมาดูแล้วมันมีประโยชน์เพียงแค่เป็นสิ่งจูงใจเท่านั้นเองซึ่งไม่จำเป็นสำหรับผมเท่าไหร่ ซึ่งผมอาจจะมีอะไรสักอย่างมาปิดกั้นความคิดทำให้ไม่มีโอกาสพอที่จะเห็นประโยชน์อย่างอื่นของมันตอนนี้แต่ช่างมันเถอะครับผมจะพยายามลองทำตามคำแนะนำของท่านทั้งหลายดู ไม่ใช่เพื่อรู้ว่ามันมีหรือไม่มีนะครับ แต่เพื่อเป้าหมายของพุทธศาสนาจริงๆ(ซึ่งต้องพยายามต่อไป) <!--MsgFile=41-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=41-->omaizo - [ <!--MsgTime=41-->4 มิ.ย. 52 11:46:32 <!--MsgIP=41-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=41--><!--MsgIDTop=42-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224444 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow42=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 42 <!--InformVote=42--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[42], 42);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(42)"> <!--EcardManage=42--><!--EcardSend=42-->
  
  <!--MsgIDBody=42-->จากที่อ่านๆมานั้น
  หากคุณ omaizo จะคิดจนกระทั่งได้คำตอบทุกอย่าง ถึงค่อยปฏิบัติ
  เป็นไปไม่ได้นะครับ
  
  เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมา จะเป็น "ผลลัพธ์ของความคิด" หรือ "สัญญา" นั่นเอง
  ไม่ใช่ปัญญาในศาสนาพุทธ ซึ่งเกิดจากการเห็นและรู้ตามความเป็นจริงนะครับ
  
  เจริญสติเข้าเถิดครับ แล้วคุณ omaizo จะได้คำตอบทุกอย่างตัวตนเอง
  แต่ต้องให้ถูกทางนะครับ
  
  อ่านดูในพระไตรปิฎกนะครับ
  
  หากสงสัยว่าเป็นอย่างไร หรือเข้าใจได้ยาก
  ลองโหลดไฟล์ตาม link คห.5 มาฟังดูครับ
  
  =========================================
  ท่านผู้อ่านนั่งหลังตรงหรือไม่ หายใจออกหรือเข้า สั้นหรือยาวครับ?
  ========================================= <!--MsgFile=42-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=42-->Maxymillion (Maxymillion) - [ <!--MsgTime=42-->4 มิ.ย. 52 11:51:28 <!--MsgIP=42-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=42--><!--MsgIDTop=43-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow43=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 43 <!--InformVote=43--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[43], 43);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(43)"> <!--EcardManage=43--><!--EcardSend=43-->
  
  <!--MsgIDBody=43-->คห. 40 ก็ที่ผมยังไม่ตายก็เพราะคิดว่าตายไปแล้วสูญไงครับ ชีวิตนี้ผมยังสนุกไม่พอเลย ถ้าตายไปแล้วไม่สูญนี่ผมจะดีใจมากเลยนะครับเพราะตายไปแล้วก็ยังได้เกิดมาอีก ผมมองอย่างคนที่ไม่ได้เข้าถึงอะไรมากนักนะครับอาจจะเด็กๆสำหรับคุณ คือผมว่าที่เราเกิดมาเนี่ยไม่ใช่ว่าจะเจอความทุกข์ไปซะทุกวัน ถ้าเราใช้ชีวิตให้มันมีความสุขมันก็เป็นสุข(อาจจะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงตามหลักพระพุทธ) แต่ผมไม่รู้ว่าอะไรมันจริงอะไรไม่จริง ไม่รู้ว่าที่จริงมันมีมั๊ย หรือว่ามันไม่มี ซึ่งผมก็อยากรู้ก็เท่านั้น
  
  อีกอย่างที่ผมยังไม่ยอมตายเพราะผมยังมีโอกาสได้ทำประโยชน์ให้กับโลกอยู่ครับถึงแม้ผมจะต้องตายแล้วสูญแต่สิ่งที่ผมจะทำต่อไปมันอาจจะยังมีประโยชน์ให้สังคม (ซึ่งจะยังมีอยู่ต่อไปหลังจากผมตายแน่นอนแต่ไม่รู้จะมีอีกนานเท่าไหร่) เพราะงั้นผมจึงคิดว่าผมยังไม่ควรตาย
  
  "อีกสิ่งที่สงสัยคือถ้าเราต้องเวียนว่ายตายเกิดจริง จำนวนประชากรในระบบ (สามโลก หรืออะไรที่มี) ก็ต้องมีจำนวนที่คงที่แน่นอนใช่มั๊ยครับ แล้วประชากรจพนวนนี้มาจากไหน"
  อันนี้เกิดจากจินตนาการของคุณเอง การอธิบายภพภูมิ การเกิดการตายในคติของศาสนาพุทธ มีอยู่แล้ว และสมบูรณ์แบบมาก ถ้าคุณได้ศึกษาจริง คุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณคิดขึ้นมาเองนั้นไม่ตรงตามที่มีในคติทางพุทธ "แล้วคุณจะใช้สมมติฐานนั้นมาแย้งเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้"
  << นั่นน่ะสิครับผมก็คิดว่าต้องมีคำอธิบายอยู่แล้วแต่ผมไม่ทราบไงครับผมจึงนำมาถามเพื่อหาคำอธิบาย ไม่ใช่เป็นการนำสมมติฐานมาแย้งอย่างไร เป็นการถามครับ ซึ่งการถามนี้ผมไม่แน่ใจว่ามัน เป็นการทำ literature review หรือเปล่า ถ้าคุณจะกรุณาช่วยอธิบายให้เข้าใจง่ายๆหน่อยก็ดีนะครับว่าที่ผมถามมันมีคำอธิบายว่าอะไร <!--MsgFile=43-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=43-->omaizo - [ <!--MsgTime=43-->4 มิ.ย. 52 12:17:41 <!--MsgIP=43-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=43--><!--MsgIDTop=44-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow44=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 44 <!--InformVote=44--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[44], 44);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(44)"> <!--EcardManage=44--><!--EcardSend=44-->
  
  <!--MsgIDBody=44-->.....อีกสิ่งที่สงสัยคือถ้าเราต้องเวียนว่ายตายเกิดจริง จำนวนประชากรในระบบ (สามโลก หรืออะไรที่มี) ก็ต้องมีจำนวนที่คงที่แน่นอนใช่มั๊ยครับ แล้วประชากรจพนวนนี้มาจากไหน
  
  .......อีกข้อนึง ถ้าเราเกิดมาเพราะกรรมจริงๆ แล้วชาติแรกที่เราเกิดมา เราเอากรรมมาจากไหน ......... คห. 19 นั่นแหละครับ ประชากรที่ผมหมายถึงประชากรในระบบ(รวมทุกอย่างที่คุณว่ามา) ถ้าเราต้องไปเวียนว่ายตายเกิดจริงๆ ก็ต้องมีประชากรที่คงที่ใช่มั๊ยครับ แล้วพวกเรามาจากไหน ......... คห. 29 ถ้าเป็นเพราะกรรมแล้วตอนแรกเรามาจากไหน แรกสุดของแต่ละคนน่ะครับ (ผมถามประมาณนี้กับหลายคนแล้วโดนด่าทุกที แต่ไม่มีเจตนากวนนะครับ ผมสงสัยจริงๆ )
  คำถามข้างบนนี้อาจพอคลี่คลายได้บ้าง ถ้าหาอ่านจากอัคคัญสูตร...เป็นเรื่องที่กล่าวถึงการกำเนิดมนุษย์หลังจากโลกพินาศไปแต่ละรอบ...คร่าวๆ.... มีง้วนดินที่มีกลิ่นหอมเกิดขึ้น..อาภัสสรพรหมลงมากิน เกิดกายที่หยาบขึ้น เกิดเหยียดหยามเรื่องผิวพรรณระหว่างกัน เนื่องจากการสะสม ปกป้อง วิวาท ทำให้ทรัพย์คือง้วนดินด้อยค่าลงเรื่อยๆจนเป็นข้าวที่ต้องลงแรงปลูกเอาเองในปัจจุบัน....เมื่อเสื่อมต่อไปเรื่อยๆอาหารจะเหลือเพียงหญาชนิดหนึ่ง...และในที่สุดโลกก็แตกดับอีกรอบ
  ถ้าตอบแบบวิทยาสาสตร์บวกกับพระสูตร ... ในธรรมชาติมีธาตุอยู่ตามตารางธาตุบวกกับที่ยังไม่รู้....หนึ่งในนั้นอาจเป็นธาตุรู้ หรือพลังงานประเภทหนึ่ง เมื่อพร้อมด้วยเหตุปัจจัยที่เหมาะสมผสมปนเปก่อกำเนิดเป็น นำ หิน ดิน เพชร พลอย คน วัตถุที่ไม่มีชีวิตทั้งหลายก็มีพลังงานเป็นส่วนประกอบ คนก็มีพลังงาน หรือธาตุรู้เป็นองค์ประกอบ เบื่องต้นก็ยังไม่มีกรรมระหว่างกัน แต่เมื่อมีการให้ค่า ดูถูกเหยียดหยาม กักตุน ปกป้อง จึงมีกรรมระหว่างกัน และธรรมชาติของธาตุรู้สามารถสะสมพลังงาน(กรรม)นี้ไว้ได้ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีองค์ปรกอบเหล่านี้ไม่เท่ากัน หากพลังงานกรรมนี้เพิ่มมากขึ้น จนไม่สามารถอยู่ในสถานะมนุษย์ได้ ก็ไปเกิดเป็นสัตว์ซึ่งเป็นสถาณะที่ปลดปล่อยพลังงานกรรม(เช่นใครชอบกินมากอย่างไม่คำนึงศีลธรรมที่มาทีไปความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ก็ไปเกิดเป็นหนอนในส้วมให้กินจนหายอยาก) และสร้างกรรมใหม่ได้น้อย เมื่อพลังงานกรรมน้อยลงก็กลับมาเกิดเป็นคนได้ หากลดพลังงานกรรมนี้ลงเรื่อยๆ(วัตรปฎิบัติทางกายจิตของพระ)ก็กลับคืนสู่พลังงานธรรมชาติ..พลังงานที่เป็นรากฐานของธาตุรู้อีกชั้นหนึ่ง...จะเรียกว่านิพพานก็คงได้ เป็นทฤษฎีฝากไว้สำหรับผู้ที่ชอบใช้เหตุใช้ผลในการพิจารณา <!--MsgFile=44-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=44-->POKAN - [ <!--MsgTime=44-->4 มิ.ย. 52 12:37:59 <!--MsgIP=44-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=44--><!--MsgIDTop=45-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow45=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 45 <!--InformVote=45--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[45], 45);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(45)"> <!--EcardManage=45--><!--EcardSend=45-->
  
  <!--MsgIDBody=45-->พุทธศาสนาไม่ใช้ความเชื่อนำนะครับ
  เพราะฉะนั้นอะไรที่เชื่อลงไปเลยไม่ใช่หลักของพุทธ
  เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเชื่อ ก็เป็นการขัดหลักพุทธแล้วครับ
  พุทธศาสนาวางความเชื่อแบบกาลามสูตรครับ
  พุทธที่แท้ไม่ได้สนใจอดีตหรืออนาคตนะครับ
  สนใจแค่เพียงปัจจุบันเท่านั้น
  หรือเรียกว่าสนใจเฉพาะขณะจิตสัมผัสไม่ให้ก่อเกิดทุกข์ <!--MsgFile=45-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=45-->mwmvdoc - [ <!--MsgTime=45-->4 มิ.ย. 52 13:03:06 <!--MsgIP=45-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=45--><!--MsgIDTop=46-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow46=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 46 <!--InformVote=46--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[46], 46);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(46)"> <!--EcardManage=46--><!--EcardSend=46-->
  
  <!--MsgIDBody=46-->ขออภัยครับที่ต้องตอบว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ(การเห็นผิด)
  
  ประการแรก หากคุณเห็นว่าตายแล้วสูญ และทุกคนในโลกก็เห็นอย่างคุณ ผลคือ ทุกคนจะทำแต่ความชั่ว เพราะไม่มีผลสืบเนื่องใดๆ ต่อความชั่วที่ทำนั้น
  
  ประการที่สอง กรรมที่คุณเข้าใจนั้นอาจเห็นเป็นสิ่งใหญ่ เช่น การชก การขโมย การโกหก การตักบาตร การให้ทาน แต่แท้ที่จริง แม้การหายใจ การกระพริบตา การอิจฉา การยินดี ก็เป็นกรรม ซึ่งเป็นเครื่องผูกพันแล้วครับ
  
  ประการที่สาม หากคุณคิดว่าการตายแล้วสูญ คุณควรคิดด้วยว่าคุณเกิดมาด้วยอะไร คุณจะไม่พบคำตอบ
  
  ประการที่สี่ โปรดมองปัญหาตามความเป็นจริง แล้วคุณจะพบทางออก บางอย่างเรามองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ เช่นคนตาบอดแต่กำเนิดไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ได้ แต่เขารู้ว่าตอนนั้นเป็นกลางวัน ซึ่งเขาจะไม่เชื่ออย่างนั้นก็ได้เหมือนคุณ(ไม่ได้ว่าคุณตาบอดนะ ขออภัย)
  
  ประการสุดท้ายเรื่องอจิณไตย โปรดอย่าคิดให้วกวน มันไม่เกิดประโยชน์ เช่นอะไรเกิดมาก่อน จักรวาลกว้างเพียงใด เพราะมันไม่มีผลกระทบกับเรา <!--MsgFile=46-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=46-->-VVV- RESISTER - [ <!--MsgTime=46-->4 มิ.ย. 52 16:45:39 <!--MsgIP=46-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=46--><!--MsgIDTop=47-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#444422 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow47=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 47 <!--InformVote=47--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[47], 47);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(47)"> <!--EcardManage=47--><!--EcardSend=47-->
  
  <!--MsgIDBody=47-->คุณ omaizo เป็นพวกขี้สงสัย
  สงสัยว่าชาติก่อน ชาตืหน้ามีจริงไหม
  นรก สวรรค์ ฯลฯ มีจริงไหม
  
  
  คล้ายกับลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำเลย
  ที่ส่วนมากเป็นพวกขี้สงสัยเรื่องพวกนี้ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
  หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเลยสอนมโนมยิทธิก่อน
  ให้ไปดูกันเอง พอเชื่อแล้วเห็นเองแล้ว ก็หายสงสัย
  
  ตั้งใจปฏิบัติธรรม ปฏิบัติมหาสติปัฏฐานสูตรต่อไป
  
  
  อิ อิ
  
  
  สนใจจะมาฝึกมโนมยิทธิ
  เพื่อไปพิสูจน์ด้วยตัวเองบ้างไหมคับ ^ ^ <!--MsgFile=47-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=47-->Radiant, Archangel - [ <!--MsgTime=47-->4 มิ.ย. 52 17:46:20 <!--MsgIP=47-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=47--><!--MsgIDTop=48-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow48=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 48 <!--InformVote=48--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[48], 48);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(48)"> <!--EcardManage=48--><!--EcardSend=48-->
  
  <!--MsgIDBody=48-->ถ้าผมเชื่อว่าตายแล้วสูญนี่ขัดกับศาสนาพุทธมั๊ยครับ ?
  --------------------------------------------------
  อืม...ก็ตอบได้หลายสไตล์นะ
  จะว่าขัดก็ได้ ไม่ขัดก็ได้
  มันแล้วแต่ว่า ใครเป็นคนตอบ
  ถ้าไปถามพวกศรัทธาจริตชนผู้เปี่ยมล้น
  ก็อย่างที่เห็น ๆ นั่นแหล่ะ ว่าคำตอบจะเป็นไง
  จขกท. ยังจะมา โยนหินถามทาง ให้เจ็บตัวอีกแฮะ อิอิ
  
  ตายแล้วสูญหรือไม่ ถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะ
  อจินไตย มันถึง บอกว่า รู้แล้วได้อะไร ไม่รู้แล้วได้อะไร ?
  เปลี่ยนคำถามดีป่ะ ว่า ระหว่างที่ ยังไม่ตาย ไม่สูญ
  คุณจะทำอะไรบ้าง เพื่อขัดเกลาอัตตาตัวเองให้มันสึกกร่อน ?
  
  เฮ้อ เมื่อก่อนอิฉันก็สงสัยเหมือนคุณนะ
  เรื่อง นรกสวรรค์ น่ะประมาณ ป.4-ป.5 มั้ง
  นั่งฟังพวกผู้ใหญ่ ยกเอานรกสวรรค์มาพล่าม เอ๊ย มาขู่บ่อย ๆ
  ก็เลยนึกเซ็ง แอบ เถียงในใจว่า
  นรกแต่ละศาสนาไม่เหมือนกันเลยวุ๊ย
  งั้นถ้าตูไม่นับถือศาสนา ตูก็ไม่ต้องตกนรก น่ะดิ ?
  
  นรกสวรรค์ มันก็แค่ แคมเปญ เอ๊ย อุบายทางธรรม
  ของบรรดาพุทธบริษัท 4 ในการระดมทุน เอ๊ย ระดมมวลชน เท่านั้นแหล่ะ
  คุณก็นั่งฟังเล่น ๆ เป็นนิทานก่อนนอน ก็พอ อย่าไปใส่ใจนักเลยจ้า
  
  
  
  
  ก็เลยเกิดสงสัยว่าอะไรคือหลักในพุทธศาสนากันแน่ ?
  ผมเชื่อในกรรมนะครับ แต่กรรมในความคิดผมคือ
  เมื่อตั้งใจเรียนก็จะเรียนรู้เรื่อง เมื่อโดนตีก็จะเจ็บ
  --------------------------------------------------
  หลักปฏิบัติของพุทธ ศีล สมาธิ ภวนา มั้ง
  ก็คงทำไปเพื่อ หาทางพ้นทุกข์ นั่นแหล่ะ
  ที่เจ้าชายสิทธัตถะหนีเมียไปออกบวช
  เพื่อค้นหา แนวทางพ้นทุกข์ นี่นะ
  สุดท้าย สติปัฏฐาน 4 กับ มรรค 8
  ถึงได้ถูกนำมาเลคเชอร์ให้เหล่าสาวกฟังไง
  
  
  อิฉันก็เชื่อในกรรมนิยาม เหมือนกัน ว่า
  กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
  สัตว์โลกทุกตัวย่อมเป็นไปตามกรรมที่มันได้กระทำไว้
  
  แต่อิฉัน ไม่ได้มองเฉพาะ
  ตั้งใจเรียนก็จะเรียนรู้เรื่อง เมื่อโดนตีก็จะเจ็บ
  อิฉันมองว่า
  อะไรคือเหตุปัจจัยให้ตั้งใจเรียน ตัณหา (ความอยาก)ใช่ไหม ?
  แล้วทำไมบางคนตั้งใจเรียนแทบตาย ก็ยังไม่รู้เรื่อง
  วิบากใช่ไหม ? แล้ววิบากนั้นเกิดจากอะไร ?
  
  และเมื่อโดนตี ก็จะเจ็บ แล้วเมื่อณเกิดเวทนา (เจ็บ) นั้น
  อิฉันได้ปรุงแต่งว่ามันคือทุกข์ไหม ?
  
  อืม... เคยอ่าน จาก
  หนังสือ เกิดเพราะกรรม หรือ ความซวย
  ของ ทพ.สม สุจิรา เค้าบอกว่า
  
  " การตอบสนองของมนุษย์แต่ละคน
  ต่อ ผัสสะที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน
  การตอบสนองที่ต่างกัน นี่เอง
  ที่ทำให้ มนุษย์แต่ละคน มีวิถีแห่งชีวิตที่แตกต่างกัน
  ทุกคนมีชีวิตอยู่ในธรรมชาติเดียวกัน
  แต่วิธีการตอบสนองของมนุษย์แต่ละคน
  ที่มีต่อธรรมชาติต่างหาก คือ ลิขิตแห่งชีวิต "
  
  คำพูดนี้ เข้ากับคำว่า
  มโนปุพพํคมา มโนมยา มโนเศรษฐา ได้เป็นอย่างดี
  ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ
  นั่นแหล่ะ มโนกรรม
  นั่นแหล่ะ ปัจจุบันกรรม ที่ลิขิตชีวิต ณ ขณะนั้นของคุณ
  
  
  
  
  
  แล้วอย่างนี้ผมได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธมั๊ยครับ
  ---------------------------------------------
  แล้วคุณ อยาก เป็นไหมล่ะ ?
  ถ้าคุณอยากเป็น อิฉันจะตอบเอาใจคุณว่า
  คุณน่ะ เป็น อุบาสก พุทธสาวกตัวอย่างเลยทีเดียว (จริ๊ง จริง)
  
  แต่หากคุณไม่อยากเป็นเจ้าสิ่งสมมุติ ที่เรียกว่า ชาวพุทธ
  อิฉันก็จะบอกคุณว่า อย่ากังวลไปเลย คุณมิใช่ ชาวพุทธชัวร์
  ดังนั้น พุทธโดยทะเบียนบ้าน อย่างอิฉัน ขอเสนอ แคมเปญ
  "มามะเรามาเลิกนับถือพุทธกันเหอะ ถือมั่ก ๆ มันเมื่อย นะจ๊ะ "
  ให้คุณพิจารณา ว่า ชอบ โปรโมรชั่น นี้ไหม
  
  แต่สุดท้าย คำตอบที่เยียวยา อัตตา คุณได้มากที่สุด
  คือ คำตอบที่ถูกจริต ของคุณ
  ไม่สำคัญว่า คุณจะเป็นชาวพุทธที่แท้ จริงไหม ?
  ไม่สำคัญว่า ใครจะมองว่า คุณคือ อุบาสก ตัวอย่าง
  สิ่งสำคัญ มันอยู่ที่ คุณ...รู้สึก...
  ว่า คุณเป็นชาวพุทธจริง ๆ หรือเปล่าต่างหาก ^ - ^
  
  
  ตัวตนจริง ๆ ของอิฉันเองก็ไม่ได้แบก
  คำว่า พุทธสาวก ไว้บนหัวหรอกนะ
  ก็แค่จับพลัดจับผลู ได้ความเป็นพุทธโดยกำเนิด
  ตอนที่แม่เบ่งให้เกิดมาแค่นั้นแหล่ะ
  นี่ก็ยังอยากแขวนป้ายที่คอ ครองสถานะ คนไม่มีศานา อยู่เล๊ย คุณ
  
  แต่ที่ อิฉันถู่ลู่ถูกัง ถือศีล 5
  ก็เพราะขี้เกียจเบียดเบียนชาวบ้าน รู้สึกไม่ดีที่จะทำอย่างนั้น
  เพราะอยากฝึกความเข็มแข็งของจิต ในการตอบสนองต่อความอยาก
  
  ที่ทำสมาธิเ และ ภวนา
  รวมทั้ง ทดลองใช้ สติปัฏฐาน 4
  ในการตามดูรู้ทั้นจิต
  และเรียนรู้กลไกการทำงานของ อุปทานขันทั้ง 5
  ก็เพราะว่า อิฉันต้องการยกระดับของสภาวะจิตของตัวเอง
  เพราะอิฉันคิดว่า สิ่งเหล่านี้ มันช่วยทำให้อิฉัน บรรลุเป้าหมายได้
  
  มันก็แค่นั้น แหล่ะ
  ไม่จำเป็น ต้องมีโปรโมรชั่น เรื่อง นรก สวรรค์
  ไม่จำเป็น ต้องมีคำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มาเเป็นเหยื่อล่อ
  อิฉันก็ยังพอใจที่จะปฏิบัติต่อไป
  
  
  คุณเองก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ
  ลองคุ้ย ๆ ดูในตะกร้าสามใบ ดูดิ
  ถ้าเห็นว่า อะไรเข้าท่า น่านำไปใช้ประโยชน์ก็ลองทำดูสิ
  ส่วนอันไหนที่มันเหมือน มะกอกเน่า ๆ
  เราก็เขี่ยมันทิ้งก็ได้นี่หน่า
  อย่าไปใส่ใจกับ ขี้ปากชาวบ้านนักเลยจ้า
  
  
  
  อ่ะอันนี้แถม คำพูดในบทสัมภาษณ์ ของ ท่าน โกเอนก้า อ่ะ
  
  
  
  ลองอ่านดูเผื่อจะเห็นมุมมอง อีกแง่ ในการปฏิบัติอ่ะ
  
  
  . <!--MsgFile=48-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=48-->เทวทัตแฟนคลับขนานแท้-ดั้งเดิม! (นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5) - [ <!--MsgTime=48-->4 มิ.ย. 52 18:50:32 <!--MsgIP=48-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=48--><!--MsgIDTop=49-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow49=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 49 <!--InformVote=49--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[49], 49);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(49)"> <!--EcardManage=49--><!--EcardSend=49-->
  
  <!--MsgIDBody=49-->' <!--MsgFile=49-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=49-->โอสถกัลป์ - [ <!--MsgTime=49-->4 มิ.ย. 52 21:14:26 <!--MsgIP=49-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=49--><!--MsgIDTop=50-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow50=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 50 <!--InformVote=50--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[50], 50);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(50)"> <!--EcardManage=50--><!--EcardSend=50-->
  
  <!--MsgIDBody=50-->คห. 46 "ประการแรก หากคุณเห็นว่าตายแล้วสูญ และทุกคนในโลกก็เห็นอย่างคุณ ผลคือ ทุกคนจะทำแต่ความชั่ว เพราะไม่มีผลสืบเนื่องใดๆ ต่อความชั่วที่ทำนั้น" <<< ผมว่าใช้ตรรกะอย่างนี้มันก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ อย่างน้อยผมคนนึงแหละที่ ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ทำชั่วนะครับ
  
  "ประการสุดท้ายเรื่องอจิณไตย โปรดอย่าคิดให้วกวน มันไม่เกิดประโยชน์ เช่นอะไรเกิดมาก่อน จักรวาลกว้างเพียงใด เพราะมันไม่มีผลกระทบกับเรา" <<<<ครับผม ได้ฟังอย่างนี้ผมยิ่งสรุปได้ว่ามันไม่สำคัญว่ามีหรือไม่มีผมแค่ปฏิบัติตัวตามธรรมชาติของผมไปถึงแม้จะไปได้ไม่ถึงปลายทางที่สูงที่สุดก็ไม่เป็นไร
  
  
  คห. 47 <<< ใช่เลยครับผมเป็นพวกขี้สงสัยจริงๆ อีกทั้งยังไม่เชื่ออะไรง่ายๆด้วย (ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าหัวดื้อได้หรือเปล่า) ตอนนี้ผมชักอยากลอง มโนมยิทธิ แล้วสิครับไม่รู้ว่าต้องเริ่มอย่างไร พอแนะนำได้มั๊ยครับ แต่ไม่รู้ว่าความหัวดื้อของผมจะเป็นอุปสรรคมากหรือเปล่า
  
  คห. 48 "ก็อย่างที่เห็น ๆ นั่นแหล่ะ ว่าคำตอบจะเป็นไง จขกท. ยังจะมา โยนหินถามทาง ให้เจ็บตัวอีกแฮะ อิอิ"<<<<< ไม่เป็นไรครับเจ็บตัวแต่ก็ได้ความรู้มาเปิดมุมมองใหม่ๆให้ผมแฮะๆ อยากฟังแนวคิดอีกทางที่ต่างดูบ้างน่ะครับ
  
  "นรกสวรรค์ มันก็แค่ แคมเปญ เอ๊ย อุบายทางธรรม
  ของบรรดาพุทธบริษัท 4 ในการระดมทุน เอ๊ย ระดมมวลชน เท่านั้นแหล่ะ
  คุณก็นั่งฟังเล่น ๆ เป็นนิทานก่อนนอน ก็พอ อย่าไปใส่ใจนักเลยจ้า"<<<<< นี่แหละครับที่ผมคิด จึงมาตั้งถามว่ามันเป็นแค่นั้นจริงๆใช่มั๊ย เผื่อว่ามันมีประโยชน์อย่างอื่นผมจะได้มองเห็นและใส่ใจกับมันมากกว่านี้ (แต่ตอนนี้ยังไมเห็นประโยชน์เพิ่มเลย)
  
  
  แล้วคุณ อยาก เป็นไหมล่ะ ? <<<< อืม ผมไม่เคยคิดถามตัวเองข้อนี้เลย มานั่งคิดๆดู มันไม่สำคัญเลยนะครับว่าผมจะเป็นอะไร หรือถูกเรียกว่าอะไร มันแค่ว่า ผมกำลังทำอะไรเพื่ออะไรมากกว่า (คงจะเป็นอย่างนั้น)
  
  รู้สึกว่าคุณเข้าใจความคิดผมเหมือนกันนะครับเนี่ย ขอบคุณครับ
  
  ขอบคุณทุกความเห็นที่เปิดแนวคิดให้ครับ <!--MsgEdited=50-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 52 00:48:33[/SIZE] <!--MsgFile=50-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=50-->omaizo - [ <!--MsgTime=50-->5 มิ.ย. 52 00:48:09 <!--MsgIP=50-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=50--><!--MsgIDTop=51-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow51=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 51 <!--InformVote=51--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[51], 51);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(51)"> <!--EcardManage=51--><!--EcardSend=51-->
  
  <!--MsgIDBody=51-->คห. 46 "ประการแรก หากคุณเห็นว่าตายแล้วสูญ และทุกคนในโลกก็เห็นอย่างคุณ ผลคือ ทุกคนจะทำแต่ความชั่ว เพราะไม่มีผลสืบเนื่องใดๆ ต่อความชั่วที่ทำนั้น" <<< ผมว่าใช้ตรรกะอย่างนี้มันก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ อย่างน้อยผมคนนึงแหละที่ ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ทำชั่วนะครับ <<< มิใช้ตรรกกะครับ แต่เป็นความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะไม่เชื่อในความดี และจะไม่เหมือนคุณทุกคน(ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่เหมือนคุณ ถึงแม้จะมีกฎหมาย แต่คนก็ยังทำชั่ว)
  
  "ประการสุดท้ายเรื่องอจิณไตย โปรดอย่าคิดให้วกวน มันไม่เกิดประโยชน์ เช่นอะไรเกิดมาก่อน จักรวาลกว้างเพียงใด เพราะมันไม่มีผลกระทบกับเรา" <<<<ครับผม ได้ฟังอย่างนี้ผมยิ่งสรุปได้ว่ามันไม่สำคัญว่ามีหรือไม่มีผมแค่ปฏิบัติตัวตามธรรมชาติของผมไปถึงแม้จะไปได้ไม่ถึงปลายทางที่สูงที่สุดก็ไม่เป็นไร <<< มิใช้ครับบางสิ่งต้องรู้ว่ามี แต่ไม่ควรไปยึดติดครับ
  
  ยินดีในข้อสงสัยครับ <!--MsgFile=51-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=51-->-VVV- RESISTER - [ <!--MsgTime=51-->5 มิ.ย. 52 15:32:51 <!--MsgIP=51-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=51--><!--MsgIDTop=52-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow52=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 52 <!--InformVote=52--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[52], 52);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(52)"> <!--EcardManage=52--><!--EcardSend=52-->
  
  <!--MsgIDBody=52-->ผมไม่ได้อ่านทั้งหมดนะครับ ขออภัย *ขอเกรียนสักเล็กน้อย* สำหรับผู้ที่อาจจะยังไม่เคยได้อ่าน
  
  Search คำว่า "4 อย่างที่ต้องเชื่อ พุทธ" ลิ้ง แรก (ไม่ขออ้างอิง เพราะ ล่างๆ ของหน้ามันติงต๊องครับ แต่แวะไปก็ได้ คลายเครียด ..)
  
  ชาวพุทธควรมีศรัทธา 4 อย่าง
  ตามคำสอนในพุทธศาสนา ขาวพุทธควรมีศรัทธา 4 อย่าง คือ
  1. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือ เชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง เป็นผู้ประกอบด้วยพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทะคุณ และ พระมหากรุราธิคุณ
  2. กัมมสัทธา เชื่อเรื่องกรรม คือ เชื่อว่ากรรมมีจริง
  3. วิปากสัทธา เชื่อเรื่องผลของกรรม คือ เชื่อว่ากรรมที่บุคคลทำไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมให้ผลเสมอ
  4. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน คือ เชื่อว่าผลที่เราได้รับเป็นผลแห่งการกระทำของเราเอง ซึ่งอาจจะเป็นกรรมที่ทำในปัจจุบันชาติหรืออดีตชาติ
  
  
  - ถ้าไม่เชื่อ ข้อที่ 1 ข้อที่เหลือจบกันครับ และคนโดยมาก เชื่อกรรมทำดีได้ดี อ่านหนังสือ สอบได้มากกว่า จะเชื่อว่า พระพุทธเจ้า มีดีมาจากไหน ตรัสรู้อะไรอีก
  
  เพราะไม่ได้ศึกษา ไม่เคยคิด
  
  คนที่เคยขับรถ ก็จะเข้าใจว่า นักขับรถมือหนึ่งเก่งยังไง
  
  ถ้าไม่งั้นก็เข้าใจแค่ รถมันวิ่งไป แล้วก็จอด ไม่เห็นจะมีอะไร
  
  เหมือนกัน กับ ผู้ที่ไม่เข้าใจว่า การรู้โลก เห็นธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นยังไง มันก็แค่ทำดีแล้วได้ดี เป็นเหตุเป็นผล ไม่เห็นจะมีอะไรลึกซึ้ง หรือ ถึงระดับข้ามภพข้ามชาติ หรือจะมีภพมีชาติ อะไร
  
  เพราะฉะนั้น เบื้องต้น ผมกล่าวว่า ชาวไทย นับถือศาสนาพุทธ 97% ตาม บัตรประชาชน แต่จริงๆ เป็นพุทธศาสนิกชนแค่ 2 - 3% เท่านั้น
  
  โดยมาก ผู้ที่ตั้งข้อสงสัยเหล่านี้ คือ คนที่กำลังอยู่บนทางแยก และถ้าไม่ได้ศึกษา หรือมีผู้ชักนำที่ดีแล้ว ก็จะเข้าสู้ความเป็นมิจฉาทิฏฐิได้สบาย ด้วยการรู้สึกว่า ไม่จำเป็นชั้นก็คิดเองได้
  
  ผมเอง ก็สงสัยบ่อยเหมือนกัน เอ๊ะ เป็นอุบายหรือเปล่า บลาๆ
  
  แต่มันไปจบที่เรื่องนึงในพระไตรปิฎก ที่ว่า "พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ ทรงเปิดสามโลกให้ได้เห็นกัน" - ถ้ามันไม่มี แล้ว ท่านจะเอาอะไรมาเปิด ?
  
  แนะนำ ว่า ถ้าอยากรู้จริง ต้องลองไปทำมโนมยิทธิ(สะกดผิดขออภัย)ดูเลยครับ
  
  ช่อง UBC ก็มีคนกล้าอย่างคุณ ลองมาแล้ว เค้าศึกษาเยอะมาก แต่ไม่ได้เรื่องสักอัน จนมาพุทธ เค้าอ่านเจอแล้วเลยบอกว่า เอ้า ถ้าจริงเราต้องทำสมาธิแล้วบินได้(ด้วยจิต) เค้าก็ทำจริงๆ จังๆ ได้ผลในไม่ถึง 2 เดือน(ถ้าผมจำไม่ผิด)
  
  ลองดูครับ
  
  ผมเอง ศึกษามาก อ่านมาก เอาไว้เกรียนล้วนๆ ไม่ได้ความอะไรเลย <!--MsgEdited=52-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 52 17:21:18[/SIZE] <!--MsgFile=52-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=52-->Handy (HANDYHUNG) - [ <!--MsgTime=52-->5 มิ.ย. 52 17:19:28 <!--MsgIP=52-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=52--><!--MsgIDTop=53-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow53=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 53 <!--InformVote=53--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[53], 53);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(53)"> <!--EcardManage=53--><!--EcardSend=53-->
  
  <!--MsgIDBody=53-->แท้งกิ้ว สำหรับกิ๊บ ^ - ^
  
  หากคุณสนใจเรื่อง ใบไม้นอกกำมือประเภท อจินไตย
  แนะนำให้อ่าน " ปลาที่ว่าน้ำในสนามฟุตบอล "
  ของ วินทร์ เลียววาริณ์
  
  แต่ถ้าสนใจเรื่อง ใบไม้ในกำมือ
  แนะนำให้ไปควานหา หนังสือของ ทพ.สม มาอ่าน อาทิ
  
  ไอสไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น
  เกิดเพราะกรรมหรือความซวย
  ทวารหก ศาสตร์แห่งการรู้ทันตน
  และ เดอะ ท็อปซีเคร็ต
  
  คนเขียนหนังสือเล่มนี้ ก็เคยเป็นพวกที่เชื่อว่า ตายแล้วสูญ
  และ เป็นหนูน้อยจำไม เอ๊ย ขี้สงสัย เหมือนคุณนั่นแหล่ะ
  แต่เมื่อ เขามาหมอบราบคาบแก้ว
  มีใจศรัทธาในศาสนาพุทธแล้ว
  งานเขียนของเขา จึงน่าจะเป็นตัวแทน
  ที่ตอบข้อข้องใจของคุณได้เป็นอย่างดี
  คิดว่า น่าจะถูกจริตคนอย่างคุณนะ
  
  ที่อิฉัน หลวมตัวเข้าสู่วงการปฏิบัติธรรม
  ก็เพราะ ไอ้หมอนี่ แหล่ะ เฮ้อ
  
  อ่ะ อันนี้ แถม ให้อ่านเล่น ๆ ตอบแทน กิ๊บ ที่คุณให้ อิอิ
  
  เมื่อ " จิตวิญญาณ " ของเจ้าแม่ฮาเร็ม ( ในตัวอิฉัน ) เริ่ม สึกกร่อน ?...เพราะเจอ....
  
  
  เจริญในธรรม ( แค้ก..แค้ก.. )
  
  
  
  . <!--MsgFile=53--><CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=53-->เจ้าแม่ฮาเร็มตัวเป็น ๆ 555 (นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5) - [ <!--MsgTime=53-->5 มิ.ย. 52 17:30:20 <!--MsgIP=53-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=53--><!--MsgIDTop=54-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow54=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 54 <!--InformVote=54--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[54], 54);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(54)"> <!--EcardManage=54--><!--EcardSend=54-->
  
  <!--MsgIDBody=54-->อืม...จขกท.จ๋าาาาา
  อิฉันขออนุญาต เกรียน มั่งนะจ๊ะ
  
  แบ่บว่ากัว จขกท. จะ ยึดติด กับคำว่า ตถาคตโพธิสัทธา
  จนวิตกจริตเกินไปอ่ะ อิอิ
  
  ไงคุณก็อย่าลืม กามสูตร เอ๊ย กาลามสูตร
  ที่พระสมณะโคดมเลคเชอร์ไว้ก็แล้วกัน
  
  
  ศาสนาพุทธ ฐานเป็นศรัทธา แต่ ยอดเป็น ปัญญา อ่ะ
  ดังนั้น นรกสวรรค์ จึงถูกปรุงแต่งขึ้น
  เพื่อ สร้างเปลือกมาหล่อเลี้ยง แก่นไว้ให้คงอยู่
  
  เมื่อแรกเริ่ม พุทธสอนว่า ให้มาเอา ไม่ใช่ให้มาทิ้ง
  แต่เมื่อถึงจุดสุดท้าย จงจำไว้ ว่า
  พุทธสอนว่า ให้ไปทิ้งไม่ได้ ให้ไปเอา
  
  ที่อิฉันปฏิบัติธรรมอยู่จนถึงทุกวันนี้
  ก็ไม่ได้หวัง นินพาน ทางดับทุกข์อันหอมหวาน หรอกนะ
  แต่อิฉันรู้ว่า สิ่งที่ทำอยู่มันช่วยฝึกสติ
  จน บรรเทาทุกข์ ณ ปัจจุบันขณะ ที่สภาวะจิตต่าง ๆ ให้อิฉันได้
  
  อืม...ตถาคตโพธิสัทธา งั้นหรือ ?
  ฟังแล้วน่าขำจังแฮะ
  
  สำหรับพุทธเทียม ๆ อย่างอิฉัน นั้น
  รู้แต่ พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ พ่อ
  พ่ออิฉัน ชื่อ สมาน เจ้าค่ะ
  มิใช่ ชื่อ สิทธัตถะ
  และ บัวเหล่าที่ 5 อย่างอิฉัน
  ก็มิใช่ พระ ราหุล
  
  ดังนั้น อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ จึงเป็น ที่พึ่งของอิฉัน
  ในการฝึกเจริญสติ เพื่อ เพิ่มพูนปัญญา มิใช่ ไตรสรณะ
  แต่ ปัญหา เก๊าะ คือ อิฉันดันเผลอ ไปรับ เจ้า หิริโอตตัปปะ
  เข้ามาเป็น ผู้จัดการส่วนตัว นี่ดิ เฮ้อ...^ - ^
  
  
  ( แหม๊ ข้อความนี้ คุ้น ๆ แฮะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน หุหุ ) <!--MsgFile=54-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=54-->บัวเกรียนนนนนนนน นะจ๊ะ อิอิ (นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5) - [ <!--MsgTime=54-->5 มิ.ย. 52 17:53:40 <!--MsgIP=54-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=54--><!--MsgIDTop=55-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow55=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 55 <!--InformVote=55--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[55], 55);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(55)"> <!--EcardManage=55--><!--EcardSend=55-->
  
  <!--MsgIDBody=55-->แนะนำให้อ่าน " ปลาที่ว่าน้ำในสนามฟุตบอล "
  ของ วินทร์ เลียววาริณ์
  
  ส่วนนึงที่ความคิดของผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะนักเขียนคนนี้แหละครับ <!--MsgFile=55-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=55-->omaizo - [ <!--MsgTime=55-->5 มิ.ย. 52 21:39:26 <!--MsgIP=55-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=55--><!--MsgIDTop=56-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow56=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 56 <!--InformVote=56--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[56], 56);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(56)"> <!--EcardManage=56--><!--EcardSend=56-->
  
  <!--MsgIDBody=56-->^
  ^
  อ้าว อ่านแล้วเหรอ
  งั้นอิฉัีนก็เอา มะพร้าวห้าวมาขายสวน อ่ะดิ อิอิ
  
  อืม...ตอนที่อิฉันอ่าน หนังสือ ของ วินทร์ เล่มนั้น
  กระดี่ได้น้ำ ณ สนามฟุตบอล อย่างอิฉัน
  ก็ รู้สึกว่า ตัวเองเข้าใจ อจินไตย ขึ้นมามั่ง ( นิดหน่อย อ่ะนะ )
  
  แต่พอมาอ่านหนังสือ ของ ทพ. สม ( ไอสไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น )
  ปลาเป็น ๆ อย่างอิฉันจึงเข้าใจ สาร ที่ วินทร์ ต้องการจะสื่อ
  ในหนังสือของเขามากขึ้น ลึกขึ้นนะ
  
  มันทำให้ อิฉันได้เรียนรู้ที่มาของการปรุงแต่ง
  และตีค่า กรวดหิน กับ พลอยสี
  ในสายตา สื่งมีชีีวิตที่เรียกว่าคน
  
  
  มันทำให้อิฉันรู้สึกว่า
  ตัวเรานั้นเล็กนิดเดียว เล็กมากจนไม่รู้ว่า
  จะยึดมั่นถือมั่นกับตัวกู ของกูไปทำไม
  จะยึดมั่นกับ กรวดหินและพลอยสีไปทำไม
  เฮ้อ พูดง่าย แต่ ทำยากเป็นบ้าแฮะ เรื่องพวกนนะี้ ^ - ^
  
  ปล.
  จะว่าไป อ่านตัวหนังสือของคุณแล้ว
  อิฉันนึกถึง ตัวเองสมัยละอ่อน จัง แฮะ
  ( ตอนที่ยังไม่เปลี่ยนฮาเร็ม เป็น โรงชี อ่ะนะ อิอิ )
  แนวคิดคุณ คล้าย ๆ กัน กับ เด็กหญิงจำไม คนนั้น มาก ๆ เล๊ยยยย <!--MsgFile=56-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=56-->นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5 - [ <!--MsgTime=56-->6 มิ.ย. 52 15:04:03 <!--MsgIP=56-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=56--><!--MsgIDTop=57-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow57=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 57 <!--InformVote=57--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[57], 57);</SCRIPT><A href="javascriptpenInformWindow(57)"> <!--EcardManage=57--><!--EcardSend=57-->
  
  <!--MsgIDBody=57-->โตขึ้นผมหวังว่ามีโอกาสได้เห็นในมุมมองที่คุณเห็นครับ ขอบคุณครับ <!--MsgFile=57-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=57-->omaizo - [ <!--MsgTime=57-->7 มิ.ย. 52 23:36:19 <!--MsgIP=57-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=57--><!--MsgIDTop=58-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow58=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 58 <!--InformVote=58--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[58], 58);</SCRIPT> <!--EcardManage=58--><!--EcardSend=58-->
  
  <!--MsgIDBody=58-->ไฟกำลังไหม้บ้าน!!
  แต่ท่านกลับมาถามหา
  - ใครเป็นคนสร้างบ้าน
  - ไม้ที่ทำบ้าน มาจากไหน ไม้อะไร ป่าไหน
  - ไฟไหม้บ้านแล้ว บ้านจะเป็นอย่างไร
  
  เหมือนบางคห.บอกแหละครับ ถ้ายังไม่เชื่อก็วางไว้ก่อน
  ผมก็ไม่เห็นว่ามีวิธีปฏิบัติไปสู่การหลุดพ้นวิธีไหน ที่ให้พิจารณานรก สวรรค์
  ปฏิบัติไป เดี๋ยวก็รู้คำตอบเองแหละครับ <!--MsgFile=58-->
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=58-->เด็กวัดพลับ (NakinSoCute) - [ <!--MsgTime=58-->9 มิ.ย. 52 17:51:46 <!--MsgIP=58-->]
  
  <!--pda content="end"-->

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=58--><!--New Message--><HR align=center width="90%" color=#f0f0f0>

 

มันโง่แล้วยังไม่พอแฮะ ยังจะพาลูกหลานพวกเราโง่อีก ท่านพระพุทธเจ้าเองก็ยืนยันว่าเทวดามีจริง ถึงได้มีเทวตานุสติกรรมฐาน ในพระไตรปิฎก อย่างนี้เขาเรียกว่า ปทปรมะ

 

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

พระพุทธเจ้าสอนว่า......

อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มีตำราอ้างอิง

แต่คนโง่ก็ยังเชื่อตำราอย่างไม่ลืมหูลืมตา

พอคึนอื่นเขาไม่เชื่อเหมือนตน ก็ไปว่าเขาโง่

อย่านี้เรียกว่าโง่แล้วโง่เลย ไม่มีทางฉลาดขึ้นมาได้

(www.whatami.net - www.whatami.8m.com = เว็บไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อความโง่ของคุณ)

 

^
ไม่ให้เชื่อพระพุทธเจ้า
แล้วไฉนจึงอ้าง พระพุทธเจ้าสอนว่า......
v

ยังไม่รู้เลยว่าใครโง่กว่ากัน

๑. โง่ที่ยอมรับว่าตัวเองโง่ ย่อมฉลาดเข้าสักวัน
๒. โง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองโง่ อันนี้พอเข้าใจ
๓. โง่เพราะถูกครอบงำ สักวันคงพ้นได้
๔. โง่แล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองโง่ ยังงี้จะว่าไง(เอาไงดีหว่า)

(smile)

 

อืม...แวะเข้ามาอ่าน ตัวหนังสือที่ชาวบ้านโพส
แล้วก็ ปรุงแต่งฟุ้งซ่าน
และ นึกถึง กาทู้ ของคนบางคนที่ พันติ๊ปแฮะ


อืม....
ผู้ฉลาดในธรรม ยอมรับว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
แต่ผู้ฉลาดกว่า ไม่ยอมแพ้กรรมหาทางเอาชนะกรรม

เอ๊ ? แล้ว ผู้มีปัญญา เนี่ย จะเป็นไงหว่า
วานทั่นบัวทั้งสามเหล่า ปุจฉา ตอบอิฉันหน่อยสิเจ้าคะ อิอิ

แบ่บว่า บัวหนีน้ำอย่างอิฉัน คันปากยิก ๆ
ขออนุญาติ สอนหนังสือสังฆราช หน่อย นะเจ้าคะ

อิฉันคิดว่า

ผู้ฉลาดในธรรม ยอมรับว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
แต่ผู้ฉลาดกว่า ไม่ยอมแพ้กรรมหาทางเอาชนะกรรม
ส่วน ผู้มีปัญญา จะนั่งอยู่นิ่ง ๆ แล้วบ่นกับลมกับแล้ง ว่า

ปล่อยก็ว่าง
วางก็เบา
เอาก็หนัก


แหม ๆๆ อิฉันเข้าใจถูกไหมน๊อออออ ?
บังเอิญ อิฉันมันกพวกบัวเกินเหล่านี่นะ
เลยมีแต่ปากไว้พล่าม
ไม่ค่อยจะมี ปัญญา รู้ตามจริง ซักเท่าไรนักหร็อก เอิ๊กส์ ๆ





อ่ะ เอามาฝาก อิอิ

ในโลกนี้คนโง่กับคนฉลาดอย่างไหนมีมากกว่ากัน ตอบให้ก็ได้คนโง่มากกว่า


http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8229493/Y8229493.html#26

 

ท่าน เตชปญฺโญ ภิกขุ การที่คนเขาเชื่อในพระไตรปิฏก ก็เพราะ ธรรมะในทุกหัวข้อสามารถนำไปใช้จริง พิสูจน์ได้ ไม่ได้เป็นการเชื่อเพียงเพราะมีตำราอ้างอิง

ไม่ใช่เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา พอคนอื่นเขาไม่เชื่อเหมือนตนก็ไปว่าเขาโง่อย่างท่าน

พระพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้มากมาย ไม่ใช่แค่กาลามสูตร

ถ้าท่านไม่เชื่อพระไตรปิฏกท่านก็อย่าบวชเป็นพระอยู่เลย

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เชื่ออย่างมีเหตุผล

ไม่ใช่เอาความคิดส่วนตัวหรือจาก อาจารย์ของท่านมาดัดแปลงคำสอน ตัดส่วนที่ท่านไม่เชื่อโดยไม่คิดจะปฏิบัติตาม หรือพิสูจน์ ทิ้ง