รวมพลคนสัมผัสญาณ"เจ้าแม่กวนอิม" 觀世音菩薩 結緣

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย horasarn, 1 ตุลาคม 2007.

  1. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    [​IMG]

    [​IMG]

    การช่วยภาวนาให้มหาสติแก่ผู้ที่กำลังจะละสังขาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤศจิกายน 2009
  2. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    [​IMG]


    การอบรมอาสาสมัครช่วยสวดภาวนาให้มหาสติแก่ผู้ที่กำลังจะละสังขาร

    เนื่องจากผมมีกลุ่มผุ้ปฎิบัติธรรมกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 30-40 คนที่ผ่านการอบรมเป็นอาสาสมัครช่วยสวดภาวนาให้มหาสติแก่ผู้ป่วย ในสายมหายาน นิกายสุขาวดี ซึ่งผมได้ร่วมปฎิบัติมากกว่า 4 ปีแล้ว และประสงค์จะเปิดกว้างให้กับเพื่อนๆท่านใดที่มีเมตตาจิต อุทิศและเวลาให้กับการภาวนาสายนี้เพื่ออุทิศการภาวนานี้ให้กับผู้อื่น เมื่อหากผู้ใดร้องขอให้ไปช่วยสวดภาวนาให้กับญาติพี่น้องที่กำลังจะละสังขาร

    การภาวนาในธรรมปฎิบัติสายนี้ จะใช้เวลาตั้งแต่ 8-36 ชั่วโมงก่อนที่ผู้ป่วยจะสิ้นลมหายใจ และเมื่อผู้ป่วยสิ้นลมหายใจไปแล้วจะทำการสวดต่อไปอีก 8-12 ชั่วโมง ซึ่งต้องใช้กำลังกายกำลังใจและความวิริยะอุตสาหะมาก และใช้คนมาก เราอาจะแบ่งเป็นกะหลายๆกะ กะละ 3-8 ชั่วโมงในการช่วยสวดภาวนาอุทิศแบบนี้

    แต่ผลของมันค่อนข้างมหัศจรรย์มากๆ คือเมื่อผู้ป่วยสิ้นชีวิตไปแล้ว12- 24 ชั่วโมง หน้าตาที่หมองคล้ำหรือมือเท้าหงิกงอ เกร็งก็จะหายไป หน้าตาก็จะผ่องใสมากๆขึ้นเหมือนกับนอนหลับ มือเท้าหดเกร็งแข็งทื่อก็จะคลายตัวทำให้ผู้ตายมีสภาพเหมือนคนนอนหลับธรรมดาๆ สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือยกขึ้นนั่งได้ อันนี้ผมเห็นมากับตาหลายๆคน แต่ก้ไม่ใช่ทุกคน

    คิดว่าทุกคนอาจจะยังไม่ได้เตือนตัวเองในเรื่องของความตายมาก่อน วิธีนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งจะทำให้เราได้ระลึกถึงความตายมากขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤศจิกายน 2009
  3. มองตน

    มองตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +116
    การให้มหาสติแก่ผู้ป่วยหนักนั้นเป็นสิ่งดี เป็นการทำให้ผู้ป่วยได้ระลึกถึงพุทธานุสติ จิตดวงสุดท้ายก่อนที่จะดับจักได้ไม่เศร้าหมอง และจะได้ไปเกิดในสุคติภพ

    คำกล่าวข้างต้นนั้นถูกต้อง แต่ไม่ได้ทั้งหมด เป็นเพียงการนำทางให้ไปเกิดในสุคติภพ เพื่อรับผลของการกระทำกรรมดีที่ตนได้กระทำมาก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลบล้างกรรมชั่วที่ตนได้กระทำมาได้ทั้งหมด เพราะเมื่อผลกรรมดีที่ตนได้กระทำมาหมดลง ก็จักต้องไปเกิดในนรกภูมิเพื่อชดใช้กรรมชั่วที่ตนได้กระทำมาต่อไป

    ทั้งนี้เพราะ กรรมดี ไม่สามารถลบล้าง กรรมชั่ว ได้ นั่นเอง
     
  4. ydad89

    ydad89 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +46
    ขอประกาศธรรม ทั่วแผ่นดิน

    เพื่อรักษาถิ่น พระพุทธศาสนา
     
  5. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    จริงอยู่กรรมดีไม่อาจลบล้างความชั่วได้จริง แต่การให้มหาสติแก่ผู้ที่กำลังจะละสังขารนั้น เป็นสิ่งจำเป็น
    หากคุณมองตนได้เคยศึกษาจากแนวพระอภิธรรมก็จะรู้ได้ว่า ปฎิสนธิจิตคือจุติจิต มันเป็นการสืบดับต่อเนื่องไปด้วยกัน ก็คือจิตดวงสุดท้ายของภพนี้ก็คือจิตดวงแรกของภพใหม่

    อาสันกรรมก็คือกรรมที่ทำก่อนตาย หรือการระลึกถึงกรรมใดใดในขณะก่อนตายซึ่งวิถีจิตอันนั้นจะนำไปสู่ภพภูมิใหม่
    เช่นหากว่าเป็นคนทำความดีมาตลอดชีวิต แต่ก่อนตายได้ระลึกถึงกรรมชั่ว มีจิตเศร้าหมอง จิตดวงนั้นก็จะไปเกิดยังทุคติภพ
    แต่หากคนชั่ว(ในชาตินี้) ก่อนตายได้ระลึกถึงกรรมดี จิตดวงนั้นก็ได้ไปเกิดยังสุคติภพ
    คนเราในชาตินี้ถึงแม้จะดีสักเพียงไหน แต่เราก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่า เราได้เคยประกอบวิบากกรรมชั่วมาแล้วในชาติก่อนๆๆๆ มาแค่ไหน อันไหนมากว่ากัน

    กรรมบางอย่างในขณะกระทำ ก็สามารถส่งผลได้ทันทีในชาตินี้ แต่บางอย่าง(กระทำด้วยเจตนาอันประกอบไปด้วยเจตสิกบางอย่าง) ก็นำผลไปสู่ภพชาติที่ 2-6 บางอย่างก็นำไปผลไปปรากฏที่ชาติที่ 7

    เราเองก็ไม่รู้ได้เลยว่า กรรมที่วิบากส่งผลในชาตินี้ มีเหตุต้นผลกรรมมาแล้วต่อกี่ชาติๆ

    แต่พุทธศาสนาทุกนิกาย ทุกครูบาอาจารย์ ก็ยอมรับมติเดียวกันในเรื่องของจุติจิต-ปฎิสนธิจิตว่ามีกำลังมากที่สุด จะนำไปสู่ภพภูมิใหม่อย่างแน่นอนที่สุด และไม่เกี่ยวกันว่าจะนำมาหักล้างความดีความชั่วกันได้หรือไม่ มันไม่เกี่ยวกันเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 พฤศจิกายน 2009
  6. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ตทาลัมพณจิต

    ตทาลัมพณจิตไม่ได้รู้อารมณ์เฉพาะทางปัญจทวารเท่านั้น แต่รู้ทางมโนทวารได้ด้วย ทางปัญจทวารวิถี ตทาลัมพณจิตจะเกิดก็ต่อเมื่ออารมณ์ยังไม่ดับ ถ้าตทาลัมพณจิตเกิดทางปัญจทวารวิถีแล้วมโนทวารวิถีที่เกิดต่อจากปัญจทวารวิถีนั้น ก็มีตทาลัมพณเกิดด้วย

    ตทาลัมพณจิต เป็น วิบากจิต ซึ่งสามารถรู้อารมณ์ได้ทั้ง 6 ทวาร ถ้าอารมณ์นั้นเป็นรูปารมณ์ (สิ่งที่ปรากฏทางตา) จิตรู้อารมณ์ทางจักขุทวาร ตทาลัมพณก็เป็นจักขุทวารวิถี คือ รู้อารมณ์นั้นทางตา ตทาลัมพณจิตทางมโนทวารวิถีที่เกิดต่อจากจักขุทวารวิถีนั้นก็รู้อารมณ์นั้นทางมโนทวาร ถ้าอารมณ์ที่กระทบทางปัญจทวารเป็นอารมณ์ที่ไม่น่ายินดี วิบากจิตที่เกิดทางทวารนั้นทุกดวงรวมทั้งตทาลัมพณจิตด้วย (ถ้าตทาลัมพณจิตเกิด) ก็เป็นอกุศลวิบาก ตทาลัมพณจิตทางมโนทวารซึ่งเกิดต่อจากปัญจทวารวิถีนั้นก็เป็นอกุศลวิบากด้วย ถ้าอารมณ์ที่กระทบปัญจทวารเป็นอารมณ์ที่น่ายินดี วิบากจิตทุกดวงที่เกิดทางทวารนั้นรวมทั้งตทาลัมพณจิตด้วยก็เป็นกุศลวิบาก ตทาลัมพณจิตทางมโนทวารวิถีซึ่งเกิดต่อจากปัญจทวารก็เป็นกุศลวิบากเช่นเดียวกัน

    จิตที่ทำกิจตทาลัมพณะมี 11 ดวง คือ อเหตุกวิบากจิต 3 ดวง (ไม่ประกอบด้วยเหตุ) และ สเหตุกวิบากจิต 8 ดวง (ประกอบด้วยโสภณเหตุ)

    ถ้าตทาลัมพณจิตเป็น อเหตุกะ สันตีรณจิต ก็ทำกิจตทาลัมพณะ ดังที่ทราบแล้วว่า สันตีรณจิตซึ่งเป็นอเหตุกวิบากจิตสามารถทำกิจได้มากกว่าหนึ่งกิจ สันตีรณจิตทำสันตีรณกิจ คือ พิจารณาอารมณ์ทางปัญจทวารวิถีสืบต่อจากสัมปฏิจฉันนจิต นอกจากทำสันตีรณกิจแล้วสันตีรณจิตยังทำปฏิสนธิกิจ ภวังคกิจ จุติกิจ และตทาลัมพณกิจได้ด้วยและด้วยเหตุนี้เราจึงให้สติแก่ผู้ตายทางทวารทั้ง 6 เท่าที่จะเอื้ออำนวย โดยเฉพาะเน้นไปที่มโนทวาร หรือมโนทวารวิถี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 พฤศจิกายน 2009
  7. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    สันตีรณจิตมี 3 ประเภท คือ

    สันตีรณจิตเป็นอกุศลวิบาก เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนา
    สันตีรณจิตเป็นกุศลวิบาก เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนา
    สันตีรณจิตเป็นกุศลวิบาก เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา

    สันตีรณจิตดวงที่ 1 และดวงที่ 2 (อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากและอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก) เท่านั้นที่ทำกิจปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติได้ สันตีรณจิตทั้ง 3 ประเภททำกิจพิจารณาอารมณ์ (สันตีรณกิจ) ได้ ส่วนโสมนัสสันตีรณจิตกระทำสันตีรณกิจเมื่ออารมณ์นั้นเป็นอารมณ์ที่น่ายินดียิ่ง

    จิตเกิดดับทำกิจตลอดเวลา กิจสุดท้าย ของจิตในชาติหนึ่งๆ คือ จุติกิจ เมื่อกล่าวโดยสมมุติว่า คนหนึ่งสิ้นชีวิต จุติจิต ซึ่งเป็นจิตดวงสุดท้ายของชาตินั้นดับแล้วปฏิสนธิจิตในชาติต่อไปก็เกิดต่อจุติจิต

    ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนไม่ว่าจะเกิดในนรกภูมิ หรือมนุษยภูมิ หรือเทวภูมิ ก็ต้องมีจุติจิต ในพระไตรปิฎกมีเรื่องการเกิด การแก่ การเจ็บป่วย และการตาย เมื่อเกิดแล้วก็แก่ ก่อนที่จะเจ็บป่วย เพราะเมื่อเกิดแล้วก็แก่ลง

    ในขุททกนิกาย สุตตนิบาต มหาวรรคที่ 3 สัลลสูตรที่ 8 มีข้อความว่า

    ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใครรู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดแล้วจะไม่ตายด้วยความพยายามอันใด ความพยายามอันนั้นไม่มีเลย แม้อยู่ได้ถึงชราก็ต้องตาย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็นธรรมดา ผลไม้สุกงอมแล้ว ชื่อว่าย่อมมีภัย เพราะจะต้องร่วงหล่นไปในเวลาเช้าฉันใด สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดแล้ว ชื่อว่าย่อมมีภัย เพราะจะต้องตายเป็นนิตย์ฉันนั้น ภาชนะดินที่นายช่างทำแล้วทุกชนิด มีความแตกเป็นที่สุดแม้ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้น ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนเขลา ทั้งคนฉลาด ล้วนไปสู่อำนาจของมฤตยู มีมฤตยูเป็นที่ไปในเบื้องหน้าด้วยกันทั้งหมด เมื่อสัตว์เหล่านั้นถูกมฤตยูครอบงำแล้ว ต้องไปปรโลก บิดาจะป้องกันบุตรไว้ก็ไม่ได้ หรือพวกญาติจะป้องกันพวกญาติไว้ก็ไม่ได้ ท่านจงเห็นเหมือนเมื่อหมู่ญาติของสัตว์ทั้งหลายผู้จะต้องตายกำลังแลดูรำพันอยู่โดยประการต่างๆ สัตว์ผู้จะต้องตายผู้เดียวเท่านั้นถูกมฤตยูนำไป เหมือนโคที่บุคคลจะพึงฆ่าถูกนำไปตัวเดียวฉะนั้น ความตายและความแก่กำจัดสัตว์โลกอยู่อย่างนี้ เพราะเหตุนั้น นักปราชญ์ทั้งหลายทราบชัดสภาพของโลกแล้ว ย่อมไม่มีเศร้าโศก ท่านย่อมไม่รู้ทางของผู้มาหรือผู้ไป ไม่เห็นที่สุดทั้งสองอย่าง ถึงจะครํ่าครวญไปก็ไร้ประโยชน์

    ผู้ไม่มีปัญญา ย่อมเศร้าโศก แต่ผู้เจริญมรรคมีองค์ 8 ย่อมเศร้าโศกน้อยลง สำหรับผู้ที่บรรลุสัจจธรรมเป็นพระอรหันต์ จุติจิตก็จะต้องเกิด แต่ไม่มีปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อ ฉะนั้นจึงไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป

    ในอังคุตตรนิกาย ติกนิบาต มหาวรรค ภยสูตร มีข้อความว่า

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัย 3 อย่างนี้ เป็นอมาตาปุตติภัย 3 อย่างนี้เป็นไฉน

    มารดานี้ย่อมไม่ได้ตามใจหวังดังนี้ว่า เราจงแก่ บุตรของเราอย่าได้แก่ ก็หรือว่า เมื่อมารดาแก่ บุตรย่อมไม่ได้ตามใจหวังดังนี้ว่า เราจงแก่ มารดาของเราอย่าได้แก่ ความเจ็บไข้ ความตายก็โดยนัยเดียวกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัย 3 อย่างนี้แล เป็นอมาตาปุตติกภัยฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรรคาปฏิปทาซึ่งเป็นไปเพื่อละเพื่อก้าวล่วงสมาตาปุตติกภัย 3 อย่างนี้ และอมาตาปุตติกภัย 3 อย่างนี้มีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มรรคาปฏิปทาซึ่งเป็นไปเพื่อละ เพื่อก้าวล่วงสมาตาปุตติกภัย 3อย่างนี้ และอมาตาปุตติกภัย 3 อย่างนี้เป็นไฉน

    คืออริยมรรคมีองค์ 8 นี้แล กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ .......สัมมาสมาธิ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรรคาปฏิปทาซึ่งเป็นไปเพื่อละเพื่อก้าวล่วงสมาตาปุตติกภัย 3 อย่างและอมาตาปุตติกภัย 3 อย่างนี้แลฯ"

    ผู้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์นั้น ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อจุติจิต ก่อนจุติจิตเกิด มีชวนจิตเกิด 5 ดวง แทนที่จะมี 7 ดวง ชวนจิตเหล่านี้เป็นชวนจิตสุดท้ายในชาตินั้น ถ้ากุศลกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิตในชาติต่อไป ชวนจิต 5 ดวงสุดท้ายก็เป็นกุศล และถ้าอกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิตในชาติต่อไป ชวนจิตเหล่านี้ก็เป็นอกุศล ชวนจิตเหล่านี้รู้อารมณ์ที่น่ายินดีหรือไม่น่ายินดีทางปัญจทวารหรือทางมโนทวาร อารมณ์นั้นปรากฏโดยกรรมที่ทำให้ปฏิสนธิจิต เกิดเป็นปัจจัย คนที่ใกล้จะตายอาจจะคิดถึงกรรมที่ได้ทำมาแล้ว หรือเห็นนิมิตของกรรม (ที่ได้ทำมาแล้ว) หรือเห็นนิมิตของสถานที่ที่จะเกิดในภพต่อไป อาจจะมีตทาลัมพณจิตเกิดต่อชวนจิตหรือไม่มีก็ได้ จุติจิตทำกิจเคลื่อนจากชาตินั้น จุติจิตเป็นวิบากจิตที่เกิดจากกรรมซึ่งเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตและภวังคจิตเกิดในชาตินั้น จิตทั้ง 3 ดวงเป็นจิตประเภทเดียวกันและรู้อารมณ์เดียวกัน

    เมื่อจุติจิตดับไปแล้ว ปฏิสนธิจิตในชาติต่อไปก็เกิดสืบต่อซึ่งจะเป็นจิตประเภทไหนนั้นย่อมขึ้นอยู่กับกรรมที่เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิด ปฏิสนธิจิตดวงนี้รู้อารมณ์เดียวกับชวนจิต 5 ดวงสุดท้ายที่เกิดก่อนจุติจิตในชาติก่อน ปฏิสนธิจิต ภวังคจิตทุกดวง และจุติจิตของชาติหน้ารู้อารมณ์เดียวกันนั้น

    จิตประเภทเดียวกันที่ทำปฏิสนธิกิจและภวังคกิจนั้นทำจุติกิจด้วย เมื่อมี จิต 19 ดวง ทำ ปฏิสนธิกิจ และ ภวังคกิจ ก็มี จิต 19 ดวง ทำ จุติกิจ

    ผู้ที่รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงก่อนสิ้นชีวิตเนื่องจากอุปัทวเหตุหรือความเจ็บป่วย ชวนจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตไม่จำเป็นต้องเป็นอกุศลจิต ขณะที่เจ็บปวดมากนั้นอาจจะเกิดโทสะ แต่ชวนจิตสุดท้ายอาจเป็นกุศลจิตก็ได้ถ้ามีโยนิโสมนสิการก่อนจุติจิต

    ในอังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ มหาวรรคที่ 1 ผัคคุณสูตร มีข้อความว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปเยี่ยมท่านพระผัคคุณะซึ่งอาพาธหนัก ท่านพระผัคคุณะได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี จิตของท่านยังไม่หลุดพ้นจากโอรัมภาคิยสังโยชน์ พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่าน
    พระผัคคุณะว่า

    "ดูกรผัคคุณะ เธอพออดทนได้หรือ พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ ทุกขเวทนาย่อมบรรเทา ไม่กำเริบหรือปรากฏว่าบรรเทา ไม่กำเริบขึ้นหรือ"

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้ ยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพระองค์กำเริบหนักไม่บรรเทา ปรากฏว่ากำเริบขึ้น ไม่บรรเทาเลย

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลังพึงเฉือนศีรษะด้วยมีดโกนที่คม ฉันใด ลมกล้าเสียดแทงศีรษะของข้าพระองค์ฉันนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้ ยัง
    อัตตภาพให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพระองค์กำเริบหนัก ไม่บรรเทาฯ"

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงด้วยธรรมีกถาให้พระผัคคุณะเห็นแจ้ง ให้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง แล้วลุกจากอาสนะหลีกไป

    ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จไปแล้วไม่นาน ท่านพระผัคคุณะได้กระทำกาละ และในเวลาตาย อินทรีย์ของท่านพระผัคคุณะนั้นผ่องใสยิ่งนักฯ

    ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเผ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จจากมาไม่นาน ท่านพระผัคคุณะก็กระทำกาละ และในเวลาตาย อินทรีย์ท่านพระผัคคุณะผ่องใสยิ่งนัก"

    "ดูกรอานนท์ ก็อินทรีย์ของผัคคุณภิกษุจักไม่ผ่องใสได้อย่างไร จิตของผัคคุณภิกษุยังไม่หลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องตํ่า 5 เพราะได้ฟังธรรมเทศนานั้น (หมายความว่าท่านได้หลุดพ้นจากสังโยชน์ทั้ง 5เพราะได้ฟังและใคร่ครวญในธรรมนั้นแล้ว)

    ดูกรอานนท์ อานิสงส์ในการฟังธรรมในกาลอันควร ในการใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมโดยกาลอันควร 6 ประการนี้
    6 ประการนี้เป็นไฉน

    ดูกรอานนท์ จิตของพระภิกษุในธรรมวินัยนี้ยังไม่หลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องตํ่า 5 ในเวลาใกล้ตาย เธอได้เห็นตถาคต ตถาคตย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น อันงามในท่ามกลาง อันงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ (ชีวิตที่สะอาดบริสุทธิ์ คำนี้หมายถึงชีวิตของบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่รักษาอุโบสถศีล ทั้งยังใช้กับผู้เจริญมัคค์มีองค์ 8 ด้วย จุดมุ่งหมายของพรหมจรรย์ คือ การดับกิเลสเป็นสมุจเฉท) พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิงแก่เธอ จิตของเธอย่อมหลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องตํ่า 5 (ผู้ที่บรรลุอริยสัจจธรรมขั้นที่สาม คือ พระอนาคามีบุคคล ดับโอรัมภาคิยสังโยชน์ 5 ได้) เพราะได้ฟังธรรมเทศนานั้น ดูกรอานนท์ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ 1 ในการฟังธรรมโดยกาลอันควร

    อีกประการหนึ่ง ..... เธอไม่ได้เห็นตถาคต แต่ได้เห็นสาวกของพระตถาคต สาวกของพระตถาคตย่อมแสดงธรรม .... ประกาศพรหมจรรย์ .... จิตของเธอย่อมหลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องตํ่า 5 ดูกรอานนท์ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ 2 ในการฟังธรรมโดยกาลอันควรฯ

    อีกประการหนึ่ง ..... เธอไม่ได้เห็นตถาคตและไม่ได้เห็นสาวกของตถาคตเลย แต่ย่อมตรึกตรองเพ่งด้วยใจซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมา ได้เรียนมา จิตของเธอย่อมหลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องตํ่า 5 ดูกรอานนท์นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ 3 ในการใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมโดยกาลอันควรฯ"

    พระผู้มีพระภาคตรัสข้อความเดียวกันนี้กะพระภิกษุซึ่งได้บรรลุเป็นพระอนาคามีบุคคลแล้ว และเมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรมและพิจารณาธรรมในขณะที่กำลังฟังธรรมนั้นด้วย ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 พฤศจิกายน 2009
  8. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
     
  9. ฮวบเล้ง

    ฮวบเล้ง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +15
    ข้าน้อย เห็นด้วยกับคุณอมตะนิพพาน พระธรรมในตำรา นั้นใครๆก็ศึกษาเรียนรู้ได้ นำไปบอกกล่าวได้ แต่ผู้บอกกล่าวนั้น จะทำได้จริงตามพระธรรมที่ศึกษามาได้หรือไม่ นี่คือสิ่งสำคัญ........ข้าน้อยได้ติดตามเรื่องราวของผู้ปฏิบัติธรรม มาก็ไม่น้อย ......จะเป็นธรรมะ มหายาน ธรรมะพระโพธิสัตว์ หรือธรรมะปลดล็อค ตัวเบาเขากะลา.........ข้าน้อยก็เข้าไปแสวงหาอ่านศึกษามาแล้ว.......
    ยังแอบชื่นชมท่านอาจารย์ แอสโตร นีโม่ อยู่ในใจ.....แต่เมื่อกาลเวลาผันเปลี่ยนไป...........อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิดมาก่อน...............ท่านอาจารย์แอสโตร นีโม เคยสอน ได้ดีในเรื่องการปล่อยวาง ละอุปทานขันธ์ห้า......แต่มาบัดนี้....ท่านเปลี่ยนไปแล้ว....โอ้หนอ อนิจจัง....จะเป็นเพราะด้วยเหตุผลกลใด ข้าน้อยก็มิทราบได้.......มีการส่งลิ่วล้อ ออกมา ว่ากระทบกลุ่มที่เคยปฏิบัติธรรมกับเขามาก่อน........ทั้งๆที่ทางกลุ่มนั้น ก็ไม่เห็น มาว่ากล่าวอะไร ท่านอาจารย์เลย........น่าเศร้าสลดจริงหนอ ชีวิตนี้......จะเป็นด้วยความรู้ความสามารถของท่านอาจารย์มีมากเกินกว่าบุคคลธรรมดาทั่วไปจะหยั่งรู้ได้กระมัง.......ท่านจึงได้เปลี่ยนไป......ถ้าเปลี่ยนไปในทางที่ดี ข้าน้อยก็ขออนุโมทนา.....แต่ถ้าเปลี่ยนไป ในทางตรงข้าม....ข้าน้อยก็สุดแสนจะผิดหวัง....นึกว่าท่านได้ปลดล็อคตัวท่านได้แล้ว...ตามที่ข้าน้อยติดตามอ่านข้อความของท่านมา....ยังอุตส่าห์ เผยแพร่เรื่องของท่านอาจารย์ ให้ญาติ พี่น้อง เพื่อนพ้อง ฟังกันหลายคน....ต่างก็ชื่นชม อนุโมทนา...แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้..หากข้าน้อยตายไป....จะไปเจอหน้า ญาติพี่น้อง เหล่านี้ได้อย่างไร ฮือ ฮือ
     
  10. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    คำประกาศขอขมาต่อพระรัตนตรัย

    เนื่องจากข้าพเจ้าได้เคยหลงผิด ปฎิบัติธรรมในแนวทางที่ผิด
    มีทิฐิอันวิปลาส มีสัญญาอันวิปลาส ได้เคยเกิดความหลงผิด
    คิดว่าตนเองได้มรรคผล บรรลุคุณธรรมวิเศษในพระพุทธศาสนา
    โดยการล่อลวง หลอกให้หลงเชื่อในวัตรและปฎิปทาอันผิด ๆ
    หลงเชื่อในสัทธรรมปฎิรูป ซึ่งนำพาสู่การปรามาสคุณของ
    พระรัตนตรัย ทำการยกตนเสมอพระรัตนตรัย อวดอุตริมนุสธรรม
    อันไม่มีภายในตน ฯลฯ

    บัดนี้ข้าพเจ้าผู้มีสติบริบูรณ์ สัมปชัญะบริบูรณ์ ขอกระทำ
    การประกาศขอขมาต่อพระรัตนตรัย ให้ท่านทั้งหลายเป็นสักขีพยาน
    กรรมใดอันข้าพเจ้าได้เคยกระทำ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี
    ด้วยใจก็ดี อันล่วงเกินคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า
    ขอท่านจงงดโทษแก่ข้าพเจ้า อันข้าพเจ้าจะได้พึงสำรวมระวัง
    ในกาลต่อไป ด้วยสัจจะวาจานี้ขอข้าพเจ้าจงเจริญในพระศาสนา
    ของพระศาสดาและพระธรรมวินัยนี้สืบไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน เทอญฯ

    (ขออนุญาติอาจารย์โม่เก็บข้อความนี้ไว้ เป็นพุทธาสติ ข้อเตือนใจ สอนใจ
    ของผู้ปฏิบัติธรรมทุก ๆ คนนะค่ะ และขออนุโมทนากับอาจารย์ในการกระทำ
    ที่ถูกต้อง และกล้ายอมรับอย่างผู้ปฏิบัติธรรมที่เจริญในทางธรรม อันถูกต้อง
    ตามพระสัทธรรมทุกประการ)
     
  11. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    การสวดภาวนาให้มหาสติแก่ผู้ป่วยหนัก

    เมื่อวันอาทิตย์ที่พุทธรรมสถาน ธนบุรีรมย์ ทางกลุ่มผู้ปฏิบัติ
    ศูนยตาธรรม ได้ประชุมและมีความเห็นร่วมกันว่า การสวด
    ภาวนาให้มหาสติแก่ผู้ป่วยหนักนั้น มีความสำคัญในการให้
    สติแก่ผู้ป่วยที่จวนจะดับขันธ์ เพื่อให้สติดวงสุดท้ายก่อน
    การดับขันธ์นั้น ได้ไปในภพภูมิที่ดี ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ถาม
    กับอาจารย์ว่าจำเป็นต้องทำด้วยหรือค่ะ มีความสำคัญอย่างไร
    ซึ่งอาจารย์ก็ได้อธิบายว่า ถ้าผู้ป่วยหนัก ได้ฟังการสวดมนต์นี้
    ตลอดเวลาและหลังจากที่ได้ดับขันธ์แล้วนั้น เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก
    ร่างกายของเขาจะไม่แข็ง และอ่อนนุ่ม สามารถจับมานั่งได้
    และร่างกายของผู้เสียชีวิต ถ้าก่อนเสียชีวิต มีผิวพรรณ
    หมองคล้ำ ไม่แจ่มใส แต่เมื่อได้รับการสวดมนต์มหาสตินี้
    ผิวพรรณจะสดใส เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด อาจารย์เล่าว่า
    ถึงผู้เสียชีวิตจะดับขันธ์ ร่างกายไม่มีสัญญาณชีวิตแล้ว
    แต่จิตยังอยู่ในร่างกาย จึงต้องสวดมนต์ต่อเนื่องกันไป ไม่น้อย
    กว่า 8 ชั่วโมง ดังจะเห็นได้ว่า ผู้เสียชีวิตบางคนถึงแก่กรรมแล้ว
    แต่น้ำตาไหลออกมาก็ยังมี (ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื่อของทาง
    ฝ่ายมหายาน)
     
  12. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    กวนอิมปางที่ 4 เอกทศมุขีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
    มุ่งโปรดยักษ์และคนธรรพ์ เรียกอีกอย่างว่ากวนอิม 11 หน้าคน
    จีนเรียก ต้ากวงฟูเจ้ากวนอิม ,ซือหมิงจินกัง ญี่ปุ่นเรียก จูอีชิเมน
    กวนอิม กวนอิม 11 หน้านี้ ถือกันว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่มากไป
    ด้วยความเมตตากรุณาพระเศียรทั้ง 10 นั้นมองไปยังทิศทั้ง 10
    เพื่อการโปรดสัตว์ นิยมบูชากันในทิเบต


    ชาวอินเดียนับถือกันมาก เพราะพระองค์สามารถช่วยกอบกู้
    สรรพสัตว์ให้พ้นจากแดนนรกอย่างนับไม่ถ้วน แต่สรรพสัตว์
    ที่มาใหม่นั้น ก็มากมายมิได้ลดน้อยลงแต่ประการใด ทำให้
    นรกไม่เคยว่างเว้นจากคนบาป ด้วยเหตุนี้จึงมีเรื่องเล่ากันว่า
    พระองค์ถึงกับหลั่งพระอสุชลออกมา ด้วยความเสียพระทัย
    น้ำพระเนตรที่หยดลงแผ่นดินนั้นกลายเป็นทะเลสาบใหญ่ และ
    ปรากฎดอกบัวผุดขึ้น 2 ดอก และเมื่อดอกบัวบานออกปรากฎ
    เป็นเทพธิดา 2 พระองค์ คือ นางตารา (ขาว) ตารา (เขียว)
    มาทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์บริวารรับใช้ ใกล้ชิดของ
    พระอวโลกิเตศวร จากนั้นศรีษะของพระอวโลกิเตศวรได้
    แตกออก 10 เสี่ยง (ตามจำนวนพระพักตร์ ) ร้อนถึง
    พระอมิตพุทธเจ้า ต้องเสด็จมาต่อยอดให้พระอวโลกิเตศวร
    ด้วยเศียรที่ 11 นั่นคือเศียรของพระอมิตพุทธเจ้า นั่นเอง
     
  13. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    กวนอิมปางที่5พระจัณฑิอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
    มุ่งการโปรดมนุษย์ทั้งชายและหญิง เป็นองค์คุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>ธรรมเอกอุ
    บารมีเลิศล้ำเหนือสวรรค์ชั้นฟ้าและเป็นพุทธภาวะนิรันดร์
    คนจีนเรียก จ่วนถี่กวนอิม ญี่ปุ่นเรียก จุนติอิ แคนนอน ธิเบต
    เรียก มรีจิ หรือ พระนางอุษาเทวี ในศาสนาฮินดู พระโพธิสัตว์
    ปางนี้นิยม และนับถือกันมากในธิเบต คนจีนเรียกง่าย ๆ ว่า
    พระโพธิสัตว์จุนที้ นิยมสร้างทั้งในรูปลักษณ์ของมหาบุรุษและ
    สตรีเพศ คนจีนได้ขนานนามให้กับพระองค์ว่าชีจุ้ยตีฟอหมู่จ่วนถี่
    อันหมายถึง พระผู้ให้กำเนิดโพธิสัตว์มากมาย เชื่อว่าพระนาง
    เป็นมารดาของพระพุทธเจ้ามาแล้วถึง 700,000 พระองค์
    บ้างก็ว่า 70 ล้านพระองค์ก็มีปรากฏ จ่วนถี่ หมายถึงความสะอาด
    บริสุทธิ์ หมดจด น้ำพระทัยสงบรื่นพระโพธิสัตว์รูปกายนี้ปรากฏ
    มาโปรดให้มนุษย์พ้นภัยพิบัตินับไม่ถ้วน
     
  14. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ที่วัดเล่งเน่ยยี่ นั้นรูปเคารพของพระโพธิสัตว์ จุนตี้ อยู่ตรงกลาง
    บริเวณโถงใหญ่ที่ประดิษฐานพระประธานทั้งสามมีรูปลักษณ์
    คล้ายกวนอิมพันมือ นั่นแหละคือจุนที้โพธิสัตว์ตามปกติแล้ว
    มักสร้างให้พระองค์มี 8 พระกร (หรือมากกว่า) มือคู่แรกชูขึ้นฟ้า
    ถือป้ายวงกลมสีแดงที่มือขวา สลักอักษรใจกลางวงว่าพระจันทร์

    ลัทธิเต๋า ก็เอาจุนที้โพธิสัตว์เข้าไว้ในหมวดเทพของตนด้วย
    โดยเรียกชื่อเสียใหม่ว่า เทียนเฮา ( เทวีสวรรค์ )หรือเต๊าบ๋อ
    ( มารดาดาวใต้ ) พระสวามีของนางคือ เต๊าฮูเทียนจุง มีโอรส
    ด้วยกัน 9 พระองค์หรือดาวใต้ที้ง 9 ดวงนั่นเอง
     
  15. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    กิจกรรมกลุ่มผู้ปฏิบัติศูนยตาธรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน 2552

    วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2552
    เวลา 19.00 – 20.00 น. - เรียนสวดมนต์ภาษาจีน
    ณ วัดหลิงจิวซาน สาขากรุงเทพ
    อาคารรอแยล คาร์เซ่ (Royal Castel 1 fl.) ซอยพัฒนาการ 30

    (เปิดสอนสวดมนต์จีน ฟรีสำหรับผู้ที่สนใจ)

    ด้วย พระภิกษุณีพระธรรมจารย์ฝ่าจั้นซือวัดหลิงจิวซาน
    สาขากรุงเทพมีความเมตตาจะสอนวิธีสวดมนต์แบบธรรมสังคีต
    ของมหายาน (ภาษาจีนกลาง) สอนวิธีไหว้แบบอัษฐางคประดิษฐ์
    และสอนการใช้ธรรมศาสนูปกรณ์ในการให้จังหวะการสวด
    สำหรับผู้ที่สนใจ

    *************************************

    วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2552
    เวลา 19.00 – 20.00 น. - เรียนสวดมนต์ภาษาจีน
    ณ วัดหลิงจิวซาน สาขากรุงเทพ
    อาคารรอแยล คาร์เซ่ (Royal Castel 1 fl.) ซอยพัฒนาการ 30

    (เปิดสอนสวดมนต์จีน ฟรีสำหรับผู้ที่สนใจ)

    *************************************************


    <O:pวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2552
    เวลา 10.00 น. ร่วมทำบุญกับอาจารย์ Digital
    สร้างโบสถ์ที่วัดเชิงเลน ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

    (หมายเหตุ เดิมทีอาจารย์ Digital ท่านต้องการทำบุญในส่วนนี้
    อย่างเร็วที่สุด แต่ด้วยเนื่องจากอาทิตย์นี้ ท่านต้องเดินทางไปทำ
    ภารกิจต่างจังหวัด จึงได้เลื่อนไปเป็นวันที่ 14 พ.ย. 52
    จีงเรียนเชิญผู้ที่ได้ทำบุญในส่วนของการเริ่มการก่อสร้าง
    และญาติธรรมทุก ๆ ท่านไปทำบุญและขอขมาพระรัตนตรัยพร้อม ๆ กัน
    เพื่ออานิสงห์ในการทำบุญนี้ ทุก ๆ ท่าน จะได้มีปัญญาสว่างไสวในทางธรรม
    มีดวงตาเห็นธรรม ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่าน มา ณ ที่นี้)

    <O:p
    ***************************************

    วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2552
    ธรรมชาติพุทธสถาน ธนบุรีรมย์
    หมู่บ้านมัณฑนา ซอย 5/8 ประชาอุทิศ 129
    ตั้งแต่เวลา 13.30 - 18.30 น.

    รายละเอียดของกิจกรรม

    ไขรหัสกรรม (สแกนกรรม) ตรวจสอบวาระกรรม
    โดย อาจารย์ Astro Neemo

    <O:pรักษาโรค โดย อาจารย์ Digital (คุณธนวรรณ)

    สอนสมาธิ โดยอาจารย์เอกจิต

    เรียนชี่กง โดยอาจารย์จอห์นนี่

    กิจกรรมสันทนาการสำหรับเด็ก ๆ โดย อาจารย์แฟรงค์

    (สำหรับกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
    นอกจากญาติธรรมที่ต้องการไขรหัสกรรมซึ่งทาง
    ธรรมชาติพุทธสถาน ธนบุรีรมย์ได้จัดเตรียมพาน
    ดอกไม้ธูปเทียน โดยร่วมทำบุญช่วยค่าน้ำค่าไฟ
    ในราคาชุดละ 20 บาท สำหรับค่าครูแล้วแต่ศรัทธา)

    ดูดวงด้วยไพ่พรหมญาณโดยอาจารย์นก

    (อาจารย์นก ท่านมีจิตเมตตาซึ่งตามปกติท่านจะรับดูดวง
    คนละ199 บาท ซึ่งท่านจะนั่งประจำอยู่ที่ ไทยมาร์ท (มีนบุรี)
    แต่ท่านเห็นว่า โครงการพ่อแม่บุญธรรมที่อาจารย์จอห์นนี่
    กับ อาจารย์นีโม่ได้ร่วมทำโครงการนี้มาได้ 4 ปีแล้ว
    ท่านอยากเห็นโครงการนี้ดำเนินต่อไป จึงได้สละรายได้
    50% ของท่าน สำหรับญาติธรรมที่สนใจมาดูดวงที่
    สถานธรรมนี้สมบททุนเข้าโครงการพ่อแม่บุญธรรม
    ขออนุโมทนากับท่าน มา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ)

    ***************************************

    <O:pวันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2552
    <O:pณ.วัดหลิงจิวซาน สาขากรุงเทพฯ
    อาคารรอแยล คาร์เซ่ (Royal castel 1 fl.) ซอยพัฒนาการ ๓๐

    เวลา 19.00 – 20.00 น. - เรียนสวดมนต์ภาษาจีน
    (เปิดสอนสวดมนต์จีน ฟรีสำหรับผู้ที่สนใจ)

    **********************************************

    <O:pวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2552 <O:p
    ณ บ้านอาจารย์ SUTASEE จ. ประจวบคีรีขันธ์<O:p
    เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

    รายละเอียดของกิจกรรม

    ไขรหัสกรรม (สแกนกรรม) ตรวจสอบวาระกรรม
    โดย อาจารย์ Astro Neemo

    <O:pรักษาโรค โดย อาจารย์ Digital (คุณธนวรรณ)

    สอนสมาธิ โดย อาจารย์เอกจิต

    ธรรมบรรยายโดยอาจารย์จอห์นนี่

    ************************************

    วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552<O:p
    [B]ณ.วัดหลิงจิวซาน สาขากรุงเทพฯ [/B]
    [B]อาคารรอแยล คาร์เซ่ (Royal castel 1 fl.) ซอยพัฒนาการ ๓๐ [/B]

    <O:p[COLOR=#ff6600][FONT=Arial][FONT=Tahoma]เวลา [/FONT][/FONT][/COLOR][COLOR=#ff6600][FONT=Arial]19.00 – 20.00 [/FONT][/COLOR][COLOR=#ff6600][FONT=Arial][FONT=Tahoma]น. - เรียน[/FONT][/FONT][/COLOR][COLOR=#ff6600][FONT=Arial][FONT=Tahoma]สวดมนต์ภาษาจีน[/FONT][/FONT][/COLOR]
    [FONT=Arial]([/FONT][FONT=Arial][FONT=Tahoma]เปิดสอนสวดมนต์จีน ฟรี[/FONT][/FONT][FONT=Arial][FONT=Tahoma]สำหรับผู้ที่สนใจ)[/FONT][/FONT]

    [COLOR=#ff00ff]************************************************[/COLOR]

    <O:p[SIZE=4][COLOR=darkgreen][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]วันอาทิตย์ที่ 29[/FONT][/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]พฤศจิกายน [/FONT][/FONT][FONT=Verdana]2552 [/FONT][/COLOR][/SIZE]
    [B][SIZE=4][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]ณ [/FONT][/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]ธรรมชาติพุทธสถาน ธนบุรีรมย์[/FONT][/FONT][/SIZE][/B]
    [B][SIZE=4][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]หมู่บ้านมัณฑนา ซอย [/FONT][/FONT][FONT=Verdana]5/8 [/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]ประชาอุทิศ[/FONT][/FONT][FONT=Verdana] 129[/FONT][/SIZE][/B]
    [SIZE=4][COLOR=darkgreen][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]ตั้งแต่[/FONT][/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]เวลา [/FONT][/FONT][FONT=Verdana]13.30 - 18.30 [/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]น.[/FONT][/FONT][/COLOR][/SIZE]

    [U][COLOR=black][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][SIZE=4]รายละเอียดของกิจกรรม[/SIZE][/FONT][/FONT][/COLOR][/U]

    [COLOR=fuchsia][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][SIZE=4]ไขรหัสกรรม (สแกนกรรม) ตรวจสอบวาระกรรม [/SIZE][/FONT][/FONT][/COLOR]
    [B][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]โดย อาจารย์ [/FONT][/FONT][/COLOR][/B][B][COLOR=darkred][FONT=Verdana]Astro Neemo[/FONT][/COLOR][/B]

    <O:p[FONT=Tahoma][SIZE=4][COLOR=magenta][B]รักษาโรค[/B][/COLOR][/SIZE] [SIZE=4][COLOR=darkred][B]โดย อาจารย์ [/B][/COLOR][/SIZE][/FONT][SIZE=4][B][FONT=Verdana]Digital [/FONT][FONT=Verdana][FONT=Tahoma](คุณธนวรรณ)[/FONT][/FONT][/B][/SIZE]

    [B][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][COLOR=#ff00ff]สอนสมาธิ [/COLOR]โดย[/FONT][/FONT][/COLOR][/B][B][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]อาจารย์เอกจิต[/FONT][/FONT][/COLOR][/B]

    [COLOR=fuchsia][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][SIZE=4]เรียนชี่กง[/SIZE][/FONT][/FONT][/COLOR][B][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]โดย[/FONT][/FONT][/COLOR][/B][B][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]อาจารย์จอห์นนี่[/FONT][/FONT][/COLOR][/B]

    [COLOR=fuchsia][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][SIZE=4]กิจกรรมสันทนาการสำหรับเด็ก ๆ[/SIZE][/FONT][/FONT][/COLOR][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma][SIZE=4]โดย อาจารย์แฟรงค์[/SIZE][/FONT][/FONT][/COLOR]

    [B][COLOR=fuchsia][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]ดูดวงด้วยไพ่พรหมญาณ[/FONT][/FONT][/COLOR][/B][B][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]โดย[/FONT][/FONT][/COLOR][/B][B][COLOR=darkred][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]อาจารย์นก[/FONT][/FONT][/COLOR][/B]


    [COLOR=darkgreen][FONT=Verdana][FONT=Tahoma]บริการอาหารและเครื่องดื่ม[/FONT][/FONT][FONT=Tahoma][FONT=Verdana]ฟรี[/FONT]<O:p[/FONT][/COLOR]

    [B][COLOR=darkgreen][B][COLOR=black](สอบถามรายละเอียดได้ที่ ไอย : โทร. 086-3513950)[/COLOR][/B][/COLOR][/B]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 พฤศจิกายน 2009
  16. มองตน

    มองตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +116
    คนเราทุกคนมีกรรมติดตัวมาตั้งแต่เกิด มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ที่ได้ระทำมาหลายร้อยพันล้านชาติ

    หากก่อนตายได้ระลึกถึงกรรมดี จิตก็จะได้ไปเกิดในสุคติภพ เพื่อรับผลบุญจากการทำความดี และเมื่อผลบุญจากการทำความดีหมดลง จิตก็ไปเกิดในทุคติภพ เพื่อรับผลกรรมจากการทำความชั่ว
    หากก่อนตายได้ระลึกถึงกรรมชั่ว จิตก็จะได้ไปเกิดในทุคติภพเพื่อรับผลกรรมจากการทำความชั่ว และเมื่อผลกรรมจากการทำความชั่วหมดลง จิตก็จะไปเกิดในสุคติภพ เพื่อรับผลบุญจากการกระทำความดีต่อไป

    การให้มหาสติแก่ผู่ป่วยหนักจึงเป็นเครื่องชี้นำทาง ให้จิตดวงนั้นไปเกิดในสุคติภพซึ่งเป็นภพภูมิใหม่ในขณะนั้นนั่นเอง........

    การให้มหาสติแก่ผู่ป่วยหนักเป็นสิ่งดีที่ควรกระทำ........แต่ที่ต้องมาทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้กระจ่าง ก็เพื่อมิให้ผู้หลงผิดบางท่าน ที่ทำความชั่วมาโดยตลอด เข้าใจว่า เมื่อระลึกถึงกรรมดีก่อนตายก็จักไปเกิดในสุคติภพได้ โดยไม่ต้องรับผลกรรมจากการทำความชั่ว......มันก็เท่านั้นเอง

     
  17. มองตน

    มองตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +116
    เห็นด้วยกับคุณฮวบเล้ง

    เคยชื่นชมอาจารย์ astro neemo เหมือนกัน
    กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน
    อาจารย์ astro neemo เปลี่ยนไปจริงๆ
    เพราะ
    อัตตา ดัวเดียวแท้ๆ......
     
  18. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ผมเองก็ไม่ค่อยชอบคนที่เปลี่ยนชื่อมาต่อว่าคนนั้นคนนี้ มันไม่องอาจ ไม่สง่าผ่าเผย มันเป็นอัตตาที่แม้นตัวเองก็ไม่รู้จักว่าเป็นอัตตา คนที่ไม่กล้าเปิดเผยตัว มันก็แสดงอย่างแจ้งชัดอยู่แล้ว

    เราเดินทางกันคนละเส้นทางแล้ว มันคนละขั้วกัน คุณก็เผยแพร่ลัทธิของคุณไป ผมก็เดินทางของผม
    .......

    หากเข้ามาอีก ผมจะนำคุณไปส่งที่กระทู้เดิมของคุณ นะครับ
     
  19. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ผมเองพยายามที่จะไม่กระทบกับใคร และผมเองก็ยอมรับอย่างเต็มตัวว่าเป็นผู้มีอัตตาเต็มร้อย มีโลภ โกรธ หลง มีโทสะ มีโมหะ และไม่เคยหลอกตัวเองครับ

    ผู้ปฎิบัติธรรมหากแต่มัวมาจ้องทำลายกัน ต่อว่ากัน กระทบกระทั่งกัน เจตนาก็แจ้งชัด ว่าไม่ใช้ผู้ปฎิบัติ
    นะครับ



     
  20. ydad89

    ydad89 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +46
    เข้าใจอะไรผิดหรือป่าว นี่มันเวปพลังจิตดอทคอม มันเป็นเวปสาธารณะไม่ใช่เวปเพื่อการค้า หรือหาเงิน รวมทั้งเรี่ยไรเงิน แต่อย่างได
     

แชร์หน้านี้

Loading...