สติเกิดเองไม่ได้ ต้องเจริญต้องทำให้เกิดขึ้นที่จิต

เดี๋ยวผมไป ถาม อ. กู๋ แล้วกันคับ

 

ไม่ได้เตรียมการอธิบายไว้

แต่คนเราจะมีความคาดหวังที่จะรับทราบ
ข้อมูลข่าวสารบางอย่าง ตามสัญชาติญาณของจิต

หากเจริญกรรมฐานชนิด
trace แบบตามดมก้นแกะรอย

แล้วปล่อยวางไม่ทัน
คนโดนแกะรอย สามารถส่งกระแสขัดเอาไว้ได้

ปรกติเค้าจะขัดอย่างนี้เป็นปรกติ
เป็นกลไกการบิดกันความลับของตน
เป็นกลไกการป้องกันตนธรรมดานี่เอง

ปรกติมันจะสลายไปเอง

แต่บังเอิญว่า ภาพลวงตาพวกนั้น
มันดันติดหนึบในใจบางท่านเกินไป

มันเป็นกลจริงๆนะ จะโดนเฉพาะนักอภิญญาเท่านั้น

มันไม่ใช่แค่ภาพ เอาภาพมาแสดงเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ
เป็นลำดับของเหตุการณ์ด้วย เหมือนเขาวงกต

 

ขอประทานอภัย ผมบุญยงเองแหละ
ชื่อเดิม มันมีแรงเสียดทานมากไป
เลยเปลี่ยนชื่อ

กะว่าจะไม่มีคนจำได้แล้ว

ทำไมรู้อะ ทำได้ไง

 

จำกลิ่นได้ เหอๆ

 

Rorschach test - Wikipedia, the free encyclopedia

เค้าจะเอารูปที่คนที่มีจินตนาการหลากหลาย(ยังไม่ต้องบ้าก็ได้นะ)
มาหลายๆรูป แล้วเรียงลำดับให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ดู

แล้วอธิบายว่าเห็นอะไรบ้าง

หากเค้าเก็บสถิติดีๆ เค้าจะเดาได้คร่าวๆ
ว่าจะมีใครมาตอบบ้าง และจะต้องการตอบว่าอะไร
และข้อความอะไรที่จะขัดใจ

อันนี้มีคนเอา trick มาเล่นในนี้

ถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้างแรงแล้วกัน

แต่สังเกตมานานแล้ว มันพร่ำเพรื่อผิดปรกติ

 

โหย...
กลิ่นแรงขนาดนั้นเลยเหรอ

รู้แล้วก้เหยียบเอาไว้แล้วกัน

กำลังพรางตัวอยู่
นะนะนะ รู้กันแค่นี้นะ

 

ตามไปดู หน้ามืดวิ่งกลับบ้านแทบไม่ทันเรย... อ่อนภาษาปะกิด
ฟังคุณเหงือกบวมอธิบาย ก็พอเข้าใจเหมือนกันนะ...พอดีคิดเองเออเอง พอใช้ได้

 

ดูคิดเห็นจิต เหอๆ
คนเรามักจะมีคิดที่พิศดารเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
พอพูดมากกลิ่นปากมันจะโชยออกมา ถ้าเคยคุยกันมาบ้าง
ก็จะรู้สึกว่าคล้ายๆ บางทีเราชอบสำนวนการพูด ความรู้แบบนี้อยู่
พอมีใครมาพูดทำนองนี้ เราก็จะสนใจตามอ่าน ตามรู้ เหมือนเห็นขนมที่ชอบ
ถ้าสำนวนไหนที่ไม่ชอบ ที่เบื่อๆ มันก็จะข้ามๆไป ไม่ใส่ใจ

 

ยกตัวอย่างเช่น
อาจมีคนไม่อยากไปนิพพาน
ซึ่งเป็นไข่แดงของท่านที่ไม่อยากไปนิพพาน

หรือมีบางคนอยากไปนิพพาน
ก้เป้นไข่แดงของท่านที่อยากไปนิพพาน

หรือมีเจตนาจะปกป้องหรือทำลายอะไรซักอย่าง
แบบว่ามีความต้องการแบบชัดเจนมาก

พอเค้ารู้แล้วทดสอบได้ว่าเป็นแรงปราถนาของท่านนั้นๆจริงๆ

จะทำการปล่อย mind trick ทันที
จริงๆก็ไม่ผิด อยากทำก็ทำ

คนเราจะจดจ่อเฝ้าระวังได้แค่
หนึ่งอย่างในหนึ่งเวลา อันนี้อาจมีบุคคลพิเศษ
อาจเฝ้าระวังได้มากกว่า 1 อย่าง
คงต้องพิเศษจริงๆ

แต่ปรกติแล้วล้านทั้งล้านก็เหอะ
จะจดจ่อได้ครั้งละ 1 อย่างเท่านั้น
หากภาพหรือเหตุการณ์ มีเหตุให้ห่วงหน้าพะวงหลัง
มันก็จะดึงดูดให้คนเราจดจ่อมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่มันจะตัดสลับ ซ้ายทีขวาที
เกิดเป็นอาการส่วนที่ไม่ได้จ่อเอาไว้เคลื่อนไหวได้เอง

พอเห็นว่าส่วนที่ตัวเองพะวงเคลื่อนไหวก็ตามดูไปมันทุกเรื่องเพราะงก

มันเลยไหลรื่น อย่างภาพใน
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=5oZtx8vVnA0&feature=fvw"]YouTube- BEST OPTICAL ILLUSIONS IN THE WORLD![/ame]

 

ถ้าเจอคนที่มีจินตนาการสูง มันจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ อยากรู้ อยากเห็น
ก็ชอบตามอ่าน

 

มีทั้งกลิ่นตัว กลิ่นปากเลยเหรอเนียะ
มิน่าเวลาอยู่ที่ไหนคนแถวๆนั้นทำหน้าเหมือนเหม็นขี้

 

ไม่จำเป็นต้องมีภาพนะถึงจะโดน trick

เอาผ้าผู้ตาเอาไว้ ได้ยินแต่เสียง

หรือพวกเรียนไอคิโด
เค้าคว้าแขนเรา
เราเห็นว่ามือเค้าอยู่เฉยๆแท้ๆ แต่เราไหลเองแล้ว

หรือ trick มันเกาะอยู่ในความทรงจำ

พอใจเราไหลไปโดนมันเข้า แล้วตอนนั้นจิตไม่รวม

มันจะกระโดดไปมา เละเลย

ที่เค้าว่าเจริญกรรมฐานแล้วบ้า

หากเป็นกสิณก็เป็นกสิณโทษ

 

ธรรมชาติของคนเวลาเจาะอะไรกระทบใจ
มันจะเก็บไปทบทวน

หากเป็นคนมีอารมณ์วิตกจริต
ออกจากกระทู้ไปแล้ว เค้าไปทวนเรื่องเนียะอีกเป็นร้อยๆเที่ยว

เพราะมันดึงดูด
มันมีเรื่องที่เค้าปราถนา หรือไม่ปราถนาอยู่ในกระทู้นั้นๆ

หากคนๆนั้นคิดไม่ตก หรือปล่อยมันไม่ออก
มันจะทบไปทบมา ทบมาทบไปในความจำ

ยิ่งแกะยิ่งยุ่ง วนเป็นพายเรือในอ่าง

บางคนใช้ฌานโลกีย์กดมันดื้อๆเลย
เพราะหากไม่เอากดเอาไว้ มันก้แย่

อุปกรณ์ที่หาได้ง่ายที่สุด บางทีก็ทำได้แค่ทรงฌาน
มันหาเครื่องช่วยได้แค่นั้นจริงๆ

กำลังวิปัสสนาอะนะ หากว่ามันมีอะ
มันไม่โดน trick พวกนี้หรอก
ตั้งแต่แรกแล้วหละ

 

คนที่ตามไปช่วยเพื่อน
หากเป็นคนมีรสนิยมเดียวกัน
และยังไม่ใช่พระอริยะเจ้า
หรือไม่สามารถทรงฌานได้(คือจิตรวมได้)
จะพากันกอดคอ ว่าย วนในอ่างไม่สิ้นสุด

 

คุน รำมะนาด สิ่งใดๆก้ไม่พ้นกำลังของใจที่จะก้าวข้ามมันไปได้ ขอให้ได้ละวางดั่งใจ
รู้ก้สักแต่ว่ารู้ ไม่กระเทือน อีกต่อไป
ขอจงเป็นสุข ปราศจากทุขภัย ที่ใจ

 

เสียดายบางท่านคิดว่ามาสอนนะ ท่านที่ไม่ได้คิดแบบนี้ก้เยอะนะ ยังไม่ได้มีโอกาสได้สอนท่านใดเลย แค่การแสดงทัศนะกันบอกกล่าวกันเล็กๆน้อยๆ ติบางจุดอยากไห้มองมากขึ้น มองมุมเพิ่มขึ้น
เรามีกรรมได้พบกัน แต่อาจไม่มีวาสนาได้อบรมสั่งสอนกัน ไม่งั้น ท่าได้ ชี้ บอก สอน เหล่านี้ คงช่วยไห้ลดการเสียเวลาไปได้ไม่น้อย

แต่ละท่านก้เก่งกันอยู่แล้วนะหลายท่านภูมิธรรมสูง เราก้ไม่ได้สอนใครและไม่ใช่จุดประสงอยู่แล้วเพียงแต่ใครบางคนที่ถูกกระตุ้นหน่อยก้ อืมดีนะมันคิดได้บ้าง ท่าได้สอนกันจิงๆประโยชน์มันมากกว่านี้แน่ คอนเฟริม แต่ไม่รู้จะมีวาสนาต่อกันรึเปล่า

ขออภัยท่านที่ไม่ใช่คนที่คิดเช่นนั้น

 

ขออภัย
ที่ต้องยกตัวอย่างตัวเองเลยแล้วกัน

เช่น
ผมบอกว่าผมให้กรรมฐานใครไม่ได้ทั้งนั้น
เพราะ ผมเป็นมิจฉาทิฏฐิ
และบอกอีกว่า
หากปฏิบัติกรรมฐานตามที่ผมบอกจะเป็นมิจฉาทิฏฐิ

แต่ผมดันบอกกรรมฐาน
ตรงตามที่ครูบาอาจารย์ที่สอนท่านแปะเลย

จะเกิดเรื่องให้คนประเภท ผม เนียะแหละ
เค้าเรียกวิตกจริต โมหะจริต
กังวลหลายเรื่อง

คนอาจจะเชื่อผม เพราะตรองดุแล้วผมเป็นมิจฉาทิฏฐิจริงๆ
ก็ระแวงตามดูว่าผมจะบอกกรรมฐานแล้วมีคนเป็นมิฉจาทิฏฐิตาม
เพราะเป็นห่วง หวังดี

แต่ผมดันบอกกรรมฐานตามแบบฝึกของสำนักเค้า
เค้าอาจระแวง เพราะประวัติของผมเรื่องพริ้วเนียะมันมีมาก
มันน่าระแวงต้องตามแกะรอย

แกะรอยแล้วเห็นมันมีอันเป็นไปบ้าง
เห็นมันมีความสุขความเจริญบ้างไปตามเรื่องตามราว

แต่หากว่าท่านระแวงพร้อมๆกันหลายๆเรื่องเช่น
ระแวงว่าผมจะใส่ความสำนักวิชาครูบาอาจารย์ท่าน
ระแวงว่าผมจะหลอกคนให้เป็๋นมิจฉาทิฏฐิ
ระแวงว่าผมจะถูก หากผมกระล่อนได้อย่างมีมาตรฐาน
ระแวงว่าแผนการ ที่จะเตรียมแก้ทิฏฐิให้ผม (ก็หวังดีนั้นแหละ) จะไม่เป็นผล
และระแวงอีกหลายเรื่อง ตามแต่จะกำหนดเอาไว้

หากบังเอิญว่าปล่อยไม่ออก
แล้วมีเหตุปัจจัยให้ต้องกังวลสนใจเรื่องอื่นๆประดังเข้ามา

มันจะไหลนะท่าน อย่างที่ภาพมันไหล

ยิ่งหวังเลิศมากเท่าไหร่ ยิ่งไหลแรง

หากปล่อยมือไม่ทัน มันเกิดขึ้นเร็วมากพร้อมๆกัน
คราวนี้จะตัดเนื้อเรื่องสลับไปสลับมาพันกันยุ่งเหยิ่งไปหมดเลย

ผมยกตัวเองเป็นตัวอย่าง
เพราะเป็นคนเห็นความสำคัญของตัวเอง

หากขัดใจท่านบ้าง
ก็ขออภัยด้วย

รู้สึกจริงๆนะ ถึงความสำคัญของตัวเอง
เนียะ กำลัง feel เลย

 

ตาคนเราเนียะ ปรกติมี 2อัน
หากมันยังทำงานตามปรกติของมันอยู่ดีทั้งคู่

มันคุยกันนะ
การที่เราแยกแยะภาพที่เห็นเป็น 3มิติ
เพราะความรับรู้ของตาสองข้าง มันประมวลผลแบบคุยกันนะ

หูก็เหมือนกัน
มี 2 อัน หากมันประมวลผลเป็น 3 มิติ
มันจะส่งข้อความคุยกันนะ

หูเนียะยกตัวอย่างได้ง่าย เพราะมันหลอกมากลายละเอียดมันน้อย
คนเราแยกแยะระยะได้หากเอาผ้าปิดตา
จากแรงสั่นสะเทือน ที่กระทบผิวหนังด้วย
แรงอัดของอากาศ แรงกระเพื่อมของน้ำ

หากใช้ วิญญาณขันธ์ เห็นมาตรฐานของเครื่องรู้
มันไม่ชัวร์ ขนาดนั้นนะ

มันไว้ใจได้พอๆกับประสาทหูประสาทตานั้นแหละ

หากเป็นคนที่นิมิตภาพกสิณคล่องๆ
แล้วเรานึกภาพเก้าอี้ขึ้นมา 1 ตัว
ภาพมันแบ่งตื้นลึกหนาบางมะ มันเห็นภาพทางซ้ายของเก้าอี้
พร้อมๆภาพทางขาวของเก้าอีกมะ
หรือเห็น บน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ของเก้าอีกตัวที่จินตนาการถึงพร้อมๆกัน
หรือเห็นมันแบนๆ

จิตมีสภาพรับรู้อย่างไรเหรอ มันรับรู้อย่างที่เรารับรู้เหรอ

เป็นลำดับของความทรงจำ คือ เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ก็ได้
มันไม่ได้เป็นมาตรฐานอะไรทั้งนั้น
ท่องจำมาอย่างดีเลยขึ้นใจเลย
โดนพวกมือดีป่วนนิดเดียว เนื้อเรื่องตัดสลับฉากหมดเลยนะ

หากมีคน 2 คนบุกเข้าโจมตีท่านพร้อมกัน
หากมุมที่เค้าเข้าโจมตี
มันมีความกว้างพอดีกับจุดบอดของตาทั้ง 2 ข้างของท่าน
แล้วเค้าขยับตัวพอเหมาะรักษาระยะห่างที่ถูกต้อง

ภาพของมือเท้า หรือสิ่งของที่เค้าถืออยู่จะไหลเองนะ

จิตก็เหมือนกันนะ ไว้ใจไม่ได้หรอกนะ

เห็นว่ามันมีโมหะ ก็ให้รู้ว่ามีโมหะ
เห็นว่าไม่มีโมหะ ก้รู้ว่าไม่มีโมหะ

 

คุณรำมะนาด ผมจะบอกอะไรให้ครับ ความเห็นคุณนี้เพ้อเจ้อเหมือนคนเสียสติ
ให้ความเห็นอะไร รกกระทู้ เหมือนพวกเด็กเกรียน

 

ขอบคุณครับ

ผมไม่เหมือนคนเสียสติหรอกครับ ผมเสียสติไปแล้วหละ
เขียนเรื่องพวกนี้ไม่เห้นต้องใช้สติอะไรเลย

ไม่เห็นมีสติตรงไหนผมก็เขียนได้
กล้วยๆ

คิดเสียว่าเป็นบทความของผู้ป่วย มีอาการทางจิตประสาทก็แล้วกัน