อาการข้างเคียงของกรรมฐานที่นักปฏิบัติควรรู้ ไว้

1ฝึกภาวนาตามลมหายใจ มักมองเห็นนิมิตต่างๆๆๆๆๆๆ ห้ามคิดว่าอยากเห็นอีก เพราะจะทำให้เสียจริต คือ คิดว่ามีตาทิพย์ สาเหตุเป้นเพราะ มีเนื้อนาบุญแต่ปางก่อน ครับ คือเคยฝึกกรรมฐานในชาติที่แล้ว การ แก้ไข ไม่ต้องไปอยากเห็นมันอีก
2กสิณไฟ มักถูกกิเลสละเอียดแฝงมาตามไฟ คือ ฝึกแล้วมักมีกามมากกว่าเก่า หรือ โกธรง่ายขึ้น สาเหตุ ตบะยังไม่คงที่ และมารรุ้ว่าถ้าเพียรต่อ จะมีความอดทน เหมือนที่ คุณดอกบัวว่า พระฝึกแล้วกะโดดกูฏิ นึกว่าไฟไหม้ อันนี้เป็นเรื่องของผลกรรรมครับ หรือจิตอ่อน จริงๆๆแล้วถ้าไฟท่วมห้องท่านว่า สำเร็จครับ แก้ ไข ให้พิจรณากายครับ กามจะลดทันที
3ตามรุ้ พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ฝึกแล้วได้ปัญญาครับ่ อาการข้างเคียงคือ จิตจะหลงอารมณ์คือ มักเฝ้าดูแต่อารมณืทั้งวัน ครับ การแก้ไข ไม่ต้องคิดว่าจะนั่งได้นานมั้ยวันนี้ คือตามความ ฉันทะ (ความพอใจ )ไม่ต้องเข้าอฐิฐานจิตครับ เพราะ (ทรมานสังขาร)ครับ
4พิจารณากาย ได้การปล่อยวางสังขาร อาการข้างเคี่ยงคือ มักเบื่อคนรอบข้าง ครับ อันนี้ผิด ครับต้องเบือตัวเอง ครับ แก้ไข ชนกับสังคมห้ามหนี ไปวิเวกครับ
5กำหนดกรรมฐาน (ที่ตั้ง) ได้พลังของกรรมฐาน อาการช้างเคียงคือมีฤทธิ ดังนั้น จะหลงฤทธิ์ ดังนั้น การแก้ไขห้ามปลุกเสกทุกอย่างครับ
6 กำหนด ภาวนารับรุ้ ปล่อยวาง " ได้อารมณ์ฌาน อรหันต์ ครับ อาการข้างเคียง คือ คิดว่าบรรลุธรรมแล้ว (หลง) การแก้ไข คิดว่ายังเป็นมนุสย์ ธรรมดาห้าม ไปอวดครับ ว่าเก่ง ครับ
7เดินจงกลม ได้การออกกำลังขา และสมาธิ ทุกอริยบท ทำให้ควบคุมทุกอย่างได้ทุก่ท่า อาการข้างเคี่ยง ปวดขา แก้ไข ทายาครับ และทำฃ้ำๆอีกหายครับ
8ภาว่นาลืมตา ได้บอกไม่ถูก ได้ จิตที่เห็นกิเลสขัดทั้งตนเองและคนอื่น การข้างเคียงคือ ทำยากกกกกกก มาก แก้ไข คิดว่าไม่เหมาะกับเรา หลับตาต่อ ครับ
9 รู้สุก เฉยๆๆๆๆ ไม่ภาวนา ท่านว่าใกล้สำเร็จ ข้อดี คือไม่ยึด ครับอาการข้างเคี่ยง คือ คิดว่านิพพานแล้ว จริงๆๆๆๆๆได้ พรหม ครับ การแก้ไข คิดว่าพรหม ก็ไม่เอาครับ
10 เข้านิโรท ได้ทีอาศัยแห่งใหม่ของจิต เหมือนบ้านใหม่ อะไรประมานนี้น อาการข้างเคี่ยงไม่มี มีอย่างเดียวคืออยาก เข้าต่อ เข้าได้ ห้ามมมมมมมบอกใคร ไปโปรดคนนี้น เลย คนทีไปโปรด จะไม่มีวันจน ให้พิจารณาว่า เขาเคยขช่วยคูณในปางก่อนค่อยไปโปรด ห้ามบอกคน หวังลาภ หรือหวังให้เค้ารวยกันทุกคน ไม่ต้อง แต่ถ้าทำไม่ผิดครับ เพราะหวังดี มีพระท้ำได้ที่เชียงใหม่ไปหาเอาเอง สุดยอด !!!!! พอก่อน พอดีท่านดอกบัวมาเม้นเรือ่งอาการข้างเคี่ยงก็เลยบอกลุกศิษย์ ก่อน เดี๋ยวไม่รุ้ แล้วฃวยๆๆๆๆๆๆ วิกล หลง บ้า จะฃวย เอ้าบอกแล้ว สุดท้ายยยยยยยยยย ไม่ยึดทุกตัว อาการ จะไม่หลง ครับ อ.ก๋งพรหมบุตร

 

คติธรรม
ปราชญ์แท้ ไม่คุยฟุ้งอวดตน
คนดี ไม่เที่ยวยกสอพลอ
คนเก่ง ย่อมทะนงอย่างเงียบ
คนชั่ว อวดรู้ดีทั่วภพ
คนโง่ อวดฉลาดมากมาย
สิ่งทั้งหลายท่านเห็นมีทุกที่เอย

 

ศินปิน วาดภาพอวดใคร ทำไมไม่เก็บไว้ดู เพราะเขาอยากให้รุ้เสพศิลป คนมีดีไม่อวด แล้วใครฃื่นฃม อวดความดี แข่งดีได้ ไม่น่าสู เสือกกันแข่งไม่รุ้ เอาธรรมปราชญ์อ้าง! แล้วเที่ยวติ ชม คนอวด ตะกวดหรือคน !

 

ขอบคุณครับสำหรับธรรมทาน...
หวังว่าจะได้อ่านบทต่อไปนะครับ... อาจารย์. ^-^

 

ตูก็หวังอย่างนั้น เหมือน เอ็งแหละ ก็อย่างที่เอง เห็นๆ อ่ะ ? คนอธิบายได้ กลายเป็นคน ขี้โม้ คนมีความรุ้ กลายเป้นคนอวด เลย งง ว่า แล้วต้องยังงัย ถึงจะถุกใจพี่ท่าน

 

สู้ต่อไปทาเคชิ

 

อนุโมทนา ด้วยครับ : ) มารไม่มีบารมีไม่เกิดครับ สำหรับท่านที่ไม่เชื่อ ก็ลองปฎิบัติตามดู ถ้าไม่ดี ก็ ไม่ต้อง ฟัง แต่ถ้าดีแล้วเป็นจริงอย่างที่เขากล่าวไว้แล้ว ก็ค่อยเชื่อ ย่อมไม่เสียหาย แต่หากว่ายังไม่ได้พิสูจน์ แล้วเอาความคิดเก่า ๆ ว่าเป็นสิ่งจีรัง ที่ตัวควรยึด ควรติด ควรเกาะ ก็ทำเท่ากับว่าทำตัวเป็นน้ำเต็มถ้วย ไม่ยอมรับสิ่ง ใหม่ ที่อาจจะดีกว่า หรืออาจจะไม่ดีก็ได้ ทางที่ดี ก็คือ พิสูจน์ก่อน แล้วจึงเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็ได้ เท่ากับว่า เราไม่เสียโอกาสดี ที่เข้ามาในชีวิต ครับ เพราะ กรรมฐาน มีมากมายเหลือเิกิน แต่การเลือกใช้ สำหรับสามัญชนธรรมดา ไม่มีทางเลือกใช้เองได้ถูกหรอก ก็ต้องอาศัย ผู้ที่มีประสบการณ์ เป็นครู อาจารย์ ทั้งสิ้น ไม่่ว่าจะเป็น แบบ ครูพักลักจำ หรือ ครูที่ถ่ายทอดวิชาโดยตรง ...
ขอให้ประสบสุข ยิี่ง ๆ ขึ้นไปครับ ครู ฝากเนื้อฝากตัวเลยแล้วกัน : )

 

เออ ไอ้นี่ พูดเข้าท่า อ่า เพราะจะเสียอารัยอ่า ตังก็ไม่ได้เสีย แถม ไม่ต้องมานั่งเป็นปีๆ กว่าจะพิมพ์ได้ ขนาดนี่ ทีเดียว ไม่กรั่นกรอง ทำยากน้า แหม่ ถ้าโม้ได้ขนาดนี้ ล่ะ ใครก็ได้ที่ขอบด่าชาว บ้าน แล้วอธิบายธรรมได้ ลองมาทำดูหน่อยดิ ยัง งง ทุกวันนี้ไม่ได้ลงโฆษณา ไม่ต้องทำมาหาแด กัน เพราะเบื่อปากพวก ไม่เข้าใจ เฮ้อเวรกรรม ! แต่ยังมี คนเข้าใจ แค่<TABLE class=tborder id=post2344011 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->unix_family<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2344011", true); </SCRIPT> คนนีงก็ยังดี น้อ ว่ามะ ขอบคุณครับ ทาเคขิ ฮิๆๆๆๆๆๆๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ไหนๆๆอาจารยืก๋งก็มาโพสต์แล้วแต่ตัวเองโพสต์กระทูใหม่ไม่เป็นขอโพสต์กระทู้รวมวิธีปฏิบัติของอาจารย์ก๋งเลยละกันนะคะ
การฝึกกรรมฐานโดย อาจารย์ก๋ง พรหมบุตร<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
ตอนที่1 กรรมฐานเบื้องต้น<o></o>
วันนี้ขอเริ่มสอน กรรมฐานเบื้องต้นไปก่อนแล้วกัน ครับ แบบง่ายๆครับ แต่ได้ผลเร็ว ครับ กรรม คือการกระทำ ฐานคือที่ตั้ง สองคำรวมกันคือการกระทำหาที่ตั้ง หลายคนปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้า เพราะหาที่ตั้งไม่เจอ ครับ ที่ตั้ง ที่1คือระหว่างคิ้ว เรียกว่าฐานพระพูทธ ครับหากกำหนดจุดนี้ จะเกิดการมองเห็นในรูปต่างๆ โดยมากมักถูกพวดอวิชา นำมาใช้เพือการย้อ้นกรรมกลับไปดู เจ้ากรรมนายเวร ครับ ฐานที่เห็นอะไรมากมายตามกำลังฌานแต่ปางก่อนครับ 2ฐานระหว่างอกเรียกว่าฐานพระพูทธครับ หากนั่งสมาธิไปนานๆ แล้วกำหนดฐานนี้ จะมองเห็นเป็นพระนั้งสมาธิ เรียกพระธรรม ครับ พูดง่ายๆ คือการที หลวงพ่อสดเห้นเกิดเป็นพลังธรรมกายครับ 3ฐานที่7เรียกว่าฐานพระสงฆ์ อยู่เหนือสะด์อประมาณ 2 นิ้วครับ ฐานที่ทางธรรมกาย ถือว่าเป็นตัวส่ำคัญ ครับ่ แต่หากเป็นสายหลวงปู่สิมจะนิยมกำหนดทีบริเวณหน้าอก แต่การฝึกฝนมา ฐานทีอก เป้นฐานทีมีค่ามากที่สุดครับ เพราะชั่ว 1ถึง2 ชัวโมง กำลังธรรมจะสูง ถึง ฌานอรหันต์ครับ ส่วนท่านที่ติด ฤทธ์ เพือ่การปลุกเสก ตั้งฐานที ฐาน 3 ทุกฐานมีความสำคัญครับ เอาหละครับ ชอบแบบไหนตามจริต ตั้งเอาเอง การภาวนา ชอบสำนักไหนเชิญครับ จะ พูทโธ พองหนอ หนือ สัมมาอรหังไม่ว่ากัน ไม่ผิดกฏครับ ทีนี้มาเริ่มฝึกแบบ ประยูกต์ ครับ เพราะการมาเริ่มนั้งแบบหลับตา แล้วภาวนาทุกคน เรียนมาบ้างแล้ว กำหนดตามลมหายใจ เช่น พุทหายใจเข้า โธหายใจออก หรือ พองหนอหายใจเข้า ยูบหนอหายใจออก ตามอาการของปอด แต่ที่จะเสริมให้เร็ว ต้องใช้ กลิณไฟช่วยครับ ทำอย่างรัยค่อยว่ากันต่อ ในคราวหน้า ครับ ตอนนี้มีลุกค้ามา ทำหน้าที่ หาตังก่อนนะครับ แล้วว่างๆ จะมาเริ่ม สอน ชั้นที่ 1 กสิณไฟ<o></o>
ตอน 2 กสินไฟ <o></o>
บที่ที่ 2 กสิณไฟ ใครทีเพิ่งเปิดมา กรุณากลับไปดู ความเดิมก่อน บทีที1 ในกะทู้เก่า ข้างล่าง แล้วค่อยมาฝึกกสิณไฟ เอาหล่ะ เรืมเลย เมือท่านฝึกการภาวนาแบบปกไปแล้ว คือกำหนอลมหายใจ ยูบหนอ หรือ พุธโธ หรือ สัมมาอรหัง หรืออะไรก็แล้วแต่ จนนิ่ง ท่าน่จะรูสึกเบา โล่ง สบาย มีสุข ปิติ ตัวลอย เห็นนู้นเห็นนี่ ทิ้งความรู้สึกนั้นเสีย ให้หมดดดดดดดดดดดดด! แล้วไปอาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย หาเบาะนั่งนุ่มๆ สบายๆ ไว้หน้าพระ เตรียมเทียน หนัก 1 บาท ถ้ามี เปิดหน้าต่างเล็กๆ เเง้มๆ พอมีอากาศ แต่อย่าให้มีลม ต้องอดทน แต่ถ้าร้อน นำพัดลม พัดเฉียงๆแผ่วๆ ตัว จุดเที่ยน สวดอิติปิโส 1บท จำไว้ว่าก่อนนั่งสมาธิทุกครั้งต้องสวดอิติปิโส สรรเสริญพุทเจ้า จากนั้น เพ่งไปทีเทียน ภาวนาในใจว่า เตโช เตโช เตโช ไปเรือยๆ จนจิตนี่ง เทียนนิ่ง มองไปธรรมดา ไม่ต้องเพ่งมากนัก จนรู้สึกปวดตา หรือเมีอย การมอง ให้มองตรงไส้เทียน มองให้เห็นแก่นของไฟ ให้ได้ ว่า "ไฟลุกจากไส้ ดึงไขมันจากขี้ผึ้ง เผาไหม้ด้วย อากาส ส่องเป็นแสง มีความร้อน สว่าง ขี้ผึ้งกำลังละลาย โอ้ขีวิตหนอ เหมือนเทียน เกิดขี้นตั้งอยู๋ ดับไป ก่อนเทียนดับ เทียนยังส่องสว่างให้เรา ชีวิตหนอดับไป ไม่มีอะไรเลย อนิจจัง "อันนี้อาจารย์บางท่านไม่สอ่น เพราะไม่รู้ ถามทำไม ไม่รู้ ก็เพราะ โดนส่อนมาแบบนั้น ทุกวันนี้กรรมฐานมันเลย เพี้ยนๆ ตามทีลงหนังสือพิมพ์ นั่งกะงูจนโดนรัด กรรรรรรรม ใครสอนหว่า รับผิดขอบด้วย ฮิๆๆๆๆๆๆ เอ้าต่อ ทำไม!ต้องพิจราณาแบบนี้ หรือ ? เพือให้ธรรมมันเดินตามด้วย ถ้าเห็นการเกิดการดับ กับทุกอย่างจิตมันจะ ปลง แล้วจะเข้าใจ กฏไตรลักษณ์ ทันที กฏไตรลักษณ์ คืออะไร คือการ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ทุกอย่างในโลกนี้ เป็นอย่างนี่ หมด เมือ่เข้าใจความเสีอมแล้ว มันจะ ไม่อยากมี อย่ากดี อยากได้ เอ้า กลับมา ต่อ ต่อ เพ่งไป เพ่งไป จน ทนไม่ไหว แล้ว ดับเทียนนนนนนนนน! จากนั้น หลับตา จะเห็นเป็นจุด สีแดง สีเขียว สีฟ้า สีตำ หรือใสๆ แล้วแต่กิเลส่ของท่าน หลับตา แล้วเพ่งจุด สีนั้น ภาวนาต่อ เตโช เตโช ไปเรือยยยยยยยยยยยย จนกว่าจุดแหงไฟจะหาย โดยทางวิทยาศาตร์ ท่านเรียกภาพติดตา แต่ทางธรรมท่านว่าตาวิญญาน เพราะลูกตาเป็นแค่ก้อนเนือ มองด้วยตัวเองไม่ได้ ถ้าไม่มีจิต ดังนั้นภาพ ที่ท่านเห็น คือ จิต มองเห้น ตาไม่ได้มองเห็น ครับ พอมันดับ จะสังเกตุได้ว่า ฌานมันเดิน สงบกว่าตอนนั่งกำหนดลมหายใจ เบากว่า นิ่งกว่า ทีสำคัญ มันก้าววววววววววว หน้า ทำอย่างนี้ไป 1เดีอน ห้ามขี้เกียจ สิ่งที่ตามมา คือฌาน 2 มาแล้ววววววววววว มีฤทธ์ มาก สามารถ ปลุกเสก เลขยันต์ได้ ดูดวง พูดง่ายๆๆๆๆๆๆ มีเฃ้น ฮิๆๆๆๆๆๆ ฝรั่ง คนไทยมีฌานทิพย์ หรือทีเรียกกันว่า ลางสังหรณ์ ตอนนี้เอง กิเลสหยาบ เข้ามาไม่ได้เเล้ววววววว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูรู้ ว่าพวกเองดีใจ เปล่า เลย มันส่งกิเลสตัวใหม่มา ทดสอบ มาร มันก็รู้ว่าฝึกกสิณไฟ มันใช้ไฟ ตามพวกมึงมา โดยทีไม่รู้ตัว อ้าววววววววววววววว มันใช้ไฟอะไร มันทำอะไรกับเรา มันส่งอะไรมาเป็น แบบทดสอบ มันจะชนะเราหรือไม่ แล้วเราจะแพ้มันหรือเปล่า มันคือไฟอะไร อยากรู้ ติดตามตอน 3 ตามรู้ ................. ตอน3 แล้วข้าพเจ้าโดนมันทำอะไร ข้าพเจ้า โดนมันเล่นงานยังงัย พลาดไม่ได้ ตอน3อ่านแล้วต้องทำใจ มันตรงใจ แทงใจดำกิเลสครับ แต่เค้าห้ามปิดบังความชั่วของตัวเอง พูธเจ้าว่าอย่างนั้น การไม่โกหกตัวเองจะไม่โกหกคนอื่น บุรูษทีกล้า ยอมรับ ความชั่วประจานความชั่ว ของตัวเอง บุรุษนั้นย่อมสำนึกบาปได้ และเป้นผูที่น่ายกย่อง คราวหน้า เราจะมาสารภาพบาปกัน ทางกะทุ้ จะโกงเงิน แอบเป็นกิ๊ก หลงรักเมียคนอื่น อยากได้ ของคนอื่น ชอบดู เว็ฟโป้ แล้ว มาสร้างอารมณ์ แล่ะอื่นๆทีขัว่ คราวหน้าเรามาตามรู้ แล้ว สารภาพทำมัย ทำไมต้องบอก เพราะเมือฝึกถึงตรงนี้ ความชั่วของเรา มันโดนกวน ให้เกว่งดังน้ำขุ่น บทที่ 3เราตัองตักมันออก ให้มันเหลือน้อยยยยยย ห้ามพลาด !! เพือทีจะต่อบทที่ 3ตามรุ้ >.....................?
บทที่ 3 ตามรุ้ วิธีฝึกปฏิบัติสูตรเร่งรัด <o></o>
เมือมาถึงกสิณไฟ ทุกอย่างที่ไม่ดี มันจะถูกกวนขึ้นมาทั้งกิเลสตันหา ราคะ จากจิตร มารมันจะส่ง ไฟ ที่ชื่อว่าไฟกิเลสมา ไฟกาม ไฟโทสะมา ดังนั้นเมื่อฝึกบทนี้แล้ว จงจำไว้ว่า มันจะทดสอบเราด้วยเรื่อง กาม มีคนมาให้เสพง่ายๆ 2ให้เราโมโหง่าย 3อยากได้นุ้นนี่ ดังนั้น เราต้องแก้รำ มันโดยการ ฝึกตามรุ้ การฝึกตามรู้ คือการกำหนด ลมหายใจ ตามสภาวะ กาย ใจ เช่น พองหนอ ยุบหนอนั่งหนอ ปวดขาหนอ (ประมาณนี้) ถ้าฟุ้งฃ่านก็ท่องตามหลังนั่งหนอว่า ฟุ้งฃ่านหนอ จะได้อะไร ได้ปัญญา จะเกิดปัญญา และรู้ ความเป็นจริง ของร่างกายทุกขณะจิต จิตจะเกิดปิติ และอยู่กับอาการกรรม ไม่ไปไหน ความอยากต่างๆก็จะรับรุ้ด้วยจิต จนจิต อื่มตัว เมืออิ่มตัวมันจะไม่อยาก ค่อยๆลด ลง ลดลง ไป มารมันก้จะค่อยๆอ่อนกำลังลง แต่มัน ยังมีอีกตัวที่ อยุ่ในจิต คืออกุลศจิต (ฝ่ายชั่ว) ทำอย่างไรถึงจะทำฝ่ายชั่วให้ออก ตอบไม่มีทาง อ้าววววววววววววววววว งั้นเราก็แพ้มันสิ เปล่าครับ ต้องไปเอาฝ่ายดีออกมาสุ้กะมัน ฝ่ายดี คือกุศลจิต อาศัยจิตอยู่ ฝ่ายชั่วอาศัยร่างกายอยู่ ทำงัย แก้ไขอย่างไร แล้วฝ่ายดีมันจะมามั้ย มันนอนหลับมาเท่าอายุของผู้ฝึก ดังนั้นมันย่อม ง่อยเปลี้ย เสียขา อ่อนกำลัง ทำอย่างไรถึงจะเอา มันออกมาสุ้กับฝ่ายชั่วติตตามต่อครับ ตอน4 ปลุกจิตใต้สำนึก ปลุกกุศลจิต (ฝ่ายดี)ออกมาเพื่อทีจะ ทำให้ฌาน เกิด ก้าวหน้า และ ความชั่วทั้งหลายเบาบางลง ตอนหน้าห้ามพลาด ปลุกกุศลจิต เปิดจุด สัมปทันญะให้มาสุ้ อย่าพลาดครับ ผู้ใฝ่ดีทุกท่าน วันนี้กลับบ้านก่อน ไปแก้ทุกข์ประจำก่อน ทุกข์ประจำคือ ความหิวนั่นเอง ไปก่อนครับ แวะมาให้กำลังใจกันบ้างหนึ่งเสียงของท่านคือ กำลังพิมต่อครับ ส่วนคนติ นินทาก็ทำไปครับ ธ่รรมดาต้องมีอยู่แล้วไม่ฃีเรียสครับ แล้วฃักวันคุณจะรู้ว่าการขวางคนไปนิพพาน โคตรบาป อย่าทำเลยครับ ไม่ดี นิพพานเป็นของง่ายถ้ากล้าทิ้งความเป้นมนุสย์ครับ ไว้เจอกันครับ อ.ก๋ง พรหมบุตร ฃินแฃเทวดา <o></o>
<o> </o>
ตอน4 ปลุกจิตฝ่ายดีออกมาสู้กับอกุศลจิต ห้ามพลาด!<o></o>

<HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>​

1. เรากลับมาเจอกันอีกครับ พอดีช่วงนี้ว่างๆไม่ค่อยมีใครมาดูดวงทีร้าน เลยนั่งเฉยๆ หายใจทิ้งคือการปฏิบัติ ขั้นที่ 4แล้ว ใครอ่านไม่ท่าน ก็ลองไล่เปิดของเก่าๆดุก่อน ใครที่ทำลิ้งเป็น ก็ชวย เอามารวมๆกันไว้ ได้บุญครับ บางท่านถามว่า มันถูกต้องหรือเปล่าครับ ดูมันไม่เหมือนสำนักอื่นเค้า ครับ ผมตอบตรงนี้ เลยว่า ถูกต้องแน่นอน แต่ผมขอใช้คำพูดง่ายๆ ชาวบ้านๆ เพือความเข้าใจง่ายครับ ผมเรียนมาหลายสำนักครับ แต่ ไม่เคยมีใครสอนวิธีไปนิพพาน ฃักสำนักเดียว ส่วนใหญ่จบแค่ ฌาน พระฤาษี หรือไม่ก็อรูปพรหม ครับ เพราะคนที่ถ่ายทอดมา ตามกันมาทางตำราครับ ไม่ได้ถ่ายทอดจากการปฏิบัติ เลย ไม่ค่อยตรงครับ ดังนี้นมีโอกาส จึงอยากถ่ายทอดวิธีที่แท้ ตรง และเข้าถึงองค์พระนิพพานได้ นิพพาน "ถึงเองรู้เอง ครับ "บอกกันไม่ได้ ผมแค่รู้ วิธี และทางไป ไม่เก่งอะไรมาก แต่ก็อยากบอก และถ่ายทอด เผื่อเพื่อนเดินหลงทางเหมือนผม เสียเวลาครับ สุดท้ายผมกลับได้รู้จาก คนธรรมดาถ่ายทอดไม่ใช่พระด้วย เป้นจิ๊กโก่ธรรมดาคนนึง แปลกมาก วันหลังค่อยเล่าครับ เรียนกับพระ มา 100กว่าวัดไม่เข้าใจ เจอคน ทีบารรำวง มาบอก 3คำ กลับเข้าใจ มหาศาล งง เหมือนกันครับ เอาหล่ะครับเพื่อไม่ให้ เสียเวลา ไปกัน บทที่ 4 เปิดจุดกรรมฐาน และปลุกกุศลจิต (ฝ่ายดี)ออกมา ติดตามได้ ณ บัดนี้ <o></o>
ก็เมือมาถึงตามรู้แล้วปัญญา มันเกิด มันเข้าใจ อาการกรรมแล้ว แต่มันยังไม่เห็นหน้าตากรรม ครับ การรบที่ดี ต้องรุ้เขารู้เรา จึงจะชนะ ดังนั้น ต้องมาทำความรู้จักกับ หน้าตาเจ้าความทุกก่อนครับ
1ทุกข์ตัวตน ทุกข์นี้ เห็นว่าเขาหล่อ สวย ดีกว่าเรารวยกว่าเรา สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจครับ
2ทุกข์ร้อน ก็ความรัก ห่วงอาหาร ความคิดถึงความอาวรณ์
3ทุกข์ประจำ เกิดแก่เจ็บตาย หิว
4ทุกข์ขจรมา อันนี้น่ากลัวสุดดดดดดด คือความพลัดพรากที่มาโดยไม่บอกล่วงหน้า เช่นลูกตาย แบบอุบุติเหตุ นักปฏิบัติหลายท่านเจอตัวนี้ ถึงสติแตก
5ทุกข์ฃ้ำฃาก ก็พวกขับถ่าย
6ทุกข์ธรรมดา ฟังแล้วธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา ครับ คือมีลาภเสือ่มลาภ มียศเสือ่มยศ ส่วนใหญ่ โดนตัวนี้ เข่นนักการเมือง ฮิๆๆๆๆ
7ทุกข์ผลกรรม เข่นขึ้นโรงขี้นศาล ถุกโกง หุหนวกตาบอด พิการ ต่างๆ
8ทุกข์อาหาร การแสวงหาอาหารมาบริโภค
9ทุกข์วิวาท ตีรันฟันแทง คอยระวังการแก้แค้นกับของโจทย? ว่างั้น
เหล่านี้เป็นเหตุของการเสียอกเสียใจ ร้องไห้ ฟุมฟาย แล้วมันมีต้นเหตุมาจากไหนล่ะ ใครตอบได้ยกมือขึ้น ................ ตอบให้ฟัง
มันมีต้นเหตุมาจากการเกิดแก่เจ็บตาย นั่นเอง
เกิดมีต้นเหตุมาจาก ภพ
ภพ มีต้นเหตุมาจาก ยึดถือ (อันนี้โครตแก้ยากกกกกกกกกกกกกกกก)
ยึดถือ มีต้นเหตุมาจาก อยาก
อยาก มีต้นเหตุมาจาก รู้สึก
รู้สึก มีต้นเหตุมาจาก กระทบ
กระทบ มีต้นเหตุมาจาก เครื่องต่อ
เครื่องต่อ มีต้นเหตุมาจาก รูป นาม
รูปนาม มีต้นเหตุมาจาก วิญญาน
วิญญานมีต้นเหตุมาจาก ปรุงแต่ง (อันนี้ผมโครตกลัวบราบ แม่งยากกกกกกกก )
ปรุงแต่ง มีต้นเหตุมาจาก หลงไม่รู้จริง
เหล่านี้ หากดับหลงไม่รุ้จริง ปรุงแต่งก็ดับ วิญญาน รูปนาม ทุกอย่างจะดับหมดครับ สิ่งเหล่านี่นักปฏิบัติมองข้ามไปครับ มัวแต่ไปฝึกกรรมฐานโดยลืมการดับตัวพวกนี้ก่อน เลย หลงงงงงงงงงงงงง ทาง ไอ้เจ้าพวกนี้ มีอยุ๋อย่างเดียว คือ...............การ <o></o>
· พิจารราร่างกายยยยยยยย พวกเราลืมกันครับ เพราะนักปฏิบัติมักมอง สมถะวิปัสนา ว่า เด็กๆ นี่เอง เส้นผมบังโลกแท้ๆ แล้วเราจะพิจรณาร่างกายได้อย่างไร ทำอย่างไร ฝึกอย่างไร ทำให้ร่างกาย มันแยกออกจากจิตได้ ทำอย่างไร ให้ระรึกถึงความตาย ทุกขณะจิต ทำอย่างไรให้ตาย โดยทีร่างกายยังอยู่ครบในสภาพ100 เปอรเชน ทำอย่างไร มีคนมาดูดวงพอดี ขอญาติทำงาน หาตังก่อนครับว่างๆ จะมบอกวิธี พิจาราร่างกาย ก่อน ส่วนปลุกจิตความดี ต้อง อดใจรอ ครับ ห้ามพลาดครับสำหรับ ผุ้ใฝ่ดี ทุกท่าน ที่นี่มีให้คุณมากกว่าทีคิดครับ ที่นี่ ไม่หลงทาง ที่นี่ ไม่ต้องไปไกลๆๆๆๆรอนแรม ทำที่บ้านก้ได้บุญเหมือนไปทำทีวัดครับ จิตเป็นหนึ่งกายเป็นสองครับ แล้วค่อยเจอกัน<o></o>
<o>ตอนที 5 พิจรณากาย และเปิดจุดสติสัมปัญชญะ และนำกุศลจิต(ฝ่ายดีออกมา) การปฏิบัติธรรม กรรมฐานชั้นสูง โดย อ .ก๋งพรหมบุตร<o></o>

<HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>​

1. ตอนนี้เราเห็นหน้าเจ้าตัวความทุกข์แล้วแต่ยังไม่เห้นหน้ามาร เอ้าลองส่องกะจกดูเจอยัง น่านแหละมันกะเราตัวเดียวกันนี่เอง พยามารมันจึงอาศัยร่างกายเราในการรับรู้ทุกอย่างไม่ว่าเราจะทำอะไร ชั่วหรือดี ถ้าดีมันจะขวาง ถ้าชั่ว มันจะส่งเสริม ดังนั้นมารทางโลกจะขางไม่ให้เรารวย มารทางธรรมมันขวางทางนิพพาน " ดังนั้น เราจึงมีหน้าที่อย่างเดียวคือ ฝึกจิตให้ไม่ยินดี ยินร้าย คือไม่อาทรต่อทุกข์ หรืดสุข อารมกลาง ไม่ใช่เฉย (อุเบกขา) เพราะอุเบกขาเป็นธรรมขอ่งพรหม ถ้ายึดเฉย ตายก็จะอยู่ชั้นพรหมว่างั้น ดังนั้นเรามาเริ่มเลย พิจารณากาย <o></o>
2. 1นั่งหลับตา ภาวนาว่า เล็บผมขน หนังเหงื่อ กลับว่าเหงือ่ผมขนหนังเล็บ อย่างนี้ต่อไปจนได้ธรรรม ได้ยังงัย? อันนี้แหล่ะที่อาจารย่หลายท่านไม่ได้บอกลุกศิษย์ ได้จนมีการพิจารณาในจิตว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เป้นเพียงหนังหุ้มขึ้ ไว้เท่านั้น ร่างกายผัวเราก็ไม่ใข่ขอ่งเรา เสือกจะมายึดว่าเป็นขอ่งเรา มาตามเอาคืนจากเมียน้อย นั่น ประไร " ถ้าไม่ยึดแล้วจะปล่อยวาง ปล่อยวางแล้ว ผัวไปไหนเรื่องของมึง ว่างั้น ถ้าทำใจรับสภาพแบบนี้ได้ท่านว่า พ้นทุกข์ เพราะจากการดุดวงมา25ปี มักยึดว่าเป็นของกู ใครห้ามแย่ง แท้จริงแล้ว เรื่องเมียน้อย เรื่องกิ๊ก เรื่องชู้ บางที(บางที )มันเป็นเรื่องทีมีกรรมเก่ามารองรับ เพราะเคยช่วงชิงเขา มา ชาตินี้จึงมาเอาคืน ถึงตอนนี้แล้วคันปากกกกกก (บาป)แต่ต้องบอก เล่าให้ฟัง มีคนถามว่าทำมัยไม่ไปลงในหน้าธรรมโดยตรงผมก็ตอบไปตรงๆว่า กะทู้ทางธรรมตรงๆ มันมีคนหลงธรรมอยู่ มักคิดว่าตัวเอง เข้าใจแล้ว บรรลุแล้ว พอเอาเรื่องดูดวงพูดไป ไสยศาตร์พูดไป ฝันพูดไป เค้ามักยกธรรมมาลบล้างไม่ให้เชื่อ เคยขี้เกียจสุ้รบตบพุ่ง เพราะพระธรรมแท้ๆ มันแปลว่า ธรรมชาติ ธรรมชาติคือความเป็นจริง พวกเขาไม่รุ้สภาพความเป็นจริง ว่า ตอนนี้เราเป็นคน มี รัก โลภ โกธร หลง การมาปฏิบัติเพื่อให้มันจางลง แล่ะไม่ยึดติด อันหลังสำคัญกว่า สภาวะเช่นนี้ ในกรรมฐานชั้นสุงเขาว่า "สภาวะหลงธรรม"ดังที่เคยปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ว่าพระส่งฆ์ท่านหนี่งทุบพระพุพธ ราดน้ำกรด ทำลาย เพราะอ่านพระไตรปิฏกจบแล้ว เขาห้ามยึดถือวัตถุ ไอ้ทีไห้วกันคือ โลหะธาตุ นั่นปะไร "ถาม " มันคิดถูกหรือป่าว <o></o>
3. ตอบถูก แต่ถูกแบบของมัน ของกิเลส กิเลสอันที่ชื่อว่า ละเอียด มันฃ่อนตัวมากับความดี เพราะหวังดีอ่ยากให้คนไม่ยึดติด แต่ผิด วัฒนธรรมและความเชื่อ ทีสำคัญรูป พระปฏิมากร นั้นเป็นรูปพุทธเจ้า จึงไม่บังควร แต่มันเอาธรรมค้านว่า ผู้ใดเห้นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต แหน่ะ ว่าไป ได้มีโอกาส เจอเค้าผม ก็เลยถามประโยคเดียวจริงๆๆๆๆๆๆ ว่า หลวงเพ่ ครับ ก่อนทีหลวงเพ่จะอ่านธรรมจบนี่ หลวงพี่ไห้วอะไรมา พ่อแม่หลวงเพ่ เข่าวัดไห้วอะไรครับ ที่เขาหล่อเป็นพระมานี่ เพื่อให้ระรึกถึงพระองค์ เป็นตัวแทน เพราะพระองค์ไม่อยู่แล้ว เพราะศาสนาต้องอยู่ตามคำทำนายของพระองค์เองว่า 5000ปี ดังนี้น ไม่มีใครเห็น อย่าว่าแต่5000ปีเลย 2552ก็ไม่มีใครรู้แล้ว เค้าดูทีเจตนาครับหลวงเพ่ ...........พ เท่านั้นหล่ะ สึกไปเป็นที่เรียบร้อย ญาติโยมทีเคยเชื่อเอาพระไปทิ้งเรียบร้อยแล้ว ครับ ดังนั้น ธรรมปฏิบัติได้ห้ามหลงครับ มันละเอียดครับ เมือท่านถึงจุดหนี่งมันจะปล่อยธรรมเองครับ เพราะธรรมจะบังนิพพานอีกที แต่ตอนนี้เรายังไม่ถึง ต้องปฏิบัติต่อ ครับ มาต่อ จากนั้นมโนจิตเอาเองว่า เอาหนังออกเห็น เนื้อ เลือดน้ำหนอง เอ็นกะดูก ปอดตับไต ไล่ไปจนถึงตีน แล้วคิดว่าร่างกายเป็นฝุ่น และย้อนจากฝุ่นประกอบเข้าใหม่เป็น ตัวเราฃ้ำแล้วฃ้ำเล่า นานมั้ย เป้นปี จำไว้ว่าทุกครั้งที่ราคะ กิเลส กาม จงพิจารรากาย ห้ามทิ้งพิจารณากาย เด็ดขาด จนสุดท้ายจิตมันไม่ยินดีกับกายยยยยย คือแค่รักษาให้สะอาด กินขอ่งไม่มีอันตรายแก่มัน รักษามันไว้เพื่อการปฏิบัติเท่านั้น ทรัพย์ทีหามาเป้นเพียง ทุนทีจะทำให้นิพพาน ลองเปลี่ยนความคิดใหม่ แล้วคุณจะรู้ว่า เงินมันมาเองจริงๆ จากไหนจากเทวดาที่ใฝ่ธรรม จริงๆไม่ได้หรอก ทำงานตามปกติหาเลี้ยงชีพ แต่ทุกครั้งที่ ฝืดเคืองเรื่องเงิน เดี๋ยวเทวดา เค้าจะ ให้เราเจอรัยดีๆ มีโขคลาภ ได้งานใหม่ ได้มีคนเอาตัง มาได้คู่อุปถัมต่างๆ ทีมีการได้ทรัพย์ ลองดูครับ ถึงตอนนี้ แล้วจะได้ยินเสียง หนี่งในใจ เรียกว่า กุศลจิต ฝ่ายดี ทุกครั้งทีทำอะไรไม่ดี มันจะร้องห้าม ที่เขาเรียกกันว่า สติ ครับ หรือมโนธรรม แค่นี้คุณก้จะมีคนเตือนทุกครั้งทีจะทำชั่ว ว่าอย่าทำ จริงๆ ลองดู พอก่อนละกัน คราวหน้าจะมา เรียกจุดสติสัมปัญชญะให้ตื่น (พิมผิดเปล่า)ใครรุ้แก้ด้วย ตอนนี้ปวดหลัง ขอญาติไปบ้าน นอนกินยา ก่อน แล้วไอ้ปลุกจุดสัมปัญชญะทำอย่างไร ห้ามพลาด ไม่มีขายครับ และขอขอบคุณ เติมเต็มที่รวบรวมลิ้งไว้ แต่ถ้าจะให้ดี ช่วยปริ้นเก็บไว้ด้วย จะได้ทำเป้นเล่มแจก สุดยอดดดดดดดดดดดดดดการทำบุญยิ่งกว่าการสร้างใดๆในโลก ให้ธรรมะเหนือการให้ทั้งปวง พิมแจกดุ ชีวิตไม่ดีขึ้นให้เตะ ขอลาไปก่อนแล้วเจอกันตอน 6 เรียกสัมปัญชญะให้ตื่นมาทำงานครับ ห้ามพลาดดดดดดดดด้วยกาลทั้งปวง <o></o>
ตอนที6 เปิดจุดสติสัมปัญชญะ กรรมฐานชั้นสูง โดยอ.ก๋งพรหมบุตร ห้ามพลาดแม้กะพริบตา<o></o>
วันนี้ เรามาเรียนกันเลย หลายคนเฝ้ารอถาม ว่าตอน 6เมือ่รัยมา ก็มาแล้ว ว่างๆหลัง่จากเมือวานนี่ไปช่วยคุณแม่ บ้านทีวงเวียนใหญ่ไฟไหม้ เดชะบุญ ไม่ได้ไหม้บ้าน แม่ ก้เล่นเอาใจหาย ใจคว่ำ มา เรามาเรื่มเรียนกันเลยยยยย ส่วนคนทีเพิ่งเข้ามาดุ กรุณากลับไปดุตั้งแต่ตอน 1 ถึง 5 มาก่อน จำไว้ว่าแต่ละตอนต้องฝึกนี่ง 1เดือนอย่างน้อย ครับ เอาว่ากันเลยละกัน เริ้มครับ หลังจากที่พิรณากายแล้วจะได้อารมณ์ เบื่อสังขาร คือตัวเรา นะครับแต่ถ้าเบือ คนรอบข้าง สภาพแวดล้อมข้างๆ ผิดครับ ทีนี่เรามารู้จุดสติสัมปัญชญะกอน ด้านหน้า มี ที่ 1หัวไหล่ช้าย ขวา กลางอก เอวฃ้าย ขวา หัวเข่าฃ้าย ขวา หน้าแข้ง มี3จุด หลังเท้า ฝึกด้านหน้ากอ่นละกัน เมือหลับตาภาวนาแล้ว ว่า พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ให้เพิ่ม คำว่าถุกหนอ เวลานึกถึง่ตัวถูกหนอ ให้คำว่าถุกมันไปโดนจุดที่กล่าวมาเช่นไหล่ฃ้าย ไหล่ขวา กลางอก เอวขวา เอวฃ้าย วนอย่างนี้ไปมา จะสังเกตุว่าพอถุกหนอ จิตไปกะทบจุดต่างๆทีบอก มา มันจะตอบสนอง คือการ กะตุก ของ เอ็น อันนนี้แปลว่าถุกต้อง ทำฃ้ำแล้วฃ้ำเล่า จิตจะเงียบ เร็วมาก และเข้าฌานไว มากถึงตรงนี้ได้ฌานแล้ว ที่นี่มาจุดหลัง ทีก้น ฃ้าย ขวา ก้นบน ฃ้าย ขวา เอวหลังฃ้าย ขวา กลางหลัง สะบักฃ้าย ขวา จะสังเกตว่าจะเริมถุกหนอตรงฃ้ายก่อนทุกครั้ง ภาวนาไปเรือยๆ ด้านหลังช่วงล่าง ข้อพับเข่าฃ้าย ขวา ฝ่าเท้าช้าย ขวา วนอย่างนี้ ทั้งตัว ไปมา จนกว่าจิตจะเบื่อ ช้าๆอย่าเร็ว อารมนี้ มันสร้างตัวจิตทีหลับมาหลายสิบปี หรือพูดง่ายตามอายุเรา เริ่มทำงานแล้ว ได้อะไร 1นิ่ง 2ปัญญา 3รุ้สภาวะความเป็นจริง ของร่างกาย และ4 การตื่นของสัมปชันญะ ตรงนี่ผู้ฝึกจะได้กำลัง เหมือนจิตออกมา ออกกำลังกาย ต่อไปนี้ทำอะไรมันจะมีกำลัง ถ้าวูบๆๆๆๆๆๆๆเรียกตกภวัง ให้ตอบจิตว่า รู้หนอ" ทำแลบนี้อาการภวังที่นักปฏิบัติมือใหม่กลัว จะหายทันที บางคนพอตกภวัง เลิกฝึก กลัวตาย มั่ง กลัวไม่กลับมั่ง อันนี้ผิดต้องฝึกต่อ ไปเรี่อยๆครับ ไปอ่านในกะทุ้ขอ่งชาวบ้านเค้ามักมาคุยกันว่า ฉันถึงฌานนู้นยานนี้ ได้กสิน10กองมา เม้ากันจ้าละหวั่นเลยงง ว่าเจ้าของกะทูสอ่นแบบนี้หรือ งง ถ้าเขาแข่งกันอวดฌาน(ชาน) ผิด ทำให้เขาอยาก(อยากได้ฌาน) จะทำให้ การปฏิบัติไม่ก้าวหน้า ดังนั้นการฝึกจงจำไว้ว่าเพือการ ปล่อยวาง ไม่ใช่เพือ การได้ แต่ไหนๆละ บางทีคนฝึกก็บอกว่าเป็นกำลังใจในการฝึกว่า ก้าวหน้าหรือเปล่า เพื่อการฝึกต่อ ผมก้มองเล็งเห็นแล้วว่ามีเจตนา ดี อยากรุ้เพือทำดีต่อ่ เอ้า ก็ไม่ว่าอะไรกัน แต่จงจำไว้ว่า อย่าเอาไปคุย โอ้อวดกัน ทับกัน ฌานไหน เจ้าของเองรุ้เอง ไม่ต้องไปเทียวบอกใคร เอาเป้นว่า จะบอกไห้แล้วกัน เอ้า ฌาน(ชาน)คือระดับของสมาธิ ญานคือ ปัญญา แยกให้ออก อย่างง ฌาน1(ชาน)เห้นเห็นจุดดวงดาวดวงจันทร อาทิตยบ้าง กลมๆบ้างตามอารมณ์นั้นๆ ฌาน2เห็นเหมือนฌาน1 แต่เป้นทางผ่าน สีเริ่มใสๆขึ้นส่วนฌาน3นั้น ต้องผูมีความชำนาญจึงสามารถเห้นได้ ไม่ขอ่อธิบาย แต่มีจำนวนน้อยมากทีจะเห็น ฌาน4เป้นแก้วใส ฌาน4จะได้อารมณ์สุขเป็นเฉย ยุงกัดไม่เจ็บ ไม่ได้ยินเสียงรุ้แต่องค์ฌานไม่สิ้นสุด 5 6 7อยู่ในฌาน4อีกที เรียกว่า อรูปฌาน คือไม่มีรูป อันนี้ต้องมาเรียนโดยตรง บอกไม่ถูก แต่ไอ้ทั้งหมดนี้ เข้าไม่ถึง "มรรค"เป็นแค่ส่ม่าธิธรรมดา ฤาษีก็ทำได้ ปัจจุบันพลังงานเหล่านี้ถูกนำไปรักษาคน มั่งดูหมอมั่ง ทำเสกนั่นนี่มั่ง สิ่งเหล่านี่เองทำให้ผู้ฝึกมักหลง ยึดเอาว่า เก่งแล้วกู ฮิๆๆ แต่มันยังไม่ใช่ทีสุดตอ้งเดินต่อเดินไปไหน ไปหาใคร ต้องเดินไปสุ้ทีเค้าเรียกว่าเดิน ธรรม เดินธรรม เดินอย่างไร ทำไม่ต้องเดิน เดิ่นแล้วได้อะไร ฌานทั้งหมดจะถูกทิ้งนับแต่วันที่เดิน ใครเสียดายมันก็ ไม่ต้องฝึก ใครกล้าทิ้งมันก้มาฝึกเดินธรรม ถ้าได้ เดินธรรมแล้ว โอ้ การหลุดพ้นไป จุลดิสโสดา มาทันที แล้วจะเก่งอย่างไร ฝึกอย่างไร ที่ไหนมีส่อน ตอบไม่มี เพราะ มันฝึกกันไม่ถึงกัน พอได้ฤทธ์แล้วมันกไม่เอาตัวนี้ กัน มาเปิดตัวเป็นเจ้าสำนักกัน สอนนุ้นนี่ เล่นฃะ หลงทาง เอ้าใครอยากฝึกเดินธ่รรมโพสมาไม่ถึง 50โพสไม่สอน หวงวิชาเหมือนกันน้าฮิๆๆๆๆๆๆๆๆ ครบ50โพส จะมาว่าต่อ เดินธรรม สิ่งที่ ทุกสำนักไม่มีสอน มีที่นี่แห่งเดียว กับการฝึกมา เล่นจริง เจ้บจริง5555 เหมือนองบากเลย จริงครับกว่าจะเจอตัวนี้ เล่นฃะ บ้ากามไปพัก บ้ารักเป็นปี บ้ารวยหลายรอบ โอ้ยสารพัด เล่นฃะเกือบกลายเป็นหมอเสน่แหนะว่างั้น ไปกอ่น กลับมาเมือ่50 คำถามกะทู้ แล้วคงได้เจอกันครับ อ.พรหมบุตรชินแชเทวดา<o></o>
<o> </o>
การเดินจิต<o></o>

<TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: #efefef 1pt solid; BORDER-TOP: #efefef 1pt solid; BACKGROUND: white; BORDER-LEFT: #efefef 1pt solid; WIDTH: 100%; BORDER-BOTTOM: #efefef 1pt solid; mso-cellspacing: 0in; mso-border-alt: solid #EFEFEF .75pt; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #efefef; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #efebef; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #efefef; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #efefef; mso-border-right-alt: solid white .75pt" vAlign=top>บทที่7 เดินธรรม ทิ้งภาวนา เข้าสู่ความเป็นจริง<o></o>

<HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>​

ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ส่งกำลังใจมาให้ ทำให้รูสึกดี และอยากสอนต่อ หลายคน ลองทำแล้วโทรมาถามกันใหญ่เลย ว่าเรียนทีไหน ตอบ ไม่มี เอามาจากหลายสำนัก คัดมาจากที่ดีๆทีหลงไม่เอาแล้วเอามากวน ใหม่ รวมเป็นอันเดียวทีดี โดยยึดหลักความเป้นจริง "เพราะอารมณ์แห่งความเป้นจริง แม้รู้สึกตัวอยู่ตลอดสามารถหลุดเป้นอริยโดยไม่ต้อง เข้าสภาวะ ธรรมใดๆเลย เป้นเรื่องจริง เอ้า ก่อน จะไปเดินธรรมกัน เรามา เปลี่ยนความคิดกันใหม่ก่อนน้า 1หาตังเป็นเสบียงไปนิพพาน 2มองทุกอย่างว่า เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป 3
ร่างกายไม่ใช่ของเรา 4มองคนสวยๆอยากฟันเค้าให้คิดใหม่ว่า "เค้าทำบุญมาดีแต่ปางก่อนจรึงสวย "5พูดน้อย คุยแต่ธรรม เรื่องทางโลกคุยน้อยลง 6อย่าด่าใคร 7โกธ่รให้น้อยลง หรือหายเร็วขึ้น 8 พิจาราณากายตลอดห้ามทิ้ง 9อย่าทำดีหนีชั่ว คือทำดี หวังแค่ได้ดี 10 สำคัญมาก ยอมรับสภาพ กรรม ที่ก่อขึ้นมาแต่อดีต ถ้ามีเหตุ ให้ติดคุก ให้หมดตัว ให้พ่ายแพ้ ต่อกิเลส อย่าโทษตัวเอง ให้ทิ้งอารมณ์นั้นไว้ แล้วปรับดวงจิตให้ผ่องใสอยุ่ตลอดเวลา กล่าวคือ เราเมื่อ 1 นาทีที่แล้วตายไปแล้วทุกวัน เราคือจิตที่ใหม่ตลอด ทุกวินาที อันไม่ดีห้ามเก็บมาทำร้าย จิตตัวเอง คือการยอมรับและให้อภัยตัวเอง เอาล
องปรับอารมณ์ให้ได้อย่างนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวมาว่ากัน ต่อพอดีมีลูกค้ามา ทำงานก่อนเดี๋ยวว่างๆมาพิมให้อ่าน 7.2 โอเคน้ะ ท่าน ผู้กำลังจะรู้

<o></o>
</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: white 1pt solid; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: white 1pt solid; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: white 1pt solid; mso-border-alt: solid white .75pt; mso-border-top-alt: solid white .25pt"><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" oreferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><vath o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></vath><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=Picture_x0020_10 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 11.25pt; HEIGHT: 11.25pt; mso-wrap-style: square" alt="ฯ ๗๑" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1028"><v:imagedata o:title="ฯ ๗๑" src="file:///C:\DOCUME~1\THATCH~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape> <o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE>​

<o> </o>
บทที่ 7.1เดินธรรมทิ้งฤทธิ์ เข้าสุ่กรรมฐานชั้นสูง โดยอ.ก๋งพรหมบุตร<o></o>

<HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>​

ที่นี้ เรามาคิดตามอารมณ์ ในบท 7แล้ว เรายังไม่ทิ้งฤทธิ์ เพราะตัวฤทธ์ มันทำให้เรารู้สึกพอใจ และสำคัญว่าเก่ง เหนือคนทั้งปวง เราต้องมาเดินพระธรรม ปกติเราจะภาวนา กัน พุธโธ สัมมา อรหัง พองหนอ ยุบหนอ อื่นๆ แต่คราวนี้ เรามาข้ามขั้นเลย เพราะฝึกตามสเตป มันช้าขาดอัถรส ที่นี้ ภาวนา ว่า "ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา " ทุกขัง ให้กำหนดฐานทีระหว่างคิ้ว อนิจจัง ให้กำหนดไว้กลางอก อนัตตาให้กำหนดไว้ที่ เหนือสะดือ 2นิ้ว เค้าเรียกว่า กรรมฐาน 3ฐาน กรรมฐาน3ฐานนี้ปกติจะให้กับคนทีจะเป้นพระอรหัน คนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆ ไม่ค่อยได้รู้ เพราะมันเป้นสุดยอดดดดดดดดดด ของ กรรมฐาน และวิปัสนา กรรมฐาน ธุระ " ชือ่เต็มๆขอ่ง"กรรมฐาน นี้ ระหว่างที่ภาวนา ตามจุดที่บอก ย้อนจาก สะดือ ก็ว่า อนัตตา อนิจจัง ทุกข์ขัง กลับไปกลับมา เหนือทั้งปวง ให้มีอารมณ์ความเป็นจริงอยู่ตลอดเวลาว่า ทุกอย่าง ต้องดับ ทุกข์ก็ต้องดับ สุขก็ต้องดับ เราก็ต้องดับ ลูกเราก็ต้องดับ ทำไม่ต้อง ลูก เพราะลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ รักมากกว่าชีวิต ถ้ากล้าคิดแบบนี้ ความกลัวในความตาย มันจะหายยยย โดยสิ้นเชิง จากความเป้นจริง จะเห้นได้ว่า การมองความเป็นจริงต่างหากทีมีค่า กว่า พระธรรมตัวไหนๆ เพราะความเป็นจริงคือ ปัจจุบัน ดังนั้น รุ้แต่ปัจจุบันอย่างเดี่ยว อย่าสนใจ อนาคต เพราะ ปัจจุบันดี อนาคตดีแน่นอน พุทธเจ้ากล่าวไว้อย่างนั้น จงใช้ชขีวิตปก ติ กิน ขึ้ ปี้ นอน นั่ง่ภาวนา สวดมนต์ ทำงาน ไม่วุ่น่วายกับคนหมู่มาก ตามอารมณ์ "ปถุชน " ไม่ต้องทำตัวเป้นพระ หรือ คนดี อะไรมาก รุ้แต่สภาวะความเป็น่จริงพอ อยู่อย่างมนุษย์ก็นิพานได้ ครับ เรือ่งจริง ธรรม ทั้งหมดใช้แค่ก่อนตายเท่านนั้น ต่อนจะไปหาภพหาชาติ พอ ดังนั้น ไม่ต้องสนใจฤทธิ์อีกต่อไป อยู่อย่างคนธรรมดา และต่อไปนี้ เห็นพระทีอยู่อย่างธรรมดา จงกราบไหว้ เจอพระมีฤทธิ์ ให้เฉยๆๆๆๆๆๆๆ แค่นี้ ธรรมเดินแล้ว พักก่อนน่ะ<o></o>
</o>

 

ตัวเล็กจังเลย

 

กระทู้ดีๆอย่างนี้สมควรเก็บไว้อย่าให้หลุดชาร์ต อ้าวๆๆๆ อัพๆๆๆๆจ้า....

 

อนุโมทนคับ

 

ขอบคุณที่ให้วิทยาทาน

 

ขออนุโมทนา กับข้อคิดดีๆๆที่ อาจารย์ก๋งนำเสนอทุกบทความค่ะ

ได้อ่านวิธีปฏิบัติของอาจารย์ก๋ง แล้วดีมากๆๆค่ะ

 

มาดันทู้ให้อ. ใครสนใจก็เชิญจ้า

 

ถาม อ.ก๋งเดี๋ยวนี้นั่งสมาธิไม่หายใจเข้าออกเหมือนเมื่อก่อนเวลานั่งไม่อยากภาวนาพอเข้าสมาธิเหมื่อนกับหายใจในตัวหรือในกายหัวใจไม่ค่อยรู้ลึกเหมือนกับจะตายค่อยๆๆอ่อนไปเรื่อยๆๆนั่งและเฉยมากพยายามพิจารณากายสังขารแต่มันถอยไปอุปจาระไม่เป็นก็เลยพิจารณากายสังขารตอนนั่งสมาธิแบบนิ่งๆๆไปเลยไม่ทราบว่ามีผลเป็นวิปัสสนาบ้างไหมค่ะ

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sdf<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2627389", true); </SCRIPT> คูณกลัวความตาย มันเลยเกิด ยึด พอยึด เกิดตัวตน เกิดตัวตน จิตไม่ปล่อย เลยยยย มีอาการเช่นนี้ คราวหน้า พิจารณาร่างกาย คับ ว่า ไม่ใช่ของเรา แค่นี้ หายยยยย นั่งสบายบรื้อ...........อ

 

คนจริงมาเร้นกายอยู่ที่นี่เอง มีดีจริงหรือไม่คนที่มีปัญญาอ่านดูก็รู้เองได้ อย่าง อ.ก๋งนี่ขนาดเราเป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาดนัก พออ่านดูครั้งแรกก็รู้ว่าของจริง ไม่อิงนิยาย ปฏิบัติได้เองไม่ใช่อ่านมาจากตำรา เมื่อก่อนนี้ไม่เคยเข้ามาในห้องดูดวงเลย แต่มาสดุดกับกระทู้ถามมา ตอบไปในเรื่องของการปฏิบัติ อ่านแล้วเข้าใจง่าย สนุก ได้สาระไม่เครียด เลยเข้ามาห้องนี้บ่อยเลยทีนี้ เพื่อติดตามกระทู้ของ อ.ก๋ง ขอเป็นหนึ่งกำลังใจค่ะ ท่าน อ.ก๋ง มารไม่มีบารมีไม่เกิดค่ะ

 

ควรสวดมนต์ก่อนค่อยทำสมาธิไหม
ว่าแต่ การนั่งสมาธิจะมีหลุดลอยจนไม่กลับมาไหม - -''

 

atnarak<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2630537", true); </SCRIPT> เท่าที่เป้นคน มา 42 ปี ยังไม่เคยมีใครหลุดลอยไป เลยยยยยย หากหลุด ได้จริง ระหว่าง กรรมฐาน น่าจะ นิพพาน ชัวววววววววว อ่า อยากหลุด อ่า มีใครสอนได้มะ อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กุไม่อยากเกิดแล้ววววววว แต่ทำไม่อยากรวย อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆตอบบบบบบบ ก็ความเป็นจริงต้องหาเลี้ยง รัปทาน เจ้าค่ะ อันนี้ พระท่านไม่รุ้ จัก ครับ เพราะ บิณทบาตร เลี้ยงชีพพพพพพพพ ส่วนหมานุส ก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป เนอะ อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดังนั้นท่านจึงบรรลุ ธรรมเร็วกว่าพวกเราเจ้าค่ะ สาเหตุ ก็มีด้วยกาล เข่นนี่ ดังนี้น หากใคร เข้าใจธรรม บรรลุธรรม ระหว่าง เป็นคน ถือว่า สุดยอดดดดดครับ เพราะ อยู่สายกลางงงงงงงง พอดีแป๊ะ ...... ไม่ตึงไม่หย่อน ...เหม็นๆ ก็ต้อง โสดาบันอ่าครับ .......ดังนี้น อย่าไปคิดว่ามีองค์นู้น องค์นี้ อยู่ในร่างกายเลยยยยยยย คน นี่แหละ นิพพานได้ หาก ให้ องค์ต่างๆ มาสิงอยู่ บารมี ก็จะไปอยู่กะองค์หมด ครับ เราจะได้ เพียงแค่ ให้ องค์ต่างๆ อาศัยร่างกาย แต่ เรา อด ครับ เพราะความดี กุศ่ล ต้องเกิด จากจิต ของร่างกายนี้น หากแม้ เพียง ข้าวตังง แห้งๆๆๆ สกปรก ๆๆ แต่มีจิตอยากจะให้ ใส่บาตร ป๊าปปปปปปปปปป นิมนรตี่ เลยยยยยยยยย พระท่านว่าอย่างนี้น ......... เป็นคนดีที่สุด ด.................... หากอยากจุกสุดกว่านี้ คือ ไม่ต้องงงงงงมาเกิดดดดดดดดด เป็นอะไรเลยยยยยยย ไปภาวนากันต่อ ที่โลก พระนิพพาน กันเถอะ................. ไม่ไกล ถ้าจิตอยากจะไป ไกล ถ้ายังรัก ............ ความเป้น มานุส สานังอยู่ ดังนี้น ไม่ยึดทุกตัว แค่นี้ .......... เป็นคน ก็นิพพานได้ เจ้าคะ ................ ฟันธง! 5555555555