ขอถามเรื่องกสิณลมค่ะ

รบกวนท่านผู้รู้ตอบให้ด้วยนะค่ะ
พอดีว่าวันนี้ ยืนมอง ท้องฟ้า อากาศไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
ก็เลยลองเพ่งๆดู เห็นแสง สว่าง ระยิบ ระยับ รอบๆตัวค่ะ ในบริเวณระเบียงห้องที่ยืนดูลม ไปรอบๆนะค่ะ พอหลังจากนั้น ก็เลยมองไปที่ท้องฟ้า แล้วเห็นท้องฟ้า เป็นรูปหมุนติ้วๆเป็นวงกลมๆนะค่ะมีไอ มีควัน พุ่งออกมา ผู้เขียนเลย กำหนดจิตเพ่งดู ไปเรื่อยๆ ผู้เขียนไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเลย เป็นครั้งแรก และตกใจมากๆ ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเบา อยากถามท่านผู้อ่านว่า แบบนี้ ใช่กสินลมรึป่าวค่ะ

 

""เอไอ้กสินนี้ภาพมันต้องนิ่ง
จากไม่ชัค่อยๆชัดขึ้นมาเรียกกสินน่ะ
ภาพที่ไม่นิ่งจะเรียกกสินไม่ได้
มันต้องเรียกว่านิมิต""

โอวาทหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
กล่าวไว้ตอนที่สอนมรณานุสติ
แล้วคนถามว่าภาพกสินต่างจากนิมิตยังไง

 

ขอบคุณค่ะมากๆเลยค่ะ สำหรับคำแนะนำ

 

จะทำสมาธิหรือกสิน บาทฐานแรกเลยต้องมีศีลซะก่อน
รักษาศีลให้คุมที่ใจ สมาธิก็จะง่ายและไม่งง
ผมไม่ได้พูดเองนะครับ แต่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก
แต่ทุกวันเห็นแต่ทำสมาธิกัน แต่ไม่เคยรักษาศีลเลย อย่างน้อยต้องศีล 5 ครับ

 

ก่อนอื่นขอเคารพคำตอบท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->s.orr<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2999113", true); </SCRIPT> ก่อนครับ......

ถูกต้องแล้วนะ....กสินต้องเป็นภาพนิ่ง......แต้กสินที่มีความพิเศษกองหนึ่งคือกสินลม....

กสินลมเป็นกสินที่ไม่มีภาพนิมิตนะ.....ผมอยากจะตอบว่าที่ จขกท ฝึกได้นั้นน่าจะถูกต้องแล้วนะ......หลวงพ่อท่านเคยสอนว่าให้กำหนดตรงลมตามยอดไม้ครับ....เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ....จะรวมตัวเป็นลักษณะคล้ายควันไฟ บางคนจะพุ่งขึ้นมาเป็นจุดๆไหวๆ.....บางคนจะจะโปล่งใสไหวๆนะ(พูดง่ายๆจากไม่มีมวลเลยมันจะรวมมีมวลบอกไม่ถูก)....ทั้งนี้ให้จับเอาตรงนั้นเป็นนิมิต....

เอาเป็นว่า....การดำเนินของสมาธินั้นจะเป็นไปเอง.....ไม่ใช่ไปบังคับให้เกิดในตอนแรกนะ.....เมื่อมีความคล่องตัว....จึงจะเอานิมิตที่ได้ซึ่งจะนิ่งแล้วเอามาทำต่อไป....จิตก็จะดำเนินสมาธิต่อไปในลำดับต่อไป(ตรวจสอบได้ในลำดับสมาธิในหมวดของกสินในคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานนะ).......

ทั้งนี้แนะนำให้ จขกท ศึกษาเพิ่มเติมในพระธรรมเทศนา หมวดกสิณ ของหลวงพ่อฤาษีต่อไป...เพื่อปูพื้นของการปฏิบัติให้แน่นนะ......

เป็นกำลังใจให้ปฏิบัตินะ.....ปฏิบัติต่อไป.....ท่านทำได้ดีแล้ว.......โมทนาสาธุบุญ.....

 

ส่วนตัวผมกลับคิดว่า จขกท เคย เจริญกสินลมมาชาติก่อนครับ ระยิบระยับหมายถึง ประกายพฤกษ์ หรือเปล่า มีไอมีควันคงเปนอุคหนิมิตแล้วล่ะน่าจะใช้ต่อได้นะครับ โมทนาสาธุๆๆๆๆๆๆขอให้ได้ณาน4กสินลมไวๆ มีเฮแน่
ลองฟังขององค์หลวงพ่อหรืออาจารย์เล็กดีกว่าครับท่านว่าจะเหมือน"ไอข้าวต้ม"หรือ'ไอร้อนบนถนน"

 

ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นค่ะ

 

ขอขอบพระคุณ ทั้ง จขกท. และทุกๆ คำตอบด้วยครับ...

 

ใช่ค่ะผู้เขียนเห็นแบบประกายพฤกษ์ค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะไม่ร้จะปรึกษาใครดี ควรปฎิบัติต่อไปรึป่าวค่ะ กลัวนะค่ะ เพราะเพิ่งเคยทำได้เป็นครั้งแรกค่ะ

 

เวลามองจากระเบียง มองดูดีๆแล้วจะเห็นเป็นแสง จุดๆเล็กๆ สีทองๆ ระยิบระยับ แบบเยอะๆ ไปทั่วๆ ใช่รึเปล่าคะ

 

เป็นนิมิตรนะครับ กสินลมเราต้องเพ่งที่การเครื่อนไหวรู้อารมของการเคลื่อนไหวเอาการเคลื่อนไหวเป็นอารม
ให้รู้ตัวเองก่อนว่าสิ่งที่เพ่งๆดูนั้นคืออะไรกสินลมไม่ใช่เพ่งลมแต่เพ่งการเคลื่อนไหวสิ่งใดเคลื่อนไหวได้เพ่งอาการเคลื่อนไหวนั้นไม่ใช่อากาศไม่ใช่แสง ลมไม่มีรูปที่มองเห็นแต่รับรู้ได้ด้วยกระทบกายเมื่อพิจารนาลมก้ให้พิจารนาการกระทบที่เป็นครั้งคราวพิจารนาที่อาการเคลื่อนไหวสิ่งใดๆเคลื่อนไหวด้วยลมเป็นปัจจัย มองสภาวะของลมไห้ออกก่อนครับ อาการเคลื่อนไหวของมือเท้า อาการเคลื่อนไหวของทุกๆสิ่งล้วนเป็นลม อำนาจของลมคือการเคลื่อนไหวเปลี่ยนที่ เราสามารถทำไห้กองอากาศเคลื่อนที่ผ่านไปได้ หรือกองดินเคลื่อนที่ได้หรือสิ่งใดๆๆต่างๆเคลื่อนที่ได้เป็นกสินลม

นิมิตรเพ่งอยู่ที่สิ่งใดสิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงนะครับไม่ใช่ไปจับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่มาเป็นนิมิตรแสดงว่าจิตเคลื่อนออกจากฐานที่เพ่งไปสนใจนิมิตรอื่นที่ปรากดแล้ว สมาทิไม่ทรงตัว แต่ด้วยอาการเช่นนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ก้คืออารมในขั้นอุปจารสมาทิครับ มีสมาทิเล้กน้อยก้สามารถกำหนดนิมิตรที่ตนต้องการเพ่งได้แต่ไม่คงทนแถมมีนิมิตรอื่นแทรกต้องมีสติรู้ละลึกว่าใช่ขอบเขตใช่สิ่งที่เราพิจารนาหรือไม่เราพิจารนาการเคลื่อนไหวหรือเราพิจารนาภาพกันแน่
แต่นับว่าต้องเคยฝึกสมาทิมาบ้างไม่เช่นนั้นสมาทิคงไม่เกิดภาพนิมิตรขึ้นที่กล่าวว่าเป็นอุปจารสมาทินั้นเพราะว่ามีนิมิตรอื่นแทรกระหว่างกำลังกำหนดลมไม่ได้ตั้งขึ้นจากนิมิตรที่กำหดแต่เป็นสิ่งอื่นที่แทรกภาพนิมิตรอาจคล้ายว่าตำราบอกไว้ต้องเป็นรูปนั้นรุปนี้แต่อารมกรรมฐานจริงๆขอให้ลอง เคยได้ยินประโยคหนึ่งผู้ไม่เคยได้ฌาณไม่รุ้อารมฌาณนั้นๆจริงหรอกครับ ฌาณของแต่ละกองมีสิ่งที่แตกต่างกันอยู่เพียงแต่ สุข ปิติ วิตก วิจาร มีเหมือนกันแต่วิตกวิจารคนละตัวกัน
การคลายจากสิ่งที่เพ่งอยู่ในอาการเคลื่อนไหวไปพิจารนาภาพแทน ปกติของสมาทิเมื่อเกิดความลังเลสงสัยขึ้นและเกิดอาการตกใจจะทำให้สมาทิคลายตัวทันทีเนื่องจากขาดสติขาดสมาทิด้วยกำลังของนิวรณ์หากยังคงมีภาพปรากดอยู่อาจด้วยฝึกสมถะมามากมีสมาทิที่ต่อเนื่องแต่เปลี่ยนการเพ่งไปแล้วโดยไม่รู้ตัวอารมของฌาณในกสินเมื่อเข้าสู่อัปปานาสมาทิจะแตกต่างจากนี้มากในแต่ละกองลองปติบัติไห้ถึงที่สุดก่อนแล้วจะเข้าใจเอง
วิทีทดสอบก้ด้วยการอทิฐานจิตให้กสินกองนั้นๆเกิดผลสำริดขึ้นเพื่อนพิสูจน์
ไม่ใช่กสินลมเพราะคุนเจ้าของกระทู้ยังไม่ได้พิจารนาถึงความเคลื่อนไหวเพ่งลงในความเคลื่อนไหวนั้นจนเป็นอารมเดียว

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาก้ไม่อาจสรุปและชี้ขาดได้ทั้งหมดว่าถูกต้องเพราะสิ่งเหล่านี้ตัวผู้ฝึกเองอาจมีอาการหรือการปติบัติที่สืบเนื่องมายาวนานหรือมีของเก่าจากที่เคยฝึกฝนมาเป็นสัญญาเก่าอาจเป็นสิ่งที่แสดงออกมาไห้เห็นแต่ จากที่เล่ามายังไม่น่าใช่ครับ ตอบตามความเห้นส่วนตัวให้ศึกษาจากตำราหรือเทศนาของพระสุปติปันโนประกอปจะดีกว่าครับ

 

อนุโมทนาทุกท่านค่ะ

กสิณลม (วาโยกสิณ) เป็น 1 ในกสิณ 10
กสิณ 10 ประกอบด้วย *ภูตกสิณ คือ ดิน1 น้ำ1 ลม1 ไฟ1 *วรรณกสิณ คือ เขียว1 เหลือง1 แดง1 ขาว1 *กสิณอื่นๆ คือ แสงสว่าง(อาโลก)1 ช่องว่าง (อากาศ-ปริสฉินนากาส)1

หลวงปู่มั่น - วิธีเจริญวาโยกสิณ ให้เพ่งลมที่พัดอันปรากฏอยู่ที่ยอดอ้อย ยอดไผ่ ยอดไม้หรือปลายผมที่ถูกลมพัดไหวอยู่อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วพึงตั้งสติไว้ว่าลมพัดต้องในที่นี้ หรือลมพัดเข้ามาในช่องหน้าต่าง หรือช่องฝาถูกต้องกายในที่ใดก็พึงตั้งสติไว้ในที่นั้น แล้วพึงบริกรรมว่า วาโยๆ ลมๆดังนี้ร่ำไป จนกว่าจะสำเร็จอุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิต อุคคหนิมิตในวาโยกสิณนี้จะปรากฏไหว ๆ เหมือนไอแห่งข้าวปายาส อันบุคคลปลงลงจากเตาใหม่ๆ ปฏิภาคนิมิตจะปรากฏอยู่เป็นอันดีมิได้หวั่นไหว เมื่ออุคคหนิมิตเกิดแล้วโยคาวจรกุลบุตรก็จะได้สำเร็จฌาณโดยลำดับ

*

 

นิมิตหรือสภาวธรรมใดๆ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
ไม่คงทนถาวร เปลี่ยนแปรไปตามสภาพจิต

:boo:

 

เป็นกำลังใจ ให้จ้า

ออ อย่ายึดติดด้วยนะจ๊ะ
เห็นหรือไม่เห็น เหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิม ก็ ปล่อยว่างนะจ๊ะ

 

โมทนาสาธุธรรมหลวงปู่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ครับ....เป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้ศึกษา.....แต่ก่อนนึกว่าหลวงปู่ท่านไม่สอนด้านกสิณ...

 

ประสบการณ์นี้ผมก็เป็นครับ ไม่่นานนี้ผมนั่งอ่านหนังสือไปแล้วเห็นว่ารอบๆตัวผมมีไอขึ้นมาครับ หนังสือที่อ่านก็เป็นไอ ผมก็งงไออะไร ซักพักก็ 3-5นาที ก็หายไปหลังๆมาบ้างเป็นบางครั้งครับ...

 

โพสบนของผมนี่น่าจะเจริญลมมาก่อนนะครับ 555หลวงพ่อบอกว่าถ้าจิตเราสะอาดดี ก็จะเห็นลมไปทั่วเลยแหล่ะคับ

 

อุปทานไปเองครับ ผู้ฝึกใหม่ๆจะเป็นลักษณะนี้แทบทั้งสิ้น พอเจออะไรแปลกๆ
ก็คิดว่าตัวเองได้แล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ไปไหนเลย เค้าเรียกว่า อุปทาน คิดไปเอง

 

เอ่อคิดว่าไม่ได้อุปทานนะค่ะ เพราะไม่เคยฝึกกสินลมมาก่อนนะค่ะ ปกติไม่ได้เป็นคนฝึกกสินนะค่ะ คือ ทำได้โดยความบังเอิญค่ะ ไม่เคยฝึกแนวกสินมาก่อนเลยค่ะ