ปาฏิหารย์พระธาตุเสด็จ ที่วัดสัมพันธวงศ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย tadtang, 28 พฤษภาคม 2010.

  1. tadtang

    tadtang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +280
    16 มกราคม 2552 เป็นวันที่พระจักษุธาตุปรากฏเกิดขึ้นที่ วัดสัมพันธวงศ์
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top width="16%" rowSpan=2>

    </TD><TD vAlign=top width="85%" height="100%"><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>[​IMG]

    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    12 พฤษภาคม 2553 ตรงกับวันวิสาขบูชา วันนี้ได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัดสัมพันธวงศ์ แถวเยาวราช ได้ไปกราบพระจักษุธาตุที่เสด็จมาที่วัดสัมพันธ์ และยังมีพระธาตุของพระอัครสาวกเสด็จมา มีจำนวนมาก ซึ่งจะนับประมาณไม่ได้
    ถ้ามีใครผ่านไปแถวเยาราช เชิญชวนชาวพุทธให้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ
    พระอาจารย์ประจักษ์ ท่านมีเมตตา มอบพระบรมสารรีริกธาตุส่วนหนึ่งให้มาเพื่อบูชา สัณฐานเมล็ดผักกาด

    ขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิกทุกท่านให้ได้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุได้ที่
    ประอาจารย์ประจักษ์ ตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 วัดสัมพันธวงศ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cpf7810.jpg
      cpf7810.jpg
      ขนาดไฟล์:
      247.6 KB
      เปิดดู:
      3,302
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    กราบโมทนาสาธุด้วยครับ หากได้วาระจะได้เก็บภาพมาให้ทุกท่านโมทนาบุญกันครับ
     
  3. tadtang

    tadtang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +280
    อนุโมทนาค่ะ คุณ kananun

    พระอาจารย์ใจดีค่ะ

    พระบรมสารีริกธาตุที่ท่านมอบให้ นั้น มอบให้ดิฉันเองในวันที่ 5 พ.ค.53

    ส่วนวันนี้พาเพื่อนไปกราบท่าน ท่านก็เมตตามอบให้เพื่อนๆ ทุกคนเลยค่ะ

    ฝากภาพมาเพื่อยืนยันค่ะ ว่าเสด็จมาเยอะมาก

    [​IMG]
     
  4. tadtang

    tadtang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +280
    ฝากอีกภาพเป็นพระอัครสาวกค่ะ

    อยากจะบอกว่า นี้เป็นค่ะส่วนน้อยนะค่ะ

    พระสาวกก็เสด็จตามมาเยอะมากเลยค่ะ

    พระอาจารย์บอกว่าตอนแรกก็นับได้

    แต่ตอนนี้นับไม่ไหวแล้วค่ะ






    [​IMG]
     
  5. aunpao

    aunpao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +550
    ขอเชิญสาธุชนทุกท่านร่วมสร้างมหามงคลอันยิ่งใหญ่ ด้วยการสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) ณ วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี เพื่อที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ มาประดิษฐานยังวัดป่าศรีคุณารามเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไปffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    โดยมีพระครูวิสุทธิธรรมสุนทร (บุญเกิด ยุตฺตะธัมโม) พร้อมด้วยพระครูอุดมชัยคณารักษ์, พระครูโสภณสมณกิจ และพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ซึ่งเป็นประธานในการดำเนินการก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ประวัติพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นมีความเป็นมาอย่างไร...
    สำหรับพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ดั้งเดิมพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหัก มาบูชาเพียงอย่างเดียว และผอบเดียวเท่านั้น โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ ท่านก็ได้บูชาไว้ประมาณปีกว่าๆ เห็นจะได้ ซึ่งท่านก็ได้เพ่งพิศพิจารณาเฝ้าดูพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในผอบนั้นอยู่ทุกวันๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    กระทั่ง...!! ในวันศุกร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ หลังจากที่พระอาจารย์ประจักษ์ได้ลุกจากจำวัดในตอนใกล้สว่าง ท่านก็ได้ตรวจตรา และเฝ้ามองไปยังที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนอย่างเคย พระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ แท่นบูชานั้น ได้มีแสงเจิดจ้าระยิบระยับเกิดขึ้น แล้วยังส่องสว่างอย่างแปลกประหลาด กำลังเปล่งประกายออกมาจากผอบ ทำให้ท่านรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากว่า... ลำแสงที่เห็นนั้นเป็นแสงอะไร
    จากนั้นท่านก็เดินเข้าไปส่องดูในผอบด้วยความฉงนอย่างที่สุด ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? ปรากฎว่ามีพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานเพชรใสวาบวับ ที่มีน้ำงามบริสุทธิ์ราวกับถูกเจียรไนมาเป็นอย่างดี เสด็จมาอยู่ใจกลางของผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหักได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่ผอบนั้นได้ถูกปิดผนึกไว้เป็นอย่างดีถึง ๒ ชั้น และไม่มีผู้ใดแตะต้องเลยนับตั้งแต่ท่านได้บูชามา<O:p></O:p>
    นับว่าเหตุการณ์นี้ได้สร้างความประหลาดใจแก่พระอาจารย์ประจักษ์เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นความอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับท่านมาก่อน จากนั้นท่านจึงกราบ และจุดธูปเทียนสักการะองค์พระบรมสารีริกธาตุด้วยความปิติสุขเป็นอย่างมาก และเมื่อท่านได้ทำพิธีเสร็จสิ้นแล้วท่านก็ได้อธิษฐานจิตถามต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับ ณ ผอบใบนี้นั้น เป็นพระสรีระส่วนใดของพระพุทธองค์ ขอพระพุทธองค์ทรงตอบมาในนิมิต หรือความฝันอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยเถิด”
    จากนั้นพระอาจารย์ประจักษ์จึงได้นั่งภาวนาต่อไป และสิ่งที่ปรากฎให้ได้รับรู้ในจิตก็ได้บ่งบอกว่า “พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับนั้น เป็นส่วนของพระจักษุ หรือนัยน์ตานั่นเอง ซึ่งเป็นพระจักษุทั้งซ้าย และขวา รวมพุทธานุภาพเป็นหนึ่งเดียว” เมื่อพระอาจารย์ประจักษ์ได้รับรู้ดังนั้น ความปลื้มปิติก็ได้บังเกิดขึ้นกับท่านอย่างไม่มีอะไรเทียมได้
    ด้วยความปลื้มปิติที่เปี่ยมล้น ท่านจึงอดไม่ได้ที่จะบอกกล่าว ถึงเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งพระภิกษุที่นับถือกัน ให้ได้รับรู้ถึงพระพุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ ที่ได้เสด็จมาปรากฎให้เห็น ซึ่งหลายต่อหลายคนก็เชื่ออย่างสนิทใจกับเหตุการณ์นี้
    โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็ยินดีที่จะให้ลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งประชาชนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้เข้ามาสักการะองค์ท่านถึงที่ประดิษฐานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามารถเก็บภาพความมหัศจรรย์ขององค์ท่าน เพื่อนำไปบูชาต่อไปได้อีก<O:p></O:p>
    แต่แล้วบางคนกลับสงสัยว่า พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมานั้นจะเป็นพระจักษุ หรือนัยน์ตาไปได้อย่างไร และเมื่อมีคนสงสัยกันมากๆ เข้า พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็เกรงว่าจะกลายเป็นการปรามาส และเกิดเป็นบาปกรรมขึ้นได้ ทว่าท่านก็มิอาจที่จะห้ามความคิด และความลังเลสงสัยของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายได้<O:p></O:p>
    กระทั่งวันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๒ ก็ได้มีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่าน ได้เข้ามาสักการะพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างเช่นปกติ ซึ่งก็ได้ถ่ายภาพพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุเอาไว้ และด้วยปาฎิหาริย์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แสดงให้ประจักษ์แก่สายตาลูกศิษย์ลูกหารวมทั้งสาธุชนโดยทั่วไป เพื่อที่หลายๆ คนจะได้หมดไปซึ่งความคลางแคลงสงสัยกันเสียที
    ปรากฎว่าภาพที่ถ่ายได้นั้นมองเห็นเป็น “ดวงตา” หรือ “พระจักษุ” อย่างชัดเจน และอัศจรรย์เกินกว่าที่จะบรรยายได้หมด นี่คือพระพุทธานุภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปรากฎขึ้นเป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป
    ซึ่งปัจจุบันองค์จริงของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ได้ประดิษฐานอยู่ ณ กุฏิ พระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ตึกมงคลวิทยา ชั้น ๓ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    สำหรับความอัศจรรย์ของพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่องค์ท่านเสด็จมาปรากฎได้ไม่นาน พระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ อาทิ ส่วนแกนพระสมอง, ส่วนพระโลหิต, ส่วนพระเกศา, ส่วนพระอุรังคธาตุ, ส่วนพระอุณหิสะ รวมทั้งพระธาตุของพระอรหันต์ และสาวกองค์อื่นๆ ก็ได้เสด็จหลั่งไหลตามกันมาอย่างไม่ขาดสาย
    จาก ๑ ผอบก็ทวีเพิ่มขึ้นอย่างนับไม่ถ้วน ราวกับว่าท่านเสด็จมาอย่างไม่มีวันหมด แม้ว่าพระอาจารย์ประจักษ์จะแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่มาขออาราธนาไปบูชาเอง หรือว่าจะนำไปประดิษฐานตามวัดต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วก็ตาม แต่พระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งพระอรหันต์ธาตุกลับเสด็จมาเพิ่มเรื่อยๆ นับวันก็มีแต่จะมากขึ้น ทำให้สถานที่ประดิษฐานในทุกวันนี้ มองดูคับแคบลงไปถนัดตา
    ทางวัดป่าศรีคุณารามจึงมีแนวคิดที่จะดำเนินการก่อสร้าง พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อที่จะอัญเชิญองค์พระจักษุธาตุ และพระอรหันต์ธาตุไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสม ควรค่าแก่การสักการะบูชา เพื่อจะได้เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป ให้ชนรุ่นหลังได้กราบสักการะบูชา จะได้เป็นการเพิ่มกองบุญกองกุศลเพื่อสวรรค์ พรหม และพระนิพพานตลอดไป เพื่อที่บวรพระพุทธศาสนาจะได้ดำรงถึง ๕,๐๐๐ ปี
    ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันสร้างมหากุศลในครั้งนี้ ทางผู้จัดทำจึงขออนุโมทนาบุญกุศลในการสร้างมหากุศลในครั้งนี้ด้วย และขอให้ทุกท่านมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ตลอดกาลนานเทอญ
    ร่วมสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุได้ที่ ชื่อบัญชี พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) เลขที่บัญชี ๓๖๙-๔๒๓๙๑๙-๙ ธนาคารกรุงเทพ สาขากุมภวาปี<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    <O:p> </O:p>


    "นิพพาน"<O:p></O:p>


    หลวง พ่อพระราชพรหมยาน<O:p></O:p>


    นิพพาน-คำ ว่า นิพพาน นี้ เขาแปลว่า ดับ ท่านจัดให้เป็นหลายประเภทด้วยกัน คือ<O:p></O:p>


    1.ดับ กิเลส-มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ยังไม่ตาย แต่จิตเป็นนิพพาน<O:p></O:p>


    2.ดับ กิเลส-โดยไม่มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพาน คือ ตายแล้วจิตเป็นสุข อยู่แดนทิพย์อมตะนิพพาน<O:p></O:p>


    แต่ว่าใน วันนี้จะขอพูดถึง นิพพานมาตรฐาน ที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้<O:p></O:p>


    องค์ สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า......<O:p></O:p>


    "นิพพา นัง ปรมัง สุขัง"-แปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง แต่ทว่าเรื่องพระนิพพานนี้ มีความเข้าใจเฝือของบรรดาท่านพุทธบริษัทอยู่มาก ที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้จุดหนึ่งว่า<O:p></O:p>


    "นิพพา นัง ปรมัง สุญญัง"-ซึ่งแปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นธรรมว่างจากความทุกข์ ว่างจากกิเลส โลภ โกรธ หลง ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากดิน น้ำ ลม ไฟ ว่างอย่างยิ่ง<O:p></O:p>


    คำว่า "สุญ" ในที่นี้ ส่วนที่แปลศัพท์โดยมากมักจะทับศัพท์ ใช้คำว่า"สูญ"<O:p></O:p>


    แต่คำ ว่า"สุญ" นั้น เขาแปลว่า"ว่าง" ก็หมายความว่า "บุคคลใดที่จะเข้าถึง นิพพานได้ ต้องว่างด้วยเหตุ 3 ประการ คือ<O:p></O:p>


    1.ว่างจาก โลภะ-คือ ไม่มีความโลภในจิตใจ<O:p></O:p>


    2.ว่างจาก โทสะ-คือ ไม่มีความหงุดหงิด โกรธง่ายในใจ<O:p></O:p>


    3.ว่างจาก โมหะ-คือ ไม่มีความหลงในโลกทั้งสามในจิตใจ<O:p></O:p>


    เพราะว่า โลภะก็ดี โทสะก็ดี โมหะก็ดี ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นรากเหง้าของความชั่ว ที่เรียกว่า รากเหง้าของกิเลส กิเลส ก็คือความชั่ว ความมัวหมองของจิต ที่เรียกว่า จิตคิดชั่ว กิเลสทั้งหมดที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตตรัสแล้ว โดยชื่อแล้วนับปริมาณไม่ได้<O:p></O:p>


    แต่องค์ สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสว่า กิเลสทั้งหมดถ้ากล่าวโดยย่อแล้ว ก็เหลือ 3 ประการ คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง<O:p></O:p>


    ฉะนั้น สมเด็จพระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าจิตของบุคคลใดว่างจากกิเลสทั้ง 3 ประการ คือ<O:p></O:p>


    โลภะ-ความ โลภไม่มีในจิต<O:p></O:p>


    โทสะ-ความ โกรธไม่มีในจิต<O:p></O:p>


    โมหะ-ความ หลงไม่มีในจิต<O:p></O:p>


    อย่างนี้ สมเด็จพระธรรมสามิสรตรัสว่า เป็นผู้มีความว่างจากกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน คือคำว่า "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง"......<O:p></O:p>

    ฝากประชาสัมพันธ์ พระบรมสารีริกธาตุ(ส่วนพระจักษุธาตุ)
    http://palungjit.org/posts/3295580
    และอีกหนึ่งวัดที่ขอประชาสัมพันธ์คือ วัดป่าซางงาม อ. ดอยหลวง จ.เชียงราย วัดนี้ตอนผมบวชแล้วตั้งใจว่าจะไปอยู่ที่วัดแห่งนี้ http://watphasangngam.com/ ร่วมกันบริจาคได้นะครับ<O:p></O:p>
     
  6. Nu_Ni

    Nu_Ni เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +2,782
    ขออนุญาต เจ้าของกระทู้บอกบุญต่อด้วยนะคะ ใครที่ทำบุญกับกองบุญต่าง ๆ รวมทั้ง
    กองบุญในการสร้างมหาเจดีย์เพื่อบรรจุพระจักษุธาตุ ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป
    ขอมอบพระรอดนิรามิสให้ค่ะ ตามรายละเอียด ข้างล่างเลยค่ะ

    ขอมอบวัตถุมงคลแก่ญาติธรรมที่ได้ร่วมทำบุญกับ หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า พระอาจารย์ประจักษ์และกลุ่มพุทธบารมี ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป
    1. พระรอดนิรามิส รุ่นสร้างมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม วัดจันทร์ตะวันตก (จังหวัดพิษณุโลก) 2550 ที่ได้เก็บสะสมไว้ จำนวน 20 องค์
    2. หลวงพ่อโสธร รุ่น ทองประทาน องค์เล็ก 5 องค์
    3. หลวงพ่อโสธร รุ่น ทองประทาน องค์ใหญ่ 5 องค์

    โดยญาติธรรมสามารถร่วมบุญโดยโอนเงินเข้ากองทุนตามแต่ท่านศรัทธา ที่เลขที่บัญชีต่อไปนี้

    1. " กองทุนสร้างมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธุาต ( ส่วนพระจักษุ ) วัดป่าศรีคุณาราม "เลขที่บัญชี " 369-4-23919-9 "
    ธนาคารกรุงเทพ สาขากุมวาปี บัญชีออมทรัพย์

    2. บัญชีร่วมบุญกับกองทุนพรหมปัญโญ
    ชื่อบัญชี : พระวรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
    ธนาคาร : ธนาคารกสิกรไทย สาขามูลเมือง จ.เชียงใหม่
    หมายเลขบัญชี : 383 223 9258

    3. กองทุนตปสีโล
    บัญชีกรุงไทย ออมทรัพย์
    นายสรวุฒิ บุตรดีวงศ์
    สาขาถนนเฟื่องนคร
    เลขที่ ๑๕๙ - ๐ - ๐๔๗๗๔ - ๕

    ให้ท่าน แจ้งชื่อและลำดับ และ post หลักฐานการโอนเงิน พร้อมเลือกพระที่ต้องการบูชา 1 องค์ ในกระทู้ได้เลยค่ะ
    (ขอสงวนสิทธิ์ท่านละ 1 องค์ เท่านั้นค่ะ)
    หลังจากนั้นกรุณาส่งซองกันกระแทก เขียนชื่อที่อยู่พร้อมติดแสตมป์เป็นจำนวน 47 บาท ไม่รับเงินสดนะคะ กรุณาติดแสตมป์มาให้เรียบร้อย
    (47 บาทเป็นค่าส่งพัสดุ ems ในประเทศ น้ำหนักไม่เกิน 500 g กันเหนียวไว้เนื่องจากกล่องพระเป็นกล่องกำมะหยี่ค่ะ มีขนาดพอสมควร)

    ส่งซองมาที่
    นายมนตรี ดอนรุ่งจันทร์
    กองอาคารสถานที่ (งานผังแม่บทและออกแบบก่อสร้าง)
    มหาวิทยาลัยนเรศวร
    อ. เมือง ต. ท่าโพธิ์ จ.พิษณุโลก
    65000


    ประวัติพระรอดนิรามิส
    พระรอดนิรามิสเป็นสุดยอดของดีที่เป็นมงคลสูงสุด พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระอาจารย์อุบาลี อตุโล วัดจันทร์ตะวันตก (จังหวัดพิษณุโลก) ท่านได้จัดทำพระรอดนิรามิสซึ่งเป็นพระเครื่องเนื้อว่าน ๑๐๘ ว่านดังกล่าวพระอาจาร์ยอุบาลี อตุโล ได้สะสมมาเป็นเวลานานหลายปี ได้อ่านจากหนังสือว่าท่านเดินทางไปหาว่านด้วยตนเองด้วย
    พระอาจาร์ยอุบาลี ได้ทำการอธิฐานจิตเพื่อมอบให้ไว้เป็นที่ระลึกในการสร้างสมเด็จองค์ปฐมและมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม วัดจันทร์ตะวันตก (จังหวัดพิษณุโลก) ในปี 2550


    ดูตัวอย่างพระรอดได้ที่ลิงค์นี้นะคะ มีเวลาจะถ่ายของจริงมาโชว์ค่ะ
    http://shopping.sanook.com/buy/buy_detail.php?nitemID=3720665


    ตอนนี้มีผู้นิมนต์พระรอดไป 3 องค์แล้วค่ะ
     
  7. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    วันนี้ ขอร่วมทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์ จำนวน 300 บาทครับ โดยโอนเข้าธนาคารกรุงเทพ ขอบุญกุศลเกิดแก่ประเทศไทยและประชาชนคนไทยโดยเฉพาะพ่อหลวงของเรา
     
  8. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    ไอ้เมล็ดกลมๆแยอะๆนั้น มันใช่ ซิลิก้าเจลหรือเปล่าครับ
     
  9. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    ดูสัณฐาน จะเหมือนคะ แต่ไม่ใช่ มีท่านที่มีบูชาอยู่พบว่าสัณฐานนี้มีองค์ที่โตขึ้น
    บางองค์ก็แบ่งออกเป็นสององค์ก็มีค่ะ แต่ที่พบเห็นบ่อยคือจะเสด็จมาเพิ่มขึ้น
    (f)
     
  10. Nu_Ni

    Nu_Ni เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +2,782
    ไม่ใช่ค่ะเป็นพระบรมสารรีกธาตุ ที่ท่านเสด็จมาค่ะ
    ท่านเสด็จมาที่พระอาจารย์ประจักษ์บ่อยมาก

    ไม่แน่ใจว่าใช่ส่วนสมองหรือเปล่าค่ะ
     
  11. tadtang

    tadtang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +280
    ประกาศจ้า
    พระอาจารย์ฝากมาบอกกับทุกคนว่า หากท่านใดมีข้อสงสัยในองค์พระธาตุ
    สามารถเข้าไปชมบารมีขององค์พระธาตุได้ท่านไม่อยากให้เกิดการกลาวล่วงเกินองค์พระธาตุจ้า

    คำคมจากท่านพระอาจารย์

    คนมีนิสัยขี้สงสัยอยู่แล้ว บอกเรื่องจริงไม่ค่อยเชื่อ
    แต่พอกิเลสหลอก เชื่อง่ายจริงๆๆ



    ร่วมทำบุญทอดกฐินสร้างพระมหาเจดี ได้ที่ ชั้น 3 ตึกมงคลวิทยา วัดสัมพันธวงศ์ค่ะ
     
  12. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เป็นพระธาตุครับ

    เป็นพระธาตุครับ ไม่ใช่สารกันชื้น สารกันชื้นมักจะเปราะบางเม็ดหากเป็นซิลิก้าเจลมันจะแตก มันมีสองสีคือ สีขาวและสีชมพู หากนำทินเนอร์เช็ดของปลอมสีจะหลุดทันทีแล้วมันอาจจะแตก ลองไปศึกษาหาดูท่านก็จะทราบ
     
  13. luis2499

    luis2499 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +29
    บูชา-ต้มร้อยล้าน จักษุธาตุเก๊ วัดดังสั่งสอบด่วน จาก ไทยรัฐ

    เอามาให้ดู ครับ เนื่องจากเป็นข่าวอยู่ขณะนี้

    * หากเป็นพระจักษุจริง ก็ ขออนุโมทนา สาธุ เป็นเรื่องปาฏิหารย์ จริง ๆ ครับ
    * หากไม่เป็น พระจักษุจริง ก็ แล้วแต่บุญกรรม ใครมัน และ ถ้าตาบอดอยู่ ก็ให้หาหนทางพบแสงสว่าง น่ะครับ


    บูชา-ต้มร้อยล้าน จักษุธาตุเก๊ วัดดังสั่งสอบด่วน

    [​IMG]

    วัดสัมพันธวงศ์ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุที่มีลักษณะคล้ายเพชรเจียระไนหลังจากพระจากวัดอื่นมาอาศัยจำพรรษาในวัดนำมาให้ประชาชนสักการบูชา หวั่นเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน หลังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นความไม่ชอบมาพากล ในการจัดหาเงินสร้างพระมหาเจดีย์บรรจุพระจักษุธาตุ มีวงเงินมโหฬารหลายร้อยล้านบาท ขณะที่พระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม ระบุจักษุธาตุไม่มีในตำราพระบรมสารีริกธาตุ ทั้งเมื่อเอาไปให้เจ้าของร้านเพชรดู ถูกระบุเป็นเพียงเพชรรัสเซีย…
    การตรวจสอบพระบรมสารีริกธาตุที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นของปลอมครั้งนี้ เปิดเผยโดยพระวินัยเมธี (ปราโมทย์ นาควํโส) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุหรือนัยน์ตา ประดิษฐานอยู่ที่ตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 วัดสัมพันธวงศ์ ตั้งอยู่ถนนทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และอยู่ในความดูแลของพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปญฺโญ สังกัดวัดป่าศรีคุณาราม พระอาคันตุกะของวัด โดยมีพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการมหาเถรฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เป็นประธาน พระราชสุมนต์มุนี เจ้าคณะเขตพระนคร วัดบวรนิเวศฯ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อธิบดีกรมการศาสนา ผกก.สน.พลับพลาไชย2 นายทองดี หรรษคุณารมย์ ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุ เป็นต้น เป็นกรรมการตรวจสอบ
    ทั้งนี้ คำสั่งลงนามโดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุ ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม หลังจากที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้สอบถามมาที่วัดถึงความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุ เนื่องจากในตำราพระบรมสารีริกธาตุไม่เคยมีการระบุถึงส่วนของจักษุธาตุ นอกจากนี้ ยังมีการระบุในเอกสารประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้ประชาชนบริจาคเงินร่วมสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) โดยใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท ว่ามีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ และทำไมต้องใช้งบประมาณจำนวนมากขนาดนั้น
    พระวินัยเมธีกล่าวต่อว่า สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนจักษุธาตุที่จะมีการตรวจสอบนั้น มีลักษณะคล้ายเพชร เป็นเหลี่ยมสวยงาม ขนาดประมาณ 8-9 มิลลิเมตร ไม่ปรากฏที่มา แต่พระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปญฺโญ อ้างว่าเสด็จมาเอง หลังจากที่ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวหักมาบูชาก่อนจะแปรเป็นพระจักษุธาตุ และอ้างว่าได้อธิษฐานจิตถามต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตอบมาในนิมิตว่า เป็นจักษุธาตุหรือนัยน์ตา ก่อนเปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่พระสงฆ์ ในวัดและพุทธศาสนิกชนต่างก็ไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นจักษุธาตุจริง และเป็นการหลอกลวงประชาชน อย่างไรก็ตาม เคยนำภาพถ่ายพระจักษุธาตุไปให้เจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่งดู เจ้าของร้านเพชรระบุว่า วัตถุดังกล่าวเป็นเพชรรัสเซีย นอกจากนี้ ได้สอบถามไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับจักษุธาตุ หลายคนคิดว่าไม่น่าจะใช่จักษุธาตุ ตามที่มีการกล่าวอ้าง ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ ต้องมีการพิสูจน์ว่าเป็นจักษุธาตุของจริงหรือไม่จริง ซึ่งถ้าเป็นของจริง วัดจะได้อนุโมทนายกย่อง แต่ถ้าไม่จริง ก็ขอให้หยุดหลอกลวงประชาชน
    เลขานุการสมเด็จฯกล่าวอีกว่า ที่สำคัญพระครูพันธกิจประจักษ์ ซึ่งไม่ใช่พระในวัด ยังได้แอบอ้างนำชื่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์และวัดสัมพันธวงศ์ รวมทั้งพระ ตลอดจนบุคคลสำคัญจำนวนไม่น้อย ไปแอบอ้างเพื่อหาเงินจัดสร้างพระมหาเจดีย์มงคลเพื่อบรรจุจักษุธาตุ ที่วัดป่าศรีคุณาราม ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ทั้งที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ซึ่งสูงอายุและมีพรรษามาก และวัดไม่ทราบเรื่อง ทำให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจว่าสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และวัดไปดำเนินการ ดังนั้น จึงต้องออกมาปกป้องและรักษาชื่อเสียงของวัด โดยในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เวลา 16.00น. จะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว
    ด้านพระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า พระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุจะเป็นของจริงหรือของไม่จริงไม่รู้ แต่เปิดในตำราพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯแล้ว ไม่พบว่ามีการระบุถึงจักษุธาตุหรือนัยน์ตาพระพุทธเจ้า ที่สำคัญเรื่องพระบรมสารีริกธาตุไม่ควรมีการแอบอ้าง
    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ไปถึงพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปญฺโญ ผู้รับผิดชอบดูแลจักษุธาตุแต่ไม่สามารถติดต่อได้

    ข่าว
    บูชา-ต้มร้อยล้าน จักษุธาตุเก๊ วัดดังสั่งสอบด่วน

    ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
     
  14. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    อ้าว.........แล้วตกลงจริงหรือปลอมละนี่
     
  15. KWANPAT

    KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ก็เห็นออกข่าวช่อง 3 ตกใจเหมือนกัน
    ตกลงจริงหรือปลอมกันแน่ เพราะว่าก่อนหน้า
    มีการออกสื่อรายการเคเบิ้ลว่าเป็นพระจักษุธาตุจริง
    มีบุคคลหลายท่านมาบอกด้วยอาจารย์นักปฏิบัติท่านต่างๆ
    ในรายการพลังใจ อาจารย์ทองทิพย์ อาจารย์ลือชัย
    คุณป๊อกเชลลี รวมถึงชมรมพลังจิตก็บอกว่าเป็นของจริง
    ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้ซีดีชุดนั้นด้วย และทุกท่านที่ว่า
    ได้อภิญญาก็บอกว่าจริงๆ อาจารย์ท่านต่างๆ
    ตกลงจริงหรือเท็จกันแน่ ข้าพเจ้าก็ได้แจกจ่ายซีดี
    ไปด้วยเช่นกันเขียนเรื่องราวของวัดนี้
    นึกว่าจะช่วยสืบสานพระพุทธศาสนา
    ถ้าไม่เป็นของจริงทำไมทางวัดจึงเพิ่งมา
    ตั้งการสอบซึ่งเรื่องนี้มีการประโคนข่าว
    ในเว็บต่างๆ ตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งเปิดเผย
    หรือเพราะเรื่องเงินแบ่งกันไม่ลงตัวค่ะ
    หากทำเช่นนั้นจริง ข้าพเจ้าคิดว่าคงบาปมาก
    ลำพังข้าพเจ้าเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
    ก็เลยงงๆ เหมือนกันค่ะ แต่ในก็เลื่อมใส
    องค์พระบรมสารีริกธาตุ เฮ้อ เรื่องที่ท่าน
    เสด็จมาก็ประมาณ ปีกว่าเกือบ 2 ปีทำไม
    เพิ่งสงสัย แปลกจริงๆ
     
  16. รัตติธรรม

    รัตติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +1,235
    * ถ้าไม่จริงทำไม จึงมีสีประกายรุ้ง ซึ่งเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ ทั้งที่มองมุมเดิม ที่เรียกว่า "ฉัพพัณรังสี"

    * เคยไปกราบ และ ได้พระธาตุเสด็จอยู่ตรงหน้าเห็นกับตาเลยค่ะ
     
  17. ดาวตก

    ดาวตก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +27
    พี่ครับได้พระสารีริกธาตุมามากแบ่งผมบูชาได้ไหมครับ
    ส่ง
    ศุภกร ศรีกุล 94 หมู่ 2 ซ.รวมทุนไทย ต.บางจาก
    อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130
    (พี่เมตามอบให้ช่วยบอกด้วยว่าเป็นขององค์ใดครับ)

    ขอคุณมานะที่นี้
     
  18. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    ผมเพิ่งจะกลับมาจากวัดสัมพันธวงศ์ อยู๋รอจนทางคณะกรรรมวัดที่เป็นชุดตรวจสอบแถลงข่าว ผมขอเล่าแบบย่อที่สุดก่อน ส่วนแบบยาวเดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็จะได้อ่านข่าวกันแล้ว

    1.ผลตรวจสอบจากด้านผู้เชี่ยวชาญพระบรมฯธาตุจากคุณทองดี คนที่เขาเขียนหนังสือเรื่องพระธาตุ เขาบอกว่า ไม่จริง เพราะเขาไม่เคยเห็นว่ามีรูปแบบพระบรมฯธาตุที่เป็นแบบนี้มาก่อน (ตามที่ผมเข้าใจน่าจะเป็นทำนองนี้)

    2.จากผู้เชี่ยวชาญเพชร เขาสรุปว่า ไม่สามารถจะตรวจสอบว่าเป็นเพชรจากการที่ได้มองเห็นเพียงอย่างเดียว (พระอาจารย์ไม่อนุญาติให้จับต้อง)

    3.สรุปสุดท้ายที่ผมได้ยินมาจากนักบวชนุ่งห่มผ้าจีวรแบบสีพระราชทานมีตำแหน่งสมณศักดิ์ใหญ่โต เขาบอกว่าไม่มีอยู่ในตำราไม่มีระบุในพระไตรปิฎก
     
  19. คนสามตา

    คนสามตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +311
    อย่าเชื่อ 10 ประการ (กาลามสูตร)
    Written by Administrator
    Monday, 17 November 2008 11:06
    กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
    1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
    ตัวอย่าง
    1.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
    2.อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
    3.อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย
    4.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก
    5.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา
    6.อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย
    7.อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต
    8.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก
    9.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
    10.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้


    ที่มา : :: Buddha 4 u ::
     
  20. คนสามตา

    คนสามตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +311
    อย่าเชื่อ 10 ประการ (กาลามสูตร)
    Written by Administrator
    Monday, 17 November 2008 11:06
    กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
    1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
    ตัวอย่าง
    1.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
    2.อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
    3.อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย
    4.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก
    5.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา
    6.อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย
    7.อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต
    8.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก
    9.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
    10.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้


    ที่มา : :: Buddha 4 u ::
     

แชร์หน้านี้

Loading...