อยากถามเรื่องตาที่สามครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย kabukiman, 15 สิงหาคม 2010.

  1. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
    สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน

    ผมมีเรื่องอยากจะถามนะครับคือว่าอยากถามเรื่องตาที่สามครับว่าสามารถฝึกฝนได้ไหมครับ

    จากคนที่ไม่พื้นฐานอะไรเลยนะครับ
    แล้วถ้าฝึกได้ต้องฝึกยังไงเหรอครับ
    อยากขอคำชี้แนะหน่อยนะครับ

    ขอบพระคุณมากครับ
     
  2. วง

    วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +437
    ผมว่าคุณฝึกจับภาพพระ ฝึกมโนจะง่ายกว่านะครับ
     
  3. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    อยากถามเหมือนกันค่ะ ว่าเกิดลักษณะเช่นนี้ คืออะไรใช่ที่เขาเรียกตาที่ 3 หรือไม่ไม่เคยฝึกเหมือนกันค่ะ เมื่อ 2 ปีที่แล้วลองนั่งสมาธิตามที่เค้าอธิบายวิธีไว้ในเน็ตดูปรากฏว่านั่งๆไปได้สัก 15 นาที เกิดรัศมีออกมาจากตรงกลางหน้าผากเป็นวงกลมมีสีเหมือนสีรุ้งขยายแผ่กว้างออกไป คล้ายกับรูปตรงหัวเว็บพลังจิตแล้วก็มีรูปพระพุทธรูปสีขาวนั่งอยู่ตรงกลางเห็นอยู่นานพอสมควรค่ะ พอเริ่มสงสัยภาพก็หายไป แล้วก็ไม่เคยเห็นแบบนั้นอีกเลย อย่างงี้เรียกว่าตาที่ 3 ป่าวคะ
     
  4. ขุนแผนน้อยน่ารัก

    ขุนแผนน้อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +772
    ตาที่สามคือจุด บนกึ่งกลางระหว่งคิ้ว เป็นอุบายการกำหนดจิต ปักลงไปตรงนั้น

    ถ้าไม่รู้ควรวางความรู้สึกยังไง ก็ลองเอานิ้วชี้ จ่อลงไป บริเวณระหว่างคิ้ว จะเกิดความรู้สึก เสียวๆ เกร็งๆ บริเวณนั้นทีนี้รักษาความรู้สึกนี้ไปเรื่อยๆก่อนครับ ในขั้นแรก
     
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ตาที่สามแปลได้หลายนัย ตามความศรัทธาของแต่ละบุคคลตามความเชื่อความเข้าใจนะครับ

    1. ตามตำนานของเทพเจ้าอะไรซักอย่่างว่าด้วยตาที่สาม เมื่อตาที่สามเปิดขึ้นโลกจะพินาศ

    2. ตาที่เล็งเห็นโทษ-ประโยชน์ หมายถึงดวงตาเห็นธรรมเป็นดวงตาที่เห็นด้วยใจ

    3. ตาที่สามของมนุษนอกโลกชื่อ โมนาลิซ่า มีดวงตาสามดวง

    การฝึกเพื่อมีดวงตาเห็นธรรมนั้นก็ฝึกเหมือนกันด้วยหลักของ สติปัฏฐาน4 ครับ
     
  6. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ฝึกอย่างที่ผู้รู้ อาจารย์บอกนั่นแหละครับ แต่ต้องไม่มีความอยาก คืออยากได้

    เพราะถ้าอยากได้เมื่อไร มันก็เป็นกิเลสจิตมันก็ไม่สะอาด ต้องนิ่ง

    และไม่ต้องไปสงสัยว่าเมื่อไรจะได้
     
  7. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ตามความเข้าใจและประสบการณ์ของส่วนตัว ตาที่สามคือตาใน ไม่ใช่ตาเนื้อ แม้จะมองเห็นจากดวงตาปกติ แต่ความจริงเป็นการเห็นจากตาใน อันนี้อ.สนอง วรอุไรท่านไขความกระจ่างไว้ในหนังสือ จุดที่ตั้งแน่นอนไม่รู้ เพราะเวลาที่มองเห็นไม่มีจุดเพ่ง คือเห็นเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็มีทั้งคนที่มีตาที่สามถาวร ประเภทนี้จะลำบากหน่อยถ้าทำใจไม่ได้ พวกนี้จะมองเห็นอีกโลกอยู่ตลอด ทั้งผีทั้งเทวดาเดินให้ว่อนไปหมด กับอีกพวกคือเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ถ้าโลกกายทิพย์อยากสื่อจะทำให้คนกลุ่มนี้มองเห็น ถ้าเป็นผีส่วนใหญ่จะมาขอบุญ ถ้าเป็นเทพจะมาให้เห็นเป็นสิริมงคล ตามหนังสือของอ.สนอง คนมีตาที่สามได้มาจากการบำเพ็ญบารมีมาแต่อดีตชาติ ไม่ใช่ใครอยากเห็นก็เห็นได้ มีสายบารมีนี้มาชาตินี้ก็มองเห็นได้เองทั้งที่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างใด
    ผีมันจะลอยผ่านระเบียงก็ให้มันลอยไป ไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก เดี๋ยวว่างก็แผ่บุญไปให้
    แค่นั้น มนุษย์นี่ก็แปลก เอาเข้าจริงคนที่เห็นไม่อยากเห็น แต่คนไม่เห็นอยากจะเห็น มันเป็นอย่างนั้น เห็นมากก็ไม่ดี มันไม่สงบ คนที่ทำใจไม่ได้จะกลายเป็นภาพหลอนไป เหมือนนิมิต ใครเล่นนิมิตมากจะกลายเป็นจิตหลอกจิต ไอ้ที่จริงน่ะไม่เห็น...ไอ้ที่เห็นไม่ใช่ของจริง หลายท่านที่ไปเขียนหนังสืออ้างเห็นนิมิตนั่นนี่ ทั้งที่จริงบางอย่างมันไม่มี แต่เป็นจิตของท่านนั้นสร้างขึ้นมาเพราะอยากเห็น กิเลสมันรู้ว่าท่านนั้นติดใจในนิมิตแล้ว นั่งไปนั่งมาก็พาเห็นโน่นนี่เพ้อไปเรื่อย ครูบาอาจารย์หลายท่านถึงพร่ำสอนกำหนดให้มันหายไป มันจะหายไปเอง องค์หลวงตามหาบัวท่านย้ำนักย้ำหนาว่า นิมิตเป็นตัวขวางนิพพาน คือมันทำให้จิตของเราไม่นิ่ง เราเคยเจอมาทำเฉยๆเห็นไปก็งั้นๆไม่ได้ช่วยอะไร สักครู่มันจะหายไปเอง จิตสงบนิ่งเท่านั้นถึงมองเห็นธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
     
  8. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
    ขอบพระคุณทุกท่าสำหรับความรู้ใหม่ๆที่ได้ครับ
     
  9. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เข้าใจถูกแล้ว
    ตาที่3คือจักระที่6 อยู่กลางหว่างคิ้ว
    เวลาฝึกให้นึกถึงแสงสว่าง
    กำหนดความรู้สึกถึงแสงสว่างที่หว่างคิ้ว
    คนที่เคยทำได้แล้วทำไม่ได้อีกเพราะจิตมันเกิดตัณหา
    ความอยากให้มันเกิดอีก
    ใจเลยไม่เป็นสมาธิพอ เพราะรอแต่จะให้นิมิตเกิดให้amazingเหมือนเดิม
    ให้ทำใจว่างๆอย่าไปอยาก เด้วบทจะมาก็มาเอง
     
  10. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    เพิ่มความเข้าใจอีกสักนิดส์ อย่างที่บอกไว้ว่าตาที่สามมองเห็นผ่านดวงตาปกติ (ซึ่งจริงๆคือตาในนั่นแหละ) และเห็นในสภาวะปกติในชีวิตประจำวัน ไม่มีสมาธิอะไรมาเกี่ยวข้อง ไม่มีการเพ่ง ถึงจะเรียกว่าตาที่สามอย่างแท้จริง จะทำงาน เดินเล่น ล้างจาน คุยกับเพื่อน เล่นคาราโอเกะ เห็นได้หมดทุกเวลา ไม่เกี่ยวอะไรกับสมาธิเลยจริงๆ อย่างคุณศิลปินชนบท แสงนั่นเกิดจากอำนาจสมาธิของคุณ ซึ่งเป็นได้กับทุกคนถ้าจิตนิ่งในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตาที่สาม เว้นแต่หลังจากออกสมาธิแล้ว คุณยังสามารถมองเห็นอีกโลกได้ตามภาวะปกติ นั่นล่ะใช่เลย ข้อดีของแสงนั่นคุณสามารถอธิษฐานจิตแล้วภาวนากำหนดมาล้อมตัวเป็นเกราะทิพย์ของคุณ
     
  11. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ตาที่สาม (The Third Eye)

    ภาพที่ 1: ตาที่สามกับฐานที่ตั้งแห่งแนวทางปฏิบัติ (7 จักระ)

    [​IMG]

    ภาพที่ 2: ตาที่สามเป็นที่ประทับของจิตวิญญาณ
    [​IMG]

    ภาพที่ 3: ตาที่สามที่ถูกเปิดเต็มกำลังบารมี (ปัจเจกบารมี)

    [​IMG]

    ภาพที่ 4: ตาที่สามเป็นตาทิพย์ ไม่ใช่ตามเนื้อ แต่เป็นตาใน มองเห็นสภาวะทิพย์แบบจิตคล้ายเห็น
    [​IMG]

    ภาพที่ 5: ตาที่สามกับความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับจิตวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    [​IMG]

    ภาพที่ 6: ตาที่สามกับสภาวะทิพย์แห่งฉัญพรรณรังสี (ออร่า) แบบ Holo (วงรัศมีแห่งเศียร) มีได้เฉพาะผู้บรรลุธรรม
    [​IMG]
     
  12. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
    อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ยังสงสัยนะครับว่า ตาที่สาม กับตาทิพย์ ต่างกันไหมนะครับ
     
  13. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ คำว่าตาที่สาม ในหลายภาษาจะแปลออกมาเหมือนกัน ภาษาอังกฤษThird Eye ภาษาจีนคือตี้ซานเหยี่ยน ก็แปลกดีที่แปลออกมาเหมือนกัน แต่ย้ำค่ะว่าไม่มีเรื่องของสมาธิ ไม่ต้องเพ่ง เห็นได้เอง แม้ไม่อยากจะเห็น
    คนที่สามารถทำนายอะไรได้แม่นยำหรือบอกเรื่องราวได้แม่นยำ เรามักจะพูดว่า อย่างกับมีตาทิพย์ ตามความเข้าใจส่วนตัวน่าจะไม่เหมือนกันค่ะ คนที่ทำนายหรือบอกเรื่องราวได้แม่นยำแม้กระทั่งพวกเทวดา เขายังต้องเพ่งถึงจะบอกได้ ไม่ใช่ถามปุ้บตอบปั้บ มันเว่อร ยิ่งซับซ้อนมากหรือย้อนไปดูเหตุการณ์นานๆกำลังฌานไม่พอดูไม่ออกเหมือนกัน จะเหนื่อยเพราะต้องเพ่ง ขนาดพระอริยะเก่งๆหลายองค์ก็ต้องเพ่ง อย่างหลวงตาคำคะนิง ท่านมีหูทิพย์ตาทิพย์ แต่ถ้าได้อ่านในหนังสืออัตชีวประวัติของท่านจะรู้ว่าท่านต้องเพ่งดูเพ่งฟัง ตาทิพย์ต้องใช้กำลังสมาธิขับเคลื่อน ท่านเองยังบอกดูไปไกลมากเหนื่อย คือใช้กำลังสมาธิมากไป
    โดยส่วนตัวยังข้องใจพวกที่อ้างสแกนกรรมได้ดูย้อนชาติคนนั้นคนนี้ได้ ท่านนั้นๆมีกำลังฌานมากกว่าพระอริยะหรืออย่างไร แล้วดูย้อนไปได้กี่ชาติ กรรมที่แก้นั้นเป็นกรรมของชาติใด แล้วที่เหลือล่ะ เพราะการเก็บบันทึกของสัญญาอย่างที่บอกยิ่งเวลานานยิ่งใช้กำลังสมาธิมาก เท่าที่อ่านหนังสือผู้ที่รู้ความเป็นไปของสรรพสัตว์ในทุกภพภูมิตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคตได้อย่างชัดเจนมีแค่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ซึ่งแน่นอนญานพระโพธิสัตว์ก็ดูได้ พระอริยะก็น่าจะได้ แต่ท่านอาจต้องใช้กำลังมากกว่า คือเป็นไปตามกำลังบารมี อยากทราบความเห็นของท่านอื่นๆค่ะ แลกเปลี่ยนความรู้จากประสบการณ์จริงกันจึงจะได้ข้อเท็จจริง
     
  14. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
  15. kodyhusky

    kodyhusky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +829
    มีอาจารย์ที่อุบล ท่านหนึ่งท่านช่วยเปิดตาที่สามครับ ถ้าอยากทราบราละเอียด

    หรือวิธีฝึกด้วยตนเองก็พอจะช่วยได้นะครับ

    ถ้าสนใจก็ติดต่อกลับนะครับ ท่าง pm หรือในกระทู้นี้แหละครับ
     
  16. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
    เข้าไปอ่านมาแล้วครับได้ความรู้ใหม่ขอบคุณครับ
     
  17. L-Knight

    L-Knight Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +88
    แล้วตาที่ สาม กับ ตาทิพย์ นี่ อันเดียวกันรึเปล่าครับ
     
  18. อานันทะ

    อานันทะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +10
    ปวดตา

    ผมนั่งสมาธิสักพักมีอาการปวดตาทั้งสองข้างไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรเหรอครับ
     
  19. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    ขั้นแรก ลอง กำหนด อานาปานสติ(ปราณ) ออกทาง จักระ6ดูก่อน ให้มีความรู้สึกว่ามีลมหมุนทะลวง
    จุดจักระ6(เหนือหว่างคิ้วประมาณ 2 เซน) ขั้นแรกใช้ปราณทะลวง เบาๆก่อน วิธีนี้ไม่เหมาะกับ
    คนที่มีปัญหาทางระบบประสาทส่วนหน้า หรือความดันสูง หรือ หลังจากดื่มสุรา เพราะเสี่ยงต่อ
    เส้นเลือดในสมอง...
     
  20. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    ใช่จิตบังคับ เพ่งมากไปครับ ให้ลอง กำหนดความไม่มีอะไรดู หรือสภาวะว่าง
    ไม่คิด ถึงมันจะคิดก็ช่าง เสมือนเรามองตัวเอง ขณะหลับตา ไม่ต้องสนว่าจะเป็นฌาน เป็นรูป หรือ อรูป ลองดูครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...