*** โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต ****

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน ผู้นำสาร, 11 พฤศจิกายน 2006.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต

    “ครึ่งทาง”
    ยามสิบหกครึ่งสามสิบสอง ถึงครรลองกึ่งพุทธกาล ธรรมเที่ยงหมอกบดบัง จำมีผู้สืบทอดต่อไป
    โลกนี้แสนน่าอนาทร คำสอนท่านกลับสูญหาย ต่างหลงต่างงมงาย ทำจนตายบ่ได้ธรรม
    โลกุตตระมาปรากฏ พระไตรปิฎกมาสอนธรรม หาผู้อ้างอิงธรรม เป็นหลักฐานสู่จักรวาล

    “การมา”
    ปรากฏเป็นหญิงจน แสนรันทดหมดไทยมา ต้อนรับสิ่งล้ำค่า เมี้ยนดั่งว่าขี้ริ้วห่อทอง
    ผู้รู้ละถิ่นฐาน ละสังขารสู่เมืองทอง เกิดเป็นหลาน ชายเนื้อน้อง สอนธรรมเที่ยงแต่นั้นมา
    ภาระพระไตรปิฎก อุ้มชูรกหลานน้อยมา เจริญจันทร์สุดเลิศหล้า หมั่นพิจารณาสัจจะธรรม

    “การไป”
    โอ้ชะตาฟ้าลิขิต จุดวิกฤติที่ผู้นำ หากเชื่อสัจจะธรรม นำชนก้าวเหนือโลกา
    เวรหนอกรรมคนไทย ไร้น้ำใจไร้ปัญญา ของดีมิรู้ค่า ไสส่งไพรไกลธุดงค์
    การกระทำผองชาวไทย ค้าขายพระหน้าตาเฉย ศาสดาท่านกล่าวเคย เลยทำลายศาสนาตน
    เวลาผ่านเลยล่วง ชนทั้งปวงติดบ่วงมาร หามีชั้นผู้นำชน สนใจสิ่งเที่ยงแท้เอย
    แม่พระธรณีชวนหญิง หาคนใดสนใจท่าน ถึงกาลที่ควรกลับ ละสังขารจากหลายชาย

    “บ้านเมือง”
    รวยล้ำค้ำเหลิงอำนาจ ดูดทรัพย์ราษฎร์ท้องแผ่นดิน กอบโกยขูดหมดสิ้น ผลักหนี้สินท่วมประชา
    หลากหลายในสังคม บ่ชื่นชมเหนือหัวข้า ขัดแย้งรุนแรงกล้า ก้าวร้าวทั่วมั่วลายงา
    เหล่าทหารเสียหน้าก่อการ ทรยศสัตย์ปฏิญาณให้ไว้ บ้านเมืองลุกโหมเป็นไฟ จากคิดใหญ่พวกอยากนำ
    สุดสับสนสุดอลม่าน วิ่งหนีพาลหลบเลี่ยงภัย วงศาไม่อาจไป จำกล้ำกลืนแต่น้ำตา
    ปากดีประสงค์ร้าย ทำลายขาดราชพลัง ทุกข์ตรมสุดสิ้นหวัง เหมือนเปรียบดังเทพนิยาย
    เกิดสู้อย่างไร้สมอง ทหารแลมองอ่อนกำลัง ข้างบ้านวาจาดัง ทลายรั้วทวงที่ดิน
    ขวานทองดั่งมะพร้าว ชนกลุ่มพาลแบ่งแยกกิน ด้ามขวานสูญเสียสิ้น จากนั้นกินรอบทิศทาง
    คนนำคือคนร้าย แอบทำลายเมืองโสภา มหันต์ภัยไสสู่ฟ้า ข้ามแพงมาลงกลางใจ
    เมืองอมรหลอมละลาย สมดั่งใจท่านประธาน ลวงคนทั่วแดนหล้า ให้หลงตามความคิดตน

    “คำเตือน”
    เคยนิมิตนั่งเรือน้อย ใบผุคล้อยลอยกลางทะเล จิตใจแสนว้าเหว่แลเห็นฝั่งคงรอดตาย
    ผู้เจริญทำได้นัก บอกเตือนทักอย่าเข้าฝั่ง กล่าวขึ้นถึงสามครั้ง ยังดื้อมั่นในใจตน
    พาเรือน้อยเทียบขึ้นฝั่ง ไม่นานนักพักบ่คลาย บ่หายเหนื่อยทันไร อินทรีย์ไกลโฉบจับลับตา
    ชะตาฟ้ากำหนด เดินทางคดรอดเลี้ยวยาก ประชาหลงมนต์ยักษ์ น้อยคนนักรู้แจ้งธรรม

    “โลก”
    ดินฟ้าเป็นพยาน ศาสดากล่าวขานไว้ ครบห้าพันปีไซร้ จึงสิ้นสุดพุทธกาล
    แม่พระปฐพีผืนดิน ทำลายสิ้นแหล่งเคยพาล เปลือกโลกขยับพล่าน จมบาดาลเกินคำทำนาย
    แม่พระดูแลน้ำ ร่วมสมเข้าพระแม่ลม ก่อคลื่นกวาดถลาโถม พัดใส่เจ้ามิรู้กรรม
    มนุษย์คิดครองโลก โศกมหันต์วิ่งหนีกรรม กว่ารู้สัจจะธรรม กรรมเกลื่อนกลบภพทรพี

    “แก้หนึ่งเดียว”
    อาทิตย์เริ่มปรากฏ สุดรันทดคนไร้ธรรม ความดีผู้เคยทำ มีผลนำสิ่งตอบแทน
    เหล่าประธานบ่ดีสิ้นท่า ไร้ใบหน้าไร้ดินถม ประชาด่าระงม เยี่ยงซากถมข้างหนทาง
    ทางแก้คือธรรมะ พึ่งโลกุตตระและสัจจะธรรม เมืองชาติจักพ้นกรรม จากไททำเมื่อวันวาน

    “ฟ้าใหม่”
    เหมือนกบในถ้ำมืด เห็นแสงนวลคิดจันทรา หลงไหว้หลายเพลา กว่าจะรู้รูกระบอกแสงลอดกะลา
    หลุดสู่โลกความจริง สลัดทิ้งสิ่งสั่งสม มองเห็นกลดธุดงค์ ทำได้จริงดั่งวาจา
    ผู้นำคือความเที่ยง พาก้าวเลี่ยงสิ่งเคยพาล ก้าวทั่วถิ่นแดนราช ก้าวพ้นผ่านพันธะกรรม
    สัจจะ ตัวกระทำปรากฏ แสงจันทร์จรดปวงดวงประชา คิดดั่งเดิมเจริญแจ่มหล้า น้อมรับพาสู่บัลลังก์

    “พยายาม”
    หนุมานก่อกำเนิด เกิดจากลมลูกพระพาย ปฏิญาณว่าจงรัก จะพิทักษ์กษัตรา
    พระพายเคยสอนข้า เจ้าจงรักชายนามใน หลวงมีพระคุณยิ่ง มอบทุกสิ่งจริงเป็นตน
    หนึ่งสลึงมีคุณค่า ที่บนลานใบหน้าคน เจ้าจงเดินตามตน คอยขจัดหนามแผ่นดิน
    รู้เห็นความย่อยยับ จักคืบคลานสู่มหินทรา เห็นกาลไม่คอยท่า คิดแก้กรรมในบัดดล
    อนาคตเหนือความเชื่อ ดุลดั่งเกลือลิ้มรสหวาน บอกคนเมื่อวันวาน กลับหัวเราะเยาะความจริง
    ร่างเล็กแสนลำบาก ยากฝ่าถึงพระยายาม สักวันคงได้ตาม ถามหาถึงหนุมาน

    [FONT=DSU_MonTaNa]______________________________
    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    **********************************
    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมนำ....บทสวดฆราวาส…
    ที่ โลกุตตระ (พระไตรปิฎก)
    มอบประทานให้....ผู้ที่เชื่อใน “สัจจะ”
    **********************************


    " จงเจริญด้วยธรรมเที่ยง "

    ---------------------------------------------------------------------------

    บทถวาย สัจจะ

    นะโม เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า (๓ จบ)

    ทังสีริทัง เยวะหัง ศาสนา บุพพะลัง จัตตุ อุลุสัทฐัง นิพพานัง เหติ ฯ

    ข้าพเจ้า ขอนอบน้อม สักการบูชา
    ต่อองค์โลกุตตระ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระธรรมคำสั่งสอน และพระอัครสาวก ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พร้อมด้วยกาย วาจา ใจ

    ข้าพเจ้าขอพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
    โปรดนำแก้วสามประการนี้ สู่นิพพาน

    ข้าพเจ้าขอขมาต่อองค์โลกุตตระ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    สิ่งอันใดที่ข้าพเจ้า เคยกระทำผิดพลาดไป
    ด้วยกาย วาจา ใจ อันเป็นสิ่ง ที่ไม่สมควรที่แล้วมา
    ข้าพเจ้าขอขมา ขอได้โปรดรับ คำขมาของข้าพเจ้า

    ด้วย ณ สถาน สักการะนี้
    ต่อเบื้องพักตร์องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ข้าพเจ้าขอ ถวาย สัจจะว่า............ ตั้งแต่...........ถึง..........

    ขอองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดรับคำถวายสัจจะของข้าพเจ้าด้วย
    ขอดินฟ้าอากาศ จงรับรู้รับแจ้ง เป็นสักขีพยาน แก่ข้าพเจ้า

    ขอพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    โปรดน้อมนำอุทิศส่วนบุญกุศลทั้งหมดนี้ แผ่รอบครอบจักรวาล
    วิมารพรหม ยมโลก รอบครอบจักรวาลสันดานมนุษย์
    อุทิศส่งให้คุณบิดามารดา ผู้อุปการะ ผู้อุปถัมภ์
    เจ้ากรรมนายเวร รอบครอบจักรวาล

    ข้าพเจ้าปรารถนาขอบรรลุ มรรค ๔ ธรรม ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑


    ----------------------------------------------------------------

    บทอาราธนาผู้ตาม

    ธรรมนี้ตอนพระพุทธเจ้ารักชีวิตของตน
    ค้นหาการกระทำต่อไป

    รัตตะนะสุเมตตา โพจะมานะสา เทตะรา ผัสสะ
    สัญญะ จะภูโต โสทะโส นิพพาโว โหตะ ฯ


    ---------------------------------------------------------------------------


    บทนมัสการพระพุทธเจ้าเฝ้าพระพุทธองค์

    สาริสะ อาระหะตัง สัทถัง บัททะนัง อุลุมจะ มัยหัง
    เอกตะนี ปะชัง มัยหัง มัยหัง สัญญัง เหตะ เนมารัง สีระอิน
    ปะชัง สุขขัง สุขขัง มานะสะ บัพพะเก ตะยัง โอหัง เอกทะ
    เอโชตะรัง คมหัง คุมหัง ตานี มาลากันตัง สัญญา เรหัง
    เวททะนัง บัพพะขันติ คิริตตัง สัญญัง นิพพานัง เหติ ฯ


    ---------------------------------------------------------------------------


    จัตทะ อนุรง
    ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้แก่ตนเองเพื่อพิจารณา

    บัททะกรุณา จัตตะ วิมุตสา อัตฐะ ปุริกะเทวา มะโนทะศึกษา
    อัตฐะปริญญา โสวะจะสา จันตุ อุปาทา ไสยะ สุเมตตา
    อัตฐะปุริสา รัตตะนะสุมาลา อุโปทะวะสา จิตานะจะ รัตตะนะ
    อมุทิตา โพธิจะสา มะโนทะมาลา โภคคะอุเบกขา โสตัด
    ปริญญา อะเสขะ อุปปะการา โสตัดมานัสสา ไสยะจะ มุทิตา
    อุลุจโทรม มานัสสา โภคคะกรุณา มะโนทะศึกษา อุปาทาสุขขา
    นิพพารา เขติ ฯ

    ----------------------------------------------------------------

    พร เขตะ

    สันทะอุปปะการา โภคคะจะสา มะโนทะจิตา รัตตะนะวะหา
    จัตตุอุปปาทา โพธิจะจะสา อัตฐะ สมมุติ วิหัชชะนา สัญญาวะสา
    เกตะรามา โมฆะ อุลุจวิสัทฐา โบกคะระณียา โสวะจะสา
    กันทิกา สันทะปุริสา โชติทะกิราชา มะโนทะศึกษา โพธิทะรา
    สุขขา กิริยา โหตุ ฯ

    ----------------------------------------------------------------

    ขันติมะยัง สันทิตะรูพัง อุเบกคะภูตัง สันหัง กัตตะพัง
    สีริตนิลตะปะชัง บัพพะภูตัง กันตะนัง สันหัง บัพพะชา ตุมหัง
    สุขโขทินนัง รัตตะโนมายัง สันหังเรจะ บัพพะชะ อรุณวะหัง
    อุเบกคะจะภูตัง อุลุมจะ สัททะ มานะ สุขขัง กันตะนัง โหตุ ฯ

    ----------------------------------------------------------------

    บันทิกัง อาระหัน
    ธรรมหมวดนี้ ตอนพระพุทธเจ้าแยกธาตุของสัตว์โลก

    ทังสีริทัง เยวะหัง ศาสนาอุตตะกัง เสวะสังสัญญานะจะ
    ผัสสะ วิมุติสัง เอคะนะตัง สันหัง ภาวะกิ สมมุติจิตัง มะโนทะสัง
    โชติทะปุทิยัง เสวะสัง สัญญานะจะ ผัสสะ อาระหะจะมุมทัง
    เสวะกัตตะมัง ปัตชานะจะ สัมมะวิมุติสัง เกตะมัง เอทะวิมุติสัง
    เจตะยัง อาระหังจิโต สันทุโนโส เอทะบุคคะโล อภิญโญ เสวะโส
    บุคคะโต อรุโณ เสวะโส โพธิทะโร จัตตุปะวิมุติโส กันตะโน
    สุขโข โพธิทะโร จันตุโต สขโข โหตุ ฯ

    ----------------------------------------------------------------

    ธรรมหมวดนี้ตอนพระพุทธได้แก้วพระนิพพาน บริหารแก่ตนเอง

    พุทธมาสักกาเสจะ โชติทะกรุณา สมานะจะ เอทะบุคคะลา
    สมาเสจะ ไสยะ สมมุตติตา สมาเรจะกันทะบุคคะลา อุปาเสจะ
    พุทธะกรุณา สมาเสจะ เอทะบุคคะลา ตุมาสุขขา ไสยะสุเมตตา
    อัตฐะ วิมุตสา โชติทะตะรา อุปาทะวะสา ไสยะบุคคะลา ตุเมวิมุตสา
    โชติทะตะรา อุปาทะวะสา จันตุปาทา สมมุติอุเบกขา โชติทะกิราชา
    จัตตุตุมัสสา โชติทิทะรา อุปาทะวะสา กันตุ วิอัชชะยา โชติทะ
    กรุณา อุโปทะวะสา ไสยะกรุณา สันทะอุเบกขา โพธิทะรา
    อุปาทะวะสา สุขขานะจะ สัญญะมุมหิ อุปาทานะจะ ผัสสะ มุมหิ ฯ

    ----------------------------------------------------------------

    ธรรมหมวดนี้ ตอนพระพุทธเจ้า พิจารณาชีวิตของตน
    ค้นคว้าหาตัวกระทำ ยังไม่พบตน

    สันทะสิมาลา วาตะวิมุตสา อุเบกคะจะภูตา โสตะมานะสา
    สุคคะตะ รัตตะนะ สุเมตตาโพโพจะชีวะสา สุกันจะ ผัสสะกรุณา
    สัญญะปุริสา โสตัดสุมาตรา โพธะปุริสา โรทะมาลา
    อนุมาชะวะสา เกตะรา อิตฐะ อาระหะจิโต มะโนทะโส
    โพธิทะโร สุขโข โต เตติ ฯ

    --------------------------------------------------------------------------

    โบคคะระณีโย โพจะมานะโส เกตะโร อนุมาวิมุตโส
    สุเมนตุ อุลุวิสัทโฐ โพธิทะโร อนุมาวิรัจโส เกตะโร
    โสตะรัตตะนะ สุเมตโต โพจะมานะโส เกตะโร อิตฐะ
    อาระหะจิตัง มะโนทะสัง โพธิทะรัง สมามัง สุขขัง กิริยัง
    สุขขัง อุปปะมัง สุขขัง เกตะยัง มาติ ฯ

    --------------------------------------------------------------------------

    ผัสสะมานะสัง บุคคะละสุกันตัง วาตะจะโพสัง เกตะรัง
    อัตฐะ สัญญะจะภูโต โสตะปุระโส สุคคะตะ จะเทโว สันทิโส
    โพธิทะโร อนุมาวิมุตโส เกตะโร โสตะรัตตะนะ สุเมตโต
    โพจะทะโร โสทะโส สุคคะโต สันติโส โพธิทะโร จัตติมา
    วิระโส เกตะโร โสตะรัตตะนะ ชีวิโส อุเบกคะจะภูโต โสทะโส
    นิพพาโว โส โต เตติ ฯ

    --------------------------------------------------------------------------

    พระคาถาป้องกันสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล

    มันทิกะภูมิสัง โยชทะเทวัง เสวะจักหัง กันทุกะ
    สมณะวิบัติชัยยัง เสวะสัง จันตุปาทา วิกัตตัง สันธะสุขขัง
    โชติทิทะรัง เสวะสังโสนะ วิกัตชัยยัง มันธะตะมนัสสัง ขันธิยัง
    เสวะสุขขัง พรหมจะชัยยัง มันธิตะ สุขขัง กัตตะมัง โหตุ ฯ

    --------------------------------------------------------------------------

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    "สัจจะ"
    คือ สิ่งที่ โลกุตตระ มอบประทานให้ทุกคน
    ที่สุดของปฏิหาริย์หามิได้ ก็คือ "สัจจะ"
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาล กำลังรอ "สัจจะ" จากทุกท่าน
    ประเทศชาติ จะพ้นภัยพิบัติด้วย "สัจจะ" ของคนไทย
    "สัจจะ" เป็นการกระทำ "เหนือชะตาลิขิต"
    กรรม จะถูกเบี่ยงเบนได้ด้วยผลของการกระทำได้จริง
    โลกุตตระ จะจัดสรรชีวิตให้กับผู้ที่ เชื่อและศรัทธา ในสัจจะ
    ทุกท่านจำเป็นต้องมี "การกระทำจากสัจจะ" ก่อน
    จึงจะสามารถรับสิ่งที่ โลกุตตระ มอบประทานให้ได้

    เมื่อ "โลกุตตระ" ได้ละสังขารจากโลกมนุษย์
    จึงกลับเป็น "พระไตรปิฎก" เป็นตัวหนังสือ เป็นดั่งโองการ คำบัญชา

    ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อืกมากมาย
    การคิดพิจารณาก่อนเป็นสิ่งที่ดี
    ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
    รีบค้นหา "สัจจะธรรม" นำ "สัจจะ" เป็นผู้นำชีวิตเรา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** การปฏิบัติ สัจจะ **** ปฏิบัติเหมือนที่พระทำ เหมือนสมัยพุทธกาล โดยกำหนดให้เป็นประจำวัน ทำสิ่งที่พอทำได้ วันละอย่าง เช่น ...วันนี้ ไม่ดื่มสุรา เสพของมึนเมา...วันนี้ ไม่โกรธ ไม่โมโหผู้อื่น...วันนี้ ไม่ทำร้ายผู้อื่น...วันนี้ ไม่พูดโกหกหลอกลวง...วันนี้ ไม่วิพากวิจารณ์ นินทาผู้อื่น...วันนี้ ไม่ประพฤติผิดในกาม...วันนี้ ไม่ขโมยของผู้อื่น...วันนี้ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง.......ไม่ฆ่ามนุษย์ ทั้งในครรภ์ และนอกครรภ์ ตลอดชีวิต...ไม่ทำร้ายบิดามารดา ตลอดชีวิต.......แต่ตนเองจะต้องทำจริงก่อน จึงจะสอนผู้อื่นได้ เราจะรู้ได้ด้วยตนเอง ว่านิสัยอารมณ์ของเราเปลี่ยนไป..."สัจจะ" ทำให้ลด ลด ลด จนหมดไป - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2006
  5. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +3,159
    วันนี้เราค่อยๆทำค่ะ (ข้อที่เราไม่เคยจะทำได้เลย ..)

    วันนี้ ไม่พูดโกหกหลอกลวง...
    วันนี้ ไม่วิพากวิจารณ์ นินทาผู้อื่น.

    แต่วันนี้เราทำได้แล้ว แล้วพรุ่งนี้เราก็จะทำอีก
    เราจะค่อย ทำ ไปเรื่อยๆ ขอบคุณค่ะ
    สารของคุณมีประโยชน์ มันเหมาะกับคนแบบเราน๊ะ
    (นอกนั้นเราทำได้หมดแล้ว)
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    " สักวัน ผู้ทำได้ คงต้องมา "

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** การปฏิบัติสัจจะ ****

    กำหนด สัจจะ ทำในสิ่งในที่ยังทำไม่ได้
    ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ทำทุกวัน วันละข้อ
    ทำให้เป็น ประจำวัน

    สุดท้าย...สิ่งที่ตัวเรายังทำไม่ได้ ก็จะทำได้
    คือ ก้าวหลุดพ้นกรรม จากนิสัยนั้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** ความสำคัญอยู่ที่เชื่อ ****

    ท่านเชื่อหรือไม่...ว่า....สัจจะมีผลตอบแทน ???
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    การกระทำที่เราทำร่วมกันมาในอดีต ผลกำลังปรากฏในปัจจุบันและอนาคตที่ไม่นาน...รีบค้นหา "สัจจะธรรม" ....เวลาไม่หยุดนิ่ง อดีตไม่สามารถย้อนเป็นปัจจุบันได้...รีบหาการกระทำที่ดีสะสมไว้...อย่า ดูถูก "สัจจะ" เพราะคือ แก่นสารของพุทธศาสนา....ศาสนาที่ใช้ความจริง ไม่ใช้ความเห็น ไม่ใช้วัตถุ ไม่ใช้พิธีการ...เป็นเรื่องจิตวิญญาณให้พ้นจากความทุกข์
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** สิ่งที่ต่อสู้ **** สิ่งที่ข้าพระพุทธเจ้ากำลังต่อสู้ คือ "ความเชื่อที่เชื่อว่าถูก" และ "ทิฐิ"
     
  11. มโหสถผู้เจริญ

    มโหสถผู้เจริญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +851
    ข้าพเจ้าเคารพผู้มีสัจจะยิ่งนัก...ตัวตายไม่ขายสัจจะ..ตัวตายก็ตายไปแต่สัจจะจักปรากฏสืบชั่วกาลนาน..
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** สัจจะ - ผู้นำ - ประชาชน **** คือ กุญแจ...แก้ไข ปัญหาทั้งปวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2006
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** กรรมกำลังปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ****
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2007
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** ผู้ใหญ่นำประเทศหลายคนที่ไร้ สัจจะ **** จะนำภัยสู่ สังคม ประชาชน บ้านเมือง สถาบัน ประเทศชาติ จนถึง แผ่นดิน - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** กรรม นายพลน้อยใหญ่ **** ผู้บ่งการ มีการกระทำที่ก่อให้เกิดการเบียดเบียน ความทุกข์ยากแก่ประชาชนคนจำนวนมาก ตั้งแต่อดีต...และยังไม่สำนึก ยอมรับความจริง...." จะตายยิ่งกว่าสุนัขข้างถนน " - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** กรรม คนขโมยปืนทหาร **** หัวหน้าพรรคเก่า ผู้บ่งการขโมยปืนในค่ายทหารภาคใต้ เพื่อหวัง "สร้างสถานการณ์" ทางการเมือง...จนกลายเป็นเรื่องบานปลาย แบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ...ยังไม่ยอมรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองได้กระทำไว้....กรรมกำลังตามถามถึง ไม่สบายอย่างแน่นอน - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** ความรู้สึกประชาชน **** เมื่อ...ประชาชนเกือบทั้งประเทศ "รู้สึกเบื่อหน่าย" การแก่งแย่ง การหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ...ไปลงคะแนนเสียง "ไม่เลือกใคร"...แล้วจะเกิดอะไรขึ้น...เลือกกี่ครั้ง ก็ไม่เลือกใคร...ชีวิตนี้จะเลือกเพียง "ในหลวง"....ขอมี ในหลวงเป็นผู้นำ ในดวงใจ....แล้วจะเกิดอะไรขึ้น !!! - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** วาจาเหมือนจะดี แต่แฝงด้วยพิษร้าย **** ปากดีประสงค์ร้าย ทำลายขาดราชพลัง ทุกข์ตรมสุดสิ้นหวัง เหมือนเปรียบดังเทพนิยาย...เชื่อใจใครแทบไม่ได้ (บุคคลในนี้บางคนเช่นกัน) - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,998
    ค่าพลัง:
    +5,064
    พุทธะถามตอบเกี่ยวกับชาติและประชาธิปไตย

    พุทธะถาม “ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยดีที่สุดใช่ไหม”
    พุทธะตอบ “ผิดถนัด ทุกคนรู้ดีว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เรากำลังร่างรัฐธรรมนูญ แต่เรายังหลงประชาธิปไตย เพราะเราไม่คิดนอกกรอบ ทุกวันนี้เราเห็นอยู่ ความล่มสลายของเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากระบบทุนนิยม ที่ขายพ่วงมากับระบอบประชาธิปไตย แต่เราไม่มองย้อนความเจริญของเราในอดีต อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่เราเชื่อคำใส่ร้ายป้ายสีของฝรั่งมังค่าว่า พระมหากษัตริย์ของเราปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะระบอบการปกครองของเรานั้นเป็นระบอบพุทธะ ที่เต็มเปี่ยมด้วยทศบารมี เรียกว่า “ทศพิธราชธรรม” มีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์มาสร้างความผาสุกให้กับคนในชาติและความเจริญรุ่งเรืองของศาสนา ในขณะที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช พระมหากษัตริย์เป็นสมมุติเทพ และมีแนวคิดว่าตนเป็นพรหมมาจุติ พรหมลิขิตชีวิตคนได้ ทว่าในอดีตพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านทรงโปรดสั่งสอนให้ละฑิฐิและหันมาใช้ระบอบการปกครองแบบพุทธะ”

    พุทธะถาม “แล้วมีระบบอบได้ที่ดีกว่านี้อีก”
    พุทธะตอบ “มีแน่นอน หากเราไม่หยุดที่จะพัฒนาหรือค้นหา ความจริงระบอบการปกครองของไทยในหลายยุคเป็นระบอบการปกครองที่ดีกว่าระบอบประชาธิปไตย หากเราจะเปรียบเทียบความเจริญรุ่งเรืองและความสงบร่มเย็นแล้ว ตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินมา เราย่ำแย่และล้มเหลวมากที่สุดกับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เพราะทรราชที่ชื่อว่า “คณะราช” ก่อกบถปล้นราชวงค์ ทำไมเราไม่หันกลับไปมองความดีงามที่เรามีมาแต่ครั้งอดีตละ ระบอบการปกครองแบบพุทธะที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมทรงโปรดสั่งสอนและถ่ายทอดเป็นสิ่งล้ำค่าที่ประเทศใดไม่อาจเสมอเสมือนได้ นำมาพัฒนาปรับปรุงให้เข้ากับเราเอง และปรับตัวให้เข้ากับภายนอกได้ ทำไมเรายังหลงเดินตามก้นฝรั่งอยู่อีก”

    พุทธะถาม “หมายความว่าอย่างไร กรุณาอธิบายประวัติศาสตร์ความเป็นมาให้กระจ่าง”
    พุทธะตอบ “ระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน เราถือว่าดีที่สุด แต่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ก็ด้วยความเจริญทางวัตถุ และแรงขับดันจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ยังผลผลิตให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ จนคนพอใจกับความสำเร็จทางอุตสาหกรรม แต่มิใช่ความสำเร็จทางการปกครองเลยแม้นแต่น้อย เพราะขาดมุมมองทางด้านผลกระทบทางสังคม ทำให้คนหยุดพัฒนาปรัชญาการปกครองแบบประชาธิปไตยของ “อดัม สมิทธ” คนคิดว่ามันสมบูรณ์แล้ว แท้จริงแล้วไม่ใช่ การนำเสนอต่อไปนี้จะแสดงจุดอ่อนทั้งหมดและสิ่งที่ “คาร์ล มาร์ก” เตือนให้ระวัง ถึงความเลวร้ายของระบบทุนนิยมที่พ่วงมากับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย “คาร์ล มาร์ก” ไม่ได้ต่อต้านแนวคิดเสรีนิยม และสังคมนิยม ทว่าเขาแต่ยังหาทางออกให้ไม่ได้ จึงเสนอให้ประชาชนได้แก่แรงงาน ลุกขึ้นประท้วง ก่อการนองเลือดเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งผมคิดว่าเป็นการคิดที่ไม่จบ และเป็นทางออกที่ไม่ถูกต้อง เป็นเพียงจุดเริ่มคิดเท่านั้น”

    พุทธะถาม “แล้วอย่างไรต่อ ระบอบไหนที่ว่าดีกว่าประชาธิปไตย แล้วเรื่องที่กล่าวหาคณะราชละ”
    พุทธะตอบ “ประวัติศาสตร์ที่ผิดเพี้ยนของไทย ระบุว่า คณะราชคือผู้ยึดคืนอำนาจประชาธิปไตยมาให้ประชาชน เพราะระบอบการปกครองของไทยเป็นแบบ “สมบูรณาญาสิทธิราช” ซึ่งแท้แล้ว ร. เจ็ด ทรงกำลังวางรากฐาน อย่างรอบคอบเพื่อมอบประชาธิปไตยให้ประชาชน ทว่าทรราชเหล่านี้ รวมตัวกันปล้นพระราชอำนาจก่อน ด้วยความเกรงกลัวว่าหากท่านสละราชแล้วตนเองอาจมิได้รับเลือกครองอำนาจ จึงรวมตัวกันมาปล้นพระราชอำนาจ แล้วแสดงตนว่าเป็นวีรบุรุษ ทั้งหล่าวหาระบอบการปกครองเก่าแก่ของไทยว่าเป็น “สมบูรณาญาสิทธิราช” ซึ่งผิดมหันต์ดังที่กล่าวมาข้างต้น การกระทำนี้เกิดจากการที่พวกเขาได้ไปร่ำเรียนเมืองนอก แล้วหลงใหลแนวคิดตะวันตก จนไม่มองดูความเป็นไทย ใจร้อน เรียกว่าไหลตามกระแสการต่อต้านพระมหากษัตริย์ในยุคนั้น ทั้งที่จริงแล้ว ร. เจ็ด ทรงปกครองด้วยความเมตตา แต่ปัญหาเศรษฐกิจขณะนั้น ยากเกินเยียวยา ซึ่งเป็นเหมือนกันหมดทั้งโลก โทษใครไม่ได้ พวกเขาก็อาศัยโอกาสนี้ ในการปล้นราชวงค์ แล้วยัดเยียดข้อหาให้ราชวงค์ไทยเพื่อชิงอำนาจ”

    พุทธะถาม “สรุปไม่ได้นะ ว่านายกที่ผ่านมาใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแล้วไม่ดี”
    พุทธะตอบ “ได้สิ ลองย้อนกลับไปดูอดีต นายกของเราแต่ละคนแทบไม่ได้ปกครองประเทศให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ด้วยประชาธิปไตยเลย ยกเว้นนายกบางท่านที่เจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเท่านั้น ที่เห็นตึกรางบ้านช่องเยอะขึ้นมานี้ เป็นผลจากการทะลวงไหลเข้ามาลงทุนทำลายทรัพยากรของไทย โดยฝีมือนักลงทุนชาวต่างชาติทั้งนั้น เมื่อได้กำไรสมใจอยากแล้วก้ถอนทุนหนีไป ไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา ในขณะที่องค์พระมหากษัตริย์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ตรากตรำพระวรกายอย่างหนัก เหยียบย่ำไปทั่วแดนดิน ที่ห่างไกลและไร้ความเจริญ เพื่อหวังเป็นแนวทางให้นายกเดินตาม ทว่า เหล่านายกที่ผ่านมาจะมีสักกี่คนที่เห็นแนวทางนั้น มีใครสักกี่คนที่เดินออกไปดูชาวไร่ชาวนาแล้วนั่งลงคุยกับเขาโดยตรงเหมือนพระองค์ท่าน มีแต่ออกข่าวอยู่ในทำเนียบ คุยกันแต่เรื่องกล่าวโทษผู้นั้นผู้นี้ ไม่ได้คุยกันเรื่องความคืบหน้าของงาน บ้างก็เสนอโครงการให้ประชาชนสนใจ เลือกไปเป็นนายก แต่ไม่เคยลงดูชาวไร่ชาวนาจริงๆ การตัดสินใจก็ผิดพลาด ซ้ำยังโกงกินชาติบ้านเมืองก็มี เราได้พิสูจน์มายาวนานแล้วครับว่านายกทั้งหลายปกครองประเทศสู้ในหลวงไม่ได้ ใจคนไทยทุกคนตอนนี้เป็นดวงเดียวกันหมด แต่เราติดตรงที่ประชาธิปไตย มันดักห้ามไว้ ว่าห้ามถอยหลังกลับไปเป็นสมบูรณาญาสิทธิราช ในขณะที่ผมกำลังบอกว่าเราไม่ได้ถอยหลังไปแบบนั้น แต่เราก้าวใหม่ให้ถูกต้องจากระบอบการปกครองแบบพุทธะต่างหาก ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องการ”

    พุทธะถาม “แปลว่าให้ต้องกลับไปเป็นอย่างเก่า เราไม่ถอยหลังเข้าคลองหรอกหรือ”
    พุทธะตอบ “ไม่ใช่ เราย้อนกลับไปชำระประวัติศาสตร์ ใช้สติหยุดคิด เลิกยึดติดในคำพูดโฆษณากล่อมหัวใดๆ ที่เคยหลอกเรามา แล้วดูด้วยใจอันใสซื่อบริสุทธิ์ แล้วย้อนกลับไปทบทวนความเป็ฯมาของประวัติศาสตร์ไทยใหม่ ตรองดีๆ นานๆ ลึกๆ อย่าหยาบคายแบบฝรั่งมังค่า ก็จะได้สติคิดได้ว่ามันถึงเวลาที่เราจะปลดตัวเองจากการเป็นทาสระบอบทุนนิยมที่ครอบงำเรามานานโดยที่เราไม่รู้ตัวแล้ว ทั้งนี้ไม่ใช่แต่เรา มาเลเซียเองก็กำลังปลดตัวเองจากการเป็นทาส ตั้งแต่สมัยมหาเธ หรือแม้แต่ไต้หวัน ผู้คนก็กำลังหาทางออกใหม่ๆ ดูได้จากการรวมคนได้เป็นล้านๆ เพื่อประท้วงของ ซือ หมิง เต๋อ หรือแม้นแต่ภูฏานก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรวดเร็วคาดไม่ถึง เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงสละราชบัลลังก์ให้แก่มกุฏราชกุมาร “จิกมี” เมื่อทรงเห็นว่าเป็นกาลเวลาอันควร และมกุฏราชกุมารมีพระสติปัญญาพร้อม ตั้งแต่ทรงเสด็จมาเยี่ยมเยือนประเทศไทย และประกาศว่าจะเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อปกครองประเทศโดยใช้ดัชนีชี้วัดความสุขของคนในชาติ เห็นชัดหรือยังว่า อิทธิพลทางความคิดด้านการปกครองของพระมหากษัตริย์ไทยเราปัจจุบัน ยิ่งใหญ่แค่ไหน ทีนี้ตาแจ้งสว่างหรือยัง”

    พุทธะถาม “แล้วการร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้จะช่วยได้ไหม”
    พุทธะตอบ “ตราบใดที่ยังคิดในกรอบ ก็ยังเดินในกรอบที่ประเทศมหาอำนาจเขาวางกรอบไว้ให้เดิน แล้วเราจะเหนือเขาได้อย่างไร อันที่จริงเราไม่ได้อยากเหนือใคร แต่ถ้าเขากดขี่เราด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจ ครอบงำให้เราไม่มีความผาสุก ทุกคนเป็นโรคเบื่อวันจันทร์ เครียดกับการทำงาน และเคยคิดไหมว่าจะทำเงินไปทำไมนักหนา แล้วหลอกตัวเองว่าทำไปเหอะน่า ให้ลูกหลานเราไง สะสมไว้เป็นมหาเศรษฐี แล้วก็ทำงานตะบี้ตะบันแข่งขันจะเป็นจะตายไร้ความสุข อย่างไม่มีโอกาสได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ลูกไม่ได้เห็นหน้าแม่ แม่ไม่เคยได้มีเวลาให้นมลูก แม้แต่เวลาจะใส่บาตรตอนเช้ายังไม่มี จะเข้าวัดก็ทำไม่ได้ เพราะต้องถ่อสังขารออกไปไกล ทำงานหกวัน แค่เรื่องในบ้านก็ชำระไม่ไหวแล้ว สิ่งเรานี้ละคือระบบทาสแนวใหม่ ที่เรียกว่า “ทาสจำยอม” โดยที่เราไม่รู้ตัว ถึงเวลาแล้วที่เราจะลุกขึ้นมาบอกว่าเราไม่ใช่หมูในคอกที่จะมาจำกัดอิสรภาพในการใช้ชีวิตของเรา แล้วกลบเกลื่อนว่าเรามีอิสรภาพที่จะซื้ออะไรมาสนองกิเลสตัญหาเราก็ได้ เพราะเราไม่ได้ต้องการเป็นหมูที่เรียกร้องและเลือกอาหารการกินได้อย่างเสรี แต่คนไทยเราเป็นนกที่รักอิสรภาพ ต้องการอิสระเวลาส่วนตัวในชีวิต จะมากักขังเราดั่งหมูมิได้ ภาวะ “ทาสจำยอม” นี้ ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน และไม่มีในการปกครองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำไมเราไม่เรียกร้องให้พระองค์ปลดเราออกจากการเป็นทาสเหมือนกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้าทรงช่วยชาวไทยละ หากเราไม่พึ่งบารมีของพระมหากษัตริย์แล้ว อยากถามว่านายกหน้าไหนจะทำให้เรา ในเมื่อนายกทั้งหลายเป็นพวกเดียวกับนายทุน มิใช่พวกเดียวกับประชาชน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราต่างหากที่เป็นพวกเดียวกับประชาชนอย่างแท้จริง และจริงใจ”

    พุทธะถาม “อย่างนั้นแสดงว่า ไม่มีนายกคนไหนที่ดีเลยหรือ”
    พุทธะตอบ “มีแน่ ถ้านายกคนนั้นเดินตามรอยในหลวงอย่างแท้จริง แต่เราต้องยอมรับก่อนว่าการปกครองที่ดีที่สุดคือระบอบพุทธะ และนายกจะมีอำนาจเหนือพระมหากษัตริย์เป็นไปไม่ได้ เราต้องทวงความยุติธรรมคืนให้กับพระมหากษัตริย์ของเรา พระราชวงค์ท่านทรงถูกปล้นโดยคณะราช และถูกใส่ร้ายว่าเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชโดยไม่รู้จริง แล้วพวกเขาก็เอาประเทศไปปกครองโดยไม่เข้าใจอะไรเลย พวกเขาไม่เข้าใจประเทศตัวเอง ไม่เข้าใจระบอบพุทธะ ไม่เข้าใจแม้นกระทั่งระบอบประชาธิปไตยที่เขาอ้างมาอย่างแท้จริง แล้วทำชาติพินาศย่อยยับ โกงกินบ้านเมืองมาตลอดเวลา”
    <!--MsgFile=0-->

    พุทธะถาม “เช่นนั้น เราควรทำอย่างไร ประท้วงหรือ”
    พุทธะตอบ “ไม่ใช่ ระบอบการปกครองแบบพุทธะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบนองเลือด การประท้วงเป็นแนวคิด “มาร์ก ซิส” จากโบราณกาลมา ยกตัวอย่างเช่น การทูลอัญเชิญพระนางจามเทวีขึ้นครองราช โดยเหล่าพราหมณ์ เป็นต้น หรือแม้นแต่การทูลอัญเชิญพระมหากษัตริย์พระองค์ต่างๆ ของไทยขึ้นครองราช โดยราชการผู้ใหญ่ผู้มีสายตายาวไกลและรักชาติอย่างแท้จริง นี่คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างมีวัฒนธรรม มิใช่การเปลี่ยนแปลงแบบป่าเถื่อน การถวายคืนพระราชอำนาจ จะไม่มีการนองเลือดแต่อย่างใด เพราะเราจะใช้วิธีนักปราชญ์ นำเสนอข้อมูลความเป็นจริงและเหตุผลให้ประชาชนทราบ แล้วให้ประชาชนออกความเห็นร่วมกัน ซึ่งผมทายได้ว่าของขวัญชิ้นนี้เป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดที่ชาวไทยรอมานาน ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกัน เพราะเราเบื่อพวกชนชั้นนายทุนมากดขี่เราจนจะไม่ไหวแล้ว”

    พุทธะถาม “แล้วนายกจะมีไหม ต่างชาติจะยอมรับได้หรือ”
    พุทธะตอบ “ต้องมีสิ เพราะเราพัฒนาไปข้างหน้า ไม่ได้แปลว่าย่ำเหมือนเดิม เป็นระบอบประชาธิปไตยภายใต้การปกครองแบบพุทธะโดยมีพระมหากษัตริย์เป็ฯประมุขสูงสุด มีสิทธิ์ขาดที่จะทรงวินิจฉัยตัดสินใดๆ ให้ใครเข้ามารับตำแหน่งหรือออกจากตำแหน่งเมื่อใดก็ได้ โดยให้ประชาชนนำโดยข้าราชกาลผู้มีความจงรักภักดีต่อชาติร่วมเสนอชื่อนายกเข้ามา นี่ละวัฒนธรรมการอัญเชิญผู้ปกครองของไทย ท่านถวายอำนาจให้เหล่าขุนนางเสนอชื่อมานานแล้ว จากนั้นขุนนางก็เสนอชื่อนายก ให้ท่านทรงตัดสินพระทัย เช่นนี้ จึงเรียกว่า ท่านทรงเป็นประมุขของประเทศที่แท้จริง ซึ่งคณะราชได้สร้างเครื่องปิดกั้นพระราชอำนาจนี้ไว้นาน แล้วยึดเอาอำนาจให้ชนชั้นนายทุนเสียเอง โดยการให้ประชาชนตาดำๆ ที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในจุดอ่อนของระบอบประชาธิปไตย จำต้องเลือกแบบ “มัดมือชก” คือ เลือกผู้นำที่ตนไม่ต้องการ แต่เสนอหน้ามาได้ด้วยอำนาจเงินและอำนาจตระกูลเก่าหรือชื่อเสียงจอมปลอมจากการเป็นดารา เป็นต้น ประชาชนไม่มีทางเลือกก็ต้องเลือกกันไป สุดท้ายได้นายกคนเดียว มัดมือชกพระมหากษัตริย์ให้ทรงลงพระปรมาภิธัยอีก ลองคิดดูว่าไม่มีตัวเลือกให้ทรงวินิจฉัย แล้วจะเรียกว่าทรงมีอำนาจตัดสินพระทัยได้อย่างไร นี่ละ กลอุบายแห่งทรราชปล้นบัลลังก์ ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชนชั้นนายทุน หาใช่ฉบับที่พระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัวรัชกาลที่เจ็ดทรงเตรียมไว้ให้ไม่ ทั้งที่แท้แล้วระบอบการปกครองแบบพุทธะอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนี้ มีความเป็นเสรีภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกษัตริย์ด้วยการอัญเชิญขึ้นครองราช ด้วยเหล่าขุนนางผู้ภักดีและมีสติปัญญาสูง หรือแม้แต่การที่ทรงให้ประชาชนเลือกนายกได้อิสระเป็นเบื้องต้นก่อน แล้วทรงมีพระราชอำนาจในการตัดสินพระทัยเด็ดขาด แบบนี้จึงเรียกได้ว่าพระองค์ทรงเป็นประมุขของประเทศอย่างแท้จริง มิใช่ในนาม หรือแม้นแต่การปกครองตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง ผู้ทรงให้อิสระภาพในทุกด้านอย่างสูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย เช่น การเว้นภาษาการค้าขายได้อย่างเสรี ไม่มีการกีดกัดการค้าแบบฝรั่งมังค่า แล้วเชิดหน้าว่าตนนั้นเปิดเสรีแต่ลับหลังกลับใช้ความเอาเปรียบด้านสัญญาต่างๆ ต่อคู่ค้า แบบนี้หน้าซื่อใจคด ปากปราศัยน้ำใจเชือดคอ ซึ่งไม่เคยมีในน้ำพระราชหฤทัยแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทย มีแต่พวกยักษ์มารฝรั่งมังค่า และนายทุนไทยทรราชแผ่นดินที่ก้มหัวให้นายทุนฝรั่งเท่านั้นที่ทำแบบนี้กับคนไทย แล้วใช้ประเทศเป็นทุนในการลงทำกำไรจนฉิบหายวอดวายไปมากมายอย่างที่เห็นอยู่ นอกจากนี้ระบอบการปกครองแบบพุทธะโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนี้ ยังมีความเป็นสังคมนิยมสูงสุด กล่าวคือมีประสิทธิภาพมากกว่าสังคมนิยมคอมมิวนิส เพราะทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม อันเป็นไปเพื่อการจรรโลงสังคมโดยแท้ แตกต่างจากนายกจากประชาธิปไตยที่มักอ้างตนว่ารู้เรื่องประชาธิปไตยแต่กลับใช้ความรู้โกงกิน เพื่อตนเอง แล้วข่มเหงปล่อยทอดทิ้งสังคม ไม่ดูแลประชาชนในประเทศ”

    พุทธะถาม “ได้สติเลยครับ ตาสว่าง รู้อย่างนี้แล้วประชาชนคนไทยควรทำอย่างไรดีครับ”
    พุทธะตอบ “เราต้องแสดงออกทางความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ เจตจำนงค์ว่าเราต้องการใครกันแน่มาปกครองประเทศ อย่างใสซื่อจริงใจ โดยไม่คิดวนแต่อยู่ในกรอบ แล้วใช้วิธีแบบผู้มีวัฒนธรรมที่ดีงามเขาทำกัน คือ แสดงออกทางความคิดเห็นแบบปราชณ์ แล้วเสนอให้ขุนนางที่จงรักภักดีต่อชาติ ถวายคืนพระราชอำนาจ เพื่อให้ประชาชนและขุนนางร่วมกันเสนอชื่อนายกแล้วถวายแด่ท่านให้ทรงวินิจฉัยแต่งตั้งนายกใหม่ นี่ไม่ใช่การถอยหลัง แต่เป็นการก้าวหน้าที่ถูกต้องต่างหาก มิเช่นนั้น ประเทศเราจะอยู่ได้อย่างไรต่อไปละ ลองตรองดูเถิด เราไม่อยากออกไปเลือก สส. หน้าเก่ากันแล้ว สมัครมาอีกก็วนรอบโกงกินเหมือนเดิม เราไม่อยากได้คนมีอำนาจและเงิน แต่เราอยากได้คนดีมีความสามารถ ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีโอกาสได้เข้ามาปกครองเพราะพรรคการเมืองเก่าต่างๆ เผด็จการครอบครองไว้ด้วยอำนาจเงินและอำนาจการเมือง มันอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้จริงไหม ผมคิดว่าถึงจุดนี้แล้วคนไทยทุกคนเห็นตรงกันนะ”

    จบ บทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีในอนาคต โดยธุลีกองฟอน.....
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** เมื่อเรามีเป้าหมาย คือ นิพพาน **** "สัจจะ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด" ก็ต้องทำให้ได้ - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...