มีใครทราบมั้ยคะ ว่าศาลของพระนางมณีรัตนา พระสนมเอกในสมเด็จพระนเรศวร อยู่ที่ไหน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย annanice, 31 ตุลาคม 2006.

  1. annanice

    annanice สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    พอดีตัวเองพลาดไปลบหลู่ท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ เลยอยากจะไปขอขมาท่านค่ะ ที่ผ่านมาก็เจออะไรมามาก แต่ไม่เคยเอะใจว่าเป็นเรื่องนี้มาก่อนจนมีคนทัก ทีนี้เราก็ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน ควรจะทำยังไงหรือแก้ใขยังไงดี

    รบกวนเพื่อนๆในบอร์ดให้คำแนะนำด้วยนะคะ
    <!-- / message -->
     
  2. หนูน้อย

    หนูน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +1,038
    ลองปรึกษาพี่ประภัสสร ที่เบอร์ 08-9636-1988 พี่เค้าอยู่เชียงใหม่ ควรติดต่อระหว่างเวลา 09.00-18.00 น. พี่เค้าสามารถติดต่อกับวิญญาณของพระนเรศวรได้ค่ะ
     
  3. klu

    klu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,320
    เจ้าของกระทู้คิดนิดนึงก่อนเชื่อแล้วกันนะ รวมทั้งข้อความที่เราโพสต์ด้วย

    เคยมีคนบอกเราว่า พระนเรศวรลงมาเกิดแล้วอะ
    ซึ่งจริงหรือไม่ เราไม่รู้

    เพราะฉะนั้น ถ้าอยากขอขมา
    ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วจะถือศีล ทำบุญ ทำทาน นั่งสมาธิหรืออะไรก็ได้ประมาณนี้
    เป็นการขอขมาจะดีกว่า
     
  4. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    พ.ศ.2518 เราเกิดมาในสมัยแผ่นดินของพระนเรศวรอีกครั้ง
     
  5. สี่จุด

    สี่จุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +3,659
    จุดธูปอธิษฐานหน้าบ้านเลย ขอขมาและทำบุญให้
     
  6. jarawoot

    jarawoot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,762
    ค่าพลัง:
    +6,940
    ศาลพระนางมณีรัตนา

    เมื่อ2เดือนที่แล้วผมได้มีโอกาสไปทำพิธีที่วัดวรเชษฐ์(นอกคูเมือง)ทางไปอ.เสนา จะมีพระเจดีย์ที่บรรจุพระอัฐิธาตุองค์พระนเรศวรสร้างถวายโดยพระเอกาทศ จะมีเจดีย์เล็กๆอยู่ซ้ายมือเมื่อหันหน้าเข้าวัด(คิดว่าเป็นพระเจดีย์พระแม่มณีรัตนา)ระหว่างทำพิธีได้ยินเสียงที่ไพเราะมากว่า " ลูกแม่ขอบใจมาก"ทำให้น้ำตามันจะไหลให้ได้ จนกระทั่งต้องเดนไปไหว้ที่พระเจดีย์ถึงหายจากอาการนี้ ลองเสี่ยงอธิษฐานบารมีก้อแล้วกันนะครับ อย่าเชื่ออะไรง่ายๆครับ
     
  7. annanice

    annanice สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณทุกข้อความนะคะ
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ในความเห็นส่วนตัวนะคะ

    อาจจะไปขอขมาท่านได้ที่วัดไชยวัฒนารามด้วยค่ะ ที่พระปรางค์ประธานนะคะ
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สันนิษฐานว่าเป็นสถานที่เก็บพระบรมอัฐิพระอัครมเหสีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    [​IMG]

    [​IMG]

    แผนที่เก่าวาดสายแม่น้ำอยู่ทางด้านใต้เกือบทั้งหมด ตามจริงจะต้องกระจายไปอยู่ที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดไชยวัฒนารามนั่นเอง


    พระนางมณีรัตนา(เจ้าขรัวมณีจันทร์) ดิฉันทำความเข้าใจ จากการศึกษาแผนที่แะหลักฐานหลายๆอย่างประกอบกันว่า พระนางเธอทรงเป็นพระอัครมเหสีค่ะ

    วัดไชยวัฒนารามจึงมีพระปรางค์บรรจุพระอัฐิธาตุของพระอัครมเหสี ฝรั่งจึงวาดแผนที่และกำหนดตำแหน่งวัดไชยวัฒนารามเป็น "Pagode de la Rein" ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลได้ว่า "พระเจดีย์ของพระอัครมเหสี" ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระปรางค์น้อยเจ้าแม่วัดดุสิต ในบริเวณวัดไชยวัฒนาราม

    [​IMG]

    เจ้าแม่วัดดุสิต (พระนมเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) อาจจะทรงมีสายสัมพันธ์ในพระโลหิตกับพระผู้มีอัฐิธาติประดิษฐานอยู่อยู่ในพระปรางค์ประธานของวัดไชยวัฒนาราม (บางทีอาจจะทรงเป็นพระธิดา ทั้งนี้ยังหาหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรเช่นพงศาวดารไม่ได้เสียทีเดียว สิ่งที่หาได้คือหลักฐานทางจิตรกรรมที่ปรากฏอยู่ที่วัดชุมพลนิกายาราม อ.บางปะอิน ปรากฏไว้ให้พอจะสืบทราบได้บ้างว่า เจ้าแม่วัดดุสิตนั้นอาจจะทรงเป็นพระราชธิดาของพระนางเจ้าท่านค่ะ)
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระพุทธเจ้า 7 พระองค์ พระประธานในโบสถ์วัดชุมพลนิกายาราม

    [​IMG]

    พระประธานในโบสถ์วัดชุมพลนิกายาราม พระพุทธเจ้า 7 พระองค์​
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    Map of the course of the River Menam from Siam to the Sea

    [​IMG]

    แผนที่โบราณเขียนโดยชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา​

    Pagod Royal คือ วัดชุมพลนิกายาราม อ.บางปะอิน ในปัจจุบัน​

    I.Royall น่าจะหมายถึง Island of Royal เกาะหลวงหรือเกาะของพระราชวงศ์​

    Palace Royal คงหมายถึงพระราชวังโบราณที่พระเจ้าปราสาททองทรงสร้างไว้ที่นี่

    old siam map http://std.cpc.ku.ac.th/delta/deltacp/features/feature2.htm
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระนางมณีรัตนาและพระราชโอรส ปรากฏพระองค์ในกระบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค

    <TABLE id=post2261934 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 15-07-2009, 01:32 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#172 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2261934", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2009
    ข้อความ: 1,738
    Groans: 0
    Groaned at 28 Times in 16 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 2,028
    ได้รับอนุโมทนา 7,491 ครั้ง ใน 1,710 โพส
    พลังการให้คะแนน: 477 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2261934 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลโดยกระบวนเรือพยุหยาตรา<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ในปีพ.ศ. 2136 (มิได้ระบุไว้ชัดเจนแต่จะต้องก่อนหรือไม่เกินปี พ.ศ. 2139 เพราะว่าบาทหลวงสเปน ผู้บันทึกนี้เดินทางเข้ามาในระหว่างปี 2125-2139) และบาทหลวงคนเดียวกันนี้ได้บันทึกเรื่องราวที่ราชทูตเขมรเข้ามาถวายเครื่องราชบรรณาการในปี 2139 ซึ่งหลังจากเขมรเป็นเมืองขึ้นของไทยตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2137 และบาทหลวงเสปนได้บันทึกพระบุคคลิกของพระมหากษัตริย์ผู้เสด็จในกระบวนเรือนี้ไว้ดังนี้

    “พระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นพระมหากษัตราธิราชเจ้าผู้ทรงพระมหาการุณยภาพ ทรงเป็นที่หวาดหวั่นครั่นคร้ามมาก แต่ก็ทรงเป็นพระปิยราชด้วยในเวลาเดียวกัน”

    ในกระบวนเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ ทรงเสด็จพร้อมด้วยพระอัครมเหสี และพระราชโอรสผู้ทรงพระเยาว์ คาดว่าพระราชพิธีนี้จะเป็นพระราชพิธีต่อเนื่อง หลังจากเสด็จร่วมในพระราชพิธีอาศวยุชแล้ว คงจะทรงมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลซึ่งอาจจะเป็นพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน

    History of the Philippines and Other Kingdom เป็นจดหมายเหตุสเปนที่บาทหลวงมาร์เซโล เด ริบาเดเนอิรา (Marcelo de Ribadeneira, O.F.M.) เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของบาทหลวงนิกายฟรานซิสกัน ที่เคยพำนักอยู่ในพระนครศรีอยุทธยาระยะหนึ่ง ซึ่งพรรณนาถึงกรุงพระนครศรีอยุทธยาในห้วง พ.ศ. ๒๑๒๕ ปลายรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๑๒ – ๓๓) และตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๓๙ ในต้นรัชสมัยสมเด็จพระนเรศ (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๓๓ – ๔๘)

    “...ครั้งหนึ่งบาทหลวงนิกายฟรานซิสกันได้เห็นพระเจ้าแผ่นดินประทับในเรือพระที่นั่งที่ตกแต่งประดับประดาแล้วล้วนไปด้วยพระปฎิมากร เพื่อจะเสด็จพระราชดำเนินเยือนพระอารามแห่งหนึ่ง มีเรือสี่ลำแล่นล่วงหน้าไปก่อนเรือพระที่นั่ง เพื่อเป็นการค้ำประกันความปลอดภัยของพระเจ้าแผ่นดิน เรือเหล่านี้บรรทุกผู้คนเป่าแตรเงินเล็ก ๆ เพื่อป่าวประกาศการเสด็จพระราชดำเนินถึง บรรดาเรือล้วนมีรูปทรงวิจิตรพิสดารและแกะสลักอย่างน่าพิศวงด้วยรูปปฏิมาประดับประดาอย่างหรูหรา ก่อเกิดความรู้สึกประทับใจถึงโขลงช้างที่ลอยเหนือน่านน้ำ ด้วยเรือเหล่านี้ลอยเลื่อนไปเบื้องหน้าและท้ายเรือโลดทะยาน"

    “เรือสี่ลำเหล่านี้หยุดที่พระอารามแห่งหนึ่งบนชายฝั่ง เพราะพวกเขาคาดหมายว่า พระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงเจริญพระพุทธมนต์และทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ตามติดมาอย่างใกล้ชิดเรือสี่ลำนั้นเป็นเรืออื่น ๆ อีกหลายลำที่ใหญ่กว่านั้น แต่ละลำบรรทุกผู้คนมากมายที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบประเภทต่าง ๆ เรือแต่ละลำมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แห่งราชสำนัก ๑ คน

    แล้วจากนั้นเป็นพระราชกุมารพระองค์เยาว์ที่สุดในพระเจ้าแผ่นดินที่เสด็จปรากฎพระองค์ในเรือพระที่นั่งที่ตกแต่งอย่างหรูหรามาก

    ตามติดมาเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีและสาวสรรกำนัลใน สมเด็จพระอัครมเหสีประทับแต่เพียงลำพังพระองค์ และบรรดานางกำนัลนั่งในเรือลำอื่นที่ตกแต่งอย่างน่าอัศจรรย์ และกั้นด้วยม่านอย่างรอบคอบจนเป็นไปได้ที่จะสามารถมองผ่านม่านจากภายในออกมาสู่โลกภายนอกได้ โดยที่คนภายนอกไม่เห็นคนภายใน"

    “สุดท้ายที่มาถึงในกระบวนพยุหยาตราโดยชลมารคคือ องค์พระมหากษัตริย์ ประทับในเรือพระที่นั่งขนาดกว้างใหญ่ที่ดูแต่ไกลเหมือนนกกระยางตัวมหึมาที่แผ่ปีกอันกว้างใหญ่ออกมา เป็นเรือพระที่นั่งปิดทองทั้งองค์และโดยที่ฝีพายมีเป็นจำนวนมาก อิริยาบถในการพายของพวกเขาจึงดูเหมือนนกตัวใหญ่เหินลมเหนือท้ายเรือพระที่นั่ง พระเจ้าแผ่นดินประทับเหนือพระราชบัลลังก์เคียงข้างพระองค์เป็นสาวน้อยผู้เลอโฉมข้างละ ๒ คน คอยถวายอยู่งานโบกพัด เพื่อให้พระองค์ทรงสดชื่นจากความร้อนระอุของดวงอาทิตย์ ทันทีเรือพระที่นั่งหยุดลง ฝูงชนก็ผลักดันกันไปข้างหนึ่งและหมอบราบลงและยกมือขึ้นประนมในลักษณาการศิโรราบจนกระทั่งพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินผ่านไป แล้วเรือพระที่นั่งของพระราชกุมารผู้ทรงพระเยาว์ก็ติดตามมาพรั่งพร้อมด้วยเหล่าขุนนางชั้นสูง"

    "เมื่อพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินถึงพระอาราม พระองค์ได้รีบเสด็จไปถวายเครื่องราชสักการะแต่พระปฎิมากรทั้งหลาย และหลังจากนั้นพระองค์ได้เสด็จลงสรงสนานกลางสระน้ำใสในปริมณฑลของพระอารามบรรดาเจ้าพนักงานภูษามาลาและชาวที่ได้อัญเชิญน้ำสรงปริมาณหนึ่งไว้เพื่อสักการบูชา และพวกเขาได้อยู่งานถวายพระมูรธาภิเษก จนกระทั่งพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินกลับสู่พระราชวัง”

    พระราชกุมารผู้ทรงพระเยาว์คงจะยังไม่เข้าพิธีโสกันต์เป็นแน่ จึงเรียกว่าทรงพระเยาว์ แต่สามารถประทับเพียงลำพังพระองค์ได้แล้ว น่าจะทรงเจริญวัยพอที่จะประทับโดยไม่ต้องอยู่กับพระราชบิดาหรือพระราชมารดา พระราชกุมารนี้ คิดว่าพระองค์นี้จะเจริญมากกว่า 5 พรรษา แต่ไม่น่าจะเกิน 12 พรรษา (น่าจะประสูติในราวๆ ช่วงปี พ.ศ. 2124 ถึงปี พ.ศ. 2131) ซึ่งช่วงปีที่พระราชกุมารองค์น้อยประสูตินี้ เป็นปีที่พระราชบิดาของพระองค์คือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าทรงดำรงพระยศเป็นพระเจ้าฝ่ายหน้า หรือองค์พระยุพราช ครองเมืองพิษณุโลกอยู่นั่นเอง

    เพิ่มเติม

    คำให้การขุนหลวงหาวัด (พระราชพงศาวดารแปลจากภาษารามัญ) ความจริงเป็นเอกสารฉบับเดียวกับคำให้การชาวกรุงเก่า (พงศาวดารไทยตามฉบับพม่า) ตามต้นฉบับในหอเมืองร่างกุ้งของพม่า สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า หลังจากกองทัพพม่าตีพระนครศรีอยุทธยาแตกใน พ.ศ. ๒๓๑๐ พม่าได้จดคำให้การของเชลยศึกที่เจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยศรีอยุทธยา โดยอาศัยล่ามมอญที่รู้ภาษาไทยจดคำให้การเป็นภาษามอญ แล้วค่อยแปลเป็นภาษาพม่าในภายหลังซึ่งปัจจุบันได้ข้อยุติแล้วว่า คำให้การชาวกรุงเก่าเป็นเอกสารฉบับเดียวกับโยธยา ยาสะเวง (พงศาวดารอยุทธยา)ของพม่า ได้เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชพระราชบิดาใน จ.ศ. ๙๕๒ ปีขาลโทศก (พ.ศ. ๒๑๓๓) ความว่า

    “ส่วนพระนเรศวรนั้น ก็เข้าไปกรุงศรีอยุทธยา ก็เสด็จเข้าสู่พระราชฐาน อันอัครมหาเสนาบดีและมหาปุโรหิตทั้งปวง จึงทำการปราบดาภิเษกแล้วเชื้อเชิญขึ้นให้เสวยราชสมบัติ จึงถวายอาณาจักรเวนพิภพแล้วจึงถวายเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕ และเครื่องมหาพิไชยสงครามทั้ง ๕ ทั้งเครื่องราชูปโภคทั้งปวงอันครบครัน แล้วจึงถวายพระนามใส่ในพระสุพรรณบัฏสมญาแล้วฝ่ายในกรมจึงถวายพระมเหสีพระนามชื่อพระมณีรัตนา แล้วถวายพระสนมกำนัลทั้งสิ้น แล้วครอบครองราชย์สมบัติเมื่อจุลศักราช ๙๕๒ ปีขาลโทศก อันพระเอกาทศรถนั้นก็เปนที่มหาอุปราช”


    พระมณีรัตนา นามแห่งองค์อัครมเหสีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงน่าจะคงทรงเคยดำรงตำแหน่งพระวรชายา หรือพระอัครชายาแห่งองค์นเรศวรครั้งยังทรงดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยา และพระนางเจ้าองค์เดียวกันนี้ทรงให้ประสูติกาลพระราชโอรสอย่างน้อยหนึ่งพระองค์ โดยพระโอรสองค์นี้น่าจะมีพระประสูติในระหว่างพุทธศักราช 2124-2131

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

    ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระราชธิดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    พระราชธิดาของพระเจ้านรธามังสอ ที่ถวายตัวเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชคือ พระนางอโยธยา มี้พระยา

    พระนางอโยธยา มี้พระยา ทรงมีพระเชษฐาคือพระเมงสาตุลอง (พระเจ้าดอยหลวง) พระเชษฐาองค์นี้ประสูติที่เขาดอยหลวงระหว่างทางที่พระราชบิดา(พระเจ้านรธามังสอ) และพระราชมารดาเสด็จมาครองเมืองเชียงใหม่ตามพระบัญชาของพระเจ้าบุเรงนอง ปีที่ทรงประสูติคือ พ.ศ. ๒๑๒๑-๒๑๒๒ ดังนั้นพระนางอโยธยามี้พระยาทรงน่าจะประสูติในราวปี พ.ศ. ๒๑๒๓-๒๑๒๔ พระนางทรงมีพระชนม์น้อยกว่าสมเด็จพระนเรศวร ๒๖ ปี ทรงถวายตัวเป็นมเหสีในปี พ.ศ. ๒๑๔๓ อายุในขณะนั้น ๒๐ พรรษา

    พระราชธิดาของสมเด็จพระนเรศวรพระองค์ที่อภิเษกสมรสกับพระเมงสาตุลองน่าจะทรงมีพระชนม์ใกล้เคียงกับพระนางอโยธยา มี้พระยาหรืออ่อนกว่า

    อ้างอิงวิกิพีเดีย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช - วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  15. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    แวะไปดูกระทู้ทหารพระองค์ดํามีการพูดถึงเรื่องคําสาปแช่งของพระนเรศวรมาต่อพระยามีชื่อ....
    อีกแล้วอ่านะ
     
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คุณอาภากรรู้เรื่องพระดำรัสของเสด็จเตี่ย นั่นก็ศักดิ์สิทธิ์มากอยู่แล้ว

    สำหรับคำสาปแช่งโบราณกาล ไม่เคยเห็นอ่านเจอเลยค่ะ อ๋อมีอันหนึ่ง คำสาปแช่งที่เขียนจารึกไว้บนแผ่นหินวัดเทพจันทร์ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา

    [​IMG]

    <TABLE style="FONT-FAMILY: Microsoft Sans Serif; FONT-SIZE: 10pt" border=0 cellSpacing=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=120 align=left>เนื้อหาโดยสังเขป</TD><TD>กล่าวถึงการปฏิสังขรณ์พระวิหารวัดเทพจันทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๒๗๗ โดยกรมหลวงราชานุรัตน์และมหาเพชญผู้เป็นเจ้าอาวาส ตอนท้ายสาปแช่งผู้ที่จะทำอันตรายแก่พระพุทธรูปและวิหาร โดยขอให้ตกนรกอเวจี อย่าทันพบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และกล่าวถึงผู้บูรณะมณฑปพระพุทธบาทคือ พระสงฆ์ นามว่า เหมือน และสมภารวัดเทพจันทร์ การปฏิสังขรณ์ดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ใน พ.ศ. ๒๒๗๙</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=120 align=left>ผู้สร้าง</TD><TD>กรมหลวงราชานุรัตน์, มหาเพชญ, ภิกษุนามว่าเหมือนและสมภารวัดเทพจันทร์</TD></TR></TBODY></TABLE>



    การกล่าวถึงคำสาป มันไม่เป็นมงคล คนโบราณน่าจะไม่อ่านกันบ่อยๆ เพราะไม่เป็นมงคล อ่านผ่านๆให้พอรู้ความก็ตามตัวอย่างข้างบน ส่วนคำสาปสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อิฉันไม่ค่อยได้ค้นหาข้อมูล เอาตัวอย่างวัดเทพจันทร์มาให้ดูเพราะเสาร์นี้จะไปแถวๆนั้นพอดีค่ะ
     
  17. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    ขอบคุณครับ
    คือเป็นคําแช่งขององค์สมเด็จท่านที่เป็นวาจา แก่บุคคลที่ปกปิดการเสียชีวิตของพระองค์ และ ปกปิดเรื่องพระโอรสของพระองค์ครับ

    รู้สึกจะเป็นพระยาหรือเจ้าพระยาผู้หนึ่งที่พระองค์บอกว่าเป็นแก้วตาดวงใจของพระองค์คนหนึ่งแต่มิได้ยกตําแหน่งสนมกํานัลชายาและมเหสีให้เพียงแต่ประทานตําแหน่งพระยาให้ ว่ากันว่าบุคคลนี้ในยุคสมัยมีเดชานุภาพเป็นรองเพียงแค่องค์สมเด็จพระนเรศวรและพระเอกาทศรถเพียงแค่นั้นนอกนั้นหาผู้ใดเสมอเหมือนในแผ่นดินไม่มี เนื้อความอย่างละเอียดผมก็จําไม่ค่อยได้แล้วหน่ะครับ
    หากเนื้อกระทบผู้ใด หรือบิดเบือนจากราชพงศาวดาร ผมก็ขออภัยนะครับเพราะเป็นเรื่องเล่าขานมาไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +6,434

    เคยอ่านเจอเหมือนกันค่ะ หาจากกูเกิ้ล ด้วยพระนาม พระนางมณีรัตนา ก็เจอ เคยอ่านมาแล้วค่ะ พยายามหาพงศาวดารก็ไม่พบ พบแค่บันทึกเมืองเหนือที่เขาบอกว่าเป็นตำนานว่าด้วยคนรักที่เป็นสามัญชนของสมเด็จฯ ไม่ได้บอกว่าเป็นพระสนม หรือได้เป็นพระยา แต่ตำนานว่าเป็นคนรัก อ่านได้หนเดียวหาอีกก็หาไม่เจอ โดยส่วนตัวดิฉันว่าเป็นไปได้เรื่องคนรักค่ะ พระองค์ทรงเป็นชายฉกรรจ์ทีเดียวเมื่อครั้งไปครองพิษณุโลก ความรักหนุ่มสาวก็น่าจะเกิดขึ้นได้ตามเลือดหนุ่มเลือดสาว ผิดพลาดพลั้งในความเห็นไปประการใด ขออภัยค่ะ

    จำได้เพิ่มเติมอีกเรื่อง คือตำนานวัดสุดสวาท พิษณุโลก ตำนานนี้ว่าด้วยพระสนมคนหนึ่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชน้อยใจในพระองค์ไปบวชชีตลอดชีวิตอยู่ที่วัดนี้ค่ะ เมื่อต้นปีกรุแตก ได้พระสมเด็จพระนางพญาวัดสุดสวาทสู่ตลาดพระมากมาย

    http://76.nationchannel.com/playvideo.php?id=80250
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  19. มากกว่าจิต

    มากกว่าจิต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ไขความกระจ่าง

    เรามาเกิดในร่างผู้ชายอายุประมาณ ๓๖ ปี ปีนี้จะพบกับนางที่จากมา และจะขอร่างให้พระยายมราช รับกลับไปด้วย ๑ ร่าง เราจะรับนางกลับด้วย พร้อมกับรางวัลแก่ปราชญ์ ชายหญิง ทั้งหลายที่ยังแฝงร่างในร่างมนุษย์ ให้กลับกับเรา เราจดบันทึกเป็นเรื่องราว ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตตามสมัย เราจิตแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ได้รักกับผู้ชายร่างหนึ่ง หนึ่งจิตกับร่าง สืบมาตรงนะ แต่ยังขาด ปราญช์มหาเถรนะ ตรงนะท่านยังไม่มารับรู้ด้วยตัวเอง ผ่านเวลามาหลายร้อยปี เหล่ามนุษย์ยังจมกับการแปล เอกสารโบราณ เร่งนึกถึงพระอริยเมตไตร เถิด ท่านจุติชี้ว่า ไม่จีรังทั่วทั้งตัวคน มหาราชทัดทานท่าน ไหนว่าสนใจทุกเรื่อง ต่อไปจะท่องเที่ยวทุกโลก จนกว่าจะพบราชครูทั้งหลาย ให้รู้เพียงว่า เรารับรู้ ว่าทุกคนยอมรับงานเรา และขอบใจที่ไม่รับรู้ด้วย แต่ยังยอมรับฟัง จำไว้ ราชครูทั้งหลาย เราชายรูปร่าง ฟ้าประทานพรพร มาแล้ว...
     
  20. 11111111111

    11111111111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +226
    แม่มณีรัตนา หรือ แม่มณีจันทร์ ท่านกลับมาจุติใหม่แล้วนะจ๊ะ กลับมาเป็นภรรยาขององค์ดำเหมือนอย่างเก่าอะครับ แล้วคุณมีอะไรจะขอขมาท่านก็จุดธูปเทียนบอกกับเทวดาที่ปกปักรักษาประจำตัวของแม่มณีจันทร์ซิครับเขาอาจจะช่วยรับรู้แทนได้ ขึ้นอยู่ที่จิตของคุณ จขกท. ว่ามีความตั้งใจ(บริสุทธิ์ใจ)มากน้อยขนาดไหนนะจ้า (ขออนุญาติชี้แนะนะ)



    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...