ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0007.jpg
      0007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      266.7 KB
      เปิดดู:
      650
    • 0008.jpg
      0008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      381.5 KB
      เปิดดู:
      637
    • 0009.jpg
      0009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      360.8 KB
      เปิดดู:
      639
  2. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
  3. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
  4. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    เสียงหลวงพ่อเคราสวด สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
    ณ งานทอดกฐิน วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=070Eda6hhh8"]YouTube - หลวงพ่อเครา01[/ame]
     
  5. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=wpxavYfTNVQ"]หลวงพ่อเครารดน้ำมนต์[/ame]
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สัปดาห์นี้แทบไม่มีเวลาเข้ามาดูในกระทู้มากนัก พอเข้ามาก็ต้องขออนุญาตแจ้งให้ทราบถึงการมรณภาพของพระอริยสงฆ์เจ้ารูปหนึ่งที่ทางทุนนิธิฯ ได้เคยส่งเครื่องดูดเสมหะ และผ้าห่มหนาวไปถวายท่านเมื่อปีที่ผ่านมาและท่านได้มีเมตตามอบผ้าอังสะผ่านทางลูกศิษย์นำมามอบให้พวกเราโดยได้ตัดแบ่งและแจกไปตั้งแต่ปีที่แล้วเช่นกัน บัดนี้ท่านจบกิจทั้งทางโลก และทางธรรม ตามโลกสมมุติโดยสิ้นเชิงแล้ว และได้ละสังขารไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ขอกราบไหว้เคารพบูชาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย จ.สกลนคร ด้วยความเคารพครับ

    [​IMG]

    ส่วนรายละเอียดกำหนดการประชุมเพลิงสรีระของท่าน และอัตตะชีวประวัติของท่านพอสังเขป ดูได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

    http://palungjit.org

     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำหรับท่านใดที่สนใจหนังสือคำสอนของท่านพร้อมทั้งวัตถุมงคลซึ่งเป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายของท่าน ลองเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกและบริจาคค่าจัดส่งตามเวบลิ้งค์ข้างล่างนี้ บอกก่อนครับว่าน่าสนใจ เพราะวัตถุมงคลที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากพระอริยเจ้าขั้นสูงสุดแล้ว ย่อมมีพลัีงทิพย์ที่สุดประมาณครับ

    http://www.udon108.com/board/index.php?topic=58767.60
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ที่นี้มาว่ากันถึงงานกฐินทุนนิธิฯ ที่ผ่านมา ตามที่น้องๆ ได้ลงรูปไว้ให้ได้ชมกันแล้วนั้น ในส่วนของการบริจาคเงินนั้น นอกจากจะได้ถวายเงินกันแล้ว ผมเองได้นำซองที่แต่ละท่านได้เขียนด้วยลายมือของท่านและระบุจำนวนเงินมานำถวายหลวงปู่เพื่อขอให้ท่าน "ถวายรายชื่อ" ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนให้ได้รับทราบด้วย โดยก่อนเริ่มพิธี หลวงปู่ฯ ได้หันมาบอกผมให้ช่วยจุดธูป 16 ดอกกลางแจ้ง บอกเทพพรหมเทวา ทั้ง 16 ชั้นฟ้า และ 15 ชั้นดิน ให้ได้รับทราบ และมาโมทนาบุญในงานกฐินครั้งนี้ด้วย จำได้ว่า พอโฆษกในงานจะกล่าวชุมนุมเทวดา ฉับพลันก็มีลมหอบใหญ่พัดมา จนหลวงปู่บอกว่าเอ้า! เค้ามากันแล้ว โฆษกจึงได้กล่าวสัคเค กาเมฯ ขึ้น บรรยากาศตอนนั้น เย็นสบายมาก หลายคนทำบุญในวันนั้นด้วยความสบายใจ เพราะผมได้ขอให้นั่งสมาธิทำใจให้มั่นให้ปิติ ก่อนทำบุญสักสิบนาที ดังที่ปรากฏในภาพที่จะเห็นมีผู้ร่วมบุญบางท่าน ยังคงนั่งสมาธิอยู่ แถมสุดท้ายก่อนลากลับได้ให้ทุกคนที่มาร่วมในพิธีได้ขอขมากรรมที่ได้ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย และหลวงปู่ฯ จนเป็นที่เรียบร้อย อันเป็นการจบขั้นตอนการถวายกฐินที่ทุนนิธิฯ เป็นเจ้าภาพและเป็นกฐินเอก ซึ่งเป็นครั้งแรกนับจากการก่อตั้งทุนนิธิฯ มาเป็นเวลากว่า 3 ปี อย่างง่ายๆ เรียบร้อยและสมบูรณ์ด้วยความตั้งใจในบุญกุศลของกาลทานที่เรียกว่า "กฐิน" ในปี 2553 นี้ สำหรับเงินปัจจัยที่ทุนนิธิฯ ได้บริจาคให้แก่หลวงปู่ฯ เพื่อไปใช้ในการบำรุงศาสนกิจนั้น ล้วนมาจากการบริจาคของพวกเราทั้งหลาย ไม่ว่าใกล้ ว่าไกล ผมจึงขออาราธนาต่อพระเมตตาบารมี และพระฉัพพรรณรังสีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 3 แดนโลกธาตุ ทั่วท้องจักรวาลทุกๆ พระองค์ ได้โปรดอนุโมทนาบุญให้ทุกท่านพร้อมทั้งครอบครัวและญาติมิตร ได้มีความสุขและความเจริญในมนุษย์สมบัติ และจตุรพิธพรชัยทั้งสี่ ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้าด้วยเทอญ..สาธุ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ

    พันวฤทธิ์
    5/11/53
     
  9. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ขอเสริมพี่พันวฤทธิ์อีกว่ากฐินทุนนิธิฯ ทุกๆท่านที่ได้ทำการบริจาคเข้าทุนนิธิฯจะได้บุญกันทุกๆคนเพราะผ้าไตรกฐินเอกใช้ปัจจัยจากการบริจาคของทุกๆท่าน รวมถึงบริวาลกฐินด้วย

    หลังจากเสร็จพิธีถวายกฐิน หลายท่านแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน ส่วนผมขึ้นเขาค้างกับหลวงปู่มีโอกาสสนทนาธรรมะบ้าง เรื่องทางโลกๆบ้าง ขอเล่าที่พอระลึกได้ครับ

    -หลวงปู่บอกว่ากฐินวัดนี้ให้โชคทุกปีตามกันดีๆ แต่งวดที่ผ่านมาคงไม่ต้องตามแล้วเพราะหลายท่านได้โชคกันจากเทียนในโอ่งน้ำมนต์(ดูรูปที่โพสไว้ก่อนหน้านี้ได้) และยอดเลขท้ายกฐิน กันทั่วหน้า

    -หลวงปู่บอกว่าอยากมีโชคฟลุคหรือร่ำรวยทางโลกๆให้ทำทานกับคน หรือสัตว์ เพราะถ้าทำกับสงฆ์บุญส่วนใหญ่มักส่งผลเป็นทางธรรมทางไปสู่พระนิพาน

    -หลวงปู่บอกว่า ทำบุญทำทานต้อง ทำให้ ไม่ใช่ ทำเอา โดยทำจากเห็นว่าอยากช่วยสงเคราะห์ผู้ทุกข์ให้หายทุกข์ ไม่หวังอะไรจากใจจริงๆ จะได้อานิสงค์เต็ม และเมื่อให้ของหยาบคือเงินหรือสิ่งของแล้ว ก็ทำการบริจาคของละเอียดคือ การอุทิศ เป็นการให้นามธรรมอีกที

    -หลวงปู่สอนการปฏิบัติให้แม่ผมอายุเจ็ดสิบกว่า ดังนี้ เราอายุมากแล้วไม่มีเวลามานั่งให้เกิดสมถแก่กล้า เข้าฌาณให้เห็นภายในแจ่มแจ้งแล้วค่อยพิจารณาสังขารมันไม่ทัน ทำการพิจารณาสังขารได้เลยตั้งแต่สมาธิได้ความสงบเบื้องต้นใช้ทั้งจิตและสมอง ทำไปเรื่อยๆ จะเป็นปัจจัยส่งผลติดในจิตตามไปภพชาติหน้าจะต่อได้ไม่ยาก เข้าใกล้นิพพานได้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า
     
  10. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    แจ้งการโอนเงินกับทุนนิธิ ฯ ประจำเดือนนี้ครับ

    เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน จำนวน ๕๐๐ บาท เป็นเงินโอนผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร
    วันนี้ (๗ พ.ย.) จำนวน ๓๐๐ บาท เป็นเงินโอนออนไลน์ ครับ
     
  11. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    อุปมาเผากิเลส(สู่นิพพาน)

    [​IMG]

    พระองค์ ก็ได้นั่งนึกถึงอุปมา 3 อย่าง คือ อุปมาเห็นไม้สดอยู่ในน้ำ ไม้สดอยู่บนที่แห้ง และไม้แห้งอยู่บนที่แห้ง ถ้าต้องการจะสีให้เกิดไฟลุก มันจะต้องเป็นไม้แห้งที่อยู่บนที่แห้ง ไม่ใช่ไม้สดที่อยู่ในน้ำ…เราอยากจะได้ไฟ เอามาสีเท่าไรก็คงไม่เกิดไฟ ซึ่งอุปมาได้ว่า คนที่ออกประพฤติธรรมยังมีจิตใจชุ่มฉ่ำอยู่กับกาม เช่น ออกบวชแล้วยังชอบยังยินดีในรูปสวย ๆ เสียงเพราะ ๆ กลิ่นหอม ๆ ในกุฏิหรือในวัด มีสิ่งประเล้าประโลมมากเกินไป มันก็เหมือนกับเอาไม้สดมาสี มันไม่มีทางเกิดไฟ หากนักบวชคนใดมีจิตที่ชุ่มไปด้วยราคะ ด้วยความใคร่ในรูปสวย ๆ เสียงเพราะ ๆ กลิ่นหอม ๆ รสอร่อย ๆ สัมผัสนุ่มนวลแล้ว ยากที่จะได้ไฟมาเผากิเลส ฉันใดก็ฉันนั้น พระองค์ได้เกิดอุปมานี้ขึ้นในหัวใจ

    ขอขอบคุณ
    Link
     
  12. pinkpink

    pinkpink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,246
    ค่าพลัง:
    +11,631
    ร่วมบุญเพิ่มเติม ประจำเดือน พย. 2553

    <STYLE>@font-face { font-family: SimSun;}@font-face { font-family: Angsana New;}@font-face { font-family: Tahoma;}@font-face { font-family: ;}P.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"}LI.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"}DIV.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"}DIV.Section1 { page: Section1}</STYLE>โอนเงิน เข้าบัญชี 348-123-245-9
    สถานที่ 6661 ลำดับ 6929
    วันที่ 8 พย 2553 เวลา 18:25 น. จำนวน 500 บาท

    อนุโมทนา สาธุ <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เหรียญรุ่นแรกของหลวงตายี วัดดงตาก้อนทอง


    [​IMG][​IMG]


    เหรียญหลวงตายีเป็นเหรียญหนึ่งที่ผมเฝ้าใฝ่ฝันจะได้มาคล้องคอไว้ เพราะอาจารย์เอก ขอนแก่นได้กรุณาเล่าให้ฟังถึงการแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการยืดเหรียญบาทและการเสกทองคำ และการบิณฑบาตรอาหารทิพย์ ในนิตยสาร”กระแสพระ” ฉบับเดือน มีค.2549ได้ลงประวัติของท่านไว้เป็นฉบับแรกและลงต่อๆมาจนจบในอีกสองฉบับ รวมเป็นสามฉบับ ในสมัยนั้นปี๒๕๐๘ได้มี ม.ล.ปิ่นลงมาสอบหลวงตายีจริงๆได้ขอให้แสดงให้เห็นกับตา จนกลับมาออกข่าวในหน้าหนังสืิอพิมพ์ว่าที่หลวงตายีทำนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่การเล่นกล…ผมเฝ้าอธิษฐานขอหลวงตามาหลายครั้งจนเริ่มอ่อนใจ จนไปเห็นเหรียญนี้ในเวปยูอมูเลทก็เคาะไปจนเต็มวงเงินที่เหลือในกระเป๋าก็ยังไม่ปิดประมูล ก็เลยเข้านอนก่อนนอนก็ไหว้พระไหว้หลวงตายี บอกหลวงตายีว่า หลวงตาครับ เหรียญหลวงตาที่ผมประมูลนั้นผมขอหลวงตานะครับ ถ้าหลงตาให้ ก็ขอให้พรุ่งนี้เจ้าของเหรียญออกเหรียญในราคาเท่าที่ผมเหลือตังค์ในกระเป๋า เดือนนี้ตังค์หมดกระเป๋าจริงๆแล้ว ถ้าเหรียญนี้จะเป็นของผม ก็ขอให้หลวงตาช่วย.วันรุ่งขึ้นตอนบ่ายๆ ลังจากเคลียร์งานเสร็จก็โทรไปหาเจ้าของเหรียญเท่าที่ฟังเสียงก็เป็นชายสูงอายุ ก็เล่าว่าเห็นพระลงประมูลในเวป เมื่อคืนเคาะให้ราคาแล้วยังไม่ปิดเลย ราคาตั้งไว้แพงเป็นหมื่นหรือเปล่าครับ คุณลุงแกเทศน์ผมใหญ่เลยว่า ราคาในคอมกับราคาจริงน่ะ มันคนละเรื่อง ไม่ถึงหรอกเหรียญที่คุณว่า หลายคนมาเคาะปิดแล้ว ไม่เห็นมาเอาสักที เอ้า…แล้วเมื่อคืนนี้คุณใส่ราคาไว้เท่าไหร่ล่ะ ผมก็บอกไป คุณลุงบอกงั้นเอาเท่าที่คุณใส่ราคาไว้บวกค่าส่งให้ด้วย 50 บาทด้วย…ผมฟังแล้วขนลุกซู่เลยว่า หลวงตา หลวงตาให้จริงๆด้วย ผมเลยรีบไปโอนเงินให้ เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ผมเหลือไว้เช่าพระสำหรับเดือนนี้….ได้เหรียญมา เป็นเหรียญสภาพเดิมๆ กะไหล่ยังอยู่อยู่เลย สภาพสวยกว่าที่ผมเห็นในนิตยสาร”กระแสพระ”เลยอธิษฐานกับหลวงตายีว่า..เดี๋ยวผมมีตังค์ ผมจะเอาเหรียญไปใส่กรอบเงินเลย…..อีกเรื่องที่แปลกใจคือ ช่วงนี้ผมได้ไม้แกะบูชาหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่มาได้เหรียญ(เกจิที่ไม่แพง)มาอีกหลายเหรียญ หนึ่งในนั้นคือ เหรียญเสมารุ่นแรกของหลวงพ่อเมืองวัดท่าแหน จ.ลำปาง ซึ่งสร้างเพียง ๕๐๐ เหรียญได้มาถึง 2 เหรียญ สร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๒ ผมเองนั้นนับตั้งแต่เห็นเหรียญนี้ในหนังสืองานประกวดพระของพี่เอก ลำปางแล้วติดใจอยากได้ แต่พี่เอกบอกว่าอย่าหวังให้ยากเลย เล่นพระมา 20 ปี ผ่านมือมาแค่ไม่เกิน 3 เหรียญ….สำหรับหลวงพ่อเมืองท่านเก่งยังไง เดี๋ยวเอาไว้ว่างๆผมจะเขียนให้อ่าน พอดีผมได้บทความที่เขียนในนิตยสารเล่มเก่าของอาจารย์ชินพรในสมัยที่ท่านยังทำนิตยสาร”อภินิหารพระเครื่อง”ประมาณปี ๑๘…เหรียญที่สองที่เข้ามือมานั้นมาตอนที่ตังค์ในกระเป๋าเกลี้ยงแล้วแต่อยากได้ เลยบากหน้าเอ่ยปากขอยืมตังค์ภรรยาสุดที่รัก ซึ่งปกติแค่เอ่ยปากว่าจะเช่าพระ เธอก็ยกมือ เบรคก่อนทุกที แถมยังออกอาการไม่พอใจหาว่า ใช้จ่ายเกินตัว และยังสำทับผมอีกว่า คราวหน้า ไม่ต้องมาคุยกันเรื่องเอาตังค์ไปเช่าพระ…คราวนี้แปลก ผมบอกว่าอยากได้เหรียญนี้มานานแล้ว ตอนนี้มีเหรียญมาแล้ว ตังค์ไม่มี ขอยืมตังค์หน่อย เดี๋ยวเดือนหน้าจะคืนให้ เธอไม่ขัดคอผมเลย ถามว่าจะยืมเท่าไหร่แล้วคืนเมื่อไหร่….ก็บอกเธอไป เธอก็บอกว่าหยิบเอาเอง ปกติหวงกระเป๋าตังค์มาก กลัวผมหยิบตังค์ พอผมบอกว่าจะเอาวันพุธ จนเมื่อถึงวันศุกร์ผมก็นัดโอนตังค์กับเจ้าของพระ แปลกอีกว่าคืนวันพฤหัสอยู่ๆก็ถามผมว่า หยิบตังค์ไปหรือยัง ผมก็บอกว่ายังหรอก เธอก็ถามว่า ทำไมยังไม่หยิบเอาไป ก็ให้ยืมแล้ว ผมนี่นั่งงงเลย…..มีอะไรดีๆเข้ามาเยอะเลย….ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อน อยู่ๆก็มีคนหนึ่งโทรมาหาผมว่า จำได้ไหมที่ผมเคยเอาเหรียญจตุพรครูบากองแก้วจากเขาไป ตอนนี้ได้เหรียญจตุพรครูบากองแก้ว โค้ดสามกอมาจะแบ่งให้ ก็แบ่งในราคามิตรภาพ ปกติเหรียญนี้เจอแต่โค้ดสองกอ โค้ดสามกอมีน้อยกว่า ก็ได้เหรียญที่ไม่คิดว่าจะได้มา……………..เดือนนี้เป็นเดือนที่ผมได้พระดีๆที่หลายครั้งที่ถอนใจไปแล้วว่าไม่น่าจะได้…….
    เพิ่มภาพการยืดเหรียญบาทของหลวงตายี….14 สค.2551

    [​IMG]

    หลวงตายียืดเหรียญบาท

    ขอเพิ่มภาพพระสมเด็จและซุ้มกอเนื้อตะกั่ว เมื่อ ๒๐ ต.ค.๒๕๕๒
    [​IMG]

    สมเด็จหลวงตายี วัดดงตาก้อน

    [​IMG]

    สมเด็จหลวงตายี วัดดงตาก้อนทอง

    [​IMG]

    สมเด็จหลวงตายี วัดดงตาก้อนทอง

    [​IMG]

    ซุ้มกอตะกั่วหลวงตายี วัดดงตาก้อนทอง

    [​IMG]

    ซุ้มกอตะกั่วหลวงตายี วัดดงตาก้อนทอง
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้ขอนำเรื่องของหลวงพ่อยีมาลง เพราะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาช่วงกลางวัน ได้มีโอกาสเข้าไปที่วัดปทุมฯ หน้ากรมตำรวจ เพราะน้องที่ทำงานชวนไป พอเข้าไปน้องบอกว่าพี่มาดูอะไรหน่อย เพราะผมเห็นพี่นับถือท่าน พอเข้าไปก็เจอรูปหล่อหลวงปู่ใหญ่องค์ที่สาม สูงกว่า 3 เมตรในวัด พร้อมกับรูปหล่อหลวงพ่อยี ก็เลยทำให้นึกถึงว่า อ้อ...ท่านอาจารย์ถาวรฯ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อยี หลวงพ่อยีก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ใหญ่ ท่านก็คงสร้างรูปครูอาจารย์ของท่านไว้ในวัด แต่บอกได้เลยว่าในวัดปทุมฯ นี้พลังแรงมาก พอกราบรูปหลวงปู่ใหญ่เสร็จเดินออกมาด้วยใจเบิกบาน แวบมาร้านค้าของวัดที่มีป้าแม่ชีมาขายซีดี mp 3 ของพ่อแม่ครูอาจารย์อยู่ มีของท่านหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่เหรียญ ราคาแผ่นละ 30 บาท เท่านั้น ลองหยิบแผ่นของหลวงปู่เหรียญมาไว้ในมือ ด้วยความเคยชิน จิตกำหนดจับที่รูปหลวงปู่ อ้า...ผมถึงกับคราง ทำไมแรงอย่างนี้ พอมาถึงซีดี หลวงปู่เทสก์ก็เช่นเดียวกัน ซีดีพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองรูป ทำไมถึงแรงแบบกระชากเหมือนพระวังหน้า? เดินออกมาอีกหน่อยมาถึงตูบูชาพระของทางวัด ลองขอสมเด็จที่เป็นของหลวงพ่อยีที่ท่านอาจารย์ถาวรทำใหม่มาดูก็เช่นกัน ราคาองค์ละ 200.- ใช้ได้ครับ ใครผ่านไปผ่านมาแถววัดประทุมรีบไปหยิบมาซะโดยเฉพาะซีดีแบบ mp3 แผ่นละ 30.-บาท ฟังได้สัก 5 ชั่วโมงมั๊ง ถูกจะตาย แถมฟังในรถก็เหมือนมีท่านมาอยู่ด้วยอีก

    ทีนี้ที่มีเครื่องหมายคำถามว่าทำไมซีดีที่มีรูปพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองถึงได้มีพลังกล้าแกร่งนัก เมื่อคืนได้มีโอกาสคุยเรื่องนี้กับคุณโสระ ก็ได้รับทราบว่า หลวงปู่เคราเคยเล่าให้คุณโสระฟังว่าพระอริยเจ้าที่สำเร็จเป็นอริยบุคคลแล้ว นั้นแม้กระทั่งรูปในหนังสือพิมพ์ก็มีพลัง สามารถตัดนำมาเลี่ยมแทนเหรียญของท่านได้เลย เหมือนดังเช่นรูปของคุณแม่บุญเรือนฯ วัดอาวุธ นั่นก็เช่นกัน ทำอย่างไร พิมพ์ที่ไหน กี่ครั้ง กี่รูป ก็มีพลังเท่ากันหมด พลังเหล่านี้คือพลังทิพย์ที่ถูกจัดสรรไว้เรียบร้อยแล้ว จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังในกระทู้นี้

    และสุดท้ายก็ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้บริจาคมาในกระทู้นี้ ช่วงนี้ภารกิจเยอะนานๆ เข้ามาในกระทู้ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง เดือนหน้ามีโอกาสก็คงจะเข้ามามากหน่อยครับ สำหรับกระทู้นี้ ในเดือนนี้ก็จะครบสามปีแล้ว งานกิจกรรมในเดือนนี้ก็อย่าลืมจะมีการแจกอังสะของหลวงปู่ศรี วัดป่ากุง ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เก็บไว้ ส่วนเดือนหน้าขอส่งของที่ระลึกปีใหม่ให้ทุกท่านด้วยพระสกุลเจ้าคุณกรมท่าฯ ทุกๆ คนครับ ส่วนหนังสือคำสอนของหลวงปู่เครา มีผู้บริจาคเงินแต่ไม่ขอรับหนังสือและพระพิมพ์สกุลปัญจสิริสัก 16 เล่มได้ ใครอยากได้ทั้งหนังสือดีและพระดีก็ไปบริจาคเพิ่มเติมได้ในวันกิจกรรมทำบุญสงฆ์อาพาธประจำเดือนในวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย. 53 นี้ หากพ้นจากนี้ไปแล้วหนังสือเหลือเท่าไร ผมจะนำขึ้นไปถวายให้หลวงปู่บนภูเขาหมดครับ

    พันวฤทธิ์
    11/11/53
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้นำพระพิมพ์สมเด็จสกุลหนึ่งมาฝากกัน หลังจากที่ลงไว้ในกระทู้นี้มาหลายครั้ง แต่นี่เห็นมีผู้มาโพสท์ไว้ในเวบหนึ่ง ซึ่งลงรายละเอียดของพระพิมพ์สกุลนี้ไว้ครบถ้วน โดยท่านผู้นำเรื่องนี้มาลงไม่ได้บอกว่าเป็นข้อเขียนของท่าน อ.ประถม อาจสาคร (ให้ดูจากลายน้ำที่พิมพ์ในบทความ) ตามที่ลงไว้ในหนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ แต่อย่างไรก็ตามพระพิมพ์สกุลนี้ ปัจจุบันยังมีลูกศิษย์ของท่าน อ.ประถมฯ ที่ชอบพอกับผมเก็บไว้มากอยู่นับเป็นร้อยองค์ เก็บแบบเหนียวแน่น ขอมาทำบุญทีไร ก็ให้มาทุกที บอกว่าผมให้คุณเอาไว้ทำบุญเข้าทุนนิธิฯ ด้วย ยืนราคาองค์ละ 300.- มาเป็นสิบปีแล้วมั๊ง เมื่อสามเดือนที่แล้ว จำได้ว่าเอาออกมาให้เช่าบูชาหาเงินเข้าทุนนิธิฯ กัน 6 องค์ ได้เงินมากว่าสองพันบาท เพราะผมเองก็คิดราคาที่ผู้บริจาคท่านกำหนดไว้ และไม่มีนโยบายให้ทำบุญแพงๆ แต่หากอยากบริจาคมากกว่าก็ไม่ว่ากัน เพราะถือว่าบุญเป็นของท่านที่บริจาคไม่ใช่ของผม ส่วนรายได้ก็บันทึกบัญชีเข้าทุนนิธิฯ เกลี้่ยง พระพิมพ์สกุลนี้ ความแรงหรือพลังอิทธิคุณของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไม่ต้องพูดถึงสุดยอดมาก อ่านเนื้อเรื่องประกอบดูเอาเอง เอาไว้ปีใหม่ไปแล้ว จะขอพี่ท่านนี้มาให้ทำบุญองค์ละ 300.- กันอีก ส่วนผมเองเก็บไว้ไม่มากแค่ 5-6 องค์เท่านั้น เอาไว้ให้ท่านได้จี๊ดจ๊าดยามวางใส่ไว้ในมือตอนนั่งสมาธิ แค่นี้ก็พอควรแล้วครับ ลองอ่านเนื้อเรื่องดูครับ


    <hr class="hrcolor" width="100%" size="1">

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

    พระสมเด็จกรุวัดบางน้ำชน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2010
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    เหยียบเรือสองแคม

    -----------------------------------------------

    [​IMG]

    หลวงปู่ดู่แม้จะเป็นพระภิกษุชราซึ่งอยู่บ้านนอก แต่ท่านกลับเป็นผู้มีมุมมองที่กว้างขวางเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสอนคำเตือนที่ว่า

    "เรายังอยู่ทางโลก (เป็นฆราวาส) ต้องเหยียบเรือสองแคม คือทางโลกก็ต้องไม่ให้ช้ำ ทางธรรมก็ต้องไม่ให้เสีย"

    ดังนั้น ในสมัยก่อนที่หลวงปู่ยังหนุ่ม ๆ ท่านจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในเรื่องการศึกษาเล่าเรียน โดยท่านจะสอนเองทั้งการอ่านการเขียน รวมไปถึงคณิตศาสตร์

    ลุงแกละเคยเล่าว่า ลุงมาอาศัยอยู่วัดสะแกกับหลวงปู่ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากหลวงปู่โดยตรง แต่ด้วยความที่อยูในวัยซน จึงเคยโดดเรียน แอบปีนรั้ววัดไปเที่ยวเล่น กลับมาค่ำ หลวงปู่รู้ เป็นได้โดนไม่เรียว ท่านดู ไม่เหมือนสมัยหลังนี้

    บัดนี้ทั้งผู้สอนคือ หลวงปู่ และ ผู้เรียนคือลุงแกละก็ละสังขารไปสิ้นแล้ว แต่สาระแนวทางการสอนของหลวงปู่ยังอยู่ว่า

    โลกต้องไม่ให้ช้ำ ธรรมต้องไม่ให้เสีย อย่าปฏิบัติตนสุดโต่ง ต้องปฏิบัติธรรมสมกับฐานะและสภาพของแต่ละบุคคล เช่น

    การจะทำทาน ก็ให้ดูคนข้างหลังด้วย จะเอาอย่างคนมีทรัพย์มาก ๆ ไม่ได้

    การจะรักษาศีลแปด ก็อาจไม่จำเป็นต้องรักษาในวันพระ แต่เลือกวันที่ไม่กระทบต่อการรับประทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัว เพราะเป็นกิจกรรมที่สำคัญ

    การภาวนาก็ไม่เน้นแต่เฉพาะนั่งหลับตาที่วัด เวลาทำการทำงาน เดินไปไหนมาไหน ก็พยายามมีสติระลึกรู้ จะปฏิบัติเก่งขนาดไหน แต่เพื่อนร่วมงานไม่คบ หรือมีแต่คนรังเกียจหรือนินทาลับหลัง จะมีประโยชน์อะไร

    โลกและธรรมสัมพันธ์กัน เราสามารถหาธรรมได้จากโลก ในขณะเดียวกันในทางธรรมก็มักมีเรื่องโลก ๆ แฝงอยู่

    จึงขึ้นกับสติปัญญาของเจ้าของ พิจารณาเลือกเฟ้นสิ่งอันเป็นสาระเอาเอง และ ไม่ลืมว่าต้องประคองทั้งโลกและธรรม บุคคลคนเดียวอยู่ในหลายฐานะหน้าที่ เราต้องเป็น

    ลูกที่ดี ศิษย์ที่ดี น้องที่ดี เพื่อนที่ดี เจ้านายที่ดี ลูกน้องที่ดี ฯลฯ ที่สำคัญ เป็นลูกพระตถาคตเจ้าที่ดีโดยการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

    ***จากบทความของ คุณสิทธิ์
    เข้าสู่ระบบ
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ธรรมะของสุดยอดพระบรมโพธิสัตว์บารมีเต็มรอตรัสรู้ : หลวงปู่ดู่

    คน เราเกิดมาไม่เห็นมีอะไรดี มีดีอยู่อย่างเดียว คือ สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติภาวนาคือ มองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของชั่วคราว มีแต่ปัญหามีแต่ทุกข์ แล้วก็เสื่อม พังสลายไปในที่สุด

    ดูก่อนท่านผู้ เห็นภัยในวัฏฏสงสาร(การเวียนว่ายตายเกิด) ทั้งหลาย ถ้าท่านต้องการพ้นภัยจากการเกิดแก่เจ็บตาย ท่านควรมีคุณธรรม 6 ประการนี้ไว้เป็นประจำจิตประจำใจ ทุกท่านย่อมจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ถึงความสุขใจอย่างยอดเยี่ยม

    คุณ 6 ประการนั้นคือ

    1. ข่มจิตในเวลาที่ควรข่ม
    2. ประคับประคองจิตในยามที่ควรประคับประคอง
    3. ทำจิตให้ร่าเริงในยามที่ควรร่าเริง
    4. ทำจิตวางเฉยในยามที่ควรวางเฉย
    5. มีจิตน้อมไปในอริยมรรค อริยผลอันประณีตสูงสุด
    6. มีจิตตั้งมั่นในพระนิพพานเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต

    ผู้ปฏิบัติที่มีความสามารถฉลาดย่อม จะต้องศึกษาจิตใจและอารมณ์ของตนให้เข้าใจ และรู้จักวิธีกำหนดปล่อยวางหรือควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้ได้ เปรียบเสมือนเวลาที่เราขับรถยนต์ จะต้องศึกษาให้เข้าถึงวิธีการขับขี่ที่ปลอดภัย บางครั้งควรเร่ง บางคราวควรผ่อน บางทีก็ต้องหยุดเร่งในเวลาที่ควรเร่ง ผ่อนในเวลาที่ควรผ่อน หยุดในเวลาที่ควรหยุด ก็จะสามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย

    ข้อสำคัญ ที่สุดของการปฏิบัติคือ ต้องไม่ประมาท ต้องปฏิบัติให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ถ้าเราปฏิบัติไม่เป็นเสียแต่วันนี้ เวลาใกล้จะตายมันก็ไม่เป็นเหมือนกัน เหมือนคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำ เวลาใกล้จะจมน้ำตาย นั่นแหละก็จมตายไปเปล่า ๆ ถ้าใน 1 วันนี้ไม่ปฏิบัติภาวนาวันนั้นขาดทุนเสียหายหลายล้านบาท

    จงมองดูทุก สิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่า คนสัตว์สิ่งของ เงิน ทอง ลาภ ยศ นินทา สรรเสริญ เป็นของโกหกของสมมุติ ภาพมายาทั้งนั้น ทุกอย่างไม่ใช่ของจริงเป็นของหลอกลวงที่คนไม่ฉลาดต่างพากันหลงใหลกับสิ่งของ สมมุติของโกหก ไม่ว่าอารมณ์ดี อารมณ์ร้าย ก็ไม่ใช่ของเราจริงผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทุกข์ทั้งหลายเกิดจากเหตุ(คือ ความไม่รู้ ความอยากได้) ถ้าต้องการดับทุกข์ ต้องดับเหตุก่อน คือ ให้รู้ว่าทั้ง 3 โลก เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงเป็นโทษเป็นทุกข์เป็นปัญหา และสูญสลายตายกันในที่สุด ถ้าเรามีญาณก็จะรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิตเราไม่มีการบังเอิญเลย

    ผู้ปฏิบัติธรรม ย่อมพิจารณาร่างกายคนสัตว์ในโลกว่าน่าเกลียดน่ากลัว เป็นทุกข์เป็นโทษเป็นภาระต้องดูแลอย่างหนัก เน่าเหม็นแตกสลายตายไปกันหมด ผู้ที่มีศรัทธาแท้คือผู้ที่เชื่อและยอมรับ พระพุทะ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแทนที่จะเอาความโลภ ความโกรธ ความหลงมาเป็นที่พึ่ง ผู้ปฏิบัติตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน คือ ให้ขยันภาวนา แล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงจะน้อยลงและหมดไป

    ผู้ปฏิบัติต้องหมั่น ตามดูจิต รักษาจิต ผู้ฝึกจิตถ้าทำจิตให้มีอารมณ์หลายอย่างจะสงบไม่ได้ และ ไม่สภาพของจิตตามเป็นจริง ถ้าทำจิตให้ดิ่งแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว โดยเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายตายหมดสิ้นแล้ว จิตก็มีกำลังเปล่งรัศมีแห่งความสว่างออกมาเต็มที่ มองสภาพของจิตตามเป็นจริง ได้ว่าอะไรเป็นจิต อะไรเป็นกิเลส อะไรควรรักษา อะไรควรละทิ้งออกจากจิต ไม่ควรใส่ใจสนใจเรื่องของผู้อื่น ควรตั้งใจตรวจสำรวจดูจิตของเราเองว่ายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง คิดว่าร่างกายนี้ยังเป็นของจิตหรือไม่ ตามความเป็นจริงแล้ว จิตกับกายไม่ใช่อันเดียวกัน เพียงแต่มาอาศัยกันชั่วคราวเท่านั้น
    อารมณ์วางเฉยมี 3 อย่าง

    1. วางเฉยแบบหยาบ คือ อารมณ์ปุถุชนที่เฉย ๆ ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว ซึ่งมีเป็นครั้งคราวเท่านั้น

    2. วางเฉยแบบกลาง มีในผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา มีความรู้ตัว มีความสงบของจิต วางอารมณ์จากความดี ความชั่ว สุข ๆ ทุกข์ ๆ ใด ๆ ในโลกีย์วิสัย เฉยบ่อยมากขึ้น

    3. วางเฉยแบบละเอียด คือ อารมณ์ของพระอริยเจ้า พระอรหันต์ ซึ่งไม่มีอารมณ์สุขหรือทุกข์ ดีหรือชั่ว ดีใจปนเสียใจ วิตกกังวลฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่มี ไม่คิดปรุงแต่งไปในอดีต ปัจจุบัน อนาคต มีความวางเฉยในร่างกายของท่านเอง จะเจ็บปวดทรมาน จิตท่านนิ่งเฉยอยู่ในจิตของท่านว่าจิตส่วนจิต กายเป็นเพียงของสมมุติของชั่วคราว ตายเมื่อไร ท่านก็พร้อมที่จะทิ้งรูปนามขันธ์ เสวยวิมุติสุขแดนอมตะทิพย์นิพพานติดตามองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ของดีนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน ของดีนั้นอยู่ที่จิตของท่านทุกท่าน ของไม่ดีอยู่ที่ร่างกาย

    จิตมี 3 ขั้น ตรี โท เอก


    ถ้าตรีก็ต่ำหน่อย ยังวุ่นวายเป็นทุกข์กับเรื่องของโลก

    ขั้นโท ก็มีศีลครบ มีเมตตา ทำบุญทำทาน

    ขั้น เอกนี่ ดีมาก จิตก็มองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์ สัตว์ นรก เป็นทุกข์ มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แล้วก็ตายสลายผุพังไปกันหมดสิ้น ตัวอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ของตน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ บังคับเอาไว้ให้คงที่ก็ไม่ได้ ตัวนี้แหละเป็นตัวเอก ไล่ไปไล่มา ให้มันเห็นร่างกายคนเรา ตานแน่ ๆ คนเราหนีตายไม่พ้น แม้เพียงวันเดียว

    1. ตายน้อย ก็คือ นอนหลับทุกคืน หลับชั่วคราว คือ ตายทุกคืน ตื่นตอนเช้า

    2. ตายใหญ่ ก็คือ นอนหลับตลอดกาล แต่จิตไปตื่นตรงที่มีกายใหม่ มีกายใหม่ที่อื่นเป็นกายผี กายสัตว์ กายเทวดา กายพรหม แล้วแต่ผลบุญหรือผลบาปที่ทำไว้ตอนเป็นคน
     
  20. ชิน9

    ชิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +247
    <TABLE class=tborder id=post3874240 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_3874240 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">สวัสดีครับทุกท่าน ผมได้โอนเงินบริจาคจำนวน 500.-บาท

    8/11/2010 15:02 น.bay 4838


    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

    อุทิศให้แก่อาม่า คื้อเจ็ง แซ่ซิ่ม.ขอให้อาม่าได้รับผลบุญกุศลนี้และอนุโมทนาบุญ

    กุศลแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ

    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("3874240")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...