ไขปริศนาชะตาชีวิตกลไกแห่งกรรม??

ขอขอบคุณคุณเทพสำราญ ผู้มีจิตแจ่มใส ผ่องใส ปราศจากอคติและความเศร้าหมอง ผู้มีสภาวะธรรมของความไม่ยึดมั่นในสิ่งทั้งปวง แม้แต่จิตของตนเอง
ขออำนวยพรให้ท่านพบหนทางแห่งสภาวะธรรม รวมเป็นหนึ่งกับจักรวาล จักรวาลคือเรา เราคือจักรวาล เราเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง ในเร็วัน
--------------------------------------------------------------------
เข้าประเด็นกระทู้ครับ ขอให้ท่านช่วยดูเรื่อง
1 เนื้อคู่ ผมมีคู่แท้ไหมครับ แล้วจะเจอกันเมื่อไหร่
2 อีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจของผมจะเป็นอย่างไรครับ
ครับ ขอแค่ 2 ข้อครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
(สุขิตายังจิตตัง)
ขอจิตแห่งความสุขของข้าพเจ้าจงถึงแก่นแห่งจิตแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย
PM เดี่ยวจะ PM ไปนะครับ ตอบใน PM นะครับ
--------------------------------------------------------------------

 

.....ขอบคุณที่แวะมาปรึกษาน่ะคับ ว่างๆะ Pm เข้าไปหาน่ะคับทุกท่าน..

 

ขออนุญาติทวนข้อความ กระทู้หลักคับ น่ะคับ

......เปิดประตูสู่คำตอบสารพัดเรื่องราวชีวิตของเราตามหลักธรรมของกลไกกรรมแห่งธรรมจักรวาลใกล้ตัว
โดยธรรมชาติแห่งจักรวาลน้อยใหญ่ ในทุกสรรพรูปนามและเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา
ย่อมมีรหัสบุญกรรมเป็นตัวแปรสำคัญ ปรากฏเป็นหลักฐานไว้เป้นปริศนาชิวิตให้แต่ล่ะคนได้ตามหาคำตอบกัน
หรือที่เรียกว่าแสวงหาสัจธรรมของชีวิตนั่นเอง...
คนเรานั้นได้ผูกโยงบุญกรรมไว้ตามแหล่งกำเนิดกายหยาบต่างๆตามที่ได้เคยจุติและกระทำสิ่งต่างๆมาแล้วมากมาย
ในภพภูมิแห่งนามรูปทั้งหลาย ที่เวียนเกิดจุติตามพลังบุญกุศลความดี.........
....หากท่านผู้ใดสนใจมีสิ่งที่อยากรู้เพื่อความกระจ่างในหลักกรรมที่ตนได้ทำมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บุญกรรม โชคลาภ
วาสนา คู่ครอง ธุรกิจความก้าวหน้าในการงาน ทำนายนิมิตฝัน และอื่นๆ
หรือแม้กระทั่งอรรถธรรมต่างๆ ที่ต้องการคำตอบในอีกมุมมองหนึ่งของการรวมหลักการแห่งธรรมพิเศษ
จากผู้รู้และบำเพ็ญธรรมโดยการเข้าญานถอดกายทิพย์ และอภิญญาอื่นๆ เพื่อตรวจวาระจิตและดูกรรมต่างๆในโลกของความเป็นจริง
ที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งสอดคล้องจากหลักธรรมตามพุทธพจน์ที่ว่า
"จงเชื่อโดยหลักความศรัทธาของตนเอง ที่ได้รู้เห็น และมีประสบการณ์
อันพิสูจน์ได้ดีแล้ว"

 

นำมาให้อ่านจากบ้านธัมมะ เพื่อคลายความไม่รู้ อย่าคิดเอง เออเอง
เป็นคำตอบจากอาจารย์สอนพระอภิธรรม

ควรทราบว่า การที่พระอรหันต์ทั้งหลายท่านกระทำการสังคายนาพระธรรม ไม่ใช่ว่าท่าน

ได้ค้นพบหลักการอะไรใหม่ที่เป็นเลิศกว่าคำสอนของพระพุทธองค์ พระธรรมที่พระ-

ผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น งามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และ ที่สุด ไม่มี

อะไรจะประเสริฐยิ่งกว่า สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นจริงทุกกาลสมัย ไม่มีใคร

สามารถคัดค้าน เปลี่ยนแปลง หรือลบล้างได้ แต่เหตุที่พระอรหันตสาวกทั้งหลายท่าน

ต้องกระทำการสังคายนาพระธรรมวินัย เพราะมีมูลเหตุให้ต้องกระทำการสังคายนา จุด-

ประสงค์หลักๆ ก็เพื่อรักษาพระธรรมวินัยให้คงเดิมไว้ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ชนรุ่นหลัง

ต่อไป ซึ่งบุคคลในยุคนี้สมัยนี้ ถ้าหากยังไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจธรรมถูกต้อง ก็ย่อมจะไม่

เห็นถึงความลึกซึ้งของพระธรรม ไม่เห็นคุณค่าของธรรมรัตนะ ก็อาจจะมีการวิพากษ์

วิจารณ์คำสอนไปตามความคิดเห็นของตนได้ ซึ่งไม่ว่าจะมีการกล่าวอะไรก็ตาม สิ่งนั้น

ไม่สำคัญเท่ากับว่า เราได้เกิดปัญญา และเพิ่มพูนความดีจากคำกล่าวนั้นหรือไม่ ถ้า

คำกล่าวนั้นไม่ช่วยให้เกิดปัญญา และไม่ช่วยให้กุศลเจริญขึ้น สิ่งนั้นก็ไม่ควรเป็นสิ่ง

ที่เราควรจะใส่ใจถึงครับ
ขอเชิญคลิกอ่านครับ >> ประวัติการสังคายนาพระไตรปิฎก

 

ท่านหมายถึงเรารึ เราทำอันใดผิดหรือท่าน
นี่ข้อมูลท่านมิใช่รึ

......เปิดประตูสู่คำตอบสารพัดเรื่องราวชีวิตของเราตามหลักธรรมของกลไกกรรมแห่งธรรมจักรวาลใกล้ตัว
โดยธรรมชาติแห่งจักรวาลน้อยใหญ่ ในทุกสรรพรูปนามและเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา
ย่อมมีรหัสบุญกรรมเป็นตัวแปรสำคัญ ปรากฏเป็นหลักฐานไว้เป้นปริศนาชิวิตให้แต่ล่ะคนได้ตามหาคำตอบกัน
หรือที่เรียกว่าแสวงหาสัจธรรมของชีวิตนั่นเอง...
คนเรานั้นได้ผูกโยงบุญกรรมไว้ตามแหล่งกำเนิดกายหยาบต่างๆตามที่ได้เคยจุติและกระทำสิ่งต่างๆมาแล้วมากมาย
ในภพภูมิแห่งนามรูปทั้งหลาย ที่เวียนเกิดจุติตามพลังบุญกุศลความดี.........
....หากท่านผู้ใดสนใจมีสิ่งที่อยากรู้เพื่อความกระจ่างในหลักกรรมที่ตนได้ทำมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บุญกรรม โชคลาภ
วาสนา คู่ครอง ธุรกิจความก้าวหน้าในการงาน ทำนายนิมิตฝัน และอื่นๆ
หรือแม้กระทั่งอรรถธรรมต่างๆ ที่ต้องการคำตอบในอีกมุมมองหนึ่งของการรวมหลักการแห่งธรรมพิเศษ
จากผู้รู้และบำเพ็ญธรรมโดยการเข้าญานถอดกายทิพย์ และอภิญญาอื่นๆ เพื่อตรวจวาระจิตและดูกรรมต่างๆในโลกของความเป็นจริง
ที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งสอดคล้องจากหลักธรรมตามพุทธพจน์ที่ว่า
"จงเชื่อโดยหลักความศรัทธาของตนเอง ที่ได้รู้เห็น และมีประสบการณ์
อันพิสูจน์ได้ดีแล้ว"
.........เชิญทุกท่านผู้รู้ใฝ่ธรรม และท่านที่ต้องการกุญแจสู่ธรรมขั้นสูงต่อไปในชีวิต ร่วมกระทู้นี้ได้ตามอัธยาศัยคับ.....
โมทนาธรรม......
(เทพสำราญ อินทรปัญญาสกุล)
my365me@yahoo.co.th

ทำไมหรือท่าน สงสัยในธรรมมันผิดตรงไหนก็เห็นท่านพูดว่า
พระไตรปิกฏต้องมีการสังคายนาใหม่ เพราะย่อมมีสิ่งล้ำเลิศกว่า
ก็สงสัยถามมิเห็นท่านตอบให้หายข้องใจ อันนี้มันก็อยู่ในประเด็นธรรมมิใช่หรือท่าน ก็ท่านเปิดประเด็นให้คนทั่วไป แล้วใยถึงจะต้องฟังท่านผู้เดียวล่ะ ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
มิใช่หรือท่าน .....​

 

ทุกดวงจิต ถูกหมด แต่ต่างกันที่มุมมอง
> ผู้ที่เห็นธรรม เข้าใจธรรม ว่าไม่มีอะไรต้องทำ เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง ท่าน จขกท พูดในบทบาทของผู้เห็นธรรม แต่ยังไม่ทั้งหมด พิจารณาในฐานะของผู้เห็นธรรม จึงมีความคิดเห็นเช่นนั้น
สิ่งสุดท้ายพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า สัพเพ ธรรมมา อนัตตา ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นของไม่มีตัวตน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ท่านให้ทิ้งธรรมทั้งหลายทั้งปวง เสมือนผู้ที่ต้องการข้ามฝั่ง ได้ต่อเรื่อแพ ( เปรียบเสมือนธรรม) เมื่อข้ามฝั่งได้แล้ว หรือจิตนั้นประภัสสร มีความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ย่อมไม่ต้องรักษาธรรมแล้ว หรือ แพนั้น ท่านก้อทิ้งแพนั้นให้อนุชนรุ่นหลัง ใช้ในการข้ามฟาก จิตท่านไม่มีอะไรที่สามารถติดจิต ติดใจ แล้ว จิตประภัสสรนั้น จะมีสภาพเป็นหนึ่ง คือ ไม่ตัดสินใจว่าผิด ถูก ใช่ ,หรือ ไม่ใช่ และเข้าใจว่าจริงๆแล้วพระพุทธเจ้าสอนธรรม สู่ความไม่มีอะไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นเช่นนั้นเอง หรือ ตถคตา โพธิญาณ

> สำหรับผู้ที่กำลังดำเนินทางอยู่ มาเจอแพ และอยู่ในระหว่างการข้าม ย่อมต้องใช้คู่มือ เฝ้าระวังจิตตนอง ให้ไปในทางกุศล สิ่งที่เป็นอกุศล ก้อเพียรละ และไม่สร้างเพิ่ม สิ่งที่กุศลที่มีอยู่แล้ว ย่อมต้องรักษา ธรรมข้อไหนที่ยังไม่มี จะต้องทำให้เกิดขึ้น ในระหว่างเดินทางย่อมต้องใช้ธรรม


พระพุทธองค์ท่านเป็นบุคคลเอก ท่านทรงมองเห็นอุปนิสัยที่แตกต่างของสรรพสัตว์ ท่านเล็งเห็นว่าหมู่สัตว์มีจิตที่หลากหลาย 84000 จิต ท่านจึงตัดสอนธรรม 84000 พระธรรมขันธ์ ผู้ที่มีปัญญาจะต้องพิจารณาว่าตนเองติดสิ่งไหน ก้อขวนขวายเอาสิ่งนั้นออกจากจิต เมื่อนำออกได้แล้ว ย่อมไม่ต้องรักษาธรรมนั้น

คนไหนฟุ้งซ่าน ท่านสอนให้ทำสมาธิ
คนไหนเป็นคนจมกับความคิด ท่านสอนให้ทำวิปัสสนา
คนไหนมีราคะ ท่านสอนให้พิจารณาความเน่าเปื่อยของร่างกาย
คนไหนมีความโกรธ ท่านสอนเรื่องความเมตตา

ท่านจะสอนธรรมคู่ กับเครื่องข้องที่ติดอยู่เสมอ ลองนำไปพิจารณานะครับ

ท่าน จขกท ท่านต้องการบอกแนวทางในการดำเนินชิวิต ในระดับเบื้องต้นให้ผู้ที่ข้องอยู่ในเรื่องกรรมหรือการกระทำในอดีตและปัจจับัน ที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในโลก และยังไม่ได้เข้ามาในชั้นศีล หรือ ภวนา ฟัง เพื่อแนะนำให้เขาเข้าในทางกุศลก่อน เมื่อเข้าปฎิบัติไปเรื่อยๆ เขาจะต่อยอดได้เลย
-----------------------------------------------------------
ท้ายสุด เราควรวางจิตเราไม่ให้ตัดสินใจในเรื่องอะไรทั้งสิ้น แค่รับรู้ สังเกตุ และปล่อยวาง กรรม หรือ การกระทำต่างๆ จะไม่ติดใจ
ลองสังเกตุให้ดีนะครับ ว่า ทุกครั้งที่แสดงความคิดเห็นว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่นั้น จิตท่านเก็บความรู้สึกไว้ในจิตพี่หรือเปล่า ท่านรู้สึกขุ่นเคื่องใจหรือเปล่า ถ้าใช่นั้นแสดงว่าท่านยังวางจิตไม่ถูกนะครับ
กรรมใคร ก้อของคนนั้น ปล่อยให้ดวงจิตแต่ละดวงเขาเลือกทางเดินของเขาเอง เขาต้องการพัฒนาและเติบโตอยู่ ถ้าเขาไม่ได้เรียนรู้ และลองผิดถูก ด้วยตัวของเขาเอง แล้วเขาจะเรียนรู้ได้อย่างไร ถึงแม้เขาเดินทางไม่ถูกต้อง เขาจะได้รู้ว่าเขาเดินผิด แล้วกลับมาเดินทางใหม่ที่สง่างาม และไม่ก้าวไปทางที่ไม่ถูกต้องอีก
----------------------------------------------------------------

 

อนุโมทนาและขอน้อมนำคำสอนของท่านไปปฏิบัติเจ้าค่ะ
โดยเฉพาะตัวสีแดง ต้องหมั่นพิจราณาดัวเราเองบ่อยๆๆค่ะท่าน

ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย
ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใดๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้นๆ

 

.....แนะ การเขียน น่ะคับ
อ้างอิงใช้เมื่อ ต้องการสนับสนุนแนวคิด
ส่วนการ แสดงความคิดเห็น ให้ตั้งกระทู้อื่น นอกกระทู้นี้
คงเข้าใจน่ะคุณ ที่ใช้นาม ว่า นิพพาน..........
โมทนา .........

 

คุณ ที่ใช้นาม ว่า Mantalay พิจารณาตนเองด้วย ก่อนโดนเตือนจาก Sever
.....................................................................................​

.

 

.......พึงเคารพเจ้าของกระูทู้ ด้วยท่านที่รู้ตัว ว่า เขียนนอกเหนือประเด็น.....
โมทนาคับ ............​

 

ขอบอกตามตรงว่าไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร
เพราะสมองนี้มีอิสระเหนืออื่นใดมิใช่ให้ใคร
จับอะไรยัดใส่โดยไร้หลักการ เชิญท่านตามสบาย
ส่วนเราจะไปหานิทานกบในกะลาครอบมาอ่าน
เผื่อจะประเทืองปัญญาขึ้นมาบ้าง.......

ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย
ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใดๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้นๆ<!-- google_ad_section_end -->

 

จะดูดวงถอดอะไรก็ถอดกันไป ทำไมต้องอวดอ้างธรรมะบิดเบือน ได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนี้..มิทราบ.... หวังผลอะไรจากศรัทธาคนหรือเปล่า
ใครที่จาบจ้วงพระอภิธรรม ยกธรรมะมามั่วให้คนรู้ผิดๆ ก็ควรจะพิจารณาตนเองด้วย
เรื่องใบแดงก็ไม่เป็นไรนี่ คนอย่างเรา ไม่ได้ยึคติดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ถ้าเวปบอกว่าผิดให้ใบอะไรมาก็ไม่ว่ากัน ว่าแต่เทพสำราญมีสิทธิพิเศษอะไร เป็นเจ้าหน้าที่เวปหรืออย่างไร ถึงกล้าเอ่ย ประโยคเตือนคนอื่น

 

คุณ Mantalay ขอเตือนครั้งแรก .................
โมทนาคับ

 

ความคิดนั้นแสดงออกในการวิเคราะห์ในใจ
แต่ว่าการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นต้องคิดไตร่ตรองก่อน
คุณทั้ง 2 ที่โดนเตือน คงเข้าใจในเจตนาคือ การจัดระเบียบ ในกระทู้น่ะคับ
.....โมทนาคับ ...
(บททดสอบว่าด้วยเรื่อง ระเบียบการนำเสนอที่นอกประเด็นในกระทู้หลัก)​

 

คิดนานไหมกว่าจะเขียนคำสละสลวยแต่แปลยาก
จะแปลไทยเป็นไทยให้ การที่คุณมาตัดสินเรา 2 คน ก็เพราะ
เราไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณ พูดง่ายๆๆใครฟังคุณนั่นคือ
คนที่อยู่ในระเบียบของคุณ วันหลังจะเปิดกระทู้อะไรช่วยกรุณา
แปะประกาศไว้ด้วยนะ ห้ามโต้แย้งอะไร ให้ทำตามความคิดคุณทุกอย่าง คุณบอกนรกเป็นสวรรค์ก็ต้องเห็นตามคุณ แบบนี้ใช่ไหม
ที่ต้องการ ชอบให้คนทีมาเสวนากับคุณสมองกลวงๆๆงั้นซิ
ว่าจะไม่เข้ามาแล้วแต่อดไม่ได้ ลาขาดเลยเชิญเถอะพ่อคุณ
คิดว่าเป็นเทวดาหรือไง เสียเวลาจริงๆๆไปหาเพลงฟังดีกว่า
ว้าย ว้าย ว้าย นี่มันประเทืองนี่หว่า ..........

 

คงจะต้องเตือนกันเป็นร้อยหน พันหน ล่ะ งานนี้ พ่อเทพสำราญ บานตะไท ..ทำไม ไม่เคลียร์ให้กระจ่างในคำถาม ล่ะ เอ คุ้น ๆ รู้สึก ว่าเคยเจอกันที แล้วนี่

ระวังนา เล่นกับแม่พวกนี้ อย่าได้มีแผลเชียว แม่เกาเลือดซิบ เชียว .. เป็นผมไม่เอาหรอก เถียงกับผู้หญิง เจ๊า กะ เจ้ง อายเค้าน่ะ

โอ๊ะ ๆๆๆๆๆ มีแจกใบเตือนด้วย .... แม่พวกนี้ต้องใบม่วง จร้า ..

 

เทพมหาจำเริญเฮย
ความจริง
ที่พี่ๆเค้าพิมพ์มา อาจไม่ถูกจริต ไม่ถูกใจคุณก็จริงอยู่ อาจดู เสียมารยาทก็ได้

แต่คุณลองพิจารณาตนเอง ตริตรองดู ว่าจริงแล้วที่คุณเที่ยวไปข่มขู่ชาวบ้านจะส่ง กุมารผีเด็กไปทดสอบชาวบ้านโง้นงี้โดยที่ ก็ไม่มีใครเชื้อเชิญเช่นกันนี่

ถือว่ายิ่งกว่า เสียมารยาท เป็นร้อยเท่าพันทวีนา (มันดูจิตเสื่อมทีเดียวละ)

แม้ว่าภาษาคุณจะลิเกเพียงใด แต่ความจริง ไม่มีในนั้น ก็นับว่าว่างเปล่า
คุณต้องขออภัยพวกที่คุณขู่จะส่งกุมารเทพ ไปหาเค้านะ


นี้ก็เป็นคำเตือน โดยความปราถนาดีเช่นกัน

 

ด่ากันไปเพื่ออะไรเนี่ย ?????????

 

สวัสดีค่ะท่านเทพสำราญ

การถือศีลปฏิบัติ และการขออโหสิกรรม สิ่งที่เราร้องขอให้เจ้ากรรมนายเวร ลดละความพยาบาทอาฆาตนั้น ได้ผลจริงหรือ ทำไมเราทำแล้ว แต่รู้สึกว่ามันไม่ได้บรรเทาลงเลย หรือว่ากรรมเราเยอะมาก ช่วยดูและช่วยแนะนำหน่อยเถอะ เหนื่อยกับชีวิตจังเลย

 

ความคิดนั้นแสดงออกในการวิเคราะห์ในใจ
แต่ว่าการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นต้องคิดไตร่ตรองก่อน
คุณทั้ง 2 ที่โดนเตือน คงเข้าใจในเจตนาคือ การจัดระเบียบ ในกระทู้น่ะคับ
.....โมทนาคับ ...
(บททดสอบว่าด้วยเรื่อง ระเบียบการนำเสนอที่นอกประเด็นในกระทู้หลัก​

เขียนมาได้ตามสบายน่ะคับทุกท่าน ไม่ถือสา ให้อภัยท่านที่โดนเตือนคับ