5 ฆาตกรโรคจิตสะท้านโลก (ที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 18 มกราคม 2011.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [FONT=&quot]อันดับ[/FONT][FONT=&quot]5 นิโคเล เซอร์มอนกลีฟ _(Nikolai Dzhumagaliev) 1953-??<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] [​IMG][/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

    [FONT=&quot]เขาคือใคร[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] มันช่างเหมือนประวัติฮันนิบาลจริงๆ นิโคเล เซอร์มอนกลีฟ ฆาตกรต่อเนื่องเจ้าของฉายา “เขี้ยวเหล็ก” มันฆ่าคนเมื่อปี 1980 ใน คาซัสสถาน (ตอนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโซเวียต) โดยล่อสาวๆไปฆ่าและข่มขืนในป่า จากนั้นก็ใช้อาวุธแหลมๆ ทำการตัด ฟัน มาชำแหละเนื้อของสาวๆ เอามากินสดๆ หรือเอามาปรุงอาหารที่บ้าน แถมยังแจกเพื่อนที่หิวโหยได้ลิ้มลองอีก(เพื่อนบ้านไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไร) และ ตลอดช่วง 10 ปี ผ่านมาคาดว่าเขาสังหารเหยื่อผู้หญิงถึง 50 – 100 ราย....<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot][​IMG]
    เขารอดได้ไง[/FONT]
    [FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] นิโคเล เซอร์มอนกลีฟถูก จับในเวลาต่อมา ศาลตัดสินเขาว่าบ้าให้ไปบำบัดจิตที่โรงพยาบาล เขาหลบหนีในปี 1989 และถูกจับกลับมาเพื่อบำบัดรักษาทางจิตอีกในปี 1991 และถูกปล่อยตัวเป็นอิสระในปี ค.ศ.1994 โดยไม่ดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาอีกเลยหลังจากนั้น<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] รายงานล่าสุดบอกว่านิโคเล เซอร์มอนกลีฟอาศัย อยู่กับญาติทางในยุโรปตะวันออก ไม่ระบุสถานทีชัดเจน ตอนนี้เขาเป็นชายชราอายุประมาณ 55-56 ปี เพื่อนบ้านพูดถึงว่า เขาเป็นชายที่น่าหลงไหล พูดเก่งและเวลายิ้มจะเห็นฟันเหล็กทั้งปากน่าดูเป็นบ้าเลย[/FONT]

    [FONT=&quot]อันดับ[/FONT][FONT=&quot]4 คาร์ล่า โฮมอลก้า (Karla Homolka) 1987-??<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] [​IMG]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เธอคือใคร[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ฆาตกร ต่อเนื่องชาวแคนาดาร่วมมือกับแฟนของเธอพอล เบอร์นาร์โดข่มขืนน้องสาวแท้ๆ ของตนเองและน้องสาวของเธอก็ตายในขณะอยู่ระหว่างวิชาผจญภัย โอ้.......แต่แฟนของเธอยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้น เขายังบังคับให้เธอร่วมมือฆ่าเด็กสาววัยรุ่นอีก 2 ราย ไม่ได้ฆ่าเปล่าด้วยนะ เขายังถ่ายวีดีโอเทปอัดเก็บไว้ด้วย รวมทุกริยาบทของเหยื่อเลยแหละ มีทั้งตอนขับถ่าย ข่มขืน ทรมาน และเซ็กต์วิตถาร(เช่นใช้ขวดไวท์ทิ่มทวารหนัก,ฉี่รดตัวเหยื่อ)ก่อนที่จะฆ่า รัดคอตายและเอาศพไปทิ้ง ก่อนที่เรื่องจะจบลงเมื่อปี1993 เมื่อคาร์ล่าทนแฟนตบตีไม่ไหวเลยออกมาแฉเรื่องราวสิ่งที่ทั้งสองทำทั้งหมดให้ตำรวจฟัง<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o>[​IMG]</o>[/FONT]
    [FONT=&quot] เธอรอดได้ไง[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] พอ ดีเรื่องทั้งหมดแฟนของคนเป็นคนก่อขึ้นและบังคับเธอให้ทำ แถมเธอยังสามารถเจรจาต่อรองในชั้นศาลโดยแลกโทษเบาเพื่อให้เธอเป็นพยานให้โทษ แก่นายพอล เบอร์นาร์โด ซึ่งมันก็ได้ผลแฟนของเธอโดนจำคุกตลอดชีวิต ส่วนเธอใช้สำหรับเวลา 12 ปีในคุก และถูกปล่อยเป็นอิสระในปี2005<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ใน[/FONT][FONT=&quot]2007คาร์ ล่าตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนหน้าพาลูกชายอายุขวบกว่าๆ อพยพไปประเทศใหม่ ซึ่งตอนนี้เธอสามารถอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็น คิวบา, เกาะจาเมกา, ประเทศสาธารณรัฐเฮติ, สาธารณรัฐโดมินิกัน หรือ เปอร์โตริโก คุณอาจจะคิดว่าว่าลาตินอเมริกาอาจไม่เหมาะสาวผมสีบลอนด์ละก็ ก็หันมามองเอเซียหน่อยก็ดีนะ [/FONT]

    [FONT=&quot]อันดับ[/FONT][FONT=&quot]3ยูฮา วาลยัคคาล่า (Juha Valjakkala)[/FONT]
    [FONT=&quot] [​IMG][/FONT]

    [FONT=&quot]เขาคือใคร[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] 3กรกฎาคม 1988 ยูฮา วาลยัคคาล่าลูกครึ่งสวีเดน/ฟินแลนด์ อายุ22 ปี คงคิดว่าชีวิตจริงจะเหมือนเกมส์ GTA เขาเลยขโมยจักรยานสองล้อ(ขโมยกระจอกจริงๆ) และเขาถูกพบเห็น และโดนไล่ตามโดยผู้เป็นเจ้าของจักรยานสองล้อ สเตน นิลส์สัน (Sten Nilsson) และ เฟร็ดดริค(Fredrik)ลูกชายอายุ15 ปี ของเขา สองพ่อลูกไล่ต้อนเขาจนมุมและแล้ว หัวขโมยกระจอกนี้ก็เลือดขึ้นหน้าชักปืนเม่งยิงหัวสองพ่อลูกจนถึงแก่ความตาย และเขาถูกการจับกุมสัปดาห์ต่อมา<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เขารอดได้ไง[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ศาลตัดสินให้ยูฮา วาลยัคคาล่าเป็นบุคคลที่ป่วยทางจิต เขากลับเนื้อกลับตัว และรักษาโรคจิตจนหายและอีก 19 ปี ต่อมา เขาก็ขึ้นศาลฟินแลนด์และลงโทษจำคุกตลอดชีวิตของเขา แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ถูกปล่อยตัวออกจากคุกโดยมีทัณฑ์บนแก่เขาแบบง่ายๆ <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot][​IMG]
    ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน[/FONT]
    [FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] มีคนพบเห็นเขาทำอาชีพคนขับรถแท็กซี่ในสแกนดิเนเวียทางดินแดนในยุโรปเหนือ และรถแท็กซี่ของ[/FONT][FONT=&quot] Niko ได้ รับอนุญาตจากทางการด้วยนะ โดยไม่สนใจประวัติเขาใดๆ ทั้งสิ้นซึ่งถ้าใครไปยุโรปเหนือก็สังเกตรถเท็กซี่กับคนขับหน่อยละ บางทีเขาอาจไม่ทิ้งนิสัยเก่าในอดีตก็เป็นไปได้[/FONT]

    [FONT=&quot]อันดับ 2เปโดร อลองโซ โลเปซ ([/FONT][FONT=&quot]Pedro Alonso Lopez)1949-??[/FONT][FONT=&quot] <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o>[​IMG]</o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เขาคือใคร[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ฆ่าคนไป 300 ศพ โดยเดินสายฆ่าคนสามประเทศคือ เปรู โคลัมเบียในช่วงที่ 70 ตอนต้นทศวรรษที่ 80 โดย เหยื่อเกือบทั้งหมดเป็นเด็กที่ถูกข่มขืนอย่างรุนแรงก่อนที่จะรัดคอหรือบีบคอตายทั้งสิ้น ซึ่งเขาถูกจับในขณะเขากำลังฆ่าเหยื่อพอดี <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o>[​IMG] </o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เขารอดได้ไง[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] เนื่อง จากประเทศเอกวาดอร์ไม่มีโทษประหารชีวิตดังนั้นเปโดร จึงได้โทษสูงสุดของประเทศนอกเหนือโทษประหารคือจำคุก 20 ปี(แน่ใจเรอะว่านี้คือโทษสูงสุด) และเนรเทศกลับไปดำเนินคดีต่อที่ โคลัมเบียในปี 1998 และถูกปล่อยตัวเป็นอิสระในปี 1999 จากนั้นเขาก็หายไป<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] มีความเป็นไปได้ว่า เขาอาจอยู่เอกวาดอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาฆ่าเหยื่อมากที่สุด(เฉลี่ยสามคนต่อสัปดาห์)ซึ่งเขาเคยรำพึงก่อนนี้ว่า[/FONT][FONT=&quot]"ผม ชอบเด็กผู้หญิงเอกวาดอร์ เธอสุภาพเรียบร้อยกว่า และ ไร้เดียงสา หลอกง่าย” หรือไม่ก็จากรายงานล่าสุดของตำรวจในปี 2002 บอกว่าพบเห็นตัวเขาที่เมือง Latino ประเทศอาร์เจนติน่า โดยปะปนอยู่กับผู้อพยพ และมีแนวโน้มว่าเขาจะหนีไปอเมริกา เพื่อหาเหยื่อรายใหม่ก็เป็นไปได้ [/FONT]


    [FONT=&quot]อันดับ 1 อิเซอิ ซากาวา ([/FONT][FONT=&quot]Issei Sagawa)1981-??<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]<o>[​IMG]</o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เขาคือใคร[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ฆาตกร ชาวญี่ปุ่น ฆ่าข่มขืนแล้วกินศพนางรีนี่ ฮาร์ทธะเวลท์ โดยล่อเธอมาฆ่าที่ห้องพักเขาเขาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 1981

    และยิงหัวเธอด้วยปืน จากนั้นก็ข่มขืนศพอย่างเมามันก่อนจะแล่เนื้อเธอ ชำแหละ บางส่วนไว้กิน บางส่วนเก็บไว้ตู้เย็น

    โดยเขาทำอาหารจากเนื้อเธอหลายๆ อย่าง เช่น ซาซิมิ ซุปมิโซะ เทมปุระ ฯลฯ โดยเขาบอกว่าเนื้อส่วนก้นนั้นอร่อยมาก <o></o>[/FONT]


    ขอบอกว่าสภาพศพเธอโหดร้ายมากไม่เชื่อดูเว็บ

    [FONT=&quot]เขารอดได้ไง[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] เขา ถูกจับได้เนื่องจากมีคนเห็นเขาทิ้งศพเธอไว้ข้างทาง แต่เนื่องจากเขาเป็นลูกคนรวย พ่อเลยมีเงินจ้างทนายเก่งๆ สู้คดี และเป็นผลสำเร็จ อิเซอิถูกตัดสินว่าบ้า(มามุกแบบนี้ทุกราย) เขาถูกส่งไปบำบัดจิตที่โรงพยาบาลบ้าฝรั่งเศส และพ่อก็วิ่งเต้นให้เขาถูกส่งตัวรักษาทางจิตต่อที่ญี่ปุ่น และบำบัดทางจิตเพียง 1 ปีกับอีก 2 เดือน เขาก็ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ โดยไม่ดำเนินคดีฐานฆ่าคนตายแต่อย่างใด<o>

    </o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ปัจจุบันอิเซอิมีความสุขมีทั้งชื่อเสียงและเงินทองและเสพสุขในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ เพราะชาวญี่ปุ่นมองเขาว่าเป็นฮีโร่(ซะงั้น)ที่ได้แอ้มสาวฝรั่ง(แม้จะเป็นศพ) ทำให้เขาได้งานหลายๆ อย่างตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นนิยายที่เขาเอง 4 เล่ม คอล์มต่างๆ ในนิตยสาร นักชิมอาหารตามร้านอาหารหรูๆ และมีโอกาสแสดงภาพยนตร์โป๊เรื่อง [/FONT][FONT=&quot]Sisenjiyou no Aria หรือ The Bedroom และยังเป็นแรงบันดาลใจให้วง Stranglers แต่งเพลง la Folie(ปี 1991) เพลง “Too Much Blood”ของวงก้องโลกอย่าง Rolling Stones อีกด้วย และเขากลายเป็นฆาตกรกินคนรายเดียวของโลกที่ทำผิดแล้วไม่รับโทษทัณฑ์ใดๆ ทั้งจากญี่ปุ่นและฝรั่งเศส[/FONT]

    อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1245826#ixzz1BMzR2lUD
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  2. Crystal DNA

    Crystal DNA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +530
    เริ่มกลัวแล้วซิ

    ทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้

    มีคนอย่างนี้อยู่บนโลกนี้ด้วยเหรอครับ
     
  3. DukeSonic

    DukeSonic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +831
    ถึงจะรอดยังไงก็ไม่พ้นกฏแห่งกรรม
     
  4. n@kARin

    n@kARin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +94
    คุณสันโดษ มาแนวโหดนะวันนี้ อิอิ
     
  5. Crystal DNA

    Crystal DNA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +530
    กระทู้นี้โผล่มาตอนที่ พวกเรากำลังจะไปช่วยโลกกัน

    มันน่าแปลกดีพิลึกน่ะ เจ้าของกระทู้โปรดอธิบายว่าทำไปทำไม
     
  6. oak1331

    oak1331 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +49
    ถ้าให้ผมว่านะครับ อันดับที่ 1 ยกให้ แจ็คเดอะริปเปอร์

    ตำนานสยองของ "แจ็คเดอะริปเปอร์"

    MGR

    ใครกันแน่คือแจ็คเดอะริปเปอร์? คนไข้โรคจิต ศัลยแพทย์มือฉมัง คนขายเนื้อ ชายซึ่งวางยาพิษฆ่าเมียตัวเอง หรือแม้แต่หลานชายของควีนวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ก็ล้วนแล้วแต่พัวพันกับสมญานามของฆาตกรสุดโหดแห่งไวต์แชปเพิลผู้นี้

    แจ็คเดอะริปเปอร์ เป็นสมญานามของฆาตกรต่อเนื่องซึ่งก่อคดีสะเทือนขวัญในกรุงลอนดอน ช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ปี 1888 เหยื่อของแจ็คเดอะริปเปอร์ล้วนเป็นหญิงโสเภณีในย่านไวต์แชปเพิล แหล่งสลัมเสื่อมโทรมในเขตอีสต์เอนด์ สมญานามนี้ได้มาจากชื่อในท้ายจดหมายซึ่งโผล่ออกมาระหว่างที่เกิดการฆาตกรรมขึ้น

    เหยื่อของแจ็คจะเป็นผู้หญิงหากิน ซึ่งล้วนถูกของมีคมเชือดคอและโดนคว้านเอาอวัยวะออกไป ปัจจุบันผู้ที่หลงใหลในการศึกษาเกี่ยวกับคดีฆาตกรสุดโหดนี้จำนวนมาก จนมีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักริปเปอร์วิทยาเลยทีเดียว(ripperologist)


    ตำนานสยองขวัญเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม เมื่อมีคนพบร่างของ แมรีแอน นิโคลส์ (พอลลี)วัย 43 ปี การฆาตกรรมโสเภณีคนหนึ่งดูจะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่าใดนัก แม้ว่าตำรวจลอนดอนต่างช็อกกับสภาพศพที่เห็นก็ตาม หลังจากเกิดเหตุตำรวจได้ตัวผู้ต้องสงสัยหลายคนแต่ก็จับใครไม่ได้ ชื่อพอลลีดูเหมือนจะเลือนหายไปแล้วกระทั่งผู้หญิงหากินอีกรายถูกพบกลายเป็นศพเมื่อวันที่ 8 กันยายนในปีเดียวกัน แอนนี แชปแมนถูกฆ่าปาดคอ และอวัยวะบางส่วนรวมทั้งมดลูกถูกคว้านออกและหายไปจากที่เกิดเหตุ เหตุการณ์นี้สร้างความสะพรึงกลัวไปทั่วลอนดอน และสื่อมวลชนก็เริ่มเข้ามามีบทบาท

    ขณะที่ตำรวจก็ไม่มีเบาะแส เพราะคนร้ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ให้ตามจับได้ ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับการฆาตกรรมก็สะพัดไปทั่วเมือง ตอนนี้ฆาตกรได้ฉายาจากสื่อว่า "ผ้ากันเปื้อนหนัง" มีการตั้งข้อสงสัยว่ามือสังหารคือแพทย์ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับชิ้นส่วนต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย


    สามสัปดาห์หลังจากนั้นสิ่งที่น่าสยดสยองมากกว่านี้เกิดขึ้นอีกในค่ำคืนของวันที่ 30 กันยายน อลิซาเบธ สไตรด์ หรือ ลอง ลิซ วัย 45 ปี ออกจากผับแห่งหนึ่งและเดินกลับบ้าน แต่เธอกลับไม่ถึงบ้าน ศพของเธอถูกพบในวันถัดมา บริเวณลำคอมีบาดแผลเป็นทางยาว แต่ยังสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยดี คาดว่าฆาตกรคงถูกขัดจังหวะในขณะกำลังจะจัดการชำแหละเหยื่ออย่างเคย

    แคทเทอรีน เอดโดวส์ หรือเคท วัย 46 ปี เป็นเหยื่อของแจ็คอีกรายที่สภาพศพน่ากลัวที่สุด โดนควักลูกตา เฉือนจมูก ลำคอถูกเชือด ช่องท้องถูกกรีดเป็นบาดแผลเหวอะ ไตถูกควักออกไป โดยมีข้อความเขียนไว้บนกำแพงในละแวกที่พบศพว่า "The Juwes are the men that Will not be Blamed for nothing." แปลความได้ว่า "ชาวยิวเป็นกลุ่มคนที่จะไม่ถูกกล่าวโทษ ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม"


    ข้อความบนกำแพงนี้อาจจะมีอยู่ก่อนแล้วและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม กระนั้นข้อความนี้ทำให้การสืบสวนพุ่งเป้าไปยังชาวยิว มีการวิพากษ์วิจารย์กันไปต่างๆ นานา จนเซอร์ชาร์ลส์ วอร์เรน ผู้บัญชาการตำรวจนครลอนดอนสมัยนั้นสั่งให้ลบข้อความดังกล่าวเพื่อลดกระแสต่อต้านยิว และก็มีการจับตัวชาวยิวหลายคน รวมทั้งจอห์น ไพเซอร์ ซึ่งต่อมาก็พบว่าเขาไม่ได้มีเอี่ยวใดๆ

    ตำรวจรู้สึกกดดันอย่างหนักเมื่อยังหาตัวฆาตกรไม่ได้ ผู้ชายโชคร้ายหลายคนโดนควบคุมตัวแต่ก็ไม่มีข้อพิสูจน์อะไรบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นคือฆาตกรที่แท้จริง ชาวอีสต์เอนด์ก็คิดว่าเคทคงเป็นเหยื่อรายสุดท้ายแล้ว แต่ขณะที่เจ้าของที่ดินผู้มั่งคั่งไปเก็บค่าเช่าบ้านกับแมรี จีน เคลลี สาวไอริชหน้าตาดีคนหนึ่ง หลังจากเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบเขาจึงไปดูทางหน้าต่าง และก็ต้องตกตะลึงกับภาพหญิงวัย 25 ปีอยู่ในสภาพนอนกางขาบนเตียงนอน ผิวหนังโดนถลก มีมดลูกกองอยู่ปลายเท้า มือข้างหนึ่งถูกจับล้วงเข้าไปในท้องที่โดนควักตับไตไส้พุงออก หัวใจถูกปลิดออกจากขั้วหายไป เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง ทั้งนี้เป็นที่รับรู้กันว่าตอนนั้นเคลลีกำลังตั้งครรภ์




    เคลลีอาจจะใช่หรือไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้ายของแจ็ค ในช่วงเวลาเดียวกันยังมีผู้หญิงข้างถนนอีกหลายคนถูกฆาตกรรม บางรายอาจจะเป็นฝีมือของแจ็คก็ได้เนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกับเหยื่อรายก่อนๆ อย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับในหมู่สาวกของแจ็คว่าเหยื่อของแจ็คนั้นมี 5 รายดังกล่าว ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ฆาตกรโหดรายนี้ต้องมีความรู้ในการในการผ่าตัดหรือทางการแพทย์อยู่พอสมควร

    ใครกันแน่

    เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต วิคเตอร์ หรือเจ้าชายเอดดี ดยุคแห่งแคลเรนซ์ หนังสือหลายเล่มอ้างว่าพระองค์เคยเสด็จไปเที่ยวซ่องในย่านอีสต์เอนด์ และสันนิษฐานว่าพระองค์เรียนรู้เทคนิคในการชำแหละมาจากการล่าสัตว์ และทรงติดเชื้อซิฟิลิส ขณะที่สาเหตุอย่างเป็นทางการระบุว่าพระองค์สิ้นพระชนม์จากอาการปอดอักเสบ หนังสือหลายเล่มชี้ว่าพระองค์เป็นผู้ลงมือเองหรือไม่ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมเพื่อปิดปังพฤติกรรมอันเหลวแหลก ทฤษฎีนี้แพร่หลายมากเพราะนักประวัติศาสตร์มีชื่อ อย่างไรก็ตามสาวกของแจ็คส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบันทึกเกี่ยวกับพระกรณียกิจของเจ้าชายยืนยันว่าในขณะที่การฆาตกรรมเกิดขึ้นพระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ในลอนดอนเลย อย่างไรก็ตามกลุ่มที่เชื่อทฤษฎีนี้โต้ว่าเจ้าชายเอดดีอาจจะแอบมาลอนดอน หรือมิเช่นนั้นบันทึกของทางการอาจจะเป็นสิ่งที่ "แต่ง" ขึ้นมาก็ได้

    มอนเทกิว จอห์น ดริตต์ เขาเป็นครูและศึกษาด้านการแพทย์ขณะที่สอบได้เนติบัณทิตแล้ว ดริตต์มาจากครอบครัวที่ดีและมีการศึกษาแต่กลับมีอาการวิกลจริต สองวันหลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนแบล็กเฮลท์เขาก็ฆ่าตัวตายด้วยการถ่วงตัวเองให้จมน้ำด้วยหินที่ซุกไว้ตามกระเป๋า และทิ้งข้อความลาตายไว้ว่า "ตั้งแต่วันศุกร์แล้วผมรู้สึกว่ากำลังจะเป็น (บ้า)เหมือนแม่ และการตายคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมในตอนนี้" ตำรวจพบกระดาษโน้ตจากศพของเขาที่ลอยมาตามแม่น้ำเทมส์เมื่อ 31 ธันวาคม ปี 1888 ทั้งนี้ เขาหายตัวไปหลังจากที่พบศพเหยื่อรายที่ 5 ได้ไม่นาน การสอบสวนของตำรวจระบุว่าเขาฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการซึมเศร้า และสรุปว่าเขาคือแจ็คเดอะริปเปอร์ ตำรวจปิดคดีได้สำเร็จโดยที่เขาตกเป็นแพะรับบาป มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรมเสียเองกันแน่ ขณะที่การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งแสดงต่อศาลระบุว่าการตายของเคลลีและการตายของดริตต์มีความเกี่ยวโยงกัน บ้างระบุว่าดริตต์มีอาการป่วยทางจิตหลังจากการสังหารเหยื่อรายที่ 5 ของเขา


    อย่างไรก็ตาม มีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแจ็คอีกนับไม่ถ้วน ทั้งผู้ต้องหาที่มีประวัติวางยาพิษภรรยา แพทย์ ข้ารับใช้ราชสำนัก รวมถึงศิลปินที่ผลงานของเขาแสดงถึงความเกลียดชังผู้หญิง

    ล่าสุด เทรเวอร์ แมริออต อดีตนักสืบหัวเห็ดสังกัดเบดฟอร์ดเชียร์ซึ่งหันมาศึกษาเรื่องแจ็คด้วยเทคนิคสืบสวนสมัยใหม่ออกมาตั้งข้อสันนิษฐานว่า แจ็คเดอะริปเปอร์นั้นอาจจะไม่ใช่ชาวลอนดอน แต่เป็นกะลาสีชาวนิการากัวหรือเยอรมันซึ่งเดินทางมาค้าขายในอังกฤษและติดโรคร้ายจากการเที่ยวผู้หญิงและต้องการแก้แค้น

    หนังสือของเทรเวอร์ "Jack the Ripper: The 21st Century Investigation" บอกว่าตำรวจสันนิษฐานอย่างผิดๆ ว่าฆาตกรนั้นอาศัยและทำงานในอีสต์เอนด์ และตำรวจยังไม่รู้วันเวลาของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยถูกทำให้เขวและเลือกที่จะไม่มองถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ลงมือนั้นอาจจะเป็นกะลาสีเรือ


    เทรเวอร์เชื่อว่าช่วงที่เกิดเหตุสยองขวัญนั้นฆาตกรเดินทางมากับเรือจำนวนไม่มากที่มาทอดสมอในท่าเรือของอีสต์เอนด์หรือใกล้เคียง อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าชื่อของลูกเรือก็ถูกทำลายหรือไม่ก็สูญหายทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะชี้ชัดลงไปว่าเป็นลูกเรือคนใด

    เทรเวอร์อ้างข้อมูลที่พบว่ามีผู้หญิงขายตัว 6 คนถูกชำแหละในสไตล์ของแจ็คในนิการากัว ในช่วง 10 วันของเดือนมกราคม ปี 1989 หรือเพียงสองเดือนที่เชื่อว่าการฆาตรรมได้สิ้นสุดลง แต่การฆ่าชำแหละศพในนิการากัวตามมาด้วยการฆาตกรรมแบบเดียวกันอีกครั้งในลอนดอนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และอีกหนึ่งคดีที่ท่าเรือเฟลนเบิร์กในเยอรมนีในตุลาคม และอีกหนึ่งคดีในลอนดอนเมื่อเดือนกรกกฎาคม ปี 1891


    นอกจากนี้ เทรเวอร์ยังเชื่อว่าแจ็คไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์ ซึ่งตรงข้ามกับที่หลายฝ่ายเชื่อ โดยเขาบอกว่าหากแจ็คเคยฝึกผ่าตัดอยู่บ้างเขาก็คงจะลำบากที่จะจัดการเฉือนอวัยวะออกจากร่างเหยื่อตามตรอกซอยที่มืดสลัว ส่วนอวัยวะที่ถูกคว้านออกมานั้นก็เพื่อเอาไปขายในตลาดค้าอวัยวะมนุษย์ซึ่งผิดกฎหมายแต่เฟื่องฟูในยุคนั้น

    ทฤษฎีของอดีตนักสืบรายนี้ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมาก ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการบอกว่าเทรเวอร์เอาเรื่องเก่านำมาเล่าใหม่เท่านั้น ขณะที่อีกกลุ่มยังสำทับว่าประด็นกะลาสีเรือนี้ถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่มีการฆาตกรรมแล้ว

    ดูเหมือนว่าแจ็คเดอะริปเปอร์ยังคงเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้อีกต่อไป



    จดหมายลงชื่อแจ็คเดอะริปเปอร์ ลงวันที่ 25 กันยายน 1888 ถูกส่งมาถึงตำรวจลอนดอน
     
  7. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +349
    คนที่ฆ่าเยอะกว่านั้น มีอีกมาก แต่ไม่ถูกจับ ยังมีอีกเยอะ:cool:
     
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    องคุลีมาลตระเวนฆ่าคนตัดนิ้วมาได้ 999 คนแล้วยังขาดอีก 1 คนเท่านั้นก็จะครบเต็มจำนวน

    ตัวจริงเสียงจริง หนีกรรมได้อีกต่างหาก


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  9. ^ ^

    ^ ^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ขอตอบกระทู้นี้ด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไข


    เมื่อถึงทางเลือกที่เราจะต้องเลือกระหว่าง

    1.สังคม
    2.คนผิด
    3.ความจริง

    เราจะต้องเลือกอะไร? คำตอบคือ เลือกปฏิบัติต่อทั้ง 3 ด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไข คือ

    1.กับสังคมเราต้องให้สังคมนี้อยู่อย่างสงบสุขด้วยความรัก แต่คนผิดจะอยู่ร่วมโลกกับคน
    ในสังคมแล้วก่อปัญหาอีกไม่ได้ ดังนั้นเราควรเอาคนผิดแยกออกไปจากสังคมซะ เพราะเรารักสังคม
    แต่กลไกทางสังคมทั้งหลายก็ต้อง สื่อสารออกมาด้วยว่า พวกเราต้องให้อภัยคนผิดนะ
    เพราะมันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ อย่างน้อยเพื่อความสุขของตนเอง

    2.คนผิด เมื่อเขาทำผิดต่อสังคมแล้ว เขาก็ไม่ควรจะอยู่สร้างปัญหาให้สังคมอีก เราควรส่ง
    พวกเขาเข้าไปอยู่ในคุก โดยที่ในคุกนั้นควรจะมีสภาพแวดล้อมที่ดี อยู่แล้วไม่รู้สึกทุกข์มากนัก
    ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะว่าเรารักเขางัย (สภาพแวดล้อมในคุกสำคัญมาก เพราะเป็นข้อพิสูจน์ว่า
    เราปฏิบัติต่อเพื่อร่วมโลกด้วยความรักจริงหรือไม่)

    3.ความจริง ก็ต้องรัก และไม่สมควรบิดเบือนโดยเด็ดขาด รู้ได้แต่อย่าไปอินกับมันมาก
    เด๋วกลายเป็นคิดลบ (-) ไปไม่ดี เมื่อคนผิดได้ถูกนำตัวแยกออกจากสังคมแล้ว
    ก็ต้องให้อภัยเขา รับรู้ความจริงที่เกิด และ หาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกดีที่สุด


    ปล.ผมมันคนหลายจัย เลยรักทั้หมดเรย 555+
     
  10. Tiger Dear's

    Tiger Dear's MY HOMEWORK

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +301
    ครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2011
  11. Kinglondon

    Kinglondon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +70
    ท่านฆ่าคนเพราะหลงผิดไปเชื่อคนอื่นโดยไม่ได้พิจารณา เพราะจิตขณะที่ฆ่าเชื่อว่าจะช่วยให้คนที่โดนพ้นทุกข์ (จิตนะครับ ไม่ใช่สมอง เดี้ยวมีคนบอกงั้นผมฆ่าคนก็ไม่บาปเพราะไม่ได้คิดฆ่า อิอิ ดักพวกหัวหมอไว้ก่อน ^_^) แต่เพราะมีบุญบารมีมาเลยทำให้พระพุทธองค์ทรงเมตตาไปชี้แนะให้จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ก่อนที่จะไปฆ่ามารดา ซึ่งถ้าไปไม่ทัน องคุลีมาร ท่านจะกลายเป็นคนฆ่ามารดาซึ่งบาปหนักมาก ระหว่างที่ท่านมีชีวิตหลังจากที่บวชแล้วก็ยังต้องชดใช้กรรม แต่อาจจะเบาเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่เรารู้ดีว่าท่านทำอะไรไม่ดีมาเยอะก่อนบวช

    ถ้ายังจำกันกันได้สิ่งที่พระพุทธทรงสอนพวกเรามีข้อหนึ่งคือ
    ใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง ไม่มีอะไรแน่นอน (แม้แต่กฏแห่งกรรมก็ไม่มีข้อยกเว้น) น่าจะเป็นเพราะท่านเป็นพระอรหันต์แล้วซึ่งกฏแห่งกรรมเป็นสิ่งที่อยู่ในจักรวาล ไม่สามารถตามไปถึงนิพพานได้(ความเห็นส่วนตัวนะครับ) ^_^
     
  12. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +349
    หากเขารู้คุณค่าของการอภัยสักวันนึง

    เขาก็จะกลายเป็นผู้มอบมันให้แก่คนอื่นๆต่อไป:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...