จะทราบได้อย่างไรว่า บรรลุโสดาบัน

ขอตอบนะ
ข้ามๆๆๆๆ เร็วข้ามๆๆๆๆ เร็วๆๆๆๆข้ามมมม เร็ว หยุด แล้ว ข้าม ข้าม
<LEGEND>รูป</LEGEND>

 

คุณซัน คุณเจน คือใครหรือครับ คุณ starcom1 เขาคือผู้หยั่งรู้หรือครับ

 

โสดาบันนี่สามารถอยู่สวรรค์ชั้น 6 ได้หรือครับผมเคยได้ยินมา
รบกวนถามทีว่าข้อมูลนี้จริงหรือป่าวครับ ??

ขอบคุณครับ

 

อนุโมทนากับคุณ strcomด้วยนะครับ

..คอนเฟิร์มคราบ

 

เป็นตามนี้ก็อนุโมทนาครับ สาธุครับ

 

ซันจัง สรณัง คัจฉามิ นะหรือ
คนที่กล้ามโตๆ หน้าตาดี ชอบเล่น ฟิตเนส ใช่ไหม

คุณ starcom คุณนี่เป็นคนเชื่อคนง่ายเนอะ
คุณเองยังพึ่งตนเองไม่ได้ ยังต้องไปถาม เด็กที่ไหนไม่รู้ แล้วคุณจะเป็นพระโสดาบันได้อย่างไร

พระโสดาบัน เป็นที่พึ่งให้คนอื่น

พระโสดาบัน ยังต้องวิ่งโร่ไปดูดวง ปัดโธ่ คนเรา

ไม่ได้คิดรู้สึกตัวเลยว่า นี่เรายังเลอะๆ เทอะๆ

ไปถามคนยังมีกิเลสอยู่มาก ยังทรงเจ้า ยังบูชาพราหมณ์ เทพศิวะ

ไม่ได้พิจารณาเลย

 

โสดาบันยุคนี้ทำไมมีแต่เรื่องไม่ได้สาระเลย สงสัยว่ามันคนละอันกันแล้วละ พระอริยะบุคคลที่ว่านั่นเขาไม่เป็นแบบนั้นแน่ๆ ลุ่มหลงในสรรพสิ่ง

 

แม้นการไม่รู้ตัวว่าเป็นพระเสขะ แต่ก็ควรทราบธรรมที่ตนมีแล้ว เกิดขึ้นแล้วในตน ว่าปัญญาต่างจากผู้ที่มีแต่กิเลส หรือตัวเองในคราวที่ยังไม่เที่ยงแท้ต่อธรรมเป็นอย่างไร ... เมื่อมาเทียบเคียงปริยัติ ก็สามารถทราบว่าธรรมที่ตนมีเป็นอย่างไร เช่น สังโยชนที่ละได้ในพระอริยะขั้นต่างๆ คุณธรรมต่างๆ ที่พระอริยะแต่ละขั้นพึงมี ... ฯลฯ
(ยกเว้นพวกที่คิดว่าตนเป็นตนมีโดยมิได้เป็นไม่ได้มี)




[๑๐๓๒] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้วตั้งอยู่ในเสขภูมิ พึงรู้ว่า เราเป็นพระเสขะ ที่ภิกษุผู้เป็นอเสขะอาศัยแล้วตั้งอยู่ในอเสขภูมิ พึงรู้ว่าเราเป็นพระอเสขะ มีอยู่.

[๑๐๓๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูมิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระเสขะ เป็นไฉน ภิกษุผู้เป็นเสขะในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายแม้นี้แล ที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูมิ ย่อมรู้ชัดว่า เราเป็นพระเสขะ.

[๑๐๓๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เป็นเสขะ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ ว่า สมณะหรือพราหมณ์อื่นภายนอกจากศาสนานี้ ซึ่งจะแสดงธรรมที่จริงแท้แน่นอนเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า มีอยู่หรือ พระเสขะนั้นย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า สมณะหรือพราหมณ์อื่นภายนอกจากศาสนานี้ ซึ่งจะแสดงธรรมที่จริงแท้แน่นอนเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่มี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายแม้นี้แล ที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูนิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระ-เสขะ.

[๑๐๓๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เป็นเสขะย่อมรู้ชัด ซึ่งอินทรีย์ ๕ คือ สัทธินทรีย์ ๑ วิริยินทรีย์ ๑ สตินทรีย์ ๑ สมาธินทรีย์ ๑ ปัญญินทรีย์ ๑ อินทรีย์ ๕ นั้น มีสิ่งใดเป็นคติ มีสิ่งใดเป็นอย่างยิ่ง มีสิ่งใดเป็นผล มีสิ่งใดเป็นที่สุด ภิกษุผู้เป็นเสขะยังไม่ถูกต้องสิ่งนั้นด้วยนามกายแต่เห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายแม้นี้แล ที่ภิกษุเป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูมิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระเสขะ.


อรรถกถาเสขสูตร

เสขสูตรที่ ๓. คำว่า น เหวโข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ ได้แก่
ย่อมไม่ถูกต้อง คือได้เฉพาะด้วยนามกายแล้วแลอยู่ อธิบายว่า ย่อมไม่อาจถูกต้องคือได้เฉพาะ. คำว่า แต่เห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา คือ ก็แลย่อมรู้ชัดด้วยปัญญาเครื่องพิจารณาว่า ชื่อว่าอินทรีย์ คือ อรหัตผลเบื้องบน ยังมีอยู่. ในภูมิของอเสขะ คำว่า ถูกต้องแล้วอยู่ คือได้เฉพาะแล้วแลอยู่. คำว่า ด้วยปัญญา คือ ย่อมรู้ชัดด้วยปัญญาเครื่องพิจารณาว่า ชื่อว่าอินทรีย์คืออรหัตผล ยังมีอยู่. แม้คำทั้งสองว่า น กุหิญฺจิ กิสฺมิญฺจก็เป็นคำที่ใช้แทนกันและกัน. อธิบายว่า จะไม่เกิดขึ้นในภพไรๆ. ในสูตรนี้อินทรีย์ทั้งห้าเป็นโลกุตระ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอินทรีย์ ๖ ที่เป็นโลกิยะอาศัยวัฏฏะเท่านั้น.
จบอรรถกถาเสขสูตร๓



ค้นหาเพิ่มเติมได้อีกมากนอกจากพระสูตรที่ลิงค์มานี้
��Ҵ��¾���ʢ���о����ʢ�

 

อนุโมทนาในธรรมของทุกท่านครับ

สำหรับผมคิดว่า ในเบื้องต้น เรื่องของความรู้สึก น่าจะรู้สึกได้ว่าเราน่าจะอยู่ในภาวะไหนแล้ว

เมื่อเราพิจารณาธรรมของตนและภาวะจิตใจของตนเองแล้ว เช่น เมื่อพิจารณาไปถึงภพภูมิที่จะไป เมื่อคิดไปถึงนรก ก็ไม่รู้สึกว่าเราจะต้องไปนรก มันไม่เห็นความจำเป็นหรือกรรมที่จะนำเราไป ไม่ใช่ว่าที่ไม่ไปเพราะไม่อยากไป แต่มันไม่เห็นว่าทำไมเราจะต้องไป หรือสวรรค์ก็เช่นกัน

ผมไม่ได้สนใจว่าตัวเองถึงไหนอย่างไร แต่ผมสนใจว่า ที่ปฏิบัติมาผมขัดเกลากิเลสไปแค่ไหนแล้ว และจะทำอย่างไรต่อไป ถ้ายังไม่ดี ทำยังไงให้ดี

ตั้งใจที่จะทำให้ถึง แต่ไม่ได้อยากเป็น

ขอโทษด้วยครับ แค่ความคิดเห็น ไม่ใช่ความรู้ครับ

เจริญในธรรมครับ

 

กระทู้นี้ มีดี มีสาระ

ฟันธงอีกทีครับ

 

คนสมัยนี้ มักจะหลงเชื่ออย่างงมงาย
มีแต่ศรัทธาแต่ขาดปัญญาใคร่ครวญพิจารณาประกอบ
เพราะขาดหลักใจ ในการพิจารณาหลักเหตุผลแห่งธรรมนั้นๆ

เรื่อง ที่เป็นปัจจัตตัง ยากเกินวิสัยปุถุชนจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งถ่องแท้
หากผู้ที่มีลักษณะน่าศรัทธา น่าเชื่อถือ มาเป็นผู้พยากรณ์ในตัวเรา

เช่น "ดักทักสภาวะจิตใจ" และ "การพยากรณ์ภูมิธรรม" แก่เรา ว่าเป็นโสดาบัน
โดยเฉพาะ "เรื่องยกยอปอปั้น" ที่เป็นจุดอ่อน ของคนที่ไม่มีหลักใจที่มั่นคง
เมื่อมีผู้มาพยากรณ์ยกยอเรา เราย่อมคิดเข้่าข้างตนเอง
โดยลืมไป เราเองมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่
เช่น ศีลห้าของเราบริบูรณ์หรือไม่ ทำสมาธิให้ใจตนสงบได้หรือยัง หรือยังฟุ้งซ่านอยู่

ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ผู้พยากรณ์ไม่ได้ภูมิธรรม แต่อย่างใด
ใช้หลักจิตวิทยา และใช้จุดอ่อนของผู้ที่ไม่มีหลักใจ มายกยอให้เราหลงเชื่อ

พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอน เรื่อง อจินไตย ไม่ใช่วิสัยของปุถุชนคนธรรมดา
เป็นสิ่งที่เกินกว่าปุถุชนจะจินตนาการให้เข้าใจได้ ไม่สามารถเข้าใจด้วยการคิด...
โดยเฉพาะการพยากรณ์ภูมิธรรม เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ได้ เท่านั้น


หากเรามีหลักใจในการภาวนา
จิตที่สงบตั้งมั่น จะเป็นประจักษ์พยาน ให้เราทราบรสแห่งธรรม
เราจะแจ้งเข้าใจเป็นลำดับ ธรรมที่เกิดแก่เรา เป็นสันทิฏฐิโก

 

อนุโมทนาในธรรมคุณ อโศ ด้วยครับ

หนักแน่น และ ชัดเจนทุกครั้งเลย

อ่านแล้วกระเทือนใจดีมากครับ

 

ทำความดีต่อนะคราบ เป้าหมาย ประหารกิเลสไห้หมดจากใจ

ไม่ต้องไปฟัง เสียง นก เสียงกา เสียงไก่

..ฟันธงคราบ

 

หมอดู VS นักปฏิบัติกรรมฐาน
ฮา..มาก

ไม่มีอาชีพอื่นอีกแล้วหรือยังไงกัน หลงแต่ตัวยังไม่พอ พาผู้คนหลงไปด้วย
บาป บุญ แยกเป็นแต่ไม่แยก เพราะท้องกูมันหิว รถกูอยากได้ บ้านกูอยากมี
กูจำต้องหากินกับคนโง่อยู่ร่ำไป ปากมีไว้เปล่งเสียง สมองมีไว้ลำดับพยางค์
แต่ไม่มีสามัญสำนึกในการประกอบอาชีวะ หากินด้วยปากที่สั่งการด้วยสมองที่เต็มไปด้วยเดรัจฉานวิชา หาช่องมุดช่องรอด ใช้ศัพท์และวลีในการหากินในการหาเลี้ยงตน

 

เท่าที่ได้ยินมาไม่ใช่แบบนั้น น้า พระโสดาบันคงไม่เกี่ยวหรอก พระโสดาบันคนธรรมดาเป็นได้ มีครอบครัวได้ มีความอยากมีได้ และอื่นเท่าที่ได้ยินมา แต่ไม่น่าใช่ตายภายใน 7 วัน มั้ง... ต้องถามผู้รู้แล้วล่ะ ถ้าหากธรรมะน่ากลัวขนาดนี้ใครจะอยากปฏิบัติละครับ ผมว่าที่ตายใน 7 วันนี่จะเป็นขั้นสำเร็จแล้วนะ เพราะทนอยู่ร่วมโลกกับมนุษย์ไม่ไหว หากไม่ได้บวช แต่โสดาบันนี่ไม่น่าใช่นะครับ วอนผู้รู้ ช่วยอธิบายเกี่ยวกับเรื่องโสดาบันทีครับ เพื่อที่เป็นธรรมะทานแก่ผู้ที่ไม่รู้จะได้เข้าใจ

 

ต้องบรรลุอรหันต์ครับ ถึงจะต้องตายภายใน 7 วัน ถ้าไม่บวชครับ

ข้อมูลนี้เชื่อได้ 100% ครับ

 

มนุษย์เมื่อมีภัยคุกคามแล้ว ก็ถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้บ้าง อารามและรุกขเจดีย์บ้าง เป็นสรณะ

พระโสดาบันท่านไม่เชื่อมงคลตื่นข่าวแล้ว ไม่ลูบคลำในศีลสมมติ ท่านเชื่อมั่นในศีลอริยที่บริสุทธิ์ แล้ว จึงตัดนิวรณ์เครื่องปิดกั้นขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิดโอกาสให้ทำความดี
ได้อย่างเด็ดขาด จิตของพระโสดาบัน ยอมรับว่าร่างกายไม่มีในเราจึงละสักกายทิฏฐิ เรื่องความเห็นที่ผิดๆได้ว่ารูปที่มาในที่ไกล ตลอด รูปที่มีมาในที่ใกล้ เป็นเราเป็นของๆเรา
สิ่งเหล่านี้พระโสดาบันท่านละความยึดมั่นถือมั่นในตัวในตนได้แล้ว งานต่อไปของพระโสดาบัน เมื่อท่านละรูปได้
ยังต้องละนามในลำดับต่อไป เมื่อสามารถละรูปนามได้หมดจากตัวหลง นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

คนนี้เขาเป็นใคร โสดาปฏิมรรคนะ อย่างน้อย
(โปรดไช้วิจรณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร)
คอนเฟิร์มคราบ..

 

ไม่มีอาชีพอื่นอีกแล้วหรือยังไงกัน หลงแต่ตัวยังไม่พอ พาผู้คนหลงไปด้วย

สาธุ ถูกต้อง คอนเฟริ์ม ฟันธง

 

ไม่ได้ว่าไครนะครับ แต่ที่ผมเป็นอยู่คือถ้าเรื่องงาน ผมจะจริงจังและค้อนข้างแรงมาก ไม่สนใจอะไร แต่ถ้าเรื่องธรรมผมจะไม่กล้าว่าไครถ้าไครดีผมก็ยินดีด้วยผมได้บุญครับ แต่ถ้าเขาไม่ดีบอกกล่าวไม่ได้ก็มองดูอย่างเดียว ถ้าไปว่าเขาถ้าเขาไม่ใช้อย่างที่เราเห็นเขามีอะไรทีดีแต่เราไม่รู้ ไปว่าเขา บาปนั้นแม้ความดีที่สะสมมาก็ไม่สามารถช่วยได้น่าเสียดาย อย่า่เชื่อที่ผมพูดนะครับ ขอให้ใช้ปัญญาพิจารณา ผมก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ที่เขียนมาอยากให้คนทำความดีอย่าท้อ เท่านั้น แต่บารมีผมไม่ถึง รอวันที่ถึงแล้วจะพูดได้อย่างมั่นใจ วันที่ผมออกบวชแล้วไปอยู่ในป่า ถ้าไม่พบธรรมจะไม่ออกมา วันไดพบแล้วจะออกมาโปรดญาติโยมที่ยังมีดวงตาเห็นธรรม นี่คือจุดมุ่งหมายครับ แต่จากใจจริงลยไม่อยากยุ่งกับคน เพราะมนุษย์ไม่ฉลาดเลยที่ผมมองนะ ผมเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขา แต่ดีที่ผมมองเห็นได้และกำลังจะแยกออกมา เพื่อทำความจริงที่พระพุทธเจ้าท่านสอน โชคดีจริงๆที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ที่มีคำสอนของศาสดาอยู่ครบ ผมจะไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไปครับ หาคนอ่านที่จะเข้าใจ ขนาดคนในครอบครัวผมยังไม่เข้าใจเลย ได้แต่มองดูพวกมนุษย์เขาไม่รู้และเสียเวลาเสียโอกาสดีๆไป เล่าอีกนิดนะครับ อ.จตุพร บอกว่าผมเลือกเกิดได้ ถ้าเลือกเกิดได้จริงผมจะมาเกิดเป็นคนของพุทธศาสนาจนกว่าจะไม่มีพุทธศาสนาอยู่แล้ว และจะรอพุทธศาสนามาอุบัติในทุกชาติไปครับ สาธุ